รีวิวฉบับที่ 1155 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการบ้านเดี่ยวช่วงต้นลาดพร้าวกันนะคะ จะเห็นว่านานทีปีหนจะมีโครงการบ้านเดี่ยวอยู่ในช่วงต้นลาดพร้าวแบบนี้ให้เห็นกัน สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวในย่านนี้ที่มีพร้อมทั้ง Club House และสวนสาธารณะ อยู่ในช่วงราคาตั้งแต่ 15.9 – 25 ล้านบาท ตามมาอ่านรีวิวฉบับนี้กันเลยค่ะกับโครงการ The Gallery House Pattern บ้านเดี่ยว 2 และ 3 ชั้น ในซอยลาดพร้าว 1 แยก 31 จาก G Land Property ค่ะ ^^

 

Fact @ 18 August 2016

  • The Gallery House Pattern (เดอะ แกลเลอรี่ เฮ้าส์ แพทเทิร์น)
  • บริษัท จี แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : จตุจักร
  • เนื้อที่โครงการ 8-1-84 ไร่ จำนวน 40 ยูนิต
  • Predo ที่ดินเริ่มต้น 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 285 ตร.ม. 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 15.9 ล้านบาท
  • Motivo ที่ดินเริ่มต้น 53 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 350 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 17.9 ล้านบาท
  • ราคาเริ่มต้น 15.9 ล้านบาท
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 130,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : มกราคม 2559
  • เวปไซต์โครงการ : (คลิกที่นี่)
  • โทร : 087-989-8881

Update 12 July 2018

  • Predo ที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 277 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท
  • Motivo ที่ดินเริ่มต้น 53.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 352 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 23 ล้านบาท
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 190,000 บาท

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.820296, 100.573396

ที่ตั้งของโครงการ The Gallery House Pattern ตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าวมุ่งหน้าบางกะปิ ในซอยลาดพร้าว 1 อยู่ระหว่างห้าแยกลาดพร้าวและแยกรัชดา-ลาดพร้าว เข้าลาดพร้าวซอย 1 ที่อยู่หลัง Union Mall ไปตามทางประมาณ 1.7 กิโลเมตร จะเจอซอยลาดพร้าว 1 แยก 31 อยู่ด้านซ้ายมือ และต้องเข้าซอยลาดพร้าว 1 แยก 31 ไปอีก 240 เมตร จะเจอทางเข้าโครงการ The Gallery House เฟส 1 อยู่ซ้ายมือ ให้ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายที่ซอยส่วนบุคคล เข้าไปอีกประมาณ 55 เมตรจะเห็นโครงการอยู่ทางด้านหน้า มีสถานีรถไฟใต้ดิน MRT พหลโยธิน อยู่ที่หัวมุมห้าแยกลาดพร้าว  MRT ลาดพร้าว อยู่ไม่ไกลจากปากซอยลาดพร้าว 15 และอีกไม่ไกลเป็นสถานีรถไฟใต้ดิน MRT สวนจตุจักรที่เป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีศูนย์การค้าทั้งเล็กและใหญ่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร

ถึงแม้ว่าตำแหน่งโครงการจะตั้งอยู่ระหว่างถนนใหญ่หลายเส้น และเข้าซอยไปลึกมากไม่อยู่ในระยะเดินได้ แต่ในบริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ The Gallery House Pattern มีความเจริญสูงไม่ว่าจะเป็นถนนวิภาวดีรังสิตจนไปถึงห้าแยกลาดพร้าว ที่มีอาคารสำนักงานหลายแห่ง ศูนย์การค้า โรงเรียน สวนสาธารณะและทางขึ้น-ลงทางด่วนโทลล์เวย์ รวมไปถึงถนนลาดพร้าวที่เป็นถนนเส้นยาวไปจนถึงบางกะปิ ที่ขึ้นชื่อเรี่องของปริมาณรถมากตลอดวัน สิ่งปลูกสร้างมีทั้งอาคารสำนักงาน, คอนโดมิเนียมติดถนนใหญ่ รวมไปถึงบ้านพักอาศัย และมีซอยลัดย่อยต่างๆเชื่อมถนนใหญ่เข้าด้วยกันภายในพื้นที่

ริมถนนใหญ่อย่างเส้นลาดพร้าวเป็นทำเลที่นิยมสร้างโครงการคอนโด High Rise ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ในซอยต่างๆถึงจะเป็นคอนโด Low Rise เหตุที่ไม่ค่อยมีนิยมทำเป็นโครงการแนวราบเนื่องจากอยู่ภายในเส้นของระบบขนส่งสาธารณะ และพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ราคาที่ขึ้นสูง อย่าง MRT ลาดพร้าว ตัวสถานีอยู่ไม่ไกลจากปากซอยลาดพร้าว 15 จะเป็นสถานีขนส่งสาธารณะที่ใกล้โครงการมากที่สุด ในระยะประมาณ 2 กิโลเมตรถึงโครงการ ไม่อยู่ในระยะเดิน แต่มีพี่วินให้บริการอยู่ทั้งหน้าตัวสถานีและในซอยลาดพร้าว 15 และอีกจุดนึงคือ MRT พหลโยธิน ที่อยู่ตรงห้าแยกลาดพร้าวที่สามารถเข้าได้จากซอยลาดพร้าว 1 เช่นกัน ถัดจาก MRT พหลโยธินจะเป็นสถานี Interchange ที่สถานี MRT จตุจักร เพื่อเปลี่ยนไปยังสถานี BTS หมอชิต สายสีเขียวได้อีกด้วย

ดังนั้นลูกบ้านส่วนใหญ่จะต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางประจำวัน และจะอาศัยถนนหลักในการเดินรถ แต่การที่ใช้แค่ถนนใหญ่อย่างเดียวจะทำให้หลีกเลี่ยงรถติดได้ยาก โดยเฉพาะถนนลาดพร้าวที่เป็นถนนตรงยาวมาตั้งแต่สวนจตุจักรเรื่อยไปเรื่อยๆจนถึงแถวบางกะปิ ดังนั้นช่วงเช้า-เย็นจะทำให้ปริมาณรถบนถนนหนาแน่นมาก เพราะต่างจะมุ่งหน้ากลับบ้านกัน โดยเฉพาะทุกแยกไฟเขียวไฟแดงและทางกลับรถที่มีอยู่เป็นระยะๆ ดังนั้นจะแนะนำให้ใช้ถนนรัชดาภิเษก ที่มีทางกลับรถน้อยกว่า และมีทางลัดเข้าซอยได้เช่นกันที่ซอยข้างศาลอาญา เส้นทางการเดินรถรอบโครงการสามารถไปได้ทั้ง เข้า-ออกนอกเมืองด้วยการใช้โทลล์เวย์ หรือทางด่วนศรีรัชที่มีทางขึ้นทางด่วนอยู่บนถนนกำแพงเพชรข้างตลาดอตก. หรือไปยังฝั่งธนฯด้วยการใช้เส้นรัชดาผ่านวงศ์สว่างไปเรื่อยๆขึ้นสะพานพระราม 7

การเข้าถึงโครงการจากถนนใหญ่ สามารถทำได้จากหลายเส้นทางมาก ตั้งแต่เข้าซอยลาดพร้าว 1, ซอยลาดพร้าว 15, ซอยพหลโยธิน 24 หรือซอยข้างศาลอาญา โดยทั้งสามทางแรกจะเข้ามาทางซอยลาดพร้าว 1 ลึกเข้ามาเรื่อยๆ แต่หากมาจากทางซอยข้างศาลอาญาจะตัดเข้าทางซอยลาดพร้าว 1 ด้านหลังโดยจะเข้าซอยลาดพร้าว 1 แยก 31 เหมือนกันหมด ลึกประมาณ 240 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าซอยส่วนบุคคลไปประมาณ 55 เมตรจะถึงโครงการ บริเวณรอบโครงการจะมี The Gallery House โครงการที่ 1 และ 2 รวมทั้งบ้านเดี่ยวพักอาศัยสูง 1-2 ชั้น ที่ร่วมกันใช้ถนนส่วนบุคคลด้วยกันอยู่

ด้วยความสามารถในการเข้าออกของโครงการทำได้จากถนนใหญ่หลายสายล้อมกรอบกันเป็นสามเหลี่ยม ไม่ว่าจะเป็นถนนพหลโยธินทางตะวันตก, ถนนรัชดาภิเษกทางด้านตะวันออก หรือถนนลาดพร้าวฝั่งใต้ และซอยหลบหลีกรถติดย่อยๆอีกมากมาย ทำให้เราตัดสินใจจะแบ่งการแนะนำเส้นทางออกตามถนนใหญ่เส้นต่างๆ

เส้นทาง A คือทางจากถนนพหลโยธินมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว เข้าซอยพหลโยธิน 24 อยู่ทางด้านซ้ายมือ ซอยก่อนถึงโรงเรียนสตรีวรนาถบางเขน เข้าซอยมาประมาณ 100 เมตร เลี้ยวขวาที่ซอยพหลโยธิน 24 แยก 2 เข้าตามทางมาเรื่อยๆอีก 900 เมตร จะมาบรรจบกับซอยลาดพร้าว 1 เลี้ยวซ้าย และต้องไปตามทางอีก 750 เมตร จึงจะเห็นซอยลาดพร้าว 1 แยก 31 อยู่ทางซ้ายมือประมาณ 240 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าซอยส่วนบุคคลไปประมาณ 55 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านหน้า

ข้อดีของทางเข้าซอยเสนานิคมนี้คือ ถ้ามาจากทางแยกรัชโยธินสามารถเข้าเลี้ยวซ้ายเข้าซอยได้เลย แต่ถ้ามาจากห้าแยกลาดพร้าวเข้าถนนพหลโยธิน โดยหวังว่าจะไปกลับรถหน้ากองปราบปราม จะไม่ทันเข้าตัวซอย ต้องไปกลับรถที่แยกรัชโยธินที่มีปริมาณมาก แต่ไม่ต้องไปติดที่ห้าแยกลาดพร้าวเข้าเส้นลาดพร้าวโดยตรง ไม่ต้องลุ้นช่วงเวลารถติดของถนนลาดพร้าว หรือไปอ้อมที่ถนนรัชดาภิเษกอีกด้วย

เส้นทาง B คือเส้นทางการเข้าถีงโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่กลับจากศูนย์การค้าแถวห้าแยกลาดพร้าว หรือต้องการเลี่ยงรถติดบนถนนใหญ่ลาดพร้าว แต่ระยะทางที่ลัดในซอยใกล้เคียงกับการใช้ถนนใหญ่ คือให้ตัดเข้าซอยลาดพร้าว 1 ที่เป็นซอยถัดไปจาก Union Mall ทางด้านซ้ายมือ ตรงไปเรื่อยๆตามทางประมาณ 600 เมตร แล้วเลี้ยวขวา ยังคงเป็นซอยลาดพร้าว 1 อยู่เหมือนเดิม เข้าไปอีกประมาณ 1.1 กิโลเมตร จะเจอซอยลาดพร้าว 1 แยก 31 อยู่ทางซ้ายมือประมาณ 240 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าซอยส่วนบุคคลไปประมาณ 55 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านหน้า

เส้นทาง C ที่เป็นเส้นทางแนะนำ โดยเส้นทางแนะนำวันนี้มี 2 เส้นทาง เส้นทางแรก คือเส้นทางที่เหมาะสำหรับคนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ หรือในที่นี้คือรถไฟใต้ดิน MRT สถานีลาดพร้าว ที่เป็นสถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุด อยู่ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 15 เส้นทางเข้าค่อนข้างคดเดี้ยว และใช้ความสามารถของทางลัดเข้า-ออกมากที่สุด การหาพี่วิน สามารถหาได้ในระยะเดิน ระหว่างสถานีและปากซอยลาดพร้าว 15 มีร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้ออยู่ตามทาง ทำให้คึกคักพอสมควร ไม่น่ากลัวเวลากลางคืน

เร่ิมจากลง MRT ลาดพร้าว ทางออกที่ 3 เลี้ยวขวาเดินตามทางเท้ามาเรื่อยๆจะเจอซอยลาดพร้าว 15 อยู่ทางขวามือ ในระยะประมาณ 100 เมตร เข้าซอยลาดพร้าว 15 ไปประมาณ 80 เมตร เลี้ยวซ้ายเข้าที่ซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 ตรงไปเรื่อยๆตามทาง 900 เมตร จะไปบรรจบกับ ซอยลาดพร้าว 1 แยก 10 เข้าไปอีก 220 เมตร จึงจะถึงซอยลาดพร้าว 1 หัวมุมมี 7-11 เลี้ยวขวา แล้วตรงไป 800 เมตร จึงจะเห็นซอยลาดพร้าว 1 แยก 31 อยู่ทางซ้ายมือประมาณ 240 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าซอยส่วนบุคคลไปประมาณ 55 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านหน้า

เส้นทาง D เป็นเส้นทางที่ไม่ได้อยู่ในแผนที่โครงการ แต่เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับคนใช้รถยนต์ส่วนบุคคลที่สุด เพราะเป็นทางที่ใกล้กับถนนใหญ่อย่างถนนรัชดาภิเษกที่รถเคลื่อนตัวได้เร็วกว่าเส้นทางอื่นๆ โดยมีระยะเพียง 500 เมตร จากปากซอยข้างศาลอาญาถึงตัวโครงการ มีความซับซ้อนน้อยที่สุด แต่เส้นทางแคบมาก และไม่แนะนำสำหรับเวลากลางคืน หรือคนที่ขับรถคันใหญ่

เร่ิมจากซอยข้างศาลอาญา ที่อยู่บนถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าแยกรัชโยธิน ซอยนี้เป็นซอยเล็กเดินรถได้ทีละคัน แต่เข้า-ออกได้ทั้งสองทาง อยู่หลังปั้มน้ำมันปตท.ที่อยู่ภายในพื้นที่ศาลอาญา เข้าซอยมาประมาณ 50 เมตรจะบังคับเลี้ยวขวาไปตามทางอีก 80 เมตร เลี้ยวซ้าย จะเข้าถนนซอยลาดพร้าว 1 จากทางด้านหลัง ตรงไปประมาณ 65 เมตร จึงจะเห็นซอยลาดพร้าว 1 แยก 31 อยู่ทางซ้ายมือประมาณ 240 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าซอยส่วนบุคคลไปประมาณ 55 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านหน้า

การเดินทางในวันนี้ของเราจะเริ่มต้นจากถนนพหลโยธินมุ่งหน้าไปยังห้าแยกลาดพร้าว จากนั้นเลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าวและเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาดพร้าว 1 ใกล้ Union Mall ลึกเข้าไปประมาณ 2 กม. โครงการจะอยู่ในซอยลาดพร้าว 1 แยก 31 ค่ะ ซึ่งเส้นทางนี้จะเหมาะกับคนที่ทำงานจากในเมืองเป็นหลักนะคะ

เริ่มต้นกันบนถนนพหลโยธิน เลยสถานีหมอชิตมาแล้ว มุ่งหน้าไปยังห้าแยกลาดพร้าว ด้านข้างจะเป็นสวนจตุจักรค่ะ โดยเราจะเข้าเลนรองจากเลยซ้ายสุดเพื่อวิ่งเข้าเส้นลาดพร้าวกันนะคะ

ผ่านห้าแยกมาแล้วก่อนถึงเซ็นทรัลลาดพร้าวเราจะเบี่ยงเลนซ้ายขึ้นสะพานกลับรถไปวนลงถนนลาดพร้าวกันค่ะ

ลงสะพานมาด้านข้างก็จะเห็น Union Mall แล้ว เป็นห้างขายเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูก และมีร้านอาหารอีกเพียบ ซึ่งเป็นห้างที่อยู่หน้าปากซอยทางเข้าโครงการนะคะ ใครวันหยุดไม่อยากไปไหนไกลก็สามารถขับรถออกจากบ้านมาหน้าปากซอยก็สามารถช็อปปิ้งหรือมาเดินเล่นตากแอร์ก็ได้แล้วค่ะ ^^

ผ่าน Union Mall มา ซอยแรกเลยคือลาดพร้าวซอย 1 เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเลยค่ะ

บรรยากาศแถวหน้าปากซอยจะค่อนข้างคึกคักทีเดียวค่ะ จะเห็นว่ามีทั้งร้านอาหารใต้อาคารพาณิชย์ เต้นท์อาหาร ตลอดจนร้านรถเข็น ให้แวะกินข้าวหรือซื้อกับข้าวเข้าบ้านกันได้ ราคาอาหารแถบนี้ก็จะเน้นไปที่ราคาย่อมเยาสบายกระเป๋าค่ะ ส่วนถนนในซอยนี้จะเป็นถนนขนาดเล็กๆ 2 เลนสวนทางกัน และข้างทางก็มีทั้งรถเข็นริมถนนและคนเดินทำให้เวลาขับรถก็ต้องชะลอๆ กันไปหน่อยนะคะ

จากนั้นเลี้ยวซ้ายลึกเข้ามาอีกหน่อย ความคึกคักจากร้านขายของ ขายอาหารข้างทางก็จะซาลงไปเยอะ จะเริ่มเห็นหอพัก อพาร์ทเม้นท์ และคอนโดขึ้นให้เห็นมากขึ้น

ตลอดทางของถนนเราก็จะเห็นพี่วินคอยให้บริการตลอด ซึ่งก็จะเห็นจุดบริการของพี่วินในซอยนี้อยู่หลายจุดนะคะ สำหรับใครไม่ได้ขับรถก็สามารถใช้บริการพี่วินมาลงหน้าปากซอยแล้วขึ้น MRT ได้เลย

ตรงมาอีกหน่อยจะเห็นซอยพหลโยธิน 24 แยก 2 ที่มาเชื่อมกับลาดพร้าวซอย 1 นี้นะคะ เป็นซอยที่สามารถลัดไปออกถนนพหลโยธินระหว่างห้าแยกลาดพร้าวและแยกรัชโยธินได้ค่ะ

ขับตรงมาตามทางของซอยลาดพร้าว 1 นะคะ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าซอยญาณิศรา

บรรยากาศในซอยลึกเข้าไปประมาณ 2 กม. ใกล้ย่านรัชดาภิเษกแล้ว ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวทั้งเล็กและใหญ่ ทำให้ค่อนข้างเงียบสงบพอสมควร

ตรงมาอีกหน่อยก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าลาดพร้าวซอย 1 แยก 31 จะมีร้านอาหารตามสั่งซึ่งเป็นร้านที่ใกล้โครงการมากที่สุดสามารถเดินออกมากินข้าวได้เลย

สภาพแวดล้อมภายในซอยลาดพร้าวซอย 1 แยก 31 สองข้างทางก็จะมีพื้นที่ดินว่างและบ้านเดี่ยวสลับกันไป รวมทั้งเป็นซอยตันไม่สามารถทะลุไปถึงซอยอื่นๆได้ ทำให้บรรยากาศในแยกนี้เงียบสงบเป็นส่วนตัวพอสมควรค่ะ เราจะตรงเข้าไปจนสุดซอยนะคะ ก็จะถึงทางเข้าของโครงการแล้วค่ะ

และแล้วหน้าทางเข้าหลักของโครงการแล้วนะคะ ซึ่งจะเป็นทางเข้าร่วมกันกับโครงการแรก (The Gallery House) และโครงการที่ 2 (The Gallery House Layer) ด้วย

ด้านขวาของทางเข้าจะเป็นที่จอดรถของผู้ที่มาติดต่อ แขก และพนักงานนิติบุคคลค่ะ มีช่องจอดรถประมาณ 8 ช่อง

ซ้ายมือจะเป็นทางเข้าของโครงการ The Gallery House ที่เปิดให้ลูกบ้านเข้าอยู่ได้สักพักหนึ่งแล้ว ส่วนทางเข้าโครงการเราจะไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวซ้าย

เมื่อเลี้ยวมาแล้วจะเป็นซอยส่วนบุคคลที่มีความกว้าง 8 เมตร ด้านขวามีบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่อยู่ 2 แปลง ซึ่งเป็นบ้านของบุคคลอื่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการแต่จะใช้ถนนร่วมกัน ในลักษณะถนนภาระจำยอม ตลอดสองข้างนี้จะตกแต่งด้วยต้นไม้พุ่มที่ปล่อยสูงตามความสูงรั้ว และไฟสนามตั้งเป็นระยะๆ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บริเวณรอบโครงการจะเห็นว่ามีโครงการชื่อเดียวกันก่อนหน้าเปิดมาแล้ว 2 โครงการ โดยโครงการนี้จะเป็นโครงการที่ 3 ซึ่งมีพื้นที่ดินเยอะที่สุดอยู่ที่ประมาณ 8 ไร่กว่า ด้านหน้าโครงการติดกับบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 2 แปลง ซึ่งเป็นบ้านบุคคลอื่นและด้านหลังติดกับที่ดินเปล่าค่ะ ซึ่งบรรยากาศแถบนี้จะค่อนข้างสงบ ไม่มีรถขับพลุกพล่านเพราะไม่ได้เป็นทางผ่านที่นิยมใช้กัน เหมาะกับการทำเป็นที่อยู่อาศัย และที่ดินว่างด้านหลังก็มีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นโครงการที่อยู่อาศัยได้สูง เพราะอยู่ในระยะที่มีความเจริญและมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ศาลอาญา 550 เมตร
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม 650 เมตร  (2.9 กิโลเมตร ในระยะกลับรถ)
  • กรมส่งเสริมการส่งออก 1.1 กิโลเมตร
  • อาคารจอดแล้วจร ที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว 1.7 กิโลเมตร
  • ตึกช้าง 1.8 กิโลเมตร
  • สวนลุมไนท์ฯ ที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว 1.9 กิโลเมตร
  • Big C Extra 2.0 กิโลเมตร
  • Major รัชโยธิน 2.0 กิโลเมตร
  • ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ SCB Park 2.1 กิโลเมตร
  • Union Mall 2.1 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus 2.2 กิโลเมตร
  • Central ลาดพร้าว 2.3 กิโลเมตร
  • โรงเรียนหอวัง 2.3 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเซนต์จอห์น 2.4 กิโลเมตร
  • โรงเรียนปัญจทรัพย์ 2.6 กิโลเมตร
  • สวนสาธารณะจตุจักร 2.7 กิโลเมตร
  • โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค 2.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลเมโย 3.2 กิโลเมตร

 

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Gallery House Pattern เป็นโครงการที่ 3 ล่าสุด ภายใต้แบรนด์ The Gallery House จาก G Land Property ขนาดของโครงการนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นจากโครงการก่อนหน้าทั้ง 2 โครงการ โดยโครงการนี้ใช้ที่ดินทั้งหมด 8 ไร่กว่าและมีทั้งหมด 40 ยูนิตค่ะ การเข้า-ออกโครงการไปยังถนนลาดพร้าวซอย 1 แยก 31 นั้นจะต้องใช้ถนนร่วมกันกับโครงการทั้ง 3 โครงการของ G Land นะคะ และค่อยแยกส่วนทางเข้า-ออกโครงการกันอีกทีค่ะ

การจัดผังของโครงการ ด้านหน้าจะเป็นส่วน Club House ก่อน จากนั้นจะเข้าสู่ภายในโครงการซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนไฟฟ้า ใช้ระบบ Key Card Access ถนนหลัก มีเพียงถนนเดียวตัดจากหน้าโครงการ ผ่านสวนหย่อมไปจนถึงด้านหลังโครงการ และแบ่งเป็นซอยย่อย 4 ซอย โดยซอยฝั่งซ้ายมือจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าด้วยจำนวนยูนิตที่น้อยกว่า เพียงซอยละ 4 ยูนิตค่ะ ส่วนความกว้างของถนนหลักและถนนย่อยมีความกว้างเท่ากันคือ 9 ม. แบบบ้านของโครงการนี้มีทั้งหมด 2 Type คือบ้าน 3 ชั้น 15 ยูนิต และบ้าน 2 ชั้น 25 ยูนิตค่ะ

การวางตำแหน่งหน้าบ้านจะวางในทิศเหนือ-ใต้ ซึ่งก็จะมีข้อดีแตกต่างกันไปนะคะ แล้วแต่เราให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากกว่าอย่างบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ ข้อดีคือหน้าบ้านไม่โดดแดดตลอดบ่ายและไม่อมความร้อน ส่วนทิศใต้จะได้เปรียบในเรื่องของลมที่พัดผ่านหน้าบ้านได้ดีค่ะ

เริ่มจากหน้าโครงการกันนะคะ บริเวณด้านหน้าจะเป็นส่วน Club House ที่ให้ลูกบ้านในโครงการนี้ใช้เท่านั้นนะคะ ส่วนลูกบ้านในโครงการก่อนหน้า 2 โครงการจะไม่สามารถเข้ามาใช้ร่วมกันได้ นอกจากส่วน Club House นี้ก็จะมีสวนหย่อมภายในโครงการที่ทางโครงการทำให้เป็น Facilities ของโครงการนี้ค่ะ ซึ่งในทำเลต้นลาดพร้าว-รัขดากับบ้านราคา 10 – 20 ล้าน และได้ Facilities ครบก็ถือว่าหาได้ยากพอสมควร ว่ากันต่อที่หน้าตาของ Club House ออกแบบมาดูโฉบเฉี่ยวและมีความ Modern ชัดเจน ใช้แผ่นหินแท้ทำเป็น Pattern ตามแนวคิดของโครงการ ซึ่งนอกจากจะเห็นที่ Club House แล้ว เดี๋ยวเราก็จะได้เห็นกันในการตกแต่ง Exterior ของตัวบ้านด้วยค่ะ

ชั้นล่างทำเป็น Coffee House สำหรับลูกบ้านมานั่งเล่นชิลๆ ดื่มชา กาแฟ กันได้

ด้านข้าง Coffee House เป็นพื้นที่ Outdoor เล็กๆ ไม่ได้วางเฟอร์นิเจอร์อะไรค่ะ แนะนำว่าวางเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้เพิ่มในส่วนนี้ก็ดีนะคะ รองรับลูกบ้านมากินกาแฟ หรือนั่งเล่นชิลๆ ตรงนี้ได้เลย

บรรยากาศภายใน Coffee House เป็นพื้นที่ขนาดเล็กๆ มีชุดเก้าอี้รับรองอยู่ 2-3 ชุด อีกด้านเป็น Pantry ทำเครื่องดื่มค่ะ สำหรับฟังก์ชันของ Coffee House นี้ก็จะคล้ายคลึงกับส่วน Lobby ค่ะ เป็นจุดนัดพบกับแขกที่เข้ามาติดต่อได้โดยไม่ต้องเชิญแขกเข้าบ้าน หรือจะนัดลูกค้าคุยกันก็สะดวกดีค่ะ

เดินไปด้านหลัง Club House

ในส่วนด้านหลัง Club House จะเป็นส่วนสระว่ายน้ำในร่ม มีพื้นที่ด้านข้างเล็กน้อยวางโต๊ะโกล์วไว้ให้ 1 ตัว

สระว่ายน้ำจะยกระดับสูงขึ้นมาหน่อยจากพื้น และวางงานระบบไว้ด้านล่างสระ สระว่ายน้ำนี้เป็นสระแบบ Semi-Outdoor ระบบเกลือ สาวๆ หลายคนคงชอบเพราะเป็นสระในร่มจะว่ายน้ำตอนกลางวันยังได้ไม่ต้องกลัวดำหรือรอว่ายช่วงเช้าหรือเย็นเท่านั้นค่ะ สระว่ายน้ำมีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนักมีเพียงสระเดียวแต่มีการกั้นพื้นที่ไว้โดยแบ่งเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ สำหรับสระผู้ใหญ่มีขนาด 6.5 x 4 ม. เป็นขนาดที่เล็กมาก เหมาะกับการแช่น้ำมากกว่าออกกำลังกาย แต่ดีที่มี Swim Jet มาให้ ทำให้สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้แม้จะมีพื้นที่เล็ก ส่วนสระเด็กนั้นมีขนาด 2.5 x 3 ม. ค่ะ

ส่วนชั้นบนเป็นส่วน Fitness ค่ะ เดี๋ยวเดินดูชั้นล่างกันครบก่อนแล้วจะพาเดินไปดูชั้นบนกันต่อนะคะ

หันหลังกลับจากส่วนสระว่ายน้ำจะเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำแยกชาย/หญิง

ขนาดห้องน้ำเล็กๆ มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้อย่างละ 1 ห้องค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 กันค่ะ ทางเดินขึ้นจะเป็นบันไดยาวแบบนี้ค่ะ เดินง่ายดี แต่ด้านข้างไม่มีราวกันตกให้นะ ถ้ามีเด็กๆ วัยกำลังซนก็อาจจะต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อย

สำหรับชั้น 2 นี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือห้องอเนกประสงค์นี้ ห้องน้ำและห้อง Fitness ค่ะ สำหรับรูปนี้คือภาพบรรยากาศห้องอเนกประสงค์นะคะ ปัจจุบันยังไม่ได้ลงเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ ส่วนฝั่งขวามือจะเป็น Kid’s Room

ห้อง Kid’s Room เป็นห้องขนาดเล็กๆ มีของเล่นจัดไว้เล็กน้อยอีกด้านของห้อง Kid’s Room เป็นห้องนิติบุคคลซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงจัดของและวางเฟอร์นิเจอร์นะคะ

ในชั้น 2 นี้ก็มีห้องน้ำแยกชาย/หญิงด้วยนะคะ เผื่อห้องน้ำชั้นล่างมีคนใช้อยู่ก็ขึ้นมาใช้ข้างบนกันได้แต่จะไม่มีห้องอาบน้ำนะ

ภายในห้องน้ำค่ะ

ไปดูห้อง Fitness กันค่ะ

ห้อง Fitness ปัจจุบันยังไม่ได้ลงเครื่องออกกำลังกายนะคะ ทางโครงการต้องการให้ลูกบ้านเริ่มเข้าอยู่กันก่อนแล้วค่อยลงเครื่องออกกำลังกายเพื่อให้เครื่องยังใหม่ๆ อยู่ค่ะ สำหรับจำนวนเครื่องออกกำลังกายจะมีให้ทั้งหมด 6 เครื่องด้วยกัน ก็ถือว่าให้มาน่าจะเพียงพอกับลูกบ้านที่มีอยู่ 40 ยูนิต

ด้านข้างประตูทางเข้าจัด Locker Built-in ไว้ให้เรียบร้อย

สุดทางห้อง Fitness เป็นพื้นที่ระเบียงค่ะ มองไปข้างล่างก็จะเป็นส่วนสระว่ายน้ำ

จาก Club House เราเข้าไปดูภายในโครงการกันต่อนะคะ บรรยกาศด้านข้างจัดสวนให้ตลอดทางดูร่มรื่นและสบายตาดีค่ะ

ทางเข้าจะเป็นซุ้มประตูสูง ส่วนประตูนั้นจะมีการเปลี่ยนเป็นประตูบานเลื่อนไฟฟ้า และใช้ระบบ Key Card Access เพื่อให้ลูกบ้านสะดวกในการเข้า-ออกมากขึ้น

ในส่วนถนนของโครงการให้เป็นพื้นคอนกรีต สแตมป์ ผสมกับพื้นทรายล้างแบบนี้ทั้งโครงการ ดูสวยงามดีค่ะ

ตรงเข้ามาหน่อยจะเห็นสวนส่วนกลางของโครงการแล้วค่ะ ส่วนถนนของโครงการนั้นจะตรงยาวไปจนสุดโครงการและตัดเป็นซอยย่อย 2 ซอยซึ่งมีความกว้างของถนน 9 ม. เท่ากันหมด

ขนาดของสวนประมาณ 115 ตร.วา จัดเป็นส่วนน้ำพุ และพื้นที่สนามหญ้าสีเขียว ด้านหลังเป็นศาลพระภูมิของโครงการ

ในส่วนของสนามหญ้านั้นทำออกมาได้ดีนะคะ บ้านไหนมีเด็กๆ ก็พามาวิ่งเล่นกันได้ ส่วนผู้ปกครองก็นั่งเล่นรอลูกได้ เพราะมีการทำที่นั่งไว้ให้เรียบร้อยเลยค่ะ รอบๆ ก็จะปลูกไม้ยืนต้นให้ดูร่มรื่นค่ะ

ความกว้างของซอยย่อยอย่างที่บอกไปก็คือ 9 ม. เป็นความกว้างที่ง่ายในการสัญจรและการถอยรถเข้า-ออกดีค่ะ ส่วนรั้วรอบโครงการนั้นเป็นรั้วกำแพงทึบสูง 3 ม. รวมกับรั้วระแนงโปร่งอีก 1 ม. เป็นความสูงทั้งหมด 4 ม.ค่ะ

 

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ แบ่งเป็นสระผู้ใหญ่ ขนาด 6.5 x 4 ม. (Swim Jet)  และสระเด็ก 2.5 x 4 ม.
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ขนาด 60 ตร.ม. ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 เครื่อง
  • สวนสาธารณะ 1 จุด ประมาณ 115 ตร.วา
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 23 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 ม.และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 1 ม.
  • Key Card Access ระยะใกล้
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Motion ทุกหลัง
  • ถนนหลักและรองกว้าง 9 ม.

 


Product Walkthrough

สำหรับโครงการนี้ตัว Products ของบ้านก็จะมีหน้าตา ผัง และฟังก์ชันที่ถูกปรับเปลี่ยนจากโครงการก่อนหน้านี้ (The Gallery House Layer) ไปพอสมควรเลยทีเดียวและยังมี Product ใหม่เพิ่มขึ้นมาก็คือ บ้านเดี่ยว 3 ชั้น Motivo ที่ดินเริ่มต้น 53 ตร.วา และมีพื้นที่ใช้สอย 350 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้นที่ 17.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านที่ตอบสนองลูกบ้านที่เป็นครอบครัวขยายขนาดใหญ่ ต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในที่มากขึ้นกว่าบ้าน 2 ชั้นขึ้นมาหน่อย ซึ่งจะมีห้องทั้งหมด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ และ 3 ที่จอดรถ  แต่อยู่ในเนื้อที่ดินที่ใกล้เคียงกันนะคะ สำหรับการออกแบบชั้นล่างจะเห็นว่าตัวบ้านไม่ได้ใหญ่มากและไม่ได้สร้างบ้านเต็มที่ดิน แต่จะทำรอบบ้านเป็นทางเดินและเฉลียงจนเต็มพื้นที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่ว่างที่สามารถจัดเป็นสวนได้มากนัก ซึ่งก็เหมาะกับคนที่ทำงานนอกบ้านไม่ได้มีเวลาดูแลสวนมากนัก และชอบบ้านที่มีพื้นที่ Outdoor เล็กๆ นั่งเล่นพักผ่อนได้ ส่วนที่เห็นบ่อน้ำด้านหลังนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ

ด้านหน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 3 คัน เข้ามาภายในบ้านชั้นแรกนี้จะมีฟังก์ชันไม่ได้มากนักและมีพื้นที่ใช้สอยในแต่ละฟังก์ชันไม่ได้เยอะเช่นเดียวกัน เข้ามาจะเป็น Foyer หรือโถงเล็กๆ สามารถทำตู้เก็บรองเท้า เข้ามาจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารก่อนและเชื่อมไปยังส่วน Pantry เตรียมอาหารเล็ก ด้านหลังเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room และห้องเก็บของ จากพื้นที่รับประทานอาหารที่อยู่หน้าบ้านนั้นก็จะเชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่นส่วนหลังบ้านนะคะ ทั้งสองฟังก์ชันนี้มีฝ้าเพดานสูงแบบ Double Floor ทำให้บริเวณนี้ดูโปร่งโล่งมากขึ้น ถัดมาคือห้องครัวซึ่งให้ Pantry และ Hob & Hood มาครบครัน ลักษณะเป็นครัวปิดที่เชื่อมกับลานซักล้างด้านหลังบ้านเป็นฟังก์ชันที่วางได้เหมาะสม ส่วนหลังบ้านนอกจากจะมีลานซักล้างแล้วยังเป็นทางเข้าห้องนอนและห้องน้ำของแม่บ้านด้วยนะคะ โดยจากห้องแม่บ้านนั้นจะเข้าสู่ตัวบ้านได้จากประตูห้องครัวหลังบ้าน ไม่มีประตูที่สามารถเข้า-ออกในตัวบ้านได้เลย ซึ่งก็สามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้สมาชิกในบ้านได้มากขึ้น

ในชั้น 2 ด้านหน้าบ้านทำเป็นห้องนอน Master Bedroom ได้ Walk in Closet และห้องน้ำในตัว ส่วนด้านหลังบ้านทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆ เชื่อมไปยังส่วนพื้นที่ซักรีดและระเบียงซักล้างที่ใช้ตากเสื้อผ้าได้อยู่หลังบ้าน ไม่ต้องซักรีดอยู่ชั้นล่างบริเวณลานด้านหลัง ทำให้สามารถใช้พื้นที่ลานด้านหลังเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้ดี ส่วนชั้น 3 เป็นชั้นห้องนอนโดยมี 3 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวทั้งหมดค่ะ สำหรับห้องนอนชั้น 3 ที่อยู่หน้าบ้านจะไม่ได้ขนาดห้องนอนใหญ่เท่าห้องนอนหลังบ้านนะคะ แต่จะได้ระเบียงหน้าบ้านยาวเลย รวมทั้งได้ช่องแสงจากหน้าบ้านมากกว่าทำให้พื้นที่ภายในห้องนอนโปร่งโล่งดีค่ะ ซึ่งโดยรวมแล้วบ้านหลังนี้มีหน้าตาและฟังก์ชันนั้นค่อนข้างตอบโจทย์คนทำงานวัยรุ่นหน่อย และไม่ได้มีสมาชิกในบ้านที่เป็นผู้สูงวัย ซึ่งจะเห็นได้จากในชั้นล่างไม่ได้ทำห้องผู้สูงอายุไว้ให้รวมทั้งห้องน้ำที่ไม่มีส่วนอาบน้ำมาให้ค่ะ

สำหรับบ้านในโครงการนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในบ้าน เพื่อยกระดับบ้านให้เป็นบ้านแบบ Smart Home มากยิ่งขึ้นนะคะ อย่างการนำนวัตกรรม Active Airflow System ด้วยระบบโซล่าร์เซลล์ จาก SCG มาใช้ในบ้าน ซึ่งระบบนี้เป็นนวัตกรรมการหมุนเวียนอากาศภายในตัวบ้านและโถงหลังคา สามารถระบายอากาศและความร้อนออกจากตัวบ้านได้อย่างดี เพิ่มความรู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น ลดการสะสมเชื้อโรคและความอับชื้นภายในบ้าน ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภูมิแพ้ได้ อีกทั้งช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ในตัวบ้าน ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าในบ้านมากขึ้นด้วยการใช้พลังงานจาก Solar Cell เป็นพลังงานหลักในการทำงานของระบบ

โดยระบบ Active Airflow System นี้จะประกอบไปด้วย

  • Intake Grille ระบบจะดึงอากาศจากภายนอกผ่านช่อง Intake Air Grille เข้ามาดันอากาศเก่าภายในบ้าน
  • Solar Panel  แผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยชุด SolarFIX ช่วยลดปัญหาหลังคารั่วซึม
  • Solar Roof Tile Ventilator ระบบระบายความร้อนในโถงหลังคา โดยการสร้างกลไลระบายอากาศและความร้อนจากโถงหลังคาให้ออกสู่ภายนอกตัวบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้อุณหภูมิในโถงหลังคาลดลง จะติดตั้งบริเวณใกล้สันหลังคา เนื่องจากเป็นบริเวณที่ร้อนที่สุด
  • Ceiling Ventilator ระบบระบายอากาศฝ้าเพดาน สร้างกลไกการระบายอากาศและความร้อนจากโถงหลังคา ให้ออกสู่ภายนอกตัวบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยให้อุณหภูมิในตัวบ้านลดลง
  • Smart Mobile Application ควบคุมระบบผ่าน Smart Mobile Application โดยพิจารณาจาก อุณหภูมิและช่วงเวลา เป็นสำคัญ

สำหรับระบบนี้ลูกบ้านสามารถเลือกได้นะคะว่าจะเอาหรือไม่เอา หากต้องการนวัตกรรม Active Airflow System นี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอยู่ที่ 150,000 บาทค่ะ

และนอกจากนี้ทางโครงการจะมี Application ที่ให้ลูกบ้านทุกหลังโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คือ ระบบ Smart Home Automation คือการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องผ่าน Application ที่ลูกบ้านสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีเข้า Smart Phone ค่ะ ซึ่งระบบนี้สามารถควบคุมได้ทั้ง ระบบแสงสว่าง ทีวี ระบบเครื่องเสียง และระบบเครื่องปรับอากาศ ส่วนที่ทางโครงการจะติดตั้งให้จะครอบคลุมในส่วนของเครื่องปรับอากาศ 1 ตัวในห้องนอนที่ทางโครงการจะให้มาพร้อมกับบ้านมาตรฐานเท่านั้นนะคะ หากลูกบ้านคนไหนสนใจติดตั้งเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของ Application นี้ได้แต่จะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเพิ่มเติมนะคะ

หน้าตาบ้านออกแบบมาในสไตล์ Modern ชัดเจน เน้นโทนสีเทา – ขาว และตกแต่งด้วยวัสดุอย่างไม้เทียมย้อมสีธรรมชาติ และแผ่นหินธรรมชาติจัดวางเรียงเป็น Pattern เข้ากับแนวคิดของโครงการ ตรงบริเวณช่องหน้าต่างในชั้น 2 จะมีระยะห่างเว้นไว้ระหว่างแผ่นหินที่ทำเป็น Facade ด้านหน้ากับช่องหน้าต่างนะคะ ไม่ได้ติดแผ่นหินตรงหน้าต่างโดยตรง ทั้งนี้เพื่อให้มีพื้นที่ระบายอากาศได้และนอกจากความสวยงามภายนอก แล้วก็ยังช่วยบังสายตาจากภายนอกได้ระดับนึง ส่วนระเบียงหน้าบ้านจะได้ทั้งชั้น 2 และชั้น 3 ซึ่งก็ได้ให้กันสาดยื่นออกมาให้เพื่อกันแดดกันฝนได้บ้าง ทำให้พื้นที่ระเบียงหน้าบ้านนี้สามารถนั่งเล่นได้ดี

สำหรับรั้วบ้านนั้นในบ้านตัวอย่างจะไม่ได้ติดไว้ให้ ส่วนบ้านจริงจะให้เป็นรั้วเหล็กโปร่งบานเลื่อน ด้านขวาเป็นซุ้มประตูทางเข้า ด้านในมีช่องจอดรถได้ 3 คันแบบพอดีๆ สำหรับพื้นที่จอดรถนั้นมีการวางเสาเข็มยาว 5 ม. ให้ทั้งหมด 12 ต้นนะคะ ถือว่าแข็งแรงพอสมควรลดการทรุดของพื้นได้ดีกว่า Slab On Ground

ซุ้มประตูทางเข้าด้านบนมีหลังคายื่นออกมาให้เล็กน้อย เผื่อวันไหนฝนตกยืนไขกุญแจหน้าบ้านจะได้ไม่เปียกฝนได้ระดับนึงค่ะ ด้านบนติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้ และด้านข้างมีกริ่งกดติดให้เรียบร้อย พื้นหน้าซุ้มทางเข้ามีขั้นบันไดยกขึ้นมา 1 ขั้นขึ้นไปส่วนเฉลียงได้เลย

อีกด้านของบ้านเป็นส่วนถังขยะซึ่งสามารถทิ้งภายในบ้านได้เลย และจะมีประตูเปิดอยู่หน้าบ้านให้คนเก็บขยะมาเก็บได้ง่าย

ประตูทางเข้าหลักจะอยู่ตรงเฉลียงหน้าบ้าน ซึ่งขนาดประตูทางเข้าหลักจะเล็กไปหน่อยดูไม่เหมือนกับทางเข้าหลักมากนัก และเวลาจะเอาของใหญ่ๆ เข้าก็คงต้องเอาเข้าจากหน้าต่างบานเลื่อนที่มีความสูงเท่ากับประตูที่อยู่ติดกับส่วนที่จอดรถแทน และมีประตูทางเข้ารองจากส่วนที่จอดรถซึ่งมีขนาดเท่าๆ กันกับประตูทางเข้าหลักนะคะ แต่เสียดายตรงที่ไม่มีขั้นบันไดเพิ่มขึ้นมาให้หน่อยให้เดินขึ้นได้ง่าย

ก่อนจะเข้าบ้านเราเดินไปดูรอบๆ บ้านกันก่อนนะคะ สำหรับพื้นเฉลียงหน้าบ้านนี้จะได้ตามบ้านตัวอย่างเลยค่ะ และจะได้สวนเล็กๆ ด้านหน้าที่มีไม้ใหญ่ให้ 1 ต้นและไม้พุ่มรอบๆ

ด้านข้างจะไม่ได้ระเบียงแบบนี้แล้วนะคะ แต่จะเป็นพื้นทรายล้างยกขึ้นมาและปูด้วยกระเบื้องด้านบน เฉพาะบริเวณส่วนที่เชื่อมกับประตูด้านข้าง และถัดจากนั้นจะเป็นการวางแผ่นหินทำเป็นทางเดินโรยด้านข้างด้วยกรวดหินเล็กๆ ไปสุดลานด้านหลังบ้าน

สุดทางจะเป็นส่วนสระ ซึ่งอย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะหากต้องการสระว่ายน้ำด้วย สำหรับใครที่ไม่ได้ต้องการสระแบบนี้ก็จะได้พื้นที่ระเบียงด้านหลังบ้านกว้างขึ้นมาพอสมควร สามารถทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นหลังบ้านได้สบาย

หันหลังมาอีกด้านเป็นส่วนลานซักล้างนะคะ พื้นปูด้วยกระเบื้องสีเทาซึ่งก็ค่อนข้างลื่นไปหน่อยนะคะสำหรับพื้นที่ที่มักจะเปียกอยู่เสมอ ส่วนด้านข้างมีประตูกระจกทางเข้าไปยังส่วนครัวได้ และประตูด้านหลังอีก 2 ประตูเป็นทางเข้าห้องน้ำและห้องนอนแม่บ้านค่ะ โดยห้องแม่บ้านนี้จะมีประตูเข้า-ออกมายังส่วนลานซักล้างเท่านั้น ไม่มีประตูเชื่อมเข้าภายในบ้าน เวลาจะเข้า-ออกภายในบ้านจะสามารถเข้าได้จากทางห้องครัว ถือว่าจัดฟังก์ชันเพื่อตอบโจทย์ลูกบ้านที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและแบ่งพื้นที่ชัดเจน อย่างในเวลากลางคืนก็สามารถล็อกประตูบ้านส่วนครัวไม่ให้แม่บ้านเข้ามาในบ้านได้ ก็เพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกบ้านได้ดีค่ะ

กลับเข้ามาหน้าบ้านกันอีกทีนะคะ ประตูและหน้าต่างของบ้านใช้วัสดุบานกรอบเป็น UPVC กระจกเขียวตัดแสง สามารถหักเหแสงแดดเข้ามาภายในบ้านได้พอสมควรค่ะ ส่วนด้านบนทางขวาของประตูทางเข้าจะมีระบบกันขโมยแบบ Magnetic Censor และจะมี Motion Censor ตามหน้าต่างและประตูภายในบ้านชั้น 1

วงกบประตูหนาและแข็งแรงดีค่ะ ด้านในติดยางกันกระแทกและทำให้ประตูปิดได้แนบสนิทลดเสียงจากภายนอกเข้ามาภายในบ้านได้ดีระดับนึง มือจับเป็นก้านโยกมีตัวล็อกแบบบิดด้านล่าง

จากประตูเข้ามาจะเป็นโถงต้อนรับเล็กๆ (Foyer) ด้านข้างสามารถ Built-in เป็นชั้นวางรองเท้าได้ โดยไม่ต้องไปวางรองเท้าบริเวณเฉลียงหน้าบ้านให้ตากแดดตากฝน

หันกลับมามองเข้าไปทางในบ้านจะเป็นมุมมองไม่ได้กว้างเท่าไหร่นักแต่จะได้ความโปร่งโล่งในเชิงความสูงของฝ้าเพดานที่ได้แบบ Double Floor มากกว่า ซึ่งการทำ Double Floor แบบนี้ก็จะทำให้ชั้น 2 มีพื้นที่หายไปส่วนนึง โดยชั้น 2 นี้ตรงกลางจะทำเป็นชั้นลอย ทำให้ชั้นล่างและชั้น 2 นี้มีพื้นที่ที่เชื่อมโยงกันอยู่ด้วยการมองเห็นกันได้

ส่วนรับประทานอาหารจะอยู่ด้านหน้าบ้านติดกับส่วนที่จอดรถ มีขนาดพื้นที่ที่สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ได้ถึง 8 ที่นั่งแต่ก็ค่อนข้างเต็มพื้นที่นะคะ และเหมาะกับการวางโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมมากกว่าโต๊ะกินข้าวทรงกลมที่มีจำนวนที่นั่งเท่าๆ กัน เนื่องจากพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าและไม่ได้มีความกว้างมากนัก  อีกฝั่งจากโถงทางเข้ามีประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านข้างบ้านได้ ส่วนด้านบนเป็นกระจกสูงไปถึงฝ้าเพดานทำให้พื้นที่ส่วนนี้มีแสงธรรมชาติเข้าถึงได้ดี

อีกฝั่งที่เชื่อมกับพื้นที่รับประทานอาหารมีพื้นที่สำหรับจัดเป็น Pantry เล็กๆ ได้หรือจะทำเป็น Counter Bar ชงเครื่องดื่มได้ค่ะ ส่วนด้านหลังใต้บันได มีห้องน้ำและห้องเก็บของซ่อนอยู่

ขนาดห้องเก็บของประมาณ 2 x 1.5 ใต้บันไดเพดานเตี้ย ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม.

ส่วนห้องน้ำเป็นแบบ Powder Room ตกแต่งโทนสีดำ พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. ได้กระจกบานใหญ่ตลอดแนวผนัง มีเคาน์เตอร์หินฝั่งอ่างล้างมือ ส่วนด้านล่างจะไม่ได้ตู้นะคะ ใครที่อยากเก็บของเล็กๆ น้อยหรืออุปกรณ์ล้างห้องน้ำจะ Built-in ตามแบบห้องตัวอย่างก็ดีนะคะ จะได้เก็บของได้เรียบร้อยไม่ต้องวางตามพื้นห้องน้ำดูไม่สวยงาม

ฝั่งโถสุขภัณฑ์ด้านหลังก่อ Low Wall เชื่อมจากส่วนอ่างล้างมือมาให้วางของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ได้ ยี่ห้อโถสุขภัณฑ์จาก Kohler

ถัดจากพื้นที่รับประทานอาหารไปทางหลังบ้านจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น มีความกว้างประมาณ 4 ม. สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้ 60″-71″

ส่วนนี้ก็จะได้ประตูบานเลื่อนและ Bay Window ด้านข้างสามารถมองออกไปยังส่วนลานด้านหลังบ้านได้ และด้านบนเป็นกระจกบาน Fixed สูงถึงฝ้าเพดานเช่นกันทำให้ส่วนนี้สว่างและโปร่งดีค่ะ รวมทั้งทำให้ชั้นลอยของชั้น 2 นั้นได้รับแสงสว่างไปด้วย

พื้นที่นั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ 3 ที่นั่งได้พร้อมโต๊ะกลาง

หันกลับไปมองจากมุมโซฟานะคะ ด้านขวาเป็นผนังสำหรับวางทีวี จะ Built-in สูงถึงฝ้าและทำเป็นที่วางของตกแต่งได้หรือจะทำเป็นชั้นวางทีวีเหมือนบ้านตัวอย่างก็ได้เช่นกันค่ะ ตามความชอบและสไตล์ของแต่ละคน ซึ่งผนังของบ้านมาตรฐานนี้จะเป็นแบบทาสีขาวฉาบเรียบนะคะ ส่วนด้านหลังของผนังทีวีจะเป็นส่วนของครัว และตรงไปเป็นโถงบันไดค่ะ

ประตูครัวของบ้านมาตรฐานเป็นประตูวงกบ UPVC กระจกใสนะคะ

พื้นครัวลดระดับลงไปชัดเจนปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำขนาด 60 x 60 ซม.

ชุดครัวที่ได้จาก Kitchen Express แต่จะไม่ได้หน้าตาแบบนี้นะคะ เดี๋ยวบ้านหลังต่อไปจะพาไปดูแบบชุดครัวที่ได้กันค่ะ ด้านข้าง Pantry มีหน้าต่างบานกระทุ้งเล็กๆ อยู่ใกล้กับส่วนอ่างล้างมือซึ่งเป็นตำแหน่งที่ช่วยเรื่องระบายความชื้นได้ดี

สุดห้องครัวมีประตูเปิดออกไปยังส่วนซักล้างด้านนอก ข้อดีของประตูกระจกจากห้องครัวคือเรื่องแสงสว่างที่เข้ามาในห้องครัวได้ดี

สวิชต์ไฟสแตนเลสหน้าตาทันสมัย

บันไดกว้างประมาณ 1.5 ม. ถือว่ากว้างพอสมควรค่ะ ลูกนอนเป็นไม้แดง ส่วนลูกตั้งปิดผิวด้วย Wallpaper ปกติ ราวจับใช้ไม้แดงเช่นกัน ด้านล่างเป็นกระจก Tempered หนา 10 มม.

ลักษณะบันไดเป็นรูปตัว U หรือแบบพับผ้า เป็นบันไดที่ไม่มีชานพักนะคะแต่จะเป็นลูกนอนรูปสามเหลี่ยมตรงชานพักแทน รวมทั้งยังมีขั้นบันไดตรงกลางระหว่างลูกนอนรูปสามเหลี่ยมอีก ทำให้เดินขึ้น-ลงค่อนข้างยากพอสมควรนะคะ

ขึ้นมาจะเป็นส่วนชั้นลอยนะคะ จะเห็นส่วนเปิดโล่งก่อน กั้นด้วยราวมือจับเป็นไม้แดงและกระจก Tempered เช่นเดียวกับราวบันไดนะคะ ส่วนด้านขวาเป็นห้อง Master Bedroom ที่อยู่หน้าบ้าน สำหรับพื้นในชั้น 2 และ 3 จะใช้เป็นพื้น Engineering Wood ไม้แดง

ก้มลงมาจะเห็นส่วนพื้นที่รับประทานอาหารด้านล่าง

ถัดมาด้านซ้ายจะเป็นส่วนชั้นลอยซึ่งจัดฟังก์ชันเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้

โดยสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้แบบ 3 ที่นั่ง

ส่วนพื้นที่นั่งเล่นนี้มีพื้นที่ยื่นออกมาประมาณ 0.7 ม. ไว้สำหรับวางชุดโซฟาได้โดยไม่ต้องไปกินพื้นที่ทางเดิน

ถัดจากพื้นที่นั่งเล่นนั้นจะเป็นส่วนซักรีดและระเบียงด้านหลังบ้าน ส่วนนี้จะได้ประตูบานเลื่อนกระจก 2 จุด ช่วยเพิ่มแสงสว่างเข้ามาในบ้านได้ดี

พื้นที่ซักรีดที่จัดไว้ในบ้านมาตรฐานจะเป็นห้องโล่งๆ นะคะ สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าด้านข้างได้เผื่อรีดเสื้อผ้าเสร็จก็เอาเข้าตู้ไว้ก่อนได้ เป็นสัดส่วนดี สำหรับฟังก์ชันซักรีดในส่วนนี้ถือว่าเป็นไอเดียการออกแบบที่ไม่ค่อยจะเห็นเท่าไหร่นะคะ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ดีเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่ดินไม่ได้มาก เน้นสร้างบ้านเต็มพื้นที่หรือต้องการระเบียงกว้างๆ ใช้นั่งเล่นในชั้นล่างไม่อยากมีเครื่องซักผ้าหรืออุปกรณ์ซักล้าง รีดผ้าต่างๆ มากินพื้นที่และดูไม่สวยงาม การมีฟังก์ชันนี้ในชั้น 2 หลังบ้านซึ่งเชื่อมกับระเบียงด้วยก็เหมาะกับการใช้งานดีค่ะ

ประตูบานเลื่อนจะมีลักษณะการเปิดคือต้องดันมือจับขึ้นแล้วค่อยเลื่อน ส่วนจะปิดก็ดันมือจับลงเป็นการล็อกไปในตัวเลยค่ะ การใช้งานก็ถือว่าสะดวกนะคะ ส่วนมือจับก็แข็งแรงดีค่ะ

ระเบียงมีหลังคายื่นกันสาดได้ดีระดับนึง ความกว้างของระเบียงกว้างประมาณ 0.9 ม. และมีความยาวพอสมควร สามารถใช้เป็นพื้นที่ตากเสื้อผ้าได้ค่ะ

กลับมาทางหน้าบ้านกันค่ะ เป็นห้อง Master Bedroom

เข้ามาจะเห็นว่าห้องค่อนข้างสว่างมาก ได้แสงธรรมชาติจากด้านนอกแบบจัดเต็มเพราะได้ช่องเปิดกระจกตลอดแนว ข้อดีคือเรื่องความสว่างแต่ด้วยเตียงที่หันหน้าไปทางหน้าบ้านก็ถือว่าแยงตาพอสมควรนะคะ ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็ไม่ยากเพียงปิดม่านก็ได้แล้วค่ะ รวมทั้งไม่มีพื้นที่ผนังสำหรับแขวนทีวีด้วยจะต้องมีชั้นวางทีวีเท่านั้น

ขนาดห้องสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้ ด้านบนฝ้าเพดานตกแต่งเป็นฝ้าหลุมสวยงาม

หน้าบ้านทำระเบียงไว้ให้ มีประตูบานเปิดให้ 2 ฝั่ง แต่ด้วยขนาดความกว้างของระเบียงที่ไม่ได้กว้างมากทำให้เวลาจะใช้งานจริงเข้า-ออกลำบากหน่อย

ส่วนระเบียงกว้างประมาณ 60 ซม. สามารถวางชุดเก้าอี้สนามได้แต่ก็จะมีพื้นที่ทางเดินเหลือไม่มากนัก เวลานั่งก็จะเบียดๆ ส่วนขาไปหน่อย ถ้าไม่เน้นว่าจะต้องนั่งชิลๆ ริมระเบียงอย่างเดียว คิดว่าความกว้างประมาณเท่านี้น่าจะเหมาะกับการยืนชมวิวมากกว่านะคะ ส่วนพื้นระเบียงบ้านมาตรฐานปูด้วยกระเบื้องเซรามิกค่ะ ไม่ได้ปูด้วยหญ้าเทียมและ รั้วด้านหน้าให้กระจก Tempered แบบนี้เลยค่ะ ซึ่งก็เหมาะกับการชมวิวดีถ้าเทียบกับรั้วเหล็ก

กลับเข้ามาภายในห้องนอนกันต่อค่ะ เดี๋ยวเราไปดูฝั่ง Walk in Closet และห้องน้ำกันค่ะ สำหรับผนังที่กั้นระหว่างห้องนอนและ Walk in Closet นั้นในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้นะคะ หากอยากได้พื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจนก็สามารถกั้นผนังเบาแบบนี้ได้ค่ะ

ส่วน Walk in Closet มีพื้นที่กว้างพอสำหรับวางตู้เสื้อผ้าได้ 2 ฝั่งและมีพื้นที่ทางเดินกว้างพอสมควรค่ะ เดินได้สะดวก

ประตูห้องน้ำเป็นประตูกระจกบานเลื่อน มีติดฟิล์มฝ้าไว้ตรงกลางสามารถบังสายตาได้ สำหรับประตูบานเลื่อนนี้จะไม่มีกลอนล็อกประตูนะคะ จะเป็นเพียงมือจับสแตนเลสมาตรฐาน ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวมากนักเพราะว่าใช้ห้องน้ำกันเพียง 2 คน สมาชิกในบ้านคนอื่นๆ ก็มีห้องน้ำในตัวห้องนอนกันทั้งหมด

เข้ามาเป็นส่วนห้องน้ำนั้น ส่วนสุขภัณฑ์และกระเบื้องผนังทั้งหมดจะได้ตามห้องตัวอย่างทั้งหมดนะคะ ยกเว้นพรอพตกแต่งต่างๆ พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. ด้านข้างได้หน้าต่างบานกระทุ้งบานใหญ่ช่วยระบายอากาศได้ดีแต่ก็ต้องแลกมากับความไม่เป็นส่วนตัวมากนัก ต้องพึ่งพาม่านมูลี่ปิดบังสายตาหน่อย

เคาน์เตอร์อ่างล้างมือท็อปเป็นหินแท้ลาย ได้อ่างจาก Kohler แบบฝัง ด้านล่างเป็นตู้เก็บของซึ่งจะไม่ได้ให้มาในบ้านมาตรฐานนะคะ เช่นเดียวกับห้องน้ำชั้นล่าง ส่วนกระจกบานใหญ่มีไฟซ่อนหลังกระจกนี้จะให้มาด้วยค่ะ

ขนาดอ่างกำลังพอดีใช้งานได้ดี ด้านข้างมีพื้นที่เคาน์เตอร์ค่อนข้างมากวางของได้เยอะพอสมควรเลย

Bath Tub จาก Kohler เช่นเดียวกัน

อีกด้านเป็นโถสุขภัณฑ์ฝาอัตโนมัติจาก Kohler เช่นเดียวกัน ด้านหลังเป็นพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อย มีหน้าต่างบานเลื่อนระบายความชื้นได้ดีแต่ต้องปิดมูลี่บังสายตา

พื้นที่อาบน้ำลดระดับลงไปเล็กน้อย พื้นก็เปลี่ยนเป็นพื้นกระเบื้องสีดำมี Texture ด้านขึ้นมาหน่อยกันลื่นได้ระดับนึง

ส่วนอาบน้ำมีความกว้างประมาณ 0.9 ม. ถือว่ามีความกว้างพอดีๆ นะคะ ส่วนฝักบัวนั้นจะได้ทั้งฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower ด้านบนจาก Grohe

มือจับถนัดมือและแข็งแรงดีค่ะ ส่วนหัวฝักบัวใหญ่พอสมควร

โถงบันไดค่อนข้างใหญ่ด้วยความกว้างของบันไดที่กว้างพอสมควร เสียดายตรงจุดวางบันไดนั้นไม่ได้ช่องเปิดให้แสงเข้ามาได้ทำให้ส่วนโถงบันไดค่อนข้างมืดต้องอาศัยโคมไฟให้แสงสว่างแม้จะเป็นตอนกลางวันก็ตาม

ขึ้นมาจะเป็นโถงทางเดินเชื่อมห้องนอนทั้ง 3 ห้องนะคะ สุดทางเดินด้านหลังบ้านมีพื้นที่เล็กๆ สามารถวางของตั้งโชว์ได้หรือจะวางแท่นบูชาพระก็ได้ค่ะ

ห้องนอนขนาดกลางที่อยู่ด้านหน้าบ้านเป็นห้องนอนที่แปลนลักษณะยาว แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ เตียงนอน Walk in Closet และห้องน้ำ สำหรับส่วนเตียงนั้นสามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้สบาย มีพื้นที่ทางเดินรอบเตียง

ปลายเตียงได้กระจกบานใหญ่เช่นเดียวกับห้อง Master Bedroom ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียเช่นเดียวกัน ด้านขวามีประตูบานเปิดออกไปส่วนระเบียงได้

ระเบียงนั้นจะได้ตามนี้เลยค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีขาว 30 x 30 ซม. รั้วด้านข้างเปลี่ยนจากกระจก Tempered ในชั้น 2 เป็นรั้วเหล็กมาตรฐานทั่วไป ความกว้างของระเบียงอยู่ที่ 60 ซม. มีความยาวระเบียงเท่าความกว้างของหน้าบ้านเลย ส่วนด้านบนทำกันสาดไว้ให้บางจุดสามารถกันแดดกันฝนได้ในระดับนึงค่ะ

กลับเข้ามาในห้องหันจากเตียงนอนไปทาง Walk in Closet ถือว่าได้พื้นที่ Walk in Closet พอสมควรสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้

ส่วนห้องน้ำลดระดับลงมาเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม.

ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน เข้ามาจากประตูทางเข้าจะเจอกับเคาน์เตอร์อ่างล้างมือที่เชื่อมไปยัง Low Wall ด้านหลังสุขภัณฑ์ มาพร้อมกับกระจกบานใหญ่และมีปลั๊กไฟไว้สำหรับสาวๆ ไดร์ผมได้ หรือเป็นหนุ่มๆ ใช้เครื่องโกนหนวดไฟฟ้าได้

ด้านบนทำบานเลื่อนสำหรับระบายอากาศได้เล็กน้อยให้

โถสุขภัณฑ์และอุกปรณ์จาก Kohler เช่นเดิม

พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อยเป็นสัดส่วน

ขนาดพื้นที่อาบน้ำถือว่าเป็นขนาดที่พอดีๆ นะคะ มีลดระดับลงไปเล็กน้อย และเปลี่ยนกระเบื้องเป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม.ค่ะ

ฝักบัวสายอ่อนจาก Grohe เช่นเดิมพร้อมที่รองสบู่และด้านข้างติดตั้งท่อให้เรียบร้อยสำหรับมาติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้

ถัดจากห้องนอนด้านหน้าบ้าน มาที่เป็นห้องนอนเล็กนะคะ

สำหรับห้องนี้เป็นห้องเล็กสุดนะคะ สามารถทำเป็นห้องนอนก็ได้หรือจะทำเป็นห้องเอนกประสงค์อย่างห้องสมุด ห้องทำงานเป็นต้น ถ้าจะทำเป็นห้องนอนจะสามารถวางเตียงขนาด 3.5-5 ฟุตจะพอดีและพื้นที่เหลือบ้างรอบเตียงเดินได้สบาย

อีกมุมหนึ่งของห้อง

ด้านในสุดเป็นระเบียงขนาดเล็กๆ

ส่วนอีกด้านเป็นทางเข้าห้องน้ำในห้องนี้ค่ะ

ภายในห้องน้ำมีหน้าตาเหมือนห้องน้ำในห้องนอนหน้าบ้านชั้น 3 เลย เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของประตูห้องน้ำเท่านั้นค่ะ

และห้องนอนห้องสุดท้ายที่อยู่ฝั่งหลังบ้านค่ะ

ภายในห้องนอนนี้จะค่อนข้างใหญ่ วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย

ปลายเตียงไม่มีช่องแสงเหมือนห้องด้านหน้าบ้านแล้ว สามารถใช้พื้นที่ทางผนังได้เต็มที่

ข้างเตียงเป็นพื้นที่ Walk in Closet เลยไปสุดห้องเป็นส่วนห้องน้ำในห้องนี้ค่ะ ส่วน Walk in Closet นั้นหลบลึกเข้าไปจากผนังอยู่พอสมควร ทำให้ไม่กินพื้นที่ทางเดินดีค่ะ

ภายในห้องน้ำมีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนักแต่งสามารถแยกส่วนแห้งส่วนเปียกได้ดี ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะมีเหลี่ยมมุมเยอะหน่อยนะคะ แต่ก็ยังใช้งานได้สะดวกค่ะ

ส่วนอีกด้านของห้องน้ำ เป็นตำแหน่งโถสุขภัณฑ์ซึ่งจะใช้ยี่ห้อเดิมทั้งหมดค่ะ

บ้านตัวอย่างอีกแบบของโครงการคือบ้านเดี่ยว 2 ชั้น Predo ที่มีพื้นที่ใช้สอย 285 ตร.ม. และที่ดินเริ่มต้นที่ 55 ตร.วา ค่ะ ขนาดของพื้นที่ใช้สอยจะน้อยลงมาจากบ้าน 3 ชั้น นะคะ แต่จะได้ที่ดินเพิ่มขึ้นมาหน่อยค่ะ มี 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ เหมาะกับครอบครัวขยายขนาดเล็กลงมามีสมาชิกในบ้าน 3-4 คน  ด้วย ด้วยที่ดินที่มีขนาดใกล้เคียงกับบ้าน 3 ชั้นแต่มีฟังก์ชันที่น้อยลงมา อย่างที่จอดรถเหลือ 2 คัน และไม่มีส่วนโถงต้อนรับหน้าบ้าน (Foyer) ก็ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยภายในกว้างขวางมากขึ้น เข้ามาจะเป็นส่วนนั่งเล่นหรือพื้นที่รับแขกเลย เชื่อมกับส่วนรับประทานอาหาร ด้านหลังบ้านจัดให้มีฟังก์ชันเพิ่มขึ้นมาที่ติดกับครัวไทยคือส่วน Pantry ที่มีพื้นที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นตำแหน่งที่ดีนะคะ เพราะอยู่ตรงกลางระหว่างส่วนรับประทานอาหารและส่วนระเบียงด้านหลังบ้าน ใครอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศกินข้าวที่ระเบียงหรือจัดปาร์ตี้ก็ง่ายเลยค่ะ ด้านหลังบ้านติดกับลานซักล้างจะมีห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัวให้ 1 ห้อง ต้องเข้า-ออกจากลานซักล้างหลังบ้านเท่านั้นไม่มีประตูเชื่อมเข้ามาภายในบ้านเช่นเดียวกับบ้าน 3 ชั้นค่ะ

ชั้น 2 มีพื้นที่โถงตรงกลางที่นอกจากจะทำหน้าที่เชื่อมห้องนอนทั้ง 3 ห้องแล้ว จะมีพื้นที่อเนกประสงค์ สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นหรือมุมทำงานเพิ่มเติมได้ค่ะ ส่วนห้องนอนในชั้นนี้มีทั้งหมด 3 ห้องนอน และห้องน้ำในตัวทั้ง 3 ห้องค่ะ โดยตำแหน่ง Master Bedroom จะอยู่ด้านหน้าบ้าน ส่วนห้องนอนกลางและเล็กจะอยู่ด้านหลังบ้านค่ะ

หน้าตาบ้าน 2 ชั้น จะค่อนข้างแตกต่างกับบ้าน 3 ชั้นทีเดียวนะคะ ในส่วนของหลังคาด้านบนเป็นหลังคาทรงปั้นหยา (Hip Roof) ซึ่งเหมาะกับอากาศบ้านเราหน่อยตรงที่เวลามีแดดส่องนำความร้อนมากระทบหลังคาก็ยังพอมีช่องว่าง (Gap) ระหว่างหลังคากับฝ้าเพดานพอสมควรให้ความร้อนไม่ลงมาถึงฝ้าเพดานโดยตรง ซึ่งเมื่อรวมกับฉนวนกันความร้อนที่ทางโครงการติดตั้งให้เรียบร้อย ก็ช่วยลดความร้อนที่จะเข้ามาในบ้านได้ดีค่ะ นอกเหนือจากนี้ในเรื่องวัสดุและโทนสีนั้นใช้เสป็คเหมือนกัน ทำให้หน้าตาโครงการเป็นไปในทิศทางเดียกันทั้งโครงการ ออกมาในสไตล์ Modern Loft

ประตูรั้วยังไม่ได้ติดตั้งให้นะคะ สำหรับบ้านตัวอย่าง ส่วนด้านข้างมีซุ้มทางเข้าเช่นเดียวกับบ้าน 3 ชั้น ในส่วนของที่จอดรถสามารถจอดได้ 2 คันค่ะ

ด้านซ้ายจากที่จอดรถ จะทำขั้นบันไดเอาไว้ให้เป็นพื้นทรายล้าง ส่วนเฉลียงเข้าบ้านนั้นได้เป็นไม้เทียมตามแบบบ้านตัวอย่างเลยค่ะ การทำขั้นบันไดหันมาทางที่จอดรถแบบนี้ ถือว่าคิด Circulation (ทางสัญจร) ในการใช้งานได้ดีนะคะ เพราะส่วนใหญ่เวลาเข้าบ้านก็จะต้องจอดรถก่อนและเดินเข้าบ้านทีหลัง ถ้าทำทางบันไดหันไปหน้าบ้านเหมือนบ้านอื่นๆ ส่วนใหญ่ เวลาจะเดินเข้าบ้านก็ต้องเลี้ยวไปขึ้นบันไดหน้าบ้านแทนซึ่งก็จะไม่ถนัดมากนัก ทำให้คนส่วนใหญ่มักเลือกไปใช้ประตูฝั่งทางเข้าที่จอดรถแทนมากกว่า ส่วนพื้นที่สวนที่โครงการจัดไว้ให้นั้นจะเป็นพื้นที่เล็กๆ เยื้องกับประตูหน้าบ้านมีไม้พุ่มและไม้ยืนต้นให้ค่ะ กลับมาที่ทางเข้าประตูบ้านด้านบนทำหลังคากันสาดเป็นโครงเหล็กทับด้วยกระจกให้เรียบร้อย ช่วยกันฝนได้ในระดับนึงแต่ไม่ทั้งหมด น่าจะติดกระจกให้ทั้งแผงของโครงเหล็กเลย จะทำให้ใช้งานได้ดีกว่านี้เยอะ

ด้านข้างทำเป็นแผ่นพื้นทางเดินแบบนี้ยาวไปจนถึงลานซักล้างด้านหลังบ้าน

ด้านข้างบ้านฝั่งนี้มีหน้าต่างบานเลื่อนกระจกยาวๆ ของห้องน้ำในชั้นล่าง ซึ่งมีความสูงในระดับสายตา (ตามระดับสายตาของคนรีวิวก็ประมาณ 150 ซม. ^^) แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเจอคนถ้ำมองนะคะ เดี๋ยวจะพาไปดูวิธีการจัดวางสุขภัณฑ์ที่หลบสายตาได้

ด้านหลังทำเป็นลานซักล้างและระเบียงไม้เทียมให้ตามบ้านตัวอย่าง ใช้วัสดุเดียวกันกับบ้าน 3 ชั้นเลยค่ะ ส่วนสระน้ำก็เช่นเดียวว่าต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

อีกฝั่งจะไม่ได้ระเบียงยาวไปแบบนี้นะคะ แต่จะได้พื้นที่ระเบียงเฉพาะพื้นที่ตามรอยเส้นประที่ติดกับส่วนรับประทานอาหารภายในบ้าน และสเป็ควันสดุก็จะไม่ใช้ไม้เทียใแบบนี้นะคะ แต่เป็นผิวทรายล้างด้านข้างและวางกระเบื้องอยู่ด้านบนค่ะ

กลับมาที่ส่วนประตูทางเข้าบริเวณที่จอดรถนะคะ จะเห็นว่ามีขั้นบันไดอยู่ด้านข้างขวาเท่านั้น เหมาะกับเดินขึ้น-ลงไปรอบระเบียงด้านข้างมากกว่า แต่ไม่ได้ออกแบบมาไว้สำหรับให้เดินเข้าบ้านในส่วนนี้ได้สะดวกมากนัก รวมทั้งมีความกว้างของเฉลียงที่น้อยไปหน่อยในการเข้า-ออกบ้านได้สะดวกด้วย ซึ่งก็ไปใช้ทางเข้าหน้าบ้านแทนส่วนทางเข้าตรงที่จอดรถนี้แทน ที่ก็ได้ออกแบบทางเดินไว้ให้สะดวกที่จะเข้าจากที่จอดรถได้ง่ายแล้วด้วย

เข้ามาภายในบ้านจากทางเข้าหลักหน้าบ้านกันนะคะ เข้ามาภายในจะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นหรือพื้นที่รับแขกก่อน สุดทางจะเป็นส่วนโถงบันไดค่ะ พื้นในชั้นล่างปูด้วยแกรนิตโต้ขนาด 80 x 80 ม. ส่วนความกว้างบริเวณนี้อยู่ที่ประมาณ 4 ม. เหมาะกับการวางทีวีขนาดใหญ่ได้สบายตั้งแต่ 60″-71″ ค่ะ ส่วนฝ้าเพดานในบ้านมาตรฐานนั้นจะเป็นฝ้าฉาบเรียบปกตินะคะ

หันหลังกลับมาส่วนประตูหน้าบ้าน ด้านข้างทำ Bay Window ให้ด้วย

พื้นที่นั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบาย พร้อมเก้าอี้โซฟาด้านข้างและโต๊ะกลาง ด้านบนบริเวณตำแหน่งโซฟาจะเป็นช่องโล่งขึ้นไปถึงฝ้าเพดานชั้น 2 ซึ่งเป็นลูกเล่น (Gimmick) ของโครงการนี้ที่มีให้ในบ้านทั้ง 2 Type ข้อดีคือเรื่องของความโปร่งโล่งจากแสงธรรมชาติทั้งชั้นล่างและชั้นบนที่ทำให้พื้นที่นี้สว่างได้ดี แต่ข้อเสียก็คือขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จะถูกลดทอนลงไป

เลี้ยวขวาเข้ามาบริเวณกลางบ้านเป็นพื้นที่รับประทานอาหารขนาดใหญ่เชื่อมกับส่วน Pantry ด้านหลังบ้านที่ติดกับระเบียงหลังบ้านค่ะ บริเวณนี้สามารถวางโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ได้ถึง 8-10 ที่นั่ง รวมทั้งใครที่เป็นลูกหลานคนจีนหน่อยอยากจะวางโต๊ะกลมใหญ่ก็วางได้เลยค่ะ ส่วนฝ้าเพดานด้านบนบริเวณนี้ในบ้านมาตรฐานจะให้เป็นฝ้าหลุมและซ่อนไฟส่องแบบ Indirect Light มาให้ด้วย

พื้นที่รับประทานอาหารนี้ได้ประตูบานเลื่อนกระจกทั้ง 2 ทางทำให้พื้นที่นี้ดูโปร่งโล่งดีทีเดียวค่ะ

จากพื้นที่รับประทานอาหาร ด้านซ้ายเป็นทางลดระดับลงไปยังห้องน้ำ และส่วนที่ติดกับ Pantryด้านซ้ายจะเป็นครัวปิดหรือครัวไทยของบ้านค่ะ เราไปดูกันต่อค่ะ

ทางเข้าห้องน้ำลดระดับขั้นบันไดลงไป 3 ขั้น เนื่องจากห้องน้ำอยู่บริเวณใต้ท้องบันไดทำให้มีฝ้าเพดานที่เตี้ยไป จึงจำเป็นต้องมีการลดระดับพื้นลงมาเพื่อเพิ่มความสูงฝ้าให้มากขึ้น ด้านข้างซ้ายของห้องน้ำเป็นห้องเก็บของใต้บันได

ขนาดพื้นที่ห้องเก็บของประมาณ 2 x 1.5 ม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม.

เข้ามาส่วนห้องน้ำชั้นล่างเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room พื้นลดระดับลงไปจากพื้นชั้น 1 เล็กน้อยปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ได้เคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ยาวเชื่อมกับ Low Wall หลังโถสุขภัณฑ์เลย สามารถวางของได้เยอะ ส่วนตู้เก็บของด้านล่างจะไม่ได้มีมาให้เช่นทุกๆ ห้องน้ำค่ะ

จากที่กล่าวกันไปแล้วตอนเดินรอบบ้าน ที่มีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดความกว้างไม่มากนักนั้นจะให้แสงสว่างเข้ามาในห้องน้ำแบบนี้ค่ะ ดูจากทิศทางของแสงที่ส่องเข้ามาแล้วก็จะไปชนกับส่วนผนังอีกด้าน ใครที่กังวลเรื่องความส่วนตัวการจัดวางสุขภัณฑ์ในด้านนี้ก็ช่วยบังการมองเห็นได้ระดับนึงนะคะ และลูกบ้านอาจจะต้องติดม่ายมูลี่เพิ่มหน่อย

Pantry นั้นจะไม่ได้เลยนะคะ เป็นพื้นที่ว่างเปล่า รวมทั้งพื้นก็ปูเป็นแกรนิตโต้สีขาวสเป็คเดียวกับส่วนรับประทานอาหาร ขนาดของส่วน Pantry นี้ให้มาค่อนข้างใหญ่ใครชอบทำอาหารสามารถต่อเติมประตูกระจกเพิ่มส่วนนี้และขยายเป็นครัวทั้งหมดเลยก็ได้นะคะ หรือจะทำเป็น Counter Bar ชงเครื่องดื่มเวลาสังสรรค์กับเพื่อนๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ

ด้วยขนาดพื้นที่ส่วนนี้ค่อนข้างใหญ่การวาง Island ตรงกลางก็ย่อมทำได้และมีพื้นที่ทางเดินรอบๆ กว้างพอสมควร เดินหรือทำกับข้าวได้สบายค่ะ

ส่วนอีกด้านในบ้านมาตรฐานจะมีช่องว่างๆ แบบนี้ให้ ด้านข้างเป็นก็อกน้ำและเดินท่อน้ำเสียให้ด้วย

ถัดมาคือส่วนครัวไทยค่ะ ทางเข้าจะเป็นประตูบานเปิดเดี่ยวแบบนี้มี Bay Window ด้านข้าง

พื้นถูกเปลี่ยนเป็นพื้นแกรนิตโต้สีดำแทน

ครัวที่ได้จะมีหน้าตาแบบนี้เลยค่ะ จาก Kitchen Express พร้อม Hob & Hood เรียบร้อย Top Pantry เป็น Particle เคลือบเมลามีน ซึ่งชุดครัวนี้ในบ้าน 3 ชั้นก็จะได้สเป็คเดียวกันนะคะ ด้านหลังบ้านติดหน้าต่างบานเลื่อนให้ช่วยให้แสงเข้ามาได้ดี และระบายความชื้นบริเวฯอ่างล้างจานได้ด้วย

เตา 2 หัวและฮู้ดจาก Teka

Sink 2 หลุมมีที่พักจานด้านข้างจาก Teka เช่นเดียวกัน

ด้านข้าง Pantry มีประตูบานเปิดกระจกออกไปยังส่วนลานซักล้างด้านหลังบ้าน

บันไดใช้โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกนอนเป็นไม้แดง รวมทั้งราวบันไดที่ใช้ไม้แดงเช่นกันและติดกระจก Tempered หนา 10 มม. เป็นสเป็คเดียวกับบ้าน 3 ชั้นค่ะ

บันไดเป็นรูปตัว U หรือแบบพับผ้ามีชานพักขนาดใหญ่ เดินขึ้น-ลงได้ง่าย

ขึ้นมาที่ชั้น 2 บริเวณโถงบันไดจะเห็นว่ามีกระจกบานใหญ่และมีช่องเปิดโล่งลงไปชั้นล่างด้วย ทำให้แสงธรรมชาติที่เข้ามาในส่วนโถงบันไดได้ดีทีเดียวค่ะ ก็ช่วยประหยัดไฟได้ดีเลยในตอนกลางวัน ในส่วนของชั้น 2 นี้ขึ้นมาจะเป็นทางเดินเชื่อมไปยังห้องนอนทั้ง 3 ห้อง ส่วนสุดทางเดินบริเวณหน้าบ้านมีพื้นที่อเนกประสงค์สามารถจัดฟังก์ชันเพิ่มเติมได้

ขนาดพื้นที่อเนกประสงค์สามารถวางชุดโซฟานั่งเล่นได้ หรือจะทำเป็นมุมทำงานก็ได้ค่ะ ในส่วนนี้จะได้หน้าต่างบานใหญ่และ Bay Window ด้วยทำให้แสงสว่างบริเวณนี้ในตอนกลางวันค่อนข้างมาก ใครจะจัดพื้นที่เป็นฟังก์ชันชัดเจนเช่นเป็นพื้นที่ทำงานและใช้เวลาในพื้นที่นี้ค่อนข้างมากก็อาจจะต้องติดม่านโปร่งหน่อยให้แสงไม่จ้ามากเกินไป

ด้านข้างพื้นที่อเนกประสงเป็นตำแหน่งห้อง Master Bedroom ซึ่งก็จะได้กระจกยาวไปจนสุดผนังทางด้านหน้าบ้านและด้านข้างเป็นประตูกระจกออกไปยังระเบียงหน้าบ้านเช่นเดียวกับบ้าน 3 ชั้นค่ะ ส่วนฝ้าเพดานด้านบนได้เป็นฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลท์ปกติ ไม่มีทำฝ้าหลุมให้นะคะ

ด้านข้างจากทางเข้าห้อง ในบ้านจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบปกติค่ะ

ระเบียงหน้าบ้านกว้างประมาณ 60 ซม. เช่นเดิม บ้านมาตรฐานปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม. รั้วเป็นกระจก Tempered ส่วนด้านข้างจะเป็นรั้วเหล็กปกติค่ะ ด้านบนส่วนระเบียงได้ส่วนยื่นของหลังคาที่ยื่นออกมาค่อนข้างมากช่วยกันแดดกันฝนได้ดีระดับนึง

กลับเข้ามาให้ห้องนอนกันต่อ ด้านหลังเป็นส่วน Walk in Closet และห้องน้ำจะอยู่ทางด้านขวามือค่ะ

ภายในห้องน้ำลดระดับลงไปเล็กน้อย ปูด้วยพื้นแกรนิตโต้สีขาวในส่วนแห้ง และสำหรับห้อง Master Bedroom นี้จะได้ Bath Tub ด้วยค่ะ ส่วนโถสุขภัณฑ์จาก Kohler เช่นเดิม ด้านหลังทำ Low Wall ให้วางของได้เล็กน้อย

ด้านหลังโถมีพื้นที่เล็กๆ สำหรับวาง CDU แอร์ ซึ่งด้านบนก็เลยออกแบบให้เป็น Bay Window และหน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศด้วย แต่เมื่อเป็นกระจกใสก็จะทำให้ไม่เป็นส่วนตัวแน่ๆ เพราะอยู่ในห้องน้ำ ดังนั้นด้านนอกจึงมีการติดตั้งระแนงเหล็กไว้บังสายตาได้ระดับนึง แต่ถ้าใครรู้สึกว่ายังไม่เป็นส่วนตัวพอก็สามารถติดม่านมูลี่เพิ่มในส่วนนี้ได้ค่ะ

อ่างล้างมือฝังเข้ากับเคาน์เตอร์เชื่อมไปกับ Low Wall ด้านข้าง และได้กระจกบานใหญ่ยาวสุดผนัง 2 ข้าง คุณสาวๆ น่าจะชอบนะ

ฝั่งตรงข้ามอ่างล้างมือเป็น Shower Box ค่ะ ภายในได้ฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower ด้วยจาก Grohe เช่นเดียวกับบ้าน 3 ชั้น

พื้นที่อาบน้ำลดระดับลงเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน พื้นเป็นวัสดุปูเป็นกระเบื้องที่มีผิวด้านมากขึ้นกันลื่นได้ระดับนึงค่ะ

จากห้องนอนใหญ่เราจะไปดูห้องนอนกลางและห้องนอนเล็กที่อยู่หลังบ้านกันบ้างนะคะ

เลี้ยวขวามาจะเป็นห้องนอนกลาง สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย มีพื้นที่ทางเดินรอบเตียง สุดทางเป็นส่วนระเบียงขนาดเล็ก แต่ไม่ได้สามารถใช้งานได้นะคะ

เป็นระเบียงหลอกไว้สำหรับวาง CDU แอร์

หันกลับไปทางเข้าห้องสามารถวางตู้เสื้อผ้าส่วนนี้ได้หรือจะจัดให้พื้นที่ส่วนนี้เป็นพื้นที่ทำงานก็ได้ค่ะ

ส่วนปลายเตียงจากระเบียงที่วาง CDU แอรนั้นจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ ใครมีเสื้อผ้าเยอะหน่อยก็จัดส่วนนี้เป็น Walk in Closet ได้เลย แทนที่จะไปวางตู้เสื้อผ้าบริเวณหน้าทางเข้า เวลาจะแต่งตัวก็ง่ายกว่าเพราะอยู่ใกล้ห้องน้ำไม่ต้องเดินอ้อมไปแต่งตัวตรงบริเวณเตียงนอน ส่วนหน้าต่างบริเวณนี้จะได้บานเลื่อนชุดเดียวด้านข้าง ไม่ได้ให้เป็น Bay Window เหมือนบ้านตัวอย่างนะคะ

ห้องน้ำจะอยู่ฝั่งซ้ายของพื้นที่ปลายเตียงรูปบนนะคะ โดยพื้นจะลดระดับลงเล็กน้อย แบ่งโซนเปียกและแห้งชัดเจน

 

เคาน์เตอร์อ่างล้างมือท็อปหินอีกเช่นเคย ส่วนสเป็คสุขภัณฑ์ก็จาก Kohler เช่นเดิมค่ะ

พื้นที่อาบน้ำลดระดับลงจากโซนแห้งกันน้ำไหลย้อนออกมา ส่วนฉากกั้นในบ้านมาตรฐานไม่ได้มีให้นะคะ หากลูกบ้านต้องการความเป็นสัดส่วนมากขึ้นสามารถติดฉากกั้นบานเลื่อนได้หรือจะเป็นฉากกั้นกระจกแบบบ้านตัวอย่างก็ได้เช่นกันค่ะ ฝักบัวจะได้เป็นฝักบัวสายอ่อนอย่างเดียวนะคะ ด้านข้างเดินท่อไว้เรียบร้อยสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น

เข้ามาในห้องนอนเล็กกันต่อจะไม่มีส่วน Walk in Closet เช่นเดียวกับห้องนอนห้องอื่นนะคะ ดังนั้นเข้ามาภายในห้องก็จะเห็นตู้เสื้อผ้าก่อนเลยตรงกลาง เพราะอยู่ตำแหน่งตรงกลางระหว่างส่วนเตียงนอนและห้องน้ำค่ะ

ห้องนอนเล็กนี้เหมาะกับการวางเตียงขนาด 5 ฟุต จะเหลือพื้นที่ด้านข้างแบบพอดีๆ ปลายเตียงได้หน้าต่างบานเลื่อนใหญ่ ซึ่งหากจะวางทีวีก็ต้องซื้อชั้นวางทีวีด้วยเพราะไม่มีผนังแขวนเช่นเดียวกับห้องนอนใหญ่

พื้นทางเดินรอบเตียงกว้างระดับนึงสามารถเดินได้ไม่ลำบากค่ะ

หันหลังกลับไปอีกฝั่งนึงคือส่วนห้องน้ำ

ห้องน้ำแบ่งเป็นสัดส่วนเช่นเดียวกับห้องนอนกลาง มีขนาดใกล้เคียงกันและใช้วัสดุสเป็คเดียวกันทั้งหมดค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18 August 2016

  • Predo พื้นที่ใช้สอย 285 ตร.ม. ที่ดินเริ่มต้น 55 ตร.วา ราคาเริ่มต้น 15.9 ล้านบาท
  • Motivo พื้นที่ใช้สอย 350 ตร.ม. ที่ดินเริ่มต้น 53 ตร.วา ราคาเริ่มต้น 17.9 ล้านบาท

  • จอง 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 300,000 บาท
  • ดาวน์ 200,000 บาท ผ่อนดาวน์ 4-6 งวด
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตร.วาละ 130,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ The Gallery House Pattern เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ในย่านต้นลาดพร้าว – รัชดา ซึ่งเป็นทำเลที่หาบ้านเดี่ยวที่มี Facilities ครบและอยู่ในแพคเก็จราคา 15.9 – 25 ล้านบาท ได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นทำเลที่ถือว่าอยู่ใจกลางแหล่งความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ราคาที่ดินแถบนี้ค่อนข้างสูงพอสมควรค่ะ ดังนั้นจะเห็นว่าทำเลในแถบนี้ช่วงต้นซอยไปจนถึงริมถนนใหญ่ส่วนใหญ่จะพัฒนาที่ดินเป็นคอนโดมิเนียมทั้ง High Rise และ Low Rise กันค่อนข้างมากค่ะ ส่วนความอุดมสมบูรณ์แถบนี้จะอยู่ตามริมถนนและช่วงต้นซอยเลยค่ะ มีทั้งร้านค้า ร้านอาหารขายของกันเยอะ รวมไปถึงแหล่งช็อปปิ้งต่างๆ ทำให้ทำเลช่วงต้นๆ ถนนใหญ่ค่อนข้างคึกคักมาก และมีความเจริญสูง แต่ลึกเข้ามาหน่อยในซอยแถบที่ตั้งโครงการส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนบ้านเรือนของคนที่อยู่อาศัยมานานบรรยากาศก็จะเงียบสงบพอสมควร

สำหรับตำแหน่งของโครงการอยู่ในซอยลาดพร้าว 1 แยก 31 สามารถเข้าได้จากถนนใหญ่ทั้ง 3 สายทั้งถนนลาดพร้าว พหลโยธินและรัชดาภิเษก จากซอยย่อยเล็กๆ ที่ตัดออกไปถนนใหญ่ได้ไม่ว่าจะเป็นซอยลาดพร้าว 1, ซอยลาดพร้าว 15, ซอยพหลโยธิน 24 และซอยข้างศาลอาญา แต่ต้องเข้าซอยไปลึกมาก ประมาณ 2 กิโลเมตรไม่อยู่ในระยะเดินได้แน่นอน การเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกเพราะมีตัวเลือกให้เดินทางได้หลากหลาย หรือในวันหยุดอยากออกไปซื้อของใกล้ๆ ก็ไม่ต้องฝ่ารถติดบนถนนใหญ่เพียงขับรถออกไปหน้าปากซอยเข้าห้างยูเนี่ยน หรือ Big C ซื้อของได้เลย แต่ข้อเสียก็มีตรงที่ความกว้างของซอยค่อนข้างแคบ ถึงแม้รถรถจะสามารถสวนกันได้แต่ก็ไม่ได้คล่องตัวต้องค่อยๆ ขับแบบชะลอๆ หน่อย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถสำหรับการเข้าโครงการถือว่าสะดวกเพราะหน้าซอยลาดพร้าว 1 และลาดพร้าว 15 ก็อยู่ใกล้ MRT ทั้ง 2 สถานีคือ พหลโยธินและลาดพร้าว ให้เลือกขึ้น-ลงได้สบาย หรือจะใช้ขนส่งมวลชนคลาสสิกอย่างรถเมล์ ที่มีป้ายรถประจำทางอยู่สองฝั่งของถนนลาดพร้าว มีสะพานลอยข้ามเป็นระยะ จากนั้นก็เรียกแท็กซี่หรือนั่งวินมอเตอร์ไซต์เข้าไปเพราะการเข้าถึงโครงการจากถนนลาดพร้าวไม่อยู่ในระยะเดินได้ ซึ่งก็เรียกพี่วินได้ไม่ยากนะคะ จะมีคิวพี่วินคอยบริการอยู่หลายจุดเลย แต่สำหรับขาออกจากโครงการนี่ค่อนข้างลำบากนะ เพราะไม่มีคิววินมอเตอร์ไซต์ในระยะเดินได้ใกล้ๆ เลย ต้องอาศัยติดรถออกไปนอกโครงการ หรือใช้ Application เรียกรถแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซต์แทน

ตัวโครงการถือเป็นโครงการขนาดเล็ก มีจำนวน 40 ยูนิต เป็นสังคมส่วนตัว ส่วนการออกแบบบ้านทำมาได้ดี ในสไตล์แบบ Modern Loft ใช้ Materials ตกแต่งตามแนวคิดโครงการได้สวย ลงตัวดี ตัวโครงการมีแบบบ้านในเลือก 2 แบบ คือบ้านเดี่ยว 2 ชั้นและบ้านเดี่ยว 3 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยต่างกัน แต่มีที่ดินใกล้เคียงกันนะคะ สำหรับบ้าน 2 ชั้นนั้นจะเหมาะกับครอบครัวขยายขนาดเล็กลงมาหน่อยอาศัยอยู่ 3-4 คน จอดรถได้ 2 คัน ได้ฟังก์ชันภายในค่อนข้างกว้าง โปร่งโล่งดี และได้พื้นที่ใช้สอยส่วนครัวค่อนข้างมาก ทั้ง Pantry และ ครัวไทย เหมาะกับครอบครัวที่มีคุณแม่อยู่บ้านชอบทำกับข้าว หรือครอบครัวที่เน้นสังสรรค์กันบ่อยๆ ค่ะ ส่วนบ้าน 3 ชั้นนั้นจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นมาจากบ้าน 2 ชั้นมาหน่อย ได้ห้องนอนเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้อง เหมาะกับบ้านที่มีจำนวนสมาชิกในบ้าน 4-5 คน ส่วนฟังก์ชันภายในนั้นจะไม่ได้กว้างขวางเหมือนบ้าน 2 ชั้น เพราะเน้นไปที่ฟังก์ชันที่มีค่อนข้างมากและมีที่จอดรถกินพื้นที่เพิ่มมาอีก 1 คัน ซึ่งก็มีการแก้ปัญหาในส่วนนี้โดยการปรับให้มีฝ้าเพดานสูงแบบ Double Floor และใช้หน้าต่างบานใหญ่สูงถึงฝ้าเพดานให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ดี ทำให้ตัวบ้านดูโปร่งโล่งมากขึ้น ทั้งนี้ทั้ง 2 แบบของโครงการนี้จะเหมาะกับกลุ่มครอบครัวขยายที่ไม่มีสมาชิกในบ้านเป็นผู้สูงวัยนะคะ เพราะในชั้นล่างไม่ได้มีพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ และห้องน้ำในชั้นล่างก็เป็นห้องแบบ Powder Room ไม่มีพื้นที่อาบน้ำค่ะ

วัสดุที่ได้ถือว่าให้มาคุ้มค่ากับราคานะคะ ไม่ว่าจะเป็นฝ้าหลุม, ดวงโคม Downlight, พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาดใหญ่ และพื้น Engineering Wood หน้าไม้แดง บันไดลูกนอนและราวจับไม้แดง รวมทั้งกระจกแบบ Tempered ส่วนกรอบบานให้เป็น UPVC แข็งแรง ได้ Bay Window เกือบทั้งหมดของมุมห้อง ได้ครัวครบทั้ง Pantry และ Hob&Hood ส่วนห้องน้ำได้สุขภัณฑ์จาก Kohler เป็นหลัก มี Bath Tub ให้ในห้องน้ำ Master Bedroom ได้เคาน์เตอร์หินแท้ทุกห้องน้ำ

สาธารณูปโภคให้มาครบ ขนาดกะทัดรัด เพียงพอกับจำนวนยูนิตไม่มากนัก ซึ่งสำหรับทำเลแบบนี้การแบ่งพื้นที่มาทำสาธารณูปโภคอย่าง Club House และสวนหย่อมถือว่าคุ้มค่านะคะ ส่วนถนนในโครงการก็ทำออกมาได้ดีใช้วัสดุเป็นคอนกรีต สแตมป์และทรายล้าง กว้าง 9 ม. ระบบ Security จัดมาดีทั้งรปภ. 24 ชม. CCTV 23 จุดทั้งโครงการ ระบบเข้า-ออกด้วย Key Card Access และประตูบานเลื่อนไฟฟ้า รวมทั้งสัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Motion Censor ให้ทุกหลัง แต่ด้วยจำนวนยูนิตน้อยค่าใช้จ่ายค่าส่วนกลางในการดูแลรักษาก็ต้องแชร์กันโหดหน่อยอยู่ที่ 70 บาท/ตร.วา/เดือน

 

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 15.9 – 25 ล้านบาท, 18 August 2016

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.25/10 – เข้าได้จากถนนใหญ่หลายสาย แต่อยู่ลึกจากทางเข้า-ออกหลัก 2 กม.
  • ความปลอดภัย 8/10 – รั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า เปิด-ปิดโดย Key Card รปภ.หน้าหมู่บ้าน กล้อง CCTV สัญญาณกันขโมย รั้วรอบโครงการ 3+1 เมตร
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7.5/10 – ออกแบบสวย มีฟังก์ชันภายในครบถ้วน
  • วัสดุ 8/10 – ให้วัสดุดี คุ้มค่ากับราคา
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – มีพื้นที่สีเขียวพอสมควร
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ได้ครบ สวย ขนาดกะทัดรัดตามจำนวนยูนิต

  • 7.54 / 10.00

BOTTOM LINE

The Gallery House Pattern เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยว 2-3 ชั้น ในย่านต้นลาดพร้าว-รัชดา ใจกลางแหล่งอุดมสมบูรณ์สูง เดินทางได้หลากหลายเส้นทาง ชอบความเป็นส่วนตัวมีจำนวนยูนิตไม่มาก ต้องการ Facilities ในโครงการ มีงบประมาณ 15.9 – 25 ล้านบาท 

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )