รีวิวฉบับที่ 990 สวัสดีครับ สำหรับใครที่กำลังมองหาโฮมออฟฟิศกันอยู่ วันนี้จะพาไปชมโครงการ The Ace โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น พร้อมลิฟท์ในตัว โครงการแรกจาก Aland Development ซึ่งตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 15 ใกล้กับทางขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์และง่ายต่อการไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วย ตัวโครงการเป็นขนาดเล็กมีเพียง 8 ยูนิตเท่านั้น ตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ
- สามารถชมรายการคิด.เรื่อง.อยู่ Ep.176 – รีวิวโฮมออฟฟิศ The Ace ศรีนครินทร์ คลิกที่นี่
Fact @ 05 January 2016
- The Ace ศรีนครินทร์ 15 (ดิ เอจด์ ศรีนครินทร์ 15)
- บริษัท Aland Development จำกัด
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : สวนหลวง
- เนื้อที่โครงการ 594 ตารางวา จำนวน 8 ยูนิต
- โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น มีลิฟท์โดยสาร
- Type A พื้นที่ใช้สอย 900 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 9 ห้องน้ำ 18 ที่จอดรถ
- Type B พื้นที่ใช้สอย 470 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 9 ที่จอดรถ
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน Type A 59-60, Type B 120 ตร.วา
- ราคาเริ่มต้น 17.5 ล้านบาทหรือเฉลี่ย 291,666 บาท/ตร.วา (เฉพาะแปลงพิเศษ)
- โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี 2557
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ปลายปี 2559
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 081-845-5456, 084-464-4466, 080-889-5555
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.742445, 100.644444
โครงการ The Ace ตั้งอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 15 บนถนนศรีนครินทร์ตอนบน ระหว่างแยกกรุงเทพกรีฑากับแยกพระราม 9- ศรีนครินทร์ โดยถนนศรีนครินทร์เป็นถนนที่มีจุดเริ่มต้นที่ถนนลาดพร้าว บริเวณใกล้เดอะมอลล์บางกะปิ ไปสิ้นสุดที่ถนนสุขุมวิท จังหวัดสมุทรปราการ ถนนศรีนครินทร์เส้นนี้เป็นเหมือนหลอดเลือดใหญ่ของกรุงเทพชั้นกลางโซนตะวันออกเฉียงใต้ จึงทำให้มีผู้ใช้เป็นเส้นทางสัญจรจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรบนถนนเส้นนี้ค่อนข้างติดขัด ข้อดีของทำเลนี้คือเป็นทำเลที่มีช่องทางในการเข้าถึงได้หลาหลาย ทั้งจากรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารสาธารณะ, Airport Rail Link, สนามบินสุวรรณภูมิ และที่สำคัญคือใกล้ทางด่วนมากทำให้สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก
ซูมเข้ามาให้ดูในระยะใกล้หน่อย การเข้าถึงโครงการ สามารถเข้าได้จากทางถนนศรีนครินทร์ โดยโครงการจะอยู่ลึกเข้าไปในซอย ศรีนครินทร์ 15 ประมาณ 150 เมตรโครงการอยู่ทางขวามือ ซอยศรีนครินทร์นี้ 15 เป็นซอยตันที่มีระยะทางไม่ลึกมาก สำหรับการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ถ้าใช้รถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกกว่าโดยสามารถใช้ถนนศรีนครินทร์ออกไปยัง ถนนรามคำแหง , ถนนพัฒนาการ , ถนน อ่อนนุช หรือสามารถเดินทางเข้าเมืองอย่าง อโศก , พระราม9 , ทองหล่อ , เอกมัยได้ไม่ยาก
บริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ มีความเจริญอยู่พอประมาณ โดยเฉพาะบนถนนพัฒนาการ เพราะเป็นถนนที่ต่อจากถนนเพชรบุรี ที่สามารถไปทองหล่อ – อโศก – ดินแดง – ประตูน้ำได้ มีสถานที่ราชการ โรงพยาบาล ศูนย์การค้าอย่าง Tesco Lotus, Max Value และที่เปิดใหม่อย่าง London Street จาก MK Group รวมไปถึงม.เกษมบัณฑิต และสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ส่วนบนถนนศรีนครินทร์จะเป็นเส้นทางหลักที่ใช้ในการเดินทางซะมากกว่า ถ้าขึ้นเหนือไปจะเริ่มเป็นรามคำแหงและราชมังคลากีฬาสถาน ถ้าลงใต้ก็จะเป็นบางนา – อ่อนนุช ที่มีศูนย์การค้าอย่างซีคอนสแควร์ และสวนหลวงร.9 มีอาคารสำนักงานสูงไม่เกิน 8 ชั้นบ้างประปราย
ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนทำงานประจำอยู่แถบพระราม9 – ศรีนครินทร์ – พัฒนาการ จะถือว่าเป็นทำเลที่มีความสะดวก เพราะถือว่าเป็นทำเลที่เข้าถึงง่ายสำหรับย่านนี้ โครงการนี้มีจุดเด่นที่ใกล้ทางด่วน สำหรับทางด่วนที่ใกล้ๆก็มีทางพิเศษศรีรัชโดยมีทางลงทางด่วนอยู่ที่ก่อนถึง The Nine บนถนนพระราม9 ถ้าหากจะขึ้นทางด่วน จุดขึ้นทางด่วนที่ใกล้ที่สุดอยู่บริเวณหน้าโครงการคือ ออกจากซอยเลี้ยวขวาขึ้น Motor Way หรือ เลี้ยวซ้ายไปสะพานกลับรถแล้วตรงผ่านแยกพระราม 9-ศรีนครินทร์ เพื่อขึ้นทางด่วนพระราม 9 มีทางขึ้น-ลงทางด่วนอยู่ในระยะไม่ไกล มีทางยูเทิร์นอยู่เรื่อยๆ
สำหรับคนไม่ใช้รถ ถนนหลักศรีนครินทร์ด้านหน้าก็จะมี Taxi วิ่งผ่านประจำอยู่หาเรียกไม่ยากนัก พี่วินในละแวกใกล้ๆจะไม่มีนะครับ ส่วน Airport Rail Link สถานีหัวหมาก อยู่ในระยะประมาณ 1.1 กิโลเมตร คงจะเอาไว้ใช้บริการในครั้งคราวสำหรับใครอยากจะไปสนามบินสุวรรณภูมิโดยไม่เอารถไปจอดสนามบินนี่ถือว่าสะดวกมากนะ หรือจะเข้าเมืองด้วยการไปลงที่สถานีพญาไท แล้วต่อ BTS หรือ MRT จะค่อนข้างอ้อมและใช้เวลานานพอสมควร ส่วนสถานีรถไฟใกล้เคียงคือสถานีหัวหมากระยะห่างประมาณ 1.6 กิโลเมตร(รวมไปกลับรถที่แยกพัฒนาการ) มีพื้นที่จอดรถข้างตัวสถานี แต่ปัจจุบันคนที่ใช้รถไฟเดินทางก็หาได้ค่อนข้างยากแล้ว หรือคงจะเอาไว้สำหรับงานขนส่งบ้างก็ได้
จุดกลับรถบริเวณใกล้ๆกับโครงการจะมีอยู่ทั้งหมด 4 จุดกลับรถที่ 1, 2 และ 4 เป็นจุดกลับรถในกรณีที่เราวิ่งจากถนนศรีนครินทร์ที่มุ่งหน้าไปทางพัฒนาการ – อ่อนนุช ส่วนจุดกลับรถที่ 3 จะเป็นจุดกลับรถในกรณีที่วิ่งจากถนนศรีนครินทร์มุ่งหน้าลาดพร้าว รามคำแหง ถ้า เรามาจากเส้นพระราม 9 จะต้องไปกลับรถที่จุดกลับรถที่ 3 ซึ่งจะค่อนข้างไกลหน่อยซึ่ง ไม่เป็นปัญหาในช่วงเวลาที่ปริมาณรถไม่เยอะ แต่ถ้าช่วงเย็นหรือเช้าก็จะเจอรถติดหน่อย
สำหรับการออกจากโครงการไปเส้นศรีนครินทร์มุ่งหน้าพัฒนาการอาจจะลำบากนิดนึงนะ เนื่องจากตัวปากซอยศรีนครินทร์ 15 มีระยะค่อนข้างกระชั้นกับทางขึ้นทางด่วน Motor Way ทำให้เวลาที่เราออกมาจากซอยแล้วจะถูกบังคับเลี้ยวซ้ายเลียบทางด่วนไปที่สะพานกลับรถ(ประมาณ 1.5 กิโลเมตร) แล้วถึงจะเลี้ยวซ้ายเข้ากลับมาเข้าถนนศรีนครินทร์ได้ครับ
ส่วนการออกจากโครงการไปเส้นรามคำแหงก็ต้องเลี้ยวซ้ายเลียบมอเตอร์เวย์เพื่อกลับรถแล้วเบี่ยงขวากลับเข้าเส้นมอเตอร์เวย์ตรงไปเรื่อยๆแล้วออกตรงทางลงแยกศรีนครินทร์ – พระราม 9 วนเพื่อเข้าถนนศรีนครินทร์มุ่งหน้ารามคำแหง
การเดินทางในวันนี้ ผมมาจากทางด่วน(ทางยกระดับศรีรัช)ตรงมาเรื่อยๆ แล้วมาลงก่อนถึงห้าง The Nine พระรามเก้า (ตามป้ายศรีนครินทร์) หลังจากนั้นวิ่งขนานบนถนนพระราม 9 แล้วเบี่ยงออกซ้ายบริเวณแยกพระราม 9 – ศรีนครินทร์ มุ่งหน้าไปแยกกรุงเทพกรีฑาประมาณแค่ 700 เมตร แล้วก็กลับรถมาประมาณ 700 เมตรเช่นเดียวกันให้ชิดซ้ายสุดเอาไว้ จะเห็นป้ายซอยศรีนครินทร์ 15 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปประมาณ 150 เมตร โครงการอยู่ทางขวามือ
ทางด่วน(ทางยกระดับศรีรัช)มุ่งหน้าขาออกเมืองตรงมาเรื่อยๆ ช่วงแรกเน้นตามป้ายพระราม 9 เอาไว้ก่อน
หลังจากนั้นให้เปลี่ยนมาตามป้ายศรีนครินทร์แทน
พอเห็นป้ายบอกทางออกศรีนครินทร์ ให้เราเตรียมชิดซ้ายเอาไว้เลย
เจอป้ายทางลงศรีนครินทร์แล้ว
พอลงมาจากทางด่วนมานิดเดียว จะเจอกับ The Nine พระราม9 ซึ่งเป็น Community Mall ที่มีทั้งร้านอาหาร, Supermarket และร้านค้าขายของทั่วไป ใครหิวก็แวะทานอาหารกันก่อนได้นะ มีป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าด้วย
ตรงมาเรื่อยๆจะเจอป้ายบอกทางให้เบี่ยงซ้ายจะไปยังศรีนครินทร์(บางกะปิ) ตรงไปจะไปยังเส้นศรีนครินทร์(พัฒนาการ) หรือถ้าชิดขวาจะเป็นจุดกลับรถ
เบี่ยงซ้ายมุ่งหน้าศรีนครินทร์(บางกะปิ) ถ้าเผลอตรงไปจะขึ้นสะพานวนรถไปยังถนนศรีนครินทร์ซึ่งสามารถกลับรถมาโครงการได้เหมือนกัน แต่เราไปเส้นทางที่ใกล้กว่าดีกว่า
ออกมาจากทางเบี่ยงเราก็จะเข้าเส้นศรีนครินทร์แล้ว ซึ่งถนนเส้นนี้ถ้าตรงไปเรื่อยๆก็จะไปผ่านแยกกรุงเทพกรีฑา แยกลำสาลี และไปถึงบางกะปิได้ครับ
หลังจากที่เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีนครินทร์มาประมาณ 700 เมตร ก็ถึงจุดกลับรถทางขวามือ
พอกลับรถมาแล้วให้เราค่อยๆแซะชิดมาเลนซ้านสุดเอาไว้ เพราะเราจะวิ่งต่อมาอีกแค่ประมาณ 700 เมตรก็จะถึงซอยศรีนครินทร์ 15 นะ ที่เห็นซ้ายมือเป็นป้ายรอรถเมล์ปากซอยศรีนครินทร์ 11
ก่อนถึงซอยศรีนครินทร์ 15 ซ้ายมือจุดสังเกตจะเป็นโรงงาน Denso
โครงการจะอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 15 ตรงช่วงโค้งและถ้าออกจากโครงการจะเข้าถนนศรีนครินทร์ค่อนข้างยากและอันตราย ถ้าเลี้ยวซ้ายจะขึ้นทางด่วน Motor Way แต่ก็สามารถกลับรถเพื่อกลับมายังถนนศรีนครินทร์(พัฒนาการ) และเข้าเมืองได้เลย
ถ้ามองภาพประกอบมุมสูงจากโดรนจะเข้าใจได้ง่ายเลยครับ
ปากซอยจะมีป้ายของโครงการ The Ace ติดเอาไว้
เข้ามาในซอยต้นซอยซ้ายมือเป็นร้านขายผ้าเกาหลีขนาดค่อนข้างใหญ่ ฝั่งขวามือเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล มีต้นไม้ริมทางทั้งสองฝั่งค่อนข้างสงบ
ถัดมาจะเป็นอาคารบริษัท ซ้ายมือเป็นบริษัทรุ่งแสงชล เป็นโฮมออฟฟิศสูง 5 ชั้น ขวามือก็เป็นออฟฟิศเช่นกันและก็ที่ดินเปล่า
เข้ามาอีกหน่อยก็จะเจอพื้นที่ของโครงการแล้วทางขวามือ ตรงกันข้ามคือโรงงานช็อคโกแลต
เลยพื้นที่โครงการก็จะเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยแบบชั้นเดียวทางซ้ายมือ ส่วนขวามือที่เห็นต้นไม้เยอะๆปัจจุบันเป็นที่ดินเปล่า
ที่เห็นทางซ้ายมือชั้นเดียวจะเป็นร้านพิมพ์งาน และร้านอาหารร้านตามสั่งเล็กๆ
ตรงมาอีกหน่อยทางซ้ายมือก็เจอร้านอาหารตามสั่งอีกเจ้านึง ขวามืออาคารสีเขียวๆเป็นออฟฟิศสูง 5 ชั้น
ช่วงท้ายซอย(ตัน) ก็จะเป็นบ้านเดี่ยวสลับกับอพาร์ทเมนท์ 2-3 ตึกอย่างที่เห็น
มาดูรอบๆโครงการกันหน่อยดีกว่า ซอยศรีนครินทร์ 15 จะเป็นซอยตัน ระยะจากต้นซอยถึงสุซอยประมาณ 350 เมตร ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกระดับเนื่องจากซอยนี้ไม่พลุกพล่าน และเพื่อนบ้านส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อาศัยหรือทำงานในซอยอยู่แล้ว ถนนในซอยเป็นถนนคอนกรีต รถสามารถวิ่งสวนกันได้ 2 เลน แต่ถ้ามีรถมาจอดข้างทางอาจจะทำให้การสัญจรติดขัดบ้าง ถึงแม้ว่าบนถนนศรีนครินทร์จะไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์มากนักแต่สภาพแวดล้อมในซอยที่ส่วนใหญ่จะเป็นออฟฟิศ, ที่พักอาศัยส่วนบุคคล, ร้านอาหารตามสั่ง รวมไปถึงที่พักอาศัยสำหรับเช่าทั้งอพาร์ทเมนท์และแมนชั่น ก็พอจะเอื้อให้การใช้ชีวิตประจำวันไม่ลำบากมากนักครับ
ระยะจากปากซอยถึงตัวโครงการประมาณ 150 เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงกลางของซอย สามารถเข้าออกได้สะดวก ด้านหลังของโครงการทาง(ทิศใต้) ระยะประชิดจะเป็นที่ดินเปล่าที่ยังไม่มีการพัฒนาใด มีแต่ต้นไม้ใหญ่เดิมช่วยบังแดดเอาไว้ให้อยู่ มองทอดออกไปก็เป็มอเตอร์เวย์ครับ
ส่วนทางฝั่งทิศเหนือก็จะเป็นบ้านพักอาศัยสลับกับออฟฟิศ โรงงานช็อคโกแลต และก็อพาร์ทเมนท์ ความสูงตั้งแต่ 1-5 ชั้นสลับๆกันไป มองทอดออกไปยาวๆจะเห็น กลุ่มตึกของ The Iris Condo
วิวทิศเหนือถ้ายืนจากบนระเบียงบ้านชั้น 3 ของจริงจะเห็นเป็นแบบนี้
วิวทิศเหนืออีกมุม (มองไปยังท้ายซอย)
ด้านหลังของโครงการทาง(วิวทิศใต้) ระยะประชิดจะเป็นที่ดินเปล่าที่ยังไม่มีการพัฒนาใด ออกจะดูเงียบเหงานิดหน่อย ในอนาคตถ้ามีใครมาพัฒนาเป็นโครงการอยู่อาศัยหรือออฟฟิศอาจจะทำให้คึกคักได้มากกว่านี้
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Max Value พัฒนาการ 1.1 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลวิภาราม 1.5 กิโลเมตร
- สถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link หัวหมาก 1 กิโลเมตร
- London Street จาก Mk Group 2.5 กิโลเมตร
- Tesco Lotus พัฒนาการ 2.7 กิโลเมตร
- โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ 2.9 กิโลเมตร
- สำนักงานเขตสวนหลวง 3 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ 3 กิโลเมตร
- โรงแรม The Grand Four Wings 3.7 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัย ABAC 4.8 กิโลเมตร
- สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น 5.1 กิโลเมตร(รวมระยะกลับรถ)
- มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต 5.2 กิโลเมตร(รวมระยะกลับรถ)
- สวนปิยะภิรมย์ 5.5 กิโลเมตร
- ราชมังคลากีฬาสถาน 5.6 กิโลเมตร
- The Nine พระราม9 5.9 กิโลเมตร (รวมระยะทางกลับรถ)
- ซีคอนสแควร์ 6.9 กิโลเมตร
- สวนหลวงร.9 11.1 กิโลเมตร
ที่ดินของโครงการเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งแปลงที่ดินเป็น 8 แปลง ผังดูง่ายๆ โดยมีถนนเส้นหลักตรงหน้าโครงการซึ่งเป็นถนนในซอยใช้ร่วมกันเป็นถนนสาธารณะ(ซอยศรีนครินทร์ 15) กว้างประมาณ 8 เมตร แปลงบ้านจะวางหน้าบ้านหันไปทางถนนซอย สุดถนนเป็นซอยตันไม่มีที่กลับรถนะ ต้องกลับรถในพื้นที่หน้าบ้านได้เลย เพราะว่าแปลงที่ดินของแต่ละยูนิตจะเริ่มตั้งแต่ริมถนน(ตั้งแต่หลังเสาไฟฟ้า) และลึกเข้าไปประมาณ 28 เมตร คือที่เห็นว่าเป็นลานคอนกรีตนอกรั้วด้านหน้าบ้านนั้นก็เป็นที่ดินของแต่ละแปลงนะครับ
ตัวบ้านเป็นโฮมออฟฟิศซึ่งต้องมีลูกค้ามาติดต่องานบ่อยๆอยู่แล้ว แต่ข้อดีของซอยตันคือไม่พลุกพล่าน ไม่มีคนขาจรผ่านไปมา จะมีแค่ผู้ที่มาติดต่อหรืออยู่อาศัยในซอยนี้อยู่แล้ว สำหรับโครงการมีจำนวนบ้านแค่ 8 ยูนิต แบ่งเป็น Type A (บ้านเดี่ยว) ที่ไม่มีผนังกั้นกลางมี 2 ยูนิตที่แปลง 1 และ 4 ส่วน Type B (บ้านแฝด) จะมีขนาดเป็นครึ่งนึงของ Type A อยู่ที่แปลง 2, 3, 5, 6, 7 และ 8 การก่อสร้างเสร็จแล้วประมาณ 3 จาก 8 หลัง มีผู้ซื้อโครงการไปแล้ว 4 ยูนิต ไม่มีส่วนกลางจึงไม่ไม่มีเก็บค่าส่วนกลางครับ
โครงการนี้เป็นโครงการขนาดเล็ก เพียง 8 ยูนิต ไม่มี Facility และส่วนกลาง ดังนั้นจึงจะขอข้ามไปดูที่บ้านตัวอย่างต่อเลยครับ
The Ace ศรีนครินทร์ 15 เป็นโครงการโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น จำนวน 8 ยูนิต มีแบบทั้งหมด 2 แบบ คือ Type A มีพื้นที่ใช้สอย 900 ตารางเมตร ที่จอดรถ 18 คัน บนที่ดิน 120 ตารางวา มีจำนวน 2 หลัง และ Type B คือ Type A เอามากั้นผนังแบ่งครึ่งตรงกลาง พื้นที่ใช้สอย 470 ตารางเมตร ที่จอดรถ 9 คัน บนที่ดิน 59-60 ตารางวา มีจำนวน 6 หลัง ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้นอกจากจะให้ที่จอดรถมาเยอะพอสมควรแล้วยังมีลิฟท์ โดยสารอยู่ในตัวด้วย
ในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานของบ้าน Type A จะใกล้เคียงกับ บ้าน Type B เลย เพียงแต่ Type A ได้พื้นที่การใช้งานเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เนื่องจากไม่มีผนังกั้นแบ่งตัวบ้าน ซึ่งตัวบ้านที่เราซื้อจะได้เป็นบ้านเปล่า พร้อมลิฟท์ และห้องน้ำตกแต่งมาตรฐานตามบ้านตัวอย่าง โดยแบบที่เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกวันนี้จะเป็นส่วนของบ้านแฝด Type B เพราะบ้านเดี่ยว Type A ซึ่งทำมาแค่ยูนิตเดียวได้ขายและเตรียมส่งมอบโอนแล้วไม่สามารถเข้าไปดูได้
เนื่องด้วยโครงการนี้เป็นโฮมออฟฟิศและมีลิฟท์ในตัวด้วย เลยเน้นสาระสำคัญในการใช้งานรองรับน้ำหนักและแข็งแรงมากกว่าบ้านอยู่อาศัยธรรมดาทั่วไป เริ่มจากที่จอดรถนั้นโครงการลงเสาเข็มบริเวณจอดรถทั้งหมด ต่อเนื่องถึงตัวอาคาร เป็นแบบ Slab on Beam ขนาดเท่ากับเสาเข็มตัวบ้านเลยคือ เสาเข็ม : I26 เข็มตอก ลึก 24 m. ส่วนโครงสร้างของบ้านนั้นเป็นแบบ Concrete and Reinforcing Steel ทางโครงการเคลมว่าพื้นที่ในบ้าน 1 ตร.ม. สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 750 กิโลกรัมเลยทีเดียว
มาเริ่มกันที่แปลนชั้นแรก ตัวบ้านระยะตั้งแต่ประตูทางเข้าถึงหลังบ้าน ขนาดประมาณ 12 x 15.7 เมตร ที่จอดรถมีขนาดประมาณ 8.5 x 10 เมตร สามารถจอดรถได้ 6 คันโดยจอดเรียง 3 คัน 2 แถว และยังมีพื้นที่หน้าบ้านที่ทางโครงการร่นระยะไว้ประมาณ 5 เมตร(อยู่นอกรั้ว) ซึ่งสามารถจอดรถได้อีก 3 คัน รวมเป็น 9 คันแบบพอดีๆ แต่ถ้าเข้ามาจอดพร้อมๆกันเต็มพื้นที่อาจจะต้องคอยเลื่อนรถ ลำบากเวลาเข้าออกนิดนึง
ทางเข้าบ้านมีการยกระดับ ขึ้นมา 2 ขั้น ไม่มีทางลาดในกรณีที่มีการขนของหนักๆที่ต้องใช้รถเข็น เข็นเข้าบ้าน อาจจะยากหน่อย กรณีนี้อาจจะทำทางลาดเสริมด้านข้างได้ เพราะพื้นที่ทางเข้าค่อนข้างกว้าง เมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้วก็จะเจอกับพื้นที่ต้อนรับและโถงพักคอย จัดวางบันไดและลิฟท์โดยสารไว้ด้วยกันทางซ้ายมือ ผนังทางด้านขวามือจะเป็นกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ทำให้สามารถรับแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้ และ สามารถเดินออกไปสูดอากาศบริเวณด้านข้างบ้านได้ ส่วนห้องน้ำหลังของบ้านใกล้กับส่วนซักล้าง เวลาเข้าห้องน้ำต้องเดินออกไปเข้านอกบ้าน โดยรวมแล้ว Space ชั้นล่างค่อนข้างโล่ง ไม่มีกั้นผนังทำให้สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และ พื้นที่ใช้สอยได้ง่ายครับ หรือจะทำเป็น Reception ก็นั่งได้หลายคนอยู่นะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ในผังจัดพื้นที่ใช้สอยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งตรงกลางเป็นโถงที่ในผังจัดพื้นที่ให้เป็นออฟฟิศเล็กๆ เชื่อมต่อไปยังส่วนออฟฟิศ/ห้องประชุมทางด้านหน้าของตัวบ้าน และมีระเบียงเปิดออกไปด้านนอกได้ ส่วนอีกฝั่งบริเวณจะเป็น Open Space เชื่อมต่อกันกับชั้น 1 ถัดไปด้านในจะเป็นห้องผู้จัดการ ติดกับห้องผู้จัดการจะเป็นห้องน้ำรวมของชั้นนี้ และโถงบันไดหนีไฟครับ
ที่ชั้น 3 ลักษณะการวางผังจะคล้ายๆกับชั้น 2 แต่การจัดวางฟังก์ชั่นจะปรับเปลี่ยนนิดหน่อยตาม Privacy ที่เพิ่มขึ้น คือขึ้นบันไดมาจะเจอกับโถงกลางที่สามารถทำเป็นส่วนทานอาหาร หรือออฟฟิศก็ได้ มาทางด้านขวาจัดเป็นห้องนั่งเล่นหรือออฟฟิศเชื่อมต่อกับระเบียงที่มีขนาดใหญ่กว่าชั้น 2 นิดหน่อย ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็นระเบียงมาแทนที่ Open Space ที่ชั้น 2 ถัดจากระเบียงไปจะเป็นห้องน้ำ ครัวและโถงบันไดหนีไฟ
ขึ้นมาชั้นบนสุดหรือชั้น 4 ชั้นนี้จะถูกออกแบบให้แตกต่างจากชั้นอื่นๆ เพราะทำเป็นที่พักอาศัยให้แล้ว เพราะมีการวางฟังก์ชั่นไว้เป็นห้องนอนใหญ่ และห้องนอนเล็ก ขึ้นบันไดมาก็จะไม่เจอโถงกลางแล้ว เพราะพื้นที่โถงจะถูกแทนที่ด้วยห้องน้ำส่วนตัวของห้องนอนแต่ละห้อง เพราะฉะนั้นเมื่อขึ้นมาเราจะเจอทางแยกซ้ายขวา ซ้ายมือจะเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีพื้นที่สำหรับ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว ขวามือจะเป็นโถงบันไดหนีไฟและห้องนอนเล็กที่มีพื้นที่สำหรับ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว
เนื่องจากบ้านที่โครงการให้เป็นบ้านเปล่าไม่มีการแถมเฟอร์นิเจอร์ การจัดพื้นที่ของผังและบ้านตัวอย่างเป็นเพียงแนวทางในการจัดพื้นที่ใช้สอย เราสามารถจัดพื้นที่ตามความต้องการของเราได้
มาดูตัวบ้านกันบ้าง บ้านแฝดจะมีหน้าตาแบบนี้ ตัวบ้าน 2 หลังจะมีผนังกั้นกลาง ตัวอาคารออกแบบเป็นสไตล์ Modern โทนสีที่ใช้เน้นคุมโทนสีออกเทา โดยเจือสีเทาลงไปในสีน้ำเงิน สีน้ำตาลอ่อน ส่วนสีวงกบเป็นสีดำทั้งหลัง มีความโดดเด่นตรงฝ้าระเบียงและฝ้าหลังคาที่ใช้เป็นสีไม้ช่วยขับให้ตัวบ้านไม่ดูกลืนกันเกินไป
ที่ดินของตัวบ้านนั้นอยู่เริ่มตั้งแต่หลังเสาไฟฟ้าเลย ทำให้จอดรถได้ทั้งหมดถึง 9 คันตามนี้ ที่โครงการทำที่จอดรถเอาไว้นอกรั้ว 3 คันเพราะว่า บางทีจะมีแค่ส่วนผู้มาติดต่องานในออฟฟิศเราชั่วคราวก็ให้จอดที่พื้นที่ด้านนอก ส่วนด้านในให้เป็นที่จอดรถผู้บริหาร ผู้จัดการ พนักงานแทน
ประตูรั้วของตัวบ้านเป็นประตูรั้วไฟฟ้าควบคุมด้วยระบบรีโมท เป็นประตูเลื่อนเก็บได้สุดเลย ทำให้สามารถเปิดหน้าบ้านได้กว้างเต็มพื้นที่การนำรถเข้ามาจอดก็สามารถทำได้สะดวกขึ้น ส่วนถ้าวันไหนไม่ได้ใช้รถ ก็มีประตูเล็กสามารถเปิดเข้าไปได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเปิดประตูสุดทั้งบาน
โดยที่รั้วจะมีมอเตอร์ควบคุมอยู่ด้านในตัวบ้านบริเวณนี้ ทางขวาหน้าบ้านมือจะมีกริ่งและไฟส่องสว่างมาให้ 1 จุด
พื้นที่จอดรถเป็นคอนกรีตฉาบเรียบธรรมดา ดูแลทำความสะอาดง่าย
เดินดูรอบๆบ้านกันก่อนดีกว่า บริเวณรอบบ้านจะมีพื้นว่างระหว่างตัวอาคารและรั้วพอให้หายใจ จะเอาต้นไม้พุ่มเล็กๆมาลงก็ได้ หรือจะเป็นต้นตีนตุ๊กแกชิดแนวรั้วเวลามองออกมาจะได้เห็นอะไรเขียวๆ ผ่อนคลายดี แต่ต้องหมั่นดูแลไม่ให้รกนะครับ
นอกจากนั้นยังมีเครื่องเติมอากาศออกซิเจน Medo สำหรับระบบบำบัดน้ำเสีย เป็นระบบบำบัดแบบเติมอากาศขนาด 3000 ลิตร น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วจะมีคุณภาพตามมาตราฐานน้ำทิ้งของสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยจะระบายน้ำทิ้งออกมายังท่อระบายน้ำรอบอาคารซึ่งตัวนี้จะช่วยให้การบำบัดน้ำในตัวบ้านเร็วขึ้น
มุมนี้สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่เพิ่มร่มเงาและสีเขียวภายในบ้านได้ด้วยนะ
หลังบ้านเป็นลานซักล้าง พื้นเป็นคอนกรีต มีการป้องกันส่วนของปลวกเดินท่อใต้อาคาร รองรับการฉีดเพิ่มในอนาคตได้ด้วย ส่วนของถังเก็บน้ำและปั๊มน้ำทางโครงการก็แถมให้หมด ตัวท่อที่ทางโครงการให้เป็นท่อรับแรงดันสูง ที่จะทนและรับแรงดันได้มากกว่าท่อทั่วไป โดยมีน้ำสำรองเก็บไว้ในถังเก็บน้ำ แอบเห็นหน้าต่างช่องแสงบาน Fixed ทางซ้ายมือเพื่อให้แสงลอดส่องเข้าไปในตัวบ้านได้
เดินอ้อมมาแล้ว จะเป็นลานซักล้าง ปูกระเบื้องแกรนิตโต้เอาไว้ และติดตั้งปลั๊กไฟครอบฝากันน้ำด้านข้างเผื่อสำหรับการใช้งาน ประตูบานตรงหน้าจะเป็นทางเข้าสู่บ้าน ส่วนประตูบานซ้ายจะเป็นห้องน้ำส่วนของชั้น 1
บานประตูเป็นประตูสำเร็จรูปของ Leowood มือจับและตัวล็อคอลูมิเนียมดูแข็งแรงดี
หลังบานประตูมีตัวกันกระแทกมาให้ด้วย เผื่อใครกะแรงไม่ถูกเปิดมาประตูจะได้ไม่กระแทกผนังจนเป็นรอย
ห้องน้ำที่ชั้น 1 มีแยกส่วนแห้งส่วนเปียก ซึ่งตรงนี้ถ้าอยากให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นก็อาจจะติดตั้งฉากกระจกห้องอาบน้ำเพิ่มได้ แต่ถ้าใช้ไม่บ่อยก็ไม่ไม่จำเป็นต้องติดนะ อ่างล้างมือของ Mogen มีช่องเก็บของใต้อ่าง ระยะวางห่างออกมาจากผนังไม่มาก แต่ไม่เป็นปัญหาในการใช้งานเพราะห้องน้ำค่อนข้างมีพื้นที่อยู่แล้ว ส่วนก๊อกน้ำของ American Standard
โถสุขภัณฑ์ของ Mogen ระยะติดตั้งเหมาะสมพอจะมีระยะห่างจากอ่างล้างมือ ส่วนสายชำระและที่วางกระดาษทิชชู่ก็วางถูกต้องตามมาตรฐาน
มีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งไว้ระบายอากาศบริเวณส่วนอาบน้ำ ตรงพื้นส่วนอาบน้ำมีลดระดับลงไปประมาณ 2-3 เซนติเมตร
กลับมาที่ประตูเข้าหลักของบ้านเป็นประตูไม้ไม้แท้ปิดผิววีเนียร์บานเปิดคู่ มาพร้อมช่องแสงความสูงเท่าประตูช่วยให้ภายในดูโปร่งและสามารถเห็นเวลามีลูกค้าจะเข้าตามาติดต่องานด้วย มือจับประตูเป็นอลูมิเนียมสีเงินยาว จับได้สะดวก
ลองเปิดบานประตูเต็มๆให้ดูว่าสามารถขนของชิ้นใหญ่เข้าไปได้ พื้นทางเข้ายกสูงขึ้น 2 สเต็ป วัสดุปิดผิวพื้นเป็นไม้สำเร็จรูปทำสีธรรมชาติ
ข้างประตูอีกด้านจะมีเจาะช่องเก็บของไว้ ตรงนี้เราสามารถทำเป็นชั้นวางรองเท้าและที่เก็บร่มได้นะครับ
เข้ามาในตัวบ้านจะเจอกับพื้นที่โล่งๆ ซึ่งเป็นข้อดีของโฮมออฟฟิศคือเราสามารถจัดพื้นที่ได้ตามใจชอบ โดยจะจัดเป็นส่วนต้อนรับโถงนั่งคอย และพื้นที่นั่งทำงานอย่างบ้านตัวอย่างก็ได้ เฟอร์นิเจอร์ที่เห็นเป็นเพียงแค่การจำลองบรรยากาศโครงการเค้าไม่ได้มีแถมมาให้นะ เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดในบ้านกันทีละส่วนดีกว่า
ทางฝั่งซ้ายจะเป็นส่วนของบันได ลิฟท์โดยสาร และทางไปหลังบ้าน
ส่วนทางขวาทางโครงการจัดเป็นชุดรับแขกและโต๊ะต้อนรับ สังเกตจะเห็นว่าบ้านมีช่องแสงค่อนข้างเยอะทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้าน ซึ่งช่วยให้บ้านดูโปร่งขึ้น แต่บางช่วงเวลาแดดอาจจะส่องเข้ามามากเกินไปจนร้อน แนะนำให้ติดเป็นมู่ลี่ จะได้สามารถความคุมปริมาณแสงที่จะเข้ามาภายในตัวบ้านได้
ประตูทางฝั่งนี้เป็นประตูบานเลื่อนกระจก สูงประมาณ 2 เมตร กรอบอลูมิเนียมที่ใช้
บริเวณตรงกลางบ้านมี ช่องโล่งเป็น Double Space และมีช่องแสงอยู่ด้านบนอีกจุดหนึ่ง ซึ่งจะทำให้บ้านมีความโปร่งมากขึ้น เป็นบานกระจกบานใหญ่ที่เป็นช่องแสงให้ชั้น 2 และชั้น 1 เดี๋ยวเราจะไปดูชัดๆกันอีกครั้งที่ชั้น 2 นะครับ
ด้านหลังเป็นบานกระจกติดตายไม่สามารถออกไปหลังบ้านได้ แต่ถ้าใครอยากให้เชื่อมต่อกับพื้นที่หลังบ้าน จะเปลี่ยนเป็นประตูก็ไม่ว่ากันแต่แนะนำเป็นประตูบานทึบนะ จะปลอดภัยกว่าบานประตูกระจก พื้นที่ตรงนี้สามารถทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆให้พนักงานพักผ่อนนั่งทานกาแฟได้
ห้องไฟฟ้าที่หลังบ้านจะอยู่ถัดมาจากลิฟท์โดยสาร ติดกับประตูที่ออกไปลานซักล้างและห้องน้ำหลังบ้าน
หน้าตาห้องไฟฟ้า มีการเก็บงานได้เรียบร้อยดี จะเห็นว่ามีพื้นที่เหลือสามารถไว้เก็บของได้ แต่ไม่แนะนำให้เก็บของประเภทของเหลวหรือมีความชื้นนะครับ
ภายในลิฟท์เป็นสีวัสดุดูทันสมัย และมีกระจกบานยาวพร้อมราวจับ
หน้าลิฟท์จะมีโทรศัพท์ฉุกเฉิน และแผงปุ่มกดลิฟท์หน้าตาเป็นแบบนี้ เป็นของ Kone บรรทุกได้ 8 คน รับน้ำหนักได้ถึง 630 kg.
ตรงใต้บันไดขึ้นไปชั้น 2 มีพื้นที่ว่างก็อาจจะจัดจัดเป็นพื้นที่นั่งทำงานเล็กๆ หรือใช้เป็นห้องเก็บของใต้บันไดได้ แต่ควรกั้นห้องให้เรียบร้อยนะ เพราะตรงนี้แขกไปใครมา ก็เห็นหมด ตัวบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กปูด้วยไม้สำเร็จรูป สีธรรมชาติ ทั้งลูกตั้งและลูกนอน ราวจับบันไดใช้สีเดียวกันกับตัวบันได ส่วนราวเป็นเหล็กพ่นสีดำทำออกมาเข้ากันได้ดีเลย
ชานพักบันไดจะแบ่งเป็น 2 ช่วงช่วงแรกจะเป็นชานพักแบบสามเหลี่ยมซึ่งจะเหมือนเป็นบันไดแบบไม่เต็มขั้น เวลาเดินก็ต้องระวังก้าวพลาดหรือสะดุดด้วย ส่วนชานพักช่วงที่สองเป็นชานพักสี่เหลี่ยมมีความปลอดภัยมากกว่าแบบแรกหน่อย บริเวณตัวบันไดจะมีไฟติดผนังมาให้เพียง 1 ดวง เพราะฉะนั้นถ้าอยู่อาศัยจริงควรจะต้องติดตั้งเพิ่มเผื่อในเวลากลางคืนนะ
จุดต่อระหว่างชานพักช่วงที่ 2 ราวบันไทำแบบเชื่อมกันเก็บรายละเอียดดี เสียดายที่ชานพักช่วงแรกความสูงต่างกันมากไปหน่อยเลยทำรวมจับเชื่อมถึงกันยาก ขึ้นมาที่พื้นชั้น 2 และ 3 จะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ สีขาว ขนาด 60×60 เซนติเมตร สีตัดกันกับตัวบันไดเลย
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับส่วนโถงก่อน สำหรับบ้านตัวอย่างจัดมาให้เป็นชุดโซฟานั่งพักผ่อนซึ่งจริงๆโถงตรงนี้สามารถจัดเป็นที่นั่งทำงานก็ได้ โถงนี้จะแบ่งชั้นนี้ออกเป็น 2 ส่วน ถ้าไปทางด้านซ้ายจะเป็นทางไปห้องผู้จัดการ ส่วนด้านขวา(ฝั่งหน้าบ้าน)จะเป็นทางไปส่วนออฟฟิศ หรือห้องประชุม เราไปดูทางหน้าบ้านกันก่อน
ด้านขวาเป็นพื้นที่สำหรับออฟฟิศหรือห้องประชุม จะเห็นว่าโฮมออฟฟิสหลังนี้มีเต้าเสียบหลายจุด ซึ่งค่อนข้างจะเพียงพอต่อการใช้งานในออฟฟิศ เราแทบไม่ต้องเดินไฟเพิ่มเติมเลย
ตัวอย่างการจัดออฟฟิศที่ทางโครงการทำมาให้ดูเป็นสไตล์โมเดิร์น เรียบๆแต่แฝงไว้ด้วยความเท่ห์ น่าใช้งาน สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการจัดได้ อีกด้านจัดเป็นโต๊ะประชุมใหญ่ ตรงนี้จัดวางได้ดีแล้ว แต่ถ้าหากต้องการห้องประชุมที่มีความสงบจะกั้นห้องเพิ่มเติมก็ได้ครับ
หน้าต่างช่องแสงทางฝั่งซ้าย ซึ่งจะมีทั้งบานเลื่อนและบาน Fixed ตามตำแหน่งในรูป
ทางฝั่งหน้าบ้านทำเป็นประตูกระจกบานเลื่อนสูงจากพื้นถึงฝ้า ทำให้แสงส่องเข้ามาได้มากเต็มที่ และบริเวณชั้นสองนี้ ใครอาจจะทำเป็นโชว์รูมสินค้าเล็กๆเหมือนเป็น Signage ของบริษัทโชว์ตรงจุดนี้ก็ได้นะ
พื้นที่ตรงนี้สามารถวางตู้เก็บของอย่างที่โครงการทำมาให้ก็ได้หรือจะ Built-in เป็นตู้วางของแบบเต็มพื้นที่เลยก็ได้
อีกด้านนึงทางซีกซ้ายติดกับบันไดจะเป็นลิฟท์โดยสาร และบันไดหนีไฟ
ส่วนทางซีกขวาติดกับโถงจะเป็น Double Space ที่เราเห็นจากชั้น 1 ถัดไปโซนของห้องผู้จัดการ และห้องน้ำรวมของชั้น 2
บริเวณ Open Space ที่ชั้น 2 มีกระจกมองไปเห็นเพื่อนบ้านข้างเคียง แนะนำให้ติดมู่ลี่บังสายตาก็ได้ ถ้าไม่อยากให้ฝั่งตรงข้ามเห็นเราเดินไปเดินมา
เข้ามาในห้องผู้จัดการพื้นที่สามารถวางโต๊ะค่อนข้างยาวได้ 1 ชุด ด้านข้างมีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานสูง มีแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะทีเดียว แต่อาจจะร้อนในช่วงกลางวัน ตรงนี้ก็แนะนำให้ติดมู่ลี่ หรือจะเป็นม่านกันรังสียูวีก็ได้ ถ้าหากต้องการความเป็นส่วนตัว
จากในห้องผู้จัดการสามารถมองออกไปที่โถงและส่วนออฟฟิศได้ด้วย
สำหรับห้องน้ำที่ชั้น 2 นี้จะเป็นห้องน้ำรวมไม่มีส่วนอาบน้ำ ห้องน้ำรูปแบบคล้ายๆกับห้องน้ำชั้นล่าง แต่ว่าเปลี่ยนจากพื้นที่อาบน้ำเป็นโถปัสสาวะชายแทน
สุขภัณฑ์ของ Mogen ตำแหน่งติดตั้งตามมาตรฐาน มีก๊อกน้ำให้ 1 จุด
โถสุขภัณฑ์ชายของ American Standard พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้อง Cotto สีน้ำตาลเข้ม ขนาด 40×40 เซนติเมตร มีหน้าต่างบานกระทุ้งหนึ่งบานให้แสงสว่างและระบายอากาศ
ระหว่างห้องน้ำและลิฟท์โดยสารเป็นห้องเก็บของและบันไดหนีไฟ
ให้ดูโถงบันไหนีไฟ ตัวบันไดหนีไฟเป็นคอนกรีต
เดี๋ยวเราจะขึ้นไปชั้น 3 กันต่อเลย ลักษณะตัวบันได ชานพักบันได และโถงบันไดจะเหมือนกับที่ชั้น 1
โถงที่ชั้น 3 ไม่มีจัดตัวอย่างมาให้ดูนะโดยรวมๆผังชั้นนี้จะเหมือนที่ชั้น 2 โดยในผังจัดพื้นที่ให้มีความเป็นส่วนพักอาศัยมากขึ้นโดยมีการจัดฟังก์ชั่นให้เป็นส่วนครัวทางด้านซ้าย และห้องนั่งเล่นหรือส่วนออฟฟิศทางด้านขวา แต่เราสามารถจัดพื้นที่ใช้สอยได้ตามความต้องการของเราเลยนะ จะเปลี่ยนเป็นออฟฟิศทั้งชั้นเลยก็ได้
จากโถงหันไปทางด้านขวาจะเป็นพื้นที่ใหญ่ ไม่มีการกั้นห้องไว้ เราสามารถปรับแต่งได้เองเลย
ถ้าพื้นที่ออฟฟิศที่ชั้น 2 เพียงพอแล้ว ในชั้นนี้เราอาจจะจัดเป็นห้องนั่งเล่นพักผ่อนให้พนักงานก็ได้
พื้นที่ส่วนนี้ค่อนข้างกว้าง นอกจากจะจัดเป็นห้องนั่งเล่นแล้วยังสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษอื่นๆเข้าไปได้อีกเช่นห้องอ่านหนังสือ หรือ Game Room ให้ทุกคนได้เข้ามาผ่อนคลายกัน
มีช่องแสงเป็นประตูบานเลื่อนคู่ให้เต็มพื้นที่ผนังด้านหน้าตัวบ้านช่วยให้พื้นที่ส่วนนี้ดูโปร่งขึ้น และในวันที่แดดไม่แรงยังสามารถเปิดเพื่อรับลมธรรมชาติได้อีกด้วยครับ
พื้นระเบียงลดระดับมาจากภายในบ้านประมาณ 10 ซม. เพื่อป้องกันเวลาฝนตกแรงๆน้ำขังและสาดเข้ามาในตัวบ้าน ส่วนกันตกเป็นกระจกนิรภัยสูงรวมราวกั้นประมาณ 1.1 เมตร ทำให้แสงยังส่องผ่านเข้ามาในอาคารได้ ระเบียงไม่กว้างมาก แต่ถ้าจะลงไม้กระถางก็ยังสามารถทำได้ จะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับตัวบ้านด้วย
มีลูกเล่นนิดหน่อยตรงระแนง(Facade)ของบ้าน สามารถเลื่อนปรับปริมาณแสงที่จะเข้ามาในห้องได้อิสระ
ฝ้าตรงระเบียงจะตีระแนงสีไม้ธรรมชาติ ฝ้าตรงนี้ที่ช่วยให้ตัวบ้านดูไม่กลืนไปกับโทนสีเทาทั้งหมดเสียทีเดียว นอกจากนั้นยังมีไฟส่องสว่างติดไว้บนฝ้าให้เป็นระยะๆ
กลับมาที่อีกด้านหนึ่ง ของโถงจะเป็นส่วนของครัวและห้องน้ำรวมชั้น 3
มีระเบียงเล็กๆก่อนจะถึงส่วนครัว
พื้นที่ระเบียงตรงนี้ค่อนข้างกว้าง สามารถเอาชุดโต๊ะเก้าอี้เล็กๆมาวางได้ หรือจะทำเป็นพื้นที่สวนกระถางก็ได้
ก่อนจะถึงส่วนครัวจะเป็นห้องน้ำของชั้น 3 (ประตูไม้ทางขวามือ)
รูปแบบฟังก์ชั่นห้องน้ำชั้นนี้กลับมามีพื้นที่อาบน้ำได้นะครับ เอาไว้สำหรับใครที่ทำเป็นออฟฟิศผสมกับอยู่อาศัยเองด้วย ก็ใช้งานได้เลย ส่วนวัสดุพื้น ก๊อก สุขภัณฑ์เหมือนชั้นล่างๆเลย จะไม่ขอพูดซ้ำละกันนะ
ห้องน้ำไม่มีพัดลมดูดอากาศมาให้ แต่มีหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่เอาไว้ระบายอากาศและความชื้น ที่สามารถเปิดออกได้องศาที่กว้างมาก และทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้ด้วย
พื้นที่อาบน้ำลดระดับประมาณ 2-3 เซนติเมตร ถ้าใช้งานจริงในเวลาส่วนอาบน้ำให้หาฉากกั้น(ม่าน, กระจก) มาติดตั้งเพิ่มด้วยก็ดีครับ พื้นที่อาบน้ำประมาณ 0.8 x 1.4 เมตร
ฝักบัวอาบน้ำมีแยกเป็น เรนชาวเวอร์และฝักบัวธรรมดา ตรงผนังเจาะเป็นที่วางของ เราอาจจะใส่ชั้นวางเพื่อจะได้วางของได้มากขึ้น
ขนาดของตัวฝักบัวค่อนข้างใหญ่ และสามารถปรับรูปแบบของน้ำให้กระจายได้
มาที่ส่วนครัวตรงนี้ถ้าเราจะติดตั้งเคาท์เตอร์ครัวก็คงจะติดตั้งได้ที่ผนังฝั่งที่ไม่มีช่องแสงเท่านั้น ส่วนเรื่องกลิ่นถ้ากังวลว่าจะคลุ้งอยู่ในห้องก็สามารถติดเครื่องดูดควันได้
มีช่องแสงขนาดใหญ่ที่ผนังฝั่งหลังบ้าน ครึ่งบนเป็นบานเปิดคู่ ส่วนครึ่งล่างเป็นบาน fix
ซึ่งส่วนครัวนี้ถ้าคิดว่าจะมีการทำอาหารแบบจริงจังแนะนำว่าควรจะกั้นเป็นครัวปิดไปเลย กลิ่นจะได้ไม่ออกไปรบกวนด้านนอก
ด้านหน้าห้องครัวก็เหมือนเดิมคือประตูห้องระบบ และทางขวาเป็นบันไดหนีไฟครับ
ทางขึ้นไปชั้นบนสุด รูปแบบของบันไดเหมือนกับชั้นล่างๆก่อนหน้านี้
พอขึ้นมาชั้น 4 พื้นจะเปลี่ยนจากทุกชั้นที่เป็นแกรนิตโต้กลายเป็นลามิเนตลายไม้สีอ่อน หนา 12 มิลลิเมตร นั้นหมายถึงส่วนชั้นนี้โครงการเค้าออกแบบทำเป็นชั้นที่อยู่อาศัยแบบจริงจัง แต่ว่าถ้าใครจะทำเป็นออฟฟิศทุกชั้นก็สามารถปรับเปลี่ยนได้นะ
ขึ้นมาที่ชั้น 4 จะเจอระเบียงเล็กๆก่อน ทางขวามือฝั่งหน้าบ้านเป็นห้องนอนใหญ่ ทางซ้ายมือเป็นห้องนอนเล็ก ทั้งคู่มีห้องน้ำในตัวเหมือนกัน
ระเบียงที่อยู่ตรงกลางบ้านของชั้นนี้ค่อนข้างยาว และสามารถทำเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ตามการใช้งานได้ อาทิเช่น เป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า เป็นมุมสวนหย่อมสวนกระถางเล็กๆ หรือเป็นที่เก็บคอมแอร์ของชั้นนี้ เป็นต้น ที่เห็นหน้าต่างสองฝั่งซ้ายขวานั้นคือ หน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศของห้องน้ำทั้งสองนั่นเอง
ระเบียงที่ชั้น 4 สามารถมองเห็นฝั่งตรงข้ามได้เลย ถ้าอยากจะออกมานั่งชิลล์ก็ต้องดูจังหวะดีๆนะ
ห้องนอนใหญ่ ขนาดประมาณ 5 x 6 เมตร ตำแหน่งของห้องจะถูกวางไว้ตรงส่วนหน้าของบ้าน ห้องนี้จะมีหน้าต่างช่องแสงบานเลื่อน 2 ตอนคือด้านข้างบ้านและหน้าบ้าน ถ้าเราไม่ต้องการจัดเป็นห้องนอน จะจัดเป็นห้องทำงานก็ได้จะเป็นห้องที่วิวดีและโปร่งที่สุดมองเห็นง่ายใครไปใครมา เหมาะสำหรับห้องของผู้บริหารนั่นเอง 😀
การมีช่องแสงมาให้เยอะ และสูงเต็มผนังก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ ข้อดีคือความได้โปร่ง ได้แสงธรรมชาติ ทำให้สบายดาดูไม่อึดอัด ส่วนข้อเสียคือจะเสียความเป็นส่วนตัวไปนิดหน่อยอย่างมุมนี้ด้านข้างบ้านก็สามารถมองเข้ามาในห้องเราได้เช่นกัน ทางแก้คือติดผ้าม่านหรือมู่ลี่ที่นอกจากจะได้ความเป็นส่วนตัวแล้วยังควบคุมแสงที่จะเข้ามาในห้องได้อีกด้วย
ระเบียงทางด้านหน้าและด้านข้างของห้องนอนใหญ่ ขนาดไม่กว้างมากเน้นเป็นแนวยาว พอจะวางกระถางต้นไม้ได้ แต่ว่าถ้าออกมาเดินเล่นพักสายตาสูดอากาศนี่ถือว่ายาวพอสมควรเลยล่ะ 😀
รูปแบบกันตกก็เป็นเหมือนระเบียงชั้น 3 คือเป็นกระจกนิรภัยนั่นเอง ทำให้แสงทะลุส่องผ่านเข้ามาในห้องได้ โดยบริเวณมุมกระจกของระเบียงก็เชื่อมต่อยาวกันเป็นตัว L เลย
มองกลับเข้ามาในตัวห้อง ประตูทางขวาเป็นห้องน้ำในตัว
ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่กระจกก็ได้เป็นบานใหญ่เต็มผนังมา มีหน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศมา 1 บาน ผนังจะกรุด้วยหินอ่อน ทำให้ดูหรูหรากว่าห้องน้ำชั้นล่างๆ
อ่างล้างมือของ Mogen ที่มีพื้นที่วางของบนอ่างและพื้นที่เก็บของใต้อ่าง ขนาดของอ่างล้างมือห้องนี้จะใหญ่กว่าห้องที่ผ่านมานิดหน่อย สุขภัณฑ์ของ Mogen ระยะติดตั้งมาตรฐานไม่มีปัญหาในการใช้งาน
ส่วนอาบน้ำแยกเป็นสัดส่วนค่อนข้างชัดเจน ถ้าต้องการกั้นห้องอาบน้ำก็สามารถทำได้ ส่วนฝักบัวแยกเป็นแบบ Rain Shower และแบบธรรมดา ส่วนของพื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.1 x 1.1 เมตรครับ
เรนชาวเวอร์ขนาดใหญ่กำลังดี และสำหรับใครที่จะใช้แต่ฝักบัวก็เปลี่ยนรูปแบบได้ ดีไซน์ดูทันสมัยดีนะ
เราไปดูฝั่งห้องนอนเล็กกันต่อครับ การที่มีระเบียงหน้าต่างช่องแสงอยู่กลางบ้านแบบนี้จะเห็นว่าเวลากลางวันนี่ไม่ต้องเปิดไฟเลย แสงธรรมชาติส่องเข้ามาในบ้านได้สว่างมาก
ตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นลิฟท์โดยสาร บันไดหนีไฟและห้องเก็บของนะ
เหมือนกันกับชั้นล่าง จะเห็นว่าภายในบันไดหนีไฟก็จะมีหน้าต่างช่องแสงส่องสว่างเข้ามาในอาคารด้วยทุกชั้น
ห้องเก็บของนี้ที่จริงแล้วคือห้องไฟที่เดินสายไฟขึ้นมาจากชั้นล่าง ดังนั้นจึงมีช่องตรงพื้นอยู่ ถ้าหากจะใช้งานเป็นห้องเก็บของก็ควรกั้นผนังเตี้ยๆไว้กันของตกลงไปด้านล่างครับ
มาที่ห้องนอนเล็กพื้นที่สามารถวางเตียงควีนไซส์ได้กำลังพอดี จากรูปทรงของห้องที่ผนังด้านนึงเป็นช่องแสงบานใหญ่ทำให้การวางตำแหน่งเตียงสามารถวางหัวเตียงชิดฝั่งซ้ายและขวาได้เท่านั้น หรือถ้าพื้นที่ออฟฟิศที่ชั้นล่างยังไม่พอ ห้องนี้ก็สามารถรองรับฟังก์ชั่นการเป็นห้องทำงานได้ดี
พื้นที่ปลายเตียงสามารถจัดเป็นชั้นวางทีวีหรือ Built-In ติดผนังเลยก็ได้ มีพื้นที่เอาไว้ให้ระหว่างเสาอยู่แล้ว หรือถ้าใครไม่ชอบนอนดูทีวีก็ทำเป็นโต๊ะทำงานอ่านหนังสือแทนก็ได้ ได้แสงสว่างส่องเข้ามาได้มากสบายตาอยู่
อีกฝั่งนึงของห้องนอนจะเป็นห้องน้ำ ที่มีพื้นที่เหลือให้สามารถทำเป็น Walk-in Closet ได้ครับ
ห้องน้ำในห้องนอนเล็กมีแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง ขนาดเล็กกว่าห้องฝั่งหน้าบ้านแต่ก็ให้ฟังก์ชั่นการใช้งานมาครบเช่นกัน พื้นในห้องน้ำลดระดับจากห้องนอนประมาณ 8 เซนติเมตร ทำให้เวลาทำความสะอาดจะไม่กระเด็นเข้ามาในส่วนของห้องนอนแน่นอน
ตำแหน่งติดตั้งโถสุขภัณฑ์ สายชำระและที่วางกระดาษทิชชู่อยู่ในตำแหน่งมาตรฐาน ระยะเหมาะสมไม่มีปัญหาอะไรครับ
ส่วนเปียกแยกเป็นสัดส่วนเอาไว้ พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1 x 1 เมตร ห้องนี้ผนังไม่มีเซาะร่องเอาไว้ให้วางของ แต่มีติดที่วางสบู่ก่อนเล็กๆเอาไว้ให้แทน และก็ไม่มีเรนชาวเวอร์ด้วยครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
สำหรับ Type A ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว จะใกล้เคียงกับ บ้าน Type B เลย เพียงแต่ได้พื้นที่การใช้งานเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เนื่องจากไม่มีผนังกั้นแบ่งตัวบ้าน ซึ่งตัวบ้านที่เราซื้อจะได้เป็นบ้านเปล่า พร้อมลิฟท์ และห้องน้ำตกแต่งมาตรฐานเช่นกัน ในส่วนของการวางผังที่ชั้น 1 เริ่มจากที่จอดรถที่สามารถจอดแถวละ 6 คัน ซ้อนกันได้ 3 แถวรวมแล้วได้ 18 คัน เมื่อเข้าบ้านไปจะเจอกันโถงต้อนรับ เชื่อมอยู่กับห้องทำงานที่แบ่งพื้นที่ให้เป็นห้องประชุม้านหลัง ส่วนห้องน้ำจะอยู่นอกตัวอาคารต้องออกไปที่ส่วนซักล้างก่อนเพื่อเข้าห้องน้ำ ส่วนลิฟท์โดยสารจะมี 1 ตัว อยู่กลางบ้านซึ่งและบันไดขึ้นชั้น 2 อยู่ทางขวา
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอห้องทำงานขนาดใหญ่มีระเบียง ตรงส่วนนี้น่าจะเป็นส่วนออฟฟิศหลักที่จะวางโต๊ะทำงานให้พนักงานบริษัท ติดกันกับห้องทำงานจะเป็นห้องผู้จัดการทางด้านขวา ส่วนด้านซ้ายจะเป็นพื้นที่เตรียมอาหารและห้องน้ำแยกชาย-หญิง ซึ่งพื้นที่เตรียมอาหารที่ชั้นนี้มีขนาดไม่ใหญ่นักไม่เหมาะที่จะใช้ทำครัวแบบจริงจัง อาจจะจัดเป็นแค่ส่วนชงกาแฟหรือเตรียมอาหารเล็กๆน้อยๆก็ได้
ขึ้นมาที่ชั้น 3 ทางโครงการวางผังมาให้เป็นห้องอเนกประสงค์ ที่มีพื้นที่เชื่อมต่อไปยังครัวและห้องน้ำรวมทางด้านซ้าย และห้องนอนที่มีห้องน้ำภายในตัวที่ด้านขวา ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่ต้องยึดตามที่ทางโครงการวางมาให้ก็ได้ จากผังเราจะเห็นว่าห้องอเนกประสงค์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เราสามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงาน หรือจะเป็นพื้นที่พักผ่อน/ห้องอ่านหนังสือให้พนักงาน และยังสามารถทำเป็นส่วนรับประทานอาหารได้อีกด้วย และถ้าพื้นที่อเนกประสงค์ถูกปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทำงานแล้ว ตัวห้องนอนก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เพราะความเป็นส่วนตัวจะหายไป ไม่เหมาะกับการเป็นห้องนอนแล้ว ในส่วนของครัวถ้าจะมีการทำครัวแบบจริงจังแนะนำให้กั้นเป็นห้องให้เรียบร้อยครับ จะได้ไม่มีกลิ่นรบกวน
ชั้นที่ 4 จะเป็นชั้นที่มีการวางผังมาเพื่อให้ใช้สำหรับอยู่อาศัย เพราะชั้น 4 จะมีความ Privacy เมื่อขึ้นมาจะเจอโถงทางเดินที่แจกไปห้องนอนใหญ่ทางขวาและห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องทางซ้าย ห้องนอนทุกห้องมีห้องน้ำภายในตัว สำหรับชั้นนี้ถ้าจะใช้เพื่ออยู่อาศัย สามารถปรับบริเวณโถงทางเดินให้เป็นห้องนั่งเล่น ดูทีวีก็ได้ แต่ถ้าหากไม่ได้ใช้อยู่อาศัย พื้นที่ห้องนอนแต่ละห้องก็สามารถปรับเป็นห้องทำงานได้ครับ
เนื่องจากบ้าน Type A ที่เป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่นี้ไม่สามารถเข้าไปถ่ายภายในได้นะครับ เนื่องจากมีผู้ซื้อและส่งมอบโอนไปแล้ว เลยมีแต่รูปภายนอกให้ดู ซึ่งหน้าตาภายนอกก็เหมือนกับ Type B บ้านแฝดครับ และภายในก็ไม่มีผนังกั้นกลางตัวบ้าน และจอดรถได้มากกว่าเท่านึงคือ 18 คันนั่นเอง
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 05 January 2016
- Type A 18 ที่จอดรถ 900 ตารางเมตร ที่ดิน 120 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท หรือ 291,666 บาท ต่อ ตารางวา
- Type B 9 ที่จอดรถ 470 ตารางเมตร ที่ดิน 59-60 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 18 ล้านบาท หรือ 296,610 บาท ต่อ ตารางวา
- จองและทำสัญญา 500,000 บาท
- ดาวน์ 20%
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละ 1%
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
The Ace เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 15 มีทางเข้าอยู่บนถนนใหญ่ศรีนครินทร์ช่วงแยกกรุงเทพกรีฑา ถึงแยกพระราม 9- ศรีนครินทร์ ซึ่งความอุมสมบูรณ์ของถนนศรีนครรินทร์ช่วงนี้ยังเป็นรองเมื่อเทียบกับบริเวณใกล้เคียงอย่างถนนพัฒนาการ ที่มีทั้งสถานที่ราชการ โรงพยาบาล ศูนย์การค้าอย่าง Tesco Lotus, Max Value, London Street รวมไปถึงสถานศึกษาต่างๆเช่นเกษมบัณฑิต และช่วงบางนา -อ่อนนุช ที่มีศูนย์การค้าอย่างซีคอนสแควร์ และสวนหลวงร.9 แต่ถ้ามองวงแคบลงมาอย่างบริเวณในซอยของตัวโครงการเลยก็ถือโอเคระดับนึง เพราะมีทั้งที่พักรายเดือนราคาไม่แพงไว้รองรับพนักงานที่จะย้ายมาอาศัยใกล้ออฟฟิศ และร้านอาหารอยู่ในระยะใกล้ ซึ่งถ้ามองในแง่การใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกและรองรับพนักงานได้ดีเลยทีเดียว
ทำเลนี้เอื้อกับการใช้รถยนต์ส่วนตัวมากๆ เพราะเป็นจุดที่สามารถเข้าถึงได้จากหลากหลายเส้นทางทั้งจากถนนเส้นหลักๆอย่างรามคำแหง, พระราม 9, พัฒนาการ และอ่อนนุช แต่อาจจะมีรถติดบ้างในช่วงเช้าและเย็น สำหรับทางด่วนถ้ามาจากในเมืองสามารถใช้ทางด่วนศรีรัชวิ่งมาลงพระราม 9 มุ่งหน้าเข้าศรีนครินทร์ ส่วนถ้าเป็นจากโครงการเข้าเมืองก็มีทางขึ้นทางด่วนพระราม 9 ประมาณ 1 กิโลเมตร และถ้าเป็นขาออกจากเมืองก็สะดวกแค่ออกจากโครงการเลี้ยวซ้ายตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตรก็สามารถเข้ามอเตอร์เวย์ ไปสุวรรณภูมิ,ฉะเชิงเทรา และชลบุรีได้เช่นกัน ส่วนข้อเสียหลักๆเลยก็คือถ้าออกจากโครงการและจะเข้าเส้นศรีนครินทร์ต้องไปกลับรถตรงเลียบทางด่วน Motor Way
ส่วนคนไม่ใช้รถ เส้นทางที่สะดวกที่สุดคือ Airport Link สถานีหัวหมากเป็นทางเลือกได้ แต่ต้องใช้บริการพี่วินที่บริเวณสถานีหรือพี่แท็กซี่ โดยระยะทางจากสถานีถึงโครงการรวมระยะกลับรถประมาณ 2.3 กิโลเมตร เมื่อออกจากสถานีจะต้องไปกลับรถที่แยกพัฒนาการเพื่อมุ่งหน้าขึ้นถนนศรีนครินทร์(บางกะปิ)แล้วกลับรถก่อนถึงแยกกรุงเทพกรีฑาเพื่อเข้าโครงการ แต่บริเวณโครงการจะไม่มีพี่วินให้บริการนะ ต้องออกมาเรียกแท็กซี่ที่หน้าปากซอยเอา
วัสดุของโครงการโดยทั่วไปจะอยู่ในระดับมาตรฐาน พื้นที่จอดรถและพื้นหลังบ้านเป็นคอนกรีตขัดหยาบ พื้นภายในเป็นแกรนิตโต้ 60×60 เซนติเมตร, ลามิเนต 12 มิลลิเมตร พื้นห้องน้ำชั้นล่างเป็นกระเบื้อง Cotto 40×40 เซนติเมตร ส่วนผนังห้องน้ำเป็น กระเบื้อง Cotto 30×40 เซนติเมตร, ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ กันลื่น 60×60 เซนติเมตร ส่วนผนังเป็นหินอ่อน ขนาด 30×60 เซนติเมตร ตัวบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดด้วยไม้ธรรมชาติ ส่วนอุปกรณ์ประตู หน้าต่างให้ค่อนข้างดี ดูแข็งแรงและดูพิถีพิถันในการเลือกใช้ ส่วนพิเศษที่ได้เพิ่มมาคือลิฟท์โดยสารของ Kone ที่รองรับผู้โดยสารได้ 8 คน หนัก 630 kg. แต่เสียดายที่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ครับ
จุดเด่นโครงการนี้เป็นโฮมออฟฟิศและมีลิฟท์ในตัวด้วย เลยเน้นสาระสำคัญในการใช้งานรองรับน้ำหนักและแข็งแรงมากกว่าบ้านอยู่อาศัยธรรมดาทั่วไป เริ่มจากที่จอดรถนั้นโครงการลงเสาเข็มบริเวณจอดรถทั้งหมด ต่อเนื่องถึงตัวอาคาร เป็นแบบ Slab on Beam ขนาดเท่ากับเสาเข็มตัวบ้านเลยคือ เสาเข็ม : I26 เข็มตอก ลึก 24 m. ส่วนโครงสร้างของบ้านนั้นเป็นแบบ Concrete and Reinforcing Steel ทางโครงการเคลมว่าพื้นที่ในบ้าน 1 ตร.ม. สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 750 กิโลกรัม
แบบบ้านแฝด Type B มีการจัดฟังก์ชั่นออกมาได้ลงตัวดี ให้ช่องแสงมาเยอะ มีพื้นที่ใช้สอยครบถ้วนและยังมีการแบ่งทั้งส่วนออฟฟิศทำงานและส่วนพักอาศัยได้อย่างลงตัว ส่วนบ้านเดี่ยว Type A ก็จัดฟังก์ชั่นออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน เพียงแต่บ้านจริงทั้ง 2 Type จะได้มาเป็นบ้านเปล่าๆ ซึ่งส่วนใหญ่โครงการที่เป็น Home Office ก็จะทำเป็นบ้านเปล่ามาให้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพื้นที่ออฟฟิศก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องจัดสรรเองนะครับ โดยเฉพาะ ตัวบ้านเดี่ยว Type A จะมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ถ้ามีการจัดการตกแต่งที่ดีก็จะเป็นโฮมออฟฟิศที่น่าอยู่น่าทำงาน
เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการทาวน์โฮมส์ขนาดเล็กจึงไม่มี Facility ส่วนกลางที่ต้องแชร์กันระหว่างลูกบ้าน ดังนั้นรีวิวโครงการนี้จะไม่มีสรุปสิ่งอำนวยความสะดวกนะครับ
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10% (แบบปกติ)
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10% (กรณีไม่มีส่วนกลางและพื้นที่สีเขียว)
เทียบกับแพคเกจ 17.5-35 ล้านบาท , 05 January 2016
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.50/10 – ใกล้ถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วนมากไปมาได้หลากหลาย แต่เข้าเส้นศรีนครินทร์ลำบากหน่อย
- ความปลอดภัย 7.25/10 – โครงการขนาดเล็ก จำนวนยูนิตน้อยจึงไม่มีการจัดซุ้มทางเข้าโครงการและรปภ.ให้ มีแค่รั้วไฟฟ้าให้ด้านหน้า ด้านหลังรั้วสูง 3 เมตร
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – แบบสวยดูดี การจัดพื้นที่ภายในมีการแบ่งฟังก์ชั่นค่อนข้างดี
- วัสดุ 7.75/10 – ใช้วัสดุค่อนข้างดี มาตรฐานกับการใช้งานออฟฟิศ
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ -/10 – เป็นโครงการขนาดเล็กเลยมีพื้นที่จำกัด พื้นที่สีเขียวที่มีก็จะเป็นพื้นที่ข้างบ้านนิดหน่อยที่เหลือก็จะเกิดขึ้นได้ด้วยมือเรา เช่นการลงไม้กระถางรอบบ้านและระเบียง
- สาธารณูปโภค -/10 –เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการโฮมออฟฟิศขนาดเล็กที่ไม่มี Facility และเก็บค่าส่วนกลางใดๆ ดังนั้นโครงการนี้จึงไม่มีคะแนนสาธารณูปโภคครับ
- 7.58 / 10.00 (ไม่คิดสาธารณูปโภค-พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ)
BOTTOM LINE
The Ace ศรีนครินทร์ 15 เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านแบบโฮมออฟฟิศ ในย่านศรีนครินทร์, พัฒนาการ, พระราม 9 และไม่ไกลสนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางรถยนต์ส่วนตัวสะดวกและใกล้ทางด่วน โดยใช้ประโยชน์หลักในแง่ของการเป็นสำนักงาน ยูนิตของที่นี่จะเน้นมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างเยอะและยืดหยุ่นสามารถออกแบบพื้นที่ได้ตามใจ มีพื้นที่มากพอที่จะรองรับพนักงานได้ 20-30 คน จอดรถได้ 9 คัน และไม่ได้เน้นกิจการที่ต้องมีหน้าร้านสำหรับรับลูกค้าตลอดเวลา โครงการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณ 17.5-35 ล้านบาทหรือกำลังผ่อนต่อเดือน 123,000-280,000 บาทต่อเดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )