cover post 3-4

รีวิวฉบับที่ 864 วันนี้จะพาไปดูห้องตัวอย่างโครงการ Pause ID แถวชานเมืองฝั่งตะวันออกอีกครั้งจาก Origin property เจ้าถิ่นแห่งย่านแบริ่งกันนะคะ คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร อยู่ในซอยสุขุมวิท 107 แยกซอยแบริ่ง 16 อยู่ห่างจากสถานี BTS แบริ่ง 1.1 กิโลเมตร สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทางทั้งถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ ซอยสุขุมวิท 107 สามารถทะลุได้ทั้งซอยข้างเคียงทั้งสองด้านทั้งสุขุมวิท 105 และสุขุมวิท 109

Facts @ 23 June 2015

  • Pause ID (พอส ไอดี)
  • บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางนา
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 201 ยูนิต
  • พื้นที่จอดรถ n/a คัน คิดเป็น n/a% และรวมซ้อนคัน n/a คัน คิดเป็น 30%
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 29 ยูนิตที่อาคาร B ตั้งแต่ชั้น 3-8
  • ที่ดินประมาณ 0-3-90 ไร่
  • คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง : Q4 2558
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2 2560
  • Studio ขนาดห้องตั้งแต่ 20.5 – 23.8 ตารางเมตร มี 59 ห้อง ราคาเฉลี่ย 1.39 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Type B ขนาดห้องตั้งแต่ 24.8 – 26.9 ตารางเมตร มี 80 ห้อง ราคาเฉลี่ย 1.64 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Type B1 ขนาดห้อง 28.4 ตารางเมตร มี 27 ห้อง  ราคาเฉลี่ย 1.69 ล้านบาท
  • Semi 2 Bedroom Type B Plus ขนาดห้องตั้งแต่ 30.14 – 36.65 ตารางเมตร มี 35 ห้อง ราคาเฉลี่ย 2.1 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาทหรือประมาณ 62,930 บาทต่อตารางเมตร
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ในระหว่างดำเนินการ
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS แบริ่ง ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS แบริ่ง
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  020-300-000

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.654988, 100.607371

Print

ที่ตั้งของโครงการ Pause ID ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่งที่ทะลุไปยังเส้นศรีนครินทร์ได้ เข้าซอยแบริ่งมาเลี้ยวขวาในระยะ 800 เมตร เข้าที่ซอยแบริ่ง 16 ที่ตรงไปสุดซอยสามารถทะลุออกไปยังซอยสุขุมวิท 109 ได้  โครงการจะอยู่ทางขวามือหลังจากเข้าแยกมาอีกประมาณ 100 เมตร รวมระยะจากโครงการถึงสถานี BTS อุดมสุขอยู่ที่ 1/1 กิโลเมตร

02 map 640

ถึงแม้ว่าโครงการจะตั้งอยู่ในแถบชานเมืองจังหวัดสมุทรปราการ แต่ในบริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ Pause ID มีความเจริญอยู่พอตัวบนถนนรอบด้านไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิท, ถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ โดยเฉพาะความเจริญค่อยๆตามมาทางเส้นรถไฟฟ้า ตอนนี้สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีแบริ่ง ห่างจากโครงการประมาณ 1.1 เมตร เป็นสถานีสายสุดท้ายของสายสีเขียว สายสุขุมวิท อีกเส้นหนึ่งที่มีความเจริญไม่แพ้กันคือเส้นศรีนครินทร์ ที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเล็กใหญ่ โรงพยาบาล มีโรงเรียนอยู่รอบๆบริเวณ ตั้งแต่ถนนบางนาตราดถึงคลองสำโรง ถือได้ว่ามีพื้นที่โครงการบ้านจัดสรรแนวราบ และแนวสูงอย่างคอนโดมากกว่า 10 โครงการ และที่กำลังเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เพราะยังมีแปลงที่ดินว่างเปล่าแปลงใหญ่ๆอีกเยอะ ส่วนใหญ่พยายามที่จะเกาะสายรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายใหม่ทางซอยฝั่งเลขคี่

ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนทำงานประจำอยู่แถบบางนา-สมุทรปราการหรือใช้พื้นที่นี้เป็นทางผ่าน ในปัจจุบันที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายกำลังก่อสร้างอยู่แทบจะทุกคนจะมีรถยนต์ส่วนตัว และจะอาศัยถนนหลักในการเดินรถ แต่การที่ใช้แค่ถนนใหญ่อย่างเดียวจะทำให้หลีกเลี่ยงรถติดได้ยาก โดยเฉพาะถนนสุขุมวิทที่เป็นถนนตรงยาวมาตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงปากน้ำ รวมถึงคนที่มีที่พักอาศัยอยู่บนถนนแถบนี้ ดังนั้นช่วงเช้า-เย็นจะทำให้ปริมาณรถบนถนนหนาแน่นมาก เพราะต่างจะมุ่งหน้ากลับบ้านกัน โดยเฉพาะทุกแยกไฟเขียวไฟแดงและทางกลับรถที่มีอยู่เป็นระยะๆ แต่แยกบางนา-ตราดและเส้นวงแหวนรอบนอก สามารถแยกไปบนถนนหลักๆได้อีก เช่น บางปู ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาทางสุขสวัสดิ์ เข้าเมืองไปทางอ่อนนุช หรือจะไปชลบุรีด้วยทางด่วนบางนา-ชลบุรี

01 map 640

การเดินทางนอกเหนือจากรถส่วนตัวในซอยมีรถสองแถว รถกระป๊อวิ่งตั้งแต่ต้นซอยแบริ่งถึงท้ายซอย มีพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ที่หน้าซอยแยกแบริ่ง 16 และด้วยความที่ซอยแบริ่งเป็นซอยขนาดใหญ่พอประมาณ ทำให้เรียกแท๊กซี่ตรงปากซอยได้สะดวก

ความอุดมสมบูรณ์รอบกว้างหน่อยจะอยู่ที่เส้นบางนาตราดที่มีห้างร้านเกาะกลุ่มกัน และในส่วนของถนนศรีนครินทร์แถบๆ IKEA ความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้อย่างในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่งช่วงต้นซอยมีของขายหลายอย่างที่ชั้น 1 ของอาคารพาณิชย์โดยเฉพาะช่วงเย็นค่อนข้างคึกคัก ระยะเดินจากโครงการไปแถวๆปากซอยก็ประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งของกินส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งเดียวกับโครงการแค่เดินย้อนไปทางต้นซอยแบริ่ง ส่วนร้านสะดวกซื้อมี 7-11 ก็จะอยู่บนซอยหลักแบริ่งเรื่อยๆ มีร้านสปา ร้านยา ร้านขนม ส่วนห้างใหญ่ๆอยู่แถวนี้ต้องพึ่งรถอย่างเดียวเลย

03 map 640

เส้นทางที่เราจะพาไปกันวันนี้คือเริ่มต้นจากรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง ที่เป็นสถานีระบบขนส่งที่ใกล้ที่สุดจากโครงการ เดินตามแนวถนนใหญ่สุขุมวิท 200 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าที่ซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง ตรงเข้ามาประมาณ 800 เมตร แล้วเลี้ยวขวาอีกทีเข้าที่แยกแบริ่ง 16 เดินเข้าซอยมาประมาณ 100 เมตร โครงการจะเป็นแปลงหัวมุมอยู่ทางขวามือ

เร่ิมต้นการเดินทางกันที่สถานี BTS แบริ่งนะคะ ฝั่งซอยสุขุมวิทเลขคี่มีทั้งทางขึ้น-ลงมีเป็นบันไดธรรมดา และบันไดเลื่อน ใครอยากสบายหน่อยก็ต้องเดินไกลขึ้นมานิดนึง

สภาพช่วงกลางวันเป็นอย่างที่เห็นในภาพเลยค่ะ รถติด ปริมาณรถมาก ทั้งรถยนต์ส่วนตัว แท๊กซี่ และรถเมล์ที่มีป้ายรถเมล์อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง มีป้ายติดอยู่ด้านข้างด้วยนะคะ ว่าห้ามรถแท๊กซี่และรถยนต์ทั่วไปจอดรถรอนานๆ เพราะทำให้การจราจรขัดข้อง

เลยมาหน่อยจะเป็นทางเข้าของโรงเรียนนานาชาติ St.Andrew ที่มีทั้งทางเข้าจากถนนใหญ่และจากซอยสุขุมวิท 107

ผ่านตัวสถานีออกมาฝั่งซ้ายมือที่เป็นซอยเลขคี่สิ่งปลูกสร้างจะเป็นอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 4 ชั้น ด้านล่างส่วนใหญ่เปิดเป็นร้านค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นพวกอุปกรณ์ก่อสร้าง หรือว่าร้านซ่อมรถ ส่วนฝั่งซอยเลขคู่ก็นิยมเป็นเป็นโชว์รูมรถยนต์ใหญ่ บนถนนสุขุมวิทช่วงปลายนี้จะมี 3 เลน มีเกาะกลางทึบ

ตรงมาเรื่อยๆนิดเดียวจะเจอสัญญาณไฟเขียว-ไฟแดง เป็นทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง เลยไปหน่อยจะเป็นสะพานลอย ที่ก็สามารถใช้ตัวสถานีเป็นสะพานลอยได้เหมือนกัน จะเห็นได้ว่ารางรถไฟฟ้าจะเร่ิมขาดตอนที่จากนี้เป็นต้นไป ถ้าตรงไปจะไปสำโรงและสมุทรปราการ

เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107 เข้ามา ส่วนใหญ่ความคึกคักจะอยู่ทางฝั่งขวา หรือทางซอยแบริ่งเลขคู่ ส่วนทางซ้ายจะค่อนข้างเงียบ เป็นโรงเรียน ร้านค้านิดๆหน่อยๆและบ้านพักอาศัยซะส่วนใหญ่

ในซอยแบริ่งสามารถเดินรถได้ัทั้งสองทาง มีทางเดินรถฝั่งละ 2 เลน จะมีบ้างที่มีการจอดรถชั่วคราวอยู่ทางเลนริมทางเดินเท้า ที่อยู่ไกลๆหน่อยก็จะเร่ิมมีคอนโดมิเนียม High rise เข้ามาในพื้นที่มากขึ้น และบางส่วนที่เป็น Low rise อยู่ในซอยแบริ่งที่แยกย่อยเข้าไป

ผ่านจากช่วงต้นซอยเข้ามาก็จะเร่ิมมีสิ่งปลูกสร้างที่น้อยชั้นลง ความหนาแน่นน่อยลง มีแท๊กซี่ รถกระป๊อ และพี่วินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาเยอะ มีทางม้าลายข้ามไปมาอยู่เรื่อยๆ

และแน่นอน ในทุกๆระยะประมาณ 400 เมตรก็จะมี 7-11 อยู่ รวมถึงร้านขายยา ร้านล้างรถ ร้าน Family Mart

จากต้นซอยเข้ามาประมาณ 800 เมตร ทางขวามือจะเป็นทางเข้าซอยแบริ่ง 16 มีจุดจำคือสำนักงานใหญ่ของ Origin property ที่เป็นเจ้าของโครงการอยู่หัวมุม

ซอยแบริ่ง 16 แล้วค่ะ

ฝั่งตรงข้ามของสำนักงานเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ยังออกเป็นเขียวๆอยู่เลย หัวมุมมีเพิงพี่วินมอเตอร์ไซค์

ในซอยสามารถเดินรถได้ทั้ง 2 ทาง สวนกันสบายๆ มองเข้าไปในซอยย่อยก็ดูไม่หนาแน่น สงบๆตามสไตล์พื้นที่รอบนอกนะคะ

ผ่านเข้ามาฝั่งซ้ายก็จะเป็นร้านล้างรถเล็กๆ ที่มีบ้านอยู่ด้านใน

ฝั่งตรงข้ามคืออพาร์ตเมนท์สูง 5 ชั้น สภาพอยู่มานานแล้ว มีสิ่งปลูกสร้างแบบนี้ในซอยเยอะนะคะ

ถัดมาก็จะเป็นบ้านเดี่ยวพักอาศัย จะสังเกตว่าทั้งสองฝั่งของซอยมีรถจอดอยู่ค่อนข้างถี่ ทั้งที่สภาพในซอยเดินแล้วก็เงียบสงบดี

ถัดมาก็จะเริ่มต้นแปลงพื้นที่โครงการกั้นรั้วด้วยแถบสีชมพู อยู่ห่างจากปากซอยแบริ่ง 16 ประมาณ 100 เมตร

ด้วยความที่แปลงเป็นแบบหน้ากว้างก็จะมีความยาวไปเรื่อยๆ จนไปสุดที่ซอยด้านข้างที่เป็นซอยที่สามารถทะลุไปที่ด้านหลังของซอยแบริ่งเลขคู่ได้ ตั้งแต่ซอยแบริ่ง 14, 12 และไปสุดที่ซอย 10

ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงเก็บของเก่า

ถัดจากนั้นไปก็จะเป็นบ้านพักอาศัยปกติ

รวมทั้งในซอยแบริ่ง 16 เลยไปเรื่อยๆก็จะเป็นบ้านพักอาศัยแบบบ้านเดี่ยวยาวไปเรื่อยๆ เร่ิมไม่มีรถจอดอยู่สองฝั่งแล้วนะ

ตรงไปจนสุดก็จะมีทางสามแยกที่มาบรรจบกับซอยสุขุมวิท 109 ถ้าเลี้ยวขวาจะไปช่วงต้นซอยออกถนนสุขุมวิทได้ และทางซ้ายจะเป็นช่วงปลายซอย

กลับมาที่แปลงที่ดินโครงการกันต่อนะคะ อย่างที่บอกไปว่าเป็นแปลงมุม ทำให้มีถนนผ่าน 2 ฝั่ง ฝั่งขวาคือซอยแบริ่ง 16 ที่จะเป็นทางเข้า-ออกทางเดียวของโครงการ ส่วนทางซ้ายที่เป็นฝั่งข้างซอยที่ไปทะลุซอยอื่นได้จะปิดทึบไป

ซอยข้างๆแปลงพื้นที่ก็จะเป็นซอยที่เชื่อมกับซอยเลขคู่ต่างๆสุดที่ซอยแบริ่ง 10 เดี๋ยวเราจะพาไปดูต่อไปว่าทำไมรถกลับมาจอดในซอยเยอะอีกครั้งนะคะ

ก่อนหน้านั้นมาดูขอบแปลงที่ดินฝั่งนี้กันบ้าง ว่าจะจบอยู่แค่หลังประตูเปิด-ปิดถัดจากป้ายสีชมพู

สุดรั้วตรงธงชาติเลยค่ะที่เป็นขอบเขตโครงการ ส่วนพื้นที่เพื่อนบ้านทางซ้ายคืออู่รถ ซึ่งความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขาเป็นเจ้าของพื้นที่แปลงโครงการด้วย แต่ได้แบ่งขายพื้นที่บางส่วน

สภาพปัจจุบันของแปลงที่ดินนะคะ มีการเคลียร์สิ่งปลูกสร้างที่แต่ก่อนเป็นอาคารชั้นเดียวออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เกลี่ยหน้าดินเริ่มการก่อสร้าง

หันไปทางด้านหล้งของโครงการบ้าง

มองกลับมาที่ซอยด้านข้าง สองฝั่งเป็นตลาดนัดขายของกระจุกกระจิกตามทางไปเรื่อยๆ น่าจะเพราะว่าใกล้ๆตรงนี้มีอพาร์ตเมนท์สูง 5 ชั้นอยู่ทางซ้าย และ 10 ชั้นอยู่ทางขวา ทำให้มีความหนาแน่นในซอยเพิ่มขึ้น

04 map 640

มาดูพื้นที่รอบๆกันต่อนะคะ แปลงที่ดินโครงการเป็นแปลงหัวมุมติดกับซอยแยกแบริ่ง 16 และซ้ายทางลัดด้านหลังสุดไปยังซอยแบริ่ง 10 เป็นแบบหน้ากว้างทำให้สามารถสร้างอาคารรูปตัว U ได้ แม้ว่าจะเป็นแปลงมุมแต่ก็เลือกจะเปิดทางเข้า-ออกทางเดียวที่ซอยแยกแบริ่งจุดเดียว พื้นที่รอบข้างวงกว้างๆก็จะมีทั้งโรงงาน อพาร์ตเมนท์ และบ้านเดี่ยวพักอาศัย ที่ใหม่ล่าสุดมที่เร่ิมเข้ามาในพื้นที่คือคอนโดมิเนียมราคากลางๆ ในซอยแบริ่ง 16 ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย ช่วงต้นซอยมีสำนักงานของ Origin property และมีอพาร์ตเมนท์เก่าหน่อยอยู่ในซอยเรื่อยๆ และจะมีร้านค้าและบริการเกี่ยวกับรถยนต์เยอะ อย่างแปลงที่ดินโครงการเดิมทีก็เป็นอู่ซ่อมรถยนต์ที่แบ่งพื้นที่ขายให้โครงการ Pause ID

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงเรียนนานาชาติ St.Andrew 850 เมตร
  • สถานี BTS แบริ่ง 1.1 กิโลเมตร
  • สนามกีฬาและสนามกอล์ฟราชนาวี บางนา 1.5 กิโลเมตร
  • อิมพิเรียลเวิลด์สำโรง 2.1 กิโลเมตร
  • ตลาดสดเอี่ยมเจริญ 2.3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ 2.4 กิโลเมตร
  • โรงเรียน Bangkok Pattana International school 2.9 กิโลเมตร
  • ศาลเจ้าพ่อทัพ 3 กิโลเมตร
  • BITEC บางนา 3.1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนลาซาล 3.5 กิโลเมตร
  • วัดด่านสำโรง 3.6 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติ Berkeley 4.3 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
  • โรงพยาบาลศิครินทร์ 5.1 กิโลเมตร
  • Makro 6.4 กิโลเมตร  (รวมระยะกลับรถ)
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ 7.9 กิโลเมตร
  • Central บางนา 8.2 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

perspective Final-C 640

ภาพจำลองภายนอกของโครงการ Pause ID คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 201 ยูนิต อาคารเป็นรูปตัว U ตรงกลางตัว U เป็นพื้นที่ Facility ส่วนหนึ่ง โครงการเข้าได้จากซอยสุขุมวิท 107 แยกซอยแบริ่ง 16 อยู่บนแปลงมุม ตัวอาคารใช้โทนสีเทาเข้มและเทาอ่อนสลับกัน มีชั้น 1 เป็นชั้นจอดรถ, พื้นที่ Lobby และห้องนิติบุคคล มีพื้นที่สีเขียวพร้อมต้นไม้ใหญ่ปลูกแซมๆรอบโครงการ เร่ิมมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 8 และชั้นดาดฟ้าที่ต้องเดินบันไดขึ้นไปจะเป็นพื้นที่ Facility ส่วนกลางที่แบ่งเป็นสัดส่วน อาทิ Hobby Zone, BBQ Corner, Jogging Track, Reading Space, Playground, Art’s Therapy และ Slow Garden

สระว่ายน้ำอยู่บนชั้น 2 ระหว่างอาคารรูปตัว U ระบบเกลือ ขนาด 3.5 x 14 เมตร โดยมีส่วนที่เป็นสระอยู่ด้านในอาคาร ส่วนด้านนอกเป็นพื้นที่ริมสระว่ายน้ำ ที่มี Day-bed วางอยู่ สามารถเข้าถึงได้จากห้องน้ำส่วนกลางที่อยู่ระหว่างห้องฟิตเนสและโถงลิฟท์

perspective FINAL FITNESS 640

มุมจากภายในห้องฟิตเนสบนชั้น 2 อยู่ส่วนหน้าของอาคาร ด้านหนึ่งจะหันหน้าไปยังแยกซอยแบริ่ง 16 และอีกด้านหนึ่งจะกันเข้าหาสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางรูปตัว U ห้องข้างๆจะเป็นห้องน้ำส่วนแยกชาย-หญิง ภายในห้องมีเครื่องเล่นหลายประเภท น่าจะอยู่ที่ราวๆ 5 เครื่อง และผนังบางส่วนตกแต่งด้วยกระจกสำหรับการออกกำลังกายยอดนิยมอย่างแอโรบิกหรือโยคะ

Final-B

ภาพบรรยากาศของชั้นดาดฟ้าฝั่งเหนือที่เป็นพื้นที่ Facilities พื้นที่ประกอบไปด้วย Hobby Zone, BBQ Corner, Reading Space และ Playground เป็นการแบ่งพื้นที่คร่าวๆสำหรับการจัดวาง Landscape ให้เข้ากับกิจกรรม บางพื้นที่ต้องการความร่มรื่นเช่นพื้นที่อ่านหนังสือ แต่บางพื้นที่ก็ต้องมีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมอย่างพื้นที่งานอดิเรก

pause id floor plan 0

มาดูผังของแต่ละชั้นกันนะคะ เริ่มตั้งแต่ชั้นล่างสุด ชั้นที่ 1 ที่เป็นพื้นที่จอดรถ แม้ว่าตำแหน่งของแปลงที่ดินจะสามารถเข้าจากหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิทหรือถนนศรีนครินทร์ เข้าซอยสุขุมวิท 107 แล้วเข้าแยกอีกทีที่ซอยแบริ่ง 16 ตรงเข้ามาประมาณ 100 เมตร โครงการจะอยู่ทางขวามือ สามารถทะลุผ่านซอยใกล้เคียงอย่างซอยสุขุมวิท 105 และ 109 ได้ แถมแปลงพื้นที่ยังเป็นแปลงมุม แต่จำกัดการเข้าออกพื้นที่จอดรถอยู่ที่ทางเดียวคือจากซอยแบริ่ง 16

ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ 30% ถึงแม้ว่าอาคารจะเป็นรูปตัว U แต่ทางเข้าที่จอดรถและทางเข้าตัวอาคารผ่าน Lobby นั้นสามารถเข้า-ออกได้ทางเดียวคือปลายตัวอยู่ฝั่งเหนือ ส่วนปลายตัว U ฝั่งใต้อีกด้านหนึ่งจะเป็นทางตัน มองในแง่ดีคือด้านการรักษาความปลอดภัยทำได้ง่ายกว่า แต่เนื่องจากขนาดพื้นที่ไม่มาก และเมื่อมีรถจอดซ้อนคันเต็มพื้นที่อาจจะทำให้จะมีปัญหาภายหน้าในเรื่องการกลับรถยาก ตรงกลางชั้น Ground เป็น Lobby, นิติบุคคล, ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 101 : 1 และบันไดหนีไฟ 2 จุด รอบตัวตึกทำเป็นพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ใหญ่และต้นไม้พุ่มแซมรอบเขตพื้นที่

ห้องพักเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัว U ห้องพักแต่ละชั้นมี 3 แบบ แบบ Studio Bs, 1 Bedroom B และ Semi 2 Bedrooms B Plus ชั้น 2 มีจำนวนยูนิต 27 ยูนิต โดยมี Facility หลักอยู่ที่ตรงกลางชั้น 2  ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ระบบน้ำเกลือ ขนาด 3.5 x 14 เมตร, ห้องฟิตเนสที่อยู่ห้องมุมด้านหน้าโครงการ ข้างๆคือห้องน้ำส่วนกลางและห้องอาบน้ำส่วนกลางแยกชาย-หญิง

ห้องพักในชั้น 3–7 เป็นผังอาคารแบบ Typical Floor คือเป็นผังชั้นที่มีมากที่สุดในโครงการ มีห้อง 3 แบบปกติ ทั้ง 5 ชั้นเป็นชั้นที่จำนวนห้องเยอะที่สุดคือ 29 ห้อง โดยมีลิฟท์โดยสารอยู่ทางฝั่งใต้ฝั่งเดียว ทำให้ห้องทางทิศใต้จะได้รับความสะดวกเนื่องจากใกล้โถงลิฟท์ ขึ้น-ลงสะดวก แต่ในทางกลับกัน ความเป็นส่วนตัวที่ได้จะน้อยกว่าห้องทางเหนือที่เป็นทางตัน ไม่มีการเดินไปเดินมาของเพื่อนร่วมชั้นมากนัก แต่จะอยู่ไกลจากลิฟท์ไปหน่อย

จาก 29 ห้องที่มีอยู่ใน Typical Floor Plan ประกอบไปด้วยแบบ Studio Bs 8 ยูนิตสีเหลือง, 1 Bedroom B 16 ยูนิตสีส้ม และ Semi 2 Bedrooms B Plus 5 ยูนิตสีเทาที่ส่วนใหญ่จะเป็นห้องมุม การเลือกห้องก็แล้วแต่ความชอบอย่างห้องทางทิศเหนือได้รับแสงธรรมชาติที่ไม่แรงเหมาะกับการอยู่อาศัยตลอดวัน ห้องทางทิศใต้จะได้รับแสงแดดที่แรงกว่า อุณหภูมิสูงจะเก็บอยู่ในห้องตลอดช่วงบ่าย แต่ทิศทางลมที่ดีกว่า ส่วนห้องที่อยู่ตรงกลางก็จะได้รับแสงธรรมชาติที่น้อยลงมา เพราะองศาของแดดและความสูงของอาคารจะบังกัน ทำให้จะได้แสงในช่วงเที่ยงๆบ่ายๆที่แสงลงมาตรงๆเท่านั้น

pause id floor plan 88

ห้องพักของชั้น 8 จะต่างจากชั้นอื่นๆนิดหน่อย ตรงที่ตำแหน่งปลายตัว U 2 ด้าน หน้าโครงการจะมีการเปลี่ยน Type ห้อง สรุปรวมแล้วคือ Studio Bs เพิ่มขึ้นที่ 11 ยูนิตสีเหลือง, 1 Bedroom B 13 ยูนิตสีส้ม และ Semi 2 Bedrooms B Plus 5 ยูนิตสีเทา แต่จำนวนยูนิตบนชั้น 8 ยังเท่าเดิมที่ 29 ห้อง แค่ลดขนาดห้องให้เล็กลง ข้อดีของผู้พักอาศัยชั้น8 คือสามารถเดินขึ้นจากบันไดทั้ง 2 จุดไปถึงดาดฟ้าได้ ง่ายกว่าห้องชั้นอื่นๆที่ต้องขึ้นลิฟท์แล้วต่อบันไดเพื่อขึ้นไปยังดาดฟ้า เพราะลิฟท์โดยสารจะหยุดที่แค่ห้องพักชั้น 8 นะคะ

ส่วนเรื่องวิวรอบด้านของโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ห้องที่อยู่รอบนอกของอาคาร หันออกไปก็จะเจอในส่วนของพื้นที่ชุมชนบ้านพักอาศัย ส่วนห้องที่อยู่รอบในของอาคารก็จะได้วิวสระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้น 2 และวิวห้องฝั่งตรงข้าม เพราะความกว้างของสระว่ายน้ำอยู่ที่ 3.5 เมตร ถ้าประมาณได้ตัวรูปตัว U ตรงกลางคงห่างกันประมาณ 5 เมตร ไม่ค่อยมีมุมให้หันขึ้นลงซ้ายขวาเท่าไรนัก

pause id floor plan 9

ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาคาร หรือชั้นดาดฟ้า ตัวลิฟท์จะไม่ขึ้นมาส่งถึงชั้นนี้ แต่จะต้องลงที่ชั้น 8 ที่เป็นชั้นพักอาศัยแล้วเดินบันไดหนีไฟขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ด้านบนจะแบ่ง ออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คืองานระบบที่ปีกฝั่งใต้ และพื้นที่ Facilities ที่เป็นพื้นที่เปิดโล่ง แบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆตามภาพเลยคือส่วน Hobby Zone, BBQ Corner, Reading Space และ Playground เป็นการแบ่งพื้นที่คร่าวๆเหมือนเป็น Guild line ให้กับลูกบ้าน พื้นที่ส่วนใหญ่จะตกแต่งด้วยพื้นที่สีเขียวอย่างหญ้าหรือพุ่มไม้เตี้ยๆเพิ่มสีสัน

  

มาดูในส่วนของ Sales Office ของโครงการ Pause ID นั้นจะใช้รวมกับโครงการ Pause 107 นะคะ ห้องตัวอย่างเดียวกัย แต่รายละเอียดต่างๆไม่เหมือนกัน Sales Office จะไม่ได้ตั้งอยู่ที่ไซท์ที่ซอยแบริ่ง 16 ตัวแผนที่ Sales Office จะมีอยู่ในแผนที่โครงการ คือจากถนนใหญ่สุขุมวิท ก็เลี้ยวเข้าที่ซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบร่ิงเหมือนกัน อยู่ทางซ้ายมือตรงข้ามซอยแบริ่ง 6 ด้านหน้ามีป้ายโครงการต้อนรับ ภายในก็จะทางเข้าพื้นที่จอดรถ

ฝั่งขวามือของอาคาร Sales Office มีทางเข้าพื้นที่จอดรถ

ที่จอดรถภายใน และมีทางเข้าโครงการจากด้านข้างด้วย ไม่ต้องอ้อมไปเข้าที่ด้านหน้า

ภายใน Sales Office เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอเคาน์เตอร์ของพี่ Sales ด้านหน้าก็จะมีการจัดวางโต๊ะเก้าอี้เป็นชุดๆ สำหรับผู้ที่สนใจเข้ามาติดต่อ

ฝั่งซ้ายมือก็จะมีโมเดลโครงการ Pause 107 ตั้งอยู่ คล้ายกับ Pause ID แต่วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลโมเดลโครงการ Pause ID ยังไม่เสร็จนะคะ เลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดูกัน

เดินลึกเข้าไปจะมีห้องตัวอย่าง 2 ห้อง ห้องแรกคือแบบ Studio ขนาด 20.5 – 23.8 ตารางเมตร ซึ่งเราจะพาไปดูกันเป็นห้องแรก

และเดินมาทางขวาจะเจอห้อง 1 Bedroom Type B ขนาด 24.8 – 26.9 ตารางเมตร อยู่ทางขวามือ ข้างเป็นทางเข้าจากพื้นที่จอดรถหลังอาคาร Sales Office

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby and Library Zone ที่ชั้น 1
  • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 3.5 x 14 เมตร ชั้น 2 ระหว่างอาคารรูปตัว U
  • Fitness Room 1 ห้อง อยู่บนชั้น 2
  • ชั้นดาดฟ้า Hobby Zone
  • ชั้นดาดฟ้า BBQ Corner
  • ชั้นดาดฟ้า Jogging Track
  • ชั้นดาดฟ้า Reading Space
  • ชั้นดาดฟ้า Playground
  • ชั้นดาดฟ้า Art’s Therapy
  • Slow Garden – Rooftop Garden และสวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 101 : 1
  • พื้นที่จอดรถ n/a คัน คิดเป็น n/a % และรวมซ้อนคัน n/a คัน คิดเป็น 30 %
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • Shuttle Service ไปยัง BTS แบริ่ง เช้า 3 รอบ เย็น 3 รอบ ยังไม่มีกำหนดเวลา

 


Product Walkthrough

เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกันนะคะคือแบบ Studio ขนาด 20.5 – 23.8 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีจำนวน 59 ยูนิต มี Functions มาตรฐานครบถ้วนแต่ขนาดอาจจะเล็กหน่อย แต่ละยูนิตจะแตกต่างกันตามตำแหน่งและขนาดของห้อง

