รีวิวฉบับที่ 1371 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ Siamese District อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครึ่ง บนทำเลติดถนนรามอินทรา ฝั่งตรงข้ามเยื้อง Fashion Island และ The Promenade รวมทั้งใกล้ทางขึ้น-ลงมอเตอร์เวย์ จัดเป็นทำเลอาคารพาณิชย์ที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับใครที่กำลังมองหาอาคารสำนักงานขนาดเล็ก-กลาง เน้นการเดินทางด้วยถนนรามอินทราเป็นหลัก ใกล้ห้าง และรถไฟฟ้าสายสีชมพูในอนาคตอีกด้วย ใครสนใจตามมาอ่านรีวิวกันค่ะ

 

Fact @ 16 June 2017

  • Siamese District (ไซมิส ดิสทริค)
  • บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอยรามอินทรา 64 (ฝั่งถนนรามอินทราตรงข้าม Fashion Island) เขตคานนายาว
  • เนื้อที่โครงการ 7-2-82.58 ไร่ จำนวน 17 ยูนิต
  • อาคารพาณิชย์

  • Type A ที่ดิน 45 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 342 ตร.ม. 1 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
  • Type B ที่ดิน 45 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 342 ตร.ม. 1 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
  • Combine ที่ดิน 84 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 682 ตร.ม. 1 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ

  • ราคาเริ่มต้น 12.7 ล้านบาท
  • โครงการเริ่มขาย : ตุลาคม 2558
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : n/a
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 02-617-1555
  • สำนักงานขาย : 081-931-1411 หรือ 090-880-3952
  • ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ

    NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 13.822891, 100.678541

    ที่ตั้งโครงการ Siamese District ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 64 ซึ่งเข้าได้จากทางถนนรามอินทรา เพียงทางเดียว (ไม่สามารถทะลุเข้าจากถนนรัชดา-รามอินทราได้) จุดสังเกตหลักคืออยู่เยื้องกับ Fashion Island และก่อนถึงทางขึ้นมอเตอร์เวย์ (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก)

    ทำเลโครงการ Siamese District จัดว่าอยู่ในทำเลดีสำหรับอาคารพาณิชย์ เพราะอยู่ใกล้กับถนนหลักอย่างถนนรามอินทรา และอยู่ในพื้นที่โซนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง อย่าง Fashion Island และ The Promenade ถือว่าเป็นหนึ่งในโซนของถนนรามอินทราที่เหมาะกับเป็นทำเลอาคารพาณิชย์ เพราะหากคิดในแง่ของพนักงานที่เดินทางมาทำงานก็ค่อนข้างง่าย เนื่องจากอยู่ใกล้กับถนนรามอินทรา เดินเข้ามาในซอยรามอินทรา 64 ไม่เกิน 100 ม. แน่ๆ ฝั่งตรงข้ามก็ใกล้ห้าง จะไปขึ้น-ลงรถสาธารณะกลับบ้านก็ง่ายด้วย

    หากใครที่กำลังมองหาโครงการจัดสรรอาคารพาณิชย์บนทำเลรามอินทราบริเวณโซนใกล้ Motorway และใกล้ห้างใหญ่ ในราคาประมาณ 10 ล้านกว่าๆ ในละแวกนี้ไม่ค่อยจะมีตัวเลือกให้เลือกมากนักนะคะ ส่วนใหญ่ก็ขยับไปอยู่บนถนนรองอย่างรัชดา-รามอินทรา หรืออยู่ต้นๆ ถนนรามอินทราเลย ไม่ก็ในซอยนวลจันทร์เสียมากกว่า

    การเดินทางบนทำเลจัดว่าเป็นทำเลที่ดีสำหรับอาคารพาณิชย์ เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้ถนนรามอินทราแล้วยังอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลง Motorway อีกด้วย เรียกได้ว่าออกจากโครงการแล้วก็เลี้ยวขึ้น Motorway Way ได้เลย ง่ายมาก ซึ่งหากใครที่ประกอบธุรกิจที่เน้นเดินทางบ่อยด้วย Motorway ทำเลนี้ก็น่าสนใจค่ะ ส่วนในอนาคตนั้นเส้นรามอินทราก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูตัดผ่านในทำเลนี้เช่นเดียวกัน โดยสถานที่ใกล้กับโครงการนั้นคือ สถานีวงแหวนตะวันออก แน่นอนว่าคงตั้งอยู่บริเวณหน้า Fashion Island ซึ่งก็ใกล้กับโครงการเช่นกัน ทำให้ในอนาคตโครงการนี้จะเป็นหนึ่งในโครงการอาคารพาณิชย์ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับพนักงานหรือผู้เข้ามาติดต่อได้มากขึ้น

    เส้นทางขึ้นมอเตอร์เวย์จากโครงการ – เมื่อออกจากซอยมา ตรงไปอีกหน่อยก็สามารถเลี้ยวเข้าถนนเลียบมอเตอร์เวย์เพื่อขึ้นมอเตอร์เวย์ได้เลยค่ะ ซึ่งห่างจากจุดขึ้นประมาณ 2.5 ม.

    เส้นทางลงจากมอเตอร์เวย์ไปโครงการ – ให้เริ่มเบี่ยงออกหลังจากภายถนนเกษตรนวมินทร์มาแล้ว จากนั้นกลับรถและลงตรงบริเวณหน้า Fashion Island จากนั้นกลับรถบริเวณแยกที่ตัดกับถนนรัชดา-รามอินทรา แล้วตรงมาอีกหน่อยก็จะถึงซอยรามอินทรา 64 หน้าโครงการแล้วค่ะ

    ส่วนทางไป Fashion Island นั้นต้องไปอ้อมขึ้นสะพานกลับรถเพื่อเข้า Fashion Island นะคะ น่าเสียดายที่ทางเข้า-ออกโครงการอยู่เลยสะพานขึ้น Fashion Island ของฝั่งนี้ไปแล้ว ไม่งั้นก็จะง่ายกว่านี้อีก แต่นี่ก็ถือว่าไปห้างไม่ไกลแล้วนะ ขับรถไม่เกิน 5 นาทีแน่ๆ (ถ้ารถไม่ติดนะ)

    สำหรับการเดินทางในวันนี้ขอเริ่มต้นจากถนนรัชดา-รามอินทราบริเวณ Max Valu นวมินทร์ โดยถนนรัชดา-รามอินทรานี้เป็นถนนตัดใหม่เชื่อมระหว่างถนนรามอินทราและถนนเกษตรนวมินทร์นะคะ โดยเราจะมุ่งหน้าไปทางถนนรามอินทรา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรามอินทราตรงไปอีกสักระยะ ก็จะถึงหน้าโครงการที่อยู่ในซอยรามอินทรา 64 ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับ Fashion Island แล้วค่ะ

    เริ่มต้นที่ Max Valu เราเลยขอพาไปดูภายใน Max Valu กันสักหน่อย เผื่อใครผ่านทางนี้จะได้แวะโฉบซื้อข้าวของเครื่องใช้ หรือของกินพกกลับไปโครงการได้ ซึ่งที่นี่เปิดให้บริการตลอด 24 ชม.เลยนะคะ ดึกๆ ไม่มีอะไรขายต้องทำงานกะดึก หรืองานเร่งส่งก็มาพักท้องที่นี่ได้นะ ภายในบริเวณ Max Valu นี้นอกจากตัว Market แล้ว ก็ยังมี ร้านค้าร้านอาหารต่างๆ ด้วย รวมทั้งร้านดังๆ อย่าง MK และ S&P ก็มาเปิดเช่นกัน

    นอกจากนี้ก็ยังมี Mc Donald’s ร้านอาหารอื่นๆ ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่นอยู่อีก 5-6 ร้าน รวมทั้งศูนย์ซ่อมรถเช่นกันค่ะ

    จากนั้นเราก็มุ่งหน้าตรงไปตามป้ายที่เขียนว่าถนนรามอินทรากันเลยค่ะ ซึ่งเราต้องเริ่มชิดขวาแล้วนะ จะมีสะพานยกระดับให้ขึ้นค่ะ

    ขึ้นสะพานกันค่ะ

    ก่อนที่จะเชื่อมเข้าถนนกาญจนาภิเษก เราจะเบี่ยงซ้ายไปลงถนนรามอินทรา ตามป้ายที่บอกว่า “แฟชั่นฯ เดอะ พรอมมานาด”

    ลงจากสะพานแล้วเชื่อมเข้าถนนรามอินทรา

    ตรงมาสักพักบนถนนรามอินทรา จะเจอทางขึ้นสะพานข้ามเข้าห้าง Fashion Island ได้เลยค่ะ ส่วนโครงการเราจะอยู่เลยไปอีกหน่อยนะคะ

    ขับมาอีกหน่อยก็จะเจอซอยรามอินทรา 64 ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกโครงการแล้วค่ะ ส่วนด้านหน้าปากซอยเป็น Sale Office โครงการเลย

    ถนนภายในซอยนี้ค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ เนื่องจากทาง Siamese Asset เปิดพื้นที่ตัวเองทำถนนที่ใช้ร่วมกันให้กว้างมากขึ้นและทำออกมาได้สวยงามเรียบร้อยดีนะคะ โดยบริเวณด้านหน้านี้จะปูถนนด้วยคอนกรีตบล็อก ตรงไปจะเป็นซุ้มทางเข้า-ออกที่ใช้ร่วมกับที่ดินของ Siamese Asset ในอนาคต และโครงการทาวน์โฮมด้านใน หลังโครงการ Siamese District ไปอีกที ส่วนด้านขวาเป็น Sale Office โครงการค่ะ

    บริเวณ Sale Office โครงการอยู่ในที่ดินของทาง Siamese Asset นะคะ ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Siamese District

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    ที่ตั้งโครงการแวดล้อมโครงการ เรียกได้ว่าเกือบจะติดถนนใหญ่เลยทีเดียวนะคะ ใกล้มาก เดินออกมาเรียกรถได้สบายๆ ค่ะ ถือเป็นที่ตั้งสำหรับโครงการอาคารพาณิชย์ที่เข้า-ออกได้สะดวกบนถนนรามอินทรา

    • ทิศเหนือ : ถนนรามอินทรา, Fashion Island, Grand Home Mart
    • ทิศตะวันออก : กลุ่มอาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า
    • ทิศใต้ : โครงการทาวน์โฮม Siamese Blossom @ Fashion
    • ทิศตะวันออก : สวนสนุก Wonderland, ที่ดินของ Siamese Asset

     

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    ความอุดมสมบูรณ์ (ศูนย์การค้า, Community Mall, Hyper Market, ตลาด)

    • Promenade
    • Fashion Island
    • Grand Home Mart
    • Max Valu นวมินทร์
    • Tesco Lotus สุขาภิบาล 1
    • The Junction
    • Amorini
    • ตลาดปัฐวิกรณ์
    • Big C

    โรงพยาบาล

    • โรงพยาบาลสินแพทย์
    • โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี
    • โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล นวมินทร์
    • โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์

    สถานศึกษา

    • โรงเรียนบดินทร์เดชา สิงหเสนี 2
    • โรงเรียนเบญจมินทร์

     


    เจาะลึกตัวโครงการ

    มาดู Master Plan โครงการกันนะคะ จะมีรายละเอียดแตกต่างจากโครงการจัดสรรทั่วไปอยู่ โดยส่วนที่แรงเงาสีเหลืองไว้ทางหมด รวมไปถึงทางเข้า-ออกหลักติดถนนรามอินทรานั้นจะเป็นพื้นที่ของทาง Siamese Asset ทั้งหมด ซึ่งยังไม่ได้ระบุว่าจะมีการพัฒนาที่ดินไปเป็นโครงการอะไรต่อไปนะคะ ปัจจุบันได้ทำเป็น Sale Office และพื้นที่สวน ในส่วนของถนนช่วงแรกก่อนถึงป้อมยามหรือจุดเข้า-ออกที่ 2 นั้นจะเป็นถนนภาระจำยอมที่ใช้ร่วมกับ Siamese Asset และต่อไปในอนาคตก็จะใช้ร่วมกับโครงการที่ทาง Siamese พัฒนาขึ้น โดยมี 5 ยูนิตแรกที่อยู่ติดกับถนนภาระจำยอม

    เข้ามาภายในโครงการจริงๆ จะเริ่มต้นที่ป้อมยามหรือจุดทางเข้า-ออกที่ 2 ซึ่งถนนนี้จะเปิดให้ลูกบ้านโครงการทาวน์โฮม Siamese Blossom @ Fashion ที่อยู่ติดกับที่ดินโครงการสามารถวิ่งเข้า-ออกได้ แต่ทางลูกบ้านของโครงการ Siamese District ไม่สามารถผ่านถนนของโครงการทาวน์โฮมได้นะคะ เนื่องจากเป็นโครงการทาวน์โฮมเป็นโครงการที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องเน้นความเป็นส่วนตัว ดังนั้นทางเข้า-ออกของโครงการนี้จะมีแค่ทางเดียวคือถนนรามอินทรา

    ในส่วนของพื้นที่ดินโครงการนั้นแต่เดิมทาง Siamese ได้ Take Over มาดังนั้นจะยังมีอาคารพาณิชย์เก่าที่เจ้าของเดิมไม่ได้ย้ายหรือขายให้ทาง Siamese อยู่ด้วยในโครงการ ซึ่งเราจะเห็นอยู่บน Master Plan ที่ลงสีไว้เป็นสีครีมอ่อนนะคะ ซึ่งเหล่าอาคารพาณิชย์เก่าทั้งหมดนี้ก็จัดเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งในโครงการที่จะร่วมจ่ายค่าส่วนกลางร่วมกันค่ะ โดยรวมแล้วอาจจะเป็นผลเสียในเรื่องของบรรยากาศโครงการที่มีอาคารเก่าแทรกดูไม่สวยงามไปสักหน่อย แต่หากใครที่ไม่ได้ซีเรียสในเรื่องของภาพลักษณ์ และมองในแง่ของอาคารพาณิชย์ก็ไม่ได้เน้นความเป็นส่วนตัวอยู่แล้วด้วย แต่เน้นไปในแง่ของทำเลโครงการที่เข้า-ออกรามอินทราสะดวก สำหรับการเดินทางของลูกค้าเข้ามาติดต่อเผื่อใครทำธุรกิจแบบหน้าร้าน เปิดร้านขายของต่างๆ รวมไปถึงพนักงานก็เดินทางได้สะดวก โครงการนี้ก็ตอบโจทย์ค่ะ

    เข้ามาดูบรรยากาศโครงการกันนะคะ บริเวณนี้จะเป็นซุ้มทางเข้าโครงการ ซึ่งถนนบริเวณนี้จะเป็นถนนภาระจำยอมใช้ร่วมกับ Siamese Asset ขนาดถนนค่อนข้างกว้างทีเดียว ประมาณ 15 ม. แยกทางเข้า-ออกชัดเจน กั้นด้วยรั้วล้อเลื่อน ให้ยามเช็ค Sticker แปะหน้ารถว่าเป็นหนึ่งในลูกบ้านของ Siamese District หรือ Siamese Blossom @ Fashion ก็สามารถเข้าได้

    เข้ามาจะเจอกับพื้นที่สวนด้านข้าง

    ซึ่งสวนนี้นั้นจะไม่ใช่สวนของโครงการนะคะ เป็นพื้นที่ของทาง Siamese Asset ที่ปัจจุบันเค้าทำเป็นสวนเอาไว้ให้เท่านั้นค่ะ

    บรรยากาศภายในสวนนี้ไม่ได้เน้นปลูกไว้สวยงามเพื่อให้คนเข้ามาเดินเล่นได้เหมือนสวนหย่อมโครงการนะคะ แต่ที่นี่ปลูกไว้สำหรับเอาต้นไม้ไปลงในโครงการต่อไป คือง่ายๆ เหมือนเป็นพื้นที่เพาะต้นไม้ ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ดูสวยงามอยู่แล้วเพราะต่อไปก็จะถูกพัฒนา

    บริเวณถนนที่ติดกับสวนนี้ก็ยังเป็นถนนภาระจำยอมนะคะ ไม่ใช่ถนนของโครงการ ส่วนความกว้างอยู่ที่ 15 ม. ขับสวนกันสะดวกมาก และยังเหลือพื้นที่ให้เผื่อจอดรถด้านข้างได้ด้วย เผื่อสำหรับลูกค้าเข้ามาติดต่อได้

    บรรยากาศบริเวณด้านหน้าซอยโครงการดูเรียบร้อยดี มีปลูกต้นไม้ให้ตามหน้าอาคาร

    เข้ามาในส่วนของซุ้มทางเข้าโครงการจริงๆ จะเริ่มที่บริเวณนี้เลย ซึ่งบริเวณนี้จะใช้ระบบเข้า-ออกแบบไม้กระดกอัตโนมัติแล้วค่ะ โดยใช้ Sticker เหมือนเดิมนะ ให้พี่รปภ.สแกนแล้วกดในรั้วเปิด แต่ปัจจุบันตอนนี้ยังไม่มีพี่รปภ.บริเวณนี้ จะมีอยู่ที่หน้าทางเข้าติดถนนรามอินทรา

    ถนนภายในโครงการกว้าง 15 ม. เช่นเดิม บรรยากาศจะมีอาคารพาณิชย์ใหม่ของทาง Siamese สลับกับอาคารพาณิชย์เก่าบ้าง

    สุดทางแล้วเลี้ยวขวา บริเวณนี้จะติดกับโครงการทาวน์โฮมของ Siamese ชื่อโครงการ Siamese Blossom @ Fashion

    ทางเข้า-ออกนี้สงวนสิทธิ์เฉพาะลูกบ้านของโครงการทาวน์โฮมเท่านั้นนะคะ แอบน่าเสียดายที่ไม่ให้ลูกบ้าน Siamese District ใช้ไปทะลุเข้า-ออกถนนรัชดา-รามอินทราบ้าง ซึ่งก็เป็นไปตามกฎของทางโครงการนะ เพราะโครงการพักอาศัยนั้นก็ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยพอสมควร แตกต่างจากโครงการอาคารพาณิชย์

    อีกซอยนึงของโครงการก็เริ่มทยอยสร้างกันอยู่นะคะ

    ความกว้างของถนนก็กว้าง 15 ม.เช่นเดิมเลยค่ะ สำหรับซอยนี้จะเป็นซอยตัน โดยสุดทางจะติดกับพื้นที่ของทาง Siamese แล้วค่ะ

     

    สิ่งอำนวยความสะดวก

    • รั้วรอบโครงการสูง 2 ม.
    • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
    • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
    • ถนนหลักกว้าง 15 ม. และถนนภายในกว้าง 15  ม.

     


    Product Walkthrough

    โครงการ Siamese District มีแบบอาคารพาณิชย์ทั้งหมด 2 แบบ แบ่งเป็น Type A อยู่ฝั่งซ้ายมือ (มีระเบียงกระจกด้านหน้าบ้าน) และ Type B อยู่ฝั่งขวามือ (ระเบียงจะอยู่ด้านข้าง) และแบบสุดท้ายสำหรับคนที่ต้องการอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ก็สามารถ Combine ทั้ง 2 แบบเข้าด้วยกันได้ โดยจะไม่มีผนังตรงกลางและโถงบันไดแทนที่จะอยู่ด้านข้างจะถูกผลักให้ไปอยู่ด้านหลังอาคารแทนค่ะ

    • Type A ที่ดิน 45 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 342 ตร.ม. 1 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
    • Type B ที่ดิน 45 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 342 ตร.ม. 1 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
    • Combine ที่ดิน 84 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 682 ตร.ม. 1 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ

    โดยเราจะพาไปดูอาคารพาณิชย์ Type A (มีระเบียงกระจกด้านหน้าบ้าน) กันนะคะ การออกแบบหน้าตาของอาคารพาณิชย์นั้นจะเป็นแนว Modern เน้นความเรียบง่าย ด้วยโทนสีแบบ Monotone ขาว-เทา และรูปแบบเรียบง่ายเช่นกัน เน้นวัสดุด้านหน้าเป็นกระจกขนาดใหญ่ ช่วยให้ภายในดูโปร่งโล่ง เหมาะสำหรับบรรยากาศของอาคารสำนักงาน ในส่วนของงานโครงสร้างอาคารนั้นใช้รูปแบบ Conventional หรือระบบเสาและคาน ที่มีความคงทนของโครงสร้างนานกว่าแบบระบบการก่อสร้างแบบสำเร็จรูป (Prefabrication) รวมทั้งยังสามารถต่อเติมหรือดัดแปลงผนังภายในบ้านได้ ในแบบที่ระบบสำเร็จรูปไม่สามารถทำได้

    ชั้น 1 – บริเวณหน้าบ้านเป็นพื้นที่จอดรถขนาดความกว้างของที่ดินประมาณ 8 ม. สามารถจอดรถได้ประมาณ 3 คัน กำลังดี ในส่วนของตัวบ้านมีความกว้าง 5.5 ม. ลึกประมาณ 13 ม. ในส่วนด้านหน้าภายในตัวบ้านทำเป็นพื้นที่ Reception ต้อนรับแขก ซึ่งจะได้เป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง (Double Voulume) ได้เป็นพื้นที่เปิดโล่งดูโอ่โถง ในโซนหลังนั้นจะเป็นส่วน Back of House ซึ่งสามารถทำเป็นพื้นที่เปิดโล่ง จัดฟังก์ชันเป็น Pantry เตรียมอาหาร และพื้นที่รับประทานอาหารได้ หรือจะกั้นห้องตามในแปลนแล้วจัดเป็นฟังก์ชันอื่นๆ เช่นห้องเก็บของ ต่างๆ ได้ และภายในชั้นนี้จะมีห้องน้ำแบบ Powder Room ให้เพื่อต้อนรับแขกได้ ส่วนด้านหลังบ้านจัดพื้นที่ลานซักล้างไว้ให้ครึ่งนึงและอีกครึ่งนึงเป็นสนามหญ้าปูมาตรฐาน

    บริเวณหน้าบ้านจะไม่ได้ทำรั้วให้นะคะ เป็นแบบเปิดโล่งเลย เพื่อให้สะดวกกับการเข้า-ออกทั้งพนักงานและลูกค้าที่เข้ามาติดต่อ โดยที่ดินของบ้านนั้นจะมีการยกระดับขึ้นมาจากถนนหลักภายในโครงการ เพื่อกันน้ำไหลย้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้ระดับนึง ในส่วนของพื้นที่จอดรถนั้นจะปูด้วยพื้นคอนกรีตขัดหยาบ ใช้โครงสร้างเป็น Slab On Ground ลักษณะเป็นแผ่นคอนกรีตวางบนพื้น

    ด้านข้างมีพื้นที่ทางเดินตรงไปยังส่วนซักล้างด้านหลัง ส่วนความสูงของกำแพงประมาณ 2 ม.

    ด้านหลังของอาคารนั้นจะเป็นส่วนพื้นที่ลานซักล้างและสนามหญ้า ซึ่งความลึกของลานซักล้างนั้นจะขึ้นอยู่กับที่ดินในแต่ละแปลงนะคะ สำหรับแปลงนี้จะมีความลึกค่อนข้างมากอยู่เหมือนกันทำให้พื้นที่ลานซักล้างกว้างขวางทีเดียว สามารถต่อเติมห้องเพิ่มได้ไม่ติด Set Back ในส่วนบริเวณสนามหญ้านั้นจะมีวางแท็งก์น้ำและปั๊มน้ำให้เรียบร้อย

    และอีกครึ่งนึงเป็นลานซักล้าง ใช้โครงสร้าง Slab on Beam ปูด้วยกระเบื้องเซรามิก

    ด้านหลังจะมีประตูเข้า-ออกภายในบ้าน โดยใช้ประตูเหล็กพ่นสีเทา ด้านบนติดกันสาดยื่นออกมาเล็กน้อยกันแดดกันฝนได้ระดับนึง และมีติดหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ให้แสงสว่างบริเวณลานซักล้าง

    เงยหน้าขึ้นไปด้านบนจะมีบันไดหนีไฟทำให้เรียบร้อยตามกฎหมายบ้านที่มีความสูงเกิน 3 ชั้น ด้านข้างติดหน้าต่างทั้ง 2 ฝั่งในทุกชั้น ซึ่งช่วยระบายอากาศภายในตัวบ้านได้พอสมควรเลย

    ประตูทางเข้าเป็นประตูบานกรอบอลูมิเนียมบานกระจกข้างใน ตัวบานแข็งแรงทำ Fitting ออกมาดี

    เข้ามาภายในจะเป็นส่วนของพื้นที่ต้อนรับ (Reception) บริเวณนี้จะโอ่โถงพอสมควรค่ะ เพราะด้วยฝ้าเพดานสูงที่ค่อนข้างสูงประกอบกับได้กระจกบานใหญ่สูงตามฝ้าเพดานด้วย สำหรับพื้นในชั้นนี้จะเป็นพื้นแกรนิตโต้ทั้งหมด

    บริเวณพื้นที่ต้อนรับที่มีขนาดพื้นที่ประมาณ 5.5 x 4.9 ม. สามารถจัดพื้นที่เคาน์เตอร์และชุดที่นั่งได้ประมาณ 3 ชุด ซึ่งหากออฟฟิศไหนไม่ได้เน้นเป็นพื้นที่ต้อนรับหรือมีหน้าร้านอยู่แล้วก็สามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงานได้เลยค่ะ ขึ้นอยู่กับรูปแบบของออฟฟิศเราเลย

    ในส่วนของผนังชั้นล่างนั้นในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้มีกั้นไว้ให้นะคะ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถจัดสรรพื้นที่ได้ตามรูปแบบของออฟฟิศตัวเองได้เลยค่ะ

    โดยในโซนด้านหลังของตัวอาคารนั้นจะมีห้องน้ำอยู่ใต้โถงบันไดขึ้นชั้น 2 ไว้สำหรับรองรับลูกค้า หรือพนักงานในชั้นนี้ให้สามารถใช้งานได้ ไม่ต้องเดินไปขึ้นชั้น 2

    ขนาดห้องน้ำนี้มีขนาดค่อนข้างกะทัดรัดนะคะ มีความกว้างพอๆ กับความกว้างของโถงบันไดเลย เพื่อไม่ไปกินพื้นที่อื่นๆ ภายนอก จะได้จัดสรรพื้นที่ใช้สอยได้มากขึ้นค่ะ ลักษณะของห้องน้ำจะเป็นแบบ Powder Room ทางเข้าทำธรณียกสูงขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนได้ดีค่ะ

    ภายในห้องน้ำก่อผนังเป็นกระเบื้องเซรามิกทั้งหมด ด้านข้างติดอ่างล้างมือ พร้อมกระจกเงาไว้เรียบร้อย โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดที่เห็นในบ้านตัวอย่างนั้นจะได้เหมือนกับในบ้านมาตรฐานเลยค่ะ ไม่รวมของตกแต่งนะคะ ในส่วนของด้านบนกระจกเงานั้นมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ด้วย สำหรับระบายอากาศและความชื้นภายในห้องน้ำได้ดีระดับนึง

    อ่างล้างมือขนาดใช้ง่ายได้กำลังดี มีพื้นที่ด้านข้างก็อกสามารถวางครีมล้างมือหรือของตกแต่งได้เล็กน้อย โดยอ่างล้างมือที่ได้นั้นมาจาก American Standard ค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามกับอ่างล้างมือเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์ จาก American Standard เช่นกัน ในส่วนนี้ฝ้าเพดานด้านบนจะเป็นทางลาดเอียงตามทางขึ้นของบันไดนะคะ ซึ่งการที่จัดวางตำแหน่งบริเวณนี้เป็นโถสุขภัณฑ์ถือว่าถูกต้องเลยค่ะ เพราะด้วยฝ้าเพดานที่มีความสูงไม่มากสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานโถ แบบนั่ง หัวไม่ติดกับฝ้าเพดานและไม่ต้องก้ม เรียกว่าใช้งานได้สะดวกค่ะ

    มาที่ส่วนบันไดขึ้นไปยังชั้นลอยกันต่อนะคะ ในส่วนบันไดนี้ใช้โครงสร้างเป็นโครงสร้างเหล็กปูด้วยไม้จริงทำสี บริเวณโถงติดดวงโคมส่องสว่างให้บริเวณชานพักทุกชั้น ช่วยให้บริเวณโถงไม่มืด เสียดายตรงที่น่าจะได้หน้าต่างบริเวณโถงบันไดด้วยจะได้ช่วยระบายอากาศบริเวณโถงได้ และที่สำคัญคือไม่เปลืองไฟเพราะแสงสว่างภายนอกก็สามารถส่องเข้ามาในช่วงกลางวันได้

    ก่อนจะถึงในทุกๆ ชั้นจะมีประตูบานเลื่อนกั้นพื้นที่โถงกับชั้นนั้นๆ เสมอเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวในแต่ละชั้น ซึ่งทางโครงการคิดเผื่อไว้สำหรับลูกบ้านที่อาจจะจัดสรรเฉพาะพื้นที่ชั้นล่างเป็นส่วน Commercial และชั้นบนทั้งหมดจัดให้เป็นที่พักอาศัยหรือพื้นที่ส่วนตัวต่างๆ ได้ จึงมีการกั้นพื้นที่โถงบันไดกับชั้นนั้นๆ ไว้ให้ในทุกๆ ชั้นค่ะ

    ชั้นลอย – เป็นชั้นที่จัดสรรให้มีพื้นที่ครัว ซึ่งทางโครงการดันพื้นที่ครัวนี้ไว้ชั้นลอยก็เพื่อให้ลูกบ้านสามารถเปิดชั้นล่างไว้สำหรับการทำการค้า หรือต้อนรับลูกค้าได้เต็มพื้นที่ ไม่เห็นส่วน Service ด้านหลัง จึงยกพื้นที่ครัวมาไว้ในชั้นลอยแทน และเวลาพนักงานในชั้นบนๆ จะลงมาชงกาแฟเล็กๆ น้อยๆ ก็สะดวก ไม่ต้องเดินลงไปถึงชั้นล่างเลยเช่นกัน

    ออกจากส่วนบันไดมาจะมีหน้าต่างและบานกระจกตั้งแต่พื้นและสูงเกือบถึงฝ้าเพดานให้แบบนี้ในทุกชั้นเลยค่ะ

    ในส่วนของชั้นลอยนั้นมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 5.1 x 4.26 ม. สามารถจัดสรรพื้นที่เป็นส่วนครัว และพื้นที่ต่างๆ ได้อีก 1 ฟังก์ชัน ซึ่งดูอย่างบ้านตัวอย่างนั้นก็จัดให้ชั้นนี้มีพื้นที่ประชุมที่สามารถรองรับจำนวนคนได้ประมาณ 6 ที่นั่งค่ะ

    ในส่วนของพื้นที่ครัวนั้น ในบ้านจริงจะไม่ได้กั้นพื้นที่และทำชุด Pantry ครัวไว้ให้นะคะ แต่จะเตรียมระบบท่อพร้อมเดินท่อไว้ให้ สำหรับทำเป็นพื้นที่ครัว

    ด้านหลังบ้านได้หน้าต่างบานเลื่อนคู่แบบนี้เลยค่ะ ซึ่งหากใครจัดเป็น Pantry ครัวแบบนี้ก็เหมาะกับการวางตำแหน่ง Sink ไว้ติดกับหน้าต่างบานเลื่อนแบบบ้านตัวอย่างนะคะ ซึ่งตำแหน่งหน้าต่างที่ติดกับ Sink นี้จะช่วยให้สามารถระบายความชื้นบริเวณ Sink ได้ดี

    ส่วนของชั้นลอยนั้นจะมีราวกันตกให้เป็นราวกันตกแบบกระจกให้เป็นมาตรฐาน แต่ไม่มีกันสาดตกแต่งให้นะคะ

    ด้านข้างเป็นประตูบานเลื่อนออกไปยังส่วนโถงบันไดกันต่อ

    ลักษณะโถงบันไดเหมือนกับที่เราขึ้นจากชั้น 1 มาที่ชั้นลอยเลยค่ะ

    ในชั้น 2 นี้จะเป็นพื้นที่เปิดโล่งซึ่งสามารถใช้งานพื้นที่ได้เต็มที่ เน้นเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงาน สามารถจุโต๊ะทำงานได้ประมาณ 6-7 โต๊ะเลยค่ะ ด้านข้างมีห้องน้ำที่พื้นที่อาบน้ำให้ด้วย

    เข้ามาในส่วนชั้น 2 กันแล้วจะเจอส่วนของห้องน้ำก่อนนะคะ

    บริเวณทางเข้าห้องน้ำมีการยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อยสามารถกันน้ำไหลย้อนได้ดี ภายในปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 40 x 40 ซม.

    ภายในแยกโซนเปียกและแห้งไว้เรียบร้อยเป็นสัดส่วนดี โดยพื้นที่โซนแห้งนั้นจะประกอบไปด้วยอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ผนังด้านหลังให้กระจกเงาขนาดใหญ่ และด้านบนติดหลอดไฟแบบฟลูออเรสเซนต์ให้เรียบร้อยค่ะ

    บริเวณผนังมีการก่อ Low Wall เชื่อมกับส่วนอ่างล้างมือให้ด้วย สามารถวางครีมล้างมือและของอื่นๆ ได้พอสมควรเลยค่ะ โดยในส่วน Top นั้นใช้วัสดุเป็นหินแกรนิตแท้ดูสวยงาม

    ในส่วนพื้นที่อาบน้ำหรือโซนเปียกนั้นจะได้ฉากกั้นกระจกแบบประตูบานเปิดแบบนี้เลยค่ะ สามารถกันน้ำกระเด็นออกไปยังส่วนแห้งได้ดีเลย

    บริเวณพื้นที่อาบน้ำนั้นก็มีการยกธรณีขึ้นมาสูงเพื่อกันน้ำไหลย้อนเช่นเดียวกัน

    สำหรับฝักบัวนั้นจะได้แบบสายอ่อน และแบบ Rain Shower ด้วย

    สำหรับฝักบัวสายอ่อนนั้นแข็งแรงดีนะคะ มีน้ำหนักและจับได้ถนัดมือดี

    มาที่บริเวณโซนด้านหน้าอาคารกันบ้าง บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่เปิดโล่งเพื่อให้ลูกบ้านสามารถจัดสรรพื้นที่ได้ตามความต้องการนะคะ โดยรอบข้างนั้นจะให้เป็นกระจกและหน้าต่างบานเลื่อนกระจกทั้งหมด สูงตั้งแต่พื้นไปจนเกือบถึงฝ้าเพดานเลย ซึ่งทำให้บริเวณนี้ดูโปร่งโล่งและสว่างพอสมควรเลยค่ะในช่วงกลางวัน ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟยังได้เลยนะ เป็นบรรยากาศที่เหมาะกับอาคารสำนักงานดีค่ะ

    หันมาฝั่งตรงข้าม ถ่ายจากหน้าอาคารไปด้านหลัง สำหรับฝั่งขวานั้นจะติดกับอาคารด้านข้างเลยได้เป็นผนังทึบด้านนึง ซึ่งก็สามารถ Built-in เป็นชั้นเก็บเอกสารต่างๆ ได้หรือจะติด White Board ขนาดใหญ่ไว้จดไอเดีย หรือจัดประชุมเล็กๆ ได้ มองขึ้นไปบริเวณฝ้าเพดานจะเห็นว่าแอร์ที่ได้นั้นออกแบบให้เป็นแบบฝังฝ้าทั้งหมด ดูเรียบร้อยสวยงามดีค่ะ ซึ่งแอร์ที่ได้เป็นมาตรฐานนั้นจะเป็นแบบ Split Type จากยี่ห้อ York ค่ะ

     

    ชั้น 3 – เป็นชั้นที่ทางโครงการออกแบบมาให้เป็นรูปแบบกึ่งพักอาศัยได้ด้วย หรือจะใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนของพนักงานก็ได้เช่นกันค่ะ ทั้งนี้หากลูกบ้านต้องการจัดสรรให้ชั้นนี้เป็นพื้นที่ทำงานก็ได้นะ เพราะจริงๆ แล้วบ้านมาตรฐานจะได้เป็นพื้นที่โล่งเลย  แต่ในส่วนของวัสดุพื้นนั้นจะมีความแตกต่างกันอยู่ตามฟังก์ชันที่ถูกออกแบบมาแต่แรก คือด้านหน้าจัดให้เป็นพื้นที่พักผ่อน อย่างห้องนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งก็จะมีการปูพื้นด้วยกระเบื้องยางลายไม้ และด้านหลังของอาคารนั้นปูด้วยพื้นกระเบื้องเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดมากขึ้น เนื่องจากถูกจัดให้เป็นโซน Service มีพื้นที่ครัวอยู่ในชั้นนี้ด้วยค่ะ

    ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเจอกับพื้นที่ด้านหลังอาคารก่อน โดยบริเวณนี้จะประกอบไปด้วยพื้นที่ครัวและส่วน Pantry เตรียมเครื่องดื่มหรืออาหารเล็กๆ ด้านนอก โดยปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ดูเรียบร้อยดีค่ะ สำหรับพื้นที่ด้านนอกครัวค่อนข้างมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควรนะคะ สามารถจัดโต๊ะรับประทานอาหารเพิ่มได้ หรือจะทำเคาน์เตอร์ครัวเพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้นะ เพื่อให้ได้ขนาดครัวที่ใหญ่ขึ้น หากกลัวว่ากลิ่นอาหารจะลอยฟุ้งมายังส่วนพักผ่อนก็สามารถติดประตูบานเลื่อนกั้นพื้นที่ได้ไม่ยากค่ะ

    บริเวณครัวกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้ค่ะ

    ขนาดพื้นที่ภายในประมาณ 2.75 x 1.58 ม. จัดเป็นขนาดที่ค่อนข้างกะทัดรัดพอสมควรนะ เป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการเตรียมอาหารง่ายๆ มากกว่าค่ะ

    ส่วน Pantry ภายในนั้นจะไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ ลูกบ้านต้องซื้อมาติดตั้งเองเช่นเดียวกับ Pantry ในชั้นลอย

    พื้นที่ด้านข้างระหว่างครัวกับพื้นที่พักผ่อนบริเวณหน้าอาคาร สามารถทำ Pantry เพิ่มเติมได้นะคะ เพราะทางโครงการได้เตรียมเรื่องระบบงานท่อต่างๆ ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    มาที่ส่วนรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นกันต่อนะคะ พื้นบริเวณนี้ปูด้วยกระเบื้องยางลายไม้อย่างที่กล่าวไปแล้วขั้นต้น เพื่อเพิ่มความรู้สึกพักผ่อนมากขึ้นเหมือนอยู่ในบ้านเลยค่ะ

    ถัดมาเป็นส่วนรับประทานอาหาร ซึ่งสามารถวางโต๊ะขนาดประมาณ 4 ที่นั่งได้กำลังดีค่ะ ด้านข้างติดกับกระจกและหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ทำให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาบริเวณนี้ได้ดีทีเดียวค่ะ

    ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่น จัดออกมาได้ขนาดใหญ่ทีเดียวเลยค่ะ สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ พร้อมกับเก้าอี้โซฟาอีก 2 ตัว รองรับจำนวนคนได้ประมาณ 6 คนเลยทีเดียว ในส่วนของฝ้าเพดานบริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้จะได้เป็นฝ้าฉาบเรียบมาตรฐานนะคะ ไม่มีการเล่นระดับฝ้าเหมือนบ้านตัวอย่างนะคะ

    หันกลับมาอีกมุมของพื้นที่นั่งเล่น ด้านหลังนั้นสามารถ Built-in ตู้โชว์หรือชั้นวางของต่างๆ ได้เยอะทีเดียวเลยค่ะ

    ในส่วนของบริเวณหน้าบ้าน Type นี้จะได้ระเบียงอยู่บริเวณหน้าบ้านนะคะ ส่วนอีก Type ระเบียงจะหันไปอยู่ด้านข้างแทน ซึ่งบริเวณระเบียงนี้เค้าให้สเป็ควัสดุเป็นประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่กรอบบานอลูมิเนียมแบบหนา Fitting ดีทีเดียวค่ะ และการที่ได้ประตูกระจากขนาดใหญ่แบบนี้ทำให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาได้ดีมากๆ ช่วยให้ห้องโปร่งโล่งเลย

    พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทามาตรฐาน ส่วนราวกันตกได้เป็นราวกระจกดูสวยงาม สไตล์โมเดิร์น และยังช่วยให้ไม่บังสายตาเวลาเรานั่งดูวิวจากภายในบ้านด้วยนะ

    ขึ้นไปที่ชั้น 4 กันต่อค่ะ

    หน้าตาโถงบันไดยังเหมือนเดิมกับทุกๆ ชั้นนะ เพิ่มเติมคือมีช่องแสงจากด้านบนขึ้นมาทำให้โถงบันไดในชั้นนี้ดูสว่างกว่าทุกๆ ชั้นไปเลย

    Detail ตรงจมูกขั้นบันได มีการเซาะร่องให้เพื่อเป็นเครื่องหมายจบขั้น และมีพื้นผิวที่สามารถกันลื่นตกได้ระดับนึง การเซาะร่องแบบนี้เป็นรายละเอียดที่ดูสวยงามดี แลกมากับเวลาทำความสะอาดก็ลำบากอยู่เหมือนกัน

    ส่วนประตูที่กั้นห้องนั้นจะไม่ได้เป็นประตูบานเลื่อนแล้วนะ แต่เป็นเป็นบานเปิดแทนค่ะ

    สำหรับชั้น 4 นี้ถูกออกแบบให้เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด ซึ่งลักษณะการจัดจะเหมือนกับชั้น Penthouse บนคอนโดมิเนียมนะคะ ในส่วนของชั้นนี้ Type A และ Type B จะมีความแตกต่างกันอยู่หลายจุดเหมือนกัน โดย Type A นี้จะได้พื้นที่อาบน้ำขนาดใหญ่กว่า Type B แลกกับพื้นที่ส่วน Walk in Closet ที่น้อยกว่า และบริเวณโซนหน้าบ้านนั้น Type A จะมีพื้นที่ระเบียงด้านนอกไว้สำหรับนั่งเล่นหรือจะเปิดประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่เพื่อรับลมได้ดี ส่วน Type B นั้นแม้จะไม่ได้ระเบียงขนาดใหญ่หน้าบ้านแต่ก็แลกมากับพื้นที่ใช้สอยภายในที่มากกว่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ และความชอบของแต่ละบุคคลนะคะว่าจะเน้นใช้งานฟังก์ชันไหนมากกว่ากัน

    ซึ่งในรีวิวนี้เราจะพาไปดูภายใน Type A กันนะคะ โดยเมื่อขึ้นมาจากส่วนโถงบันไดแล้ว จะเจอกับโถงทางเดินที่แจกไปยังห้องน้ำ และโซนนั่งเล่น โซนเตียงนอนบริเวณหน้าบ้านด้วย

    มาดูที่ส่วนห้องน้ำและ Walk in Closet กันก่อนนะคะ

    Type นี้จะไม่ได้เน้นพื้นที่ Walk in Closet มากนัก สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าหรือราวตากผ้าได้ 2 ฝั่งติดกับประตูทางเข้าห้องน้ำ

    เข้ามาภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกและแห้งเรียบร้อยชัดเจน และเป็นสัดส่วนดีค่ะ ตรงกลางเป็นตำแหน่งอ่างล้างมือที่มีขนาดใหญ่พอสมควรเลย จริงๆ วางอ่างเป็นลักษณะ His & Her ก็ยังพอนะ ด้านหลังได้กระจกบานใหญ่พร้อมซ่อนไฟไว้ด้านล่างดูสวยงามดีเลยค่ะ

    Top เคาน์เตอร์ได้เป็นหินสังเคราะห์สวยงาม ด้านล่าง Built-in ชั้นวางของขนาดใหญ่ให้ สามารถใส่ของได้จุพอสมควรเลยค่ะ

    อ่างล้างมือขนาดใหญ่ใช้งานได้ดี

    ด้านข้างมีการเซาะร่องทำเป็นชั้นวางของเล็กๆ ได้ด้วย

    ฝั่งขวาของอ่างล้างมือเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์ บริเวณนี้ดูโปร่งโล่งดีเพราะได้หน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ทีเดียว ข้อดีคือแสงสว่างเข้ามาภายในห้องน้ำได้ดี ระบายอากาศได้ดีเช่นกัน แต่ด้วยความที่บานขนาดใหญ่ทำให้ไม่เป็นส่วนตัวมากนัก ควรต้องติดมูลี่หรือติดฟิล์มฝ้าแทนเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนะคะ

    พื้นที่โถสุขภัณฑ์กว้างประมาณ 1.2 ม. ถือว่ากว้างพอสมควรเลย นั่งได้สบายมากๆ

    ในส่วนของฝั่งซ้ายมืออ่างล้างมือเป็นพื้นที่อาบน้ำ โดยจะได้ฉากกั้นกระจกตามแบบบ้านตัวอย่างเป็นมาตรฐานเลยค่ะ

    ภายในพื้นที่อาบน้ำขนาดค่อนข้างใหญ่เพราะแชร์พื้นที่ร่วมกันกับส่วน Shower และอ่างอาบน้ำ ซึ่งอ่างอาบน้ำนั้นจะไม่ได้ให้มาในบ้านมาตรฐานนะคะ แต่มีการเตรียมงานระบบไว้ให้เรียบร้อย ที่เห็นท่อ PVC โผล่ขึ้นมานั่นแหละค่ะ แต่ควรจะซื้ออ่างมาติดตั้งก่อนที่จะติดฉากกั้นกระจกนะคะ ไม่งั้นต้องเอาฉากกั้นกระจกออกอีกรอบแล้วติดต่ออ่างอาบน้ำให้เสร็จค่อยติดตั้งฉากกั้นกระจกอีกที วุ่นวายเลย

    บริเวณพื้นที่อาบน้ำ ได้ฝักบัวสายอ่อนพร้อม Rain Shower ด้านข้างเซาะร่องมาให้เล็กน้อยสำหรับวางครีมอาบน้ำและแชมพูได้ค่ะ

    บริเวณอ่างอาบน้ำนั้นจะได้หน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายความชื้นได้ แต่ด้วยความที่ให้หน้าต่างบานมาค่อนข้างใหญ่นั้นก็อาจจะต้องติดมู่ลี่หรือติดฟิล์มฝ้าเพิ่มความเป็นส่วนตัวหน่อย เพราะเปิดมาจะเห็นกระจกด้านข้างในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นและโซนเตียงนอนเลยค่ะ

    ถัดมาก่อนจะไปยังโซนพักผ่อนนะคะ ด้านข้างจะเป็นห้องเก็บของขนาดเล็กๆ

    ขนาดพื้นที่เก็บของประมาณนี้ค่ะ ไม่ใหญ่มาก ไว้สำหรับเก็บของเล็กๆ น้อยๆ หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดมากกว่า

    มาที่พื้นที่พักผ่อนกันนะคะ บริเวณนี้ดูโปร่งโล่งมากๆ ด้วยความที่ได้พื้นที่เต็มความกว้างของอาคารเลย (กว้าง 5.5 ม.) รวมไปถึงมีช่องเปิดขนาดใหญ่ทั้งจากประตูบานเลื่อนกระจกหน้าบ้าน และกระจกเข้ามุมด้านข้างด้วย

    บริเวณที่ติดกับห้องเก็บของนั้นสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้จะวางเป็น Sofa Bed หรือชุด Sofa ขนาด 2 ที่นั่งก็ได้กำลังดีเลยนะคะ ด้านข้าง Built-in ชั้นวางของหรือชั้นวางทีวีได้

    ถัดมาที่โซนเตียงนอนกันค่ะ บริเวณนี้สามารถวางเตียงนอนขนาด king Size หรือ 6 ฟุตได้สบายๆ ปลายเตียงจะทำเป็นชุดโซฟาอีกจุดก็ยังมีพื้นที่เหลือนะ

    มีพื้นที่รอบเตียงให้เดินสบายมากๆ

    ปลายเตียงสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นหรือพื้นที่ทำงานอีกจุดได้ด้วยค่ะ คือมีพื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างกว้างที่เดียว

    ด้านหน้าบ้านได้ระเบียงเช่นเดียวกับชั้น 3 เลยค่ะ ไว้เป็นพื้นที่นั่งเล่น Outdoor เล็กๆ ได้นะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 16 June 2017

    • Type A รหัส A29 พื้นที่ใช้สอย 342 ตร.ม. ที่ดิน 45 ตร.วา ราคา 12.712 ล้านบาท
    • Combine รหัส A31 พื้นที่ใช้สอย 682 ตร.ม. ที่ดิน 88.4 ตร.วา ราคา 25.049 ล้านบาท

    • จอง

    • Type A/B : 500,000 บาท
    • Combine : 1,000,000 บาท

  • จอง+ทำสัญญา 10%
  • ดาวน์ 20% ผ่อนดาวน์ 6 งวด
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • โปรโมชั่น
    • ปั๊มน้ำ+ถังน้ำ
    • ฟรีเครื่องปรับอากาศทั้งหลัง

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Siamese District เป็นโครงการอาคารพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ในแหล่งความคึกคักโซนหนึ่งของถนนรามอินทรา โดยมีทางเข้า-ออกติดกับถนนรามอินทรา ในซอยรามอินทรา 64 ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับ Fashion Island และ The Promenade ถือว่าเป็นหนึ่งในโซนของถนนรามอินทราที่เหมาะกับเป็นทำเลอาคารพาณิชย์ เพราะเป็นย่านที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง และการเดินทางเข้าถึงได้ง่ายทั้งลูกค้า และพนักงานเองก็เดินทางมาได้ง่ายเช่นกัน เหมาะกับคนที่มองหาอาคารสำนักงานขนาดเล็ก-กลางบนถนนรามอินทรา ในงบประมาณราวๆ หลักสิบล้านต้นๆ เน้นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ เข้าถึงได้ง่าย เดินทางสะดวกด้วยถนนรามอินทรา โครงการนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และจัดว่าในย่านนี้ก็มีโครงการอาคารพาณิชย์แบบนี้ให้เลือกไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะไปอยู่แถบถนนรัชดา-รามอินทรา ซึ่งเป็นถนนรอง ไม่ก็ช่วงต้นๆ รามอินทราไปเลย

    การเดินทางนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ควรนำมาพิจารณามากๆ สำหรับโครงการอาคารพาณิชย์ แต่มองในมุมมองที่แตกต่างกันกับโครงการอยู่อาศัย เนื่องจากเป็นโครงการที่เกี่ยวกับการทำพาณิชยกรรมนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงเลยคือ การเดินทางเข้าถึงง่ายทั้งลูกค้าและพนักงาน ซึ่งโครงการก็ตอบในโจทย์นี้ได้ดีค่ะ สะดวกทั้งการเดินทางบนถนนรามอินทรา และสะดวกมากสำหรับใครที่เน้นใช้ Motorway เป็นหลัก เรียกว่าออกจากโครงการแล้วก็เลี้ยวขึ้น Motorway ได้เลย ในขณะเดียวกันพนักงานที่ใช้รถสาธารณะเป็นหลักก็สามารถเดินทางมาได้ง่ายเพราะอยู่ใกล้ Fashion Island ที่มีรถสาธารณะผ่านค่อนข้างหลากหลายประเภท และหลากหลายเส้นทางค่ะ ในอนาคตก็จะมีโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้ามาถึงในโซนนี้ด้วย โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีวงแหวนตะวันออก โดยจะอยู่บริเวณหน้า Fashion Island ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงโครงการมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ แต่ตัวโครงการนี้อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มองหาอาคารพาณิชย์สำหรับเปิดร้านค้า หรือทำธุรกิจที่เน้นขายหน้าร้านเท่าไหร่นักนะคะ เนื่องจากตัวโครงการที่แม้จะอยู่ใกล้ถนนรามอินทรา มีทางเข้า-ออกติดกับถนนรามอินทราก็ตาม แต่ไม่ได้เปิดหน้าโครงการหันออกไปทางถนนใหญ่ให้รถหรือคนที่ผ่านไปมาเห็นได้ ดังนั้นการจึงดึงลูกค้าที่ผ่านไป-มานั้นค่อนข้างจะยาก

    ตัวโครงการเดิมนั้นถูกทาง Siamese Asset Take Over มาจากโครงการก่อนหน้านี้ ดังนั้นบรรยากาศในโครงการจะมีความไม่เป็นเนื้อเดียวกันอยู่บ้าง แตกต่างจากโครงการทั่วไป เพราะยังคงเห็นอาคารพาณิชย์เก่าสลับกับอาคารพาณิชย์ใหม่ที่โครงการได้ไล่ซื้อที่ดินแล้วทุบอาคารทิ้งสร้างใหม่ขายอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วในแง่ของโครงการอาคารพาณิชย์นั้นจะไม่ค่อยส่งผลเท่าไหร่นัก เพราะแน่นอนว่าไม่ได้เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวเหมือนโครงการอยู่อาศัยนะคะ แต่ก็จะไม่เหมาะกับคนที่เน้นเรื่องรูปลักษณ์และบรรยากาศโครงการเท่าไหร่นักเช่นกัน โดยอาคารพาณิชย์เก่าที่ยังอยู่นั้นจะถือเป็นหนึ่งในลูกบ้านของโครงการนี้ร่วมกันด้วยนะคะ จะมีการจ่ายค่าส่วนกลางร่วมกัน

    แบบอาคารพาณิชย์ออกแบบมาให้เป็นกึ่ง Home Office คือจัดให้มีพื้นที่สำหรับพักอาศัยได้ในชั้น 3 และ 4 ซึ่งหากดูจากสภาพแวดล้อมและบรรยากาศโครงการแล้วนั้นไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยเท่าไหร่นัก เนื่องจากค่อนข้างขาดความเป็นส่วนตัวพอสมควร แต่หากใครที่สนใจทำอาคารทั้งหลังเป็นออฟฟิศทั้งหมดก็หมดปัญหานี้ไปเลย หรือเป็นคนที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องความเป็นส่วนตัว ต้องการอยู่อาศัยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำงาน ในส่วนของการจัดแปลนเห็นได้ชัดว่าเน้นไปที่เรื่องของพื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่า ใช้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ต้องมีการเล่นระดับที่วุ่นวาย และค่อนข้างยืดหยุ่น ลูกบ้านสามารถจัดสรรฟังก์ชันต่างๆ เองได้ตามความเหมาะสมของออฟฟิศตัวเอง ซึ่งถือว่าค่อนข้างตอบโจทย์การใช้งานจริง

    วัสดุที่โครงการให้มาถือว่าให้มาในระดับมาตรฐานกับราคา ใช้โครงสร้างแบบเสา-คาน อิฐมวลเบา ซึ่งมีความคงทนในการใช้งานและสามารถดัดแปลงโครงสร้างภายในได้ยืดหยุ่นมากกว่าโครงสร้างสำเร็จรูป ในส่วนของงานพื้นได้แกรนิตโต้ กระเบื้องยางลายไม้มาตรฐาน สุขภัณฑ์จาก American Standard ให้กระจกสูงจากพื้นเกือบถึงฝ้าเพดาน ค่อนข้างใหญ่และ Fitting ดี แข็งแรง

    และในส่วนสาธารณูปโภคจะมีเพียงถนนที่ใช้ร่วมกันกว้าง 15 ม. และบริเวณซุ้มทางเข้า-ออก ที่ใช้ไม้กระดกอัตโนมัติ และระบบเข้า-ออกโครงการด้วย Sticker ค่ะ ส่วน Facilities หรือพื้นที่ส่วนกลางนี้จะไม่ได้มีให้นะคะ เนื่องจากโครงการนี้เป็นอาคารพาณิชย์ขนาดเล็กจึงไม่มี Facilities ส่วนกลางที่ต้องแชร์กันระหว่างลูกบ้าน ดังนั้นรีวิวโครงการนี้จะไม่มีสรุปในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกค่ะ

     

    Judgement

    โครงการ Siamese District เป็นโครงการประเภทอาคารพาณิชย์ ซึ่งไม่อยู่ในกรอบการให้คะแนนของ Think of Living ดังนั้นทางทีมงานจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าแก่โครงการลักษณะนี้ค่ะ

     

    BOTTOM LINE

    Siamese District เหมาะกับคนที่มองหาอาคารพาณิชย์สำหรับประกอบธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ไม่เน้นหน้าร้าน ต้องการอยู่บนย่านรามอินทราที่เดินทางสะดวกด้วย Moterway และเข้า-ออกถนนรามอินทราสะดวก มีรถสาธารณะให้ใช้เป็นตัวเลือกของพนักงาน ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ ชอบ Product ที่สามารถใช้พื้นที่ใช้สอยภายในได้คุ้มค่า ไม่เล่นระดับภายใน มีงบประมาณตั้งแต่ 12.7 – 25 ล้านบาท

     

    ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )