ปกThe city

รีวิวฉบับที่ 906 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ “THE CITY นวมินทร์” โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน พร้อมยูนิตพิเศษพร้อมเรือนรับรอง พิกัดอยู่ในซอยนวมินทร์ 53 ซึ่งโครงการนี้ที่ถือว่าเป็นโครงการที่ 7 ภายใต้แบรนด์ “THE CITY” ซึ่งโครงการที่ผ่านมาได้การตอบรับอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น , THE CITY รามอินทรา, THE CITY งามวงศ์วาน, THE CITY ราชพฤกษ์-จรัญฯ13 , THE CITY พระราม 5-ราชพฤกษ์ 2  THE CITY สุขุมวิท-แยกบางนา และ THE CITY รัตนาธิเบศร์-แคราย สำหรับโครงการ THE CITY นวมินทร์ จะเปิดให้จองครั้งแรกวันที่ 19-20 กันยายนนี้ แต่ก่อนที่โครงการจะเปิดตัว เราจะพาไปชมโครงการกันที่นี่ก่อนใคร ตามไปพร้อมๆกันเลยค่าา

Fact @25 August 2015 

  • The City Nawamin 53 (เดอะ ซิตี้ นวมินทร์  53)
  • บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด มหาชน
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ซอยนวมินทร์ 53 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร
  • เนื้อที่โครงการ 27-0-31.15 ไร่
  • บ้านเดี่ยว จำนวน 108 ยูนิต
  • แบบบ้าน Type B ขนาด 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 8 ล้านบาท
  • แบบบ้าน Type A ขนาด 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาท
  • แบบบ้าน Type A+P ขนาด 62 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 230 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน 1 เรือนรับรอง ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท
  • ที่ดินแปลงมาตรฐาน 50-62 ตร.วา
  • ราคาเริ่มต้น 8 ล้านบาทหรือ 160,000 บาท/ตร.วา
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง ตุลาคม 2557
  • โครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จ มกราคม 2560
  • โครงการเปิดขาย กันยายน 2558
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • Call Center : 1623

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด :13.787083, 100.646523

map

ตัวโครงการจะอยู่บนถนนนวมินทร์ ช่วงที่อยู่ระหว่างถนนประเสริฐมนูกิจ(เกษตร-นวมินทร์)และถนนลาดพร้าว ตัวโครงการจะอยู่ในซอยถนนนวมินทร์ 53

mapกว้าง City นวมินทร์

ตัวโครงการอยู่ห่างจากถนนนวมินทร์ 300 เมตร เข้ามาในซอยนวมินทร์ 53 โดยตัวถนนนวมินทร์เป็นถนนขนาด 6 เลนมีเกาะกลางถนน และค่อนข้างคึกคักตลอดช่วงกลางวัน เพราะถนนเส้นนี้รองรับรถจากหลายเส้นทาง ทั้งจากถนนลาดพร้าว, ถนนเสรีไทย, ถนนรามคำแหง, ถนนเกษตร-นวมินทร์, ถนนรามอินทรา รวมทั้งถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก

การเดินทางเข้าเมืองใช้เส้นรามคำแหงไปพระราม 9 หรือเพชรบุรี จะเป็นทางที่สั้นที่สุด แต่รถก็ติดสุดๆ ทีนี้ถ้าจะขึ้นทางด่วนจะลำบากหน่อยเพราะทำเลนี้ไม่ได้อยู่ใกล้ทางด่วนเท่าไหร่ ถ้าไม่ไปขึ้นตรงด่านพระราม 9 ก็ไปขึ้นทางด่านรามอินทรา-อาจณรงค์ แต่จะอ้อมนิดๆ หรือถ้าจะไปโซนบางนาก็ใช้วงแหวนกาญจนาภิเษกได้ค่ะ

map สถานที่ The city

สภาพแวดล้อมบนถนนเส้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแนวราบซะเป็นส่วนมาก และมีทั้งการเคหะ, แฟลตคลองจั่น, หมู่บ้านต่างๆในย่านแฮปปี้แลนด์ ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการถือว่าดีมากเพราะมีทั้งตลาดสดอินทรารักษ์, 7Eleven, Tesco Lotus Express อยู่ฝั่งตรงข้าม และมีร้านอาหารต่างๆตามตึกแถวรอบๆตลาดทั้ง 2 ฝั่งให้เลือกอีกเยอะ เนื่องจากบริเวณนี้มีหมู่บ้านมาตั้งอยู่เยอะ ทำให้มีสวนสาธารณะอยู่หลายแห่งรอบ เช่น สวนนวมินทร์ภิรมย์, สวนพฤกษชาติ และ สวนเสรีไทย ส่วนพวกห้างสรรพสินค้าและ Hyper Market ต่างๆ จะอยู่บนเส้นลาดพร้าวและประเสริฐมนูกิจ บริเวณ 3 แยกบางกะปิจะมีทั้ง Tesco Lotus, Makro, ตะวันนา(แหล่งซื้อเสื้อผ้า) และ The Mall บางกะปิ ซึ่งถ้าจะซื้อของใช้ทั่วๆไปไม่ได้กะจะไปเดินเล่นก็ไป Big C บนเส้นประเสริฐมนูกิจดีกว่าเพราะแถวแยกบางกะปิ รถติดสุดๆเลยค่ะ

ทางไปโครงการ The city

เส้นทางที่เราจะพาไปในวันนี้ จะสตาร์ทรถกันที่ตลาดบางกะปิ วิ่งไปเรื่อยๆผ่านพันธุ์ทิพย์พลาซ่า บางกะปิ แล้วขับมาจนถึงแยก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนนวมินทร์  จนถึงซอยนวมินทร์ 53  แล้วเลี้ยวเข้าไปยังโครงการค่ะ

เราเริ่มเดินทางจากตลาดบางกระปิ หรือตลาดสดพร้าว 123 บริเวณนี้ค่อนข้างคึกคักมากทีเดียว

ขับไปอีกหน่อยจะเจอพันธุ์ทิพย์พลาซ่า บางกะปิ ศูนย์รวมสินค้าไอที

ขับไปเรื่อยๆเราจะเจอทางแยก หากตรงไปจะไปถนนเสรีไทย ส่วนเราจะเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนนวมินทร์กันค่ะ

ตามรถสีขาวไปเลยยย

พอเข้ามาบนถนนนวมินทร์ บรรยากาศก็จะเป็นตึกแถว อาคารราชการ รวมทั้งสำนักงานต่างๆ

ทางซ้ายมือเป็นสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว

ไม่ห่างกันนักเป็นโรงเรียนบ้านบางกะปิ

ขับไปเรื่อยๆมองไปทางขวามือจะเป็นการเคหะแห่งชาติ

ไม่ไกลกันฝั่งเดียวกับการเคหะ จะเป็นสนามกีฬาคลองจั่น เป็นสนามค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

ขับมาเรื่อยๆเราจะเจอแยกนวมินทร์-แฮปปี้แลนด์ ซึ่งหากเลี้ยวซ้ายจะสามารถไปทะลุถนนแฮปปี้แลนด์เพื่อเป็นทางลัดไปลาดพร้าวได้

พอถึงสะพานข้ามคลองแสนแสบ มองไปข้างหน้าเราจะเห็นป้ายนิตยาไก่ย่าง ก็ให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าซอยนวมินทร์ 53 เพื่อไปโครงการกัน

เตรียมตัวเลี้ยวเข้าซอยนวมินทร์ 53 กันเลยค่ะ

พอเข้าซอยมา เราจะเห็นทางซ้ายมือเป็นคลองแสนแสบยาวไปตลอดแนว ส่วนทางขวามือเป็นร้านนิตยาไก่ย่าง ซึ่งด้านหลังจะมีตึกสีส้มๆเด่นๆนั้นคือตึกของเอ็มเอฟคอร์ท อพาร์ทเม้นต์ความสูง 12 ชั้น

จากตรงนี้เราจะลงเดินกันนะคะ หันมาดูหน้าทางเข้าร้านนิตยาไก่ย่าง จะมีถนนเพื่อเข้าไปสู่เอ็มเอฟคอร์ท ซึ่งไหนๆเรามาผ่านร้านนิตยาไก่ย่างแล้ว ก็ขอพาแวะเข้าไปดูบรรยากาศกันสักหน่อยดีกว่า^^

The city 2

 

ชื่อ “ร้านนิตยาไก่ย่าง” นี้ถ้าพูดถึง หลายคนคงคุ้นหูเพราะเป็นร้านอาหารอีสานเจ้าดัง ที่ตอนนี้มีอยู่กว่า 9 สาขาทั่วประเทศแล้ว สาขานี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

The city 1

หน้าตาไก่ย่างครึ่งตัว บวกส้มตำไทยไข่เค็ม พร้อมน้ำจิ้ม หากได้มาเป็นลูกบ้านของโครงการ The City นวมินทร์ น่าจะได้มาอุดหนุนกันบ่อยๆนะคะ

 

ออกมาจากร้าน เราก็เดินต่อไปสุดทางจะเป็นศูนย์เยาวชนคลองกุ่ม ส่วนลานว่างๆทางขวามือเป็นที่จอดรถของร้านนิตยาไก่ย่าง

เมื่อเดินมาถึงสุดซอย เราจะเจอทางแยก 2 ทาง ให้เลือกไปตามเส้นทางสีแดงเพื่อไปโครงการนะคะ  ส่วนทางแยกอีกทางจะเป็นซอยที่เพื่อนบ้านข้างๆโครงการเรา ใช้เป็นทางเข้า-ออกหลัก

เข้ามายังซอยทางเข้าโครงการจะเป็นทิวต้นไม้เขียวขจีทั้งสองข้างทาง ร่มรื่นทีเดียว

The city 6

ช่วงใกล้ถึงทางเข้าโครงการด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าบ้านพักอาศัยจำนวน 2 หลัง

และเมื่อเดินมาถึงสุดทาง ก็จะเจอกับทางเข้าโครงการ The City นวมินทร์ แล้วค่ะ ^^

แผนที่ซูม the city**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บริบทโดยรอบโครงการ ทิศเหนือและทิศตะวันออก ติดกับโครงการหมู่บ้านอินทรารักษ์และหมู่บ้านเก่า ความสูง 1-2 ชั้น  ทิศตะวันตก ติดกับหมู่บ้านโชคชัยคลองจั่น เป็นหมู่บ้านเก่า ความสูง 1-2 ชั้นเช่นกัน ส่วนทางทิศใต้จะติดกับซอยนวมินทร์ 53  ซึ่งเป็นทางเข้า-ออก หลักของโครงการ ซึ่งโดยรวมแล้วจะเห็นว่าบริบทรอบๆจะเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้นซะเป็นส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการถูกบังวิวและสิ่งรบกวน อย่างเช่น เสียงดังหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาถนนสุขาภิบาล 1 ~ 0.4 กม.
  • แม็กซ์แวลู ทันใจ นวมินทร์ 63  ~0.5 กม.
  • เทสโก้ โลตัส สุขาภิบาล 1  ~0.6 กม.
  • โรงเรียนนราธิปพิทยา ~0.7 กม.
  • โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ ~0.8 กม.
  •  มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต(RBAC) ~1.4 กม.
  • แม็กซ์แวลู นวมินทร์ ~ 1.5 กม.
  • โรงเรียนวัดบางเตย ~1.5 กม.
  •  สวนนวมินทร์ภิรมย์ ~1.6 กม.
  • สวนนวมินทร์ภิรมย์ (บึงลำไผ่) ~1.6 กม.
  • โรงเรียนอนุบาลศรีนครพัฒนา ~1.7 กม.
  • โรงเรียนวรรณทิพย์ ~1.8 กม.
  • โรงเรียนมัธยมบ้านบางกะปิ ~1.9 กม.
  • โรงเรียนบ้านบางกะปิ ~1.9 กม.
  • เดอะมอลล์บางกะปิ ~2.7 กม.
  • ห้างพันธ์ทิพย์ พล่าซ่า บางกะปิ ~2.7 กม.
  •  ตลาดสดบางกะปิ ~2.7 กม.

 

 

เจาะลึกตัวโครงการ

master plan**ภาพประกอบชิ้นที่ดินจาก Google map ซึ่งรูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

โครงการ The City นวมินทร์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 108 ยูนิต เนื้อที่โครงการประมาณ 27 ไร่กว่าๆ มีทางเข้า-ออกทางเดียวโดยใช้ซอยนวมินทร์ 53 เป็นหลัก ทางเข้าโครงการอยู่ห่างจากถนนนวมินทร์ประมาณ 300  เมตร  เมื่อมาถึงหน้าโครงการจะเจอซุ้มทางเข้าที่มีป้อม รปภ. และประตูรั้วไม้กระดก เข้าโครงการโดยใช้ Access Card ระยะใกล้  ทางซ้ายมือของซุ้มโครงการจะเป็นสวนสาธารณะเล็กๆจุดที่หนึ่งซึ่งจะเป็นส่วนที่เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้บรรยากาศหน้าโครงการร่มรื่น ถนนหลักของโครงการกว้าง 6 เมตร และถนนในซอยย่อยกว้าง 6 เมตร เช่นกัน

เมื่อเดินเข้ามาในโครงการ จะเห็นทิวของอาคารยาวไปจนถึงสวนจุดที่สอง ทางซ้ายมือจะเป็นสวนหย่อมเดินเล่น ส่วนทางขวามือจะเป็นสวนสาธารณะที่มีไม้ใหญ่ให้ร่มเงา มีสนามเด็กเล่น และเป็นที่ตั้งของ Clubhouse ซึ่งประกอบด้วย Fitness, สระว่ายน้ำ และห้องโยคะ ถัดไปก็จะเป็นส่วนของยูนิตโครงการที่แบ่งย่อยหลายซอยมาก ซึ่งโครงการบอกว่าจะมีบ้านอยู่ไม่เกินซอยละ 6 ยูนิต ดังนั้นภาพรวมของโครงการจึงค่อนข้างสงบ เป็นส่วนตัวค่ะ

ก่อนที่เราจะพาเข้าไปชมโครงการ ต้องบอกก่อนว่าวันที่เราไปเก็บข้อมูลตัวโครงการยังไม่เปิดตัว จึงมีบางส่วนที่ไม่เรียบร้อยนะคะ

 ตัวโครงการมีการออกแบบภายใต้แนวคิด Reflection of Nature ที่รวบรวม สะท้อน และเผยให้เห็น เฉพาะส่วนที่เป็นธรรมชาติ  ทั่วทั้งโครงการจึงจะมีพื้นที่สีเขียวค่อนข้างเยอะ

เรามาเริ่มที่ทางเข้าโครงการกันค่ะ หากมองไปทางซ้ายมือจะเห็นป้ายโครงการ “The City Nawamin” ชัดเจน ส่วนซุ้มทางเข้าโครงการจะออกแนว Modern Loft เรียบๆ มีการใช้โทนสีเทาและสีดำเป็นหลัก ประตูทางเข้า-ออกแบ่งเป็น 2 เลน คือ เลนประตูทางเข้าและเลนทางออกของลูกบ้าน กั้นด้วยรั้วไม้กระดก ซึ่งจะติดตั้งในอีกไม่นานค่ะ ทั้งทางเข้าและทางออกมีกล้อง CCTV และระบบ Access Card  รวมทั้งมีป้อมยาม 1  ป้อม 

The city 2

โดยทางเข้า-ออกจะมีแค่เลนเดียว ทั้งลูกบ้านและ Visitor จึงจะใช้ทางเดียวกัน หากเป็นลูกบ้านก็สามารถเข้าทางประตูนี้ได้โดยแตะ Access Card ที่แป้นด้านหน้า หากเป็น Visitor จะต้องผ่านพี่ยามรักษาความปลอดภัยก่อนจึงจะเข้าได้ โดยเวลาใครจะผ่านเข้า-ออกก็จะถูกบันทึกด้วยกล้อง CCTV ด้านหน้านี้ 2 จุด และยังมีกล้อง CCTV รอบโครงการอีก 36 จุดเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ลูกบ้าน นอกจากทางเดินรถแล้ว หากใครเดินเท้ามาก็มีทางเดินผ่านซุ้มทางเข้าด้านซ้ายมือได้เลย Circulation จึงไม่ปะปนกันค่ะ

ด้านข้างซุ้มประตูมีสวนหย่อมเล็กๆที่ไม่ได้เน้นเดินเล่นแต่เน้นสร้างทัศนียภาพมากกว่า

พอเดินเข้ามาในโครงการเราจะเห็นถนนทางเข้ากว้างประมาณ 6 เมตร ด้านซ้ายมือที่เราเห็นเป็นเนินดินนั้น ในอนาคตจะมีการสร้างยูนิตพักอาศัยเป็นแนวยาวไปเลยนะคะ ส่วนทางขวามือจะเป็นสนามหญ้าที่ปลูกต้นไม้เป็นทิวแถว ถ้าสังเกตจะเห็นว่านอกรั้วโครงการมองออกไปเป็นไม้ยืนตั้นเขียวขจีทั้งสองด้าน ก็เพราะรอบๆโครงการแถวนี้เป็นบ้านพักอาศัย ที่ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงากันอยู่แล้ว โครงการเราจึงได้ทัศนียภาพร่มรื่นนี้ไปด้วย ยกเว้นแต่ทางซ้ายมือที่อนาคตจะมีการสร้างบ้านขึ้น บรรยากาศก็จะเปลี่ยนเป็นบ้านเรียงหน้ากระดานขึ้นมาแทนค่ะ

ถ่ายให้เห็นบรรยากาศนอกรั้วโครงการชัดๆ ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นหลังคาบ้านข้างเคียงกับต้นไม้ค่ะ รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร สำหรับบ้านที่จะอยู่ตรงนี้ในอนาคต ความสูงรั้ว 2.5 เมตรจะช่วยบังพื้นที่ชั้นหนึ่งกับเพื่อนบ้านข้างโครงการไปได้ทั้งชั้น ช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่ห้องชั้นสองอาจจะเปิดหน้าต่างมาจ๊ะเอ๋กันบ้างเป็นครั้งคราวนะ

เข้ามาเรื่อยๆพอถึงทางโค้งก็จะเข้ามาสู่โครงการด้านในแล้ว มองตรงไปก็จะเห็นตัวบ้าน ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นสนามหญ้าเตียนโล่ง

ซึ่งสนามหญ้าตรงนี้ เป็นสวนหย่อมเล็กๆที่มีการตั้งศาลพระภูมิเจ้าที่ รวมทั้งมีการปลูกไม้ยืนต้นให้ร่มเงาตรงนี้ด้วย

ส่วนทางซ้ายมือเป็นส่วนสาธารณะสวนใหญ่ของโครงการ ซึ่งมีทั้งสนามหญ้า ทางเดินเล่น สนามเด็กเล่น และ Clubhouse ก็รวมอยู่ที่นี่

เมื่อเราเดินเข้ามาในสวน จะเป็นสนามหญ้าที่มีการปูทางเดินให้เดินเล่นได้ มีการปลูกไม้พุ่มและไม้ยืนต้นช่วยให้ร่มเงา และก่อปูนเป็นที่นั่งพักใต้ร่มไม้ให้ด้วย

ถัดไปเป็นเนินดิน ที่มีเครื่องเล่นทั้งอุโมงและบันได ให้เด็กๆปีนเล่น แต่ก็ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองนะคะ

ถัดไปจะเป็นส่วนของ Clubhouse

ทางเข้า Clubhouse จะอยู่ด้านข้างอาคาร เป็นบันไดเข้าไปในอาคารค่ะ

เมื่อเดินเข้ามา เราจะเจอ Corridor ทางเดิน ฝั่งซ้ายมือเป็นโถงบันไดขึ้นไป Fitness ส่วนฝั่งขวามือเป็นสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำระบบเกลือ แบ่งเป็นสระเด็กขนาด  2.25 x 6 เมตร ลึก 0.40 เมตรและสระผู้ใหญ่ขนาด 10.25 x 14.5 เมตร ลึก 1.20  เมตร

ทั้งสองด้านของสระว่ายน้ำจะมี Pool Deck ไว้ให้นั่งเล่นริมสระได้เพลินๆ โดยมีทั้งพื้นที่ indoor และ outdoor

จาก Pool Deck ด้านหนึ่ง มองกลับไปจะเห็นส่วนของโถงบันไดขึ้นชั้น 2 และส่วนนั่งเล่นอเนกประสงค์ โดยเราจะพาไปดูที่ส่วนนั่งเล่นอเนกประสงค์ก่อนนะคะ

ส่วนนั่งเล่นตรงนี้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่ให้ลูกบ้านสามารถนั่งพูดคุยหรือจัดปาร์ตี้กันได้ Floor to ceiling ค่อนข้างสูงเพราะเป็น Double space ถึงชั้น 2 ผนังด้านหนึ่งใช้ระแนงเป็น Fin ตกแต่งอาคารและกรองแสงแดดได้ส่วนหนึ่ง

ส่วนอีกด้านเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว มองขึ้นไปจะเห็นระเบียงของชั้น 2

จากพื้นที่นั่งเล่นอเนกประสงค์มองออกไปจะเห็นทัศนียภาพของสวนสระว่ายน้ำ และ Pool Deck ด้านหน้า

เดินออกมารับแสงอาทิตย์หน่อย ส่วนของ Pool Deck ตรง Outdoor ค่อนข้างกว้าง และโปร่ง มองเห็นสวนได้ทั้งสวนค่ะ

หากใครอยากเปลี่ยนใจอยากไปเดินเล่นที่สวนแล้ว ตรงพื้นที่ด้านข้างสระว่ายน้ำก็มีบันไดให้สามารถเดินไปยังสวนได้ค่ะ

ถัดไปเป็นส่วนของโถงบันไดขึ้นชั้น 2 ด้านข้างบันไดมีทางเดินไปยังห้องน้ำสาธารณะ แบ่งเป็นห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิงค่ะ

เราเดินมาดูในห้องน้ำหญิงกันนะคะ ห้องน้ำจะใช้สีเอิร์ธโทน เป็นสีครีมออกน้ำตาล สลับกับสีเทา มีส่วนของอ่างล้างมือ ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง และห้องสุขา 2 ห้อง

อ่างล้างมือมีจำนวน 2 อ่าง เป็นอ่างลอยไม่มี Top เคาท์เตอร์ให้วางของ แต่จะก่อ Low wall สำหรับวางของเล็กๆน้อยๆมาให้แทน ผนังหน้าเคาท์เตอร์ติดกระจกให้เต็มบาน ผนังข้างๆกันมีหน้าต่างบานกระทุ้งช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าและระบายอากาศได้

ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง

ห้องสุขา 2  ห้อง

ถัดไปเราจะพาขึ้นบันไดไปดูชั้น 2 ซึ่งเป็นส่วนของห้อง Fitness และโยคะกันนะคะ

ตัวบันไดจะมีชานพักรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้ลูกนอนเป็นปูนขัดมันและติดจมูกกันลื่นให้ แต่พอขึ้นมาที่ชั้น 2 พื้นจะเป็นลามิเนตลายไม้ให้ทั้งหมด ภาพรวมของบันไดออกแนวดิบๆสไตล์ Loft มากเลย

พอขึ้นมาที่ชั้น 2 สิ่งแรกที่เราจะเจอเลยก็คือห้อง Fitness

โดยพื้นที่หน้าห้อง Fitness จะเป็นโถงกว้างๆ มีราวกันตกเป็นกระจกนิรภัยแบบนี้ให้

เมื่อมองจากโถงนี้ลงไปก็จะเห็นพื้นที่อเนกประสงค์ชั้น 1

ซึ่งตัวโถงนี้จะมีหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บาน สูงจรดฝ้าเพดาน แสงสว่างจึงเข้าได้ดีแม้ไม่เปิดไฟ ดังนั้นหากใครจะมาให้พื้นที่ในช่วงเวลากลางวันก็สว่างดีค่ะ

จากโถงนี้มองไปจะเป็นห้องฟิตเนส ที่มีกระจกรอบเลย ปัจจุบันบรรจุเครื่องเล่นไว้ประมาณ 6 เครื่อง

ผนังด้านหน้าของห้องฟิตเนสก็เป็นกระจกใสเช่นกัน ดังนั้นขณะที่้เล่นเครื่องเล่นไป ก็สามารถชมวิวสวนไปได้ด้วย

ส่วนผนังด้านขวามือของห้องฟิตเนสจะเป็นกระจกเงา สลับกับกระจกใสที่มีหน้าต่างบานกระทุ้งไว้เปิดระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติ ส่วนกระจกเงาที่ติดไว้ จะช่วยให้ห้องดูกว้างและให้ลูกบ้านไว้ส่องดูหุ่นตัวเองขณะเล่นเครื่องเล่นได้ด้วย

ส่วนที่ติดกันจะเป็นห้องโยคะที่มีประตูบานเลื่อนกั้นห้องไว้เผื่อมีคนใช้ห้อง โดยพื้นห้องฟิตเนสจะปูด้วยลามิเนตลายไม้ ในขณะที่พื้นห้องโยคะปูสนามหญ้าเทียม ซึ่งเข้าใจว่าแนวคิดคงต้องการให้เหมือนกำลังโยคะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่ด้วยเนื้อพลาสติกสังเคราะห์ของหญ้าเทียมที่ค่อนข้างแข็ง ไม่ได้อ่อนนุ่มเหมือนหญ้าจริงๆ ทำให้เวลาเล่นโยคะกลิ้งไปกลิ้งมา ก็เจ็บผิวได้เหมือนกันนะคะ

ผนังด้านหนึ่งของห้องโยคะ มีกระจกเงาให้เต็มบาน เพื่อจะได้ส่องดูท่ากันได้

ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นกระจกใสเต็มบานเช่นกัน แต่จะมีประตูให้เดินออกไปสูดอากาศและชมวิวสวนที่นอกระเบียงได้ค่ะ

ถัดมาจะเป็นส่วนของบ้านพักอาศัยซอยแรกทางขวา(หันหน้าเข้าโครงการ) ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับ Clubhouse นี้เอง ในปัจจุบันวันที่มาเก็บข้อมูล จะเป็นบ้านตัวอย่างและ Sale Office ค่ะ โดยส่วนของโครงการด้านนี้จะติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ความสูงพอๆกับบ้านในโครงการเรา

ฝั่งตรงข้ามกันก็จะเป็นบ้านพักอาศัยซอยแรกทางซ้ายมือ(หันหน้าเข้าโครงการ)โดยส่วนที่ติดกับรั้วโครงการด้านนี้จะเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้นค่ะ

ถัดไปเป็นพื้นที่โครงการที่กำลังก่อสร้าง ถนนโครงการจะยาวไปสุดลูกหูลูกตา แล้วแตกแขนงเป็นซอยย่อยหลายๆซอยค่ะ ซึ่งแต่ละซอยโครงการเคลมว่าจะมีบ้านอยู่ซอยละไม่เกิน 6 ยูนิต ด้วยจำนวนยูนิตที่ค่อนข้างน้อยการอยู่อาศัยในแต่ละซอยจึงค่อนข้างสงบและเป็นส่วนตัวค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ แบ่งเป็นสระเด็กขนาด  2.25 x 6 เมตร ลึก 0.40 เมตร และสระผู้ใหญ่ขนาด 10.25 x 14.5 เมตร ลึก 1.20  เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • สวนสาธารณะ 2 จุด
  • ระบบ CCTV ทั้งหมด 38 จุดที่ Main Gate  2 จุด และภายในโครงการ 36จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
  • Key Card Access ระยะใกล้
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor ทุกหลัง
  • ถนนหลักกว้าง 6 เมตร และถนนภายในกว้าง 6 เมตร

 


Product Walkthrough

ตัวบ้านมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ คือ

  • แบบบ้าน Type B ขนาด 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • แบบบ้าน Type A ขนาด 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน
  • แบบบ้าน Type A+P ขนาด 62 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 230 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน 1 เรือนรับรอง

โดยตัวบ้านที่เราจะพาไปเจาะลึกคือบ้าน Type B ขนาด 50 ตารางวา เป็นบ้านขนาด Standard หลังเล็กที่สุด และบ้าน Type A+P ขนาด 62 ตารางวา ซึ่งบ้าน Type นี้จะมีความพิเศษตรงที่มีห้องแม่บ้านและเรือนรับรองด้วย แต่เนื่องจากภายในบ้านยังไม่เรียบร้อย ในส่วนของ Type A+P เราจึงจะพาไปชิมลางดูแต่หน้าตาบ้านภายนอกก่อนนะคะ ส่วนถ้าใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูที่โครงการช่วง Prsale ในวันที่ 19-20 กันยายนนี้ได้เลยค่ะ

plan2

เรามาเริ่มที่ผังตัวบ้านกันค่ะ แบบบ้าน Type B มีขนาด 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ มีพื้นที่ให้สามารถเดินและจัดสวนได้รอบบ้าน โดยทางเข้า-ออกหลักของบ้านจะมี 2 ทางคือเข้าทางโรงจอดรถ และห้องรับแขก

เมื่อเข้ามาในบ้านจะเป็นโรงจอดรถใต้อาคาร หน้ากว้างประมาณ 4.87 เมตร สามารถจอดรถได้ประมาณ 2 คัน ตัวบ้านชั้น หนึ่งแบ่งออกเป็น 2 โซน คือโซนพักผ่อนและโซน Service โดยซีกขวาของบ้านเป็นโซนพักผ่อนที่ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น-รับแขกที่เชื่อมต่อกับห้องรับประทานอาหาร มีการติดตั้งหน้าต่างกระจกในทุกด้านของผนังทำให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดี สามารถจัดสวนด้านนอกเพื่อสร้างวิวสวยๆได้ ติดกันเป็นห้องอเนกประสงค์หรือห้องนอนเล็ก เหมาะจะทำเป็นห้องทำงาน ห้องดูหนัง เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ หรือเด็กอ่อนก็ได้

ส่วนซีกซ้ายจะเป็นโซน Service  อย่างห้องน้ำรวมที่มีส่วนอาบน้ำให้ด้วยและครัวปิดที่ติดตั้งประตูบานเลื่อน รวมทั้ง Built-in เคาท์เตอร์และซิ้งค์ล้างจานไว้ให้ มีประตูออกไปยังส่วนซักล้างหลังบ้านที่ก่อพื้นปูนคอนกรีตขัดเรียบไว้ให้แล้ว

ขึ้นมาที่ชั้น 2 พื้นที่จะเป็นรูปตัว U พอขึ้นมาจะเจอโถงชั้น 2 ซึ่งสามารถทำพื้นที่เป็นห้องนั่งเล่นชั้นบนได้ ห้องนอนมีทั้งหมด 3 ห้องโดยมีห้องนอนเล็ก 2 ห้องใช้ห้องน้ำรวมร่วมกันที่โถง ส่วนห้อง Master Bedroom มีพื้นที่สามารถทำ Walk-in closed ได้ และมีห้องน้ำให้ในตัว

ตัวบ้านใช้โทนสีครีม-เทา-เทาเข้ม มีการตกแต่ง Facade ด้วยระแนง และใช้ราวกันตกเป็นกระจก ตามแบบบ้าน Modern ปัจจุบันที่ชอบใช้กัน บานประตูและหน้าต่างใช้กระจกใสเขียวตัดแสง กรอบ UPVC สีขาว โครงสร้างบ้านเป็นแบบ Conventional หรือการก่อสร้างแบบเสาคาน หน้าบ้านจริงจะมีรั้วโปร่งแบบรางเลื่อนให้ ความสูงของรั้ว 1.5 เมตร ทางเข้าลานจอดรถเป็นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก Slab on Ground ผิวขัดเรียบ

เดี๋ยวเราจะพาเดินดูรอบๆตัวบ้านกันก่อนนะคะ พื้นที่หน้าบ้านเหลือค่อนข้างเยอะ สามารถจัดสวน ปูสนามหญ้า ทำทางเดิน หรือจะปลูกไม้ยืนต้นแล้ววางโต๊ะนั่งเล่นใต้ต้นไม้ก็ได้ ซึ่งพื้นที่สวนรอบๆบ้านนี้ โครงการมีการจัดสวนให้ตามมาตรฐานของโครงการ ส่วนใหญ่ก็จะปูสนามหญ้าและมีต้นไม้ให้เป็นบางจุด

The-city-5 copy

เดินมาข้างบ้าน ถ้าเป็นบ้านของจริงจะมีรั้วสูง 1.5 เมตร กั้นให้ตามแนวเสาและเส้นกรอบสีน้ำเงินเลยค่ะ โดยจากตัวบ้านถึงรั้วมีระยะห่าง 2 เมตร ดังนั้น ระยะจากบ้านเรากับบ้านข้างๆจึงห่างกันประมาณ 4 เมตร ช่องเปิดของผนังด้านนี้จะมีหน้าต่างของห้องรับแขก และประตูบานเลื่อนของห้องรับประทานอาหารที่สามารถเปิดออกมาเดินเล่นรอบบ้านได้

เดินมาทางด้านหลังบ้าน ระยะจากบ้านถึงรั้วก็มีระยะ 2 เมตรเช่นกัน หน้าต่างที่เราเห็นด้านนี้จะเป็นของของห้องรับประทานอาหาร หน้าต่างห้องอเนกประสงค์หรือห้องนอนเล็ก

รวมทั้งมีหน้าต่างและประตูของห้องครัว ที่สามารถเปิดออกมายังลานซักล้างด้านหลัง โครงการได้ปูพื้นคอนกรีตขัดมัน ไว้ให้แล้ว โดยจะติดตั้งก็อกน้ำและเต้ารับแบบกันน้ำไว้ให้เผื่อใช้งานด้วย รวมทั้งปั๊มน้ำของ Hitachi ค่ะ

ถัดไปเป็นผนังทึบของห้องครัว และเป็นทางเดินไปยังที่จอดรถหน้าบ้านได้ค่ะ

พื้นที่โรงจอดรถมีหน้ากว้างประมาณ 4.87 เมตร สามารถจอดรถได้ประมาณ 2 คัน บนฝ้าเพดานมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง ที่ผนังติดตั้งเต้ารับ 1 จุดเผื่อกรณีล้างรถและดูดฝุ่น มีช่องเปิดเป็นหน้าต่างกระจกบาน Fix และประตูเข้า-ออก บ้านใช้ประตู HDF สีขาว มือจับก้านโยกสแตนเลส และข้างๆประตูมีการติดตั้งสัญญาณกันขโมยไว้ให้ พื้นของจริงเป็น คอนกรีตผิวขัดมัน ด้านข้างโรยด้วยหินกรวดตกแต่งค่ะ

เราจะเข้าบ้านทางประตูใหญ่ หรือประตูห้องรับแขกกันนะคะ โดยหน้าประตูทางเข้ามีบันไดทางขึ้น 1 ขั้นไปยังเฉลียงขนาด 0.65 x 3.50 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องสีครีม ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ผนังทางเข้าเป็นกระเบื้องหินตกแต่ง มีการติดตั้งโคมไฟสีดำให้ทั้งสองจุดซ้าย-ขวา ประตูทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนเดี่ยว กระจกใสเขียวตัดแสง กรอบ UPVC สีขาว โดยประตูของบ้านหลังนี้จะมีตัวล็อกให้ 2 ชั้นคือ…

ชั้นที่ 1 ตัวล็อกของประตูมาตรฐานที่ใช้ลูกบิดจากด้านในและไขกุญแจจากด้านนอก ด้านในประตูมีสักหลาดกันกระแทกให้ด้วย และจะมีให้แบบนี้ทุกบานในบ้าน

และตัวล็อกชั้นที่ 2 จะเป็นตัวเล็กที่อยู่ตรงกลางประตู เมื่อต้องการเปิดประตูให้หมุนขึ้น แต่เมื่อต้องการล็อกประตูให้หมุนลงก็จะช่วยล็อกประตูไว้ไม่ให้ขยับได้ ซึ่งการมีตัวล็อก 2 ชั้นแบบนี้ จะช่วยในเรื่องความปลอดภัยค่ะ อย่างเช่น หากบ้านโดนงัด อย่างน้อยขโมยต้องงัดถึง 2 จุดกว่าจะเข้ามาได้ และกว่าจะงัดเสร็จเจ้าของบ้านก็คงรู้ตัวก่อนแล้ว

นอกจากความปลอดภัยในเรื่องตัวล็อกประตู ในบานประตูทุกบ้าน และหน้าต่างทุกช่องในชั้นหนึ่ง จะมีการติดตั้งสัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic Sensor และ Shock Sensor ไว้ให้ ซึ่งถ้าได้ลองเข้าไปอยู่จะรู้สึกได้ชัดมาก เนื่องจากวันที่ไปเก็บรีวิวเราเปิด-ปิดหน้าต่างประตูเกือบทุกบาน และทุกครั้งที่เราเปิดและปิดก็จะมีเสียงดังเตือนขึ้นทุกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าการมีสัญญาณเตือนแบบนี้จะช่วยให้เจ้าของบ้านรู้ว่ามีใครเข้า-ออกบ้านบ้าง และช่วยในการระแวดระวังขโมยที่อาจมาเยี่ยมเยือนโดยมิได้รับเชิญค่ะ

เปิดประตูเข้ามาในบ้านจะเจอห้องรับแขกที่เชื่อมต่อกับห้องรับประทานอาหาร

พื้นห้องรับแขกมีการยกระดับประมาณ 17 เซนติเมตร รวมรางเลื่อน ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีม ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

มองกลับไปยังประตูจะได้เห็นพื้นที่ห้องรับแขกชัดๆนะคะ โดยห้องนี้มีขนาดประมาณ 3.50 x 3.00 เมตร สามารถวางชุดวางทีวีและโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้ โดยมีระยะดูทีวีประมาณ  2.40 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะกับทีวีขนาด 52″ นิ้วจะพอดีกับสายตาค่ะ

เปรียบเทียบบ้านเปล่ากับบ้านตัวอย่าง โดยของจริงที่ได้จะเป็นห้องเปล่าผนังก่ออิฐฉาบเรียบทาสี นอกจากประตูทางเข้าแล้ว ก็มีหน้าต่างให้ 1 บาน

โดยหน้าต่างเป็นกระจกใสเขียวตัดแสง กรอบ UPVC สีขาว มีตัวล็อก 2 ชั้น และสัญญาณกันขโมยให้เหมือนกับประตู โดยหน้าต่างของชั้นหนึ่งทั้งหมดจะให้แบบนี้เลยนะคะ

ตัวล็อกของหน้าต่าง

สัญญาณกันขโมยติดตั้งให้ทั้งแบบ Magnetic Sensor และ Shock Sensor

อีกด้านของจริงจะเป็นผนังเปล่าฉาบเรียบทาสี ซึ่งเราสามารถ Built-in ชั้นวางทีวีลักษณะเดียวกับบ้านตัวอย่างได้ค่ะ

ถัดไปเป็นส่วนของห้องรับประทานอาหารขนาดประมาณ 2.56 x 4.75 เมตร โดยบ้านจริงที่ได้จะเป็นบ้านเปล่า สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6 ที่นั่งลักษณะเหมือนบ้านตัวอย่างได้

โดยหากจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 6 ที่นั่งแบบนี้ ก็จะมีพื้นที่ว่างทั้งด้านขวาและด้านซ้ายเหลือให้เดินได้อีก แม้จะเขยิบเก้าอี้ออกมาแล้วก็ตาม

โดยประตูและหน้าต่างของห้องรับประทานอาหารจะมีลักษณะเดียวกับของห้องรับแขก มีการติดตั้งตัวล็อก 2 ชั้น และติดตั้งสัญญาณกันขโมยให้ทั้งแบบ Magnetic Sensor และ Shock Sensor

พื้นที่อีกด้านของจริงจะเป็นผนังเปล่า ซึ่งเราสามารถ Built-in ตู้ใส่ของ หรือตู้ไวน์ลักษณะเดียวกับบ้านตัวอย่างได้ค่ะ

ถัดไปเป็น Corridor ทางเดินไปสู่ห้องอื่นๆของบ้าน ซึ่งผนังทั้งสองด้านตามที่เห็นจะเป็นผนังเรียบ แต่เมื่อมีการ Built-in ตู้หรือฟังก์ชั่นอื่นๆเพิ่มเข้ามาก็ทำให้บ้านมีลูกเล่น และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น

เราเดินมายัง Corridor ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมต่อกับหลายๆฟังก์ชั่นทั้งห้องอเนกประสงค์หรือห้องนอนเล็ก,  ห้องน้ำรวม, โถงบันไดทางขึ้นชั้นสอง, ห้องเก็บของ, ประตูออกโรงจอดรถ และสุดทางที่ห้องครัว เดี๋ยวเราจะเริ่มกันที่ห้องอเนกประสงค์หรือห้องนอนเล็กกันก่อนเลยนะคะ

ห้องอเนกประสงค์หรือห้องนอนเล็ก มีการติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อนให้ 1 บาน มีตัวล็อค 2 ชั้น และมีสัญญาณกันขโมย Megnetic Sensor และ Shock Sensorให้เหมือนกับหน้าต่างบานอื่นๆ ห้องนี้มีขนาด 2.56 x 2.85 เมตร ซึ่งโครงการวางฟังก์ชั่นในผังไว้ให้เป็นห้องนอนชั้นหนึ่ง ซึ่งจริงๆจะเรียกว่าห้องนอนก็ไม่ได้เต็มปากเต็มคำนัก เพราะห้องมีขนาดไม่ใหญ่มาก หากต้องการให้เป็นห้องนอนจริงๆก็สามารถเป็นห้องนอนเด็กหรือผู้สูงอายุที่ขนาดตัวไม่ใหญ่มากได้ หรือจะจัดเป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น หรือห้องอ่านหนังสือก็ดูจะเหมาะสมกับพื้นที่มากกว่า ซึ่งทางโครงการเองได้จัดห้องตัวอย่างให้เป็นห้องทำงานที่ประกอบด้วยโต๊ะทำงาน และโซฟาพักผ่อนซึ่งหากใครปิ๊งฟังก์ชั่นแบบนี้ก็เอาไปปรับใช้ได้ไม่ว่ากันค่ะ

พื้นห้องนี้ปูด้วยลามิเนตลายไม้มีการปิดคิ้วเรียบร้อย

อีกด้านหนึ่งของห้องของจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว โครงการตกแต่งด้วยภาพวาด และหุ่นลองเสื้อผ้า แบบนี้คงจำลองห้องทำงานเล็กๆของดีไซน์เนอร์เสื้อผ้านั่นเอง

มองขึ้นไปยังฝ้าเพดานห้องนี้จะมีไฟดาวน์ไลท์รูปทรงสี่เหลี่ยมให้ทั้งหมด 4 ดวงค่ะ

ออกมาจากห้องอเนกประสงค์หรือห้องนอน เราก็มาป๊ะกับโถงบันได ซึ่งข้างๆเป็นห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ เดี๋ยวเราจะพาไปดูยังส่วนอื่นๆกันก่อนค่อยขึ้นชั้น 2 นะคะ

ถัดจากโถงบันไดจะเป็นประตูไปสู่ลานจอดรถ ที่มีสัญญาณกันขโมย Megnetic Sensor และ Shock Sensor ให้

ข้างๆกันที่เป็นหน้าต่างบาน Fix ก็มีสัญญานกันขโมยทั้งสองแบบติดตั้งให้ด้วยเช่นกัน แม้จะเป็นบาน Fix แต่ก็กันไว้ดีกว่าแก้นะ

ถัดไปเป็นห้องน้ำขนาด 2.56 x 1.38 เมตร จะอยู่ตรงข้ามกับห้องครัว มีการแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน ไม่มีพัดลมดูดอากาศแต่มีหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อช่วยให้แสงเข้าและสามารถเปิดระบายอากาศได้ไปในตัว พื้นห้องน้ำใช้กระเบื้องเซรามิค ขนาด 0.30 x 0.30 เมตร

ส่วนพื้นที่ส่วนอาบน้ำมีการยกพื้นกั้นส่วนเปียกส่วนแห้งมีขนาด 0.80 x 1.4 เมตร สามารถติดผ้าม่านหรือฉากกั้นอาบน้ำเพื่อป้องกันน้ำกระเด็นไปเปียกส่วนอื่นได้

พื้นห้องน้ำมีการลดระดับเล็กน้อย

ชุดอ่างล้างหน้าให้มาลักษณะนี้ กระจกเงาเป็นบานกระจกติดผนังเต็มบาน และมี Low Wall ให้วางของได้

ก็อกน้ำของ Englefield

โถสุขภัณฑ์ของ Kohlor ขนาดไม่ใหญ่มาก พร้อมสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่

สายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่

ถัดไปเป็นส่วนของพื้นที่อาบน้ำ ขนาด  0.90 x 0.96 เมตร โครงการไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้ แต่แนะนำให้ติดผ้าม่านหรือฉากกั้นอาบน้ำตรงส่วนนี้นะคะ เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นไปเปียกส่วนอื่นๆ  ตรงผนังด้านนี้มีหน้าต่างบานกระทุ้งช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าและระบายอากาศได้

พื้นมีการลดระดับลงเล็กน้อยเพื่อให้น้ำไหลลงท่อระบายน้ำและไม่มาเปียกส่วนแห้ง

ผนังด้านนี้ติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำ ซึ่งข้างๆกันมีการ Drop ผนังเข้าไปเพื่อทำชั้นวางของ

ฝักบัวขนาดใหญ่ดี เวลาจะเอาออกจากชุดฝักบัว จะต้องเอาออกทางด้านข้างแบบนี้นะคะ

ส่วนหน้าต่างบานกระทุ้งในห้องน้ำนี้จะเป็นกระจกฝ้า กันโป๊ มีสัญญาณกันขโมยติดตั้งให้เหมือนกับหน้าต่างประตูบานอื่นๆ และมือจับจะเป็นก้านโยกสีขาวตามภาพเลยค่ะ

ถัดไปเป็นส่วนของห้องครัวปิด ซึ่งจะมีประตูกระจกบานเลื่อนให้แบบนี้ค่ะ

โดยพื้นห้องครัวจะลดระดับลงมาเพื่อแบ่งแยกพื้นที่ ซึ่งเราจะไม่เห็นรางเลื่อนประตูเลย เพราะได้ถูกฝังไว้ด้านบนวงกบค่ะ

ซึ่งที่ประตูรางเลื่อนนี้ก็มีสัญญาณกันขโมย ทั้ง Megnetic Sensor และ Shock Sensor ให้เช่นกัน

ภาพทางซ้ายมือเป็นบ้านตัวอย่าง ส่วนทางขวามือเป็นบ้านเปล่า ซึ่งบ้านของจริงจะได้เพียงเคาท์เตอร์สำเร็จรูปท็อปหินดำ ซิงค์ล้างจาน และผนังที่ติดกระเบื้องไว้ให้ตรงท็อปเคาท์เตอร์ เพื่อช่วยให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายหลังจากการประกอบอาหารค่ะ ด้านซ้ายมือจะเป็นช่องว่างขนาด 0.60 x 0.76 เมตร สำหรับวางตู้เย็น

ซิ้งล้างจานขนาดปานกลาง ก็อกน้ำทรงโค้ง

ด้านล่างซิ้งค์ล้างจานเป็นตู้เก็บของ เปิดออกมาด้านในปูกระเบื้องสีขาวให้ทั้งหมด สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนหน้าบานตู้เป็นลูกฟักบานเกร็ดช่วยระบายอากาศ ด้านในมีการติดมุ้งกันแมลงไว้ให้ด้วย

ห้องครัวนี้จะมีหน้าต่างบานเกร็ด และประตูเปิดออกไปสู่ลานซักล้าง เหมือนกันทั้งบ้านตัวอย่างและบ้านเปล่า

หน้าต่างเป็นบานเกร็ด มีลูกบิด 2 ตอน ด้านล่างกับด้านบนตามภาพเลยค่ะ

มองขึ้นไปยังฝ้าเพดาน มีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ทรงกลมให้ 2 ดวง

ต่อไปเราจะพาขึ้นบันไดไปดูชั้น  2 โดยตัวบันไดมีความกว้าง 0.86 เมตร ลูกตั้งเป็นผิวปูนทาสีขาว ส่วนลูกนอนเป็นไม้สำเร็จรูป Budjoint

ชานพักเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 1.00 x 1.94  เมตร สีพื้นบันได ชานพัก และสีพื้นชั้น 2 ที่เป็นพื้นลามิเนตลายไม้ เป็นสีเดียวกันทั้งหมด โดยรวมแล้วทำสีออกมาได้กลมกลืนดี

มองย้อนกลับไปที่โถงบันไดจะเห็นว่ามีช่องเปิดด้านบนเป็นกระจกบาน Fix ส่วนด้านล่างเป็นบานกระทุ้ง ในเวลากลางวันแบบนี้แสงธรรมชาติเข้าค่อนข้างดีไม่ต้องเปิดไฟเลย โดยบ้านจริงจะให้โคมไฟติดมาเพียงจุดเดียวนะคะ เราสามารถหาแชนเดอเลียสวยๆมาติดเพิ่มได้ เพราะสำหรับตอนกลางคืน แค่โคมไฟดวงเดียวแสงสว่างอาจจะไม่พอ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 เราจะเจอกับโถงชั้นสอง ที่จะจ่ายไปยังห้องนอน 3 ห้อง ฝั่งขวามือเป็น Master Bedroom ส่วนทางซ้ายมือเป็นห้องนอนอีก 2 ห้องและห้องน้ำรวม 1 ห้อง

The city 70

โดยที่โถงชั้นสองนี้มีพื้นที่ขนาด 2.0 x 2.85 เมตร ขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่มาก สามารถทำเป็นห้องนั่งเล่น โดยวางโซฟาขนาดประมาณ 2-3 ที่นั่ง และวางทีวีได้ โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.8 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 40-42″ จะเป็นทีวีขนาดที่พอดีกับระยะสายตาค่ะโดยผนังของโถงบันไดจะติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยวให้ 1 บาน

The city 80.1

โดยหน้าต่างเป็นบานเลื่อนเดี่ยว ติดตั้งตัวล็อก 2 ชั้นให้เหมือนกับหน้าต่างบานอื่นๆในชั้น 1 จะแตกต่างกันแค่หน้าต่างและประตูที่ชั้นสองนี้จะมีการติดตั้งสัญญาณกันขโมยแบบ Magnetic Sensor ให้อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งหน้าต่างบานเลื่อนที่ชั้นสองนี้จะเป็นเหมือนกันหมดทุกบานค่ะ

มองไปทางซ้ายมือ จะเป็นทางเดินไปสู่ห้องน้ำรวม ห้องนอน 2 และห้องนอน 3 ผนังด้านหน้าติดตั้ง Alarm ของสัญญาณกันขโมยไว้ให้

ห้องน้ำรวมที่ชั้น 2 ขนาด 1.60 x 2.00 เมตร มีการแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน ไม่มีพัดลมดูดอากาศแต่มีหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อช่วยให้แสงเข้าและสามารถเปิดระบายอากาศได้ไปในตัว พื้นห้องน้ำใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 0.60 x 0.60 เมตร โถสุขภัณฑ์ใช้ของ Kohlor ส่วนก็อกน้ำให้ของ Englefield พื้นที่ส่วนอาบน้ำขนาด 0.96 x 1.03 เมตร มีการลดระดับแยกกับส่วนแห้ง ซึ่งโดยรวมแล้วฟังก์ชั่นและการใช้สุขภัณฑ์จะเหมือนกับห้องน้ำในชั้นหนึ่งเลยค่ะ

ถัดมาเป็นห้องนอน 2 ห้องนอนเล็กขนาด 2.70 x 3.06 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้พอดีๆ เหมาะกับเป็นห้องเด็กวัยประถมหรือลูกวัยรุ่น เพราะพื้นที่ค่อนข้างกระทัดรัดเป็นส่วนตัว  ผนังด้านนี้มีหน้าต่างให้ 1 บานเป็นบานเลื่อนเดี่ยว ติดสัญญาณกันขโมย Magnetic Sensor ไว้ให้

พื้นที่ปลายเตียงสามารถ Built-in ชั้นวางของ พร้อมที่วางทีวีเล็กแบบนี้ได้ค่ะ

ส่วนพื้นที่หัวเตียง ตัวบ้านจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวธรรมดา ด้านข้างมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ 1 บาน มีการติดตั้งสัญญาณกันขโมย Magnetic Sensor ให้เช่นกัน ซึ่งเราสามารถติดวอลเปเปอร์และหาผ้าม่านมากรองแสงอาทิตย์เหมือนบ้านตัวอย่างได้ค่ะ

ส่วนพื้นที่ข้างเตียงสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นโดยการ Built-in ตู้เสื้อผ้าสูงจรดฝ้าเพดาน และโต๊ะเครื่องแป้งแบบห้องตัวอย่างได้

โดยหาก Built-in ตู้เสื้อผ้าในลักษณะนี้ ก็ยังมีพื้นที่เดินข้างเตียงเหลือได้อีกนะ

ถัดไปเป็นห้องนอนที่ 3 ขนาด 2.84 x 4.87 เมตร พื้นที่ห้องนอนนี้จะใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากห้อง Master Bedroom จึงเหมาะเป็นห้องนอนของพี่คนโตของบ้าน โดยสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้

ส่วนพื้นที่หัวเตียงและข้างเตียงก็ก็สามารถ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าสูงจรดฝ้าเพดานแบบนี้ได้

พื้นที่ห้องอีกด้านหนึ่งมีหน้าต่างทั้งสองด้าน แสงธรรมชาติเข้าค่อนข้างดี สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ โดยจะเห็นว่าบ้านเปล่าแสงธรรมชาติเข้าค่อนข้างดีแม้จะยังไม่เปิดไฟ ซึ่งเราสามารถหาผ้าม่านมาช่วยกรองแสงและความร้อนได้ เหมือนกับบ้านตัวอย่างค่ะ

หน้าต่างหัวเตียงเป็นบาน Fix และบานเลื่อน มีตัวล็อก 2 ชั้น รวมทั้งสัญญาณกันขโมยแบบ Magnetic Sensor ค่ะ

ส่วนพื้นที่ปลายเตียงก็สามารถ Built-in ทีวีติดผนังแบบนี้ได้ ซึ่งเหมาะสมมากกว่าที่จะตั้งโต๊ะเพราะพื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างน้อย

ถัดไปเป็นห้อง Master Bedroom ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโถงชั้นสอง ซึ่งประตูที่ใช้จะเป็นประตู HDF สีขาว มือจับก้านโยกสแตนเลส

โดยห้อง Master Bedroom มีขนาด 3.50 x 4.64 เมตร ซึ่งเป็นห้องใหญ่ที่สุดของบ้าน แบ่งเป็นส่วนเตียงนอน, พื้นที่วางโซฟานั่งเล่น, ห้อง Walk-in closet และห้องน้ำ ประตูและหน้าต่างภายนอกทุกบานในห้องนี้ ติดสัญญาณกันขโมย Magnetic Sensor ไว้ทุกบาน

พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้เหมือนกันทั้งห้อง พื้นที่จากหน้าห้อง ไปจนถึงข้างเตียงค่อนข้างเยอะทีเดียว

เมื่อเปิดเข้ามา จะเจอพื้นที่ข้างเตียงที่ค่อนข้างกว้าง สามารถวางโซฟาแบบนั่งคนเดียวพร้อมที่วางเท้าได้ ซึ่งหากเทียบกับบ้านเปล่าจะเห็นว่าได้เป็นห้องว่างๆที่มีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ที่ผนังด้านนี้ แสงธรรมชาติจึงเข้าได้ค่อนข้างดีทีเดียว

 

และเมื่อเราเดินเข้ามาดูใกล้ๆจะเห็นว่าหน้าต่างที่เข้ามุมเป็นหน้าต่างแบบ Bay window ด้วย พื้นที่ตรงนี้จึงหากปรับเปลี่ยนเป็นที่วางโซฟานั่งเล่นเข้ามุม ก็ดูเหมาะดีนะคะ

พื้นที่ปลยเตียงก็เหลือค่อนข้างเยอะเช่นกัน สามารถ Built-in ชั้นวางทีวีติดผนังแบบนี้ หรือจะนำโต๊ะวางทีวีมาตั้งก็ได้

ถัดไปเป็นส่วนของเตียงนอน ที่มีช่องเปิดสองด้าน คือหน้าต่างบานกระทุ้งที่หัวเตียง ซึ่งถ้าใครไม่ชอบก็สามารถทำเป็นบานทึบแบบเลื่อนได้เหมือนกับห้องตัวอย่างก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ส่วนประตูออกไประเบียง เป็นประตูกระจกบานเลื่อนเดี่ยว ตัวล็อค 2 ชั้น และมีสัญญาณกันขโมยติดตั้งให้

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.65 x 3.70 เมตร  ปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร พื้นมีการลดระดับเล็กน้อยและเนื่องจากรางเลื่อนประตูอยู่ด้านล่าง จึงทำให้มีธรณีขึ้นมาอีกนิดหน่อย

หันไปทางซ้ายมือจะเห็นราวระเบียงกระจกนิรภัยสูง 0.97 เมตร เฟรมเป็นราวเหล็กสีดำ ที่พื้นไม่มีท่อระบายน้ำ…

แต่โครงการจะทำรางระบายน้ำแบบนี้  เพื่อให้น้ำไหลลงสู่ด้านล่างแทน

ส่วนราวระเบียงอีกด้านมองไปจะเป็นผนังปูนฉาบเรียบทาสีขาว โครงการติดตั้งโคมไฟมาให้ 1 ดวง

โคมไฟที่โครงการติดตั้งมาให้

โดยหากมองจากระเบียงนี้ มองไปทางซ้ายมือจะเห็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นด้านข้างโครงการ

ด้านหน้าเป็น Clubhouse

ส่วนทางซ้ายมือเป็นสวนสาธารณะ ถนน และตัวบ้านในโครงการค่ะ

จากระเบียง เรากลับเข้าไปในห้องจะเห็นส่วนของพื้นที่ Walk-in closed และห้องน้ำ ซึ่งบ้านเปล่าจะได้เป็นโถงหน้าห้องน้ำว่างๆที่เราสามารถนำมาดัดแปลงเป็นห้องแต่งตัวเล็กๆของเราได้

พื้นที่ Walk-in closed โครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าสูงจรดฝ้าเพดานมาเป็นไอเดียตัวอย่าง ด้านในก็ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งเป็นลิ้นชัก 2 ตอน ติดกระจกเงาเต็มบานเพื่อส่องดูความเรียบร้อยและช่วยให้พื้นที่ห้องดูกว้างขึ้น

ส่วนผนังอีกด้านหนึ่งเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ

โดยห้องน้ำนี้มีขนาด 1.90 x 2.10 เมตร มีอ่างล้างหน้าโถสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำให้ แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน

ส่วนเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้ามีท็อปแกรนิตโต้ให้ ตัวกระจกเป็นกระจกเงาธรรมดาติดผนัง

อ่างล้างหน้าของ Kohlor และก็อกน้ำของ Englefield

ถัดไปเป็นห้องอาบน้ำ ที่มีฉากกั้นเป็นประตูกระจกนิรภัยให้ด้วย

พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ มีการลดระดับลงเล็กน้อย โดยพื้นที่อาบน้ำทั้งหมดมีขนาด 0.73 x 1.04 เมตร

มีการติดตั้งชุดฝักบัวให้ในลักษณะนี้ ผนังด้านข้าง Drop เข้าไปเพื่อทำชั้นวางผลิตภัณฑ์สำหรับอาบน้ำได้

ฝักบัวขนาดใหญ่ดี

โถสุขภัณฑ์ให้ของ Kohlor มีขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆ ติดตั้งสายชำระให้ทางด้านขวามือและที่แขวนกระดาษทิชชู่ไว้ด้านซ้าย เพื่อความถนัดในการหยิบใช้ ส่วนผนังด้านบนติดตั้งราวแขวนผ้าให้ด้วย

ในห้องน้ำนี้จะไม่มีพัดลมดูอากาศแต่จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ 1 บานแทน เพื่อช่วยระบายอากาศและให้แสงธรรมชาติเข้า ซึ่งหน้าต่างบานนี้ก็มีการติดตั้งสัญญาณกันขโมยแบบ Magnetic Sensor ให้ด้วย ที่ฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ให้ทั้งหมด  2 ดวงค่ะ

ซึ่งหน้าตาของไฟดาวน์ไท์ของบ้านมาตรฐานที่ทางโครงการให้ทั้งหลัง เมื่อเปิด-ปิดแล้ว หน้าตาจะเป็นแบบนี้นะคะ

plan1

ต่อมาเป็นผัง แบบบ้าน Type A มีขนาด 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน 2 ที่จอดรถ มีพื้นที่ให้สามารถเดินและจัดสวนได้รอบบ้าน โดยทางเข้า-ออกหลักของบ้านจะมี 2 ทางคือเข้าทางโรงจอดรถ และเข้าทางห้องรับแขก

เมื่อเข้ามาในบ้านจะเป็นโรงจอดรถใต้อาคาร  สามารถจอดรถได้ประมาณ 2 คัน ตัวบ้านชั้นหนึ่งแบ่งออกเป็นโซนพักผ่อนแะ Service เหมือนบ้าน Type A โดยซีกขวาเป็นโซนพักผ่อนประกอบด้วยห้องนั่งเล่น-รับแขกที่เชื่อมต่อกับห้องรับประทานอาหาร พื้นที่จะค่อนข้างกว้างกว่าบ้าน Type A  ติดกันเป็นห้องอเนกประสงค์หรือห้องนอนเล็ก ส่วนซีกซ้ายจะเป็นโซน Service อย่างห้องน้ำรวมที่มีส่วนอาบน้ำให้ด้วยและห้องครัวปิดที่ติดตั้งประตูบานเลื่อนไว้ให้ โดยบ้าน Type นี้จะมีห้องแม่บ้านที่มีห้องน้ำในตัวเพิ่มเข้ามา สามารถเข้า-ออกได้จากทางหลังบ้าน

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ผังห้องจะไม่ต่างกับแบบบ้าน Type B เท่าใดนักค่ะ พื้นที่จะเป็นรูปตัว U พอขึ้นมาจะเจอโถงชั้น 2 ซึ่งสามารถทำพื้นที่เป็นห้องนั่งเล่นชั้นบนได้ ห้องนอนมีทั้งหมด 3 ห้องโดยมีห้องนอนเล็ก 2 ห้องใช้ห้องน้ำรวมร่วมกันที่โถง ส่วนห้อง Master Bedroom มีพื้นที่สามารถทำ Walk-in closed ได้ และมีห้องน้ำให้ในตัว

plan เรือนรับรอง

ถัดมาเป็น แบบบ้าน Type A+P ขนาด 62 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 230 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน 1 เรือนรับรอง ที่มีการจัดฟังก์ชั่นของตัวบ้านหลัก เหมือนกับบ้าน Type A ทุกประการ เพียงแต่เพิ่มส่วนของเรือนรับรองเข้ามา ทำให้เพิ่มพื้นที่ของบ้านไปด้วย ซึ่งตัวเรือนรับรองนี้จะสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือจากทางหน้าบ้านและจากห้องรับประทานอาหารค่ะ เดี๋ยวเราจะพาไปดูหน้าตาบ้าน Type A+P ภายนอกพอเป็นน้ำจิ้มกันก่อนนะคะ

ตัวหน้าตาของบ้านหลัก ไม่ต่างจากบ้าน Type B มากนัก เนื่องจากมีการใช้โทนสีครีม-เทา-เทาเข้ม ตกแต่ง Facade ด้วยระแนง และใช้ราวกันตกเป็นกระจก  บานประตูและหน้าต่างใช้กระจกใสเขียวตัดแสง กรอบ UPVC สีขาว หน้าบ้านมีรั้วโปร่งแบบรางเลื่อนให้ ความสูงของรั้ว 1.5 เมตร

รั้วด้านซ้ายมือเป็นกำแพงทึบ มีการติดตั้งตู้จดหมาย รวมทั้งที่ทิ้งขยะให้ ส่วนทางขวามือเป็นประตูบานเลื่อนสำหรับรถเข้า-ออกและประตูเล็กเป็นบานเปิดสำหรับคนเดินเข้า โดยที่เสาหน้าบ้านมีการติดตั้งโคมไฟ และกริ่งกดเรียกให้ด้วย

The city 1 (1)

เข้ามาในรั้วบ้าน บริเวณรอบๆค่อนข้างมีพื้นที่ ซึ่งโครงการจะปูสนามหญ้าและจัดสวนให้ตามมาตรฐาน

The city 2 (1)

ประตูทางเข้าห้องรับแขกมีลักษณะเหมือนบ้าน Type B บุผนังด้วยกระเบื้องหินตกแต่งเช่นกัน

ถัดไปจะเป็นส่วนของเรือนรับรอง ซึ่งของจริงจะเป็นทางเดินจากหน้าบ้านเข้าเรือนรับรองได้เลย ไม่มีบ่อน้ำนะคะ

ซึ่งระหว่างตัวบ้านกับเรือนรับรองจะมีทางเชื่อมอีกทางจากห้องรับประทานอาหาร

โดยตัวเรือนรับรองจะมีชานออกมาให้นั่งเล่นได้ มีบานประตูกระจกค่อนข้างกว้างสามารถมองออกมาเห็นวิวสวนด้านนอกได้ ซึ่งเรือนนี้เหมาะสำหรับเป็นห้องพักผ่อนของบ้าน หรือเป็นเรือนพักผ่อนสำหรับผู้สูงอายุของบ้านก็ได้ค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 25 August 2015 

  • แบบบ้าน Type B ขนาด 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 8 ล้านบาท
  • แบบบ้าน Type A ขนาด 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาท
  • แบบบ้าน Type A+P ขนาด 62 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 230 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน 1 เรือนรับรอง ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท

 

  • จองและทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
  • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • โปรโมชั่น : ในวันที่ 19-20 กันยายน ซึ่งเป็นวัน Presale จะให้ราคาพิเศษ  7.99  ล้านทุกหลัง และจะมี The City Club card ที่ทำมาเฉพาะคนที่ซื้อบ้าน  The city เท่านั้น ซึ่งมูลค่าของ Club card นี้มีมูลค่ากว่าแสนบาท

**เนื่องจากในวันที่เราไปเก็บข้อมูล โครงการยังไม่เปิดขาย ดังนั้นราคาของแต่ละยูนิต ค่าส่วนกลาง และเงื่อนไขการขายจึงยังไม่เรียบร้อย เมื่อได้ข้อมูลราคามาครบแล้ว ทางเราจะนำมาอัพเดทอีกครั้งนะคะ

 


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ The City นวมินทร์ ตั้งอยู่ในซอยนวมินทร์ 53  ห่างจากถนนนวมินทร์ 300 เมตร สภาพแวดล้อมบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย 1-2  ชั้น ตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ แต่จะมีอพาร์ทเม้นต์ขึ้นมาปนๆอยู่บ้าง เช่น เอ็มเอฟคอร์ท อพาร์ทเม้นท์ 12 ชั้นที่อยู่ใกล้ๆโครงการ ความอุดมสมบูรณ์ใกล้สุดคงเป็นร้านนิตยาไก่ย่างที่เป็นร้านส้มตำเจ้าดังร้านใหญ่เลย จากโครงการไปไม่ไกลก็มีตลาดสด อินทรารักษ์ และบริเวณตลาดจะมีร้านอาหารตามตึกแถวเรียงรายกันอยู่ทั้ง 2 ฝั่งเลย ใครที่ชอบซื้ออาหารกินเองก็สบายหน่อย ส่วนห้างที่ใกล้ที่สุดจะเป็นย่าน The Mall บางกะปิ บริเวณนี้เป็นแหล่ง Shopping สำคัญของคนแถวนี้เลยมีให้ข้าวของให้เลือกเยอะ เดินได้ทั้ง ตะวันนา, แฮปปี้แลนด์เซ็นเตอร์, Makro และ Tesco Lotus

การเดินทางโดยใช้รถสามารถใช้ได้หลายเส้นทางทั้งจากถนนลาดพร้าว, ถนนเสรีไทย, ถนนรามคำแหง, ถนนเกษตร-นวมินทร์, ถนนรามอินทรา รวมทั้งถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งการเดินทางบนถนนเส้นนี้จะต้องทำใจเรื่องรถติดหน่อยนะคะเพราะทำเลตรงนี้ไม่ได้เป็นทำเลที่อยู่ติดทางด่วน แถมความหนาแน่นของการอยู่อาศัยในย่านบางกะปิก็สูงซะด้วย การเข้าเมืองก็อาจจะต้องใช้เวลามากหน่อย ถ้าจะขึ้นทางด่วนก็มีให้เลือก 2 ทางคือไปขึ้นตรงถนนพระราม 9 หรือถ้าจะเลี่ยงรถติดก็วิ่งอ้อมไปขึ้นทางด่วนบนถนนประเสริฐมนูกิจแทน แต่ถ้าใครจะไป Ikea, ย่านบางนา หรือ ข้ามไปพระราม 2 ก็ใช้ทางด่วนบนเส้นกาญจนาภิเษก (วนแหวนตะวันออก) ไปลงบางนา หรือวิ่งยาวขึ้นสะพานภูมิพล(วงแหวนอุตสาหกรรม) ลงถนนพระราม 3 และพระราม 2 ได้

การเดินทางโดยไม่ใช้รถก็ไม่ได้ถือว่าลำบากนักแต่ต้องเดินหน่อย เพราะป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดมีระยะเดินจากหน้าโครงการประมาณ 450 เมตร อากาศร้อนๆนี่ก็เหนื่อยเอาการนะคะ โดยเฉพาะคนที่อยู่บ้านในซอยลึกๆนี่ก็ต้องบวกระยะทางเพิ่มไปอีก  แต่พอมาถึงป้ายรถเมล์ก็สะดวกแล้ว เพราะรถเมล์วิ่งผ่านเยอะ เนื่องจากถนนเส้นนี้มีแหล่งชุมชนอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะทั้งโซน แฮปปี้แลนด์  หมู่บ้านต่างๆในซอยนวมินทร์ และการเคหะคลองจั่นที่ช่วงต้นๆของถนนนวมินทร์ ทำให้เส้นมีรถเมล์ผ่านหลายสาย 36ก, 71, 73ก, 95ก, 115, 143, 178 และ 529 นอกจากนี้ยังมีทางเลือกอื่นๆเช่น รถ 2 แถว หรือ รถตู้ของโครงการที่วิ่งไปถึงท่าเรือบางกะปิ (ด้านหลัง The Mall บางกะปิ)

วัสดุของโครงการ ใช้โครงสร้างแบบ Conventional หรือโครงสร้างเสาและคาน ผนังเป็นแบบฉาบเรียบทาสีทั้งหลัง พื้นลานจอดรถและลานซักล้างเป็นแบบคอนกรีตขัดเรียบ พื้นห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร และห้องครัวปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ส่วนพื้นห้องนอนและพื้นชั้นสองทั้งหมดปูลามิเนตลายไม้  บันไดลูกตั้งเป็นผิวปูนทาสีขาว และไม้สำเร็จรูป Budjoint  ห้องครัว Built-in ชุดครัวให้เป็นเคาท์เตอร์สำเร็จรูปท็อปหินสีดำ โคมไฟภายในทั้งหมดเป็น Downlight ทรงกลม ส่วนโคมไฟภายนอกเป็น Downlight ทรงเหลี่ยม บานประตูและหน้าต่างที่เป็นบานเลื่อนใช้กระจกใสเขียวตัดแสง กรอบ UPVC สีขาว ส่วนประตูทั่วไปและประตูห้องน้ำเป็น HDF สีขาว หลังคาใช้คอนกรีตลอนใช้ฉนวนกันร้อนเป็นฟรอยด์กันความร้อน มีการป้องกันปลวกโดยการเติม Loop ใต้พื้นบ้าน 

เรื่องของการรักษาความปลอดภัย ทำออกมาได้ดีมากโดยเฉพาะในตัวบ้านที่บานประตูทุกบ้าน และหน้าต่างทุกช่องในชั้นหนึ่งจะมีการติดตั้งสัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic Sensor และ Shock Sensor ไว้ให้ ส่วนชั้นสองจะติดตั้งระบบ Shock Sensor ไว้ให้ที่ประตูหน้าต่างทุกบานเช่นกัน มีการติดกล้อง CCTV ที่ซุ้มทางเข้าโครงการ 2 จุดและในโครงการอีก 36 จุด รวมเป็น 38 จุด  มีป้อมยาม 1 จุดและประตูรั้วไม้กระดก โดยลูกบ้านจะเข้าโครงการโดยใช้ Access Card ระยะใกล้ มีพี่ยามรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง

โครงการออกแบบภายใต้แนวคิด Reflection of Nature ที่รวบรวม สะท้อน และเผยให้เห็น เฉพาะส่วนที่เป็นธรรมชาติ  ทั่วทั้งโครงการจึงจะมีพื้นที่สีเขียวค่อนข้างเยอะ สไตล์ของโครงการจะออกแนว Modern Loft ใช้โทนสีน้ำตาลออกครีม-เทา-เทาเข้ม มีการใช้ระแนงและกระจกมาใช้ในการตกแต่ง

การออกแบบฟังก์ชั่นโดยรวมค่อนข้างปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้ง่าย มีการวาง Zoning ค่อนข้างดีโดยแบบบ้านจะแบ่งเป็น 3 Type คือ มีขนาดตั้งแต่ 50-62 ตารางวา ซึ่งแบบบ้าน Type B ขนาด 50 ตารางวาจะเป็นบ้าน Type เล็กที่สุด มีฟังก์ชั่นค่อนข้างครบ มีทางเข้า-ออก 2 ทาง คือเข้าทางโรงจอดรถและเข้าทางห้องรับแขก ซึ่งโซนพักอาศัยอย่างห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหารจะอยู่ร่วมกันเผื่อการใช้งานที่ต่อเนื่อง ส่วนโซน Service อย่างห้องน้ำ ห้องครัว และส่วนซักล้างก็จะอยู่อีกด้านหนึ่งของบ้าน เชื่อมต่อกันด้วย Corridor ที่ติดต่อกับทุกฟังก์ชั่นของบ้าน

โดยในบ้านทุก Type จะมีห้องพิเศษห้องคือห้องนอนในชั้น 1 ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะเรียกว่าห้อง Plus ซะมากกว่า เพราะมีขนาดไม่ใหญ่มากหากจะเป็นห้องนอน ก็เหมาะกับเป็นห้องนอนเด็กอ่อน, ห้องนอนผู้สูงอายุได้ หรือจะปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นให้เป็นห้องดูหนัง ห้องทำงาน หรือ Studio เล็กๆก็เหมาะสมกับพื้นที่ ส่วนพื้นที่ชั้น 2 จะมีห้องนอน 3 ห้อง โดยห้องนอนเล็ก 2 ห้องจะใช้ห้องน้ำที่โถงร่วมกัน ส่วนห้อง Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว ห้องโถงกลางสามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนชั้น 2 ของครอบครัวได้

ส่วนแบบบ้าน Type A ขนาด 55 ตารางเมตร จะมีการจัดวางฟังก์ชั่นคล้ายๆ Type B แต่จะมีห้องแม่บ้านที่มีห้องน้ำในตัวเพิ่มให้ เหมาะกับครอบครัวที่ค่อนข้างยุ่งต้องหาแม่บ้านมาช่วยทำความสะอาด ฟังก์ชั่นตรงนี้ก็สามารถ Support ได้ ส่วน Type ใหญ่ที่สุด อย่างห้อง Type A+P ขนาด 62 ตารางเมตร จะมีฟังก์ชั่นเหมือน Type A ทุกอย่างแต่จะเพิ่มเรือนรับรองที่แยกออกมาจากตัวบ้านมาให้ ซึ่งเรือนรับรองนี้ค่อนข้างจะใช้พื้นที่ได้อย่างอเนกประสงค์ สามารถเป็นห้องนั่งเล่นชมสวนของบ้าน หรือจะให้เป็นห้องนอนของผู้สูงอายุของบ้านก็ได้ 

สภาพโครงการค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งต้นไม้ที่ปลูกเป็นทิวแถว ทำให้ทัศนียภาพโดยรวมมีพื้นที่สีเขียวค่อนข้างเยอะ มีสวน 2 จุดที่ด้านหน้าและสวนสาธารณะตรงกลางโครงการที่มีทางเดินและที่นั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่ ในปัจจุบันต้นไม้ยังไม่โตนัก แต่ในอนาคตน่าจะแผ่กิ่งก้านสาขาให้ความร่มรื่นมากขึ้น รวมทั้งมีสนามเด็กเล่นให้ด้วย ในส่วนของ Clubhouse มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ แบ่งเป็นสระเด็กขนาด  2.25 x 6 เมตร ลึก 0.40 เมตร และสระผู้ใหญ่ขนาด 10.25 x 14.5 เมตร ลึก 1.20 เมตร มีห้องออกกำลังกาย 1 ห้องและห้องโยคะ 1 ห้อง โดยรวมแล้วสาธารณูปโภคให้มาครบ แต่น้อยไปหน่อยสำหรับ 108 ยูนิต ถนนหลักในโครงการกว้าง 6 เมตร และถนนภายในซอยกว้าง 6 เมตรโดยแต่ละซอยจะมีบ้านพักอาศัยเพียง 6 ยูนิต บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบสงบ และเป็นส่วนตัว

 

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 8 ล้านบาท, 25 August 2015 

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7/10 – อยู่ในซอยนวมินทร์ 53 ไม่ติดถนนใหญ่ เข้าซอย 300 เมตร 
  • ความปลอดภัย 8.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดก รปภ.24 ชั่วโมง, สัญญาณกันขโมยแบบ Magnetic Sensor และ Shock Sensor ที่หน้าต่างและประตูทุกบาน และ Keycard Access ระยะใกล้
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – แบบสวย ฟังก์ชั่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย รองรับการใช้งานที่หลากหลาย
  • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – โครงการใหญ่ มีพื้นที่สีเขียวเยอะดี
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีครบทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องโยคะ สวนสาธารณะและสนามเด็กเล่น แต่พื้นที่น้อยไปหน่อย
  • 7.55 / 10.00 

**เนื่องจากโครงการยังไม่เปิดขาย ในเรื่องของราคาค่าส่วนกลางและราคาแต่ละยูนิตจึงยังไม่ออกมา ดังนั้นคะแนนสาธารณูปโภคและส่วนกลางเราจึงจะยังไม่ได้คิดคำนวณกับความคุ้มค่าทางราคานะคะ  แต่จะให้คะแนนตามความเหมาะสมของกับขนาดของโครงการ ซึ่งหากราคาค่าส่วนกลางออกมาแล้ว ทางเราจะมาอัพเดทอีกครั้งนะคะ

 

BOTTOM LINE

The City นวมินทร์  ถือว่าเป็นโครงการบ้านเดี่ยวในแถบชานเมือง เหมาะกับครอบครัวขนาดกลางไปถึงขนาดใหญ่ ที่อยู่อาศัยหรือทำงานในย่านเกษตร-นวมินทร์, ลาดพร้าว, บางกะปิ หรือเสรีไทย ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักและใช้ขนส่งสาธารณะบ้าง ชอบโครงการที่บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ ยูนิตไม่เยอะ และให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มองหาบ้านใหญ่ในงบประมาณ 8-12 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ  56,000 – 84,000 บาท

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )