Richy ชี้ “อสังหาฯ”ครึ่งปีหลัง ยังสดใส เชื่อความต้องการในที่อยู่อาศัยยังมีต่อเนื่อง เผยแผนปี 60 เตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 2,500 ล้านบาท ล่าสุดจัดแคมเปญ”2 วันมหัศจรรย์”คาดมียอดขายในงาน 100 ล้านบาท พร้อมยันรายได้ตามเป้า 1,000 ล้านบาท

นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ริชี่ เพลซ 2002 (RICHY) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 นี้ เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ในทิศทางที่ดี เนื่องจากจากการลงทุนของภาครัฐโดยเฉพาะการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในโครงการรถไฟความเร็วสูง ทำให้การเดินทางของประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น และยังมีการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่บอกว่าประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าความต้องการของตลาดและความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในครึ่งปีหลังจะดีกว่าในครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามในปี 2560 นี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ ริชพาร์ค ลอฟท์ @หลักสี่สเตชั่น มูลค่า 1,600 ล้านบาท โครงการ The Eight Collection มูลค่า 500 ล้านบาท โครงการ The Rich Avenue เป็นอาคารพาณิชย์ มูลค่า 500 ล้านบาท และโครงการ”The Rice สาทร-ตากสิน”มูลค่า 2,100 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 50% ในส่วนของความคืบหน้าการขายโครงการ The Rich @ นานา มูลค่า 3,700 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 30% โครงการ คอนโด ริชพาร์ค @ ทริปเปิ้ล สเตชั่น มูลค่า 2,700 ล้านบาท มียอดขาย 80%

นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมพัฒนาโครงการใหม่เป็นคอนโดมิเนียมในทำเลเอกมัย บนที่ดิน 2 ไร่ สูง 40 ชั้น มูลค่าโครงการกว่า 3,500 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 7-8 ล้านบาท ทั้งนี้ได้ทำการวางมัดจำซื้อที่ดินแล้ว สำหรับราคาซื้อขายที่ดินในทำเลดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านบาทตร.ม.ซึ่งจะเปิดขายภายในกลางปี 2561 ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าคงเหลือ มูลค่า 9,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 12 โครงการ รวม 2,800 ยูนิต ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย บริษัทจึงได้จัดทำแคมเปญพิเศษ”2 วันมหัศจรรย์”ซึ่งจะจัดในวันที่ 5-6 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 100 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายตั้งเป้าไว้ที่ 1,600-1,800 ล้านบาท ครึ่งปีมียอดขายแล้ว 800 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมียอดรับรู้รายได้จากการโอนที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้ 1,000 ล้านบาท