รีวิวฉบับที่ 1355 … สวัสดีค่ะ สำหรับใครที่มีธุรกิจขนาดเล็ก-กลางเป็นของตัวเอง และกำลังมองหาออฟฟิศที่มีฟังก์ชันสำหรับการพักอาศัยด้วย เพื่อไม่ต้องเสียเวลารถติดในเดินทางไปทำงาน วันนี้เรามีรีวิวโครงการ Nirvana @ Work ลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ โฮมออฟฟิศ 4 ชั้นครึ่ง ติดถนนเกษตรนวมินทร์ เน้นความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 48 ยูนิต และตอบโจทย์การใช้งานจริงด้วยที่จอดรถส่วนกลางรองรับทั้งลูกบ้านและผู้เข้ามาติดต่อ ด้วยช่องจอด 176 คัน รวมไปถึงเน้นการออกแบบที่สามารถใช้พื้นที่สอยภายในได้เต็มที่ ในราคาเริ่มต้น 14.2 ล้านบาท

 

Fact @ 23 May 2017

  • Nirvana @Work Ladprao – Kasetnawamin (เนอวานา แอทเวิร์ค ลาดพร้าว – เกษตรนวมินทร์)
  • บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนเกษตร-นวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม.
  • เนื้อที่โครงการประมาณ 7 ไร่ จำนวน 48 ยูนิต
  • Home Office Type A ที่ดิน 35 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 452 ตร.ม. 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 22 ล้านบาท
  • Home Office Type B ที่ดิน 25 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 363 ตร.ม. 1 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 14.2 ล้านบาท
  • ราคาเริ่มต้น 14.2 ล้านบาท
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 270,000 บาท
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1787

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.818019, 100.637893

ที่ตั้งโครงการ Nirvana@Work ลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่บนถนนเกษตร-นวมินทร์ ช่วงระหว่างช่วงตัดกับถนนถนนประดิษฐ์มนูธรรมและถนนนวมินทร์ โดยจะอยู่ติดกับโรงเรียนอนุบาลเลิศหล้าเลยค่ะ

(วงกลมสีเขียวแสดงโซนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีร้านค้าร้านอาหาร ตลาด Hyper Market และห้างสรรพสินค้า)

ทำเลโครงการ Nirvana@Work ลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่บนถนนเกษตร-นวมินทร์ ซึ่งเป็นถนนสายหลักในการเดินทางเข้า-ออกเมืองของคนในย่านนี้ โดยตั้งอยู่บนช่วงถนนระหว่างจุดตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม และถนนนวมินทร์ ซึ่งจัดว่าเป็นช่วงที่มีความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์พอสมควร บรรยากาศข้างทางถนนส่วนใหญ่มีร้านอาหารเรียงรายเกือบตลอดเส้นทาง ทั้งที่เปิดช่วงกลางวันและช่วงเย็น เรียกว่าหาของกินได้ง่าย ในระยะที่ขับรถไม่ไกล จุดที่ค่อนข้างคึกคักใกล้ๆ เลยก็จะบริเวณจุดตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรมที่มี The Walk เป็น Community Mall ใกล้ๆ และตลาดนัดหัวมุมที่เปิดในช่วงเย็น-ดึก มีร้านให้กินให้ช็อปเยอะทีเดียวค่ะ ส่วนอีกจุดอยู่บริเวณจุดตัดกับถนนรัชดา-รามอินทราที่มีทั้งร้านอาหารและตลาดนัดรถไฟเกษตร-นวมินทร์

หากใครที่มองหาศูนย์การค้าขนาดใหญ่ก็มีทั้ง Central Festival Eastville, The Crystal, CDC ที่อยู่ห่างจากโครงการไปเพียง 3.5 – 4 กม. จัดว่าเป็นระยะที่ขับรถได้ง่าย ใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน

การเดินทางเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการเลือกทำเลสำนักงาน เนื่องจากเราต้องคำนึงถึงเรื่องการเดินทางของพนักงานที่ต้องมาทำงานเป็นสำคัญเช่นกัน ดังนั้นจึงควรเลือกทำเลที่มีทางเข้า-ออกติดถนนใหญ่เพื่อเดินทางได้ง่าย อย่างโครงการนี้ที่มีทางเข้า-ออกติดถนนใหญ่อย่างเกษตร-นวมินทร์ ซึ่งจะเหมาะกับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก รวมทั้งอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และวงแหวนรอบนอก (ถนนกาญจนาภิเษก) รวมถึงเป็นถนนที่มีถนนหลายสายวิ่งเข้ามาตัดค่อนข้างมากจึงมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น

สำหรับพนักงานอาจจะมีบางคนที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนะคะ ซึ่งบนถนนเส้นนี้นั้นจริงๆ แล้วมีรถเมล์วิ่งผ่านนะ แต่ไม่ได้มีให้เลือกมากนัก รวมทั้งไม่ได้มาถี่มากนัก ต้องเสียเวลาคอยซักพักนะคะ จัดเป็นข้อจำกัดของทำเลบนถนนเส้นนี้นะ ส่วนการเรียกรถแท็กซี่นั้นไม่ยากเลยค่ะ มีวิ่งผ่านตลอด

โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน n1 n2 n3 และ E-W Corridorขอบคุณรูปประกอบจาก ฐานเศรษฐกิจ

ในอนาคตบนถนนเกษตร-นวมินทร์จะมีการสร้างทางด่วนโมโนเรล เพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัด ซึ่งเส้นทางที่จะเริ่มพัฒนาก่อนคือช่วง N2 บนถนนเกษตร-นวมินทร์ ช่วยระบายรถบถนนเกษตร-นวมินทร์ได้ดีขึ้น รวมทั้งวางระบบแก้รถติดแบบคอขวดบริเวณแยกเกษตร โดยจะใช้ตอม่อเดิมที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้แล้วให้เป็นประโยชน์ โดยจะเริ่มต้นเส้นทางจากบริเวณแยกเกษตรศาตร์ แนวสายทางซ้อนทับบนเกาะกลางถนนเกษตรศาสตร์นวมินทร์ ของกรมทางหลวงไปบรรจบกับวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออกค่ะ

การเดินทางในวันนี้จะเริ่มต้นจากถนนนวมินทร์มุ่งหน้าไปยังถนนเกษตร-นวมินทร์ โดยเมื่อถึงแยกจะถูกบังคับให้เลี้ยวซ้ายนะคะ จากนั้นเราขับตรงไปเรื่อยๆ บนถนนเกษตรนวมินทร์ที่มุ่งหน้าไปทางเกษตร (ถนนพหลโยธิน) จากแยกไปประมาณ 1.6 กม. ก็จะเห็นทางเข้าโครงการที่อยู่ติดกับโรงเรียนเลิศหล้าแล้วค่ะ

เริ่มต้นกันที่ถนนนวมินทร์เป็นถนนชานเมืองฝั่งตะวันออกที่เชื่อมถนนเสรีไทย เกษตรนวมินทร์ และไปสิ้นสุดที่ถนนรามอินทรา สภาพแวดล้อมบนถนนเส้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนดั้งเดิมอยู่อาศัย มีตึกแถวเรียงรายทั้ง 2 ฝั่งข้างถนน

เราขับตรงมาอีกหน่อยจะเจอแยกที่ตัดกับถนนโพธิ์แก้ว ซึ่งเป็นถนนขนาดเล็กที่เป็นทางลัดสามารถไปทะลุออกถนนประดิษฐ์มนูธรรมและถนนลาดพร้าวผ่านซอยลาดพร้าว 101 ซึ่งเป็นซอยขนาดใหญ่มีชุมชนอาศัยอยู่หนาแน่นและมีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก

เราขับตรงมาเรื่อยๆ ตามป้ายที่บอกให้ไปทางเกษตรศาสตร์ หรือประดิษฐ์มนูธรรมค่ะ จากป้ายจะเริ่มให้ชิดเลนซ้ายเตรียมเลี้ยวได้

เมื่อถึงแยกที่ตัดกับถนนเกษตร-นวมินทร์แล้วให้เลี้ยวซ้ายเลยค่ะ และแยกนี้บางช่วงเวลาจะถูกบังคับให้เลี้ยวซ้ายทั้งหมดนะคะ ใครที่จะตรงไปหรือเลี้ยวขวานั้นต้องไปกลับรถที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ฝั่งซ้ายเท่านั้นค่ะ

เข้ามาสู่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ช่วงจุดตัดกับถนนนวมินทร์นั้นจะค่อนข้างคึกคักทีเดียวค่ะ มีร้านค้า ร้านอาหารให้แวะซื้อ แวะกินกันได้ และฝั่งตรงข้ามก็มี Big C Market ด้วยนะคะ เป็น Hyper Market ขนาดย่อมๆ ให้จับจับซื้อของกินของใช้กันได้ค่ะ

ตรงมาเรื่อยๆ ตามทางจะเจอแยกที่ตัดกับถนนรัชดา-รามอินทรา ซึ่งเราจะชิด 2 เลนด้านซ้ายเป็นทางผ่านตลอดค่ะ ไม่ต้องหยุดตามสัญญาณไฟจราจร

ขับมาอีกหน่อยเห็นป้ายโรงเรียนเลิศหล้าเด่นมากๆ ให้เริ่มชิดซ้ายได้เลย กำลังจะถึงโครงการแล้วค่ะ

ติดกับโรงเรียนเลิศหล้าก็คือที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ เดี๋ยวเราพาไปดูบริบทรอบๆ โครงการกันก่อนเข้าสู่ภายในโครงการนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโครงการส่วนใหญ่เป็นย่านที่อยู่อาศัย ทั้งแบบชุมชนดั้งเดิมและโครงการจัดสรร บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างเงียบสงบ จะมีฝั่งทิศตะวันออกที่ติดกับโรงเรียนเลิศหล้า เกษตร-นวมินทร์นี้ที่ช่วงเช้า-บ่ายจะค่อนข้างเสียงดังอยู่เหมือนกันจากเสียงของเด็กๆ เวลาวิ่งเล่นหรือทำกิจกรรมต่างๆ

  • ทิศเหนือ : ถนนเกษตร-นวมินทร์
  • ทิศตะวันออก : โรงเรียนเลิศหล้า เกษตร-นวมินทร์
  • ทิศใต้ :  ที่ดินเปล่า และโครงการทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ที่ดินเปล่าส่วนบุคคล

บรรยากาศฝั่งตรงข้ามโครงการ มีร้านอาหารเรียงกันอยู่หลายร้านให้ฝากท้องกันได้ค่ะ ทางเซลล์โครงการแนะนำร้านไก่ทอดเดชาอยู่เหมือนกัน ใครลองทานมาแล้วมาคอมเม้นท์รสชาติกันได้นะคะ ^^

จะเห็นว่าฝั่งตรงข้ามถนนมีร้านอาหารเรียงรายตลอดถนนเลยค่ะ มีทั้งที่เปิดในช่วงกลางวันและช่วงกลางคืนด้วย แต่ตอนกลางวันจะร้อนหน่อยนะ ถนนเส้นนี้เหมาะกับขับรถออกไปกินมากกว่า

ริมทางฟุตบาทค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ เดินได้สบายมาก

อีกฝั่งหนึ่งติดกับโครงการเลยมีร้านคาเฟ่และร้านข้าวมันไก่ด้วยนะ ใครขี้เกียจออกไปไหนไกลก็มาฝากท้องกันได้เลยค่ะ

บรรยากาศร้านคาเฟ่เล็กๆ ติดกับโครงการ ตกแต่งได้น่ารักทีเดียวค่ะ ช่วงพักกลางวันก็มาฝากท้อง นั่งเล่นชิลๆ กันได้แล้วค่อยกลับไปทำงานต่อ ^^

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงเรียนเลิศหล้า เกษตร-นวมินทร์ ~100 ม.
  • บุญถาวร ~1.8 กม.
  • Max Valu นวมินทร์ ~1.9 กม.
  • Big C สุขาภิบาล 1 ~2.5 กม.
  • Tesco Lotus สุขาภิบาล 1 ~2.6 กม.
  • The Walk ~2.7 กม.
  • Crystal Park ~3.6 กม.
  • Central Festival Eastville ~3.7 กม.
  • CDC ~3.7 กม.
  • Fashion Island ~5.6 กม.
  • Amorini ~5.8 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

Master Plan โครงการ Nirvana@Work ลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดินประมาณ 7 ไร่ โดยมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 48 ยูนิต ซึ่งทางเข้า-ออกนั้นจะเป็นถนนภาระจำยอมที่ใช้ร่วมกับที่ดินสำหรับโครงการในอนาคตของ Nirvana และใช้ร่วมกับที่ดินข้างเคียงของบุคคลอื่นด้วยนะคะ โดยนับความยาวของถนนจากถนนใหญ่เกษตร-นวมินทร์มาถึงหน้าโครงการบริเวณซุ้มทางเข้ามีระยะทางประมาณ 200 ม.

ภายในโครงการเข้ามาจะเป็นพื้นที่ถนนและที่จอดรถส่วนกลางรวมทั้งหมด 176 คัน คิดเป็นที่จอดรถ Visitor 43 ช่องจอด และของลูกบ้านทั้งหมด 133 ยูนิต ซึ่งโฮมออฟฟิศ Type A จะได้ช่องจอด 3 คัน/ยูนิต และโฮมออฟฟิศ Type B ได้ช่องจอด 2 คัน/ยูนิต ความกว้างของถนนจัดมาให้ค่อนข้างกว้างสามารถถอยรถ และขับสวนกันได้สบายๆ ด้วยความกว้างถนนหลัก 12 ม. ส่วนนิติบุคคลนั้นจะอยู่ตรงกลางพื้นที่โครงการเลยค่ะ ให้ลูกบ้านทุกหลังสามารถติดต่อได้ง่าย และพื้นที่สีเขียวภายในโครงการก็มีแทรกไปตามช่องว่างของกลุ่มอาคาร เป็น Pocket Garden ให้ดูสนชื่นสบายตามากขึ้น

ลักษณะของผังโครงการแบบนี้จะเหมาะกับกลุ่มออฟฟิศที่ไม่ได้เน้นหน้าร้านนะคะ เช่น กลุ่มออฟฟิศขนาดเล็กๆ มีพนักงานประจำเข้า-ออก แต่ไม่ได้มีผู้เข้ามาติดต่อหรือลูกค้าเข้ามาซื้อของมากนักเพราะด้วยตัวโครงการไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่เสียทีเดียว คนผ่านไปผ่านมาจะไม่ได้เห็นตัวออฟฟิศเลย แต่จะเน้นไปที่ความเป็นส่วนตัว และอยู่ในโครงการปิด มีความปลอดภัย ซึ่งก็จะเหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้น เป็น Home Office ที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งออฟฟิศและบ้านค่ะ

เริ่มจากหน้าโครงการนะคะ ด้านซ้ายจะเป็น Sale Gallery ของโครงการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโครงการในอนาคต

บริเวณถนนทางเข้าโครงการจะเป็นถนนภาระจำยอม ใช้ร่วมกับโครงการในอนาคตของ Nirvana และโครงการข้างเคียง โดยความกว้างของถนนนี้อยู่ที่ประมาณ 10 ม. ด้านข้างตกแต่งด้วยไม้พุ่ม และไม้ยืนต้น ดูสบายตา

เข้ามาด้านในฝั่งซ้ายมือนั้นที่ประเส้นสีเหลืองไว้จะเป็นที่ดินที่จะพัฒนาโครงการในอนาคตค่ะ มีบางส่วนที่เริ่มจัดให้เป็น Home Office แบบ Single Unit คือมีลักษณะเหมือนบ้านเดี่ยว ซึ่งไม่ได้จัดอยู่ในโครงการเดียวกับเรานะคะ

ด้านหน้าแปลงมีการปักป้ายบอกชื่อยูนิตแล้ว ใครที่สนใจ Home Office ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ได้ที่ดินและพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น รวมทั้งอยู่ไม่ไกลจากหน้าปากซอย ก็มาสอบถามที่ Sale Gallery โครงการได้ค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งที่อยู่ติดกับที่ดินบุคคลอื่น ในอนาคตจะมีการทำประตูทางเข้า-ออกบริเวณนี้ให้สามารถสัญจรได้

เดินจากหน้าปากซอยมาประมาณ 200 ม. ก็จะถึงหน้าโครงการแล้วค่ะ พนักงานสามารถเดินเข้า-ออกได้ไม่ลำบากค่ะ เพราะยังอยู่ระยะที่ไม่ไกลมาก แต่ช่วงกลางวันก็จะร้อนหน่อย ตามภูมิอากาศประเทศเรา

ส่วนซุ้มโครงการตกแต่งในสไตล์ Loft ชัดเจนค่ะ การเข้า-ออกของโครงการจะใช้ระบบ Keycard Access ระยะใกล้ และเปิด-ปิดโดยไม้กระดกอัตโนมัติ ด้านข้างมีพี่รปภ.คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ 24 ชม. รวมทั้งยังติด CCTV ให้ทั้งบริเวณซุ้มทางเข้าโครงการและภายในโครงการทั้งหมด 22 จุด

เข้ามาภายในโครงการจะยังไม่ค่อยเรียบร้อยดีนะคะ เพราะมีบางส่วนที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอยู่ค่ะ แต่โดยรวมแล้วมีการจัดการหน้างานให้ค่อนข้างเรียบร้อยดีค่ะ สำหรับถนนทางเข้า-ออกหลักมีความกว้างประมาณ 12 ม. ถือว่ากว้างพอสมควรเลย

หันไปทางซ้ายมีที่จอดรถ Visitor สำหรับผู้เข้ามาติดต่อภายในโครงการ ด้านหลังปลูกไม้พุ่มให้ดูสีเขียวสะอาดตา รั้วรอบโครงการเป็นกำแพงสูง 3 ม. บวกกับรั้วโปร่งอีก 3 ม. รวมเป็น 6 ม.

บริเวณพื้นที่ส่วนกลางนั้นจะเป็นพืนที่สำหรับจอดรถ Visitor อีกเช่นกัน แต่มีการตกแต่งช่องจอดให้ดูสวยงามโดยการวางอิฐรูปตัวหนอนและปลูกหญ้าด้านล่าง ทำให้เป็นพื้นที่จอดรถที่มีความชุ่มชื้นดีค่ะ

อีกมุมหนึ่งของส่วนที่จอดรถ Visitor

ระหว่างพื้นที่จอดรถ มีการปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงากับรถที่มาจอดอยู่ใกล้ๆ รวมทั้งยังทำม้านั่งไว้สำหรับให้มานั่งเล่นชิลๆ ช่วยเย็นๆ ได้บ้างด้วยค่ะ

 

สุดทางจะเป็นห้องสำนักงานของนิติบุคคลค่ะ ใช้รูปแบบการตกแต่งสไตล์ Loft เพื่อให้เข้ากับหน้าตาบ้านด้วย ดูเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งโครงการ

พื้นที่ระหว่างอาคาร จะได้ Pocket Garden หรือเป็นสนามหญ้าขนาดย่อมๆ ไว้ให้เป็นพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ ดูสบายตาดีค่ะ

หน้าตา Home Office ที่เรียงตัวติดกันสูงสุดไม่เกิน 6 ยูนิต โดย Home Office Type A จะเป็นแปลงมุมทั้งหมดโดยมีหน้ากว้างอยู่ที่ 8 ม. และ Type B เป็นแปลงกลางมีหน้ากว้างที่ 6 ม.

 

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 22 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 ม.และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 3 ม.
  • Key Card Access ระยะใกล้
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนรองกว้าง 10 ม.
  • ที่จอดรถสำหรับผู้ติดต่อ 43 ช่องจอด

 


Product Walkthrough

Home Office โครงการมีทั้งหมด 2 แบบ ดังนี้ค่ะ

  • Home Office Type A หน้ากว้าง 8 ม. ที่ดิน 35 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 452 ตร.ม. 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
  • Home Office Type B หน้ากว้าง 6 ม. ที่ดิน 25 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 363 ตร.ม. 1 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

บ้านตัวอย่างหลังแรกที่เราจะพาไปดูคือ Home Office Type A ที่มีหน้ากว้าง 8 ม. ซึ่งถือว่าเป็น Home Office ที่มีหน้ากว้างพอสมควรค่ะ และส่วนที่แตกต่างจากทั่วไปเลยคือพื้นที่ชั้น 1 ของ Home Office นั้นไม่มีพื้นที่จอดรถในที่ดินของตัวเอง แต่จะให้จอดอยู่หน้าบ้าน ซึ่งทำช่องจอดหน้าบ้านไว้ให้เรียบร้อยและล็อกไว้ให้เฉพาะลูกบ้านในบ้านหลังนั้นๆ แต่ก็ยังจัดว่าอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางอยู่ดีนะคะ ดังนั้นข้อจำกัดก็คือลูกบ้านหลังอื่นๆ ก็สามารถมาจอดหน้าบ้านเราได้เช่นกัน แต่เมื่อมีข้อจำกัด ก็มีข้อดีตรงที่ภายในบ้านได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ใช้งานได้เต็มที่

ชั้น 1 – 3 ถูกจัดให้เป็นพื้นที่สำนักงานทั้งหมด ซึ่งภายในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้มีการกั้นพื้นที่ห้องต่างๆ ไว้ให้ เพื่อให้ลูกบ้านเข้ามาตกแต่งตามลักษณะการใช้งานของบริษัทตัวเองได้ยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งที่ได้คือห้องน้ำแบบ Powder Room (ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ) ในทุกชั้น ยกเว้นชั้นลอย สำหรับพนักงานใช้งานได้ในทุกชั้นไม่ต้องเดินขึ้น-ลงบันได และส่วนลิฟต์ที่อยู่ด้านหลังบ้านนั้นในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้ทำไว้ให้นะคะ เพียงแต่ออกแบบพื้นที่มาให้เผื่อลูกบ้านหลังไหนต้องการติดตั้งลิฟต์ก็สามารถทำได้ และหากลูกบ้านต้องการที่จะติดตั้งลิฟต์ ก็สามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับทางโครงการติดตั้งพร้อมเดินระบบให้ทั้งหมดได้ค่ะ

บริเวณพื้นที่สำนักงานมีการออกแบบให้เกิดพื้นที่ Double Volume ช่วยให้พื้นที่ภายในดูโปร่งโล่งมากขึ้น ไม่อึดอัดและสามารถมองเห็นกันได้ในระหว่างชั้น 2 และ 3

ชั้น 4 เป็นชั้นพักอาศัย มีการจัดวางฟังก์ชันเสมือนเป็นห้อง Penthouse คอนโดมิเนียม คือมีฟังก์ชันครบทุกอย่างสำหรับการอยู่อาศัยครบภายในชั้นเดียว โดยขึ้นมาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ตำแหน่งหน้าบ้าน ติดกันนั้นเป็นห้องนอนเล็ก หรือสำหรับใครที่มีสมาชิกในบ้านไม่มากนักก็สามารถปรับพื้นที่นี้เป็นพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องกั้นห้อง หรือจะกั้นเป็นห้องอเนกประสงค์ก็ได้เช่นกัน ถัดมาที่โซนตรงกลางนั้นจะมีห้องน้ำกลางและพื้นที่สำหรับจัดวางเป็นส่วนครัวและพื้นที่รับประทานอาหารได้ ส่วนด้านหลังสุดนั้นจัดให้เป็นห้อง Master Bedroom ที่มีห้องน้ำในตัว

การออกแบบรูปลักษณ์ออกมาในสไตล์ Loft  เน้นความเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา-น้ำตาลและรูปลักษณ์ที่เน้นไปที่กระจกทรงสูงเป็นหลักในการตกแต่งรูปด้าน ทำให้ภายในโปร่งโล่ง เพราะได้พื้นที่รับแสงธรรมชาติเข้าไปยังภายในได้ดี ส่วนหน้าตาภายนอกก็ดูมีความเป็นสำนักงานมากขึ้น และหากใครจะเปิดสำนักงานที่ต้องการโชว์สินค้าได้บ้าง ก็สามารถทำได้แค่นำของที่จะตั้งโชว์มาไว้บริเวณพื้นที่ที่ติดกระจกได้เลย ไม่ต้องทำตู้โชว์เพิ่ม ซึ่งก็เป็นข้อดีเพิ่มเติมที่ออกแบบรูปด้านหน้าโดยใช้กระจกเป็นหลัก

ส่วนงานโครงสร้างที่นี่ใช้ระบบ Conventional หรือระบบเสา-คาน ซึ่งข้อดีคือความคงทนของโครงสร้างที่มีอายุการใช้งานมากกว่าระบบ Prefabrication หรือสำเร็จรูป รวมไปถึงสามารถต่อเติมหรือดัดแปลงส่วนผนังได้ค่ะ

สำหรับบริเวณด้านหน้าก่อนเข้าสู่ภายในบ้านนั้นจะเป็นพื้นที่จอดรถ ซึ่ง Home Office Type A ที่มีหน้ากว้าง 8 ม. จะได้พื้นที่จอดรถหน้าบ้าน 3 คัน แต่ไม่ได้ Fixed ที่จอดรถนะคะ จัดเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ถัดมาเป็นฟุตบาทที่เชื่อมกับยูนิตอื่นๆ ให้เดินได้ง่ายด้วย และเป็นพื้นที่กั้นระหว่างส่วนจอดรถกับตัวบ้าน ซึ่งดูไม่เป็นส่วนตัวและสัดส่วนมากนักเหมือนบ้านพักอาศัย เนื่องจากการออกแบบ Home Office ต้องทำให้ชั้นล่างมีความเป็น Commercial ระดับนึง คือต้องออกแบบทางเข้าให้ดูเข้าถึงง่าย เพราะต้องมีต้อนรับลูกค้าด้วย

ประตูทางเข้าเป็นประตูบานสวิงกระจกทั้ง 2 ข้าง ลักษณะเป็นประตูกระจกสูง และเชื่อมกับกระจกด้านบนทำให้แสงเข้าไปยังภายในได้ดี บริเวณด้านบนติดตั้งระแนงเหล็กให้ ซึ่งใช้เป็นส่วนตกแต่งให้ดูสวยงาม และทำให้สามารถติดตั้งดวงโคมแบบ Down Light เพื่อให้แสงสว่างบริเวณด้านหน้าทางเข้า

กริ่งกดออดด้านข้างประตูทางเข้าจาก Panasonic

ภายในชั้น 1 นี้จะได้ฝ้าเพดานแบบ Double Volume ทำให้ภายในดูโอ่โถงและโปร่งโล่ง ซึ่งในบ้านมาตรฐานที่ได้จะไม่ได้กั้นพื้นที่ให้นะคะ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถกั้นพื้นที่ได้เองตามความต้องการ เนื่องจากแต่ละออฟฟิศก็มีรูปแบบการจัดฟังก์ชันที่แตกต่างกันไป ส่วนพื้นในชั้นล่างนี้จะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม.

หันกลับไปมองด้านหน้าบ้านจะหน้าต่าง จะเห็นว่าบริเวณหน้าบ้านได้กระจกบานใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานที่เป็น Double Volume

เข้ามาดูโซนกลางบ้านและด้านหลังบ้านกันต่อนะคะ

บริเวณด้านข้างนี้จริงๆ แล้วจะได้เป็นพื้นที่โล่ง ซึ่งถูกออกแบบไว้ให้เป็นพื้นที่นั่งทำงาน แต่ถ้าออฟฟิศไหนไม่ได้มีพนักงานเยอะมากนัก ก็สามารถจัดพื้นที่ส่วนนี้เป็นพื้นที่รับประทานอาหารของพนักงานได้ ซึ่งถ้าตกแต่งดีๆ หน่อยก็สามารถใช้รองรับลูกค้าที่เข้ามาติดต่อได้ด้วยค่ะ

ด้านหลังบ้านนั้นจะมีพื้นที่สำหรับติดตั้งลิฟต์ได้ แต่ทางโครงการไม่ได้ให้ลิฟต์มาเป็นมาตรฐานทุกหลังนะคะ เพียงแต่จัดพื้นที่ไว้ให้สำหรับติดตั้งลิฟต์ได้ หากลูกบ้านไหนต้องการให้ติดตั้งลิฟต์ด้วยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ทางโครงการรับทำให้ค่ะ

ถัดมาด้านหลังบ้านนั้นก็ได้หน้าต่างและประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ ช่วยให้บริเวณภายในบ้านโซนหลังบ้านสว่าง

บริเวณโซนหลังบ้าน สำหรับบ้านมาตรฐานนี้จริงๆ แล้วจะไม่ได้มีผนังส่วน Pantry นะคะ โดยจะได้เป็นพื้นที่โปร่งโล่งเลย สามารถมองเห็นไปยังหน้าบ้านได้ เพียงแต่บ้านตัวอย่างมีการตกแต่งไว้ให้เป็นไอเดียของลูกบ้านได้นำมาใช้ตกแต่งได้ โดยกั้นผนังขึ้นมาเพื่อให้เกิดเป็นโซนหลังบ้านชัดเจน และเป็นสัดส่วน ทำให้โซนหน้าบ้านที่เป็นเสมือนพื้นที่ต้อนรับแขกนั้นมองไม่เห็นส่วนหลังบ้าน

ที่มีกั้นผนังเพิ่มเติมก็คือผนังส่วนนี้นี่เองค่ะ ซึ่งพอกั้นมาแล้วก็ทำให้มีพื้นที่วาง Pantry เล็กๆ สำหรับเตรียมอาหารและล้างจานเล็กๆ น้อยๆ ได้ รวมทั้งได้ห้องมาด้วยอีกห้องนึง ซึ่งอย่างในบ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ

ถัดมาด้านข้างจะเป็นส่วนของห้องน้ำ ซึ่งในบ้านมาตรฐานก็จะได้ตามนี้เลยค่ะ โดยพื้นห้องน้ำนี้มีการลดระดับลงมาเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมายังพื้นภายนอก สามารถล้างทำความสะอาดห้องน้ำได้ง่าย ส่วนพื้นห้องน้ำนั้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 60 x 60 ซม. ค่ะ

ภายในห้องน้ำเป็นแบบ Powder Room (ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ) เข้ามาจะเจอส่วนอ่างล้างมือก่อน พร้อมกระจกเงาสูงถึงฝ้าเพดาน

อ่างล้างมือขนาดกะทัดรัด ด้านล่าง Built-in ตู้เก็บของขนาดเล็กได้

ฝั่งขวาเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์ชาย ด้านบนติดหน้าต่างบานกระทุ้งให้แสงเข้ามาภายในห้องน้ำได้ระดับนึงและช่วยระบายความชื้นได้

ส่วนฝั่งซ้ายนั้นเป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์ มีความกว้างประมาณ 1.1 ม. ถือว่ามีความกว้างระดับที่นั่งได้สบายๆ นะคะ ส่วนยี่ห้อสุขภัณฑ์จาก American Standard ค่ะ

ประตูบานเลื่อนออกไปยังลานซักล้างด้านนอก ลักษณะเป็นประตูบานเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ทาง ตรงกลางมีตัวล็อกแบบก้นหอยเพิ่ม

ในส่วนของลานซักล้างภายนอกนั้นจะปูด้วยพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กผิวขัดหยาบเป็นมาตรฐานในทุกหลัง เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและการที่เลือกผิวขัดหยาบก็ช่วยเพิ่มความฝืดมากขึ้นเวลาสัมผัส ลดการลื่นได้ระดับนึง

ด้านข้างเป็นที่วางของแท็งก์น้ำและปั๊มน้ำค่ะ ส่วนกำแพงที่กั้นระหว่างยูนิตมีความสูงประมาณ 2 ม. ค่ะ

ส่วนกำแพงที่กั้นระหว่างพื้นที่ข้างเคียงนั้นมีความสูง 3 ม. บวกกับรั้วโปร่งอีก 3 ม. รวมเป็น 6 ม. ซึ่งถือว่าสูงทีเดียวค่ะ

บริเวณด้านหลังตัวบ้านที่มีความสูงเกิน 3 ชั้นขึ้นไปตามกฎหมายแล้วจะต้องมีบันไดหนีไฟอยู่ด้านนอก ซึ่งที่นี่ก็มีออกแบบไว้เป็นมาตรฐานในทุกบ้านค่ะ โดยจะอยู่ติดกับพื้นที่กันสาดสำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านหลังบ้าน หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นไม่สามารถลงบันไดจากในบ้านได้ ก็สามารถออกมาทางหน้าต่างหลังบ้านและเดินมาตามพื้นกันสาดเพื่อลงบันไดหนีไฟนี้ได้ค่ะ

มาที่โซนบันไดทางขึ้นไปยังชั้นลอยกัน สำหรับบ้านมาตรฐานจะได้บันไดที่อยู่ด้านข้างเท่านั้นค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้นลอย จะเป็นโถงทางเดินไปยังโซนพื้นที่ชั้นลอยด้านข้าง ส่วนในบ้านมาตรฐานบริเวณโถงทางเดินนี้ด้านข้างจะมีราวบันไดให้นะคะ

ส่วนของชั้นลอยนั้นมีขนาดประมาณ 4 x 8 ม. ในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้มีกั้นผนังไว้ให้ แต่จะล้อมพื้นที่ด้วยราวกันตกเหล็กพ่นสีดำมาตรฐานค่ะ ส่วนพื้นในชั้นนี้ใช้เป็นพื้น Vinyl

บริเวณชั้นลอยนี้ด้านข้างจะเป็นบันไดทางขึ้นไปยังชั้น 3 และพื้นที่โล่งไว้สำหรับจัดเป็นฟังก์ชันต่างๆ ได้ค่ะ

อย่างบ้านตัวอย่างจัดพื้นที่ชั้นลอยนี้เป็นพื้นที่นั่งเล่นอีกจุดนึง

ฝั่งบันไดนั้นจะถูกกั้นพื้นที่ให้เป็นห้องเก็บของ ซึ่งในบ้านมาตรฐานก็จะกั้นห้องเก็บของให้เช่นกันค่ะ ภายในสามารถเก็บของได้พอสมควรนะ และติดหลอดไฟฟลูออเรสเซ้นต์ให้เรียบร้อย

สำหรับบ้านมาตรฐานพื้นที่ชั้นลอยจะสิ้นสุดเท่านี้แล้วค่ะ แต่บ้านตัวอย่างนั้นได้มีการดัดแปลงเพิ่มเติมพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น ซึ่งก็สามารถทำได้ เนื่องจากระบบการก่อสร้างแบบ Conventional แต่อย่างไรก็ตามหากลูกบ้านต้องการจะต่อเติมพื้นที่ขึ้นมาเช่นเดียวกับบ้านตัวอย่างนั้นควรจะมีการปรึกษากับทางวิศวกรและสถาปนิกด้วยนะคะ

ซึ่งขนาดพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะมีขนาดประมาณ 4 x 4 ม. ค่ะ สามารถจัดพื้นที่เป็นห้องต่างๆ ได้สบายๆ อย่างบ้านตัวอย่างก็จัดให้เป็นห้องประชุมที่รองรับคนได้ประมาณ 6-8 คนเลยทีเดียวค่ะ

ขึ้นไปที่ชั้น 2 กันต่อนะคะ ลักษณะบันไดนี้จะเป็นบันไดตรงขึ้นไปเลยไม่มีหักศอก ซึ่งก็เดินได้ง่ายดีค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 บริเวณหน้าบ้านนะคะ โดยในบ้านมาตรฐานนั้นจะได้เป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีเสาตรงกลาง และได้หน้าต่าง+กระจกตลอดความกว้างของหน้าบ้านเลยค่ะ ทำให้บริเวณพื้นที่นี้ดูโปร่งโล่งดีทีเดียว

ถัดไปโซนกลางบ้านและด้านหลังบ้านกันต่อนะคะ

บริเวณตรงกลางนี้มีขนาดพื้นที่ประมาณ 4 x 4 ม.ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่โล่งที่ได้ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ซึ่งเหมาะกับจัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้ เช่นเป็นพื้นที่ที่ใช้โชว์ผลิตภัณฑ์ของออฟฟิศ หรือจะทำเหมือนบ้านตัวอย่างที่จัดให้เป็นโซนกิจกรรม

ถัดมาโซนด้านหลังบ้านกันต่อนะคะ

บริเวณนี้ในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้กั้นห้องให้นะคะ แต่จะมีตำแหน่งเสาอยู่ตรงกลาง ซึ่งขึ้นอยู่กับลูกบ้านว่าต้องการจะกั้นห้องไหม

ภายในห้องนี้มีขนาดพื้นที่ประมาณ 4 x 4 ม. เช่นกัน จะสังเกตว่าหลายพื้นที่มีขนาด 4 x 4 ม. เกือบทั้งหมด นั้นเกิดจากระยะห่างระหว่างเสาโครงสร้างบ้านนี่เองค่ะ สำหรับห้องนี้ด้านหลังนั้นจะติดกับหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ ช่วยให้ห้องนี้ดูสว่างมากขึ้น

ถัดมาอีกฝั่งเป็นพื้นที่ลิฟต์ และห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังผนังนะคะ โดยส่วนผนังของบ้านมาตรฐานนั้นก็จะได้เป็นผนังฉาบเรียบปกตินี่แหละค่ะ แต่เราปล่อยพื้นที่ผนังไว้เฉยๆ พื้นที่ส่วนนี้ก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อะไร กลายเป็นเพียงพื้นที่ของทางเดิน (Circulation) เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วเราสามารถ Built-in หรือจัดเป็นโซนเล็กๆ ที่มีฟังก์ชันการใช้งานได้ เหมือนอย่างในบ้านตัวอย่างที่ผนังปกติเป็นพื้นที่ของว่างได้ ทำให้เรามีไอเดียในการตกแต่งมากขึ้นและปรับเป็นฟังก์ชันที่เหมาะสมกับเราได้

ภายในห้องน้ำของชั้น 2 นี้เป็นห้องน้ำแบบ Powder Room เช่นเดิมค่ะ โดยภายในห้องน้ำนี้มีขนาด 2 x 1.5 ม. ถือเป็นขนาดกะทัดรัดไม่ใหญ่มาก พอดีกับวางชุดสุขภัณฑ์ต่างๆ ได้

ฝั่งซ้ายเป็นโถสุขภัณฑ์ ส่วนด้านบนได้หน้าต่างบานกระทุ้งไว้ให้แสงสว่างเข้ามาและระบายอากาศได้ ซึ่งผังห้องน้ำนี้พร้อมกับชุดสุขภัณฑ์ภายในนั้นจะเหมือนกับห้องน้ำในชั้น 3  เลยค่ะ ดังนั้นรายละเอียดภายในห้องน้ำในชั้น 3 เราจะขอข้ามเลยนะคะ จะได้ไม่ต้องอ่านอะไรซ้ำๆ เนอะ

ขึ้นมาที่ชั้น 3 กันต่อค่ะ โดยเร่ิมจากชั้นนี้จะเป็นบันไดโครงสร้างเหล็กนะคะ ซึ่งวัสดุลูกนอนเป็นไม้ประสานทำสีธรรมชาติค่ะ สำหรับบันไดที่ไม่มีลูกตั้งแบบนี้ดูสวยงาม ทันสมัยสไตล์ Loft ดี แต่ก็มีข้อเสียสำหรับคุณผู้หญิงที่ใส่กระโปรงเหมือนกันคงจะเดินได้ไม่สะดวกนักค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 3 เป็นชั้นสุดท้ายก่อนจะขึ้นชั้น 4 ที่เป็นชั้นพักอาศัยนะคะ สำหรับลักษณะฟังก์ชันหลักๆ ของชั้นนี้ควรจะเป็นฟังก์ชันที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นมาหน่อย ไม่วุ่นวายมากนัก เพื่อให้เสียงไม่ขึ้นไปรบกวนชั้น 4 ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ยกตัวอย่างฟังก์ชันของชั้นนี้ เช่น ทำเป็นห้องผู้บริหาร หรือผู้จัดการ เป็นต้น

เมื่อขึ้นมาแล้วจริงๆ บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่โล่งเช่นเดียวกับชั้น 2 ที่เราดูกันมาแล้วนะคะ แต่ในชั้นนี้มีการกั้นผนังภายในขึ้นมาเพื่อกั้นห้องให้เป็นสัดส่วนชัดเจน ซึ่งพื้นที่ที่เมื่อเราขึ้นมาก็จะเจอเลย สำหรับบ้านตัวอย่างถูกจัดให้เป็นพื้นที่ทำงานของเลขาฯ

ถัดมามีการกั้นห้องเป็นห้องทำงานของผู้บริหารหรือผู้จัดการ ซึ่งในบ้านมาตรฐานนั้นจะไม่มีการกั้นผนังให้นะคะ และพื้นที่ที่ติดกับส่วน Double Volume นั้นจะล้อมพื้นที่เป็นราวกันตกแทนค่ะ

ขนาดภายในห้องทำงานอยู่ที่ 4 x 4 ม. เช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถจัดวางโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ได้สบายๆ เลยค่ะ

ถัดมาโซนพื้นที่ด้านหลังบ้านเลยนะคะ เพราะโซนตรงกลางนั้นในชั้นนี้จะมีเพียงทางเดินผ่านเท่านั้น เพราะในชั้น 2 ถูกทำเป็น Double Volume ไปแล้ว

มองจากโถงทางเดินจะเป็นแบบนี้ค่ะ

สำหรับผนังบริเวณที่ติดกับพื้นที่ Double Volume ก็จะได้เป็นราวระเบียงแบบนี้ค่ะ ไม่ได้กั้นเป็นกระจกเหมือนบ้านตัวอย่างนะคะ ถ้าอยากจะกั้นห้องเป็นสัดส่วนชัดเจนมากขึ้น ไม่ให้มีเสียงจากชั้นล่างมารบกวนก็สามารถกั้นเป็นกระจกเหมือนในบ้านตัวอย่างได้ค่ะ

ภายในห้องส่วนด้านหลังบ้านขนาด 4 x 4 ม. เช่นเดียวกับห้องด้านล่างเลยค่ะ

ถัดมาเป็นห้องน้ำบนชั้น 3 ซึ่งเหมือนกับชั้น 2 ทั้งตำแหน่ง ผังภายในและสุขภัณฑ์

ขึ้นมาที่ชั้น 4 กันต่อ ซึ่งจะเป็นชั้นพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งใครที่ต้องการให้ทางขึ้นนั้นดูมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็สามารถต่อเติมผนังทึบด้านข้างบันไดได้และติดประตูก่อนที่จะขึ้นบันไดไปยังชั้น 4 ได้ จะเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้นค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นที่พักอาศัยทั้งชั้นแล้วนะคะ ลักษณะการจัดวางจะเหมือนห้อง Penthouse คอนโดมิเนียมเลยค่ะ คือมีฟังก์ชันการอยู่อาศัยครบครัน ในชั้นเดียว ซึ่งเหมาะกับเจ้าของที่อยู่อาศัยคนเดียวหรืออยู่เป็นคู่ได้สบายๆ แต่ไม่เหมาะกับอยู่เป็นครอบครัวขยายมากนักค่ะ ไม่ใช่เพียงเรื่องของพื้นที่ใช้สอยนะคะ แต่ต้องรวมเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วย เพราะลักษณะของ Home Office โครงการนี้จะเน้นไปที่โซนออฟฟิศเป็นหลัก ดังนั้นไลฟ์สไตล์ของผู้ที่เลือกจะอยู่อาศัยเลยจะต้องไม่ซีเรียสในเรื่องของความเป็นส่วนตัวมากนัก รวมทั้งไม่ต้องการเสียเวลาในการเดินทางไปทำงาน ดังนั้นอาจจะมองว่าชั้นบนนี้เป็นเสมือนห้องพักอาศัยชั่วคราวในวันธรรมดา แล้วค่อยกลับบ้านในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ได้เช่นกันค่ะ

เข้ามาจะเจอพื้นที่เปิดโล่งซึ่งเหมาะกับการจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น โดยสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ 3 ที่นั่งได้ สำหรับระยะห่างของทีวีและชุดโซฟานั้นอยู่ที่ประมาณ 3.5 ม. สามารถวางทีวีขนาด 50″-60″ ได้สบายเลยค่ะ

ถัดมาเป็นโซนพื้นที่รับประทานอาหาร ครัว และห้องน้ำนะคะ หรือเรียกว่าเป็นโซน Common Area ก็ได้เช่นกัน จะสังเกตว่าผนังด้านหลังของโซฟาในบ้านมาตรฐานนั้นจะได้เป็นเพียงผนังสูง 1 ม.เท่านั้นเอง ดูไม่ค่อยเป็นสัดส่วนเท่าไหร่นัก ซึ่งถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวจริงๆ ก็ควรจะต่อเติมผนังเพิ่มเหมือนบ้านตัวอย่างค่ะ

บริเวณพื้นที่รับประทานอาหาร รองรับโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้สำหรับ 4-6 ที่นั่งได้ค่ะ

ด้านหลังโต๊ะรับประทานอาหารเป็นพื้นที่ครัวและห้องน้ำ ส่วนทางซ้ายนั้นจะเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่ตำแหน่งหน้าบ้าน

ภายในห้องน้ำแบ่งโซนเปียกและแห้งด้วยพื้นที่อาบน้ำที่ลดระดับลงไปเล็กน้อย

อ่างล้างมือขนาดกะทัดรัด ด้านล่าง Built-in ตู้เก็บของให้เรียบร้อย

ส่วนบริเวณโถสุขภัณฑ์ให้พื้นที่มาแคบไปเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับอึกอัดนะคะ

พื้นที่อาบน้ำนั้นไม่ได้กั้นฉากไว้ให้ หากใครต้องการกั้นพื้นที่อาบน้ำให้เป็นสัดส่วนชัดเจน สามารถซื้อฉากกั้นกระจกแบบบานเลื่อน 3 ตอนได้ หรือจะประหยัดงบใช้เป็นม่านพลาสติกก็ได้เช่นกันค่ะ

ฝักบัวสายอ่อน มือจับแข็งแรงแต่หัวฝักบัวขนาดมาตรฐานไม่ได้ใหญ่พิเศษ

มาที่พื้นที่ครัวกันบ้างนะคะ สามารถส่วนนี้สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้นะ ด้วยประตูบานเลื่อนหรือประตูบานเปิดปกติก็ยังได้ เพื่อให้สามารถทำอาหารหนักได้โดยไม่ต้องกลัวกินอาหารไปเกาะตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ

ภายในสามารถวาง Pantry แบบตัว U หรือตัว L ก็ได้เช่นกันค่ะ สำหรับ Pantry นั้นจะไม่ได้ให้มาในบ้านมาตรฐานนะคะ เพียงแต่ออกแบบไว้ให้เป็นไอเดียให้การจัดเท่านั้น ซึ่งหากใครจะทำเป็นพื้นที่ครัวอยู่แล้วก็หลอกตำแน่งเตา Sink และตู้เย็นบ้านตัวอย่างได้เลย เค้าจัดมาให้เรียบร้อยค่ะ

เข้ามาที่ห้องนอนเล็กที่อยู่บริเวณหน้าบ้านกัน ภายในสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบายๆ ค่ะ

อีกฝั่งเป็นพื้นที่สำหรับวางหรือ Built-in ตู้เสื้อผ้า

ถัดมาเป็นส่วนหลังบ้านที่เป็นตำแหน่งของ Master Bedroom และโถงลิฟต์ค่ะ

ขนาดภายในห้องนอนใหญ่ คือ 4 x 4 ม. เช่นเดิม สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ พร้อมเหลือพื้นที่ด้านข้างเตียงให้เดินเข้า-ออกได้

ปลายเตียงสามารถ Built-in ชั้นวางทีวีและชั้นเก็บของได้ระดับนึง ถัดไปเป็นห้องน้ำภายในห้องนอนนี้ค่ะ

ภายในแยกส่วนเปียกส่วนแห้งได้เป็นสัดส่วนเช่นเดิมค่ะ

ส่วนบริเวณพื้นที่อาบน้ำมีทำ Low Wall ให้สำหรับวางแชมพู ครีมอาบน้ำต่างๆ ได้ ส่วนที่พิเศษกว่าห้องน้ำชั้นอื่นๆ คือได้หน้าต่างบานเลื่อนด้านบนไว้สำหรับระบายอากาศ และความชื้นภายในห้องน้ำได้ดี

มาที่บ้านตัวอย่าง Type B กันต่อนะคะ สำหรับ Type นี้จะมีหน้ากว้าง 6 ม. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยน้อยลงมากจาก Type A โดยมีพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 363 ตร.ม. และไม่มีพื้นที่สำหรับติดตั้งลิฟต์โดยสารเหมือน Type A แล้วนะคะ ส่วนลักษณะการจัดวางฟังก์ชันภายในอื่นๆ จะมีความคล้ายคลึงกับบ้าน Type A เช่น พื้นที่ชั้นล่างสามารถใช้พื้นที่ใช้สอยภายในได้ทั้งหมด เพราะดันที่จอดรถไว้หน้าบ้านแทน, ได้ Double Volume ในชั้น 1 และการจัดวางฟังก์ชันที่ให้ชั้น 1-3 เป็นพื้นที่สำนักงานและชั้น 4 เป็นชั้นที่พักอาศัยค่ะ

ในส่วนของรูปลักษณ์หน้าตา Home Office นั้นเหมือนกับ Type A เลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดความกว้างน้อยลงมาอยู่ที่ 6 ม. เท่านั้น

แม้จะมีหน้ากว้างที่น้อยลงมาแต่ก็ยังคงเน้นช่องเปิดด้วยประตูกระจกและกระจกบาน Fixed ขนาดใหญ่ เพื่อให้ภายในบ้านดูโปร่งโล่งและโอ่โถง

เข้ามาภายในบ้านจะได้พื้นที่โปร่งโล่งอย่างที่เห็นในรูปด้านขวามือเลยค่ะ ไม่มีเสาตรงกลางมาคั่นพื้นที่เหมือน Type A เนื่องจากพื้นที่ชั้นลอยมีขนาดเล็กลงมา

บริเวณด้านหน้าสามารถจัดเป็นพื้นที่รับรอง หรือนั่งเล่นได้ เหมือนอย่างบ้านตัวอย่างเลยค่ะ

อีกฝั่งนึงของบ้านตัวอย่างนั้นกั้นผนังเพิ่มขึ้นมาเพื่อให้ได้ฟังก์ชันที่เป็นสัดส่วนมากขึ้นกว่าการเปิดพื้นที่โล่งเฉยๆ

ภายในจัดเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ได้เลย สามารถรองรับจำนวนที่นั่งได้ถึง 10 ที่นั่งค่ะ

เมื่อกันพื้นที่เป็นห้องไปแล้ว ก็จะสามารถแบ่งโซนหน้าบ้านที่เป็นพื้นที่รับรองลูกค้า และด้านหลังบ้านก็สามารถจัดเป็นโซน Service ได้

ด้านข้างผนังนั้นจะมีพื้นที่ให้สำหรับ Built-in ตู้เก็บเอกสารต่างๆ ได้

มาที่โซนด้านหลังนั้น ฝั่งซ้ายจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำในชั้นล่างค่ะ ส่วนฝั่งขวานั้นถูกจัดให้เป็นโซน Service และตรงไปที่เห็นเป็นประตูบานเลื่อนกระจกนั้นจะออกไปยังลานซักล้างนั่นเองค่ะ

ภายในห้องน้ำจัดให้เป็น Powder Room โดยโซนอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์นั้นจะติดกระจกเงาด้านหลังให้สูงถึงฝ้าเพดานเลยค่ะ

หันไปทางฝั่งขวาเป็นตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ชาย ด้านบนติดตั้งหน้าต่างบานกระทุ้งไว้ระบายอากาศ ความชื้นและให้แสงสว่างเข้ามาภายในห้องน้ำได้ดีระดับนึง

เมื่อกั้นพื้นที่ห้องประชุมขนาดใหญ่บริเวณหน้าบ้านแล้ว ก็ทำให้เหลือพื้นที่โซน Service ไม่มากนัก สามารถ Built-in Pantry ขึ้นมาได้แต่ไม่มีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารที่เพียงพอนะคะ ดังนั้นเวลาจัดฟังก์ชันต่างๆ ลูกบ้านต้องคำนึงถึงพฤติกรรมการใช้งานของตัวเองด้วยนะ ว่าแต่ละพื้นที่เพียงพอต่อการใช้งานไหม อย่างการตกแต่งบ้านตัวอย่างหลังนี้อาจจะไม่ได้เน้นพื้นที่รับประทานอาหารจริงจัง เพียงแต่มีพื้นที่ให้จัดเตรียมอาหารง่ายๆ ได้บ้าง โดยจะไปเน้นกับพื้นที่หน้าบ้านที่ถูกจัดให้เป็นห้องประชุมแทน

ส่วนลานซักล้างนั้นใช้วัสดุเดียวกับบ้าน Type A เลยค่ะ

ส่วนขนาดก็จะมีความยาวน้อยกว่าบ้าน Type A ตามหน้ากว้างของบ้านที่ต่างกัน แต่ความกว้างในส่วนลานซักล้างนั้นเท่าๆ กันค่ะ

มาที่ชั้น 2 กันต่อนะคะ บันไดในชั้นนี้ใช้เป็นโครงสร้างเหล็กรูปพรรณดูทันสมัยดี

ขึ้นมาชั้นลอย มีขนาดทั้งหมด 6 x 4 ม. ซึ่งสามารถกั้นเป็นพื้นที่ใช้งานได้และแบ่งเป็นโถงทางเดินบางส่วน โดยการกั้นพื้นที่นี้สามารถทำได้หลายแบบ ทั้งแบบติดตั้งผนังเบากั้นเป็นห้องชัดเจนเลย หรือจะทำเหมือนบ้านตัวอย่างที่ใช้เป็นประตูบานเลื่อนแทนก็เป็นไอเดียที่ดี เพราะสามารถยืดหยุ่นพื้นที่ใช้สอยได้

ภายในชั้นลอยนี้จะได้หน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ช่วยให้แสงเข้ามาภายในได้ดี

ภายในสามารถจัดฟังก์ชันได้พอสมควรเลยทีเดียวค่ะ

ขึ้นไปยังชั้น 2 กันต่อนะคะ

เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 2 เราจะเห็นเครื่อง VDO Call Phone ก่อนเลย ซึ่งจะเชื่อมต่อกับกริ่งหน้าบ้าน ที่มีกล้องติดอยู่ เวลามีคนมาติดต่อเราก็สามารถเห็นหน้าและคุยกับคนที่มากดกริ่งได้โดยไม่จำเป็นต้องลงไปด้านล่างเลย

ชั้น 2 บริเวณหน้าบ้านนั้นจะได้เป็นพื้นที่โล่งเช่นเดิม และได้หน้าต่างบานเลื่อน+กระจกบาน Fixed ยาวตลอดความกว้างของหน้าบ้านเลยค่ะ ทำให้พื้นที่ภายในชั้นนี้ดูสว่างไสวดี

ซึ่งแม้ในบ้านมาตรฐานจะให้มาเป็นพื้นที่แบบเปิดโล่งนะคะ แต่เราสามารถมากั้นห้องเองได้นะ อย่างบ้านตัวอย่างก็จัดให้พื้นที่ที่ติดกับบันไดทางขึ้นเป็นพื้นที่ทำงานของเลขาฯ

อีกครึ่งหนึ่งของพื้นที่หน้าบ้านถูกกั้นเป็นห้องทำงาน

ถัดจากบริเวณหน้าบ้านก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆ เลยในบ้านมาตรฐาน ซึ่งไว้สำหรับให้ลูกบ้านจัดสรรพื้นที่เองได้ อย่างในบ้านตัวอย่างก็จัดเป็นพื้นที่ทำงานพนักงาน

ด้านหลังบ้านได้หน้าต่างบานเลื่อนให้แสงเข้ามาได้ดี และฝั่งขวาเป็นห้องน้ำค่ะ

ภายในห้องน้ำมีการจัดวางสุขภัณฑ์, ขนาด และยี่ห้อสุขภัณฑ์ เหมือนกับบ้าน Type A เลยค่ะ

บริเวณโถงบันไดก่อนขึ้นไปชั้น 3 จะมีการออกแบบให้มีช่องว่างกว้างกว่าโถงบันไดในชั้นอื่นๆ เพื่อให้ชั้น 2 และชั้น 3 เป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกันได้มากขึ้น คล้ายๆ กับ Type A ที่มีการเปิดพื้นที่แบบ Double Volume แต่ Type นี้มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากนักดังนั้นการเปิดพื้นที่แบบ Double Volume จึงทำให้เสียพื้นที่ใช้สอยไปพอสมควรค่ะ

ขึ้นมาชั้น 3 แล้ว บริเวณที่เปิดโล่งก็มีการกั้นพื้นที่ด้วยราวกันตกให้เรียบร้อย

บริเวณพื้นที่หน้าบ้านนั้นมีขนาด 6 x 4 ม. ค่ะ ภายในบ้านตัวอย่างตกแต่งให้เป็นห้องทำงานของผู้บริหาร/ผู้จัดการ

ภายในสามารถจัดพื้นที่โต๊ะทำงานและอีกฝั่งเป็นชุดโซฟานั่งเล่นได้สบายๆ มีพื้นที่เหลือ

โซนด้านในก็เป็นพื้นที่โล่งอีกเช่นเคย สามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงานเหมือนในบ้านตัวอย่างได้เลยค่ะ

โซนด้านหลังบ้านเหมือนกับชั้น 2 เลยคือมีห้องน้ำอยู่ริมฝั่งขวาสุด

ขึ้นมาที่ชั้น 4 ที่จัดให้เป็นชั้นพักอาศัยนะคะ ลักษณะการจัดวางจะเหมือนกับบ้าน Type A คือมีฟังก์ชันครบทุกอย่างในชั้นเดียว คล้ายคลึงกับห้อง Penthouse คอนโดมิเนียม

เมื่อขึ้นมาชั้น 4 นี้ในบ้านมาตรฐานจะเป็นพื้นที่โล่งเลยนะคะ ไม่ได้มีการกั้นผนังแล้วทำเป็น foyer เล็กๆ ก่อนเข้าสู่ภายในห้องเหมือนในบ้านตัวอย่างนะ ซึ่งการกั้นพื้นที่แบบนี้ทำให้มีพื้นที่ในการปรับเปลี่ยนจากโซน Public เป็นโซน Private ได้ดีค่ะ แลกมากับการเสียพื้นที่ใช้สอยภายในเล็กน้อย

เข้ามาในชั้น 4 บริเวณหน้าบ้านจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นทั้งหมด สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้ค่ะ ซึ่งตำแหน่งของการวางโซฟาในบ้านตัวอย่างจะดูแปลกๆ หน่อยคือหันหลังให้กับหน้าต่าง นั้นก็เพราะว่าหากวางชุดโซฟาด้านข้างนั้นจะไม่มีพื้นที่พอสำหรับวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้นะคะ แต่การวางโซฟาด้านข้างนั้นดูจะเหมาะสมมากกว่าเนื่องจากสามารถมองวิวได้และดูทีวีได้ด้วยนะ แลกมากับพื้นที่ในการวางโซฟามีน้อยกว่า

หันมาด้านข้างสามารถจัดเป็นโซนพื้นที่ทำงานหรือพื้นที่อเนกประสงค์อื่นๆ ได้ค่ะ

ถัดจากพื้นที่นั่งเล่นนั้นจะเป็นพื้นที่ครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร ต่อด้วยห้องนอนที่อยู่ด้านหลังบ้านค่ะ ส่วนผนังด้านข้างที่ติดกับโถงบันไดของบ้านมาตรฐานนั้นจะไม่ได้กั้นผนังสูงถึงฝ้าเพดานให้นะคะ หากลูกบ้านต้องการพื้นที่ในชั้นนี้เป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็สามารถต่อเติมผนังได้เหมือนอย่างบ้านตัวอย่างเลยค่ะ

เข้ามาส่วนครัวนั้นสามารถจัด Pantry ขนาดใหญ่รูปตัว L ได้สบายเลยค่ะ

และอีกมุมหนึ่งจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่งได้

เข้ามาที่โซนด้านหลังบ้าน จะเป็นห้องนอนและห้องน้ำภายในห้องนอน ซึ่งเป็นห้องน้ำห้องเดียวกับภายนอกนะคะ แต่สามารถเปิดได้ 2 ทาง คือจากภายนอกและภายในห้องนอน

ภายในห้องน้ำแยกพื้นที่แห้งและพื้นที่เปียกเป็นสัดส่วน โดยการลดระดับพื้นที่อาบน้ำลงมาเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนไปยังพื้นที่ส่วนแห้งได้ ซึ่งลูกบ้านสามารถติดฉากกั้นเพิ่มเติมเพื่อกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปยังส่วนเปียกเวลาอาบน้ำได้ดีมากขึ้นค่ะ ส่วนด้านบนของผนังที่ติดกับภายนอกนั้นจะได้หน้าต่างบานเลื่อน ช่วยให้แสงสว่างและระบายความชื้นภายในห้องน้ำได้ระดับนึง

ภายในห้องนอนมีขนาดประมาณ 4.5 x 4 สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ และยังมีพื้นที่เหลือรอบเตียงค่ะ

ด้านข้างเตียงจัดให้เป็นพื้นที่ของตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง

ส่วนด้านข้างเตียงอีกฝั่งได้หน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ช่วยให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น ส่วนปลายเตียงนั้นจะแบ่งพื้นที่เป็นโซนวางทีวีและทางเข้าห้องน้ำภายในห้องนอน ซึ่งจริงๆ แล้วตำแหน่งของชั้นวางทีวีดูจะเยี่ยงกับเตียงไปหน่อยอาจจะดูไม่ค่อยถนัดนักค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 May 2017

  • Home Office Type A แปลงที่ 7 ที่ดิน 42.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 452 ตร.ม. ราคา 24.48 ล้านบาท
  • Home Office Type B แปลงที่ 8 ที่ดิน 26.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 363 ตร.ม.  ราคา 16.48 ล้านบาท

  • โปรโมชั่นส่วนลด

  • Type A : ลด 2,000,000 บาท
  • Type B : ลด 1,500,000 บาท

  • จอง 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 200,000 บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด (แตกต่างกันในแต่ละยูนิต)
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตร.วาละ 244,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง
    • Type A : 5,500 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
    • Type B : 4,000 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี

  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Nirvana@Work ลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ เป็นโครงการ Home Office ระดับ Luxury บนทำเลถนนเกษตร-นวมินทร์ เหมาะสำหรับกลุ่มออฟฟิศขนาดเล็กๆ มีพนักงานประจำเข้า-ออก แต่ไม่ได้มีผู้เข้ามาติดต่อหรือลูกค้าเข้ามาซื้อของมากนักเพราะด้วยตัวโครงการไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่เสียทีเดียว ที่คนผ่านไปมาเห็นได้ง่าย แต่จะเน้นไปที่ความเป็นส่วนตัว และอยู่ในโครงการจัดสรร มีความปลอดภัย เหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้น เสมือนเป็น Home Office ที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งออฟฟิศและบ้านที่สามารถอยู่อาศัยได้จริง

    ทำเล – ที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนเกษตร-นวมินทร์ช่วงระหว่างถนนประดิษฐ์มนูธรรม และถนนนวมินทร์ บริเวณช่วงนี้อาจจะไม่ได้คึกคักเท่ากับถนนเกษตร-นวมินทร์ช่วงตัดกับถนนพหลโยธินและถนนประดิษฐ์มนูธรรมนะคะ แต่ถือว่าจัดอยู่ในทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ระดับนึง หาของกินได้ง่าย จะเห็นร้านค้าร้านอาหารเปิดเรียงรายตลอดข้างฝั่งถนนเรื่อยๆ หากใครมีรถขับก็สามารถหาของกินในละแวกนี้ได้สะดวกค่ะ ส่วนบริเวณใกล้ๆ โครงการเลยก็มีร้านอาหาร คาเฟ่ อยู่เหมือนกัน สามารถเดินไปฝากท้องช่วงกลางวันได้

    การเดินทาง – ทำเลบนถนนกษตร-นวมินทร์จัดว่าเป็นทำเลที่เหมาะกับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก ซึ่งถนนเกษตร-นวมินทร์นี้ถือเป็นถนนสายหลักในการเดินทางเข้า-ออกเมืองของคนในย่านนี้ ด้วยความที่เป็นถนนขนาดใหญ่ 8 เลน และตัดกับถนนสายสำคัญหลายสาย รวมทั้งไปบรรจบกับถนนพหลโยธินบริเวณช่วงแยกเกษตรอีกด้วย และสำหรับใครที่เน้นการเดินทางด้วยทางด่วนนั้นก็มีตัวเลือกทั้งทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก (ถนนกาญจนาภิเษก) ที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการมากนักในระยะขับรถได้ง่าย

    ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้นยังมีตัวเลือกในการเดินทางไม่มากนัก จะมีสะดวกก็คงจะเป็นแท็กซี่อย่างเดียว เพราะหากเรียกได้ง่าย มีวิ่งอยู่ตลอด นอกเหนือจากนั้นเช่นรถเมล์ ก็มีให้เห็นไม่มากนักค่ะ ซึ่งหากเทียบกับการขับรถส่วนตัวแล้ว ยังถือว่าด้อยกว่าพอสมควรนะคะ ซึ่งก็อาจจะทำให้พนักงานบางคนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวเดินทางมาทำงานลำบากหน่อย

    การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย – ตัวโครงการจัดเป็นโครงการขนาดเล็ก ดูแลง่ายและมีความเป็นส่วนตัวสูง ด้วยจำนวนยูนิตเพียง 48 ยูนิต การออกแบบผังจึงไม่ได้ยุ่งยากมากนักซึ่งถือเป็นข้อดี สำหรับตัว Product โครงการจะเป็น Home Office สไตล์ Loft มี 2 Type ให้เลือกสำหรับออฟฟิศขนาดเล็ก และออฟฟิศขนาดกลาง โดย Home Office Type A นี้มีพื้นที่ใช้สอยมากหน่อยอยู่ที่ 452 ตร.ม. หน้ากว้าง 8 ม. ทำให้ภายในค่อนข้างโปร่งโล่งด้วยความกว้างของตัวบ้านที่ค่อนข้างมาก ส่วนใครมีมีพนักงานไม่มากนัก ก็มี Home Office Type B ที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อยอยู่ที่ 363 ตร.ม. หน้ากว้าง 6 ม. โดยทั้ง 2 Type นั้นมีการออกแบบที่ใกล้เคียงกัน คือเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในให้คุ้มค่ามากที่สุด โดยตัดพื้นที่จอดรถภายในบ้านออก ดันให้จอดบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นที่จอดรถส่วนกลางแทน เพื่อที่จะสามารถใช้พื้นที่ใช้สอยภายในได้มากที่สุด เข้ามาภายในบ้านเน้นพื้นที่เปิดโล่งโดยการทำฝ้าเพดานแบบ Double Volume ดูโอ่โถง เป็นโซนต้อนรับแขกได้ดี ขึ้นมาที่ชั้นลอย และชั้น 2-3 จัดให้เป็นชั้นสำนักงานทั้งหมด และชั้น 4 เป็นชั้นพักอาศัยที่ถูกออกแบบให้เป็นเสมือน Penthouse ในคอนโดมิเนียม คือได้ฟังก์ชันในการอยู่อาศัยครบในชั้นนี้ชั้นเดียว ทั้งพื้นที่นั่งเล่น ครัว พื้นที่รับประทานอาหาร ห้องน้ำ และห้องนอน สามารถอยู่อาศัยได้จริงในแบบฉบับเหมือนอยู่คอนโดมิเนียมนะคะ จะไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเท่าไหร่นัก เน้นความสะดวกสบาย อยู่ง่ายมากกว่า

    วัสดุ – สำหรับวัสดุที่ได้นั้นจัดว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ได้ให้มาแย่หรือดีเกินราคาที่จ่าย ตัวโครงสร้างบ้านเป็นระบบ Conventional (ระบบเสา-คาน) ซึ่งมีความคงทนและสามารถดัดแปลงต่อเติมได้มากกว่าระบบสำเร็จรูป ชั้นล่างปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนชั้นลอย ชั้น 2-4 ปูด้วยพื้นไวนิลทั้งหมด ห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 60 x 60 ซม. ได้ดวงโคมดาวน์ไลท์หลอดไฟ LED สุขภัณฑ์ห้องน้ำจาก American Strand/Cotto/Mogen

    สาธารณูปโภค – สำหรับพื้นที่ส่วนกลางที่ได้นั้นถือว่าให้มาโอเคนะคะ คือมีการจัดพื้นที่จอดรถสำหรับ Visitor ทั้งหมด 43 ช่องจอด ถนนภายในมีความกว้างประมาณ 12 ม. ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นให้มามาตรฐานของโครงการจัดสรรคือมีรปภ.รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ใช้ระบบเข้า-ออกโครงการด้วย Keycard Access ระยะใกล้ เปิด-ปิดด้วยไม้กระดกอัตโนมัติ CCTV 22 จุด ติดตั้งบริเวณหน้าโครงการและภายในโครงการ รวมทั้งรั้วรอบโครงการมีความสูง 6 ม. แบ่งเป็นกำแพงทึบ 3 ม.และรั้วโปร่งต่อเพิ่มอีก 3 ม.

    Judgement

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับแพคเกจ 14 – 25 ล้านบาท, 23 May 2017

    • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ทางเข้า-ออกติดถนนใหญ่เกษตร-นวมินทร์ ลึกเข้าไปประมาณ 200 ม.
    • ความปลอดภัย 7.5/10 – มาตรฐานโครงการจัดสรร มีรปภ., CCTV
    • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – เน้นการใช้พื้นที่ใช้สอยได้เต็มที่ และ Double Volume ได้ความโอ่โถงและโปร่งโล่ง
    • วัสดุ 7/10 – วัสดุให้มาในระดับมาตรฐาน
    • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – ได้ Pocket Garden มีการปลูกต้นไม้รอบโครงการและบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง
    • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ได้ถนนภายในกว้าง มีที่จอดรถสำหรับ Visitor
    • 7.53 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Nirvana@Work ลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ เหมาะกับคนที่กำลังมองหาออฟฟิศและบ้านในที่เดียวกัน ต้องการโครงการยูนิตน้อย มีความเป็นส่วนตัว มีที่จอดรถสำหรับ Visitor  ชอบ Home Office ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน และมีงบประมาณตั้งแต่ 14 – 25 ล้านบาทขึ้นไปค่ะ

    ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )