รีวิวฉบับที่ 1547 สวัสดีค่ะ วันนี้เราพาไปชมโครงการ The Element Rama 9 Home Office 5 ชั้น ใกล้ The Nine Center พระราม 9 และถนนพระราม 9 รวมทั้งเชื่อมไปยังถนนหัวหมาก และไม่ไกลจากทางด่วนศรีรัชอีกด้วย ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่กำลังมองหาที่ตั้งธุรกิจพร้อมอยู่อาศัยในย่านพระราม 9  ในราคาเริ่มต้น 26.9 ล้านบาท

 

Fact @ 13 July 2015

  • The Element Rama 9 (ดิ เอเลเมนท์ พระราม 9)
  • Landmark Development Co.,LTD
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : สวนหลวง
  • เนื้อที่โครงการ 4 ไร่ จำนวน 27 ยูนิต (เฟส 1 จำนวน 14 แปลง ,เฟส 2 จำนวน 13 แปลง )
  • Home Office สูง 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 450 ตร.ม. 1 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ

  • ที่ดิน 53.7 ตร.วา
  • ที่ดิน 57 ตร.วา
  • ที่ดิน 85 ตร.วา

  • ราคาเริ่มต้น 26.9 ล้านบาท
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 089-504-4554
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 13.741994, 100.627740

    ที่ตั้งโครงการ The Element Rama 9 ตั้งอยู่ในซอยเสรี 7 ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมระหว่างซอยใหญ่ 2 ซอย คือ พระราม 9 ซอย 41 และซอย 43 ซึ่งเป็นซอยสำคัญที่เชื่อมระหว่างถนนหัวหมาก (หลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง) และถนนพระราม 9 ดังนั้นที่ตั้งโครงการจึงจัดว่าอยู่ในทำเลที่มีความสะดวกในการเดินทางพอสมควรเลยทีเดียวค่ะ เพราะสามารถเลือกการเดินทางได้หลากหลายเส้นทาง โดยหลักๆ จะเป็นเส้นพระราม 9 เพราะอยู่หากจากถนนไปไม่ไกลเลย เพียงประมาณ 180 ม. เท่านั้นเองค่ะ หรือใครมาจากฝั่งรามคำแหง-ศรีนครินทร์ก็สามารถวิ่งเข้าเส้นหัวหมากลัดมายังโครงการได้ ไม่ต้องขับเข้าถนนใหญ่ด้านนอกเท่านั้น ยิ่งช่วงนี้ถนนรามคำแหงอยู่ในช่วงก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มอยู่ด้วย ซึ่งมีการจราจรที่ติดขัดมากพอสมควรเลย การที่มีถนนลัดเข้าโครงการได้หลากหลายก็ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้ดีทีเดียวนะคะ

    นอกจากการเดินทางด้วยรถยนต์แล้ว สำหรับพนักงานบางคนที่เดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นหลักก็ไม่ลำบากนะคะ เพราะด้วยความที่อยู่ลึกเข้ามาจากถนนพระราม 9 เพียง 180 ม. เดินออกไปเรียกรถก็ไม่ยาก หรือจะเดินไปเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์หลัง The Nine Center ก็ไม่ยากเช่นเดียวกันค่ะ

    ทำเลนี้ค่อนข้างตอบโจทย์สำหรับคนที่กำลังมองหา Home + Office มากทีเดียว เพราะเรียกว่าความอุดมสมบูรณ์อยู่ใกล้มากในระยะที่ยังเดินไปได้เลยด้วยซ้ำนะคะ เริ่มจากความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้ก่อนเลย ตัวโครงการจัดว่าอยู่ไม่ไกลจาก The Nine Center Community Mall ขนาดใหญ่ในย่านนี้ ที่รวบรวมทั้งร้านค้า ร้านอาหารมากมายให้เลือกกิน ช็อปปิ้งกันได้ โดยห่างจากโครงการไปเพียง 200 ม.เท่านั้นเอง และนอกจาก The Nine แล้วรอบๆ ข้างก็มีทั้งร้านคาเฟ่น่ารักหลายร้าน ร้านอาหารขนาดเล็ก-ใหญ่ริมถนน ใครเน้นราคาย่อมเยาหน่อยเหมาะกับพนักงานออฟฟิศก็ขยับไปกินบนถนนหัวหมากได้เลย เพราะมีร้านอาหารย่อยริมทางมากมาย จะคึกคักมากๆ ในช่วงเย็น-ดึกเลยทีเดียวค่ะ ขยับออกไปอีกหน่อยความอุดมสมบูรณ์ก็จะอยู่แถบถนนรามคำแหง ซึ่งมี Hyper Market ศูนย์การค้า ให้จับจ่ายซื้อของ ช็อปปิ้ง ดูหนังกันได้ค่ะ โดยรวมแล้วเรียกได้ว่าอยู่ในทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงทีเดียว พนักงานหาของกินง่าย ไม่ต้องขับรถออกไปกินข้าวหรือต้องฝากแม่บ้านซื้อข้าวมากินช่วงกลางวัน

    การเดินทางในวันนี้เริ่มต้นจากถนนหัวหมากวิ่งตรงเข้าซอยรามคำแหง 24 แยก 20 จากนั้นเมื่อเห็นหลัง The Nine แล้วให้เลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าซอยเสรี 7 ตรงเข้ามาประมาณ 190 ม. ก็จะเห็นทางเข้าโครงการแล้วค่ะ

    เราเริ่มต้นเส้นทางกันที่ถนนหัวหมากนะคะ สำหรับถนนหัวหมากนี้แม้จะเป็นถนนรองจากถนนรามคำแหง แต่ก็ไม่แพ้กันในเรื่องของความคึกคักนะคะ เพราะเส้นนี้มีสถานที่สำคัญๆ ใหญ่ๆ เลยคือ มีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ตั้งอยู่ทำให้เป็นย่านที่นอกจากคนทำงานในละแวกแล้วก็มีนักศึกษาจำนวนมากเช่นกันนะคะ บรรยากาศ 2 ข้างทางจะคึกคักมากๆ ในช่วงกลางคืน มีร้านอาหารมากมายให้เลือก และไม่นานมานี้สะพานที่ข้ามจากศรีนครินทร์ฝั่งมาจากลำสาลีมุ่งหน้าไปทางซีคอนนั้นเปิดให้ใช้บริการ ทำให้สามารถวิ่งเข้าถนนหัวหมากได้ง่ายมากขึ้น จึงมีรถวิ่งเข้ามาเพื่อใช้ลัดออกถนนรามคำแหงช่วงต้น และถนนพระราม 9 มากขึ้น

    เราจะขับตรงกันไปก่อนนะคะ แต่จะเพิ่มเติมทางลัดให้ผู้อ่านว่าซอยหัวหมาก 25 นี้สามารถลัดเข้าพระราม 9 ได้เลย

    วิ่งผ่านมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก ที่ปัจจุบันเปิดสอนเฉพาะป.โทแล้วในวิทยาเขตนี้

    บรรยากาศถนนหัวหมากทั้ง 2 ข้างทางมีร้านอาหาร ร้านค้าเยอะมากจริงๆ และจะคึกคักมากๆ คือช่วงกลางคืนเลยค่ะ

    ส่วนใหญ่ร้านค้าจะอยู่ฝั่งซ้ายมือเป็นหลักนะคะ ใครมากินข้าวแถวนี้แนะนำให้นั่งวินมอเตอร์ไซค์หรือเรียกแท็กซี่รวมกันมาจากโครงการเพื่อมากินข้าวจะสะดวกสุด เพราะข้างทางนี้ไม่ได้อนุญาตให้จอดนะคะ

    ตรงมาอีกหน่อยเจอซอยรามคำแหง 24 แยก 20 หัวมุมซอยเป็น 7-11 ก็เลี้ยวซ้ายได้เลยค่ะ

    ภายในซอยจะมีความสงบมากขึ้นจากถนนหัวหมาก แต่ก็มีร้านอาหารขนาดเล็กใหญ่ และร้านค้าอยู่บ้างประปรายนะคะ

    ตรงมาสุดทางของซอยเลยเราจะเห็นหลัง The Nine Center พระราม 9 ใครจะเข้า The Nine โดยขับรถมาทางที่จะใกล้สุดค่ะ ทั้งจากที่มาจากโครงการและจากที่มาจากถนนหัวหมาก ส่วนเราจะเดินทางไปโครงการกันต่อนะคะ ถึงแยกแล้วก็เลี้ยวซ้ายเลยค่ะ

    เลี้ยวมาแล้วเราจะเห็นร้านคาเฟ่ชื่อดังอย่างไล-บรา-รี่

    ผ่านร้าน ไล-บรา-รี่ มาก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเสรี 7 เลยค่ะ หากตรงไปอีกหน่อยก็จะถึงถนนพระราม 9 แล้วนั่นเอง

    บรรยากาศในซอยนี้จะเงียบสงบมากขึ้นนะคะ ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยเป็นหลักค่ะ เราขับตรงเข้ามาอีกประมาณ 190 ม. ก็จะเห็นทางเข้าโครงการแล้วค่ะ

    สภาพแวดล้อมโครงการแม้จะเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ในระยะที่เดินได้ง่าย แต่ด้วยความที่อยู่ในซอยย่อยอีกทีทำให้จำนวนรถที่ขับผ่าน หรือคนที่เดินผ่านโครงการนั้นมีไม่มากนัก บรรยากาศในซอยจริงค่อนข้างสงบ รูปแบบของธุรกิจที่เหมาะกับโครงการจึงจะเป็นรูปแบบที่ไม่ใช่หน้าร้านเป็นหลัก แต่เป็นสำนักงานขนาดเล็ก หรือต้อนรับลูกค้าที่มีการนัดหมายไว้ก่อน ไม่เน้น Walk-in มากนักจะเหมาะสมกว่านะคะ

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • The Nine Center พระราม 9 ~200 ม.
    • ราชมังคลากีฬาสถาน ~1.6 กม.
    • มหาวิทยาลัยรามคำแหง ~1.8 กม.
    • มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ~1.9 กม.
    • โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ~2.7 กม.
    • Maxvalu พัฒนาการ ~ 2.8 กม.

     


    เจาะลึกตัวโครงการ

    เริ่มจาก Master Plan โครงการค่อนข้างไม่มีอะไรยุ่งยาก ลักษณะจะเหมือนกับโครงการเปิด เพราะถนนทางเข้าสู่ตัวโครงการนั้นเป็นถนนสาธารณะที่ใช้ร่วมกับบ้านพักอาศัยรอบข้ามยาวไปจนสุดโครงการเลยค่ะ จะมีบริเวณด้านหน้าที่อยู่ติดกับถนนซอยเสรี 7 ที่เป็นถนนที่ทางโครงการซื้อที่มาเพื่อเปิดให้โครงการสามารถเดินทางเข้า-ออกได้สะดวกมากขึ้น ส่วนการจัดวางยูนิตนั้นก็จะเรียงไปตามขนาดของที่ดินที่เป็นขนาดยาวไปตามซอยนะคะ โดยมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 27 ยูนิตด้วยกันค่ะ

    ความเห็นของตัวโครงการจะค่อนข้างตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจที่ไม่ได้เน้นหน้าร้านมากนัก เช่น ร้านเสื้อผ้า หรือร้านคาเฟ่มากนัก เนื่องจากอยู่ในซอยย่อยที่ไม่ใช่ซอยถนนที่คนขับรถผ่านไปมามากนัก แต่จะเหมาะกับธุรกิจที่เป็นแนวออฟฟิศทำงานมากกว่า มีต้อนรับลูกค้าหรือผู้เข้ามาติดต่อเป็นครั้งคราว

    ถนนด้านหน้าโครงการที่เชื่อมกับซอยเสรี 7 นะคะ ถนนนี้มีความกว้างประมาณ 8 ม. ด้านข้างตกแต่งด้วยต้นไม้ดูสวยงาม ส่วนบริเวณที่กั้นป้ายโครงการอยู่นั้นจะเป็นตำแหน่งของยูนิตบ้านยาวเรียงไปตามทาง

    ถนนที่ทางโครงการใช้เป็นถนนสาธารณะที่ใช้ร่วมกับบ้านพักอาศัยในละแวกนี้นะคะ ซึ่งถนนสาธารณะด้านหน้าโครงการนั้นก็จะเชื่อมกับถนนย่อยๆ อีกหลายซอยด้วยกัน สามารถไปเชื่อมกับซอยใหญ่เพื่อตรงไปออกพระราม 9 หรือซอยรามคำแหง 24 (หัวหมาก) ได้

    ฝั่งตรงข้ามถนนโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบไม่วุ่นวายมากนักค่ะ

    ตรงมาอีกหน่อยเราก็จะเห็น Sale Office โครงการและบ้านตัวอย่างแล้วนะคะ สังเกตง่ายๆ คืออยู่ตรงข้ามกับร้านเบเกอรี่ นม-เนย

     


    Product Walkthrough

    The Element Rama 9 โฮมออฟฟิศ 5 ชั้น พร้อมกับลิฟต์ส่วนตัว ด้วยการตกแต่งในรูปแบบสไตล์ Modern เน้นโทนสีเรียบง่าย และเล่นวัสดุตกแต่งด้านหน้า (Facade) ด้วยกระจก ระแนงเหล็ก และไม้ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้เหมือนกับบ้านมากขึ้น จึงตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาออฟฟิศในย่านพระราม 9 และเป็นบ้านพักอาศัยภายในตัว

    สำหรับโครงสร้างของโครงการใช้ระบบ Conventional หรือระบบเสา-คาน ซึ่งระบบแบบเสาและคานนี้จะมีความคงทน หรือมีอายุการใช้งานที่มากพอสมควร เมื่อเทียบกับระบบสำเร็จรูปที่นิยมใช้ในการก่อสร้างอาคารในปัจจุบัน สามารถเจาะหรือต่อเติมเพิ่มเติมได้มากกว่าอีกด้วยเช่นกัน จึงค่อนข้างตอบโจทย์การจัดฟังก์ชันภายในของ Home Office ที่แต่ละหลังก็ใช้ในการประกอบธุรกิจที่แตกต่างกันไป

    ชั้น 1 แบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ พื้นที่จอดรถ และพื้นที่ภายในอาคาร โดยพื้นที่จอดรถนี้สามารถจอดได้ทั้งหมด 6 คันด้วยกัน ลักษณะการจอดจะเป็นแบบซ้อน 3 คัน เข้ามาด้านในอาคารสำหรับชั้นแรกถูกออกแบบให้วางฟังก์ชันสำหรับจัดเป็น Reception ต้อนรับแขก สามารถจัดวางเคาน์เตอร์ต้อนรับด้านหน้า พร้อมมีชุดโซฟาหรือที่นั่งไว้สำหรับให้ลูกค้า หรือผู้เข้ามาติดต่อนั่งรอได้ นอกจากนี้จะเพิ่มเติมเป็นพื้นที่คุยงานขนาดกะทัดรัดเพิ่มเติมได้ หากเป็นออฟฟิศที่มีผู้เข้ามาติดต่อเรื่องสินค้า ต้องการพื้นที่พรีเซ็นสินค้าให้ฟัง

    ส่วนด้านข้างเป็นตำแหน่งลิฟต์โดยสาร พร้อมห้องน้ำแยกชาย/หญิง ส่วนด้านหลังเป็นตำแหน่งของบันไดหลักของตัวบ้านนะคะ แต่จะมีการปิดประตูส่วนบันไดให้ในชั้น 1 นี้ เพื่อความเรียบร้อยและไม่รบกวนพื้นที่ชั้นบนที่ออกแบบไว้เป็นพื้นที่สำหรับทำสำนักงาน

    ขึ้นมาที่ชั้น 2 ออกแบบให้เป็นพื้นที่สำนักงาน โดยทางโครงการจะให้เป็นพื้นที่โล่งเพื่อให้ลูกบ้านสามารถจัดฟังก์ชันตามรูปแบบธุรกิจของตนเองได้อย่างอิสระมากขึ้น ส่วนที่มีไว้ให้เป็นมาตรฐานนั้นจะเป็นตำแหน่งลิฟต์ ห้องน้ำ 1 ห้อง และห้องเก็บของเรียงตามลำดับ ส่วนบริเวณหน้าบ้านจัดให้เป็นระเบียงขนาดใหญ่ สามารถมาทำกิจกรรมขนาดย่อมๆ ได้ เช่น จัดปาร์ตี้ ได้ค่ะ

    ขึ้นมาที่ชั้น 3 เป็นพื้นที่สำนักงาน ซึ่งพื้นที่ที่ได้จะเป็นพื้นที่โล่งเช่นเดียวกับชั้น 2 นะคะ แต่จะไม่มีระเบียงภายนอกเช่นเดียวกับชั้น 2 แล้ว ส่วนการจัดฟังก์ชันด้านในขึ้นอยู่กับทางเจ้าของว่าต้องการประกอบธุรกิจประเภทไหน สามารถจัดฟังก์ชันตามรูปแบบธุรกิจได้เลย ซึ่งทางโครงการได้มีการจัดฟังก์ชันภายในให้ดูเป็นตัวอย่างในการจัดวาง เช่นชั้น 2 จัดให้เป็นพื้นที่สำนักงานเป็นหลัก ชั้น 3 ขึ้นมาอาจจะทำเป็นชั้นสำหรับพนักงานระดับสูงขึ้นมาหน่อย มีการกั้นห้องทำงานที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น และจัดห้องประชุมได้

    ชั้น 4 นี้เป็นชั้นที่ทางโครงการออกแบบไว้ให้สามารถปรับเปลี่ยนเป็นชั้นสำหรับพักอาศัยได้ จะสังเกตได้จากห้องน้ำในชั้นนี้มีพื้นที่อาบน้ำให้เรียบร้อย ซึ่งหากปรับให้เป็นพื้นที่พักอาศัยก็สามารถทำได้ ไม่ต้องทำพื้นที่อาบน้ำเพิ่มเติม โดยจะแตกต่างจาก ชั้น 1-3 ที่เป็นห้องน้ำแบบ Powder Room มาตรฐาน นอกจากนี้ก็มีเดินท่อต่างๆ ไว้สำหรับวาง Pantry ครัวทำอาหารได้อีกด้วยค่ะ (ตำแหน่งตามแปลน) ส่วนอื่นๆ ก็จะเป็นพื้นที่เปล่าให้เผื่อไว้สำหรับลูกค้าจัดเป็นชั้นสำนักงานได้เช่นเดิม

    สำหรับใครที่ต้องการจัดให้ชั้น 4 เป็นพื้นที่อาศัยนั้น ก็สามารถจัดวางฟังก์ชันตามแปลนที่ทางโครงการออกแบบไว้ให้ได้เลยคือสามารถจัดเป็นห้องนอน 1 ห้อง และพื้นที่ด้านหน้าเป็น Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และ Pantry ครัวไว้ด้วยกัน พร้อมมีระเบียงขนาดกำลังดีในการใช้งานจริงได้ เช่นไว้สำหรับซักล้าง หรือจะจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นริมระเบียงส่วนตัวก็ได้เช่นกัน

    สำหรับชั้น 5 เป็นชั้นที่พิเศษกว่าชั้นอื่นๆ คือเป็นชั้นที่ออกแบบไว้ให้เป็นชั้นพักอาศัยเลย ลักษณะจะเป็นห้อง Master Bedroom พร้อมห้องน้ำในตัวและมี Walk-in Closet ถัดออกมาด้านนอกเป็นระเบียงขนาดใหญ่ สามารถจัดฟังก์ชันแบบ Outdoor ได้หลากหลาย เช่น จัดสวนกระถาง หรือ จะต่อเติมเป็นห้องเพิ่มเติมก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะทางโครงการได้เตรียมโครงสร้างไว้รองรับสำหรับต่อเติมเพิ่มได้ในอนาคต

    เริ่มต้นจากบริเวณทางเข้าของ Home Office นะคะ ด้านหน้าเลยมีการทำพื้นลาดเอียงไว้ให้ เนื่องจากพื้นภายในที่ดินมีการยกระดับสูงขึ้นเล็กน้อย ซึ่งช่วยในเรื่องของการระบายน้ำ และช่วยในเรื่องกรณีน้ำท่วมได้ดีระดับนึงทีเดียวค่ะ

    สำหรับพื้นของที่จอดรถออกแบบไว้สำหรับจอดรถได้ถึง 6 คันด้วยกัน โดยตัวพื้นใช้โครงสร้างเป็น Slab on Beam หรือพื้นที่มีเสาเข็มลึกถึง 20 ม. จัดเป็นความยาวเดียวกับตัวอาคารเลยทีเดียว มีความแข็งแรงและการทรุดตัวของโครงสร้างที่น้อยกว่า Slab on Ground มากทีเดียวค่ะ เหมาะกับการทำเป็นที่จอดรถที่ต้องการรองรับถึง 6 คัน

    สำหรับประตูรั้วบ้านใช้เป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติแบบเดินรางโค้งเก็บด้านข้างให้เรียบร้อย ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานแม้ไม่มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับเลื่อนประตูบานเลื่อน

    สำหรับพื้นที่ด้านข้างทางโครงการจะมีการปูหญ้าให้เป็นมาตรฐาน โดยรูปแบบของสวนนั้นจะมีลักษณะจะคล้ายคลึงกับสวนในบ้านตัวอย่างเลยค่ะ

    มาที่หลังบ้านกันต่อนะคะ บริเวณหนังบ้านนี้จัดให้เป็นลานซักล้างซึ่งลักษณะของลานนั้นจะเป็นลานพื้นคอนกรีตแบบ Slab on Ground คือไม่ได้มีเสาเข็มด้านล่างการใช้งานจะไม่ได้เน้นรับน้ำหนักมากนัก การใช้งานจะเป็นรูปแบบการซักล้างทำความสะอาดเป็นหลักค่ะ

    ส่วนด้านหลังของบ้านที่ติดกับลานซักล้าง เป็นพื้นระเบียงที่ใช้โครงสร้างเดียวกับตัวบ้านบริเวณนี้มีการตอกเสาเข็ม ลูกบ้านสามารถวางเครื่องซักผ้า หรืออยากจะก่อเคาน์เตอร์เพื่อใช้งานต่างๆได้มากขึ้นก็สามารถทำได้

    เงยหน้าขึ้นมาดูด้านบนเราจะเห็นบันไดหนีไฟตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 5 ด้านบนนะคะ ส่วนบันไดจากชั้น 2 ลงมาชั้น 1 นั้นทางโครงการกำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะติดตั้งบันไดในลักษณะแบบไหน เพิ่มบันไดที่ตอบโจทย์น่าจะเป็นลักษณะคล้ายกับบันไดลิงที่สามารถพับเก็บขึ้นไปยังชั้น 2 ได้ และหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินสามารถดึงบันไดลิงลงมาอย่างชั้น 1 ได้

    กลับมาที่บริเวณหน้าทางเข้าบ้านกันต่อนะคะ บริเวณหน้าบ้านนี้ตกแต่งด้วยกระจกแบบเข้ามุมทั้ง 2 ฝั่งซึ่งตัวกระจกจะสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดาน ทำให้สามารถมองเห็นเข้ามาอย่างภายในได้ดี ให้ความรู้สึกต้อนรับและโปร่งโล่งได้ดี ในขณะเดียวกันบริเวณทางเข้านั้นน่าจะมีการทำเฉลียงเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้รถถอยขับเข้ามาชนถึงกระจกได้

    เข้ามาภายในชั้นล่าง บริเวณนี้ออกแบบให้เป็นส่วน Reception หรือส่วนต้อนรับซึ่งพื้นที่ที่ได้จริงจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่สามารถจัดพื้นที่เองได้ความเหมาะสมของธุรกิจลูกค้า สร้างหลักหลักแล้วสามารถวางชุดเคาน์เตอร์ต้อนรับพร้อมชุดโต๊ะเก้าอี้หรือชุดโซฟาได้ประมาณ 2-3 ชุด ในส่วนของวัสดุปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ด้านบนใช้ดวงโคมแบบดาวน์ไลท์

    ถัดมาฝั่งซ้ายมือนั้นสิ่งแรกที่เราเห็นคือลิฟท์โดยสาร สร้างโฮมออฟฟิศถูกหลังของโครงการจะได้ลิฟท์โดยสารเป็นมาตรฐานทั้งหมด 1 ตัว ถัดไปนั้นเป็นห้องน้ำแยกหญิงและชาย  ส่วนด้านในสุดกันประตูออกไปยังส่วนลานซักล้าง

    ภายในห้องน้ำชั้นนี้จะแยกชาย/หญิง ไว้สำหรับต้อนรับแขกหรือผู้เข้ามาติดต่อ ลักษณะห้องน้ำจะเป็นแบบ Powder Room นะคะ ฝั่งขวามือเป็นเคาน์เตอร์อ่างขนาดใหญ่ มีพื้นที่วางของด้านข้างพอสมควร มาพร้อมกับกระจกเงาขนาดใหญ่สูงถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียว และฝั่งตรงข้ามอ่างจะเป็นโถสุขภัณฑ์

    สำหรับสุขภัณฑ์ในห้องน้ำชายจะมี 2 สุขภัณฑ์ด้วยกันคือโถปัสสาวะชายและชักโครกมาตรฐาน ทั้งหมดจาก Kohler

    สำหรับห้องน้ำหญิงการตกแต่งก็จะมีความคล้ายคลึงกันกับห้องน้ำชายนะคะ โดยใช้ยี่ห้อและสเป็คสุขภัณฑ์จาก Kohler เช่นกัน

    มีแตกแต่างกันเล็กน้อยคือห้องนี้จะไม่มีโถปัสสาวะชาย และมีช่องแสงขนาดใหญ่ได้ความโปร่งโล่งมากขึ้น แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เป็นส่วนตัวนะคะ เพราะหน้าต่างที่ให้มานี้เป็นแบบกระจกฝ้า มองเข้ามาไม่เห็นด้านใน

    จากชั้น 1 เราจะขึ้นมาทางโถงบันไดที่อยู่ด้านในสุดของตัวบ้าน บันไดนี้เป็นทางขึ้นหลักเช่นเดียวกับลิฟต์โดยสาร ใครทำงานในชั้นล่างๆ หน่อย เช่นชั้น 2 ซึ่งเดินขึ้น-ลงไม่ลำบากมากนักก็สามารถใช้บันไดนี้เดินขึ้น-ลงได้เลยค่ะ ตัวบันไดทั้งลูกตั้งและลูกนอนใช้ปูด้วยพื้นกระเบื้องมาตรฐาน

    ขึ้นมาที่ชั้น 2 เรียบร้อยแล้ว ฝั่งขวาสุดของรูป (ตำแหน่งด้านหลังของบ้าน) เป็นทางหนีไฟด้านนอก ประตูตรงกลางเข้าไปจะเป็นส่วนห้องเก็บของนะคะ ซึ่งจะมีให้ในชั้น 1 ถึงชั้น 4 เลย สำหรับให้ชั้นทำงานนั้นๆ มีพื้นที่ในการเก็บเอกสารต่างๆ แยกแต่ละชั้นเลยจะได้ไม่ต้องเดินขึ้น-ลงเอาของบ่อยนัก และประตูฝั่งซ้ายมือสุดนั้นจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำค่ะ

    ซึ่งห้องน้ำตั้งแต่ชั้น 1-3 นั้นจะเป็นห้องน้ำเดี่ยวใช้ร่วมทั้งหญิงและชายนะคะ ลักษณะจะเป็น Powder Room เหมือนชั้นล่างเลยค่ะ แต่มีขนาดกว้างกว่าพอสมควรนะคะ

    สุขภัณฑ์มีให้ทั้งแบบโถปัสสาวะชาย และโถสุขภัณฑ์มาตรฐานจาก Kohler เช่นเดิม

    จากห้องน้ำ ถัดไปก็จะเป็นลิฟต์โดยสารแล้วค่ะ

    สำหรับพื้นที่ส่วนสำนักงานในบ้านมาตรฐานจะได้แบบ Bare Shell คือเป็นพื้นที่โล่งไม่มีการตกแต่งให้ ตามภาพด้านล่างเลยนะคะ ส่วนหน้าต่างในชั้นนี้ได้เยอะพอสมควรเลยค่ะ ช่วยให้ภายในบ้านโปร่งโล่งได้ดีมากทีเดียว

    การจัดวางภายในก็สามารถจัดโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ได้ดี รองรับจำนวนพนักงานในชั้นนี้ได้ประมาณ 12-15 คนได้กำลังดี

    บริเวณหน้าบ้านเป็นประตูบานเลื่อนกระจก และกระจกบาน Fixed ตลอดผนังช่วยให้แสงภายนอกเข้ามาได้ดีพอสมควรเลยค่ะ

    นอกจากนี้บริเวณระเบียงด้านหน้านั้นทางโครงการก็ให้รั้วเหล็กแบบบานเฟี้ยมมาให้เป็นมาตรฐานอีกด้วยนะคะ ซึ่งข้อดีมากๆ ของการที่ได้บานเฟี้ยมนี้เลยคือช่วยบังสายตาจากภายนอกได้ดีมาก และนอกจากนี้ก็สามารถกันแดดภายนอกได้ระดับนึง แสงไม่สะท้อนเข้ามายังพื้นที่ภายในมากนักและไม่แสบตา

    พอเมื่อเปิดประตูบานเฟี้ยมมาจะเห็นว่าระเบียงส่วนนี้ค่อนข้างใหญ่มากทีเดียวนะคะ สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ระเบียงได้เลย ส่วนราวกันตกที่ได้เป็นกระจกใส มองออกไปภายนอกได้กว้างขวางมากขึ้นและดูสวยงาม

    กระถางต้นไม้และต้นไม้ก็มีทำให้เป็นมาตรฐานนะคะ เพื่อสร้างความร่นรื่นร่มเงาให้ตัวระเบียงและตัวบ้านได้พอสมควรเลยนะคะ โดยต้นไม้ที่ให้จะเป็นพันธุ์มะฮอกกานีค่ะ

    ขึ้นมาที่ชั้น 3 ลักษณะการจัดวางจะเป็นเหมือนชั้น 2 เลยนะคะ คือมีห้องเก็บของ ห้องน้ำและลิฟต์โดยสารตามลำดับเช่นเดิม

    ส่วนพื้นที่บริเวณสำนักงานการตกแต่งและเนื้อที่จะเท่าๆ กับชั้น 2 เลยนะคะ มีความแตกต่างกันเล็กน้อยคือด้านข้างไม่มีหน้าต่างและไม่มีระเบียงใหญ่บริเวณด้านหน้าบ้านแล้ว จึงค่อนข้างที่จะได้ความสงบมากกว่าหน่อย เหมาะกับการจัดสรรฟังก์ชันภายในที่ต้องการความเงียบระดับนึง เช่นห้องประชุม ห้องทำงานผู้บริหาร เป็นต้น

    บริเวณด้านหน้าบ้านจะเป็นฝั่งเดียวที่ได้ช่องแสงเป็นประตูบานเลื่อนกระจกและบานกระจกแบบ Fixed สลับกันไปนะคะ ซึ่งบริเวณนี้หากต้องการจะจัดเป็นังก์ชันห้องชัดเจน ก็แนะนำให้กั้นด้วยบานกระจกเช่นเดียวกับบ้านตัวอย่าง เพื่อให้พื้นที่ใช้สอยด้านในแสงสว่างสามารถเข้าถึงได้ดี ไม่ทึบหรือต้องพึ่งแสงสว่างจากหลอดไฟมากนัก

    ด้านข้างติดกับลิฟต์สามารถจัดเป็นส่วน Pantry ได้นะคะ แม้ทางโครงการจะไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ให้แต่ก็จะมีการเดินท่อต่างๆ ไว้ให้เรียบร้อย

    บริเวณด้านหน้าบ้านนั้นมีระเบียงยื่นออกมาเล็กน้อย สามารถออกไปใช้งานได้บ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่จะไม่เท่ากับระเบียงชั้น 2 ที่ออกแบบให้สามารถทำกิจกรรมได้จริง รวมถึงระแนงเหล็กที่ใช้บังสายตาจากภายนอกก็จะให้เป็นแบบ Fixed ไม่ใช่แบบบานเฟี้ยมนะคะ

    ขึ้นมาที่ชั้น 4 กันแล้ว รูปแบบการจัดวางส่วนห้องเก็บของ ห้องน้ำและลิฟต์ยังเหมือนเดิมนะคะ

    ส่วนที่แตกต่างมาหน่อยคือภายในห้องน้ำที่ได้ขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับได้พื้นที่อาบน้ำเพิ่มมาด้วย เผื่อไว้สำหรับลูกบ้านต้องการจัดชั้น 4 เป็นชั้นพักอาศัยก็ย่อมทำได้เช่นกันค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งส่วนเปียกและแห้งไว้เป็นสัดส่วนโดยการกั้นพื้นที่ด้วยฉากกั้นกระจกสวยงาม

    บริเวณโซนแห้งประกอบด้วยอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์จาก Kohler เช่นเดิม บริเวณด้านหลังโถสุขภัณฑ์ทำ Low Wall ขนาดกะทัดรัดไว้ให้สำหรับวางของใช้ได้เล็กน้อย

    สำหรับบริเวณด้านในพื้นที่อาบน้ำส่วนฝักบัว ผนังจะใช้ตกแต่งด้วยกระเบื้องดำเล่นลายสวยงาม มี Low Wall และช่องไว้สำหรับวางครีม และของเครื่องใช้พอสมควรเลยค่ะ ที่พิเศษคือทางโครงการทำระบบน้ำร้อนไว้ให้พร้อมเสร็จสรรพเลย

    มาที่บริเวณภายในชั้น 4 กันต่อนะคะ ส่วนนี้ในบ้านจริงจะได้เป็น Bare Shell เช่นเดียวกับชั้น 2 เลยค่ะ ซึ่งบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งมาให้เป็นตัวอย่างในลักษณะทำชั้นนี้เป็นชั้นพักอาศัยนะคะ โดยฝั่งตรงข้ามกับห้องน้ำนั้นสามารถกั้นเป็นห้องนอนได้ 1 ห้อง หรือใครอยากจะกั้นเป็นห้องอเนกประสงค์ต่างๆ ก็ได้เช่นกันนะคะ

    ภายในห้องนอนสามารถจัดเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี อีกฝั่งก็จัดเป็นส่วนโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้ มีมุมด้านในที่เป็นกระจกใส 2 ฝั่ง ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาภายในห้องได้ดีค่ะ

    ด้านหน้าบ้านออกแบบให้เป็นส่วน Common Area เป็นพื้นที่เชื่อมระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร พร้อมได้กระจกที่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานทำให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นทีเดียวค่ะ

    ติดกับพื้นที่รับประทานอาหารทางโครงการจัดไว้ให้เป็นพื้นที่ของ Pantry ครัวโดยการเตรียมท่อและงานระบบต่างๆ ไว้ให้เรียบร้อยค่ะ

    และติดกับพื้นที่รับประทานอาหารอีกฝั่งจะเป็นส่วนระเบียงภายนอกขนาดกะทัดรัดให้สามารถออกไปสูดอากาศด้านนอก หรือนั่งเล่นได้

    พื้นระเบียงในส่วนนี้ปูด้วยกระเบื้องลายไม้ ราวกันตกใช้เป็นราวกระจกสวยงามค่ะ

    ขึ้นมาที่ชั้น 4 วัสดุปิดผิวลูกนอนและลูกตั้งก็เปลี่ยนจากกระเบื้องไปเป็นการใช้วัสดุไม้แดงแทนนะคะ เพื่อให้เหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้น

    บริเวณชั้น 5 นี้ขึ้นมาแล้วเราจะเจอกับส่วน Foyer ก่อนเป็นอันดับแรก บริเวณนี้สามารถจัดเป็นพื้นที่ที่ใช้งานได้นะคะ เช่น Built-in ชั้นวางของต่างๆ ได้ หรือจะทำเป็นพื้นที่บูชาพระก็ได้เช่นกันค่ะ ส่วนในฝั่งซ้ายมือนั้นเป็นประตูทางเข้าส่วนพักอาศัยในชั้นนี้นะคะ

    ลักษณะห้องพักอาศัยจะเป็นเหมือนห้อง Studio คือเป็นพื้นที่โล่งไม่ได้มีกั้นผนังไว้ให้ เพื่อให้ลูกบ้านได้มีอิสระในการจัดสรรพื้นที่ด้วยตัวเอง โดยสิ่งที่ทางโครงการให้มาเฉพาะชั้นนี้คือพื้น ฝ้า ผนัง สำหรับพื้นใช้เป็น Engineering Wood, ฝ้าได้ฉาบเรียบติดตั้งดวงโคมดาวน์ไลท์มาตรฐาน และผนังเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ ภายในสามารถวางเตียงนอนขนาดใหญ่ 5-6 ฟุตได้สบาย และยังเหลือพื้นที่ด้านข้างที่จัดเป็นพื้นที่ทำงานส่วนตัว พื้นที่แต่งตัวหรือจะจัดชุดโซฟาไว้สำหรับนั่งเล่นนอนเล่นก็ยังได้นะคะ สุดทางเป็นประตูบานเลื่อนกระจกออกไปยังระเบียงภายนอก

    ในส่วนของปลายเตียงนั้นจะมีพื้นที่ไว้สำหรับทำ Walk-in Closet โดยเฉพาะและฝั่งซ้ายของรูปคือทางเข้าห้องน้ำ

    สำหรับพื้นที่ Walk-in Closet ให้มาขนาดใหญ่พอสมควรนะคะ สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่รูปตัว L ได้เลยค่ะ

    ถัดมาที่ส่วนห้องน้ำลักษณะจะเป็นทางเดินยาวก่อนจะเจอส่วนอ่างล้างมือนะคะ เนื่องจากด้านข้างทางเดินฝั่งขวานั้นเป็นช่องว่างของลิฟต์โดยสารที่ชั้น 5 จะไม่ได้มีลิฟต์ขึ้นมาแล้วนั่นเองค่ะ

    มาที่ส่วนห้องน้ำจริงๆ จะอยู่ด้านในนะคะ แบ่งเป็นส่วนอ่างล้างมือ โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำ เป็นสัดส่วนชัดเจนเลย ในส่วนของโถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำจะมีบานกระจกใสบานเลื่อนที่สามารถเลื่อนกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นตามพื้นที่การใช้งานเรา เช่นเราอาบน้ำก็เลื่อนบานเลื่อนมาฝั่งพื้นที่อาบน้ำเพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นออกมายังพื้นที่ส่วนแห้งด้านนอก

    สำหรับอ่างล้างมือนั้นมีขนาดเท่าๆ กับห้องน้ำชั้นล่างนะคะ แต่ส่วนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือได้ขนาดใหญ่ทีเดียว สามารถวางของได้เยอะทีเดียวค่ะ ด้านล่างก็สามารถเก็บของได้มากเช่นกัน

    ส่วนพื้นที่อาบน้ำได้ขนาดใหญ่ทีเดียวนะคะ ฝั่งซ้ายมีกระจกฝ้าให้ด้วย ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาภายในได้ดีค่ะ ส่วนฝักบัวเฉพาะชั้น 5 นี้จะได้ฝักบัว 2 แบบด้วยกัน คือฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower

    ในส่วนของระเบียงภายนอกนั้นบ้านมาตรฐานจะได้ตามรูปล่างนะคะ คือพื้นเป็นคอนกรีตขัดมันมาตรฐาน ราวกันตกเป็นราวระเบียงเหล็ก บริเวณนี้ลูกบ้านสามารถจัดเป็นพื้นที่สวนพร้อมพื้นที่นั่งเล่นเหมือนบ้านตัวอย่าง (รูปบน) หรือหากลูกบ้านต้องการทำเป็นพื้นที่ใช้สอยภายในเพิ่มเติม คือต่อเติมเป็นห้องเลยก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ เพราะทางโครงการได้เตรียมงานโครงสร้างไว้ให้เผื่อลูกบ้านต้องการต่อเติมแล้ว

     

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 July 2015

    • Home Office แปลงที่ A1 ที่ดิน 57 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 450 ตร.ม. ราคา 26.9 ล้านบาท
    • Home Office แปลงที่ B1 ที่ดิน 53.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 450 ตร.ม. ราคา 27.9 ล้านบาท
    • Home Office แปลงที่ B11 ที่ดิน 85 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 450 ตร.ม. ราคา 40.4 ล้านบาท

    • จอง 200,000 บาท
    • ทำสัญญา 1,500,000 บาท
    • ดาวน์ 80%
    • ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
    • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
    • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
    • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ The Element Rama 9 เป็นโครงการ Home Office ระดับ Luxury บนทำเลพระราม 9 เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ที่มองหา Home+Office ในย่านนี้ที่อยู่ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ดังในย่านอย่าง The Nine Center พระราม 9 เพียง 200 ม. และใกล้ถนนพระราม 9 เดินทางได้สะดวกทั้งรถยนต์และรถสาธารณะ รูปแบบโครงการตอบโจทย์ธุรกิจรูปแบบออฟฟิศมีพนักงานประจำเข้า-ออก หรือธุรกิจค้าขายที่ไม่เน้น Walk-in เป็นหลัก เน้นต้อนรับลูกค้าที่มีการนัดหมายไว้ก่อน

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง – จัดเป็นจุดเด่นของโครงการก็ว่าได้ค่ะ เพราะเรียกได้ว่าอยู่ในย่านความอุดมสมบูรณ์สูงในย่านนี้เลยก็ว่าได้ นอกจากอยู่ใกล้กับ The Nine Center พระราม 9 ในระยะเดินได้แล้ว บรรยากาศโดยรอบก็มีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่มากมายให้เลือก ขยับออกไปไกลอีกหน่อยประมาณ 1-1.5 กม. ก็เป็นย่านที่เรียกกันว่าย่านหลังม.ราม หรือถนนหัวหมากที่มีร้านค้า ร้านอาหารเรียงรายตลอดแนวถนน เรียกว่าคึกคักมากทีเดียว ซึ่งจะะคึกคักมากๆ ในช่วงเย็นถึงดึกเลย

    ส่วนการเดินทางจัดว่าสะดวกทั้งใกล้ถนนพระราม 9 แล้วก็ยังมีตัวเลือกในการเดินทางได้หลากหลายเพราะตัวซอยโครงการเองสามารถเชื่อมไปออกถนนหัวหมากได้ โดยถนนหัวหมากนี้เป็นถนนที่สามารถเชื่อมเข้าถนนรามคำแหงและศรีนครินทร์ได้อีกที มีตัวเลือกในการเดินทางและลัดเลาะง่าย เลี่ยงรถติดได้พอสมควรในช่วงเวลาเร่งด่วน นอกจากนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัชอีกด้วยนะคะ ในส่วนใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นหลัก เช่นพนักงาน ก็จัดว่าเดินทางได้สะดวกเช่นกัน เพราะสามารถมาลงรถที่ The Nine Center พระราม 9 แล้วเดินมายังโครงการได้เลย หรือขากลับจะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ เรียกรถแท็กซี่ หรือรถสาธารณะอื่นๆ ก็ไม่ยากค่ะ ส่วนใหญ่จุดรวมตัวเลยคือบริเวณ The Nine นั่นเอง

    การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย – ตัวโปรดักส์ออกแบบมาเน้นพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ถึง 450 ม. ซึ่งเทียบกับโครงการข้างเคียงแล้ว จัดว่าเป็นโปรดักส์ที่มีพื้นที่ใช้สอยพอสมควร ตอบโจทย์ออฟฟิศที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีพนักงานประมาณ 20-30 คนก็สามารถรองรับได้ การจัดวางฟังก์ชันภายในค่อนข้างอิสระ ขึ้นอยู่กับทางลูกค้าว่าประกอบธุรกิจแบบไหน ส่วนชั้น 4-5 ออกแบบให้เป็นส่วน Residental หรือพื้นที่พักอาศัย ซึ่งชั้น 4 เองก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทำงานได้เช่นกัน และดูจะเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากเป็นชั้นที่ลิฟต์สามารถขึ้นมาได้ ดังนั้นความเป็นส่วนตัวก็จะมีไม่มากนัก หากต้องการเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอาจจะต้องกั้นพื้นที่ส่วนลิฟต์ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นเพิ่มเติมเอง แต่ชั้น 4 นี้ก็จะมีให้ห้องน้ำที่มีที่อาบน้ำในตัว เผื่อไว้สำหรับลูกบ้านต้องการต่อเติมเป็นชั้นพักอาศัย ไม่ต้องต่อเติมพื้นที่อาบน้ำเพิ่มเติม หรือขึ้นไปอาบน้ำได้เฉพาะชั้น 5

    วัสดุ – ขายในรูปแบบ Bare Shell ในชั้น 2-4 เพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนและจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับธุรกิจตนเองได้ ส่วนชั้น 1 และชั้น 5 นั้นมีการปูพื้น ฝ้าเพดาน ผนังให้เรียบร้อยค่ะ สำหรับชั้น 1 ใช้เป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 80×80 ซม. ส่วนชั้น 5 ใช้พื้น Engineering Wood สุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก Kohler พร้อมระบบทำน้ำร้อนเฉพาะห้องน้ำชั้น 4 และ 5 นอกจากนี้ทางโครงการก็ให้ลิฟต์ 1 ตัวจาก Mitsubishi เป็นมาตรฐานในทุกยูนิตนะคะ

    สาธารณูปโภค – โครงการไม่มีสาธารณูปโภคนะคะ ลักษณะโครงการจะเป็นโครงการเปิด ใช้ถนนสาธารณะเป็นทางสัญจรเป็นหลัก จะมีเพียงถนนทางเข้า-ออกโครงการขนาดสั้นๆ ที่เป็นของทางโครงการโดยถนนนี้จะเชื่อมกับซอยเสรี 7 ค่ะ และมีรปภ.ดูแล 24 ชม. ซึ่งเมื่อเทียบกับการเก็บค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.วา/เดือน ก็จัดว่าค่อนข้างแพงพอสมควรนะคะ

    Judgement

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับแพคเกจ 26.9 – 40.4 ล้านบาท, 13 July 2015

    • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 9/10 – ใกล้ The Nine ใกล้ถนนพระราม 9 และลัดเข้าถนนได้หลากหลายเส้น
    • ความปลอดภัย 5/10 – มีป้อมรปภ.อยู่บริเวณหน้าทางเข้าโครงการฝั่งที่ติดกับซ.เสรี 7
    • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7.5/10 – จัดพื้นที่ให้สามารถใช้พื้นที่ได้เต็มที่ มีอิสระในการจัดสรรพื้นที่ตามรูปแบบออฟฟิศตัวเอง
    • วัสดุ 7/10 – ให้มามาตรฐาน
    • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 5/10 – มีสวนตกแต่งให้ไม่มากอยู่บริเวณหน้าโครงการ ส่วนถนนเป็นถนนสาธารณะ
    • สาธารณูปโภค 5/10 – มีรปภ.ดูแล และถนนขนาดสั้นๆ ที่ทางโครงการเปิดพื้นที่ให้ลูกบ้านเดินทางเข้า-ออกจากซอยเสรี 7 ได้สะดวก
    • 7.18 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The Element Rama 9 เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ที่มองหา Home+Office ในย่านพระราม 9 ใกล้ The Nine Center พระราม 9  เดินทางได้สะดวกทั้งรถยนต์และรถสาธารณะ มีธุรกิจรูปแบบออฟฟิศมีพนักงานประจำเข้า-ออก หรือธุรกิจค้าขายที่ไม่เน้น Walk-in เป็นหลัก

    ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )