cover 3-4 review1

รีวิวฉบับที่ 1059 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างโครงการ NOTTING HILL hyde park-สะพานใหม่ คอนโดสูง 14 ชั้น บนถนนรัตนโกสินทร์สมโภชที่พึ่งเปิดให้วิ่งรถกันสดร้อนๆลึกเข้ามา 500 เมตร ซึ่งถนนรัตนโกสินทร์สมโภชตัดจากถนนพหลโยธินที่เป็นเส้นทางวิ่งของรถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต โดยมีสถานีในอนาคตที่ใกล้ที่สุดคือสถานีสายหยุดซึ่งอยู่ในระยะเดิน 650 เมตรโดยประมาณ

Facts @ 07 April 2016

  • NOTTING HILL hyde park-sapanmai (น็อตติ้ง ฮิลล์ ไฮด์ พาร์ค-สะพานใหม่)
  • บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : เขตสายไหม กรุงเทพ
  • ประเภทคอนโด : High Rise 14 ชั้น 536 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด : 46 ยูนิต
  • ที่จอดรถ : ประมาณ 37% หรือรวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 49%
  • ที่ดินประมาณ 3-3-60.7 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q4 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q1 2562
  • 1 Bedroom : Superior ขนาด 23.2-24.3 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น)
  • 1 Bedroom : Deluxe (S-M) ขนาด 26.1-29.7 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
  • 1 Bedroom : Deluxe (L) ขนาด 30-31.1 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus : Suite ขนาด 34.1-34.4 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.64 ล้านบาท
  • 1 Bedroom : Suite Terrace ขนาด 33.6-34 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
  • 1 Bedroom : Suite Duplex ขนาด 29.9-30.4 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.04 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms : Penthouse ขนาด 41.4-48.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.14 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms : Penthouse Terrace ขนาด 65.1 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.84 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms : Penthouse Duplex ขนาด 48.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5.04 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น : 1.59 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 77,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 65,000-89,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 02-399-4466

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.888312, 100.610326

NOTS ; แผนที่สำนักงานขาย.001

ที่ตั้งของโครงการ NOTTING HILL hyde park-สะพานใหม่ ตั้งอยู่บนถนนรัตนโกสินทร์สมโภชที่เป็นถนนตัดใหม่ระหว่างถนนพหลโยธินและถนนสุขาภิบาล 5 โดยที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากจุดตัดของถนนพหลโยธิน 500 เมตร และบนถนนพหลโยธินใกล้ๆกันก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดกับโครงการคือสถานีสายหยุดห่างออกไป 650 เมตร

MAP 1

โครงการ NOTTING HILL hyde park-สะพานใหม่ ตั้งอยู่ริมถนนรัตนโกสินทร์สมโภชที่ตัดจากถนนใหญ่พหลโยธินขาเข้า โดยเดิมทีถนนรัตนโกสินทร์สมโภชคือซอยพหลโยธิน 50 ส่วนถนนพหลโยธินนั้นยาวมาตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขึ้นเหนือไปเรื่อยผ่านปทุมธานี ทำให้การเข้าถึงโครงการสามารถเข้าได้จากถนนหลายสายทั้งที่ตัดผ่านและบรรจบ ตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าและขาออก มีสะพาน U-turn ให้เลือกกลับรถเยอะ หรือจะเป็นถนนแจ้งวัฒนะที่มาจากทางนนทบุรีที่เป็นพื้นที่รองรับการขยายเมืองอย่างศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และห้างสรรพสินค้าต่างๆสองข้างริมถนนใหญ่ รวมถึงอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญที่เป็นวงเวียนและสะพานข้ามแยกของถนนพหลโยธิน, ถนนแจ้งวัฒนะและถนนรามอินทรามุ่งหน้ามีนบุรี ส่วนทางเหนือเป็นถนนสายไหม ลำลูกกา ที่มีบ้านจัดสรรแนวราบเปิดอยู่หลายโครงการ ภายในบริเวณไม่เกิน 10 กิโลเมตรก็จะมีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่หลายแห่ง, โรงเรียน,วัด, เขตทหาร รวมไปถึงสนามบินดอนเมือง

ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนที่อาศัยอยู่ภายในพื้นที่อยู่แล้วหรือทำงานประจำอยู่แถบวิภาวดี-นนทบุรี-มีนบุรี จะถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่ความสะดวก แต่ปริมาณรถในช่วงเช้า-เย็น ช่วงเข้างานและหลังเลิกงานก็จะมีปริมาณมาก เนื่องจากถนนพหลโยธินนั้นผ่านตั้งแต่พื้นที่ในเมือง ลาดพร้าว และขึ้นไปยังพื้นที่ที่อยู่อาศัย รวมถึงขนานกับเส้นวิภาวดีรังสิตที่เป็นถนนเส้นหลัก รวมถึงมีศูนย์ราชการ และสถานที่ราชการอยู่ไม่ไกล ทำให้การเดินทางในบางช่วงเวลาอาจใช้เวลานานกว่าที่คิด โดยเฉพาะตอนนี้มีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำให้รถติดมากเพราะช่องจราจรน้อยลง บางจุดที่เคยกลับรถได้ก็กลับรถไม่ได้ และมีการทุบสะพานลอยส่วนใหญ่ทิ้งเปลี่ยนเป็นการเดินข้ามทางม้าลาย ทำให้การเดินรถจะหยุดบ่อยขึ้น

MAP 2 mass place1

พื้นที่ชานเมืองตอนเหนือของกรุงเทพ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร ปะปนกับสิ่งปลูกสร้างที่เกื้อกูลในการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างใกล้ๆโครงการบนถนนพหลโยธินขาออกมีตลาดยิ่งเจริญที่เป็นตลาดสดขนาดใหญ่ เปิดขายตั้งแต่เช้าถึงเย็น รวมไปถึง Tesco Lotus และ BigC Supercenter ที่อยู่ไม่ไกลนัก และมีโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัลอยู่ใกล้ๆกัน บนสองฝั่งของถนนส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น โดยชั้นล่างสุดเปิดเป็นร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆที่ง่ายต่อการซื้อ-ขาย ในซอยก็จะมีทั้งซอยตันและซอยที่ตัดผ่านเข้าไปด้านในเป็นชุมชนบ้านเดี่ยวมีเปิดเป็นบริษัทเล็กๆบ้างนิดหน่อย รวมถึงหอพัก และอพาร์ตเมนท์หลังไม่ใหญ่ โดยรวมย่านนี้เป็นย่านค้าขายที่ค่อนข้างคึกคักเป็นที่รู้กันของคนแถวนี้ค่ะ

ส่วนในเรื่องของระบบขนส่งสาธารณะก็จะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ตัดมาจากสถานีศูนย์ราชการตรงรัตนาธิเบศร์เป็นสถานี Interchange สายสีชมพู-ม่วง-น้ำตาล สายสีชมพูจะจัดตรงมาเรื่อยๆบนถนนแจ้งวัฒนะข้ามทางรถไฟ และเลยไปถึงถนนรามอินทรา และอีกสายหนึ่งคือสายสีเขียวต่อขยายช่วงห้าแยกลาดพร้าว-คูคต โดยมีสถานีวัดพระศรีมหาธาตุและสถานีวงเวียนหลักสี่เป็นสถานี Interchange ที่เดินเชื่อมต่อกันได้ แต่ไม่ได้ใช้ตัวสถานีเดียวกัน สถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุดคือสถานีสายหยุด ที่เป็นสถานีต่อจากสถานี Interchange อยู่ในระยะเดินจากบันไดลงประมาณ 650 เมตรถึงโครงการ ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า เราคงจะเร่ิมเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ไปในทางที่ดีขึ้น และเข้าถึงง่ายมาขึ้นนะคะ

ตัดกลับมาสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่มีสถานีรถไฟฟ้าใดๆในระยะ 5 กิโลเมตร เราก็ยังคงจะต้องพึ่งพารถตู้บนถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนพหลโยธิน รวมถึงรถเมล์ แท๊กซี่ และพี่วินที่สามารถเรียกได้ตามถนนใหญ่

MAP 3 route

การเดินทางเข้าโครงการวันนี้ จะเริ่มต้นกันที่บนถนนวิภาวดีขาออกมุ่งหน้ารังสิต  เราจะตรงไปเรื่อยๆผ่านจุดตัดถนนแจ้งวัฒนะ ตรงต่อไปที่สะพานกลับรถก่อนจะถึงสนามบินดอนเมืองเพื่อกลับรถมาอยู่บนถนนวิภาวดีขาเข้า เลี้ยวซ้ายเข้ามุ่งหน้ารามอินทรา และเลี้ยวซ้ายอีกทีที่แยกรามอินทราตรงวงเวียนอนุสาวรีย์มาอยู่บนถนนพหลโยธินขาออก กลับรถที่จุดกลับรถหน้า BigC มาอยู่บนถนนพหลโยธินขาเข้า แล้วเลี้ยวซ้ายที่ถนนรัตนโกสินทร์สมโภช วิ่งตรงไปประมาณ 600 เมตรจะเจอจุดกลับรถ ให้กลับรถแล้วตรงประมาณ 100 เมตรจะเจอที่ดินโครงการอยู่ทางซ้ายมือ

ที่ดินโครงการที่อยู่บนถนนรัตนโกสินทร์สมโภชจะเป็นแค่แปลงล้อมรั้วนะคะ ส่วน Sales office ของโครงการจะอยู่บนถนนพหลโยธินขาเข้าเลยโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัลมาอีกหน่อย ตามแผนที่คือเบอร์ 3 หรือ Sales office เดียวกับ Knightbridge สะพานใหม่

Update 12/01/17 ตอนนี้สำนักงานขายย้ายจากริมถนนพหลโยธินไปอยู่ช่วงต้นๆใน ถนน เทพรักษ์ (รัตนโกสินทร์สมโภช) แล้วนะคะ

บ้านกลางเมือง-location-1 copy

เริ่มต้นการเดินทางกันที่ถนนวิภาวดีรังสิตขาออก มุ่งหน้ารังสิต ก่อนจะถึงแยกเลี้ยวซ้ายเข้างามวงศ์วาน-ปากเกร็ด เราจะเลยแยกไป เพื่อมุ่งหน้าหาสะพานกลับรถไปยังฝั่งถนนวิภาวดีขาเข้า

บ้านกลางเมือง-location-2 copy

ผ่านแยกมาก็จะเจอป้ายบอกทางไปยังสะพานกลับรถให้ชิดซ้าย ส่วนชิดขวาคือทางเข้าของสนามบินดอนเมือง ตรงกลางสองเลนจะกั้นไว้สำหรับด่านทางขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ออกนอกเมืองไปรังสิต-บางปะอิน

บ้านกลางเมือง-location-4 copy

เลยมาไม่ไกลจะเจอสะพานกลับรถจากถนนวิภาวดีขาออกไปยังขาเข้า

แล้วเราก็มาลงที่ถนนวิภาวดีขาเข้า

บนถนนวิภาวดีขาเข้าทางค่อนข้างจะคดเคี้ยวและความกว้างไม่เท่ากันตลอดเส้น บางทีจะแคบลงเนื่องจากมีสถานีระบายน้ำสำหรับคลองที่อยู่ข้างๆทางซ้ายมือ บางจุดก็จะขยายกว้างเป็นถนน 4 เลน

บ้านกลางเมือง-location-8

ตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอแยกเลี้ยวซ้ายไปยังถนนแจ้งวัฒนะที่เชื่อมกับเส้นรามอินทรา เราจะชิดซ้ายกันค่ะ ส่วนด่านโทลล์เวย์เข้าเมืองที่ใกล้ที่สุดจะต้องเลยแยกนี้ไปหน่อยนึง

knightbridge-1 copy

อยู่ในช่องเลี้ยวซ้ายเรียบร้อย เราจะเลี้ยวซ้ายตามทาง เหนือจากถนนใหญ่ขึ้นไปจะเห็นว่ามีสะพานลอยข้ามถนนวิภาวดีรังสิตยาวมากเพื่อให้คนที่ขึ้น-ลง รถเมล์หรือรถตู้ได้ใช้กัน

เลี้ยวซ้ายเข้ามาอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะเป็นถนน 4 เลนที่ทางซ้ายมือจะมีป้ายรถเมล์ รถตู้ อยู่เรื่อยๆ พร้อมสะพานลอยคนข้าม

knightbridge-4

ตรงมาอีกนิดก็จะเจอป้ายบอกทาง ถ้าชิดขวาจะมีสะพานลอยข้ามแยกมุ่งหน้ามีนบุรี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปวนรถที่อนุสาวรีย์ หรือจะชิดซ้ายไว้ เพื่อเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าสะพานใหม่ หรือวนรถไปทางขวาที่อนุสาวรีย์ 270 องศาไปลาดพร้าว

บนถนนแจ้งวัฒนะ เริ่มมีแยกเส้นทางระหว่างสะพานข้ามแยกทางขวา และเส้นที่ตรงไปธรรมดาทางซ้ายที่จะเข้าสู่วงเวียนอนุสาวรีย์

knightbridge-6

ป้ายบอกทางให้เลือกเส้นทางในการใช้วงเวียนอนุสาวรีย์ คือถ้าเลี้ยวซ้าย จะมุ่งหน้าสะพานใหม่ หรือจะวนแล้วตรงไปยังรามอินทรา-มีนบุรี หรือจะวนไปทางขวายาวแล้วเลยไปยังเส้นรัชโยธิน-ลาดพร้าว

knightbridge-7 copy

เราจะเร่ิมเข้าวงเวียนอนุสาวรีย์กันแล้วนะคะเป็นทางวนซ้ายทั้งหมด ก่อนจะถึงวงเวียนก็จะมีสัญญาณไฟ รวมถึงป้ายบอกทางต่างๆ

knightbridge-8 copy

เราวนมาทางซ้าย 90 องศา แล้วตรงไปยังเส้นพหลโยธินขาออก

เข้ามาสู่เส้นพหลโยธินแล้วก็จะเริ่มมีความคึกคัก มีสภาพแวดล้อมเร่ิมเป็นชุมชมมากขึ้น ทางซ้ายมือก็คือคอนโดติดถนนใหญ่ที่กำลังก่อสร้าง ส่วนทางขวาก็จะเป็นห้างอย่าง Tesco Lotus

ถนนพหลโยธินเป็นถนนที่ยาวตั้งแต่ในเมืองไปยังนอกเมืองแถบปทุมธานี ขนานกับเส้นวิภาวดีรังสิต ทำให้มีรถเมล์ รถตู้ให้บริการจอดรับ-ส่งเยอะมากๆ รวมถึงมีจุดกลับรถและสะพานลอยอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งปัจจุบันบนถนนพหลโยธินมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำให้ช่องทางการจราจรน้อยลงจากที่เคยกว้าง 3 เลนเหลือ 2 เลน จะสังเกตได้ว่าเริ่มมีการผูกเส้นเหล็กเพื่อสร้างตัวเสาบ้างแล้ว

สองข้างทางส่วนใหญ่สิ่งปลูกสร้างก็จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ที่ชั้นล่างเป็นเป็นร้านค้า บริการ อาหาร และที่ค่อนข้างจะฮิตในพื้นที่นี้จะเป็นบริการที่เกี่ยวกับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นโชว์รูม, ปั้มน้ำมันแบรนด์ต่างๆ, เต้นท์รถมือสอง รวมไปถึงร้านรับซ่อมเครื่องยนต์

มีป้ายบอกทางอยู่ด้านบนก่อนจะถึงแยกคือถ้าตรงไปจะไปรังสิต-ลำลูกกา หรือถ้าเลี้ยวขวาจะไปที่ถนนรัตนโกสินทร์สมโภชที่เป็นถนนตัดใหม่ซึ่งไปตัดกับถนนสุขาภิบาล 5 ได้ แต่ด้วยการก่อสร้างของเส้นทางรถไฟฟ้า ทำให้ตอนนี้เรายังไม่มีแยกที่เลี้ยวขวาได้เลยนะคะ ต้องเลยไปกลับรถ

ตรงมาบนถนนพหลโยธินอีกก็จะเจอ BigC อยู่ทางขวามือ ตรงไปอีกนิดนึงจะเจอทางกลับรถ

ชิดขวามาเรื่อยๆก็จะเจอจุดกลับรถอยู่ด้านหน้ามูลนิธิ

กลับรถมาบนถนนพหลโยธินขาเข้าเมือง ทางซ้ายมือเราคือ BigC ซึ่งเป็นแปลงหัวมุม เราจะชิดซ้ายแล้วเลี้ยวเข้าถนนรัตนโกสินทร์สมโภชที่ด้านหน้าค่ะ

มีทางเลี้ยวซ้ายให้เรียบร้อยเข้าถนนรัตนโกสินทร์สมโภช หรือซอยพหลโยธิน 50

เรามาอยู่ช่วงต้นของถนนกว้าง 4 เลนกว้างมากๆมีที่เหลือเลนทางซ้ายมือให้จอดรถชั่วคราวได้สบายๆ ปริมาณรถไม่มากเท่าไร มีคอนโด Low rise ที่สร้างเสร็จใหม่ๆและกำลังสร้างอยู่ทั้งซ้ายและขวามือ

เลยช่วงต้นถนนมาอีกนิดนึงก็จะเจอกับโรงเรียนนิเวศน์วารินอยู่ทางขวามือ ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นเต้นท์รถมือ 2 ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ยังคงการใช้งานแบบเดิมตั้งแต่ก่อนขยายถนนอยู่

ตรงเข้าถนนรัตนโกสินทร์สมโภชมา 500 เมตร ทางขวามือจะเป็นที่ดินของโครงการโดยมีการล้อมรั้วปิดป้ายบอกแนวเขตของที่ดินเรียบร้อยแล้ว

ทางขวามือของแปลงที่ดินหรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น

notting-hill-hyde-park_sale-office

Update 12/01/17 ตอนนี้สำนักงานขายย้ายมาอยู่ริมที่ดินแล้วนะคะ

ฝั่งซ้ายมือของแปลงที่ดินหรือทิศตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นแปลงที่ดินว่าเปล่า ไม่มีการใช้งานใดๆ

จากที่จอดรถถ่ายรูปกันไป ตรงไปอีก 100 เมตรจะเจอจุดกลับรถเพื่อไปยังหน้าที่ดินของโครงการ ถ้าเราตรงไปเรื่อยๆจะไปตัดกับถนนสุขาภิบาล 5

กลับรถมาบนถนนรัตนโกสินทร์สมโภชมุ่งหน้าไปทางถนนพหลโยธิน เนื่องจากถนนหน้าโครงการเป็นถนนใหม่ ทำให้ทางเท้าหน้าโครงการกว้างและเรียบร้อยไปด้วย แนวเขตที่ดินตามแนวรั้วที่ทางโครงการกั้นมาเลยนะคะ

ถนนหน้าโครงการกว้างมากๆ ยังไม่ค่อยมีรถวิ่งใช้งานมากเท่าไร เรียกได้ว่าค่อนข้างเงียบเหงาก็ได้

ฝั่งตรงข้ามกับแปลงที่ดินคือที่ดินว่าเปล่า ที่มีคนมาปักป้ายโฆษณาคอนโดเต็มไปหมด ไปทางขวาและซ้ายหน่อยๆก็จะเป็นบ้านพักอาศัยไม่เกิน 2 ชั้น และลึกเข้าไปจะเป็นแมนชั่นพักอาศัย

MAP 4 neighbor

มาดูรอบๆโครงการกันหน่อยนะคะ ทางเข้าโครงการมีทางเดียวคือจากถนนรัตนโกสินทร์สมโภชฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าไปทางถนนพหลโยธิน โดยถนนรัตนโกสินทร์สมโภชเป็นถนนตัดใหม่ระหว่างถนนพหลโยธินและถนนสุขาภิบาล5 มีจุดประสงค์เพื่อระบายรถจากถนนพหลโยธินที่ติดมากๆกระจายไปทางตะวันออกบ้าง โดยตัวถนนหน้าโครงการเองเป็นถนนที่ยังมีการใช้งานไม่เยอะเท่าไรนัก

รอบๆที่ดินโครงการยังเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ว่างเปล่าและบ้านพักอาศัยแบบสร้างเองขนาดไม่ใหญ่มาก โดยทางตะวันออกของแปลงที่ดินเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ถัดไปทางขวาคือทาวน์โฮมสูง 3 ชั้นที่สร้างมานานแล้ว ส่วนทางตะวันตกหรือทางซ้ายมือเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้นและถัดไปก็เป็นพื้นที่ว่างเปล่าเช่นกัน ฝั่งตรงข้ามของถนนก็เป็นพื้นที่ว่างเปล่า ประกบด้วยบ้านพักอาศัยทั้งสองฝั่ง

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาดูแผนในอนาคตของถนนรัตนโกสินมาโภชกันหน่อยนะคะ โดยปัจจุบันถนนเปิดให้วิ่งเส้นระหว่างถนนพหลโยธินไปจนถึงสุขาภิบาล 5 แต่ในอนาคตมีแผนจะตัดไปสุดตะวันตกที่ถนนวิภาวดีรังสิตที่เป็นเส้นสีเขียวๆ ส่วนทางตะวันออกจะเป็นเส้นประสีส้มไปถึงถนนนิมิตรใหม่

ในปัจจุบันจากถนนรัตนโกสินทร์สมโภชสามารถวิ่งไปทางถนนสุขาภิบาล 5 เพื่อขึ้น-ลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ส่วนทางขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์เข้าเมืองจะต้องออกไปที่ถนนแจ้งวัฒนะเลี้ยวซ้ายไปถนนวิภาวดีขาเข้า จะมีด่านทางขึ้นอยู่ไม่ไกล

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • BigC Supermarket 600 เมตร
  • โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล 650 เมตร
  • ตลาดยิ่งเจริญ 1.5 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus 2 กิโลเมตร
  • สำนักงานเขตบางเขน 2.7 กิโลเมตร
  • Central รามอินทรา 3.2 กิโลเมตร
  • วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร 3.9 กิโลเมตร
  • กรมทหารราบที่ 11 4.1 กิโลเมตร
  • ม.ศรีปทุม 5.3 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสารวิทยา 5.5 กิโลเมตร
  • ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ 6.9 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน 8.5 กิโลเมตร
  • สนามกอล์ฟราชพฤกษ์ 8.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลวิภาวดี 9.5 กิโลเมตร
  • Major รัชโยธิน 11 กิโลเมตร
  • Central ลาดพร้าว 11.4 กิโลเมตร
  • สนามบินดอนเมือง 11.4 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โมเดลของโครงการ NOTTING HILL hyde park-สะพานใหม่ คอนโด High Rise สูง 14 ชั้น 536 ยูนิต ตัวอาคารเป็นรูปตัว L ประกบกัน หันหน้าโครงการออกถนนรัตนโกสินทร์สมโภช แปลงที่ดินเป็นรูปหลายเหลี่ยม หน้าแคบ ส่วนอาคารใช้โทนสีขาว-เทาตกแต่ง ชั้น 1-2 เป็นชั้นจอดรถ เร่ิมมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 3 ไปถึงชั้น 14 โดยชั้น Facility ส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้น 1 ที่มี Lobby และพื้นที่รอบอาคาร, ชั้น 3 ที่มีพื้นที่สีเขียวมาพร้อมชื่อเรียกต่างๆและสระว่ายน้ำ ที่เหลืออยู่บนชั้น 14

ทางเข้า-ออกโครงการก็จะมีการจัดพื้นที่ Landscape หน้าโครงการเป็นแบบเปิดโล่งหน่อย ป้ายโครงการอยู่บนป้อมพี่ยามทางซ้ายมือของทางเข้า-ออก โดยระบบการเข้าออกจะเป็นแบบไม้กั้นเปิด-ปิด ทางขวามือจะเป็นพื้นที่การค้า ดีไซน์คืออาคารสูง 2 ชั้น ยังไม่มีการะบุรายละเอียดว่าจะปล่อยเช่าหรือขายขาดหรือเป็นกรรมสิทธิ์ของคอนโดหรือออริจิ้น เข้าไปด้านในก็จะมีที่จอดรถทั้งในอาคารชั้น 1-2 และพื้นที่รอบอาคารทั้งหมด โดยมี Facility คือ Lobby ที่อยู่ด้านหน้า

ฝั่งตะวันออกของโครงการ ส่วนหน้าจะเป็น Facility ที่ชั้น 3 และส่วนด้านหลังจะเป็นห้องพักที่ได้ระเบียงและช่องแสงทางทิศตะวันออก เหมาะกับคนตื่นเช้าเพราะแสงจะส่องเข้าตัวห้องพอดี ส่วนการเอา Facility หลักมาไว้ทิศนี้เพราะช่วงเย็นๆที่แดดเปลี่ยนทิศแล้ว ตัวอาคารจะบังแดดให้กับ Facility ส่วนหน้านี้ทำให้ใช้พื้นที่ส่วนกลางได้แบบไม่โดดแดดทั้งบริเวณเลย

พื้นที่ส่วนกลางด้านหน้าที่ชั้น 3 จะออกมาได้จะต้องผ่าน Lobby garden ที่อยู่ในร่มสูง Double ceiling height คือกินพื้นที่ชั้น 4 ไปด้วย ออกมาแล้วจะเจอกับสระว่ายน้ำขนาด 8 x 25 เมตร ส่วนพื้นที่สีเขียวข้างๆมีชื่อว่า Pavilion garden โดยมีทั้งสนามหญ้า ไม้พุ่มและต้นไม่ใหญ่

ข้างๆสระว่ายน้ำจะมียูนิตพิเศษคือ 1 bedroom – suite terrace จำนวน 5 ยูนิต คือมีระเบียงที่มีประตูเปิดออกมายังพื้นที่ข้างสระแล้วกระโดดลงน้ำได้เลย มีข้อดีตรงที่ระเบียงจะมีขนาดใหญ่กว่ายูนิตอื่นๆ แต่ก็มีข้อเสียหน่อยตรงที่ความเป็นส่วนตัวจะน้อยกว่ายูนิตของเพื่อนบ้าน

ส่วนห้องมุมทางสวนด้านในก็จะเป็นยูนิตพิเศษยูนิตเดียวคือ 2 bedrooms – penthouse terrace โดยมีระเบียงขนาดใหญ่กว่าเพื่อนๆเช่นกัน

เหนือขึ้นไปที่ชั้น 14 จะมียูนิตแบบพิเศษอีกเช่นกันคือ 10 ยูนิตตรงกลางคือแบบ 1 bedroom-suite duplex โดยมีความสูง 4.2 เมตร ซึ่งจะดันเอาห้องนอนไปไว้ที่ชั้นบน ชั้นล่างจะเป็นห้องนั่งเล่น แต่พื้นที่ชั้นบนจะไม่ออกโฉนด ดังนั้นจะไม่มีทางออกไปยังลิฟท์หรือทางหนีไฟได้เหมือนตามที่กฎหมายบังคับ ส่วนทางซ้ายมือ 1 ยูนิตพิเศษเช่นกันคือ 2 bedrooms penthouse duplex สูง 4.2 เมตรแต่เป็นแบบ 2 ห้องนอน

ส่วนทางขวามือที่ใกล้หมายเลข 10 จะเป็นส่วนของ Sky lounge ที่มีความสูง 4.2 เมตรเช่นเดียวกับห้องพักข้างๆกัน โดยข้างๆอีกฝั่งก็จะเป็นส่วน Sky garden ได้วิวหน้าโครงการถนนรัตนโกสินทร์สมโภช

ฝั่งตะวันตกของโครงการจะสลับกับฝั่งตะวันออก คือมีห้องอยู่ส่วนหน้าของอาคาร ได้แสงตอนบ่าย-เย็น ส่วน Facility อยู่ด้านหลังของโครงการ

Facility อยู่บนชั้น 3 เช่นเดียวกัน เข้าถึงด้วยการผ่านจาก Lobby garden เหมือนกัน โดยส่วนนี้จะเรียกว่า Infinity garden โดยประกอบไปด้วย Sunken pool และพื้นที่สีเขียว ซึ่งขนาดของ Facility ส่วนหลังนี้จะขนาดเล็กกว่าส่วนหน้าซักหน่อย เพราะมีจุดประสงค์สำหรับการใช้งานในช่วงเช้า เพราะแดดเข้าไม่ถึงเนื่องจากอาคารบังไว้และการใช้งานในตอนเช้าจะมีลูกบ้านใช้น้อยกว่าช่วงเย็นอยู่แล้ว จึงไปเพิ่มขนาดและการใช้งานฝั่งตะวันออกมากกว่า

ฝั่งใต้หรือด้านหลังของโครงการ ที่ดินจะเป็นรูปหลายเหลี่ยมหน่อยซึ่งทำให้อาคารออกแบบมาเป็นรูปตัว L ประกบกันแบบนี้ มีพื้นที่รอบแปลงที่ดินเป็นพื้นที่สีเขียวปลูกต้นไม้ใหญ่เป็นแนวไป

ชั้น 1-2 ของอาคารจะเป็นชั้นจอดรถ โดยพื้นของชั้น 1 จะอยู่ตำ่กว่าพื้นของระดับที่ดินปกติลงไป 1.2 เมตร โดยที่จอดรถภายในอาคารที่ชั้น 1-2 และรอบบริเวณมีประมาณ 37% ถ้าคิดรวมจอดซ้อนคันคือ 49%

ผังชั้น 1 จะเป็นในส่วนรอบบริเวณอาคารที่เป็นพื้นที่จอดรถ พื้นที่สีเขียวและ Commercial หน้าโครงการนะคะ แต่ภายในอาคารจะเป็นผังของชั้น 3 ที่เป็นชั้นที่เริ่มมีห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง

โดยชั้น 3 จะมีพื้นที่ตรงกลางที่เชื่อมต่อแต่ละส่วนเรียกว่า Lobby garden ซึ่งจะเป็นส่วนที่เชื่อมห้องพักทั้งสองฝั่ง ด้านหน้าและด้านหลัก รวมถึงเป็นจุดที่สามารถเดินออกไปยัง Facility ด้านหน้าโครงการที่เรียกว่า Pavilion garden และด้านหลังที่เรียกว่า Infinity garden ซึ่งตัว Lobby Garden จะออกแบบเป็น Double ceiling height คือกินพื้นที่ชั้น 4 ขึ้นไปอีก

Facility ส่วนหน้าของโครงการหรืออยู่ที่ทิศตะวันออกประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำขนาด 8 x 25 เมตร ข้างๆกันจะมีพื้นที่สีเขียวและ Pavilion เล็กๆเป็นที่นั่งเล่นหลบร่มได้ ส่วนพื้นที่ด้านหลังเป็นพื้นที่สีเขียวเช่นกัน โดยจะมี Sunken pool เป็นบ่อน้ำขนาดเล็ก พื้นที่สีเขียวภายในโครงการแม้จะมีหลายจุดแต่พอรวมๆกันแล้วจะได้พื้นที่ประมาณ 1,700 ตารางเมตร

ชั้นที่ 3 เป็นชั้นพักอาศัยด้วย มีทั้งหมด 37 ยูนิต โดยขนาดก็จะมีตั้งแต่ 23.2 ตารางเมตร ไปจนถึง 65.1 ตารางเมตร โดยมียูนิตพิเศษที่ข้างสระว่ายน้ำคือแบบ 1 bedroom – suite terrace จำนวน 5 ยูนิต คือมีระเบียงที่มีประตูเปิดออกมายังพื้นที่ข้างสระแล้วกระโดดลงน้ำได้เลย มีข้อดีตรงที่ระเบียงจะมีขนาดใหญ่กว่ายูนิตอื่นๆแต่พื้นที่ใช้สอยด้านในเท่ากัน และความเป็นส่วนตัวจะน้อยกว่ายูนิตของเพื่อนบ้านหน่อย อีกยูนิตนึงคือแบบ 2 bedrooms – penthouse terrace มีระเบียงขนาดใหญ่กว่าเพื่อนๆเช่นกันที่อยู่มุมอาคาร  Facility ด้านหน้าเช่นกัน โดยการขึ้นลงของอาคารจะมีลิฟท์โดยสาร 3 ตัวและ Service lift อีก 1 ตัว โดยสามาารถเดินทะลุกันได้ทั้งชั้นเลย โดยถ้าใครมาจากหน้าโครงการไม่ต้องวนจอดรถอาจจะเข้าถึงลิฟท์ด้านหนัาโครงการได้ง่ายกว่าตัวที่อยู่ตรงกลางอาคาร

ชั้น 5-12 เป็นชั้นที่มีจำนวนยูนิตเยอะที่สุดคือ 46 ยูนิต จัดว่ามีห้องพักต่อชั้นค่อนข้างมากนะคะเมื่อเทียบกับโครงการมาตรฐานทั่วๆไป ชั้น 5-12 เป็น Typical Floor ของโครงการนี้ จัดวางห้องพักแบบ Double Corridor คือมีห้องฝั่งตรงข้ามคั่นกลางด้วยโถงทางเดินยาวมาก ซึ่งเดินเชื่อมต่อกันได้หมดเพราะอยู่ภายในอาคารเดียวกัน โดยหลักๆแล้วจะเป็นห้อง 1  bedroom ซะเป็นส่วนใหญ่ มี 1 bedroom plus และ 2 bedroom ตามห้องมุมต่างๆที่ลงสีเข้มเท่านั้น

วิวที่จะได้ของโครงการนี้ยังไม่มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพื้นที่ว่างเปล่าและบ้านพักอาศัยแนวราบ ซึ่งไม่เหมือนกับช่วงต้นถนนรัตนโกสินทร์สมโภชที่มีคอนโด Low rise อยู่เยอะ ดังนั้นการเลือกห้องพักจะอยู่ที่ทิศมากกว่าว่าฝั่งไหนแดดเข้าช่วงเวลาไหน อย่างห้องที่มีช่องแสงและระเบียงทางตะวันออกแดดจะเข้าเช้า และห้องหันไปทางตะวันตกแดดจะเข้าช่วงบ่ายสองเป็นต้นไป และเก็บความร้อนไว้ในห้องถึงช่วงเย็น แต่ทิศลมจะเข้าทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งการออกแบบอาคารนี้รองรับให้ไม่บังลมซึ่งกันและกันอยู่แล้ว

ต่อมาที่ชั้นบนสุดหรือชั้น 14 เป็นชั้นที่มี Facility อยู่ด้านหน้าอาคาร 2 จุดคือ Sky lounge และ Sky garden โดยอยู่ด้านหน้าโครงการใกล้ๆกัน นอกนั้นก็จะเป็นห้องพักตามปกติเหมือนกับชั้นอื่นๆ แต่ชั้นนี้ก็จะมีห้องพักออกแบบพิเศษอีกคือแถบที่เห็น Facility ส่วนหน้าจะมียูนิต 1 bedroom-suite duplex จำนวน 10 ยูนิตที่มีความสูง 4.2 เมตร จะดันเอาห้องนอนไปไว้ที่ชั้นบน ชั้นล่างจะเป็นห้องนั่งเล่น แต่พื้นที่ชั้นบนจะไม่ออกโฉนด ดังนั้นจะไม่มีทางออกไปยังลิฟท์หรือทางหนีไฟได้เหมือนตามที่กฎหมายบังคับ ส่วนทางซ้ายมือที่เป็นห้องมุม 1 ยูนิตพิเศษเช่นกันคือ 2 bedrooms penthouse duplex สูง 4.2 เมตรแต่เป็นแบบ 2 ห้องนอน

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1 – Lobby
  • ชั้น 3 – Infinity garden
  • ชั้น 3 – Lobby garden ในร่ม (double ceiling height)
  • ชั้น 3 – Pavilion garden
  • ชั้น 3 – Garden pool สระว่ายน้ำ ขนาด 8 x 25 เมตร
  • ชั้น 3 – Fitness garden ขนาด 70 ตารางเมตร
  • ชั้น 3 – Sunken pool
  • ชั้น 14 – Sky lounge
  • ชั้น 14 – Sky garden
  • ลิฟท์โดยสารแบบ Proxy lift 3 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 178 : 1 และ Service lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถ ประมาณ 37% หรือรวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 49%
  • เข้าโครงการด้วยระบบไม้กั้น มีระบบ CCTV และ Access Card
  • Retail อาคารสูง 2 ชั้น หน้าโครงการ

 


Product Walkthrough

เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกันนะคะ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 28.10-28.50 ตารางเมตร มีชั้นละ 8 ยูนิต มี Functions โดยรวมเหมือนกัน แตกต่างกันตามตำแหน่งห้องและขนาดนิดหน่อย

ส่วนแบบห้องตัวอย่างห้องนี้เป็น 1 Bedroom Deluxe รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ โดยมีพื้นที่ Living อยู่ที่ส่วนหน้า และมีห้องนอนอยู่ส่วนหลัง เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอชุดโซฟาและชั้นวางทีวีอยู่ส่วนหน้า เลยไปหน่อยจะเป็นที่วางโต๊ะทานข้าวและเก้าอี้ เดินไปทางขวาจะเป็นพื้นที่โต๊ะทำงาน อยู่ใกล้กับห้องน้ำ ส่วนพื้นที่ด้านในที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนมี 2 ห้อง ทางขวาคือห้องนอน ด้านในจะมีเตียงและตู้เสื้อผ้า ส่วนห้องทางซ้ายคือครัว ที่มีเคาท์เตอร์อยู่ทั้งด้านล่างและบน ด้านในเป็นประตูเลื่อนเปิดออกไปยังระเบียง การจัดผังห้องให้ห้องน้ำอยู่ส่วนด้านในของอาคาร คือไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆ แต่ห้องครัวจะอยู่ริมนอกของอาคารใกล้กับระเบียง ทำให้มีตัวช่วยในการระบายกลิ่น

เริ่มจากทางเข้าห้องนะคะ ประตูเป็นบาน MDF ขนาดมาตรฐาน 0.9 x 2 เมตร จากความสูงภายในห้อง 2.4 เมตร และตาแมว พร้อมประตูมือจับแบบก้านโยกพร้อม Digital Doorlock

พื้นห้องคือไม้สำเร็จรูปผิวลามิเนตสีน้ำตาลอ่อนหนา 8 มิลลิเมตร

Digital Doorlock ติดมาให้ที่ประตูทางเข้า

ส่วนแรกจากทางเข้าคือโซฟาตัวยาว ด้านในเป็นโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ฝั่งตรงข้ามหลังประตูทางด้านขวาเป็นชั้นวางทีวี ด้านซ้ายจะมีทางเดินไปยังโต๊ะทำงานก่อนถึงห้องน้ำ ส่วนพื้นที่ด้านในจะมีสองประตู ทางขวาที่เราเห็นกันคือประตูบานเลื่อนเข้าไปยังพื้นที่ครัวและออกไปยังพื้นที่ระเบียงด้านนอกได้ ส่วนทางซ้ายจะเป็นในส่วนของประตูบานเลื่อนของห้องนอน

รายการการขายที่ในวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลจะเป็นไปแบบ Fully Furnished คือให้ชุดเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่เห็นภายในห้องตัวอย่าง แต่ก็จะมีบางชิ้นเล็กๆน้อยๆที่เป็นชิ้นตกแต่ง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆไป พร้อมทั้งยังมีแอร์ให้ทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างทีวี ตู้เย็น หรือไมโครเวฟนะคะ

เข้ามาจะเจอโซฟาตัวยาวประมาณ 1.6 เมตรอยู่ทางขวามือ ตรงมุมมีโต๊ะเล็กๆและโคมไฟ พื้นห้องนั่งเล่นเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตรเป็นมาตรฐานของโครงการ ผนังห้องตัวอย่างจะตกแต่งทั้งเป็น Finishing ลายไม้สีเข้ม แต่ผนังที่ได้จริงจะเป็นฉาบปูนเรียบทาสีธรรมดา

ฝั่งตรงข้ามของชุดโซฟาก็จะเป็นชั้นวางทีวี มีแค่ในส่วนของตู้ด้านล่างแบบลอย มีทั้งบานเปิดและบานปิด ไม่ได้เป็นตู้แบบเต็มผนัง ทีวีสามารถซื้อแบบวางได้บนที่ตู้ หรือจะซื้อแบบติดผนังห้องก็ได้ค่ะ หลังประตูทางเข้าหลักที่โดนบังอยู่ก็จะเป็นชั้นวางรองเท้าและตู้เก็บของ

มุมในสุดเป็นตู้บานปิดแบบ Built-in กว้าง 45 เซนติเมตร ด้านล่างคือตู้รองเท้าที่สามารถวางได้แบบเบียดๆประมาณ 10 คู่ ข้างๆเป็นช่องแคบๆที่วางพวกของแบนๆ เช่น ร่ม ส่วนด้านบนเป็นช่องวางของธรรมดาไม่เฉพาะเจาะจง

เปิดชั้นวางทีวีขนาด 1.75 เมตรให้ดู ด้านล่างเป็นลิ้นชัก 3 อัน ส่วนด้านบนเป็นช่องแบบไม่มีบานปิด

ระยะดูทีวีในห้องนั่งเล่น เมื่อนั่งแล้วหักพนักพิงจะเหลือระยะอยู่ที่ประมาณราวๆ 2 เมตรนิดๆ

ข้างๆโซฟาก็จะเป็นชุดโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัววางทำมุมกันซึ่งจะขยับตัวได้มากกว่าแบบหันหน้าเข้าหากัน

ด้านในมีประตูบานเลื่อนสองบาน ทางซ้ายคือประตูห้องนอน ส่วนทางขวาคือประตูแบบบานเลื่อนเข้าห้องครัวที่สามารถเปิดได้ทั้งสองทาง ทำให้ห้องดูกว้างขวางดีเพราะเห็นทะลุกันได้หมด ก่อนจะเข้าห้องย่อยๆกัน เราจะหันไปดูพื้นที่โต๊ะทำงานแบบ Built-in ด้านซ้ายกันก่อน

โต๊ะทำงานแบบ Built-in กว้าง 1.7 เมตร มีโต๊ะทำงานเปล่าๆติดผนังอยู่ ข้างใต้ตรงกลางเป็นลิ้นชัก สองข้างซ้ายขวาเป็นช่องเปล่าๆ ไม่มีเก้าอี้มาให้ ด้านบนเป็นตู้แบบมีบานเลื่อนปิดซึ่งไม่ได้ในรายขายวัสดุนะคะ เหนือขึ้นไปอีกเป็นตำแหน่งแอร์ติดผนังของส่วนห้องนั่งเล่นซึ่งจะได้มาด้วย ซึ่งอย่างห้อง 1 bedroom จะได้แอร์ 2 ตัวคือภายในห้องนั่งเล่นและห้องนอนด้านใน

ดึงลิ้นชักออกมาให้ดู อีกสองช่องที่เหลือคือแบบไม่มีบานปิด เป็นที่ใส่ของปกติ

ต่อไปจะไปดูห้องน้ำที่อยู่ทางซ้ายมือของโต๊ะทำงานนะคะ บานประตูที่ห้องตัวอย่างไม่ได้ใส่เข้ามาด้วยเป็นแบบบาน HDF ขนาด 0.7 x 2 เมตร

พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกแบบด้านสีเทากลางขนาด 40 x 40 เซนติเมตร และลดระดับพื้นที่ห้องน้ำลงนิดหน่อยประมาณ 3 เซนติเมตร

ภายในห้องน้ำขนาด 1.4 x 2.1 เมตร สุขภัณฑ์สีขาวสะอาดจาก American Standard แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คืออ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกแบบยืนอาบน้ำ กั้นด้วยฉากกั้นแบบ 3 ตอน ผนังกรุด้วยกระเบื้องลายสีขาวขนาด 20 x 40 เซนติเมตร

เร่ิมกันจากอ่างล้างหน้าเดี่ยวๆ ไม่มีตู้ด้านล่างให้เก็บของ เวลาย้ายเข้าอยู่จริงก็ต้องวางของใช้ในห้องน้ำที่ขอบอ่างล้างมือ ถ้าไม่พออาจจะซื้อตู้มาติดเพิ่มด้านล่างหรือก่อปูนเป็นแบบปิดไปเลย

โถสุขภัณฑ์จาก American Standard พร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่ม้วนทิชชู

ส่วนริมซ้ายสุดเป็นพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำ มีฉากกั้นอาบน้ำสูง 2 เมตรเป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอนติดตั้งให้เรียบร้อย แต่ก็จะมีช่องว่างด้านบนเหลือ

ส่วนพื้นที่เปียกขนาด 0.7 x 1.1 เมตร ปูกระเบื้องแบบเดียวกับพื้นที่แห้งในห้องน้ำ คือกระเบื้องแบบด้านสีเทาอ่อนขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ไม่ลดระดับลงไป แต่ก็จะมีตัวคั่นสูงประมาณ 3 เซนติเมตรรวมความสูงของกรอบฉากกั้นก็ประมาณ 5 เซนติเมตร

ฝักบัวจาก American Standard เป็นแบบหัวก๊อกหัวเดียว ไม่มีเครื่องทำน้ำร้อนมาให้ มาพร้อมกับที่วางสบู่ 1 จุด

ดูหัวฝักบัวกันชัดๆ เวลาจับรู้สึกแบน ไม่เหมือนเวลาจับฝักบัวที่เป็นทรงรีๆหรือกลมๆ

ด้านในมีประตูบานเลื่อนสองบาน ทางซ้ายคือประตูห้องนอน ส่วนทางขวาคือประตูแบบบานเลื่อนเข้าห้องครัวที่สามารถเปิดได้ทั้งสองทาง ลูกฟักเป็นกระจก ส่วนกรอบเป็นอลูมิเนียมสีดำ สูงเท่าความสูงห้องคือ 2.4 เมตร ทำให้ห้องดูกว้างขวางดีเพราะเห็นทะลุกันได้หมด

มาต่อกันที่ห้องครัวทางขวากันก่อน เป็นประตูเลื่อนแบบ 2 ตัว สามารถเปิดได้จากทั้งสองด้าน แต่อีกด้านจะติดกับตู้เย็นและเก้าอี้ทานข้าว

ห้องครัวกว้าง 1.25 เมตร เคาท์เตอร์ลึก 60 เซนติเมตร ดังนั้นจะเหลือพื้นที่เดินไปมาได้ 50 เซนติเมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องสีขาวขนาด 60 x 60 เซนติเมตร มีการฝังกรอบประตูเลื่อนลงไป ทำให้เดินไม่สะดุด และดูเรียบร้อยกว่า เปิดเคาท์เตอร์ครัวด้านล่างให้ดูระยะ ว่ายังมีพื้นที่เหลือนิดหน่อยในการเปิด แต่ก็ต้องก้มลงไปหยิบของในเคาท์เตอร์แบบเบี่ยงๆ

ประตูบานเลื่อนของห้องครัวเป็นแบบมีล็อกเลื่อนได้จากภายในห้องนั่งเล่นฝั่งเดียว

ลำดับการจัดวางพื้นที่ใช้งานห้องครัวคือเริ่มจากตู้เย็น อ่างล้างจาน พื้นที่เตรียมอาหารและ Hob and hood ที่อยู่ด้านในสุด เพื่อการระบายกลิ่นจะได้อยู่ใกล้กับประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงพอดี ส่วนใต้เคาท์เตอร์จะมีตู้เก็บของใช้ในครัว พื้นที่วางเครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ

พื้นที่วางตู้เย็นขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

ถัดจากพื้นที่เตรียมอาหารคืออ่างล้างจานแบบหลุมเดียวฝั่งเข้าไป

จากซ้ายสุดคือ Hob and Hood แบบ 2 หัว และพื้นที่เตรียมอาหารเหนือที่วางเครื่องซักผ้า ขนาดกว้างใช้ได้นะคะ

จับให้ดูบานปิดเคาท์เตอร์ด้านล่างนะคะ ด้านบนของตัวบานมีการทำมุมปาดทำให้หยิบจับเวลาเปิดได้ง่าย

ด้านบนเป็นตู้แบบมีบานปิดทั้งหมด มีการแบ่งช่องการใช้งานมาให้

ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบเปิดได้ทั้งสองด้านออกไปยังระเบียงด้านนอก

ระเบียงขนาด 0.8 x 1.1 เมตร มีปูนก่อยกขึ้นมากั้นน้ำเข้ามาภายในพื้นที่ประมาณ 5 เซนติเมตร ด้านนอกปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 40 x 40 เซนติเมตร มีราวกันตก

ด้านข้างเป็นที่วาง Compressor แอร์ 2 ตัว แบบเป่าเข้าพื้นที่ระเบียงเต็มๆ ต้องรอดูว่าจะมี Grill ปรับทิศทางลมร้อนให้ระบายออกด้านนอกมั๊ย

เงยหน้าขึ้นไปจะมีไฟที่ระเบียงติดอยู่ที่เพดาน 1 จุด

มาถึงพื้นที่ในสุดหรือพื้นที่ห้องนอนที่จะมีประตูบานเลื่อนกระจกสูง 2.4 เมตร แบบ 3 บานวางขวางไว้เต็มพื้นที่ กรอบเป็นแบบอลูมิเนียมสีดำแบบมีรางรอบด้าน ตัวบานค่อนข้างใหญ่ทำให้ห้องดูต่อเนื่องและกว้างขึ้น ขนาดแต่ละบานไม่เท่ากัน โดยบานทางซ้ายสุดจะมีขนาดเล็กกว่า คาดว่าน่าจะสั่งทำให้เท่ากับความกว้างของตู้เสื้อผ้าที่อยู่ด้านใน

 

ในห้องนอนขนาด 2.45 x 3.3 เมตร จะมีเตียงขนาดใหญ่พร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in วางชิดผนังอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะมีการต่อสายต่างๆไว้สำหรับให้ต่อทีวีแบบติดผนัง

ตู้เสื้อผ้าสูงขึ้นไปถึงฝ้าที่ 2.4 เมตร กว้างเท่าขนาดพื้นที่ข้างเตียงทางซ้าย 1.2 เมตร หน้าบานด้านซ้ายเป็นกระจกส่องเต็มตัว ส่วนทางด้านขวาเป็นแบบบานไม้สำเร็จรูป พอเลื่อนออกมาแล้วก็จะแบ่งช่องออกเป็นพื้นที่แขวนเสื้อ ชั้นเก็บทางด้านขวา

พื้นที่ปลายเตียงเหลือ 40 เซนติเมตร วางชั้นวางทีวีไม่ได้แล้ว ก็จะแนะนำเป็นการติดทีวีเข้ากับผนัง โดยจะมีการต่อสายต่างๆไว้ให้

มาถึงอีกฝั่งของพื้นที่ข้างเตียงกว้าง 50 เซนติเมตร มีโต๊ะข้างเตียงเล็กๆที่มี 2 ลิ้นชัก สามารถใช้วางมือถือ ยา ขวดน้ำ หรือ Laptop ช่วงก่อนนอนได้

เปิดลิ้นชัก 2 อันให้ดูเลย รวมๆแล้วความกว้างของเฟอร์นิเจอร์ทั้งสามชิ้นตั้งแต่ตู้เสื้อผ้า ,เตียง และโต๊ะข้างเตียง รวมกันแล้วเท่ากับความยาวของห้องนอนพอดิบพอดี

ช่องแสงภายในห้องนอนมีทั้งแบบที่เป็นบานกระทุ้งรับลมและระบายอากาศได้ และในส่วนของบาน Fix ธรรมดา โดยแบ่งออกเป็นส่วนบนที่ใหญ่กว่า และส่วนล่างที่เล็กกว่า มีบานกระทุ้งบานใหญ่อยู่สองด้านซ้าย-ขวา และตำแหน่งแอร์ที่ปลายเตียงค่อนไปทางฝั่งโต๊ะข้างเตียง

บานกระทุ้งเปิด-ปิด ความจริงสามารถเปิดได้กว้างกว่านี้นะคะ จังหวะการเปิดก็จะมีล็อกเป็นขั้นๆ ตัวบานเวลาเปิดก็ไม่หนักมาก แต่เวลาปิดก็จะมีแรงดันเข้าตัวนิดหน่อย

จากห้องนอนมองออกไปที่พื้นที่ห้องนั่งเล่น

ห้องตัวอย่างห้องที่สองขนาด 34.1-34.4 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus Suite คือเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องเอนกประสงค์ รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบเหมือนเดิม เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อน คือมีชุดโซฟาและโต๊ะกลางอยู่ที่ด้านหนึ่ง และมีโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ ส่วนอีกด้านจะเป็นชั้นวางทีวีแบบชิดผนัง เดินไปทางขวา จะเจอส่วนครัวที่ไม่กั้นห้องแยก ด้านในคือห้องน้ำ ส่วนพื้นที่ลึกเข้าไปจะเหมือนห้องตัวอย่างห้องที่แล้วที่จะแบ่งด้วยประตูกระจกบานเลื่อน มีจำนวน 2 ห้อง คือห้องนอนใหญ่อยู่ทางซ้ายมือ ด้านในมีเตียงนอนใหญ่และตู้เสื้อผ้า ส่วนอีกห้องหนึ่งทางซ้ายเป็นห้องเอนกประสงค์ที่ภายในห้องตัวอย่างนี้จัดเป็นห้องนอนเล็กที่มีระเบียงด้านด้านใน ห้องนี้นอกจากจะเหมาะสมกับการจัดเป็นห้องนอนเล็กแล้วก็ยังสามารถจัดเป็นห้องทำงาน หรือห้องผ่อนคลายทำงานอดิเรกได้ มีประตูออกไประเบียงด้านนอก ข้อเสียข้อหนึ่งของแบบห้อง Type นี้คือพื้นที่ส่วนครัวไม่ได้กั้นเป็นสัดส่วน ซึ่งนอกจากจะทำให้กลิ่นจากการทำอาหารกระจายทั่วห้องแล้วยังทำให้การดูดควันเป็นไปได้ยาก

ประตูทางเข้าหลักเป็นบาน MDF ขนาด 0.9 x 2 เมตร จากความสูงภายในห้อง 2.4 เมตร และตาแมว พร้อมประตูมือจับแบบก้านโยกพร้อม Digital Doorlock เหมือนเดิม

ส่วนแรกจากทางเข้าคือโซฟาตัวยาว ด้านในเป็นโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ฝั่งตรงข้ามหลังประตูทางด้านขวาเป็นชั้นวางทีวี ด้านขวาจะมีทางเดินไปยังครัว ที่ไม่ได้กั้นเป็นสัดส่วน ข้างๆกันเป็นห้องน้ำ ส่วนพื้นที่ด้านในจะมีสองประตูบานเลื่อน ทางซ้ายคือประตูเลื่อน 3 ตอนเข้าไปยังห้องนอน ส่วนประตูเลื่อน 2 ตอนทางขวาคือประตูทางเข้าห้องเอนกประสงค์ที่ในห้องตัวอย่างปรับเป็นห้องนอนเล็กๆ ด้านในมีระเบียงออกไปด้านนอกด้วย

เข้ามาจะเจอโซฟาตัวยาววางชิดผนังอยู่ สองข้างยังมีพื้นที่เหลือๆวางโต๊ะเล็กๆข้างๆได้ ด้านหน้าก็กว้างพอที่จะวางโต๊ะกลางเล็กๆได้ พื้นห้องนั่งเล่นเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ผนังห้องที่ได้จริงจะเป็นฉาบปูนเรียบทาสีธรรมดา

ฝั่งตรงข้ามของชุดโซฟาก็จะเป็นชั้นวางทีวี มีทั้งตู้ด้านล่างแบบลอย และด้านบนที่เป็นตู้แบบบานปิด ทีวีซื้อแบบวางได้บนที่ตู้ หรือจะซื้อแบบติดผนังตัวตู้ ส่วนด้านที่ประตูทางเข้าหลักบังอยู่ก็จะเป็นชั้นวางรองเท้าและตู้เก็บของเหมือนห้องตัวอย่างที่แล้ว ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่นอยู่ที่ 2.3 เมตร เหนือขึ้นไปเป็นตำแหน่งแอร์ติดผนังสำหรับพื้นที่ห้องนั่งเล่น

เขยิบเข้ามาข้างๆโซฟาก็จะเป็นชุดโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัวหันหน้าทำมุมเข้าหากัน หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นวางโต๊ะทำงานก็ได้

หันมามองพื้นที่ครัวกันตรงๆ กว้าง 1.7 เมตร มีทั้งเคาท์เตอร์ล่าง-บน และช่องว่างสำหรับการวางตู้เย็นกว้าง 60 เซนติเมตร ฝั่งตรงข้ามที่เห็นเป็นกล่องลายไม้ตรงกลางเป็นที่ใส่เครื่องซักผ้าที่หันหน้าเข้าหาพื้นที่ครัว พื้นส่วนครัวก็ยังคงปูด้วยลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตรต่อเนื่องไปจากห้องนั่งเล่น

ที่วางเครื่องซักผ้า มีกรอบให้ใส่ได้พอดี แต่มีข้อจำกัดคือต้องเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้าเท่านั้น ด้านบนสามารถใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร และมีโต๊ะที่สามารถพับเปิดขึ้นมาได้อีก เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเตรียมอาหาร หรือจะเป็นที่วางข้าวเช้าในวันรีบๆก็ได้

เปิดบานประตูที่ปิดไว้ทั้งเคาท์เตอร์ด้านล่างและบนให้ดูกันนะคะ จะสังเกตได้ว่าจะเรียงจากร้อนไปเย็นคือ Hob and Hood, อ่างล้างจาน และที่วางตู้เย็น ส่วนที่เตรียมอาหารสามารถใช้พื้นที่ด้านบนของที่วางเครื่องซักผ้าด้านหลังได้

มาต่อกันที่ห้องน้ำที่อยู่ข้างๆกันค่ะ บานประตูที่ห้องตัวอย่างไม่ได้ใส่เข้ามาด้วยเป็นแบบบาน HDF ขนาด 0.7 x 2 เมตร

พื้นปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 40 x 40 เซนติเมตร และลดระดับพื้นที่ห้องน้ำลงนิดหน่อยประมาณ 3 เซนติเมตร

ภายในห้องน้ำขนาด 1.6 x 2.0 เมตร สุขภัณฑ์จาก American Standard แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คืออ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกแบบยืนอาบน้ำ กั้นด้วยฉากกั้นแบบ 3 ตอน

พื้นที่เปียกที่อยู่ในสุดขนาด 0.7 x 1.35 เมตร ปูกระเบื้องแบบเดียวกับพื้นที่แห้งในห้องน้ำ คือกระเบื้องแบบด้านสีเทาอ่อนขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ไม่ลดระดับลงไป แต่ก็จะมีตัวคั่นสูงประมาณ 3 เซนติเมตรรวมความสูงของกรอบฉากกั้นก็ประมาณ 5 เซนติเมตร

หลังประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน สูง 2.4 เมตร คือห้องนอนใหญ่ ตัวบานเป็นกรอบเป็นแบบอลูมิเนียมสีดำแบบมีรางรอบด้าน ขนาดค่อนข้างใหญ่ทำให้ห้องดูต่อเนื่องและกว้างขึ้น

ในห้องนอนขนาด 2.6 x 3.3 เมตร จะมีเตียงขนาดใหญ่พร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in วางชิดผนังอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนข้างเตียงอีกด้านจะมีโต๊ะข้างเตียงวางอยู่ ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะมีการต่อสายต่างๆไว้สำหรับให้ต่อทีวีแบบติดผนัง พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้ายกว้าง 1 เมตร มีตู้เสื้อผ้าสูง 2.4 เมตร หน้าบานด้านซ้ายเป็นกระจกส่องเต็มตัว ส่วนทางด้านขวาเป็นแบบบานไม้สำเร็จรูป เปิดออกมาก็จะมีการจัดช่องเหมือนกับห้องที่แล้ว

พื้นที่ปลายเตียงเหลือ 50 เซนติเมตร วางชั้นวางทีวีไม่ได้แล้ว ก็จะแนะนำเป็นการติดทีวีเข้ากับผนังค่ะ อีกฝั่งของพื้นที่ข้างเตียงกว้าง 60 เซนติเมตร มีโต๊ะข้างเตียงเล็กๆที่มี 2 ลิ้นชัก ห้องนี้ความยาวจะหลวมๆหน่อยนะคะ ไม่ได้แน่นเป๊ะพอดีเหมือนห้องที่แล้ว ยังมีพื้นที่ให้เก็บม่านได้ ช่องแสงภายในห้องนอนส่วนนอกอาคารเหมือนห้องที่แล้วเป๊ะ คือมีทั้งแบบที่เป็นบานกระทุ้งรับลมและระบายอากาศได้ และบาน Fix ธรรมดา ตำแหน่งแอร์อยู่ที่ปลายเตียงเหมือนเดิม แต่ห้องนี้จะอยู่ตรงกับเตียงเลย

มาต่อกันที่ห้องสุดท้ายแล้ว กับห้องเอนกประสงค์ที่จัดเป็นห้องนอนเล็ก ประตูเป็นแบบเลื่อน 2 บาน สามารถเปิดได้จากทั้งสองด้าน แต่อีกด้านจะติดกับเคาท์เตอร์ครัว กรอบคืออลูมิเนียมสีดำ

พื้นที่ด้านในขนาด 2 x 2.5 เมตร ในห้องตัวอย่างไม่ได้จัดเตียงแบบตั้งพื้นให้นะคะ แต่เป็นฟูกเตียงวางอยู่บนพื้นที่ยกขึ้นมา ในส่วนพื้นที่ยกขึ้นมาและฟูกนี่ไม่รวมอยู่ในรายการการขายนะคะ พื้นก็จะเป็นเรียบเสมอเหมือนปกติ พื้นปูด้วยลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร

ตู้ติดผนังทางขวามือไม่อยู่ในรายการขายนะคะ ที่ได้ภายในห้องนี้คือห้องเปล่าสำหรับปรับเปลี่ยนการใช้งานได้เลย

ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบเปิดได้ทั้งสองด้านออกไปยังระเบียงด้านนอก สามารถเปิดได้จากทั้งสองด้านเช่นกัน มีตำแหน่งแอร์อยู่ทางด้านซ้ายค่อนไปทางประตูเลื่อนใกล้ระเบียง

ระเบียงขนาด 0.8 x 2 เมตร มีปูนก่อยกขึ้นมากั้นน้ำเข้ามาภายในพื้นที่ประมาณ 5 เซนิตเมตร ด้านนอกปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 40 x 40 เซนติเมตร มีราวกันตก

ด้านข้างเป็นที่วาง Compressor แอร์ 3 ตัว คือทั้งหมดของยูนิตนี้ แต่หันหน้าเป่าลมร้อนเข้าพื้นที่ระเบียงเต็มๆ

มาชมแบบห้องแบบอื่นๆกันบ้างนะคะ เร่ิมเลยจากห้อง 1 Bedroom Superior ขนาด 23.2.-24.3 ตารางเมตร ขนาดเล็กที่สุดในโครงการ มี 2 ยูนิตภายในชั้นๆหนึ่ง รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอส่วนครัวอยู่ทางขวามือก่อน ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ ลึกเข้าไปหน่อยจะเป็นพื้นที่โซฟาและโต๊ะกลางอยู่ที่ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านจะเป็นชั้นวางทีวีแบบ Built-in ข้างๆจะเป็นประตูเลื่อนกระจกกั้นบานใหญ่ ไว้สำหรับเปิด-ปิดเข้าสู่ห้องนอน ด้านในจะมีเตียงอยู่ทางซ้าย ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้า ส่วนมุมห้องอีกทางหนึ่งจะเป็นส่วนของโต๊ะทำงานเข้ามุมพอดีเป๊ะ ด้านข้างคือประตูเลื่อนเปิดออกไปยังระเบียง การจัดผังห้องให้ห้องน้ำและส่วนครัวอยู่ส่วนด้านในของอาคาร คือไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาพัดลมดูดอากาศล้วนๆ

แบบ 1 bedroom – suite terrace แบบจะเหมือนกับห้องตัวอย่างห้องแรกแต่อยู่บนชั้น 3 มีจำนวน 5 ยูนิต ความพิเศษคือมีระเบียงที่มีขนาดใหญ่กว่า โดยสามารถออกไปที่ระเบียงได้ทั้งจากห้องครัว โดยระเบียงนี้จะมีประตูเปิดออกไปยังพื้นที่ Facility บนชั้น 3 ได้เลย โดยเฉพาะส่วนสระว่ายน้ำเพราะอยู่ข้างๆกับระเบียงของห้องเลย ไม่ต้องเดินอ้อมไปออกตรง Lobby garden ตรงกลาง

ห้องแบบ 1bedroom – suite deluxe จะมีจำนวน 10 ยูนิตบนชั้น 14 โดยจะมีความสูงคือ 4.2 เมตร จากทางเข้ามาจะกับห้องครัวก่อน โดยห้องครัวขนาดค่อนข้างเล็ก และเป็นแบบปิดคือมีประตูบานเลื่อนกั้นก่อนจะถึงพื้นที่ Living ด้านใน โดยพื้นที่ Living ด้านในถือว่าใหญ่มากเป็นแบบ Double ceiling height ด้วย น่าจะแบ่งพื้นที่ให้ห้องครัวอีกหน่อย โดยวางโต๊ะทำงาน โซฟา โต๊ะทานข้าวก็ยังไม่น่าจะเต็มพื้นที่ โดยมีห้องน้ำชั้นล่างอยู่ข้างๆห้องเก็บของใต้บันได มีระเบียง และบันไดขึ้นชั้นบน ชั้นบนก็จะเป็นห้องนอนพร้อมตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in

ที่ชั้นบนที่จะสังเกตว่าจะแตกต่างจาก Duplex ของที่อื่นตรงที่ไม่มีประตูทางออกไปยังลิฟท์หรือบันไดหนีไฟ นั่นเป็นเพราะพื้นที่ชั้นบนของแบบนี้ไม่ออกโฉนด ทำให้ไม่ต้องมีทางเข้า-ออกตามกฎหมายบังคับ

แบบ 2 ห้องนอนที่เป็นห้องมุมทั่วไปของคอนโด คือมีจำนวน 2 ยูนิตในทุกๆชั้นตั้งแต่ 3-13 โดยชั้น 14 ถูกปรับเป็น Sky lounge โดยแบบ 2 ห้องนอนนี้เปิดเข้าไปจะเจอกับครัวอยู่ทางขวามือ มีโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 4 ที่นั่ง ด้านในเป็นโซฟาและชั้นวางทีวี มีระเบียงอยู่ด้านในสุด ส่วนฝั่งซ้ายของห้องพักจะเป็นห้องนอน 2 ห้อง โดยห้องเล็กจะอยู่ตรงข้ามกับห้องครัว ห้องนอนใหญ่จะอยู่ด้านในโดนมีห้องน้ำกั้นตรงกลาง เป็นห้องน้ำที่ต้องใช้ร่วมกันทั้งแขกและสมาชิกภายในครอบครัว

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 7 April 2016

  • 1 Bedroom : Superior ขนาด 23.2-24.3 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น)
  • 1 Bedroom : Deluxe (S-M) ขนาด 26.1-29.7 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
  • 1 Bedroom : Deluxe (L) ขนาด 29.9-31.1 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus : Suite ขนาด 34.1-34.4 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.64 ล้านบาท
  • 1 Bedroom : Suite Terrace ขนาด 33.6-34 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
  • 1 Bedroom : Suite Duplex ขนาด 30-30.4 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.04 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms : Penthouse ขนาด 41.4-48.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.14 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms : Penthouse Terrace ขนาด 65.1 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.84 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms : Penthouse Duplex ขนาด 48.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5.04 ล้านบาท

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • แอร์ 2 ตัวสำหรับแบบ 1 bedroom และ 3 ตัวสำหรับแบบ 1 bedroom plus และ 2 bedrooms
  • Hob & Hood
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 30,000 บาทสำหรับห้อง 1 bedroom superior/ 40,000 บาทสำหรับแบบ 1 bedroom/ 80,000 บาทสำหรับแบบ 2 ห้องนอน
  • เงินจอง+เงินทำสัญญา+เงินดาวน์ = ประมาณ 10% ของราคาห้อง
  • ผ่อนดาวน์ 24 งวด ถ้านับจากเดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นไปถึงเดือนเมษายน 2561
  • ค่ากองทุน 350 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 35 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ NOTTING HILL hyde park-สะพานใหม่ อยู่ในทำเลย่านค้าขายของชุมชนแถวสะพานใหม่นะคะ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มาเจาะถนนใหญ่เส้นใหม่คือถนนรัตนโกสินทร์สมโภชที่ปัจจุบันตัดระหว่างถนนพหลโยธินและถนนสุขาภิบาล 5 แต่ในอนาคตจะตัดถึงวิภาวดีถึงเส้นนิมิตรใหม่ สร้างเพื่อรองรับการขยายตัวของรอบขอบเมือง โดยมีเอี่ยวนิดหน่อยที่เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีสายหยุด ซึ่งสถานีเส้นที่ต่อเนื่องจากสถานี Interchange หมอชิต ในระยะ 650 เมตรเป็นตัวเลือก ปัจจุบันภายในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแนวราบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม หรืออาคารพาณิชย์ที่อยู่บนสองข้างทางของถนนใหญ่พหลโยธิน ภายในพื้นที่ บริเวณใกล้เคียงภายใน 5 กิโลเมตรก็จะมีสิ่งปลูกสร้างประเภทเกื้อกูลการอยู่อาศัยภายในชีวิตประจำวันอย่างโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล, Tesco Lotus, BigC Supercenter, ตลาดยิ่งเจริญ วัดและโรงเรียนต่างๆ รวมถึงเป็นพื้นที่ของสถานที่ราชการอย่างทหาร ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนทหาร หอประชุม และสโมสร ซึ่งปกติแล้วความเจริญจะมาตามระบบขนส่งซึ่งในอนาคตน่าจะมีเพิ่มอีกหลายแห่ง

การเดินทางโดยใช้รถ โครงการตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เข้า-ออกได้จากถนนรัตนโกสินทร์สมโภชมีรถวิ่งยังไม่มาก แต่เชื่อมกับถนนพหลโยธินที่รถติดมาก ข้อดีคือติดถนนใหญ่ไม่ต้องเข้าซอยใดๆเพื่อจะเข้าสู่ตัวโครงการ ในอนาคตจะมีการวิ่งรถกันมากขึ้นแน่ๆทั้งจากถนนพหลโยธินและสุขาภิบาล 5 ทั้งสองเส้นยังเป็นถนนที่สามารถเชื่อมต่อได้จากถนนหลักหลายๆสาย ไม่ว่าจะเป็นทางที่ขนานกันมาอย่างถนนวิภาวดีรังสิตที่มีสะพานกลับรถและทางขึ้น-ลงทางด่วนโทลล์เวย์ และนอกจากนั้นยังมีเส้นรามอินทราจากทางทิศใต้ และเส้นสายไหมจากทางทิศเหนือ 

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากถนนหน้าโครงการเป็นถนนตัดใหม่ ทำให้ยังไม่มีพี่วิน รถเมล์ รถตู้เป็นจุดรับส่งมากนัก ทำให้ปัจจุบันจะต้องเดินไปที่ถนนพหลโยธินเพื่อเข้าถึงประเภทรถเหล่านี้ ซึ่งตัวถนนพหลโยธินนสามารถเรียกแท๊กซี่, รถตู้วิ่งผ่านหลายสายทั้งไปเข้าเมืองไปอนุสาวรีย์ หมอชิต หรือจะขึ้นเหนือไปรังสิต ปทุมธานี และภายในอีก 5 ปี เราคงจะได้ยลโฉมรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีสายหยุด ที่อยู่ห่างจากโครงการไป 650 เมตรเป็นระยะเดินไกลหรือระยะพี่วิน ซึ่งมีสถานี Interchange กับสายสีชมพูอยู่ที่สถานีวัดพระศรีฯ ซึ่งเป็นสถานีถัดไป สามารถเดินทางไปตามถนนรามอินทราทางตะวันออก หรือจะเข้านนทบุรีช่วงศูนย์ราชการไปทางตะวันตก

วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบชุดตามรูปแบบการขายอย่าง Fully Furnished พร้อมแอร์ครบทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นลามิเนตลายไม้สีน้ำตาลอ่อนหนา 8 มิลลิเมตร พื้นส่วนครัวบางห้องที่กั้นแยกและระเบียงด้านนอกเป็นกระเบื้องขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ฝ้าสูง 2.4 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบ ไม่มี Wallpaper ห้องครัวเคาท์เตอร์ครบพร้อม Hob and Hood ขนาดค่อนข้างเล็ก บาง Type ไม่ได้กั้นห้องแยกออกมาเป็นสัดส่วนทำให้ไม่เหมาะกับการประกอบอาหารอย่างจริงจังอุปกรณ์ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ American Standard มี Digital Doorlock ให้พร้อม 

ออกแบบตัวอาคารเป็นรูปตัว L ประกบกันตามรูปร่างที่ดินที่เป็นทรงหลายเหลี่ยม หน้าโครงการคือถนนรัตนโกสินทร์สมโภชฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนพหลโยธิน ทั้งอาคารมี 536 ยูนิต จำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นที่ชั้น 4-13 คือ 46 ยูนิต ถือว่าเยอะมากๆ มีโถงลิฟท์ 2 จุด ประกอบไปด้วยลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และมี Service Lift 1 ตัว ทำให้อัตราส่วนการใช้งานค่อนข้างเยอะมากคือ 178:1 ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นเพราะออกแบบเป็นอาคารเดียวบนพื้นที่เกือบ 4 ไร่ ซึ่งสามารถออกแบบเป็นหลายอาคารได้ จะได้มีความหนาแน่นน้อยลง แต่ข้อดีคือทำให้ Facility มีความต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่ได้มากกว่าการแบ่งเป็นตึกเล็กๆ 

การวางผังห้องภายในชั้นๆหนึ่งเป็นแบบ Double Corridor มีขนาดห้องตั้งแต่ 23.2 – 65.1 ตารางเมตร โดยแบบที่มีเยอะคือแบบ 1 ห้องนอนขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร ซึ่งแบบจริงๆจะมีเกิน 10 แบบ มีการออกแบบห้องพิเศษที่มีระเบียงขนาดใหญ่ขึ้นชั้น  3 ใกล้สระว่ายน้ำ ทำให้มีลูกเล่นในการเลือกห้องให้เหมาะกับแต่ละครอบครัวมากยิ่งขึ้น ที่ชั้น 14 ก็จะมีห้องแบบ Duplex ความสูง 4.2 เมตร แล้วแต่ความชอบ เพราะห้องบาง Type จะแยกห้องครัวออกเป็นสัดส่วนอยู่ใกล้ระเบียง ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร บางห้องจะมีพื้นที่ครัวอยู่ใกล้กับห้องรับแขกพื้นที่เดียว การกั้นห้องนอนบาง Type ใช้เป็นแบบบานกระจกเลื่อน ทำให้ห้องโดยรวมดูกว้าง แต่บางห้องที่ขนาดใหญ่ขึ้นอย่าง 2 Bedrooms ห้องนอนใหญ่ก็จะเป็นแบบประตูแบบปกติ ส่วนวิวรอบข้างเป็นบ้านพักอาศัยและที่ว่างเปล่าที่ยังไม่ค่อยได้รับการพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สาธารณูปโภคส่วนกลาง เริ่มตั้งแต่ชั้น 1 คือระบบเข้าออกเป็นแบบไม้กั้น มีพื้นที่ retail อยู่หน้าโครงการเป็นอาคารรูปตัว L สูง 2 ชั้น เข้าในอาคารมี Lobby หน้าโครงการ พื้นที่จอดรถภายในอาคารมีที่ชั้น 1-2 โดยแบบไม่รวมซ้อนคันอยู่ที่ 37% และแบบรวมซ้อนคันอยู่ที่ 49% ลิฟท์โดยสารมี 3 ตัว แบ่งออกเป็น 2 โถงลิฟท์ มี Service lift อีกตัวนึง มีชั้น Facility หลักๆคือชั้น 3 ที่มีพื้นที่ Lobby garden อยู่ตรงกลาง เชื่อมระหว่างห้องพักทั้งสองฝั่งและพื้นที่ส่วนกลางด้านหน้าและหลังโครงการ โดยด้านหน้าจะมีชื่อว่า Pavilion garden โดยมีสระว่ายน้ำขนาด 8 x 25 เมตร มีพื้นที่สีเขียว และพื้นที่ด้านหลังชื่อว่า Infinity garden โดยมี Sunken pool เป็นบ่อน้ำ การออกแบบสำหรับคนตื่นเช้าจะไปที่ด้านหลังโครงการเพราะแดดไม่แรง ส่วนคนที่ใช้พื้นที่ส่วนกลางตอนเย็นก็มาใช้ที่ด้านหน้าโครงการเพราะแดดร่มแล้ว นอกจากนั้นที่บนชั้น 14 ก็มี Sky lounge และ Sky garden ให้ที่หน้าโครงการ 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 77,000 บาท/ตร.ม., 7 April 2016

  • ทำเล 7.5/10 – ทำเลติดถนนรัตนโกสินทร์สมโภชที่ตัดมาจากถนนพหลโยธินและสุขาภิบาล 5 อยู่ในย่านค้าขายของสะพานใหม่ ทหาร สนามบิน มีความเป็นชุมชนรอบนอกเมือง ในระยะเดินหาความอุดมสมบูรณ์ยาก
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ติดถนนพหลโยธินเข้าถนนรัตนโกสินทร์สมโภชถึงจะโล่ง มาจากสุขาภิบาล 5 ได้ ยูเทิร์นไม่ไกล แต่รถติดมากช่วงนี้ ที่จอดรถไม่มากเท่าไร
  • ไม่ใช้รถ ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า 7.25/10 – หน้าโครงการเป็นถนนใหญ่ ไม่ใช่ซอย แต่ตอนนี้รถวิ่งค่อนข้างน้อย ต้องเดินไปถนนพหลโยธินระยะ 500 เมตร มีทั้งรถเมล์รถตู้แท๊กซี่พี่วิน และระยะโครงการถึงสถานีสายหยุดในอนาคต 650 เมตร
  • วัสดุ 7.75/10 – Fully Furnished ได้เฟอร์ที่ออกแบบมาพอดีห้องมาครบ พื้นลามิเนต 8 มม. แอร์ครบ built-in ครบ ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • แบบ 7.5/10 – ลักษณะที่ดินหลายเหลี่ยม สร้างเป็นอาคารใหญ่ จำนวนห้องต่อชั้นหนาแน่น ห้องส่วนใหญ่หน้าแคบ มีห้องพิเศษให้เลือกเยอะแบบหน่อยเป็นตัวเลือกสำหรับแต่ละครอบครัว
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – ออกแบบให้พื้นที่สีเขียวหลายจุด สำหรับการใช้งานของลูกบ้านที่ต่างกัน สระว่ายน้ำ 8×25 เมตร ถือว่าใหญ่กว่าโครงการรอบข้าง อัตราส่วนลิฟท์เยอะไปที่ 178:1 ที่จอดรถน้อยไปสำหรับทำเลที่ต้องใช้รถในการเดินทางที่ 37% แบบไม่ซ้อนคัน

  • MAIN CLASS
  • 7.52 / 10.00 คะแนน ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า

BOTTOM LINE

NOTTING HILL hyde park-สะพานใหม่ เป็นโครงการในทำเลค้าขายย่านสะพานใหม่ ราบ11 และมีเอี่ยวในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตที่สถานีสายหยุดระยะเดินไกลหน่อย เหมาะสำหรับคนที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่ย่านนี้อยู่แล้ว มีรถใช้ส่วนตัว และคาดหวังจะใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักในอนาคต มีงบประมาณราว 2 – 4.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 14,000- 31,000 บาท

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )