ปก2

รีวิวฉบับที่ 1166 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ The Connect สุวรรณภูมิ 3 ทาวน์โฮม 2 ชั้น จากพฤกษา ในซอยกิ่งแก้ว 37 อยู่ติดกับโครงการรุ่นพี่อย่าง The Connect สุวรรณภูมิ 2 ซึ่งภายในซอยนี้ก็มีโครงการของพฤกษาอยู่หลายโครงการ สำหรับใครที่มองหาทาวน์โฮมหลังเล็ก ราคาหยิบจับง่าย ไปชมโครงการพร้อมๆ กันเลยค่ะ

Fact @ 8 September 2016

  • The Connect Suvarnabhumi 3 (เดอะคอนเนค สุวรรณภูมิ 3)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน)
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้าน ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
  • เนื้อที่โครงการ 18 ไร่ จำนวน 209 ยูนิต
  • Type 1 ที่ดิน 18.20 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 96.50 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.7 ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
  • Type 2 ที่ดิน 20.40 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 113.50 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.7 ม.   3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • เพดานชั้น 1 สูง 2.6 เมตร, ชั้น 2 สูง 2.5 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 50,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : มิถุนายน 2559
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ประมาณกลางปี 2560
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 02-101-6817
  • Call Center : 1739

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ

Banner2 (1 of 1)


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.699666, 100.715486

The connect plan &map (1 of 1)

แผนที่จากทางโครงการ The Connect สุวรรณภูมิ 3 แสดงตำแหน่งโครงการอยู่ในซอยกิ่งแก้ว 37  และโครงการอยู่ห่างจากสถานีแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีลาดกระบัง 6.8 กม. และห่างสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 10 กม. นอกจากนี้ยังใกล้ถนนวงแหวนตะวันออก, มอเตอร์เวย์และทางด่วนบูรพาวิถี ทำให้มีเส้นทางที่เข้าออกเมืองที่หลากหลายค่ะ

The Connect เพิ่ม (2 of 3)

ทำเลโครงการ The Connect สุวรรณภูมิ 3 นี้ตั้งอยู่ในซอยกิ่งเเก้ว 37 เข้าจากถนนกิ่งแก้วไปประมาณ 2 กม. ซึ่งเป็นซอยตันเข้าออกทางถนนกิ่งแก้วได้ทางเดียว โดยถนนกิ่งแก้วนี้เป็นที่ถนนเชื่อมระหว่างลาดกระบัง บางนา-ตราด และเทพารักษ์ ต่อไปยังสมุทรปราการได้ เป็นถนนขนาด 4-8 ช่องทางจราจร สภาพบรรยากาศในย่านกิ่งแก้วจะไม่ค่อยมีอะไรมากนักเนื่องจากอยู่ในย่านชานเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม, โกดังสินค้า, บริษัทขนส่งสินค้า ส่วนโครงการพักอาศัยจะเป็นแนวราบเป็นหลักทั้งบ้าน, ทาวน์โฮม, อาคารพาณิชย์, ร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์ และจะคึกคักหน่อยบริเวณตลาดบางพลีใหญ่(กื่งแก้ว) ซึ่งจะอยู่ตรงแยกติดกับถนนบางนา-ตราด และจะคึกคักอีกที่ตรงแถวรพ.จุฬารัตน์ 9 ซึ่งจะติดกับซอยกิ่งแก้ว 25/1 ที่เป็นซอยลัดไปออกถนนเลียบวงแหวนกาญจนาได้ ทำให้แถวรพ.และซอย 25/1 มีพวกอพาร์ทเม้นต์ ร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์ก็เปิดตามมา ทำให้คึกคักขึ้น นอกจากนี้ยังมีแหล่งช้อปปิ้งใหม่ๆเกิดขึ้นบนถนเส้นนี้อย่าง Lotus Express ซึ่งก็ทำให้มีร้านกาแฟ ร้านอาหารเปิดตามมาในบริเวณนั้น เป็นต้น ในส่วนของ ซอยกิ่งแก้ว 37 เป็นถนน 2 เลนไปกลับ บรรยากาศในช่วงต้นซอยจะเป็นกลุ่มบริษัทขนส่งสินค้าและโกดังเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ในซอยจะมีรถบรรทุกขับเข้าออกอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีหอพักซึ่งส่วนใหญ่คนเช่าก็คือคนที่ทำงานในละแวกนั้น และมีร้านค้าเล็กๆในซอยให้พึ่งพิงได้นิดหน่อย

การเดินทางเหมาะสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก จากซอยกิ่งแก้ว 37 สามารถเข้าเมืองได้หลายเส้นทาง ทั้งทางถนนมอเตอร์เวย์ สามารถวิ่งตรงไปจนถึงพระราม 9 ได้ หรือใช้ทางพิเศษบูรพาวิถีฝั่งถนนบางนา-ตราดก็สามารถเข้าเมืองฝั่งพระราม 3, พระราม 4 ได้ ส่วนถ้าจะออกเมืองก็ใช้เส้นลาดกระบังวิ่งไปถึงฉะเชิงเทราได้ และสามารถใช้ถนนบางนา-ตราดออกไปชลบุรีได้ค่ะ

ส่วนการเดินทางโดยระบบรถสาธารณะที่ผ่านหน้าโครงการไม่มีนะคะ ที่ใกล้สุดจะมีบนถนนกิ่งแก้วซึ่งต้องออกไปหน้าปากซอยระยะ 2 กม. โครงการจึงเหมาะกับคนใช้รถมากกว่า แต่ถ้าต้องกาเดินทางโดยไม่ใช้รถก็สามารถเรียกพี่วินได้ จะมีวินที่อยู่หน้าปากซอยกิ่งแก้ว ซึ่งให้พี่ยามเรียกมารับที่โครงการได้ ค่าวินจากโครงการประมาณ 20-25 บาท แล้วต่อจากหน้าปากซอยก็จะมีรถสองแถว รถแท็กซี่ ให้เลือกใช้บริการทั้งที่วิ่งไปทางลาดกระบังและที่วิ่งไปตลาดบางพลีใหญ่(กื่งแก้ว)ค่ะ หรือถ้าจะใช้ระบบรางที่ใกล้สุดคือ Airport Rail Link สถานีลาดกระบัง ห่างจากโครงการไป 6.8 กม.ค่ะ ใครที่จะเดินทางเข้าเมืองก็สามารถขับรถออกจากโครงการไปจอดแล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปได้เลยค่ะ

The Connect เพิ่ม (1 of 1)-2

เนื่องจากที่ตั้งโครงการ The Connect สุวรรณภูมิ 3 อยู่ลึกจากปากซอยทางเข้าหลักบนถนนกิ่งแก้ว 54 มาประมาณ 2 กม. ทำให้ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการในระยะเดิน (ประมาณ 500 ม.)ไม่มีนะคะ จะมีตลาดใหญ่ที่ใกล้ที่สุดคือบางพลีใหญ่(กื่งแก้ว) ซึ่งอยู่ตรงแยกถนนกิ่งแก้วตัดบางนา-ตราด ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 10 กม. นอกจากนี้ก็ยังมีตลาดย่อยๆอย่างตลาดสดหน้าหมู่บ้านกฤษณา แถวบริเวณซอยกิ่งแก้ว 14/1 จะมีร้านขายตามอาคารพาณิชย์ ร้านค้าแผงลอย ให้เลือกช้อปกันพอสมควร

เส้นกิ่งแก้วนี่จะไม่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่แบบ Magnet ต้องขยับมาทางเส้นบางนา ก็จะมีตั้งแต่ห้างเล็กไปจนถึงห้างใหญ่, ศูนย์รวมวัสดุต่างๆ และโรงพยาบาล ค่อนข้างครบครัน รถราที่วิ่งบนถนนกิ่งแก้วส่วนใหญ่จะเป็นรถรถบรรทุก หรือรถที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเป็นหลัก เรื่องความอุมสมบูรณ์ของเส้นกิ่งแก้วก็มีของกินให้เลือกพอสมควรแต่จะเป็นแนวที่ตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของหนุ่มสาวโรงงานซะเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากตัวโครงการอยู่ในซอยทำให้อาหารกินในระยะใกล้ๆเดินได้ไม่มีเลยนะคะ จากโครงการวิ่งทาออกทางถนนลาดกระบัง ตรงไปเรื่อยๆผ่านแยกลาดกระบังจะมีคอมมูนิตี้มอลล์ที่ใกล้สุดคือ The Paseo ซึ่งภายในมีร้านอาหารต่างๆเหมือนตามคอมมูนิตี้มอลล์ในเมืองแต่จำนวนร้านจะไม่เยอะเท่า แต่ถ้าต้องการความครบครันก็คงจะเป็น Mega Bangna  ที่จะสะดวกและครบครันสุดตอนนี้ค่ะ

The Connect เพิ่ม (1 of 1)-3

จากโครงการก็มีตัวช่วยในการเดินทางอย่าง Airport Rail Link ที่เป็นช่วยในการเดินทางเข้าเมืองในเวลาเร่งด่วนเช้าเย็นค่ะ สถานีใกล้สุดจะเป็นสถานีลาดกระบังที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 6.8 กม. เป็นระยะที่ต้องนั่งรถไปนะคะ ถ้าใครขับรถส่วนตัวก็จะมีที่จอดรถอยู่โดยรอบสถานี สามารถจอดแล้วขึ้น ARL เข้าเมืองไปได้ การเดินก็ใช้ถนนกิ่งแก้ววิ่งไปทางถนนลาดกระบัง ผ่านแยกลาดกระบังแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนร่มเกล้า ตรงไปอีกนิดเดียวก็ถึงสถานีแล้วค่ะ

นอกจากนี้สำหรับใครที่วิ่งเข้าเมืองก็จะมีตัวช่วยอย่างมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี สายใหม่ โดยทางเข้ามอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้าเมืองมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 7 กม. เป็นอีกทางเลือกไว้เลี่ยงรถติดบนเส้นอ่อนนุช สามารถวิ่งเข้าเมืองไปพระราม 9 ได้สะดวก

ส่วนทางเข้ามอเตอร์เวย์ฝั่งขาออกชลบุรี มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 8.3 กม. โดยเลี้ยวขวาที่แยกลาดกระบังเข้าถนนร่มเกล้า ตรงไปจะมีทางเข้ามอเตอร์เวย์ค่ะ ขากลับก็ย้อนทางเดิมได้เลยค่ะ

สำหรับเส้นทางที่จะพาไปโครงการในวันนี้ จะใช้เส้นทางจากถนนบางนา-ตราด ที่เลือกเส้นทางนี้เพราะจะพาไปดูเส้นทางที่เชื่อมต่อกับ Mega Bangna ศูนย์การค้าที่ครบครันที่สุดในย่านนี้ โดยจะเริ่มต้นบนถนนบางนา-ตราด ฝั่งตรงข้าม Mega Bangna วิ่งเข้าถนนกิ่งแก้ว จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยกิ่งแก้ว 37 ตรงเข้าซอยไปประมาณ 2 กม. จะเข้าสู่เวิ้งของโครงการพฤกษาหลายโครงการ โครงการนี้จะอยู่ทางขวาริมบ่อน้ำใหญ่ค่ะ

เริ่มต้นบนถนนบางนา-ตราด กม. 10 ฝั่งตรงข้ามเป็น Mega Bangna ศูนย์การค้าที่ใหญ่สุดในย่านนี้ มีครบทั้งโรงหนัง, Big C, IKEA, Homepro, Major Cineplex, Robinsonและร้านค้า ร้านอาหาร แบรนด์เนมต่างๆ ครบครันในที่เดียว ซึ่งวันเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะมาก หากขับรถมาต้องวนหาที่จอดรถอยู่เหมือนกัน อีกฝั่งหนึ่งเป็น Tesco Lotus สาขาราม 2 จะเหมาะกับการช้อปปิ้งซื้อของกินของใช้ในบ้านเป็นส่วนใหญ่

ตรงมาจะเจอป้ายบอกทางออกไปถนนกิ่งแก้วให้ชิดซ้ายก็ขับตามป้ายไป ก่อนทางออกถนนบางนา-ตราดจะมีทางเข้าที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ซึ่งมีรถวิ่งเข้าค่อนข้างเยอะเหมือนกันทำให้เราชิดซ้ายออกยากหน่อย และบางส่วนเป็นรถบรรทุกด้วย ก็ระวังกันนิดนึงค่ะ

ชิดซ้ายมาเรื่อยๆก็ถึงทางออก มีจุดสังเกตทางออกคือซ้ายมือจะมีหมู่บ้านนาราสิริค่ะ

จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยจะมีป้ายว่าถนนกิ่งแก้วให้เตรียมเลี้ยวซ้าย ซึ่งก่อนทางเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกิ่งแก้วจะต้องผ่านสะพานข้ามคลองลากข้าวก่อน เป็นจุดสังเกตอีกจุดหนึ่งของทางเข้าถนนกิ่งแก้วค่ะ

ลงมาจากสะพานข้ามคลองจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกิ่งแก้ว ฝั่งขวาจะมี Homepro Village บางนากิ่งแก้ว ภายในมี Tesco Lotus, Homepro ร้านอาหารและร้านขายเสื้อผ้าให้ช้อปปิ้งได้นิดหน่อย เป็นแหล่ง Hang-Out อีกที่หนึ่งของคนในย่านนี้ ซึ่งถ้าต้องการแค่ซื้อของเข้าบ้านและกินข้าวชิวๆกับครอบครัว ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งแทนที่จะไป Mega Bangna เพราะ Homepro ตรงนี้หาที่จอดรถได้สะดวกกว่า ส่วนอีกฝั่งหนึ่งตรงข้าม Homepro เป็นตลาดบางพลีใหญ่ ภายในมีขายทั้งอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป

เลี้ยวเข้าถนนกิ่งแก้วมาแล้วบรรยากาศโดยรวมริมถนนจะเป็นร้านค้าร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์เป็นส่วนมาก ก็ทำให้คนในละแวกนี้มีตัวเลือกสำหรับของกินอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้หวือหวาอะไรแบบร้านดังในเมือง อย่างเช่น ไก่ย่าง 5 ดาว, ร้านข้าวต้ม, ร้านก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ ก็มีให้เห็นตลอดทาง

จากตรงนี้เราจะตรงไปเรื่อยๆ มุ่งไปทางลาดกระบังค่ะ

บรรยากาศโดยรอบนอกจากอาคารพาณิชย์แล้วก็จะมีปั๊ม สลับกับโรงงาน หอพัก และที่ดินเปล่า ไปตลอดทาง

ตรงมาเรื่อยๆ ก็มีร้านอาหารให้ได้พึ่งพิงอีกร้านเป็นร้าน ก๋วยเตี๋ยวโบราณ นายหน่อง ในร้านขายทั้งก๋วยเตี๋ยว หมูสเต๊ะ ขนมถ้วย ราคาไม่แรงค่ะ

กลุ่มอาคารพาณิชย์บางช่วงบนถนนเส้นนี้ก็เปิดเป็นร้านซ่อมรถ ซ่อมแอร์ ขายวัสดุก่อสร้าง มีให้เห็นตลอดทาง เห็นกลางวันดูมีร้านค้าเปิดกันมากมายแบบนี้ กลางคืนพอร้านปิดก็ค่อนข้างเปลี่ยวเลยนะคะ

เส้นทาง The Connect (11 of 20)

ตรงไปอีกหน่อยผ่าน รพ. จุฬารัตน์ ซึ่งบริเวณหน้าโรงพยาบาลรถจะติดมากหน่อยเมื่อเทียบกับตำแหน่งอื่นๆบนถนนเส้นนี้ เพราะมีทั้งรถโรงพยาบาล, รถมารับ-ส่งผู้ป่วยที่เตรียมเลี้ยวเข้าออก อีกทั้งรพ.ยังติดกับซอยกิ่งแก้ว 25/1 ที่เป็นซอยลัดไปออกถนนเลียบวงแหวนกาญจนาฯได้ โดยภายในซอยจะค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยมีหมู่บ้าน ร้านค้า ตลาด โรงงาน คอนโด อพาร์ทเม้นท์ อยู่ในซอยนี้ ทำให้เป็นอีกซอยหนึ่งที่คนที่อยู่อาศัยและทำงานในย่านนี้นิยมขับมาหาของกินค่ะ

ขับมาอีกไม่ไกลก็ถึงซอยกิ่งแก้ว 37 แล้ว เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปเลยค่ะ

map connect LR (10 of 1)

จากหน้าปากซอยกิ่งแก้ว 37 ก็ขับรถเข้าไปตามทางอีก 2 กม. ถนนมี 2 เลน ไปกลับ ก็จะลำบากหน่อยเวลาที่เข้ามาในซอยแล้วเจอกับรถบรรทุกค่ะ

หน้าปากซอยฝั่งขวาจะมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ค่ะ เรียกเข้าไปโครงการราคาอยู่ที่ 20-25 บาท

เข้ามาด้านในช่วงต้นซอยจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ 3-4 ชั้น บางแปลงเป็นโกดังเก็บสินค้า

เข้ามาอีกหน่อยฝั่งซ้ายจะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ของบริษัทในซอยนี้ซึ่งทำเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าเป็นส่วนใหญ่ ก็จะเห็นรถบรรทุก รถพ่วงวิ่งเข้าออกอยู่เสมอ

ตรงตามทางเข้ามาจะมีทางบังคับเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ก็ตามทางไปค่ะ บรรยากาศด้านในซอยก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆเหมือนกับบริเวณต้นซอยที่เป็นอพาร์ทเม้นท์ บริษัทขนส่ง และโกดังสินค้าค่ะ

เข้ามาเรื่อยๆประมาณ 1.5 กม. แล้วข้ามคลองบัวเกราะมาจะเข้าสู่กลุ่มหมู่บ้านพฤกษา มีทั้งโครงการบ้านเดี่ยวอย่าง พฤกษาปูริ โครงการทาวน์โฮมรุ่นพี่อย่าง The Connect สุวรรณภูมิ 1 และ 2 ส่วนทางเข้า The Connect สุวรรณภูมิ 3 ให้เลี้ยวขวาไปตามซอยกิ่งแก้ว 37 ค่ะ

แล้วตรงไปในซอยกิ่งแก้ว 37 เรื่อยๆ มองไปทางซ้ายจะเห็นทางเข้าโครงการอยู่ไกลๆค่ะ

ขับเลียบบ่อน้ำมาเรื่อยๆ ก็จะถึงทางเข้าโครงการอยู่ฝั่งขวา ส่วนฝั่งซ้ายคือโครงการ  The Connect สุวรรณภูมิ 1 ค่ะ

Surrounding (1 of 1)**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ The Connect สุวรรณภูมิ 3 ในถนนซอยกิ่งแก้ว 37 เป็นถนนกว้าง 2 เลน ไปกลับ ในช่วงต้นซอยจะเป็นกลุ่มบริษัทขนส่งสินค้าและโก ซึ่งจะเห็นรถบรรทุกวิ่งเข้าออกซอยนี้ค่อนข้างมาก สลับกับอพาร์ทเม้นต์ 3-5 ชั้น ที่อยู่อาศัยบริเวณนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าเป็นคนที่ทำงานในละแวกกิ่งแก้ว เทพารักษ์ หรือลาดกระบังเป็นหลักนะคะ เพราะไม่ต้องเดินทางไปกลับบ้านไกลๆ เหมือนคนที่ทำงานในเมือง ถ้าขยับจากช่วงต้นซอยเข้ามาด้านในหลังจากข้ามคลองบัวเกราะไปแล้วจะเป็นกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยของพฤกษา ซึ่งมีอยู่ด้านใน 3 โครงการ โครงการนี้เป็นโครงการที่ 4 ค่ะ

โดยมีพื้นที่ที่ติดต่อกับโครงการคือ

  • ด้านทิศเหนือ ติดกับหมู่บ้าน Prime Nature Villa
  • ด้านทิศใต้ ติดถนนด้านหน้าโครงการกว้าง 2 เลน ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นบ่อน้ำ
  • ด้านทิศตะวันออก ติดกับที่ดินเปล่า
  • ด้านทิศตะวันตก ติดกับโครงการ The Connect 2

สำหรับใครที่กังวลเรื่องเสียงจากสนามบิน เท่าที่ลองเดินรอบๆใช้เวลาในโครงการอยู่ประมาณ 3-4 ชม.ก็ไม่ได้ยินเสียงเครื่องบินแบบดังๆนะคะ อาจจะได้ยินอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ตั้งใจจะฟังก็ถือว่าเบาค่ะ ที่เป็นแบบนี้เพราะตำแหน่งที่ตั้งของโครงการไม่ได้อยู่ในแนว ขึ้น-ลง ของเครื่องบินโดยตรงแต่อยู่ด้านข้างเลยไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนักค่ะ

เรามาดูสภาพแวดล้อมที่ติดกับที่ดินของโครงการกันนะคะ ภายในเส้นประสีเหลืองเป็นพื้นที่ของ The Connect สุวรรณภูมิ 3 ถัดไปจากโครงการคือที่ดินเปล่าค่ะ


อีกฝั่งหนึ่งขอบเขตของโครงการคือเส้นประสีเหลืองด้านขวา ส่วนหมู่บ้านที่ติดกับฝั่งซ้ายของโครงการคือโครงการรุ่นพี่อย่าง The Connect สุวรรณภูมิ 2 ค่ะ

The Connect เพิ่ม (1 of 1)

ฝั่งตรงข้ามเป็นบ่อน้ำ อีกฝั่งของบ่อน้ำถ้ามองไปตรงๆจะเป็นหมู่บ้านพฤกษาปูริ และทางขวามือเป็นโครงการรุ่นพี่อีกโครงการ The Connect สุวรรณภูมิ 1 ค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • The Paseo Mall ~ 6.8 กม.
  • รพ.จุฬารัตน์ 9 ~ 7.2 กม.
  • Tesco Lotus Express ~ 8.5 กม.
  • สนามบินสุวรรณภูมิ ~ 9 กม.
  • ตลาดบางพลีใหญ่(กิ่งแก้ว) ~ 10 กม.
  • Makro ~ 10.5 กม.
  • โฮมโปรวิลเลจ สุวรรณภูมิ ~ 12.2 กม.
  • รพ.จุฬารัตน์ 1 ~ 12.3 กม.
  • Mega Bangna ~ 15.7 กม.
  • มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เฉลิมพระเกียรติ ~ 16 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

Surrounding (1 of 1)-2

มาดูที่ตัวโครงการ The Connect สุวรรณภูมิ 3 เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น 209 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการ 18 ไร่ ซึ่งโครงการเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีกำหนดจะเสร็จทั้งโครงการประมาณกลางภายในปี 2560 ค่ะ ซึ่งปัจจุบันตัวบ้านตัวอย่างและบ้านบางส่วนได้เสร็จแล้ว ส่วนพื้นที่สีเขียวส่วนกลางเสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งานแล้วนะคะ

ที่ดินของตัวโครงการรูปร่างที่ดินโดยรวมดูดีทีเดียว เพราะมีระยะจากด้านหน้าโครงการถึงท้ายสุดโครงการประมาณ 190 ม.เท่านั้น เป็นระยะที่บ้านหลังในสุดสามารถเดินมาทางยังสวนส่วนกลาง ที่อยู่บริเวณทางเข้าโครงการได้สบายๆ ทางเข้าออกของโครงการจะเข้าจากถนนซอยกิ่งแก้ว 37 เข้ามาในโครงการจะเป็นถนนหลักกว้าง 19 ม. วิ่งตรงไปด้านหลังโครงการ ซ้ายขวาแยกออกเป็นซอยอยู่อาศัยแต่ละซอยมีบ้านไม่เท่ากัน ถ้าซอยด้านซ้ายจะมีจำนวนยูนิตในซอยเยอะหน่อยคือ 28 หลัง สูงสุดไม่เกิน 29 หลัง แต่ฝั่งขวาสูงสุดไม่เกิน 14 หลังไล่เข้าไปถึงด้านในสุดโครงการจำนวน 10 ซอย โครงการวางสวนส่วนกลางและสำนักงานนิติบุคคลไว้ติดกับป้อมยามบริเวณหน้าโครงการ ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวก

การวางตัวของบ้านแต่ละหลัง จะหันหน้าเข้าหาถนนซอยย่อยภายในโครงการไม่ได้หันเข้าถนนหลัก ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสำหรับการพักอาศัยที่ดี โครงการออกแบบจำนวนยูนิตในแต่ละซอยไม่เท่ากัน บางซอยย่อยมีจำนวนบ้านไม่เกิน 14 หลังจึงค่อนข้างจะน่าอยู่ทีเดียว แต่บางซอยก็เยอะถึง 29 ยูนิตก็จะแน่นๆหน่อย สำหรับซอยถนนซอยที่กว้าง 8 ม. เพราะหากมีรถของบ้านใดบ้านหนึ่งจอดหน้าบ้านแล้ว การเดินรถสวนกันก็จะทำได้ลำบากค่ะ ส่วนการเลือกตำแหน่งของบ้านก็จะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล สำหรับลูกบ้านที่ชอบความสงบแนะนำให้เลือกหลังที่อยู่ท้ายโครงการก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะจะไม่มีเพื่อนบ้านผ่านเข้าออกเยอะ ส่วนผู้ที่เน้นเข้าออกสะดวก ก็เหมาะจะเลือกหลังที่อยู่ด้านหน้าโครงการค่ะ

สำหรับทิศของบ้านในโครงการส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศเหนือและทิศใต้ แต่ก็มีหลังที่หันหน้าเข้าถนนหลักจะหันไปทางทิศตะวันออก บ้านที่หันไปทางเหนือแน่นอนว่าก็จะได้แสงที่ธรรมชาติหน่อย ไม่ค่อยแรงมาก ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศใต้จะได้แสงที่จ้ากว่าและลมที่แรงกว่าด้วย แบบบ้านของโครงการมีแบบเดียว แต่จะมีให้เลือกที่เป็นแปลงตรงกลางและแปลงมุม การเลือกบ้านขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้สอยและความชอบ หากเลือกแปลงมาตรฐานคือแปลงที่อยู่ตรงกลางจะไม่มีพื้นที่สวนด้านข้าง พื้นที่นอกบ้านจะมีพื้นที่จอดรถด้านหน้าบ้านและพื้นที่ด้านหลังบ้านเท่านั้นแต่ราคาก็จะถูกกว่าแปลงมุม สำหรับผู้ที่อยากมีสวนเล็กๆส่วนตัวในบ้านและมีงบประมาณเพิ่มขึ้นได้อีกหน่อยก็เลือกแปลงมุมได้

ซุ้มประตูหลักของโครงการที่เข้าจากถนนซอยกิ่งแก้ว 37 จะอยู่ลึกเข้าไปด้านใน ช่วยให้การจราจรด้านหน้าสะดวกมากขึ้น โดยเป็นโครงแบบมีหลังคาไว้หลบฝนหลบแดดได้ ทางเข้าโครงการเป็นคอนกรีตแสตมป์ โดยมีความกว้างถนนบริเวณหน้าซุ้มประตูประมาณ 22 ม. แบ่งเป็นทางเข้าออกฝั่งละ 9 ม., เกาะกลาง 2 ม. ซึ่งป้อม รปภ.จะอยู่บริเวณเกาะกลางเพื่อแยกฝั่งรถเข้า-ออกโครงการ ฟุตบาททางเดิน 2 ฝั่งมีระยะฝั่งละ 1 ม.

ทางเข้าสู่โครงการจะรักษาความปลอดภัยด้วยไม้กระดกกั้น สามารถใช้ Keycard Access ระยะใกล้ผ่านเข้าออกได้เลย สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตร ต้องติดต่อแลกบัตรเข้า-ออก ก็จะต้องทำการแลกบัตรกับพี่ รปภ. แล้วก็จะได้ใบกระดาษมาเพื่อจะต้องแสตมป์และยื่นให้พี่ยามในขาออก และมีทางเดินเท้าสำหรับคนเดินแยกไว้ต่างหากอีกทางหนึ่งค่ะ

ด้านข้างป้อมพี่รปภ.มีกล้อง CCTV ส่องคนขับในระยะใกล้ และมีเครื่องแสกน Keycard Access ระยะใกล้

ผ่านซุ้มโครงการเข้ามาที่ถนนหลักภายในโครงการซึ่งมีความกว้างไม่เท่ากัน ช่วงหน้าโครงการมีความกว้าง 19 ม. ทำให้ถนนด้านหน้าโครงการใช้งานได้สะดวกดี ส่วนถนนหลักด้านในจะมีความกว้างที่ 8 ม.เท่ากับถนนซอยนะคะ แต่ตอนนี้จะยังสร้างไม่เสร็จค่ะจึงไม่เห็นบรรยากาศด้านใน

จากทางเข้าโครงการฝั่งซ้ายจะเป็นสวนส่วนกลางของโครงการ ซึ่งโครงการลงต้นไม้ไว้ให้ทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่ม แต่ต้องรออีกหน่อยถึงจะให้ร่มเงาได้เยอะกว่านี้ซึ่งเป็นเรื่องปกติของโครงการเปิดใหม่นะคะ

มาดูภายในพื้นที่สวนกันนะคะ ภาพรวมของสวนจะเป็นต้นไม้ใหญ่สลับกับไม้พุ่มเตี้ยๆ ภายในสวนจะทำเป็นทางเดินไว้ ให้ลูกบ้านสามารถมาเดินเล่นได้

สวนเป็นแบบเปิดโล่งเข้าได้จากหลายๆด้านของสวน ภายในสวนนอกจากต้นไม้และทางเดินแล้ว ในอนาคตทางโครงการบอกว่าจะมีเครื่องเล่นเด็กและเครื่องออกกำลังกายติดตั้งให้ด้วยนอกจากนี้ภายในสวนจะมีมุมนั่งเล่นในร่มด้วยค่ะ

มีสนามเด็กเล่นพร้อมเครื่องเล่นเด็กพร้อมชิงช้า และไม้ลื่น

นอกจากนี้ยังมีม้าโยกอีก 3 ตัว สนามเด็กเล่นนี้เหมาะจะใช้งานในเวลาเช้าหรือเย็นเท่านั้นนะคะ เวลากลางวันแดดจัดเกินไปค่ะ

เดินเข้ามาด้านในจะมีมุมนั่งเล่นในร่มเป็นแบบกึ่ง Outdoor ให้สามารถมานั่งเล่นในตอนเย็นๆได้ค่ะ

เส้นทางในสวนที่สามารถใช้เดินเล่นได้ มีการออกแบบให้เป็นทางเดินเลี้ยวไปมาให้เกิดมุมมองภายในสวนที่หลากหลาย

จากภายในสวนมองไปฝั่งขวาจะเป็นทาวน์โฮมชุดแรกที่ถูกสร้างขึ้นเป็นบ้านตัวอย่าง และใช้เป็นสำนักงานขายในปัจจุบันด้วย โครงการ The Connect สุวรรณภูมิ 3 เป็นทาวน์เฮาส์ที่สร้างด้วย ระบบ Pre-casting และ Tunnelling โดยเอาแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปมาประกอบกันเป็นตัวบ้าน บ้านหลังแรกเป็นบ้านตัวอย่าง และหลังถัดไปเป็นบ้านเปล่าสำหรับใช้ส่งมอบให้ลูกบ้าน เพื่อให้ดูเป็นตัวอย่างว่าบ้านที่ลูกบ้านจะได้รับนั้นภายในจะได้อะไรบ้างนะคะ

 

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนสาธารณะ
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5  ม.
  • Key Card Access ระยะใกล้
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบรั้วกั้นไม้กระดก
  • ถนนหลักกว้าง 19 ม. และถนนภายในกว้าง 8 ม.


Product Walkthrough

โครงการ The Connect สุวรรณภูมิ 3 เป็นบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น มีจำนวนบ้านในโครงการทั้งหมด 209 หลัง แบ่งเป็น 2 แบบดังนี้ค่ะ

  • ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นแบบ 1 จอด – HX 1.5 ที่ดินมาตรฐาน 18.20 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 96.50 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.7 ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
  • ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นแบบ 2 จอด – HX 2 ที่ดินมาตรฐาน 20.40 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 113.50 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.7 ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

วันนี้จะพาไปชมบ้านตัวอย่างทั้ง 2 แบบเทียบกับบ้านเปล่าด้วยนะคะ จะได้เห็นว่าบ้านจริงที่ลูกบ้านจะได้นั้นเป็นแบบไหน โดยแบบแรกที่จะพาชมคือแบบ HX 2 ค่ะ

Plan 2 จอด

แบบ HX 2 เริ่มจากพื้นที่จอดรถที่สามารถจอดรถได้ 2 คัน ด้วยหน้ากว้าง 5.7 ม. ถือเป็นความกว้างที่สามารถจอดรถได้สบายและพอมีพื้นที่ทางเดินด้านข้าง ส่วนภายในบ้านเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับโถงเล็กๆหน้าบ้าน และออกแบบบันได้ไปติดด้านข้างบ้านเป็นแนวยาว ทำให้พื้นที่นั่งเล่นชั้นล่างได้เป็นพื้นที่โล่งๆ แบบที่สามารถวางโซฟาเข้ามุมได้ แต่ในส่วนพื้นที่นั่งเล่นนี้จะค่อนข้างดูทีวีลำบากหน่อยเพราะต้องหันไปทางด้านข้าง ซึ่งถ้าใครชอบใช้พื้นที่นั่งเล่นนี้นั่งดูทีวีบ่อยๆ ก็สามารถสลับพื้นที่กับพื้นที่รับประทานอาหารได้นะคะ แต่ก็จะแลกกับความรู้สึกแปลกๆ หน่อยที่มีพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ส่วนหน้าบ้าน ส่วนถัดไปคือพื้นที่รับประทานอาหารได้ขนาดยาวขึ้นมาอีกหน่อยวางโต๊ะขนาด 4-6 ที่นั่งได้

ถัดมาคือส่วนครัวและห้องน้ำในชั้นล่าง ซึ่งภายในมีการกั้นพื้นที่อาบน้ำเป็นสัดส่วน เวลาเร่งด่วนยามเช้าก็สามารถแบ่งสมาชิกในบ้านลงมาอาบในห้องชั้นล่างได้อีกห้องหนึ่ง ส่วนพื้นที่ครัวนี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุได้และดันส่วนครัวไปยังด้านหลังบ้านได้ค่ะ ชั้น 2 แบ่งเป็นห้องนอน 3 ห้อง และห้องน้ำที่ใช้ร่วมกัน 1 ห้อง โดยห้องนอนเล็ก 2 ห้องจะอยู่ฝั่งหลังบ้านและห้องนอนใหญ่จะอยู่ฝั่งหน้าบ้านได้พื้นที่ห้องใหญ่เต็มความกว้างบ้านเลยค่ะ

โดยรวมแล้วด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยทำให้ได้ห้องน้ำชั้นล่างที่มีพื้นที่อาบน้ำที่ชัดเจน สมาชิกในครอบครัวสามารถแบ่งปันกันใช้งานได้ แทนที่จะต้องรอห้องน้ำชั้นบนห้องเดียว รวมไปถึงเหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุในบ้านด้วย เพราะไม่ต้องทุบเพื่อขยายพื้นที่สำหรับห้องนอนและห้องน้ำเพิ่มเติม แค่กั้นผนังติดประตูให้เรียบร้อยตรงส่วนครัวก็จะได้ห้องนอนผู้สูงวัยได้แล้ว ถือเป็นทาวน์โฮมขนาดเล็กที่ปรับเปลี่ยนไม่มากนักก็สามารถตอบโจทย์บ้านที่มีผู้สูงอายุได้แล้ว

การตกแต่งบ้านภายนอกออกมาเรียบง่ายในสไตล์ Modern เน้นใช้สีขาว-เทา-ดำ ได้กระจกบานใหญ่ทำให้ตัวบ้านดูค่อนข้างโปร่งโล่ง มีระแนงด้านข้างสามารถบังสายตาส่วน CDU แอร์ได้

ภายนอกของบ้านที่จอดรถ 2 คันอยู่ส่วนหน้าบ้าน ประตูบานเปิดปิดหน้าบ้านเป็นทางเข้าหลัก บนชั้นสองส่วนหน้าบ้านเป็นห้องนอนใหญ่ที่ได้กระจกบานใหญ่ทางซ้ายมือ ส่วนหลังคาของตัวบ้านเป็นเพิงแหงนเข้าหาหน้าบ้าน ความยาวยื่นออกมาไม่เยอะ ทำให้บังแดดหรือฝนไม่ค่อยได้

ที่จอดรถหน้าบ้านสามารถจอดได้ 2 คัน สบายๆ ด้วยความกว้างของหน้าบ้าน 5.7 ม. และมีพื้นที่ด้านข้างพอดีๆ ให้เดินผ่านหรือเปิดประตูรถได้สะดวก ลักษณะหน้าบ้านที่ได้เป็นประตูทึบแบบนี้ก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นกว่าประตูบานเลื่อนนะคะ

ส่วนแสงสว่างก็ยังสามารถเข้าถึงภายในตัวบ้านได้จากหน้าต่างบานเลื่อนด้านข้างที่ได้ขนาดค่อนข้างใหญ่ และยังเปิดเพื่อระบายอากาศได้ดีด้วย ฝั่งซ้ายได้ติดตั้งปลั๊กไฟและ Stoper กันประตูชนกำแพงไว้เรียบร้อยค่ะ

บ้านตัวอย่าง ซึ่งเป็นบ้านหลังมุมก็จะมีพื้นที่เหลือด้านข้างสำหรับปลูกต้นไม้ ทำพื้นที่นั่งพักผ่อนในสวนได้ พื้นที่ด้านข้างจะเยอะจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละแปลงนะคะ อย่างบ้านตัวอย่างนี้มีพื้นที่ข้างบ้านเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 2 ม. จะปูพื้นเป็นแนวทางเดินไว้ เราสามารถเอาไปเป็นไอเดียในการตกแต่งได้นะค่ะ เพราะบ้านจริงจะเกลี่ยหน้าดินเรียบให้ไว้เฉยๆค่ะ

พื้นที่สวนด้านในสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นในสวนได้สบายๆ

ประตูทางเข้าบ้านเป็นบานสำเร็จรูปแบบผลักเข้า

The-connect-24-of-150

มือจับประตูเป็นแบบก้านโยก ขนาดจับพอดีมือมือค่ะ ประตูฝั่งนอกบ้านจะใช้กุญแจเป็นตัวล็อกค่ะ ส่วนด้านในจะเป็นตัวหมุนนะคะ

พื้นหน้าประตูยกระดับขึ้นจากพื้นลานจอดรถเพื่อแยกเป็นส่วนถอดรองเท้าหน้าบ้าน พื้นยกระดับนี้ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกผิวด้าน ที่มีความสูงขึ้นมา 8 ซม. มีข้อดีคือช่วยกันลื่นได้ ส่วนทางเข้าในตัวบ้านก็ยกระดับจากพื้นหน้าประตูอีกระดับหนึ่ง

พื้นภายในบ้านจะยกระดับสูงขึ้นจากเฉลียงประมาณ 7 ซม. ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาวขนาด 60 ซม.

The-connect-25-of-150

เข้ามาเจอส่วนโถงเล็กๆ ก่อน พื้นที่นี้บ้านตัวอย่างจัดเก้าอี้ตัวเล็กพร้อมกระจกด้านหลัง สำหรับนั่งคอย หรือไว้เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน ส่วนฝั่งซ้ายเป็นบันไดขึ้นชั้นบนค่ะ

เลี้ยวขวามาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมกับโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งพื้นที่นั่งเล่นนี้นั้นจะไม่ได้หันหน้าไปทางทีวีนะคะ สำหรับใครที่ชอบนั่งเล่นดูทีวีเพลินๆ เป็นหลักก็สามารถสลับพื้นที่กับส่วนรับประทานอาหารได้ ส่วนใครที่เน้นรับแขกบ่อยๆ การวางชุดโซฟาไว้ที่ด้านหน้าบ้านก็เหมาะสมกับการใช้งานดีค่ะ ในส่วนบ้านมาตรฐานที่ได้จะเป็นบ้านเปล่า ด้านบนได้โคมไฟทรงซาลาเปาค่ะ

The-connect-27-of-150

เข้ามาภายในบ้านแล้วมองกลับไปที่ประตูหน้าบ้านจะเห็นพื้นที่อยู่อาศัยทั้งหมดในชั้น 1 นะคะ ฝั่งขวาจะเป็นตำแหน่งของประตูบ้านติดกันเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 ค่ะ ส่วนฝั่งซ้ายไล่จากประตูเข้ามาจะเป็นพื้นที่วางโซฟาของห้องนั่งเล่น ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานข้าวค่ะ

มาดูรายละเอียดทีละจุดนะคะ พื้นที่โถงเล็กๆหน้าบ้าน สำหรับพื้นที่นี้สามารถ Built-in ชั้นวางของโชว์สวยๆ ได้ หรือทำเป็นมุมนั่งเล่นวางโซฟาเล็กๆ ก็ได้เช่นกัน

ด้านข้างโถงหน้าบ้านจะเป็นตำแหน่งของห้องเก็บของ โดยบ้านตัวอย่างจะ Built-in ผนังและประตูห้องเก็บของเพิ่มเติม ในส่วนนี้สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งบ้านได้

ห้องเก็บของสำหรับบ้านจริงที่ได้จะเป็นบานประตูสำเร็จรูป เปิดปิดด้วยมือจับขนาดกระทัดรัด ส่วนพื้นภายในห้องเก็บของเป็นพื้นเทคอนกรีตธรรมดาค่ะ

พื้นที่นั่งเล่นกว้างประมาณ 2.5 ม. พื้นที่ห้องนั่งเล่นจัดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งเข้ามุมไว้ ตรงนี้เป็นข้อดีของแปลนบ้านที่จัดตำแหน่งประตูไว้ด้านข้างจึงมีพื้นที่ให้วางโซฟาเข้ามุมได้ค่ะ แต่ถ้าครอบครัวที่มีสมาชิกเกิน 3 คนก็คงจะไม่พอนั่ง คงต้องหาเก้าอี้สตูลมาเพิ่มสำหรับเวลาที่นั่งดูหนังพร้อมกันทั้งครอบครัวค่ะ

ด้านหลังโซฟาเป็นหน้าต่างบานเลื่อนใหญ่สามารถมองออกไปหน้าบ้านได้และเป็นพื้นที่รับแสงธรรมชาติเข้าบ้านทำให้ภายในบ้านดูสว่างและโปร่งโล่ง ส่วนหน้าต่างด้านข้างนี้จะได้เฉพาะบ้านแปลงมุมเท่านั้นนะคะ

โดยสเปคของหน้าต่างจะเหมือนกับของทาวน์โฮมโครงการอื่นๆที่นิยมใช้ในสมัยนี้คือเป็นกรอบอลูมิเนียมอบสีดำ ตัวกระจกเป็นกระจกเขียวตัดแสงค่ะ ห้องนั่งเล่นก็จะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างตรงนี้นะคะ

มือจับของประตูบานสไลด์จะเป็นแบบฝังลงไปกับกรอบประตูนะคะ ประตูเป็นแบบล็อก 2 ชั้นคือ ตัวล็อกที่มือจับประตูและตัวล็อกก้นหอยอีกชั้นนึง ส่วนด้านหลังหน้าต่างจะติดกันชนไว้ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ

จากโซฟามองเข้าไปในบ้านจะเป็นตำแหน่งของโต๊ะทานอาหาร และตำแหน่งติดทีวีบนผนัง บ้านจริงที่ได้จะเป็นผนังโล่งๆนะคะ และดวงไฟได้เป็นโคมซาลาเปาค่ะ

ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารมีขนาดประมาณ 3 x 2.5 ม. สามารถวางโต๊ะอาหารขนาด 4-6 ที่นั่งได้

ฝั่งตรงข้ามเป็นผนังที่สามารถ Built-in ตู้วางทีวีหรือตู้เก็บของก็จะเพิ่มพื้นที่สำหรับเก็บของในบ้านได้ค่ะ

ติดกันจะเป็นส่วนครัว โดยจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ ติดตั้งท่อน้ำและปลั๊กไฟไว้เรียบร้อย ด้านข้างมีหน้าต่างให้ สำหรับระบายอากาศและความชื้นภายในครัวได้ดีค่ะ ในส่วนครัวนี้เราสามารถกั้นพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อนเพื่อทำเป็นส่วนครัวปิดได้นะคะ เพื่อให้เหมาะกับการทำครัว ทำอาหารหนักๆ ได้ดี ส่วนใครที่มีผู้สูงอายุในบ้านก็สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันส่วนนี้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้แต่ก็จะไม่ได้พื้นที่ใหญ่มากเหมือนห้องนอนขนาดมาตรฐาน สามารถวางเตียงขนาด Single Bed เล็กๆ ได้ค่ะ ส่วนการกั้นห้องสำหรับห้องนอนผู้สูงอายุนั้นควรทำเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เพราะสามารถเลื่อนเปิดได้กว้าง ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวกกว่าค่ะ

ตำแหน่งการจัดวาง Pantry ของบ้านตัวอย่างจัดให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ในครัวสามารถจัดเคาท์เตอร์เป็นรูปตัว L ได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมเผื่อที่เว้นสำหรับตู้เย็น ทางที่ดีถ้าจะเอาเรียบร้อยเหมือนในบ้านตัวอย่างก็ควรจะทำเป็นครัว Built-in ให้ช่างมาวัดพื้นที่ แล้วเราก็บอกความต้องการเขาไป

อ่างล้างจานอยู่ตรงกับตำแหน่งหน้าต่าง ซึ่งเป็นกระจกบานเลื่อน บานเดี่ยว วงกบอลูมิเนียมสีดำ พร้อมตัวล็อค หน้าต่างในตำแหน่งนี้จะสามารถช่วยเรื่องระบายอากาศและความชื้นจากบริเวณอ่างล้างจานได้ค่ะ

ในพื้นที่ห้องครัวก็จะมีประตูห้องน้ำอยู่ด้านในประตูเป็นบานสำเร็จรูป มีช่องระบายอากาศด้านล่างเล็กๆ ประตูเป็นแบบเปิดเข้า

พื้นห้องน้ำลดระดับลงไป 3 ซม. ภายในปูกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม.

ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกและแห้งได้เช่นเจนชัดเจน โดยเข้ามาจะเป็นอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงา ฝั่งตรงข้ามอ่างเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์และด้านในเป็นพื้นที่อาบน้ำค่ะ แต่จะไม่ได้ให้ฉากกั้นนะคะ ซึ่งเราสามารถติดตั้งเองได้ไม่ยาก โดยฉากกั้นกระจกที่เหมาะกับพื้นที่ที่มีความกว้างไม่มากคือฉากกั้นบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ถ้าจะใช้บานเปิดก็ได้นะคะแต่ควรเช็คระยะบานเปิดหน่อยว่าติดกับฝักบัวหรือผนังไหมเพราะมีขนาดพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มากนัก

อ่างล้างมือขนาดกะทัดรัดจาก Kohler

อีกฝั่งหนึ่งของประตูเป็นตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์

โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบสองชิ้นยี่ห้อKohler หรือเทียบเท่า มากับสายฉีดชำระตามมาตรฐานโครงการ และที่แขวนกระดาษชำระยี่ห้อ Karat และด้านข้างมีการเว้นพื้นที่ไว้นิดหน่อยสำหรับการหยิบทิชชู่ได้ค่ะ

map connect LR (10 of 1)

ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีระดับเดียวกันกับพื้นห้องน้ำส่วนแห้งยกธรณีขึ้นเล็กน้อยแยกส่วนเปียกชัดเจน กันน้ำไหลออกมาด้านนอก ขนาดพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 1 ม. กะทัดรัดค่ะ

ผนังในพื้นที่อาบน้ำติดตั้งฝักบัวพร้อมที่วางสบู่ให้เรียบร้อย ยี่ห้อ Engfield ขนาดฝักบัวกะทัดรัด จับได้ถนัดมือดีค่ะ

ถัดมาฝั่งตรงข้ามห้องครัวก่อนจะถึงส่วนลานซักล้างมีพื้นที่เล็กๆ กว้างประมาณ 1.5 ม. ทำเป็นพื้นที่ทำงานเล็กๆ ได้ค่ะ

ประตูบานเลื่อนออกไปยังส่วนซักล้างด้านหลังบ้านแตกต่างจากบ้านหลังแรกนะคะ เพราะได้เป็นประตูบานเลื่อนเปิดได้ 2 ด้านจากตรงกลางออกด้านข้างและเป็นแบบ 4 ตอน ทำให้ได้ช่องเปิดกว้างขึ้นมาหน่อย มีพื้นที่ทางเดินหลังเปิดประตูแล้วประมาณ 1 ม.

ตัวรางของประตูถูกกดให้มีระดับที่เท่ากับพื้นกระเบื้องด้านในตัวบ้าน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสะดุดบานประตูนะคะ พื้นหลังบ้านจะลดระดับลงจากพื้นบ้านประมาณ 10 ซม.

พื้นที่หลังบ้านจะมีงานระบบทั่วไปมารอไว้อยู่แล้ว ซึ่งบ้านตัวอย่างจะจัดสวนไว้เป็นตัวอย่าง แต่บ้านจริงทางโครงการจะเทปูนขัดเรียบไว้ให้ ขนาดของพื้นที่หลังบ้านถูกออกแบบให้กว้าง 2 ม. เป็นระยะมาตรฐานทั่วไป ซึ่งขนาดพอทำครัวไทยขนาดเล็ก-กลางได้ ด้านข้างประตูมีปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำ ติดให้ 1 ตำแหน่ง ซึ่งมีข้อดีคือสามารถเสียบปลั๊กไฟเพื่อใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบริเวณนอกบ้านได้สะดวก สำหรับการต่อเติมอย่าลืมดูเรื่องข้อกฎหมายด้วยนะคะ ส่วนรั้วรอบบ้านนี้มีความสูงประมาณ 1.8 ม.

บ้านจริงก็จะได้เป็นพื้นที่โล่งๆแบบนี้นะคะ จะมีปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบ ติดตั้งไว้ให้ 1 ตำแหน่งค่ะ

กลับมาในตัวบ้านไปดูชั้น 2 กันต่อนะคะ ทางขึ้นจะอยู่ด้านข้างติดกับหน้าประตูทางเข้าบ้านเลย ด้านข้างติดกระจกบาน Fixed ให้ เพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาในส่วนโถงบันได ดูสว่างขึ้นมาหน่อยโดยไม่ต้องเปิดไฟส่วนโถงบันไดในตอนกลางวัน

ช่องแสงของบันไดจะจัดไว้ติดฝั่งผนังด้านหน้าตัวบ้านช่วย เพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาในส่วนโถงบันได ดูสว่างขึ้นมาหน่อยโดยไม่ต้องเปิดไฟส่วนโถงบันไดในตอนกลางวัน

บันไดเพื่อขึ้นไปชั้นบนบ้าน ตัวบันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตกว้างประมาณ 90 ซม. ปิดผิวด้วยไม้ยางพาราประสาน ทำสีไม้จริง ความกว้างของพื้นที่เดินอยู่ที่ประมาณ 1 ม. และเนื่องจากพื้นที่บันไดค่อนข้างแคบลูกตั้งของบันไดที่นี่เลยสูงกว่าปกติเวลาเดินขึ้นต้องระวังหน่อยนะคะ แต่ตัวลูกนอนถือว่าเป็นขนาดมาตรฐานค่ะ

ลักษณะของบันไดเป็นรูปตัว U หรือบันไดแบบพับผ้า ส่วนชานพักบันไดเป็นแบบบันไดสามเหลี่ยมเข้ามุมซึ่งจริงๆชานพักควรจะเป็นขั้นสี่เหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่พอให้ยืนพักได้ แต่เนื่องจากฝ้าสูงและมีพื้นที่บันไดน้อยจึงต้องยอมเปลี่ยนชานพักเป็นบันไดเข้ามุมแทน ส่วนราวบันไดนี้นั้นเป็นส่วนตกแต่งของบ้านตัวอย่างซึ่งในบ้านจริงจะไม่ได้ให้นะคะ ใครที่มีผู้สูงอายุในบ้านเดินไม่สะดวกมากนักก็แนะนำให้ติดราวบันไดเหมือนบ้านตัวอย่าง เพื่อความปลอดภัยและอาจลดอุบัติเหตุในบ้านได้ด้วยนะ

ขึ้นมาด้านบนจะเจอชานพักด้านหน้า เพื่อแยกไปยังห้องต่างๆค่ะ ประกอบด้วย 3 ห้องนอน ได้แก่ ห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก 2 ห้องและห้องน้ำ 1 ห้อง

มาดูฝั่งห้องนอนเล็กกันก่อนนะคะ ตำแหน่งห้องนี้อยู่ด้านหลังบ้าน บานประตูห้องนอนเป็นบานสำเร็จรูป มือจับได้ลูกบิดกลมธรรมดา ฝ้าเพดานบนชั้นนี้จะมีความสูงที่น้อยกว่าชั้นล่างอยู่นิดนึง อยู่ที่ 2.5 ม. ค่ะ

ส่วนพื้นของห้องนอนจะเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. ปูยาวจากโถงทางเดินเข้าไปเลยนะคะ ไม่ได้มีขอบธรณีกั้นค่ะ เวลากวาดพื้นทางเดินก็ระวังฝุ่นเข้าห้องนอนด้วยนะคะ

พอเปิดประตูมาประมาณ 150 องศาก็จะมี Doorstop ให้ก่อนที่ลูกบิดจะไปกระแทกกับผนังอีกฝั่งหนึ่ง ตัว Doorstop นี้มีติดตั้งให้ทุกๆห้องนอนทั้งเล็กและใหญ่

ห้องนอนเล็กของบ้านขนาดห้องกะทัดรัดเหมาะกับการวางเตียงขนาดเล็ก 3.5 ฟุต เพื่อให้พอมีพื้นที่ทางเดินเดินได้สะดวก ด้านข้างเตียงสามารถวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้ค่ะ

ส่วนผนังที่ติดกับโถงบันไดและประตูทางเข้าห้องมีพื้นที่เล็กๆ หลบเข้าไประหว่างเสาเหมาะกับการ Built-in หรือวางตู้เสื้อผ้าในส่วนนี้โดยไม่ไปกินพื้นที่ทางเดิน และตู้เสื้อผ้าควรใช้เป็นบานเลื่อนนะคะ ด้วยขนาดพื้นที่ห้องที่จำกัดการใช้ตู้เสื้อผ้าแบบบานเปิดก็จะไม่กินพื้นที่ทางเดินเช่นกันค่ะ

ภายในมีมุมเล็กๆ สำหรับวางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้

มีพื้นที่เหลือสำหรับเดินขึ้นเตียง และเป็นทางเดินในห้องประมาณ 1.65 ม. กว้างพอควรค่ะ ไม่อึดอัด

ห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่งจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยจากห้องแรก ตำแหน่งของห้องนี้อยู่ด้านหลังบ้านเช่นกัน ลักษณะของห้องนี้เป็นแนวยาว สามารถวางเตียงขนาด 3.5 – 5 ฟุตได้ สำหรับห้องแปลงมุมจะได้หน้าต่างทั้ง 2 ด้าน ระบายอากาศได้ดี

ส่วนทิศทางการวางตำแหน่งหัวเตียงนั้นจะวางด้านข้างแบบนี้ตามห้องตัวอย่างก็ได้แต่จะมีทางเดินขึ้นเตียงแค่ทางเดียว ด้านข้างเตียงอีกฝั่งและปลายเตียงไม่มีทางเดินแล้ว นอกจากจะ Built-in หรือวางโต๊ะอย่างห้องตัวอย่างค่ะ ใครที่ติดดูทีวีในห้องนอนก็เปลี่ยนเป็นแขวนทีวีเอาแทนจะดีกว่านะคะ หรือจะวางหัวเตียงหันมาอีกทิศติดกับหน้าต่างหลังบ้านฝั่งหลังบ้านก็ได้นะคะ ซึ่งก็จะมีพื้นที่ปลายเตียงขึ้นเดินได้สะดวกขึ้นมาหน่อยค่ะ และสามารถแขวนทีวีที่ผนังปลายเตียงได้เช่นกัน ก็จะได้ระยะดูทีวีไกลขึ้นมาอีกหน่อย ทั้งนี้ต้องเช็คระยะเปิดของประตูเข้าห้องด้วยนะคะ ^^

ผนังฝั่งหนึ่งของห้องมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า ขนาดตู้เสื้อผ้าที่วางได้กว้างประมาณ 1.2 – 1.4 ม. สามารถใช้ตู้เสื้อผ้าแบบบานเปิดได้เพราะมีพื้นที่ทางเดินค่อนข้างกว้าง

ผนังอีกฝั่งที่ติดประตู บ้านตัวอย่าง Built-in เป็นโต๊ะเครื่องแป้งยาวไปกับชั้นวางของปลายเตียง ทำให้ห้องนี้ฟังก์ชันค่อนข้างครบถ้วนในพื้นที่ที่จำกัด

ต่อมาเป็นห้องน้ำของชั้น 2 บานประตูเป็นบานสำเร็จรูปเหมือนปกติ เหมือนอย่างประตูห้องน้ำที่ชั้นล่างนะคะ

พื้นห้องน้ำลดระดับลงไป 3 ซม. ปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม. จบขอบปิดขอบด้วยกระเบื้องสีดำ ซึ่งเป็นข้อดีกว่าการจบขอบด้วยไม้สำเร็จรูปนะคะ เพราะเวลาทำความสะอาดห้องน้ำก็อาจจะทำให้ตัวจบขอบโดนน้ำไปด้วยถ้าใช้ไม้สำเร็จรูปจบขอบก็สามารถบวมได้

ขนาดห้องน้ำใหญ่กว่าห้องน้ำที่ชั้นล่าง แบ่งเป็นพื้นที่แห้งและเปียกชัดเจน

อ่างล้างมือขนาดกะทัดรัด ด้านข้างก๊อกน้ำมีพื้นที่เล็กน้อยสามารถวางครีมหรือสบู่ล้างมือได้

ด้านล่างของอ่างล้างมือเป็นตู้เก็บของบานเปิด แบ่งเป็นชั้นสามารถเก็บของใช้ภายในห้องน้ำได้เล็กน้อย เพราะต้องเว้นที่ไว้เผื่อซ่อมแซมท่อน้ำ ด้านบนบานตู้มีมือจับติดไว้ทำให้เปิดตู้ได้สะดวกค่ะ

ฝั่งตรงข้ามพื้นที่อาบน้ำเป็นที่วางโถสุขภัณฑ์ค่ะ มีความกว้างด้านข้างให้นั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัดมากนัก สเปคของสุขภัณฑ์จะเหมือนกับห้องน้ำชั้นล่างเลยนะคะ

พื้นที่อาบน้ำจะมีฉากกั้นอาบน้ำเพื่อไม่ให้น้ำในส่วนเปียกไหลออกมานะคะ ห้องตัวอย่างติดฉากกั้นอาบน้ำไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งบ้านจริงก็จะได้แบบนี้เช่นกันค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 1.6 ม. ปูกระเบื้องเหมือนพื้นในส่วนแห้งค่ะ ขอบธรณีกั้นสูงขึ้นมาประมาณ 5 ซม.

หน้าตาฝักบัวที่โครงการให้ ด้านบนซ้ายติดตั้งระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ

ด้านบนมีตำแหน่งไฟ 2 ดวงและติดระบบดูดอากาศให้เรียบร้อย

ต่อไปเป็น Master Bedroom คือห้องนอนใหญ่ที่อยู่ทางหน้าบ้านนะคะ มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าห้องนอนเล็ก ตัวห้องกว้างขวางจะมีความยาวตลอดแนวหน้าบ้าน ผังของห้องนอนที่มีความยาวตลอดแนวบ้านมีข้อดีนะคะคือสามารถกั้นพื้นที่ตรงกลางทำเป็นพื้นที่แต่งตัวแบบ Walk-in Closet ได้ช่วยให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น

ภายในห้องนอนใหญ่เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งสำหรับวางเตียงนอน ซึ่งบ้านตัวอย่างวางไว้ขนาด 5 ฟุต โดยมีพื้นที่เหลือทั้ง 2 ฝั่งจริงๆแล้วสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้เพราะมีพื้นที่เหลือพอนะคะ แต่พื้นที่สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงจะลดลง ด้านข้างเตียงฝั่งหน้าบ้านได้ประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่สามารถรับแสงธรรมชาติและระบายอากาศได้ดีค่ะ และเฉพาะบ้านแปลงมุมเท่านั้นที่จะได้หน้าต่างบริเวณข้างหัวเตียง

พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งซ้ายและขวามีพื้นที่กว้างประมาณข้างละ 0.8 ม. จึงสามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก ด้านในสุดเป็นตำแหน่งของโต๊ะหัวเตียง ซึ่งด้านหลังโต๊ะหัวเตียงติดตั้งปลั๊กไฟสำหรับเสียบชาร์ตแบตโทรศัพท์ หรือเสียบปลั๊กโคมไฟได้สะดวก

พื้นที่ปลายเตียงระหว่างเตียงนอนกับชั้นวางทีวี เหลือเป็นพื้นที่ทางเดินประมาณ 1.65 เมตร สามารถวางโซฟาปลายเตียงได้สบายๆ

ด้านในสุดของห้องเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ทำให้ภายในห้องมีช่องให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องนอนได้เพียงพอ

จากหน้าต่างบานใหญ่เปิดออกไปจะมีพื้นที่ด้านนอก ตรงนี้ไม่ได้ทำเพื่อไว้ใช้งานเหมือนระเบียงทั่วๆไปนะคะ จริงๆจะไม่ทำก็ได้นะคะ แต่ในการออกแบบนั้นเพื่อให้ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ที่สามารถเปิดรับลมได้ก็จำเป็นต้องมีราวกันตกไว้เพื่อความปลอดภัยค่ะ

เปิดออกมาถ่ายให้เห็นชัดๆเป็นพื้นที่กว้างประมาณ 45 ซม. ส่วนราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็กทาสีดำค่ะ

พื้นที่ห้องนอนอีกฝั่งหนึ่งสามารถแบ่งกั้นฉากทำเป็น Walk – in Closet สำหรับตั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งบ้านจริงจะไม่มีกั้นฉากให้นะคะ จะเป็นห้องเปล่าโล่งๆ

ในส่วนพื้นที่ Walk – in Closet นี้มีขนาดพอสมควรเลย

สามารถ Built – in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ และวางโต๊ะเครื่องสำอางได้สบายค่ะ

plan 1 จอด

แบบ HX 1 เป็นทาวน์โฮมแบบที่จอดรถ 1 คัน หน้ากว้าง 5.7 ม. เช่นเดียวกับแบบแรก แต่มีความลึกน้อยกว่าทั้งขนาดเล็กกว่าทั้งขนาดที่ดินและและพื้นที่ใช้สอย ผ่านรั้วบ้านเข้ามาจะเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถ 1 คัน จากผังสามารถเข้าถึงในบ้านได้จากทางหลักด้านหน้าเท่านั้น คือบานประตูเลื่อนหน้าบ้านตรงห้องรับแขก โดยจะมีพื้นยกระดับจากพื้นที่จอดรถเป็นเฉลียงหน้าบ้านก่อนเข้าสู่ตัวบ้านด้านใน และมีห้องสำหรับเก็บของอยู่ใต้บันไดสามารถเปิดจากทางโรงจอดรถได้เท่านั้น

บ้านชั้นล่างวางผังในลักษณะรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นทางยาวเข้าไปจนสุดตัวบ้านด้านใน เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วนรับแขกซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร พื้นที่ทั้งสองตำแหน่งนี้ถูกออกแบบให้มีประตูทางเข้าและประตูด้านหลังที่ออกสู่หลังบ้านได้  เป็นบานกระจกขนาดใหญ่เพื่อรับแสงธรรมชาติและสามารถถ่ายเทอากาศได้ดี ฝั่งตรงข้ามกับส่วนทานอาหารจะเป็นพื้นที่ห้องครัวแบบครัวฝรั่ง ลักษณะเป็นครัวเปิด สามารถทำประตูบานเลื่อนกั้นพื้นที่ระหว่างครัวเพิ่มเพื่อการใช้งานครัวได้ดีและเป็นสัดส่วนมากขึ้น ติดกันกับครัวจะเป็นห้องน้ำที่มีขนาดเล็กแบบ Powder Room แต่ติดฝักบัวมาให้อาบน้ำได้ จะได้ไม่ต้องแย่งกันอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านบนห้องเดียว

ชั้น 2 เมื่อเดินขึ้นมาจะเจอพื้นที่ชั้น 2 จะมีโถงบันไดเพื่อแยกพื้นที่ไปยังส่วนห้องนอนต่างๆ ที่ชั้น 2 จะมีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง มีห้องน้ำ 1 ห้องใช้ร่วมกัน ห้องนอนใหญ่จะอยู่ตำแหน่งของหน้าบ้าน ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องจะอยู่ตำแหน่งด้านหลังของตัวบ้าน

รูปลักษณ์ภายนอกบ้านมีการใช้โทนสีและการออกแบบที่ไม่แตกต่างจากบ้านหลังแรกนะคะ คือเน้นบานกระจกขนาดใหญ่ สไตล์โมเดิร์นด้วยโทนสีคลุมโทนอย่างสีขาว-เทา-ดำ ส่วนหลังคาของตัวบ้านเป็นเพิงแหงนเข้าหาหน้าบ้านเช่นเดียวกับแบบแรก ความยาวยื่นออกมาไม่เยอะ ทำให้บังแดดหรือฝนไม่ค่อยได้ค่ะ

ส่วนหน้าบ้านจะแบบนี้จะแตกต่างจากแบบแรกเพราะจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือส่วนทางเข้า และส่วนจอดรถ ทางเข้าหลักของบ้านเป็นประตูบานเลื่อนที่ยกพื้นขึ้นสูงจากส่วนห้องนั่งเล่น ด้านบนไม่มีกันสาดยื่นออกมาบังแดดและฝนให้ จึงเป็นจุดที่ลูกบ้านมักจะต่อเติมกันเพื่อให้ไม่ต้องเปียกฝนมากนัก ด้านหน้าจะติดไฟแบบซาลาเปาไว้ให้ ส่วนฝั่งที่จอดรถกว้างประมาณ 2.6 เมตร สำหรับจอดรถ 1 คัน ด้านในมีห้องเก็บของที่เปิดจากภายนนอกบ้านเท่านั้น ทำให้แตกต่างจากแบบแรกที่มีห้องเก็บของอยู่ภายในบ้านค่ะ

จะมีช่องเปิดจากหน้าบ้านเป็นประตูห้องเก็บของใต้บันไดเป็นแบบดึงเปิดธรรมดา หน้าบ้านมีช่องระบายอากาศได้เล็กน้อย และไม่มีตัวล็อกไว้ใช้เก็บเครื่องมือทำสวน อุปกรณ์ล้างรถรวมถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดได้

ประตูทางเข้าหน้าบ้านเป็นบานเลื่อนที่เลื่อนได้ทั้งสองฝั่ง กรอบอลูมิเนียมอบสีดำ บานกระจกแบบตัดแสงสีเขียว ด้านหน้าเป็นเฉลียงหน้าบ้านกว้าง 1.2 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเข้มขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

เข้ามาด้านในส่วนแรกจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นรับแขกก่อนนะคะ ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้นล่าง 2.6 เมตร และประตูกระจกที่มีขนาดใหญ่ทำให้บ้านดูโปร่งโล่งดี  ถัดไปเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร พื้นที่ครัวและห้องน้ำอยู่ด้านซ้าย สำหรับบ้านมาตรฐานจะได้เป็นบ้านเปล่าๆ เป็นผนังฉาบเรียบทาสีไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งนะคะ

มองย้อนกลับไปทางด้านหน้าบ้านส่วนพื้นที่นั่งเล่น ฝ้าเพดานด้านบนของบ้านมาตรฐานจะได้เป็นไฟซาลาเปาแบบนี้นะคะ

เข้ามาส่วนพื้นที่นั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาแบบ 2-3 ที่นั่ง และโต๊ะกลางเล็กๆ ได้โดยไม่เกะกะทางเดิน ส่วนระยะดูทีวีค่อนข้างกว้างประมาณ 1.8 เมตร โดยขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ขนาด 40″-42″ ค่ะ

ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาก็จะเป็นชั้นวางทีวี ที่ผนังจะทำเป็นกระจกเพื่อตกแต่งและทำให้บ้านดูกว้างขึ้น สามารถ Built-in ชั้นวางของแบบเต็มผนังได้ หรือจะแค่ทำชั้นวางทีวีอย่างในบ้านตัวอย่างก็ได้

ระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารมีพื้นที่ว่างประมาณ 1.5 ม. หากบ้านไหนสมาชิกน้อย จะเปลี่ยนตำแหน่งวางโซฟาเดี่ยวตรงนี้เป็นโต๊ะทำงานตัวเล็กๆ หรือ Built-in ชั้นวางของสวยๆ ใส่ของโชว์ก็ได้ แล้วแต่งานอดิเรกหรือไลฟ์สไตล์ของเราเลยค่ะ

ถัดไปด้านในเป็นตำแหน่งวางโต๊ะทานอาหารที่ติดกับห้องครัวทางหลังบ้าน

ตำแหน่งวางโต๊ะรับประทานอาหาร สามารถตั้งโต๊ะทานอาหารแบบ 4-6 ที่นั่ง ได้สบายๆค่ะ และยังมีพื้นเหลือเดินรอบๆได้แบบไม่อึดอัด ประตูกระจกด้านหลังบานใหญ่ระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติได้ดี

ด้านหลังโต๊ะอาหารมีหน้าต่างของตัวบ้านเป็นช่องแสงธรรมชาติที่รับแสงเข้ามาจากด้านหลัง ทำให้เวลานั่งทานข้าวเวลากลางวันจะร้อนสักนิด ต้องติดม่านช่วยค่ะ

ตัวรางของประตูถูกกดให้มีระดับที่เท่ากับพื้นกระเบื้องด้านในตัวบ้านเช่นเดียวกับประตูบานเลื่อนออกหลังบ้านของบ้านแบบแรก

ลานซักล้างที่ได้จะเป็นลานคอนกรีตขัดเรียบและเตรียมงานระบบไว้เรียบร้อยเหมือนบ้านหลังแรกนะคะ ส่วนรั้วรอบบ้านนี้มีความสูงประมาณ 1.8 ม.ค่ะ

จากประตูบานเลื่อนด้านหลังโต๊ะทานข้าวกลับเข้ามาในบ้าน จะเห็นห้องครัวอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

ห้องครัวที่ได้เป็นห้องเปล่าๆ สามารถกั้นประตูบานเลื่อนเป็นครัวปิดได้เพื่อให้เหมาะกับการทำอาหารหนักมากขึ้น

การจัดตำแหน่ง Pantry จะแตกต่างจากบ้านหลังแรกนิดหน่อยคือ Hob & Hood อยู่ใกล้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอาจเสียหายได้จากความร้อนของเตาค่ะ ซึ่งทางโครงการก็จัดให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆค่ะ ลูกบ้านสามารถไปทำ Built-in ปรับตำแหน่งเองได้ค่ะ

ฝั่งตรงข้าม Pantry เป็นห้องน้ำของชั้นล่าง พื้นถูกลดระดับลงไปเล็กน้อยเพื่อกันน้ำจากห้องน้ำไหลออกมายังห้องครัว ภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม.

ห้องน้ำชั้นล่างเป็นห้องน้ำที่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำแต่ไม่ได้กั้นส่วนเปียกแห้งไว้นะคะ ภายในจัดเป็นห้องน้ำแบบ 3 ฟังก์ชั่น ไล่ไปตั้งแต่อ่างล้างหน้ามาพร้อมกระจกส่องหน้าด้านบน โถสุขภัณฑ์พร้อมที่ใส่ทิชชูและสายชำระ ด้านในจะมีฝักบัวติดอยู่ที่ผนังอีกฝั่งหนึ่ง แต่พื้นทั้งหมดของห้องน้ำนี้จะไม่มีการลดระดับสำหรับการอาบน้ำ ดังนั้นการใช้งานจริงอาจจะยากหน่อย เพราะจะเลอะกันไปทั้งห้อง น่าจะเป็นการใช้งานแบบครั้งคราวมากกว่า

พื้นที่ห้องมีขนาด 1.7 x 1.3 เมตร ส่วนวัสดุปูพื้นและวัสดุกรุผนังจะได้เหมือนบ้านแบบแรกเลยค่ะ

โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำจาก Kohler และ Karat เช่นเดิม แต่ตำแหน่งของที่ใส่ทิสชู่จะอยู่ฝั่งเดียวกับชักโครกเลย ซึ่งจะหยิบใช้ลำบากหน่อย แต่ก็เพื่อหลบไว้ให้ห่างจากฝักบัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ

พื้นที่อาบน้ำคือพื้นที่ทางเดินปลายโถสุขภัณฑ์ มีขนาดเล็กและไม่เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ แต่ก็สามารถใช้งานได้นะคะ ดีกว่าต้องรอใช้ห้องอาบน้ำชั้นบนห้องเดียว ในเวลาเร่งด่วนอย่างช่วงเช้าๆ ที่รีบไปเรียนไปทำงานก็จะทำให้เสียเวลาได้

กลับมาที่บันไดขึ้นชั้นบนมีพื้นที่ด้านข้างจะ Built-in ตู้โชว์หรือตู้เก็บของก็จะเพิ่มพื้นที่สำหรับเก็บของในบ้าน

บันไดเพื่อขึ้นไปชั้นบนบ้าน ตัวบันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตกว้างประมาณ 90 ซม. ปิดผิวด้วยไม้ยางพาราประสาน ทำสีไม้จริง

ลักษณะบันไดเป็นบันไดรูปตัว U หรือแบบพับผ้า มีชานพักเล็กๆ ฝั่งขวาเป็นชานพักรูปสี่เหลี่ยมแบบที่ควรจะเป็นค่ะ

ขึ้นมาด้านบนจะเจอกับโถงทางเดินเพื่อแยกไปยังห้องต่างๆค่ะ ประกอบด้วย 3 ห้องนอน ได้แก่ ห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก 2 ห้องและห้องน้ำค่ะ

มาที่ห้องนอนเล็กติดกับโถงบันได ห้องนอนนี้สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้พอดี ด้านข้างมีหน้าต่างอลูมิเนียมสามารถเปิดรับแสงและระบายอากาศให้ 1 ตำแหน่ง ในห้องตัวอย่างผนังห้องจะติด wall paper ไว้ให้แต่ห้องจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ

พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งขวาที่ติดกับตู้เสื้อผ้ามีพื้นที่กว้างประมาณ 0.55 ม. สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก ด้านในสุดเป็นตำแหน่งของหัวเตียงขนาดเล็ก เพราะถ้าเลือกโต๊ะขนาดใหญ่จะบังประตูตู้เสื้อผ้านะคะ บ้านตัวอย่างจึงแต่งมาแบบ Built-in ให้เป็นชิ้นเดียวกันตั้งแต่หัวเตียงถึงตู้เสื้อผ้าเลยค่ะ

ส่วนปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 50 ซม. ค่อนข้างแคบแต่ก็สามารถ Built-in เป็นตู้เก็บของและเว้นช่องไว้ติดทีวีแบบแขวนผนัง ก็ทำให้มีช่องเก็บของเพิ่มขึ้นได้ค่ะ

ฝั่งผนังที่ติดกับประตู บ้านตัวอย่างจัดไว้ให้ดูเป็นตู้บานเปิด 2 บาน ซึ่งในขนาดพื้นที่ห้องที่ไม่ใหญ่มากแนะนำให้ใช้บานประตูของตู้เป็นบานสไลด์จะช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดีกว่าค่ะ การตกแต่งในบ้านตัวอย่างนี้สามารถเก็บไปเป็นไอเดียในการแต่งบ้านได้อีกเช่นกันนะคะ เพราะบ้านจริงจะไม่ได้มีมาให้ค่ะ ติดกันกับตู้เป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กๆได้ค่ะ

มาดูห้องนอนเล็กอีกห้องกันค่ะ สำหรับห้องนี้มีขนาดพอๆกับห้องที่แล้ว โดยเหมาะกับการวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตเช่นเดียวกัน ส่วนหน้าต่างบานเลื่อน 2 บาน ในห้องนอนห้องนี้จะมีเฉพาะบ้านแปลงมุมนะคะ ถ้าบ้านแปลงอื่นๆ จะมีเพียงบานเดียวมองไปทางด้านหลังบ้าน ส่วนอีกบานด้านข้างจะเป็นผนังฉาบเรียบ ตามรูปด้านล่างเลยค่ะ

ห้องตัวอย่างวางเตียงเดี่ยวชิดผนังเลยนะคะ ทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยส่วนอื่นในห้องพอสมควร พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งขวาที่ติดกับตู้เสื้อผ้ามีพื้นที่กว้างประมาณ 1 ม. สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก ส่วนปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 20 ซม. ไม่สามารถวางชั้นวางทีวีได้ ถ้าต้องการติดทีวีแนะนำเป็นแบบแขวนผนังค่ะ

ผนังฝั่งติดประตูห้อง มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางโต๊ะเครื่องสำอางและตู้เสื้อผ้าขนาดกะทัดรัดได้ค่ะ

ต่อไปคือห้องน้ำชั้น 2 ภายในจัดแบ่งการใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้ง วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิกและส่วนผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาแบบเดียวกับห้องน้ำชั้น 2 ของบ้านหลังแรก และสุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องน้ำครบถ้วนค่ะ ทั้งหมดจาก Kohler, Karat และ Engfield ค่ะ

Shower Box นี้ได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ลักษณะเป็นประตูบานเลื่อนเข้ามุม มือจับอลูมิเนียมจับได้ถนัดมือ พื้นที่อาบน้ำมีระดับเท่ากันกับห้องน้ำส่วนแห้ง มีขอบวงกบของ Shower Box ที่สูงขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลออกได้ระดับนึง ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 0.9 ม. ถือเป็นขนาดพื้นที่อาบน้ำกะทัดรัด พอดีตัว

ฝั่งตรงข้ามพื้นที่อาบน้ำเป็นที่วางโถสุขภัณฑ์ค่ะ มีความกว้างด้านข้างประมาณ 0.9 ม. ถือว่าเป็นพื้นที่นั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัดมากนัก

มาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้างค่ะ ตำแหน่งของห้องนอนใหญ่จะอยู่ด้านหน้าบ้าน ลักษณะเป็นห้องนอนยาวตามความกว้างของหน้าบ้านเช่นเดียวกับบ้านหลังแรก รวมทั้งมีลักษณะการจัดวางแบ่งเป็นส่วนเตียงนอนและส่วน Walk in Closet เช่นเดียวกันค่ะ

เข้ามาเป็นส่วนเตียงนอน สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 5-6 ฟุตได้ ด้านหน้าบ้านได้ประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ ทำให้ห้องนอนได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้ดี สำหรับบ้านแปลงมุมจะได้กระจกด้านข้างหัวเตียงเพิ่มมาด้วยค่ะ

พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งซ้ายและขวาจะแคบกว่าบ้านแบบแรกหน่อยมีความกว้างประมาณข้างละ 0.6 ม. สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวกด้านในสุดเป็นตำแหน่งของโต๊ะหัวเตียง ซึ่งด้านหลังโต๊ะหัวเตียงติดตั้งปลั๊กไฟสำหรับเสียบชาร์ตแบตโทรศัพท์ หรือเสียบปลั๊กโคมไฟได้สะดวก

พื้นที่ปลายเตียงระหว่างเตียงนอนกับชั้นวางทีวีเหลือเป็นพื้นที่ทางเดินประมาณ 1.1 เมตร สามารถเดินผ่านได้สบายๆค่ะ

มีราวกันตกหน้าบ้านเช่นเดียวกับบ้านหลังแรก ทำให้ได้หน้าต่างในห้องนอนเป็นบานใหญ่ที่สามารถเปิดรับลมได้ค่ะ

ฝั่งปลายเตียงเป็นส่วน Walk in Closet สามารถกั้นฉากให้เรียบร้อยเหมือนห้องตัวอย่างได้ค่ะ ซึ่งก็จะสามารถแขวนทีวีได้ด้วย ด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็กให้

ขนาดพื้นที่ส่วน Walk-in Closet จะกว้างกว่าบ้านหลังแรกนะคะ เนื่องจากตำแหน่งของประตูทางเข้าห้องที่อยู่เขยิบมาตรงกลางตัวบ้าน ทำให้ได้พื้นที่ Walk in Closet ที่กว้างขึ้น แต่ก็จะได้พื้นที่ปลายเตียงนอนที่แคบลงค่ะ

สามารถ Built – in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ และวางโต๊ะเครื่องสำอางได้สบายค่ะ

ปลั๊กไฟและช่องรับสัญญาณแบบมาตรฐาน จาก Schneider

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 8 September 2016

  •  แบบ HX 1.5 แปลงมาตรฐาน ยูนิต 13 พื้นที่ใช้สอย 96.5 ตร.ม. ที่ดิน 18.2 ตร.วา ราคา 2.35 ล้านบาท ส่วนลด 200,000 บาท ราคาสุทธิ 2.15 ล้านบาท 
  • แบบ HX 1.5 แปลงมุม ยูนิต 11 พื้นที่ใช้สอย 96.5 ตร.ม. ที่ดิน 21 ตร.วา ราคา 2.7 ล้านบาท ส่วนลด 200,000 บาท ราคาสุทธิ 2.5 ล้านบาท
  • แบบ HX 2 แปลงมาตรฐาน ยูนิต 92 พื้นที่ใช้สอย 113.5 ตร.ม. ที่ดิน 20.4 ตร.วา ราคา 2.69 ล้านบาท ส่วนลด 200,000 บาท ราคาสุทธิ 2.49 ล้านบาท
  • แบบ HX 2 แปลงมุม ยูนิต 111 พื้นที่ใช้สอย 113.5 ตร.ม. ที่ดิน 30 ตร.วา ราคา 3.1 ล้านบาท ส่วนลด 200,000 บาท ราคาสุทธิ 2.9 ล้านบาท

  • จอง 5,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตร.วาละ 50,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 3 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – โครงการ The Connect สุวรรณภูมิ 3 เป็นทำเลย่านชานเมืองกรุงเทพฝั่งตะวันออกใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ในซอยกิ่งแก้ว 37 ซึ่งเป็นซอยตัน สภาพแวดล้อมรอบโครงการจะอยู่ในเวิ้งที่ล้อมรอบด้วยโครงการพฤกษารุ่นพี่ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม จึงมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ด้วยตัวทำเลอยู่ในซอยประมาณ 2 กม. อีกทั้งบรรยากาศในซอยเป็นโกดัง และบริษัทขนส่งเป็นส่วนใหญ่ ทำให้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ใกล้ในระยะเดินนั้นไม่มี ที่ใกล้สุดคือร้านอาหารบนถนนกิ่งแก้ว มีอยู่หลายร้านแต่ก็กระจายตัวกันไปไม่ได้อยู่ติดๆกัน ส่วนตลาดใหญ่ก็จะมีตลาดบางพลีใหญ่(กิ่งแก้ว) ที่มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 10 กม. ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ต้องอาศัยรถยนต์ไป ก็จะมีแหล่งของกินของใช้ โดยคอมมูนิตี้มอลล์ที่ใกล้สุดคือ The Paseo และ Homepro Village

การเดินทาง – จะเหมาะสำหรับการใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก เนื่องจากที่ตั้งโครงการต้องเข้าซอยกิ่งแก้ว 37 อีก 2 กม. ถึงแม้จะมีพี่วินคอยให้บริการอยู่หน้าปากซอย แต่ก็ไม่ได้ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การเข้าออกในเวลากลางคืนสำหรับผู้ไม่มีรถส่วนตัวนั้นไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ สำหรับถนนกิ่งแก้วจะมีรถสองแถวที่ผ่านหน้าโครงการทั้ง 2 ฝั่งคือฝั่งที่วิ่งไปถนนลาดกระบัง และไปบางนา-ตราด นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ แต่การเดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าก็ยังต้องอาศัยรถยนต์ไปอยู่ดี การใช้รถยนต์ส่วนตัวสามารถเดินทางเข้าออกได้ 2 เส้นทางหลักคือ ทางถนนลาดกระบัง และทางถนนบางนา-ตราด และมีตัวช่วยในการเดินทางเข้าออกเมืองด้วยเส้นทางมอเตอร์เวย์ และทางด่วนบูรพาวิถีด้วยค่ะ

ความปลอดภัย – ตามมาตรฐานของระดับราคานี้ ได้ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการมี รปภ. ดูแลตลอด และมีไม้กระดกกั้น การผ่านเข้า – ออกด้วยระบบ Keycard นอกจากนี้ยังมีระบบ CCTV 2 จุด ที่ Main Gate ส่วนความสูงรั้วรอบโครงการ 2.5 เมตร ซึ่งสูงกว่าหลายๆโครงการในระดับราคานี้

การออกแบบโครงการ – โครงการวางผังโครงการมีผู้อยู่อาศัย จำนวน 209 หลัง จัดเป็นโครงการระดับกลางๆ ยังไม่หนาแน่นมากนัก สภาพแวดล้อมภายในโครงการจัดมาให้ตามราคา มีทางเท้าให้เดินได้เฉพาะริมถนนหลักของโครงการ การจัดแบ่งพื้นที่ในโครงการจัดได้ดีพอใช้ ในซอยฝั่งซ้ายมีจำนวนยูนิตเยอะพอสมควรสูงสุดที่ 29 หลัง ส่วนซอยฝั่งขวามีจำนวนยูนิตไม่มาก แต่ละซอยไม่เกิน 14 ยูนิต ทำให้ยังมีความเป็นส่วนตัวและซอยไม่ลึกทำให้ดูแลความปลอดภัยได้ง่ายขึ้น

วัสดุ – วัสดุโครงการถือว่าได้มาตามมาตรฐานราคาที่จ่ายนะคะ บ้านมาตรฐานจะได้เป็นบ้านเปล่า ฝ้าเพดานสูง 2.6 ในชั้นล่างและ 2.5 ในชั้นบน ชั้นล่างปูพื้นด้วยแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. และชั้นบนปูพื้นลามิเนตหนา 8 มม. ระเบียงและห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม. ส่วนลานซักล้างเทพื้นคอนกรีตขัดเรียบให้ ได้ดวงโคมซาลาเปา และสุขภัณฑ์ห้องน้ำจาก Kohler, Karat และ Engfield

โครงการภายใต้แบรนด์ The Connect เป็นทาวน์เฮาส์ที่สร้างด้วย ระบบ Pre-casting มีรูปแบบบ้านในโครงการมีให้เลือก 2 แบบ คือแบบ 1 ที่จอดรถ และ 2 ที่จอดรถ ขนาดกะทัดรัด 96.50 และ 113.50 ตร.ม. เหมาะกับผู้อยู่อาศัยครอบครัวขนาดเล็กที่ต้องการห้องนอนตั้งแต่ 2  ห้องนอนขึ้นไป เน้นความ Modern ใช้หน้าต่างกระจกบานใหญ่เพื่อให้รับแสงธรรมชาติและระบายอากาศ ฟังก์ชันภายในค่อนข้างลงตัว คำนึงถึงการใช้งานจริงของสมาชิกในบ้าน อย่างห้องน้ำชั้นล่างที่สามารถอาบน้ำได้ ไม่ต้องแย่งกันอาบน้ำในห้องน้ำชั้นบนห้องเดียว ส่วนครัวให้มาเป็นสัดส่วนสามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ และห้องนอนใหญ่ที่มีความยาวตามหน้ากว้างของบ้านทำให้สามารถแบ่งพื้นที่ส่วนแต่งตัวได้ด้วย

นอกจากนี้สำหรับแบบบ้านแบบ 2 ที่จอดรถนั้นถือเป็นทาวน์โฮมที่สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุได้ด้วยถึงแม้จะมีพื้นที่ใช้สอยไม่มากนัก เนื่องจากห้องน้ำชั้นล่างที่มีพื้นที่อาบน้ำเป็นสัดส่วนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้การปรับขยายห้องน้ำ และปรับเปลี่ยนฟังก์ชันครัวเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ อาจจะดันครัวออกไปด้านนอกแทน

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – ซุ้มหน้าโครงการถือว่ามีขนาดใหญ่ดี ถนนหลักที่เป็นทางเข้าโครงการมีความกว้างดี โดยถนนหลักและถนนซอยในโครงการมีขนาด 19 และ 8 ม. ซึ่งถนนหลักให้มากว้างเกินมาตรฐาน ทำให้บริเวณหน้าโครงการดูโล่ง ใช้งานสะดวก และถนนซอยให้มาตามมาตรฐาน สภาพภายในสวนโครงการดูร่มรื่นน่าใช้งาน นอกจากนี้มีพื้นที่สีเขียวระหว่างบล็อกบ้าน เป็นทั้งจุดกลับรถ ใช้เป็นส่วนพักผ่อนได้ และสามารถเดินผ่านจากอีกซอยไปอีกซอยได้ค่ะ

สาธารณูปโภค – สาธารณูปโภคที่ได้ตามราคาที่จ่ายไปเช่นกัน สำหรับพื้นที่ส่วนกลางนั้นจะมีไม่เยอะ เหมาะกับคนที่เน้นการอยู่อาศัยมากกว่าเน้นการใช้งาน Facilities โดยมีสวน ที่นั่งพักผ่อน และสนามเด็กเล่นให้ ซุ้มหน้าโครงการถือว่าสวยเข้ากับรูปแบบของโครงการ ทางเข้าออกติดตั้งกล้อง CCTV และระบบ Key Card Access ระยะใกล้ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการเข้าออกโครงการ

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 2.1-2.9 ล้านบาท, 8 September 2016

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.25/10 – อยู่ในซอยประมาณ 2 กม.
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดก, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, Key card Access ระยะใกล้
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.0/10 – จัดฟังก์ชันลงตัว สามารถกั้นห้องนอนผู้สูงอายุที่ชั้นล่างได้
  • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – โครงการเล็ก ไม่หนาแน่นมาก สภาพในโครงการดีพอสมควร ตามระดับราคา
  • สาธารณูปโภค 7.0/10 – ไม่เน้น Facilities มาก จัดสวน ที่นั่งพักผ่อน และสนามเด็กเล่นมาให้
  • 7.43 / 10.00

BOTTOM LINE

The Connect สุวรรณภูมิ 3 เหมาะกับครอบครัวขยายขนาดเล็ก ที่ต้องการที่อยู่อาศัยหรือทำงานในย่านกิ่งแก้ว บางนา ลาดกระบัง ที่อยากได้ที่ทาวน์โฮมขนาดกะทัดรัด แต่ได้พื้นที่การใช้งานครบ ไม่เน้นใช้ Facilities ใช้รถยนต์เป็นหลัก มีงบประมาณ 2.1-2.9 ล้านบาท  หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 15,000 – 20,000 บาท

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )

Banner (1 of 1)