ส่วนแบบห้องตัวอย่างห้องนี้เป็นห้อง Studio Type เดียวของโครงการ รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ โดยมีพื้นที่ Living อยู่ที่ส่วนหน้า และมีห้องนอนอยู่ส่วนหลัง ในอัตราส่วนใกล้เคียงกัน เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอส่วนครัวอยู่ทางซ้ายมือก่อน ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำที่เปิด-ปิดด้วยประตูบานเลื่อน ลึกเข้าไปหน่อยจะเป็นพื้นที่โซฟาและโต๊ะกลางอยู่ที่ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านจะเป็นชั้นวางทีวีแบบ Built-in ข้างๆจะเป็นประตูเลื่อนกระจกกั้นบานใหญ่ 3 ตอน ไว้สำหรับเปิด-ปิดเข้าสู่ห้องนอน ด้านในจะมีเตียงและตู้เสื้อผ้าอยู่ทางด้านขวา ส่วนมุมห้องอีกทางหนึ่งจะเป็นส่วนของพื้นที่ว่าง ที่สามารถใส่ได้ทั้งโซฟา หรือตู้วางของเพิ่มเติม หรือโต๊ะทำงานหันหน้าออกด้านนอกอาคาร ด้านข้างจะเป็นประตูเลื่อนเปิดออกไปยังระเบียง การจัดผังห้องให้ห้องน้ำและส่วนครัวอยู่ส่วนด้านในของอาคาร คือไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคาร

เริ่มจากทางเข้าห้อง ไม่ได้ติดประตูจริงมาให้ดูเป็นธรรมดาของห้องตัวอย่างที่อยากให้ห้องดูกว้างขวาง ประตูหลักห้องชุดเป็นบาน HDF ขนาด 0.9 x 2.0 เมตร ประตูมือจับแบบก้านโยกและตาแมว โครงการนี้ไม่มี Digital Doorlock มาให้นะคะ

ห้องตัวอย่างของโครงการ Pause ID ใช้ห้องตัวอย่างเดียวกับโครงการ Pause 107 นะคะ อย่างห้องนี้จะมีขนาด 25 ตารางเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้อง Type เดียวกันของโครงการนิดหน่อยคือ 20.5 – 23.8 ตารางเมตร ดังนั้นขนาดและระยะต่างๆที่วัดออกมาอาจจะมีการคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริงของห้องโครงการ Pause ID ห้องจริงในคอนโดนะคะ

พื้นห้องคือไม้สำเร็จรูปผิวลามิเนต หนา 8 มิลลิเมตร

ส่วนแรกจากทางเข้าคือส่วนครัว ไล่ตั้งแต่ตู้เย็นไปจนถึง Hob and Hood ด้านใน ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำแบบประตูบานเลื่อนแบบ 2 ตอน แต่ในห้องตัวอย่างจะเป็นแบบบานประตูเปิดแบบผลักเข้าไป ด้านในเป็นชุดโซฟาและชั้นวางทีวีแบบติดผนัง มีประตูบานเลื่อน 3 ตอนบานใหญ่สูงถึงฝ้า 2.4 เมตร เข้าไปคือห้องนอน และพื้นที่ระเบียงด้านนอก

รายการการขายที่ในวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลจะเป็นไปแบบ Fully Furnished คือให้ชุดเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่เห็นภายในห้องตัวอย่าง แต่ก็จะมีบางชิ้นเล็กๆน้อยๆที่เป็นชิ้นตกแต่ง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆไป พร้อมทั้งยังมีแอร์ให้ทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างทีวี ตู้เย็น หรือไมโครเวฟนะคะ

ส่วนของเคาท์เตอร์ครัวที่มีทั้งส่วนบนและล่าง ส่วนล่างไล่ส่วนเย็นไปยังส่วนร้อน ได้แก่ ตู้เย็น, อ่างล้างจาน, พื้นที่เตรียมอาหารและ Hob and Hood ด้านใต้ก็จะมีช่องเปิดและช่องปิดส่วนเปิดก็สามารถใส่พวกข้าวของเครื่องใช้ และมีช่องวางไมโครเวฟ และตรงกลางเป็นช่องใส่เครื่องซักผ้าฝาหน้าด้วย ก็แสดงว่าพื้นระเบียงก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆ ด้านบนมี Compressor แอร์แขวนเฉยๆ แต่ว่ารายการการขายจะไม่นับรวมเครื่องใช้ไฟฟ้านะคะ เคาท์เตอร์ด้านบนเป็นบานปิดทั้งหมด

บนเคาท์เตอร์ก็มีอ่างล้างจานแบบมีพื้นที่คว่ำจาน ตรงกลางไว้เตรียมอาหารได้ประมาณหนึ่ง แต่ไม่มาก ทางซ้ายเป็นเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวไม่ได้ให้มานะคะ ทั้ง Hob และ Hood เลย ส่วนที่ผนังก็ยังมีไอเดียการแขวนตะหลิว วางเครื่องปรุง และที่ตากจานให้แห้งด้วย เป็นตัวอย่างการประหยัดพื้นที่ไปในตัว

ทางเดินตรงครัวเหลือประมาณ 1.2 เมตร เปิดประตูของเคาท์เตอร์ล่างออกมาจนสุดก็ยังเดินไปมาได้สะดวกค่ะ

สำหรับบานเปิดของครัวทั้งด้านบนและล่างจะไม่มีที่จับยื่นออกมาให้เกะกะ แต่จะทำบานปิดออกมาเป็นมุมป้าน สำหรับเวลาเอามือจับเข้าไปได้ถนัดๆแล้วดึงออก

มองภาพรวมเคาท์เตอร์ล่างกันแบบเต็มๆทั้งแบบที่เปิดและปิด ความลึกของเคาท์เตอร์อยู่ที่ 0.6 เมตร

ส่วนด้านบนเปิดออกมาก็จะเห็นเป็นช่องใส่ของได้ แต่ก็จะไม่ลึกมากหรือใส่ของแบบทรงสูงได้มากเท่าไร ตู้ชั้นบนความสูงกำลังเหมาะคือชูมือขึ้นไปสุดแขนผู้หญิงก็ยังพอเอื้อมหยิบของได้ค่ะ

แต่ความสูงของตู้ที่ไม่เต็มบานในส่วนเคาท์เตอร์บนของครัวที่สูงประมาณ 2 เมตร ไม่เต็มความสูงฝ้าที่ 2.4 เมตรก็จะทำให้มีช่องว่างอยู่บ้าง อาจจะต้องทำความสำอาดเช็ดๆถูๆกันซักนิดนึง

เว้นช่องตู้เย็นไว้ให้ขนาด 0.6 x 0.7 เมตร ดังนั้นก็จะจำกัดอยู่แค่ตู้เย็นแบบฝาเดียว ใครที่เก็บของกินเยอะหน่อยก็ต้องเพลาๆนะคะ

ชั้นวางทีวีแบบติดผนังยาว 1.2 เมตร จะซื้อทีวีแบบติดผนังเหมือนในห้องตัวอย่างหรือจะทีวีแบบวางบนชั้นวางทีวีก็ได้ค่ะ ส่วนเก้าอี้สตูลไม้สองตัวที่อยู่ด้านหน้านี้ไม่ได้นะคะ

ฝั่งตรงข้ามทีวีคือโซฟาตัวยาวและโต๊ะกลางที่ติดผนังพร้อมเก้าอี้ไม่มีพนักก็ไม่ได้อยู่ในรายการขายนะคะ แต่ขนาดพื้นที่คือ 1.5 x 1.75 เมตร ด้านหลังที่เป็นปูนก่อยื่นออกมาวางหนังสือเป็นเป็นชั้นนึงเต็มๆ หรือกรอบรูปตรงนี้ก็จะไม่ได้ เป็นผนังฉาบปูนเรียบสีขาวธรรมดา ไม่มี Wallpaper ลายๆตามห้องตัวอย่าง ตำแหน่งแอร์ของห้องนั่งเล่นก็จะอยู่เหนือพื้นที่โซฟาตรงนี้ ซึ่งความจริงแล้วในห้อง Type Studio จะมีแอร์ด้วยกัน 2 จุดคือห้องนั่งเล่นและห้องนอน ตามโปรโมชั่นของโครงการจะได้แอร์ 12,000 BTU ที่ในส่วนของห้องนอนจุดเดียวนะคะ

โซฟาขนาด 1.5 เมตรนั่งได้ประมาณ 2 คน ถ้า 3 คนนี่เริ่มเบียดมากแล้ว จะวางเก้าอี้เพิ่มก็จะต้องเป็นตัวลอยที่เล็กน้อย ที่สามารถเก็บไว้วางไว้ตรงมุมๆได้ จะได้ไม่เกะกะพื้นที่เข้าออกห้องนอนด้วย

โต๊ะที่เพิ่มเข้ามาอาจจะเป็นแบบชิดผนังหรือแบบพับเก็บได้ อย่างในห้องตัวอย่างนี้ก็จะมีไว้ทานข้าวเป็นโต๊ะเล็กๆ

กลับมาที่ห้องน้ำที่อยู่ส่วนด้านหน้าซ้ายมือของห้องพักนะคะ ห้องตัวอย่างนี้จะเว้นช่องประตูให้เป็นแบบเปิดเข้า แต่ความจริงแล้วประตูทางเข้าห้องน้ำจะเป็นประตูแบบบานเลื่อน 2 ตอน กรอบอลูมิเนียมนะคะ ช่องจริงๆก็ควรจะกว้างขึ้นกว่านี้อย่างน้อย 2 เท่าเลย

จากพื้นลามิเนตตรงส่วนครัว ไปยังกระเบื้องแบบด้านสีครีมขนาด 40 x 40 เซนติเมตรก็จะไม่ลดระดับมาก ประมาณ 3 เซนติเมตร

ห้องน้ำขนาด 1.5 x 1.7 เมตร ภายในแบ่งชุดสุขภัณฑ์ออกเป็น 3 ส่วน เนื่องจากรูปร่างห้องเป็นแบบเกือบจะสี่เหลี่ยมจตุรัส ทำให้การวางสุขภัณฑ์ไม่ได้เรียงเป็นระนาบเดียว แต่จะต้องมีส่วนที่อยู่ตรงมุมด้วย จากซ้ายไปขวาคืออ่างล้างหน้าพร้อมกระจก ตรงกลางเป็นพื้นที่เปียกสำหรับยืบอาบน้ำ มาพร้อมฉากกั้นอาบน้ำแบบโค้งสำเร็จรูปเข้ามุมพอดี ส่วนทางขวาเป็นโถสุขภัณฑ์

อ่างล้างหน้าจาก Cotto ทรงสี่เหลี่ยมเดี่ยวๆ มีตู้ให้ด้านล่างสำหรับเก็บของ เป็นแบบดึงเป็นออก ไม่มีเคาท์เตอร์หรือการก่อปูนวางของออกยื่นออกมาทั้งสองข้าง พื้นที่วางสบู่ เครื่องประทินผิวที่ใช้บ่อยๆอาจจะต้องวางที่ขอบอ่างล้างหน้า หรือที่ชิ้นใหญ่หน่อยก็จะต้องจับใส่ลิ้นชักใหญ่ด้านล่างแทนนะคะ

เปิดตู้ด้านล่างสีขาวเหมือนกันออกมาให้ดูเป็นแบบลิ้นชักชิ้นเดียว ทำให้วางของหรือขวดต่างๆขนาดใหญ่ได้หน่อย

โถสุขภัณฑ์จาก Cotto พร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่ม้วนทิชชู ข้างๆก็มีที่ตากผ้าขนหนูให้ ตัวผนังเป็นกระเบื้องลายสีขาว

ด้านในตรงกลางมุมด้านในแบ่งเป็นพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำ มีฉากกั้นอาบน้ำสูง 2 เมตรเป็นแบบบานเลื่อนดังออกซ้ายขวาติดตั้งให้เรียบร้อย แต่ก็จะมีช่องว่างด้านบนเหลือ พื้นที่อาบน้ำแบบติดมุมก็จะเล็กกว่าแบบที่เป็นสี่เหลี่ยมหน่อยนะคะ แต่ก็ยังมีพื้นที่หมุนๆได้รอบตัว

ถ่ายมาให้ดูกันกับพื้นที่ด้านในและด้านนอกของพื้นที่เปียกและพื้นที่แห้ง แม้ห้องน้ำจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเกือบจตุรัสแต่ก็มีวิธีแก้ปัญหาได้ดีตามสภาพ พื้นที่เปียกขนาดประมาณหมุนตัวได้หนึ่งรอบ ปูกระเบื้องแบบเดียวกับพื้นที่แห้งในห้องน้ำ คือกระเบื้องแบบด้านสีครีมขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ไม่ลดระดับลงไป แต่ก็จะมีตัวคั่นสูงประมาณ 3 เซนติเมตร จากกรอบฉากกั้นอาบน้ำ

ฝักบัวจาก Cotto เป็นแบบหัวก๊อกหัวเดียว ไม่มีเครื่องทำน้ำร้อนมาให้

หัวฝักบัวขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่มาก แต่แบนไปนิดนึง

ตัวห้องน้ำมี 1 ไฟเป็นทรงสี่เหลี่ยมฝังเข้าไปในฝ้า และอีก 1 ช่องระบายอากาศที่ต้องดูเข้าไปในระบบของอาคาร

ออกมาจากห้องน้ำมาที่ห้องในสุดคือห้องนอน มีประตูบานเลื่อนกระจกสูง 2.4 เมตร แบบ 3 ตอนวางขวางไว้เต็มพื้นที่ กรอบเป็นแบบอลูมิเนียมสีดำแบบมีรางรอบด้าน ตัวบานค่อนข้างใหญ่ ทำให้เวลาเลื่อนจะเลื่อนยากและหนักนิดนึงเท่าที่ได้ลองเลื่อนไปๆมาๆ แต่ก็มีข้อดีคือทำให้ห้องดูต่อเนื่องและกว้างขึ้น

การเปิด-ปิดจากพื้นที่ Living คือเลื่อนเปิดและล็อกได้แบบเลื่อนตัวล็อกขึ้น-ลง ส่วนการล็อกจากด้านในไม่มี

พื้นในห้องนอนยังคงปูด้วยพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร มีการฝังกรอบประตูเลื่อนลงไป ทำให้เดินไม่สะดุด และดูเรียบร้อยกว่า แต่ก็ยังมีขอบที่เซาะร่องเกินออกมาบ้าง

ในห้องนอนก็จะมีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลางซ้ายมือ ได้แค่ฐานเตียง ฟูกด้านบนไม่ได้ พร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ฝั่งตรงข้ามใกล้กับประตูบานเลื่อนที่ออกไปยังระเบียงได้ และข้างเตียงทางขวาใกล้หน้าต่างก็จะเป็นพื้นที่ว่างที่สามารถใส่ได้ทั้งโซฟาอีกชุด เพิ่มเตียงเล็กอีกเตียง หรือจะจัดเป็นโต๊ะทำงาน

หัวเตียงด้านบนตกแต่งเป็นกระจกตลอดความกว้าง ด้านล่างก็มีการเซาะทำเป็นพื้นที่วางของเหนือหัวเตียง สำหรับวางหนังสือ ของสะสมต่างๆ พร้อมทั้ง Wallpapaer เป็นสีขาวลายอิฐ แต่ส่วนนี้ห้องจริงในโครงการจะได้แค่ผนังฉาบเรียบสีขาวธรรมดานะคะ

ข้างเตียงทางซ้ายมือมีพื้นที่ข้างเตียงอยู่ที่ 50 เซนติเมตร วางโต๊ะข้างเตียงพร้อมโคมไฟไว้ให้ด้วย แต่ก็จะไม่อยู่ในรายการขายนะคะ

พื้นที่ปลายเตียงไปจนถึงตู้เสื้อผ้ายาวประมาณ 80 เซนติเมตร ข้างๆตู้เสื้อผ้ามีการจัดโต๊ะเครื่องแป้งแบบติดผนัง

โต๊ะเครื่องแป้งมาพร้อมที่เปิดตู้ได้สองฝั่งซ้าย-ขวา กระจกเป็นแบบพิงธรรมดา แต่ก็สามารถกรุกระจกแบบเต็มบานใหญ่ๆได้นะคะ ส่วนด้านล่างก็จะมีพื้นที่เหลือ ก็ควรจะมีเก้าอี้สำหรับโต๊ะเครื่องแป้งด้วย จะเป็นแบบมีพนักหรือไม่มีก็แล้วแต่ความชอบ

ตู้เสื้อผ้าลึก 60 เซนติเมตร เปิดได้ 2 ฝั่ง หน้าบานฝั่งซ้ายคือกระจกเต็มตัว ส่วนฝั่งขวาเป็นบานทึบธรรมดา ความสูงขึ้นไปถึงฝ้าที่ 2.4 เมตร

ถ้าเปิดตู้เสื้อผ้าก็จะเต็มความกว้างของปลายเตียงเกือบจะพอดิบพอดี ฉะนั้นเวลาเปิดตู้เสื้อผ้าก็จะเดินไปเดินมาไม่ได้

ตัวที่จับเปิดอาจจะอยู่จุดที่ต่ำไปหน่อย เวลาเปิดเลยไม่ค่อยสะดวก ส่วนพอเปิดออกมาแล้วก็จะแบ่งช่องออกเป็นพื้นที่แขวนเสื้อ ชั้นเก็บทางด้านซ้าย และพื้นที่เก็บเครื่องนอนทางด้านบนที่อาจจะไม่ได้หยิบใช้บ่อยมาก

ระหว่างตู้เสื้อผ้าและประตูเลื่อนระเบียงก็จะมีช่องว่างระหว่างกันประมาณเกือบ 10 เซนติเมตร ไว้เผื่อสำหรับคนที่ต้องการติดม่านที่อาจจะต้องใช้ความกว้างนิดหน่อยเหมือนในรูป

พื้นที่ข้างเตียงด้านขวาเหลือประมาณ 1.3 เมตร ไม่นับส่วนที่เป็นเตียงเล็กๆมาให้นะคะ เพราะว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ไม่อยู่ในรายการด้วย ดังนั้นเราก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ส่วนข้างเตียงก็จะมีโต๊ะข้างเตียงเป็นแบบไม่มีลิ้นชัก ก็ถือว่าเป็นดีไซน์ตามใจผู้อยู่

พื้นที่ที่เหลือที่หันหน้าเข้าหน้าต่างตรงนี้ขนาด 1.65 x 1.30 เมตร สามารถดัดแปลงเป็นได้ทั้งตู้เก็บเอกสาร โต๊ะทำงานแต่น่าจะนั่งได้แค่คนเดียว ที่นอนเล็กๆสำหรับเด็ก เพราะความยาวเหลือไม่พอผู้ใหญ่แน่ๆ หรือจะเป็น Day bed นอนพักช่วงกลางวัน

มองภาพกว้างๆก็คือจะมีหน้าต่างที่เป็นทั้งบาน Fix และบานที่เป็นบานกระทุ้งอยู่มุมขวาบน เป็นช่องแสงธรรมชาติสำหรับห้องนอนและทั้งห้องชุด เพราะแบบห้องเป็นแบบหน้ากว้าง แสงธรรมชาติจะเข้าถึงได้ก็จากแค่ส่วนหน้าต่างนี้และส่วนที่เป็นประตูบานเลื่อนระเบียง การติดม่านจะติดทั้งความยาวผนังหรือติดแค่ความกว้างของตัวหน้าต่างก็ได้

การเปิด-ปิดของบานกระทุ้ง สามารถใช้รับลมในช่วงกลางวันได้

ส่วนไฟด้านบนห้องนอนจะมี 4 จุดฝั่งเข้าไปในฝ้า ด้านในเป็นหลอดตะเกียบหมุนๆเหมือนในห้องน้ำ ระหว่างกลางที่เป็นลำโพงในห้องนอน ห้องพักของโครงการ Pause ID จะไม่ได้ Sound Systemในห้อง

ริมด้านในสุดของห้องนอนมีประตูบานเลื่อนลูกฟักเป็นกระจก กรอบอลูมิเนียมสีดำ เปิดได้ทั้งสองด้านเพื่อออกไปยังระเบียง แต่บานขวาจะติดตู้เสื้อผ้า ทำให้ใช้จริงๆก็ได้แค่บานซ้าย เหนือบานเลื่อนขึ้นไปก็คือตำแหน่งแอร์ของห้องนอน

ไม่ได้มีการลดระดับที่พื้นที่ระเบียง แต่ก็จะมีการก่อปูนขึ้นมาประมาณ 3 เซนติเมตร บวกกับกรอบประตูบานเลื่อนที่เป็นกรอบอลูมิเนียมสีดำน่าจะสูงประมาณ 7 เซนติเมตร

พื้นที่ระเบียงขนาด 0.7 x 1.5 เมตร ถือว่าไม่ใหญ่มาก แต่ไม่ต้องแบ่งพื้นที่วางเครื่องซักผ้า เพราะว่ามีช่องวางเครื่องซักผ้าให้ที่เคาน์เตอร์ครัวด้านล่าง แต่ยังไงก็จะต้องเป็นพื้นที่สำหรับการตากผ้าอยู่ดี

ราวกันตกที่ระเบียงสูง 1.1 เมตร

ส่วนไฟระเบียงเป็นแบบปิดด้วยฝ้าขุ่นกระจายแสง ตามแปลนจะมี Compressor แอร์แขวนอยู่ที่ระเบียงด้วย โดยหันหน้าออกไปทางนอกอาคาร แต่ในห้องตัวอย่างไม่มีการติดโชว์

รูปสุดท้ายของห้องตัวอย่างแบบ Studio ขอตบท้ายด้วยการมองจากพื้นที่ระเบียงด้านในสุด ออกไปยังพื้นที่ด้านหน้าส่วน Living ที่มีความกว้างของห้องอยู่ที่ 3.25 เมตร

ห้องตัวอย่างห้องที่สองเป็นแบบ 1 Bedroom ขนาด 24.8 – 26.9 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดคือ 80 ห้อง มี Functions ส่วนครัวที่มีการกั้นห้องออกไปเป็นสัดส่วนใกล้กับระเบียง และส่วนนั่งเล่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ทำอาหารได้อย่างจริงจัง และระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้นเพราะอยู่ใกล้กับส่วนระเบียง

ส่วนแบบห้องตัวอย่างห้องนี้เป็น Type B รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบเหมือนเดิม แต่จะกว้างกว่าแบบ Studio อยู่ประมาณหนึ่ง โดยมีพื้นที่ Living อยู่ที่ส่วนหน้า และมีห้องนอนอยู่ส่วนมุมด้านหลัง โดยเมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อน คือมีชุดโซฟาและโต๊ะกลางอยู่ที่ด้านหนึ่ง และมีโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่งอยู่ถัดเข้าไป ส่วนอีกด้านจะเป็นชั้นวางทีวีแบบชิดผนัง เดินไปทางซ้าย จะเจอส่วนของพื้นที่โต๊ะทำงานแบบ Built-in เลี้ยวซ้ายอีกทีจะเจอห้องน้ำ ส่วนครัวจะอยู่หลังประตูบานเลื่อนเข้าไปด้านใน สุดทางจะมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นก่อนจะถึงพื้นที่ระเบียง ข้างๆกับห้องครัวก็จะเป็นห้องนอนที่ด้านในก็จะมีตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in และเตียงนอนไว้ให้

ประตูหลักห้องชุดเป็นบาน HDF ขนาด 0.9 x 2.0 เมตร ประตูมือจับแบบก้านโยกและตาแมว โครงการนี้ไม่มี Digital Doorlock มาให้

อีกครั้ง ห้องตัวอย่างของโครงการ Pause ID ใช้ห้องตัวอย่างเดียวกับโครงการ Pause 107 นะคะ อย่างห้องนี้จะมีขนาด 30 ตารางเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้อง Type เดียวกันของโครงการนิดหน่อยคือ 24.8 – 26.9 ตารางเมตร ดังนั้นขนาดและระยะต่างๆที่วัดออกมาอาจจะมีการคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริงของห้องโครงการ Pause ID ห้องจริงในคอนโดนะคะ

พื้นห้องคือไม้สำเร็จรูปผิวลามิเนต หนา 8 มิลลิเมตร เป็นมาตรฐานของโครงการ

ส่วนแรกจากทางเข้าคือโซฟาตัวยาว ด้านในเป็นโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ฝั่งตรงข้ามหลังประตูทางด้านขวาเป็นชั้นวางทีวี ด้านซ้ายจะมีทางเดินไปยังโต๊ะทำงานก่อนถึงห้องน้ำ ส่วนพื้นที่ด้านในจะมีสองประตูบานเลื่อน ทางขวาที่เราเห็นกันคือประตูบานเลื่อนเข้าไปยังพื้นที่ครัวและออกไปยังพื้นที่ระเบียงด้านนอกได้ ส่วนทางซ้ายจะเป็นในส่วนของประตูห้องนอน

เข้ามาจะเจอโซฟาตัวยาวประมาณ 1.8 เมตรไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ พื้นที่ปูพรมมาความจริงแล้วเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตรเป็นมาตรฐานของโครงการ การปูพรมความจริงก็ขึ้นอยู่กับความชอบนะคะ แต่อย่างในห้องตัวอย่างที่ปูมาก็ทำให้การเปิด-ปิดประตูหลักทำได้ยาก

พื้นที่ข้างๆโซฟาก็ยังเหลืออยู่ถ้าอยากจัดโซฟาที่ชุดใหญ่หน่อยก็สามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นพวกรูปตัว L จะไม่แนะนำเพราะความกว้างตรงทางเดินไม่ได้กว้างเกิน 2 เมตร หรือถ้าจะใส่โต๊ะหรือชั้นวางข้างโซฟาแทนก็ได้ค่ะ

ข้างๆโซฟาก็จะเป็นชุดโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ ที่วางเข้ามุม ในส่วนของชุดนี้ไม่ได้มีมาให้นะคะ แต่การจัดวางจะทำตามแบบนี้ หรือว่าจะวางหันหน้าเข้ากันก็ได้ตามสะดวกเลย

ความกว้างตามแนวความยาวผนังอยู่ที่ประมาณ 80 เซนติเมตร

ฝั่งตรงข้ามหลังประตูก็จะเป็นชั้นวางทีวีก็มีแค่ในส่วนของด้านล่างติดเข้าไปกับผนัง ทีวีจะวางแบบติดผนังเหมือนในห้องตัวอย่าง หรือจะซื้อแบบวางได้บนที่ชั้นก็ได้ค่ะ ตัวตู้มีบานปิดและช่องเปิด ส่วนฝั่งประตูด้านในริมทางเข้าหลักบังอยู่ก็จะเป็นตู้ใส่ของเท้าและชั้นวางของ

ด้านล่างเป็นชั้นวางรองเท้า คร่าวๆได้ 3 คู่ อาจจะต้องเป็นคู่ที่ใส่บ่อยหน่อย ส่วนด้านบนเป็นชั้นวางของแบบ Built-in ที่สูงเต็มความสูงขึ้นไป

 

บนผนังด้านนี้ก็จะเป็นตำแหน่งแอร์ที่ 1 ห้องนอนจะได้แอร์ 2 ตัว คืออยู่ในห้องนั่งเล่นนี้และในห้องนอน ทั้งสองตัวขนาด 9,000 BTU

ระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.2 เมตร

ด้านในมีประตูสองบาน ทางซ้ายคือประตูห้องนอน ส่วนทางขวาคือประตูแบบบานเลื่อนเข้าห้องครัว สามารถเปิดได้ทั้งสองทาง ลูกฟักเป็นกระจก ส่วนกรอบเป็นอลูมิเนียมสีดำ สูงเท่าความสูงห้องคือ 2.4 เมตร ทำให้ห้องดูกว้างขวางดีเพราะเห็นทะลุกันได้หมด

ประตูบานเลื่อนของส่วนห้องครัวเป็นแบบ 2 ตอน สามารถเปิดได้จากทั้งสองฝั่ง แต่บานทางขวาก็จะติดความลึกของตู้เย็นและเคาน์เตอร์อยู่ที่ ดังนั้นก็จะนิยมใช้บานทางซ้ายเป็นหลัก

นอกจากห้องครัวจะกั้นพื้นที่เป็นสัดส่วนแล้ว การเลือกใช้บานเลื่อนแบบลูกฟักเป็นกระจกก็ช่วยให้ห้องหน้ากว้างมีแสงธรรมชาติผ่านเข้าถึงทั่วพื้นที่ โดยที่แดดประเทศไทยในช่วงกลางวันแทบจะไม่ต้องเปิดไฟกันอยู่แล้ว เป็นพลังงานแบบมองโลกในแง่ดี ทั้งยังสามารถเปิดให้ห้องระบายอากาศได้อย่างทั่วถึง

สามารถกดล็อกแบบเลื่อนขึ้น-ลงได้จากภายให้นั่งเล่น

พื้นในห้องครัวเปลี่ยนเป็นปูด้วยกระเบื้องขนาด 40 x 40 สีเทาอ่อน ทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายกว่าพื้นไม้ลามิเนต มีการฝังกรอบประตูเลื่อนลงไป ทำให้เดินไม่สะดุด และดูเรียบร้อยกว่า

ห้องครัวขนาด 1.3 x 2.3 เมตร ด้านในก็จะเป็นส่วนของเคาท์เตอร์ครัวที่มีทั้งส่วนบนและล่าง ส่วนล่างไล่ส่วนเย็นไปยังส่วนร้อน ได้แก่ ตู้เย็น, อ่างล้างจาน, พื้นที่เตรียมอาหารอยู่ตรงกลาง และ Hob and Hood ข้างล่างแบ่งช่องเปิดและช่องปิดส่วนเปิดก็สามารถใส่พวกข้าวของเครื่องใช้ และมีช่องวางไมโครเวฟและเครื่องซักผ้า ส่วนด้านบนก็จะเป็นตู้บานปิด

เปิดเคาท์เตอร์ครัวด้านล่างให้ดูระยะ ว่ายังมีพื้นที่เหลือนิดหน่อยในการเปิด แต่ก็ต้องก้มลงไปหยิบของในเคาท์เตอร์แบบเบี่ยงๆ

เว้นช่องตู้เย็นไว้ให้ขนาด 0.6 x 0.7 เมตร ได้ตู้เย็นแบบฝาเดียว

รูปร่างหน้าตาการจัดวางก็จะเหมือนชุดเคาน์เตอร์ครัวของห้องตัวอย่างห้องที่แล้ว

ส่วน Hob and Hood 2 หัวนี้ไม่ได้มีการให้มาด้วยแต่ก็สามารถวางได้ดี คือเป็นส่วนของการทำอาหารที่ให้กลิ่นแรงและเกิดควันเยอะที่สุด อยู่ใกล้กับประตูเลื่อนของระเบียงที่สุด กลิ่นและอากาศก็จะระบายออกได้เร็วที่สุด

ด้านล่างเป็นช่องวางไมโครเวฟและเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าได้พอดี

ส่วนด้านบนก็เป็นแบบบานปิด 3 บาน มีสวิสซ์ไฟติดอยู่สำหรับไฟส่องพื้นที่เตรียมอาหาร

ระหว่างเคาน์เตอร์ครัวและประตูเลื่อนระเบียงก็จะมีช่องว่างระหว่างกันประมาณ 5 เซนติเมตร ไว้เผื่อสำหรับคนที่ต้องการติดม่านที่อาจจะต้องใช้พื้นที่เวลาแสงจ้าๆช่วงกลางวัน

ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบเปิดได้ทั้งสองด้านออกไปยังระเบียงด้านนอก

ระเบียงขนาด 0.8 x 1.3 เมตร ปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 40 x 40 เซนติเมตร มีราวกันตกสูง 1.1 เมตร

ไฟระเบียงจะไม่เหมือนแบบ Studio แต่จะเป็นแบบไฟซาลาเปากลมๆแทน

กลับมาห้องด้านในกันต่อ ที่มุมระหว่างห้องนอนและห้องน้ำคือจัดโต๊ะทำงานแบบ Built-in คือมีโต๊ะทำงานและเก้าอี้แบบไม่มีพนัก ด้านบนเป็นตู้แบบมีบานปิดสูงขึ้นไป ความกว้างของพื้นที่ทำงานอยู่ที่ 1.3 เมตร

ทางซ้ายของโต๊ะทำงานก็จะมีทางเข้าห้องน้ำขนาด 1.4 x 2.1 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 40 x 40 เซนติเมตร และลดระดับพื้นที่ห้องน้ำลงนิดหน่อยประมาณ 3 เซนติเมตร บานประตูที่ห้องตัวอย่างไม่ได้ใส่เข้ามาด้วยเป็นแบบบาน HDF ทาสีชนิดกันชื้นพร้อมมือจับ

ภายในห้องน้ำจะเป็นแบบสีเหลี่ยมผืนผ้ายาวกว่าห้องที่แล้วหน่อย ทำให้เรียงสุขภัณฑ์สีขาวจาก Cotto เรียงได้เป็นแนวเดียวคือ อ่างล้างหน้าพร้อมกระจก, โถสุขภัณฑ์ และฉากกั้นอาบน้ำเข้าไปยังพื้นที่ส่วนเปียก

อ่างล้างหน้าจาก Cotto ทรงสี่เหลี่ยมเดี่ยวๆ มีตู้ให้ด้านล่างสำหรับเก็บของ เป็นแบบดึงเป็นออก

กระจกที่ให้มาเป็นแบบเดี่ยวๆ ไม่ใช่แบบที่ตัดมาตามขนาดความกว้างที่เหลือภายในห้องน้ำ

โถสุขภัณฑ์จาก Cotto พร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่ม้วนทิชชู

ส่วนริมในสุดเป็นพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำ มีฉากกั้นอาบน้ำสูง 2 เมตรเป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอนติดตั้งให้เรียบร้อย แต่ก็จะมีช่องว่างด้านบนเหลือ

ส่วนพื้นที่เปียกขนาด 0.7 x 1.1 เมตร ปูกระเบื้องแบบเดียวกับพื้นที่แห้งในห้องน้ำ คือกระเบื้องแบบด้านสีเทาขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ไม่ลดระดับลงไป แต่ก็จะมีตัวคั่นสูงประมาณ 3 เซนติเมตร จากกรอบฉากกั้นอาบน้ำ

ฝักบัวจาก Cotto เป็นแบบหัวก๊อกหัวเดียว ไม่มีเครื่องทำน้ำร้อนมาให้

มาถึงพื้นที่ในสุดหรือพื้นที่ห้องนอน ที่จะมีประตูบานเลื่อนกระจกสูง 2.4 เมตร แบบ 2 บานวางขวางไว้เต็มพื้นที่ กรอบเป็นแบบอลูมิเนียมสีดำแบบมีรางรอบด้าน ตัวบานจะใหญ่กว่าแบบ 3 ตอน และเวลาเปิดปิดจะเหลือส่วนที่ยื่นเกะกะมามากกว่า

พื้นในห้องนอนยังคงปูด้วยพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร มีการฝังกรอบประตูเลื่อนลงไป ทำให้เดินไม่สะดุด และดูเรียบร้อย

ในห้องนอนก็จะมีเตียงขนาดใหญ่พร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in วางเตียงชิดกับประตูบานเลื่อนเลย มีพื้นที่เหลือรอบเตียง ทำให้เวลานอน 2 คนจะลุกขึ้นสะดวก เพียงแต่ว่าจะมีโต๊ะข้างเตียงแค่พื้นที่เหลือทางด้านขวามือ

พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้ายเหลือพื้นที่เท่ากับความยาวของตู้เสื้อผ้าอยู่ที่ 1.3 เมตร

ตู้เสื้อผ้าห้องนี้จะเป็นแบบบานทึบสีขาวทั้งสองบาน ไม่เหมือนห้องที่แล้วที่เป็นลายไม้ด้านหนึ่ง และเป็นกระจกอีกด้านหนึ่ง จากการลองปิดๆเปิดๆ ที่เปิดประตูตู้เสื้อผ้าอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำไปหน่อย

ปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 80 เซนติเมตร ไม่แนะนำให้วางชั้นหรือตู้วางของอีกนะคะ เพราะจะทำให้เดินเข้าออกไม่สะดวก ทีวีสามารถติดผนังแบบในรูปได้เพราะจะมีการเดินสายต่างๆไว้ให้เรียบร้อย

เหนือขึ้นไปจากทีวีก็จะเป็นตำแหน่งแอร์ภายในห้องนอน ที่ให้มาเป็นแบบ 9,000 BTU ทิศทางลมจะเข้าเตียงโดยตรง แต่ถ้าขี้หนาวก็ปัดให้ลงองศาต่ำๆได้เลยค่ะ

ข้างเตียงด้านขวาเหลือ 55 เซนติเมตร มีโต๊ะข้างเตียงวางอยู่ข้างหัวเตียง ไม่มีในรายการ

หัวเตียงห้องนี้เป็นแบบเรียบๆเหมือนกับแบบที่จะได้ในห้องจริงนะคะ ไม่นับตัวอักษรตกแต่ง

ส่วนช่องแสงในห้องนอนก็จะเป็น 2 ส่วน คือแบบบาน Fix และแบบบานกระทุ้งที่อยู่สองฝั่งซ้าย-ขวา

มาชมแบบห้องแบบอื่นๆกันบ้างนะคะ เร่ิมเลยจาก 1 Bedroom Type B1 ขนาด 28.4 ตารางเมตร มีขนาดห้องเดียว จำนวนห้อง 27 ยูนิต มี Functions โดยรวมเหมือนกันกับ Type B ที่เป็นห้องตัวอย่างห้องที่ 2 เป๊ะ ยกเว้นแค่ส่วน Walk-in Closet และโต๊ะทำงานแบบ Built- in ที่จะสลับกัน คือภายในห้องของ Type B1 จะย้ายตู้เสื้อผ้าออกมาด้านนอกห้องนอน และสลับโต๊ะทำงานเข้าไปด้านในห่องนอน ที่เพิ่มเข้ามาคือประตูบานเลื่อนจากห้องนั่งเล่นเข้าไปยังส่วนตู้เสื้อผ้าที่อยู่ระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ

การจัดพื้นที่แบบนี้คือทำให้ห้องโดยรวมดูเล็กลง เพราะมีบานประตูเลื่อนกั้นเยอะขึ้น ซอยห้องเป็นพื้นที่เล็กๆเยอะขึ้น ข้อดีก็คือสามารถเข้าห้องน้ำได้จากห้องนอนโดยที่ไม่ต้องผ่านห้องนั่งเล่นโดยตรง ขนาดตู้เสื้อผ้าก็จะยาวขึ้น เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่เสื้อผ้าเยอะ เดินไปเดินมาระหว่างห้องน้ำ-ห้องนอนบ่อยๆ

แบบต่อมาคือห้อง Semi 2 Bedroom Type B Plus มี 35 ห้อง คล้ายๆกับแบบ 1 ห้องนอน แต่เพิ่มห้องอเนกประสงค์เข้ามา 1 ห้องที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานตามความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนเล็ก ห้องทำงาน ห้องงานอดิเรกต่างๆ รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบเกือบๆจะจตุรัส แบ่งพื้นที่การใช้งานต่างจากแบบ 1 ห้องนอนคือย้ายพื้นที่ครัวเข้ามาอยู่ก่อนจะถึงห้องน้ำ และเปลี่ยนพื้นที่ด้านในหลังประตูเปิดแบบบานเลื่อนเป็นห้องอเนกประสงค์ที่มีความกว้างมากขึ้น และเปลี่ยนระเบียงจากห้องครัว กลายไปอยู่ส่วนห้องนอนใหญ่ ทำให้ระเบียงมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 Jun3 2015

  • Studio ขนาดห้องตั้งแต่ 20.5 – 23.8 ตารางเมตร มี 59 ห้อง ราคาเฉลี่ย 1.39 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Type B ขนาดห้องตั้งแต่ 24.8 – 26.9 ตารางเมตร มี 80 ห้อง ราคาเฉลี่ย 1.64 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Type B1 ขนาดห้อง 28.4 ตารางเมตร มี 27 ห้อง  ราคาเฉลี่ย 1.69 ล้านบาท
  • Semi 2 Bedroom Type B Plus ขนาดห้องตั้งแต่ 30.14 – 36.65 ตารางเมตร มี 35 ห้อง ราคาเฉลี่ย 2.1 ล้านบาท

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Bus ไปกลับ BTS แบริ่ง
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 35,000 บาท
  • ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 24 งวด
  • ค่ากองทุน 380 บาทต่อตารางเมตร โดยชำระครั้งเดียวในวันโอนกรรมสิทธิ์
  • ค่าส่วนกลาง 38 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ชำระเป็นรายปี โดยกำหนดการชำระล่วงหน้า 1 ปี ในวันโอนกรรมสิทธิ์
  • ค่าธรรมเนียมการโอนผู้จะซื้อและผู้จะขายเป็นฝ่ายชำระคนละครึ่ง
  • ค่าประกันและค่าธรรมเนียมต่างๆเกี่ยวกับมิเตอร์ไฟฟ้าและประปา ผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Pause ID เป็นโครงการที่เกาะความนิยมของเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีแบริ่งที่ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วเป็นสถานีสุดท้าย สถานีถัดไปคือสถานีสำโรงที่ในอนาคตจะเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 107 แยกอีกทีเข้าที่ซอยแบริ่ง 16 ห่างจากทางขึ้น-ลงสถานีแบริ่ง 1.1 กิโลเมตร ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินเท้าน้อย ยกเว้ยซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง ที่มีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารอยู่ช่วงต้นซอย แต่พอออกตรงถนนใหญ่สุขุมวิทก็จะเร่ิมมีความคึกคักขึ้น โดยเฉพาะปริมาณรถ และปริมาณคนสัญจรไปมา อิมพิเรียลเวิลด์สำโรงและตลาดสดเอี่ยมเจริญอยู่ในระยะ 2 กิโลเมตร ใกล้ๆก็จะมีโรงเรียนนานาชาติและโรงพยาบาลซะเยอะ เข้ามาใกล้น้อยในระยะเพื่อนบ้านส่วนใหญ่เป็นสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเดี่ยวพักอาศัยเกือบทั้งหมด มีที่ว่างเปล่าบ้าง อพาร์ตเมนท์บ้าง ส่วนห้างสรรพสินค้าในระยะประมาณ 10 กิโลเมตร ก็มีทั้ง Central บางนา, IKEA, ไบเทคบางนา และ Bangkok Mall ที่กำลังจะสร้าง ในอนาคตน่าจะมีเพิ่มอีกหลายแห่ง ทำให้มีความคึกคักและปริมาณรถตรงสี่แยกบางนาต่างๆเยอะขึ้นไปอีก

การเดินทางโดยใช้รถ โครงการตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เข้า-ออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิทขาออก และถนนศรีนครินทร์ รถบนถนนสุขุมวิทจะมีปริมาณมากกว่า การเดินทางเข้าโครงการไม่จำเป็นจะต้องเข้าที่ซอยสุขุมวิท107 โดยตรง แต่สามารถลัดเลาะผ่านซอยสุขุมวิท105 หรือ 109 ที่เชื่อมกันมาถึงโครงการได้จากทั้งสองถนนใหญ่ อีกไม่นานหลังจากการเปิดใช้บริการของสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย อาจจะทำให้ชุมชนคึกคักมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นทางผ่านสำคัญๆ ทางขึ้นทางด่วนบางนา-ชลบุรีห่างและทางขึ้นทางด่วนพิเศษกาญจนาภิเศกอยู่ในระยะไม่เกิน 5 กิโลเมตร ส่วนหากจะเข้าเมืองก็ทำโดยถนนสุขุมวิทที่รถติด หรือจะเลือกใช้ถนนศรีนครินทร์เข้าถนนเพชรบุรีก็ได้ หรือจะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาโดยใช้ถนนปู่เจ้าสมิงพรายข้ามไปถึงแถวสาธุประดิษฐ์

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ จากโครงการถึงสถานีแบริ่งไม่อยู่ในระยะเดินได้ จากโครงการถึงสถานีเป็นระยะ 1.1 กิโลเมตร แต่ถ้าไม่อยู่ในวันรีบๆก็สามารถเดินได้ เพราะว่าในซอยสุขุมวิท 107 มีทางเดินเท้า หรือจะใช้บริการพี่วินที่อยู่หน้าซอยแบริ่ง 16 เดินออกมาจากโครงการเพียง 100 เมตร การเข้าถึงโครงการก็จะมีพี่วินที่หน้าซอยสุขุมวิท 107 อยู่แล้ว ภายในซอยสุขุมวิท107 มีปริมาณรถเข้า-ออกพอสมควร เพราะใช้เป็นทางผ่านจากถนนใหญ่สุขุมวิทไปยังถนนศรีนครินทร์ รถรับจ้างอย่างกระป๊อ สองแถว และแท๊กซี่ก็สามารเรียกได้ตลอดความยาวซอยสุขุมวิท 107 โครงการมีบริการ Shuttle Service รับส่งถึงสถานีแบริ่ง แต่ยังไม่ได้กำหนดเส้นทาง ว่าจะเข้าออกเส้นไหน แต่ว่าจะเป็นช่วงเช้า 3 รอบ เย็น 3 รอบ ยังไม่ได้กำหนดเวลาที่แน่นอน ต้องรอให้โครงการเสร็จมีการเข้ามาดูแลของนิติบุคคลแล้วจะมีการตกลงกันอีกที ส่วนป้ายรถเมล์มีตลอดถนนสุขุมวิททั้งขาเข้าและขาออก รถตู้วิ่งผ่านหลายสายทั้งไปเข้าเมืองไปอโศก บางนา บางปู หรือเขตพื้นที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ มีสะพานลอยใช้ได้ทั้งที่อยู่หน้าซอยสุขุมวิท 107 และตัวสถานี

วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว ถือว่าพอใช้เมื่อเทียบกับในระดับราคาเดียวกัน มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเกือบครบชุดพร้อมแอร์ ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่บอกว่าเกือบครบนั้นก็เพราะว่าอย่างชุดโซฟา โต๊ะทานข้าว ฟูกเตียงก็จะไม่ได้ให้มา ปกตินี้เราจะได้ห้องน้ำและห้องครัวตามที่เห็นในห้องตัวอย่าง สำหรับห้อง Studio ก็จะเปลี่ยนประตูห้องน้ำเป็นแบบานเลื่อน 2 ตอน และในห้องครัวก็จะไม่ได้ Hob and Hood แบบ 2 หัว ในห้องนอนที่มีพื้นที่ว่างก็จะป็นการตกแต่งตามใจชอบ พื้นเป็นลามิเนต 8 มิลลิเมตรเป็นมาตรฐานของโครงการ พื้นส่วนครัวถ้าห้องไหนมีแบบการจัดเป็นสัดส่วนแยกก็จะปูด้วยเป็นกระเบื้อง 40 x 40 เซนติเมตร ฝ้าสูง 2.4 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบ ไม่มี Wallpaper ติดมาให้ อุปกรณ์สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Cotto

การออกแบบตัวอาคารรูปตัว U สร้างอาคารเต็มพื้นที่ มี Facility สระว่ายน้ำอยู่บนที่ว่างระหว่างรูปตัว U การจัดห้องเป็นแบบ Double Corridor วิวห้องจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือหันออกนอกโครงการวิวทั่วไปจะเป็นบ้านเดี่ยวอยู่อาศัย 1-2 ชั้น ส่วนวิวห้องด้านในจะเป็นวิวสระว่ายน้ำชั้น 2 หน้าตาอาคารเป็นแบบปกติ แปลนห้องแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่ๆ คือห้อง Studio ที่มีขนาดเล็ก, 1 Bedroom ที่เป็นขนาดใหญ่ขึ้นมา เป็นแบบที่มีจำนานยูนิตมากที่สุดในโครงการ แบ่งออกเป็น 2 Types คือแบบที่ตู้เสื้อผ้าอยู่ในห้องนอน และอีกแบบที่ย้ายมาอยู่ด้านนอกแล้วมีบานเลื่อนปิดเพิ่มอีกที และแบบสุดท้ายคือแบบ Mini 2 Bedrooms คือห้องแบบ 1 ห้องนอน และอีกห้องเป็นห้องเอนกประสงค์ที่สามารถจัดพื้นที่ได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนเล็ก, ห้องทำงาน หรือห้องทำงานอดิเรกชิวๆ สังเกตว่าขนาดและพื้นที่ใช้สอยของแต่ละแบบออกแบบให้สอดคล้องกับจำนวนของผู้อยู่อาศัย และมี Functions เพิ่มมาในแต่ละแบบค่อนข้างชัดเจน แต่ดีเทลเล็กๆน้อยๆก็ยังมีหายไปบ้าง อย่างลดระดับห้องน้ำเพียงเล็กน้อย ห้องน้ำมีบ้างที่ค่อนข้างเล็กทำให้พื้นที่เปียกอาบน้ำต้องไปอยู่ตรงมุม แล้วกั้นด้วยฉากอาบน้ำแบบโค้ง ระเบียงค่อนข้างเล็กแต่ใช้สอยได้เต็มที่ เพราะมีที่วางเครื่องซักผ้าให้ที่เคาน์เตอร์ล่างของห้องครัว ประตูเลื่อนบางอันเป็นแบบ 2 ตอนบ้าง แต่ 3 ตอนดีกว่าเพราะทำให้เวลาเปิดกว้างดูโล่งกว่า

สาธารณูปโภคส่วนกลางมีตามมาตรฐานของคอนโด Low Rise จริง เพราะมี Lobby และนิติบุคคลอยู่ที่ชั้น 1 ข้างๆเป็นโถงลิฟท์ มี 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 101:1 มีบันไดหนีไฟสองจุด ขั้นไปยังชั้น 2 ก็จะมี Facilities ส่วนหนึ่งคือสระว่ายน้ำขนาด 3.5 x 14 เมตร ที่ขนาดไม่ใหญ่ มีห้องฟิตเนสและห้องน้ำส่วนกลางอยู่ข้างๆกัน บนชั้นดาดฟ้าเป็น Facilities เปิดโล่งที่ส่วนปีกเหนือ เพราะส่วนปีกใต้เป็นงานระบบ การเข้าถึงลิฟท์จะส่งถึงได้แค่ชั้น 8 และต้องเดินบันไดหนีไฟขึ้นอีก 1 ชั้นถึงจะถึงชั้นดาดฟ้า ด้านบนก็มีการจัดพื้นที่เป็นสัดส่วน มีการ Guildline ให้กับลูกบ้านในการทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนมากคงใช้กันในช่วงๆเย็นๆรับลม

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคาประมาณ 65,000 บาทต่อตารางเมตร, 23 June 2015

  • ทำเล 7.25/10 – อยู่ในย่านชานเมือง ความอุดมสมบูรณ์ช่วงสุขุมวิทตอนปลายยังไม่เยอะมาก แต่กำลังเข้ามา สามารถเดินทางเข้าเมืองได้แต่รถติดและไปทางสมุทรปราการได้สะดวก
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ใกล้ถนนหลักสุขุมวิท ศรีนครินทร์ บางนา มีทางด่วนอยู่ไม่ไกล
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ระยะทางจากสถานีแบริ่ง 1.1 กิโลเมตรถึงโครงการ ไม่อยู่ในระยะเดิน ต้องอาศัยรถสาธารณะ แต่โครงการมีรถ Shuttle Service บริการเป็นช่วงๆ
  • วัสดุ 7.25/10 – Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ให้น้อยชิ้นไปหน่อยแต่แอร์ครบ  ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • แบบ 7.5/10 – แบบเดียวกับหลายๆโครงการของ Origin แบ่งตามการอยู่อาศัย แต่ขนาดค่อนข้างเล็ก
  • สาธารณูปโภค 7.25/10 – ตามมาตรฐานคอนโด Low Rise แต่พื้นที่ชั้น 2 สระว่ายน้ำไม่ความเป็นส่วนตัวเพราะระยะห่างอาคารและชั้น Facilities เปิดโล่งบนดาดฟ้า
  • ECONOMY CLASS 
  • 7.39 / 10.00 

 

BOTTOM LINE

Pause ID เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่อุดมสุข-ลาซาล-แบริ่งอยู่แล้ว มีรถใช้ส่วนตัวบ้าง ใช้รถสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หรือเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโดยพึ่งพา Shuttle Service ของโครงการ ยอมอยู่สถานีที่ไกลจากสถานีหน่อยแต่ได้ราคาสบายกระเป๋ามากกว่า มีงบประมาณประมาณ 1,200,000 – 2,400,000 บาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 3,000 – 6,000 บาท

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/register/