รีวิวฉบับที่ 477 … สวัสดีครับ ห่างหายจากการรีวิวไปซะนานเพราะมัวแต่ไปถ่ายวีดีโอ ^^” วันนี้ผม Mr.Boom จะพาไปดูโครงการ “Natureza พัทยา” โดย NC Group ครับ ซึ่งจะเป็นหมู่ตึกคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 8 อาคาร บนที่ดินขนาด 22 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนชัยพรวิถี ซึ่งเป็นถนนที่อยู่เลยจากพัทยาเหนือไปประมาณ 2 กม. ครับ โครงการนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 เฟส ซึ่งในปัจจุบันกำลังพัฒนาถึงเฟสที่ 2 (ใช้ชื่อว่า Natureza Art) ในขณะที่โครงการเฟสที่ 1 นั้นขายหมดไปแล้ว ทางเจ้าของโครงการเขาก็ออกตัวไว้ก่อนเลยว่า โครงการนี้ไม่ใช่โครงการแนวรีสอร์ทคอนโดที่อยู่ติดหาด แต่จะเป็นแนวซิตี้คอนโดที่เน้นฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน … จะทำออกมาแบบไหนเดี๋ยวลองดูกัน
Fact @ 8 November 2012
- Natureza พัทยา (เฟส 2 ใช้ชื่อว่า Natureza Art)
- NC Housing Plc. ในเครือ NC Group
- SUPER ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 8 อาคาร ประมาณ 1600 ยูนิต (ทั้งหมด 4 เฟส)
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 25 ยูนิต (Tower C)
- ที่จอดรถประมาณ 30% คัน รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 22-2-95 ไร่ (4 เฟส) เฟส 2 เนื้อที่ 4-2-67 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2558
- 1 Bedroom 28.6 – 37 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 56.2 – 82.5 ตารางเมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.49 ล้านบาท (ราคา Promotion)
- ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 52,000 บาท
- http://www.ncgroup.co.th
- โทร 038-221-657
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
เริ่มจาะเอาแผนที่โครงการให้ดูก่อนนะครับ (คลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่) โครงการ Natureza พัทยา ตั้งอยู่บนถนนชัยพรวิถีครับ ซึ่งจะอยู่เลยจากพัทยาเหนือขึ้นไปประมาณ 2 กม.
ทีนี้ลองดูจาก Google Maps บ้างครับ ถ้าเราวิ่งมาจากมอเตอร์เวย์จะเห็นว่าโครงการอยู่ขึ้นไปทางเหนือ ถ้าใครเคยไปร้านมุมอร่อย นาเกลือ โครงการจะอยู่ก่อนถึงร้านอาหารครับ ถ้าเราขับรถมาจากชลบุรีวิ่งเส้นสุขุมวิทมาจากทิศเหนือ ก็จะเจอโครงการอยู่ก่อนถึงตัวเมืองครับ ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้ห่างไกลความเจริญ ยังอยู่ในระยะที่ขับรถไปไหนมาไหนได้ค่อนข้างสะดวก ยิ่งถ้าเป็นประเภทอยู่บ้านที่พัทยา แต่ทำงานที่ชลบุรีหรือตามเส้นสุขุมวิทขึ้นไป จุดนี้ก็ถือว่าเป็นทำเลที่สามารถขับรถไปทำงานได้ โดยไม่ต้องผ่านตัวเมืองพัทยา ที่รถค่อนข้างติดในช่วง Rush Hour ครับ แต่ถ้าจะเข้าเมืองหาแสงสีเสียง สิ่งอำนวยความสะดวก ก็ไม่ใช่ว่าเดินได้ ต้องนั่งรถไปเหมือนกัน
เมื่อวิเคราะห์จากภูมิประเทศแล้ว จะเห็นว่าตัวโครงการไม่ได้อยู่ใกล้หาดนะครับ ตัวที่ดินจะอยู่ถัดเข้ามาจากชายฝั่งพอสมควร ถ้าจะเล่นน้ำทะเลคงต้องใช้วิธีขับรถออกไปเล่นข้างนอกเอา และยังเป็นคอนโดตึกเตี้ย 8 ชั้นด้วย วิวทะเลก็คงจะมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ อาจจะไม่ตอบโจทย์คนที่ต้องการหาที่อยู่ที่พัทยาเพื่อพักผ่อนเล่นน้ำทะเลหรือรับวิวทะเลสวยๆนะครับ
ส่วนถนนชัยพรวิถีนี้ หลายๆคนที่ไม่ได้อยู่พัทยาเป็นประจำอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ แต่จริงๆแล้วถนนเส้นนี้ก็เป็นถนนที่คนพื้นที่นิยมใช้สัญจรไปมากันบ่อยๆ เป็นถนน 4 เลน (ที่จะยุบเป็น 2 เลนในช่วงกลางๆซอย) เชื่อมจากสุขุมวิท ตัดผ่านถนนเลียบทางรถไฟ ใช้ลัดไปยังเส้นมอเตอร์เวย์ได้ แล้วถ้าวิ่งข้ามสะพานข้ามมอเตอร์เวย์ต่อไปอีก ก็จะเป็นเส้นลัดวิ่งไปบ้านโป่ง ผ่านมาบประชันได้เลย
การไปโครงการ ถ้ามาจากมอเตอร์เวย์ ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ขับรถมาจนถึงถนนสุขุมวิท ก็เลี้ยวซ้าย เลยพัทยาเหนือไป แล้วก็วิ่งตรงๆไปเลี้ยวขวาเข้าถนนชัยพรวิถี เข้าไปประมาณ 200 เมตร ก็จะเจอโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ
อีกวิธีหนึ่ง ถ้ามาจากสุขุมวิท เราก็วิ่งตรงๆมาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยตามปกติ แต่ในอนาคต โครงการบอกว่าจะทำทางเข้ารองอยู่ติดถนนใหญ่สุขุมวิท ซึ่งสามารถเลี้ยวเข้าโครงการได้จากทางด้านนั้นได้เลย แต่ในปัจจุบันยังไม่เปิดใช้
พาไปดูเส้นทางก่อนละกันครับ ผมขับรถมาจากกรุงเทพ (ก็แน่ล่ะ) มาทางมอเตอร์เวย์ครับ พอถึงพัทยาเราก็จะเห็นป้ายแบบนี้ตรงสามแยก เข้าถนนสุขุมวิท เราเตรียมตัวอยู่เลนขวาไว้ เพื่อที่จะเลี้ยวไปทางพัทยาเหนือครับ
มาถึงสามแยกแล้ว อย่าเลี้ยวซ้ายนะครับ
เลี้ยวขวาไปพัทยาเหนือตามรูป
ใช้เส้นสุขุมวิท วิ่งมุ่งหน้าไปทางบางละมุงครับ ขึ้นเหนือไปเลย
ทางซ้ายจะมีจุดสังเกต เป็นตึกใหญ่ๆสองตึก นั่นคือ LPN พัทยาเหนือ-สุขุมวิท นะครับ อันนี้สร้างเสร็จแล้ว
ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเจอแยกไปพัทยาเหนือ เราก็ไม่ต้องเลี้ยวเข้าไปนะครับ วิ่งตรงต่อไปทางชลบุรี
จะเจอจุดสังเกตอีกหนึ่งอัน คือ โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา ถึงตรงนี้ก็เตรียมตัวเลี้ยวขวาที่ไฟแดง
เจอไฟแดงแล้ว เราก็เลี้ยวขวา เข้าถนนชัยพรวิถี ตามรูปเลยครับ
สภาพแวดล้อมบริเวณปากซอยและถนนใหญ่ตรงนี้ก็เป็นตึกแถว, ร้านค้าตลอดทาง มีความคึกคักพอสมควร แน่นอนว่ายังอยู่ในเมือง แต่เรื่องของกินและความอุดมสมบูรณ์ผมไม่ขอคอมเม้นละกัน เพราะไม่ใช่คนพื้นที่ ใครเป็นคนพัทยา ก็มาช่วยให้ความรู้หน่อยนะครับ ว่าแถวนี้มีอะไรกินเยอะมั้ย ตลาดสดอยู่ตรงไหน เดินถึงมั้ย ฯลฯ
พอเข้าซอยมาปุ๊บ จะเจอ 7-Eleven อยู่ทางซ้ายมือเกือบจะทันทีเลย ห่างจากโครงการมาประมาณ 150 เมตร เดินมาได้สบายๆนะจ๊ะ
สภาพแวดล้อมก่อนจะถึงโครงการ ก็จะเป็นร้านค้าย่อยๆ ประปราย
ถึงโครงการแล้วครับ ถ้าไปช่วงนี้คงจะเห็นโครงการตกแต่งด้วยสีเขียวอ่อนแบบนี้
หน้าตาทางเข้าโดยรวม ถือว่าดูสดใส โดดเด่นจากสภาพแวดล้อมรอบๆพอสมควร แต่ต้องดูด้วยนะว่าต่อจากนี้จะยังดูแลให้เป็นแบบนี้ได้รึเปล่า
สำนักงานขายของโครงการหน้าตาแบบนี้ หลังคาแหลมเชียว
แนวรั้วของโครงการ
ขออธิบายถึงตัวที่ดินโครงการกันต่อนะครับ ข้างบนในรูปผมร่างให้ดูอาณาเขตที่ดินของโครงการเอาไว้คร่าวๆนะครับ (ไม่เป๊ะนะ) จะได้พอเห็นภาพ… ที่ดินทั้งหมดของโครงการ Natureza พัทยา มีขนาด 22 ไร่ครับ ถือว่าใหญ่ทีเดียวสำหรับโครงการ Low Rise ในพัทยา ซึ่งที่ดินใหญ่ขนาดนี้ทาง NC Group เขาจึงแบ่งแผนพัฒนาที่ดินออกเป็นทั้งหมด 4 เฟสย่อย (เดี๋ยวจะอธิบายต่อในส่วนต่อไป)
ตัวที่ดินมีทางเข้าออกหลักอยู่ติดถนนชัยพรวิถีตามที่ผมพาไปดูนะครับ แต่ในอนาคตเขาบอกว่าจะมีการเปิดทางเข้า-ออกรองอีกหนึ่งจุด อยู่ติดถนนใหญ่สุขุมวิท (ดูรูปประกอบ) ซึ่งจะทำให้มี Access เข้า-ออกโครงการได้ 2 ทาง ซึ่งถ้าทำได้จริงจะเพิ่มความสะดวกให้กับลูกบ้านพอสมควร อันดับแรกคือ คนที่ขับรถมาจากสุขุมวิทจากทางชลบุรีเข้ามาที่พัทยา ก็สามารถเลี้ยวเข้าโครงการได้เลยโดยไม่ต้องรอไฟแดง และคนที่อยู่ในโครงการ ก็สามารถใช้ทางเข้าออกฝั่งเดียวกันนี้เดินออกมาที่ถนนใหญ่เพื่อเรียกรถไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้น หรือจะเดินออกไปซื้อของก็ได้เหมือนกัน …
ทางเข้าอีกด้านหนึ่งตอนนี้ยังไม่เปิดให้ใช้นะครับ รูปด้านบนนี้เป็นรูปจาก Google Maps เพื่อให้จินตนาการดูว่าความกว้างของทางเข้ารอง ฝั่งถนนสุขุมวิท จะประมาณไหน
สภาพถนนชัยพรวิถีบริเวณใกล้ๆถนนใหญ่ตรงนี้ จะเป็นถนนที่ค่อนข้างกว้าง มี 4 เลน ไม่รวมไหล่ทางที่กว้างพอที่จะให้รถจอดข้างทางได้แบบไม่เกะกะ ลึกเข้าไปตามถนนเส้นนี้ก็จะเห็นบ้านคน และเป็นโซนที่อยู่อาศัยของคนพื้นที่ ลึกเข้าไปอีกหน่อยก็จะเริ่มมีโครงการบ้านแนวราบมาให้เห็นแล้ว
เดินออกมาสำรวจดูหน้าโครงการกันซักหน่อย
ร้านค้าแถวนี้ ส่วนใหญ่เป็นแบบอินดี้ๆหน่อย มีโชว์ห่วยบ้าง ร้านอาหารแบบบ้านๆบ้าง อู่ซ่อมรถบ้าง ฯลฯ
มีรถยนต์วิ่งผ่านเส้นนี้เยอะเหมือนกัน แต่รถไม่ติดเท่าสุขุมวิท
มีร้านอาหารแบบบ้านๆง่ายๆอยู่ตามทาง
วันที่ไปรีวิวนี้ ฝนตกพอดี เลยดูหม่นหมองไปหน่อย
ด้านหน้าโครงการ มองจากชั้น 2 ของสำนักงานขาย
กวาดสายตาไปทางขวาบ้าง…
ทางเข้าสำนักงานขายของโครงการ
ถัดเข้ามาจากทางเข้า ที่อยู่หลังแนวรั้วนั้นก็เป็นที่ดินของโครงการเหมือนกันนะครับ ฝั่งนี้เป็นด้านทิศตะวันออก
มุมมองที่ดินฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากชั้นสองของสนง.ขาย
วิวฝั่งทิศเหนือ…ย้ำอีกครั้งว่า ถ่ายจากชั้นสองของ สนง.ขายนะครับ
จากในรูปจะเห็นว่าโครงการ Natureza เฟส 1 กำลังเริ่มก่อสร้างแล้วครับ (ปัจจุบันขายเฟส 2 อยู่)
ซูมเข้าไปให้ดูอีกซักรูป … ด้านหลังนั่นเป็นอาคารที่อยู่ติดกับรั้วโครงการครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร แต่ก็จะมีทิศเหนือเท่านั้น (เยื้องๆไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ) ที่รั้วติดกับอาคารอื่น แต่ด้านที่เหลือส่วนใหญ่ยังติดกับพื้นที่เปิดโล่งอยู่ (แต่ก็ต้องบอกว่าในอนาคตจะมีอะไรมาขึ้นอีกก็ไม่แน่นะ)
บ้านด้านหลัง ยาวๆนั้น คืออยู่ติดกับรั้วโครงการฝั่งทิศเหนือครับ
ลักษณะของทำเลก็จะเป็นประมาณนี้ครับ ต้องบอกตรงๆว่าผมก็ไม่ใช่คนพื้นที่พัทยา คงจะไม่ขอคอมเม้นอะไรมากเกี่ยวกับทำเลนะครับ ส่วนใครที่อยากจะแชร์ข้อมูลเพิ่มเติม เชิญได้ในคอมเมนต์เลยครับ ยินดีมากๆ
เจาะลึกตัวโครงการ
ต่อไปเราไปดูตัวโครงการกันบ้าง
เริ่มจาก Master Plan ของโครงการก่อนครับ… อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า โครงการนี้มีที่ดิน 22 ไร่ ถูกแบ่งออกเป็น 4 เฟสครับ และจะมีส่วนที่เป็น Clubhouse และ Shop ส่วนกลาง อยู่ตรงกลางโครงการ (บริหารโดย NC Group และลูกบ้านไม่ได้เป็นเจ้าของร่วม) ทั้ง 4 เฟสมีถนนเชื่อมกันในโครงการตามที่เห็นในรูป และมีถนนหลักคาดตรงกลาง เชื่อมทางเข้า-ออก 2 จุดเข้าด้วยกัน
ในแต่ละเฟสจะประกอบไปด้วยอาคารพักอาศัย 2 อาคาร ที่มี Facilities สิ่งอำนวยความสะดวกแยกจากกัน ของใครของมันเลยครับ มีสระว่ายน้ำแยกเฟส มีสวนพักผ่อนของตัวเอง มีห้องฟิตเนสแยก ที่จอดรถแยก รวมถึงแยกนิติบุคคลด้วย อันนี้ก็มีข้อดีตรงที่ ลูกบ้านจะได้ไม่ต้องเดินไกลๆ และแยกใช้กันอย่างชัดเจน เฟสใครเฟสมัน ไม่ต้องไปใช้รวมกัน แต่ก็ทำให้การดูแลรักษาต้องแยกกันไปด้วย และขนาดของ Facilities อาจจะไม่ได้ใหญ่โตอลังการนัก ถ้าเทียบกับการเอา Facilities ของทั้ง 4 เฟสมารวมกันให้ใช้ด้วยกัน ซึ่งก็มีทั้งข้อดีข้อเสียเหมือนกันครับ
ปัจจุบันโครงการพัฒนามาจนถึงเฟสที่ 2 แล้วที่ใช้ชื่อว่า “Natureza Art” ส่วนเฟสที่ 1 (อาคาร A, B) นั้นขายหมดปิดเฟสไปเป็นที่เรียบร้อย
Master Plan เฉพาะของเฟส 2 หน้าตาแบบนี้ครับ เป็นอาคาร C กับ D วางขนานเยื้องๆกันแบบนี้ เชื่อมกันด้วยสระว่ายน้ำและสวนหย่อมตรงกลาง มีจุด Drop-Off ใหญ่อยู่ที่หน้าอาคาร C ส่วนที่จอดรถจะเป็นแบบจอดรถ Outdoor ทั้งโครงการนะครับ วางอยู่หลังตึก ทั้ง 2 ตึก และมีทางเข้าอาคารจากที่จอดรถแยกต่างหาก
ไปดูตัว Model กันบ้าง มีให้ดูเฉพาะของเฟส 2 นะครับ เพราะของเฟส 1 เขาขายหมดไปแล้ว เลยเอาไปเก็บละ ไม่มีให้ดู มุมข้างบนนี้เป็นมุมทางด้านหน้า มองจากถนน Main เข้าไป
ตึก D จะอยู่ใกล้ทางเข้าหลักมากกว่า (ทางเข้าโครงการจากถนน ไม่มีอยู่ในโมเดลนะครับ)
ทางเข้าแยกไปยังที่จอดรถตึก D
ที่จอดรถของโครงการ จอดได้ 100 คันรวมซ้อนคัน คิดเป็นประมาณ 25% จากจำนวนยูนิต ซึ่งถ้าดูจากทำเลแล้วโครงการนี้เป็นโครงการเน้นการใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก และผู้อยู่อาศัยน่าจะเป็นคน Local ที่ทำงานประจำแถวๆนี้ซะเยอะ คิดว่า 25% นี้อาจจะไม่เพียงพอได้นะครับ ต้องรอดูกันต่อไป
ทางเข้าตึก D ส่วนที่ติดกับที่จอดรถครับ…
เนื่องจากชั้น 1 ของตัวตึกก็เป็นยูนิตพักอาศัยเช่นกัน ทำให้รถต้องจอดแบบ Outdoor นอกอาคารทั้งหมดนะครับซึ่งจะสะดวกน้อยกว่าการจอดใต้อาคารตรงที่ว่า ต้องเดินไกล และ ไม่มีร่มเงาสำหรับบังแดดบังฝนครับ ลองนึกดู ถ้าซื้อของจาก Supermarket มาเยอะๆแล้วเจอฝนตกหนักตอนถึงบ้าน ก็อาจจะทำให้ไม่สะดวกได้
ถัดมาเป็นตึก C ที่อยู่ในเฟสเดียวกันจะเป็นตึกตรงๆแบบนี้
หน้าตาตึก C เมื่อมองจากด้านหน้าตรงๆ
หน้าตึก C มีจุด Drop-Off ใหญ่ๆอยู่จุดหนึ่ง บนถนน Main
เมื่อ Drop-Off ที่หน้าตึกแล้ว ค่อนวนรถเข้าไปจอดที่ด้านหลังตึก…แบบนี้
ระหว่างตึก C กับตึก D เชื่อมกันด้วยสระว่ายน้ำและสวนหย่อม
โมเดลจำลอง ส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำ, สวน และ อาคารฟิตเนส ทั้งหมดอยู่นอกอาคาร C-D นะครับ เพื่อให้ยุติธรรมกับลูกบ้านทั้งสองตึก เดินมาใช้ร่วมกัน
สระว่ายน้ำของที่นี่ขนาด 10×32 เมตร ครับ (แต่ละเฟสขนาดไม่เท่ากันนะครับ แล้วแต่พื้นที่ อย่างเช่น สระของเฟส 1 มีขนาด 8×25 เมตร) เทียบกับคอนโด 8 ชั้นทั่วๆไป เรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่ใช้ได้ทีเดียว น่าจะเพียงพอรองรับความต้องการของลูกบ้าน 400 ยูนิตนะครับ แถมให้มาเฟสละ 1 สระด้วย ไม่ต้องไปแย่งใช้กับเฟสอื่นๆ แต่จุดด้อยก็มีเหมือนกัน คือเนื่องจากนำสระออกมาไว้นอกตึก ก็ทำให้เวลาจะใช้งานแต่ละครั้งต้องเดินออกมาใช้ข้างนอก และเป็นสระที่อยู่ชั้น G ทำให้อาจจะไม่รู้สึก Private เท่าไหร่นัก ซึ่งถ้าเป็นคนมั่นใจไม่แคร์สื่อ ก็ไม่เป็นไร 😀
นอกจากนี้จะมีอาคารเล็กๆสูงสองชั้นที่อยู่ข้างสระว่ายน้ำ ที่ชั้นบนเป็นห้องฟิตเนสผนังกระจก ออกกำลังกายไป รับวิวสระว่ายน้ำและสวนไปด้วย ส่วนชั้นล่างเป็นพวกห้องน้ำ และสำนักงานนิติบุคคล
เอา Floor Plan ให้ดูกันบ้างนะครับ เริ่มจากชั้น 1 ก่อน ตอนนี้มีให้ดูเฉพาะตึก C นะครับ ส่วนตึก D ยังไม่เปิดขายเลยมีแต่เฉพาะใน Master Plan ตึก C มีจำนวน 195 ยูนิต ตึก D 211 ยูนิต
ทั้งตึก C และ D นี้จะวางตัวในแนวเหนือ-ใต้ครับ โดยด้านหน้าตึกจะหันไปทางทิศเหนือซึ่งหันไปเจอกับตัวโครงการเฟส 1 พอดี โดยมีถนนโครงการคั่นอยู่ตรงกลาง แล้วก็จะได้วิวสวนสาธารณะในโครงการนิดหน่อย ส่วนที่จอดรถหลังตึกหันไปทางทิศใต้ทางด้านถนนชัยพรวิถี ซึ่งฝั่งนี้จะมีอะไรมาบังน้อยกว่า แต่ก็โดนอาคารที่อยู่ริมถนนบังเหมือนกันในชั้นล่างๆที่ไม่สูงมาก
ทิศตะวันตกหันไปทางถนนสุขุมวิท ซึ่งตัวเฟส 2 นี้ก็จะอยู่ใกล้กับทางออกที่อยู่ฝั่งสุขุมวิทพอดี แต่ห้องฝั่งตะวันตกนี้จะโดนแนวตึกแถว 3-4 ชั้น ที่อยู่ติดถนนสุขุมวิทบังวิวทิศนี้ไปบ้างนะครับ ต้องขึ้นไปชั้นสูงๆหน่อยเช่นชั้น 6-8 ถึงจะพ้น
ทิศตะวันออก ของตึกเป็นจุดที่ได้วิวที่ดีที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ด้านล่างมองเห็นสระว่ายน้ำและสวน เขาจึงนำเอาห้อง Two-Bed มาอยู่ในตำแหน่งนี้ด้วย … แต่น่าเสียดายห้องทางมุมขวาล่าง (ทิศตะวันออกเฉียงใต้) ของตึก C จะโดนบางส่วนของตึก D บังวิวอยู่นิดหน่อย ทำให้แทนที่จะได้วิวกว้างๆสองด้าน ทำให้เหลือด้านเดียว…
ชั้น 1 ประกอบไปด้วย Lobby ส่วนที่ต่อเชื่อมมาจากจุด Drop-Off ทางทิศเหนือ พอเข้า Lobby มาแล้วก็จะมีส่วนชุดโซฟาสำหรับนั่งพัก นั่งคอย หรือต้อนรับแขกได้ แต่ตรงนี้ดันมาอยู่ติดกับห้อง Laundry … ใครเอาผ้าลงมาซักนี่เห็นกันหมดทั้งโครงการเหมือนกันนะ … แต่มีข้อดีคือระหว่างรอเครื่องซักผ้าทำงานก็มีที่นั่งให้นั่งรอได้…ถัดจาก Lobby จะแยกเป็น 3 ส่วน คือ 1) โถงลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นต่อๆไป 2) ส่วน Reception และ Mailbox ที่อยู่ติดกับทางออกด้านหลังไปยังลานจอดรถ 3) คือส่วนโถง Corridor ที่จะนำไปสู่ห้องพักอาศัยต่างๆ โดยโครงการนี้จะเริ่มชั้นพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 1 เลยนะครับ และยูนิตที่อยู่ชั้น 1 นี้ก็จะเป็นยูนิตพิเศษที่มีพื้นที่ระเบียงใหญ่กว่าห้องชั้นอื่นๆ และจะมีพื้นที่สวนส่วนตัวของแต่ละยูนิต เฉพาะชั้น 1 เท่านั้น (เดี๋ยวเห็น Unit Plan แล้วจะเข้าใจมากขึ้นนะครับ)
ตั้งแต่ชั้น 2 เป็นต้นไปก็จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดไปจนถึงชั้น 8 หน้าตาเกือบๆจะเหมือนกันทั้งหมดครับ ต่างกันตรงพื้นที่ระเบียงของแต่ละห้องจะมีขนาดไม่เท่ากัน ตามหน้าตาภายนอกของอาคาร แต่พื้นที่ในห้องจะเท่ากันหมดในแต่ละห้องที่ตำแหน่งตรงกัน จำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 25 ยูนิต ซึ่งก็เป็นมาตรฐาน ไม่เยอะไม่น้อย สำหรับคอนโดระดับนี้
สุดท้ายเรื่องโครงการ คือ Natureza Art เฟส 2 นี้ผ่าน EIA. เรียบร้อยแล้วด้วย เป็นข่าวดีอย่างหนึ่งนะครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ/เฟส รวม 4 สระ
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง/เฟส
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- Free Internet & WIFI ที่ Lobby
- ห้อง Laundry
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ ตึก C 97:1 ตึก D ประมาณ 105:1
- ที่จอดรถ (เฉพาะเฟส 2) ประมาณ 100 คัน คิดเป็น 25% (รวมซ้อนคัน)
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
ห้อง Type แรกที่จะพาไปดูขอเริ่มจากห้อง 2-Bed ขนาด 56.2-82.5 ตารางเมตรก่อนละกันนะครับ พื้นที่ที่แตกต่างกันเป็นพื้นที่ของระเบียงล้วนๆนะครับ ส่วนพื้นที่ใช้สอยในห้องเท่ากัน
ห้อง Two-Bed Standard จะมีขนาด 56 ตารางเมตรครับ โดยที่จะมีระเบียงแต่จุดเดียว ส่วนที่อยู่ติดกับ Living Area ฟังก์ชั่นของห้องนี้เป็นห้อง 2-Bed, 2-Bath ครับ มีครัวอยู่หน้าห้องเป็นครัวเปิด พื้นที่เชื่อมกับส่วนโซฟาดูทีวี และโต๊ะรับประทานอาหาร, ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนเล็กใช้ห้องน้ำร่วมกับ ห้อง Living
สำหรับห้อง Two-Bed 61 ตารางเมตร นี้ พื้นที่ในห้องเหมือนกันกับห้อง 56 ตารางเมตร แต่จะมีระเบียงยาวส่วนที่อยู่ติดกับห้องนอนเพิ่มเข้ามาอีกเกือบๆ 5 ตารางเมตร
ดูจากโมเดลแล้ว ระเบียงจะหน้าตาประมาณนี้
ส่วนห้อง 2-Bed ที่อยู่ชั้น 1 จะไม่มีระเบียงครับ แต่จะเพิ่มพื้นที่สวนมาด้วย ซึ่งพอรวมพื้นที่สวนแล้วจะมีพื้นที่ 82.5 ตารางเมตร
ดูจาก Model พื้นที่สวนจะหน้าตาแบบนี้
เข้ามาดูในห้องตัวอย่างบ้าง ห้องนี้ขนาด 56 ตารางเมตรนะครับ เดินเข้ามาในห้องปุ๊บ จะเจอกับ Living Area และครัวก่อนเป็นอันดับแรก
พื้นห้องส่วน Living เป็นกระเบื้อง Granito สี Superwhite (ในรูปโดนแสง Warmlight) ขนาด 60×60 cm
มองจากในห้องออกไปที่หน้าประตู
ด้านข้างประตูทางเข้า วางตู้เก็บรองเท้า กับติดชั้นวางของมาให้ดู ซึ่งจริงๆแล้วเขาไม่ได้ให้ชุดนี้มาอยู่แล้ว เราจะบิ๊วตู้ขนาดใหญ่กว่านี้ ให้เก็บของได้เยอะกว่านี้ก็ได้ครับ
ติดกับทางเข้าอีกด้านนึงเป็นชุดครัวแบบครัวเปิด ซึ่งชุดนี้จะแถมมาให้นะครับ ประกอบด้วย Pantry, อ่างล้างจาน, ตู้เก็บของด้านบน แต่ไม่มีเตา ไม่มีที่ดูดควัน ไม่มีตู้เย็นนะครับ ดูแล้วไม่เน้นให้ใช้งานครัวในห้องซักเท่าไหร่ ซึ่งน่าเสียดายไปนิด เนื่องจากห้องนี้เป็นห้อง 2-Bed อยู่กันหลายคน และดูจากลักษณะโครงการแล้ว เป็นโครงการที่เน้นการอยู่อาศัยประจำ ไม่ใช่คอนโดตากอากาศ เลยคิดว่าฟังก์ชั่นครัวอย่างน้อยมีเตาไฟฟ้า พอทำอาหารง่ายๆได้บ้างก็น่าจะดีกว่า เพราะไหนๆก็ให้แบบ Fully-Furnished แล้วนะครับ อันนี้ก็ใช้เฉพาะไมโครเวฟไปก่อน หรือใครจะซื้อมาติดเพิ่มก็ได้ แต่อย่าลืมติดที่ดูดควันตัวใหญ่ๆหน่อย เพราะว่าเป็นพื้นที่ครัวเปิดเนอะ
ช่องเก็บของมีมาให้พอสมควร
อ่างล้างจาน Stainless อยู่ข้างตัวเย็น ตำแหน่งการจัดวางถูกต้องดีแล้ว แต่ด้วยพื้นที่ที่จำกัดจึงไม่มีที่วางภาชนะหลังจากล้างเสร็จนะครับ ดังนั้นต้องไปหาถาดอะไรมาวางเองนะ
ให้มาเป็นยี่ห้อ Hafele
หัวก๊อกหน้าตาแบบนี้
ที่วางไมโครเวฟอยู่บนชั้นด้านบน
ตู้ครัวมี Top และหน้าบานเป็น Laminate สี White Oak
หน้าบานตู้ด้านบนเป็น Particle Board เคลือบเมลามีนครับ ในห้องตัวอย่างเขาใส่ Breaker มาผิดที่ จริงๆจะต้องอยู่ในตู้นะครับ สำหรับห้องจริง
พื้นที่วางตู้เย็นด้านข้างเหลือเยอะ แต่สูงกว่านี้ได้อีกไม่มาก ถ้าจะเพิ่มขนาดตู้เย็น อาจจะต้องเลื่อนตู้ข้างบนขึ้นไปอีกหน่อย
จบจากครัว เดินเข้าไปในห้องต่อจะเจอกับโซฟานั่งดูทีวีด้านหน้า และโต๊ะรับประทานอาหารทางซ้าย
มุมมองห้อง Living จากบริเวณโซฟา
มาดูโต๊ะกินข้าวก่อน วางอยู่ระหว่าง Living Area กับ Bedroom
ชุดนี้ให้มาด้วยนะครับ โต๊ะกินข้าว พร้อม เก้าอี้ 4 ตัว
มาดูส่วนโซฟานั่งดูทีวีบ้าง พื้นที่ประมาณนี้
โซฟาชุดนี้แถมให้ แบบ 2 ที่นั่ง
พื้นที่ข้างโซฟาเหลืออยู่อีกหน่อย จะเพิ่มขนาดโซฟาก็ทำได้อีกนิดนึง
โต๊ะกลางตัวนี้แถมให้
ตัวนี้มีลูกเล่นนิดหน่อย สามารถดึงลิ้นชักออกมาเก็บของได้ด้วย
ระยะดูทีวีกว้างพอสมควร แต่อาจจะใส่ TV ขนาดใหญ่มากไม่ได้ เพราะพื้นที่ผนังฝั่งนั้นไม่กว้างเท่าไหร่ และอยู่ติดตำแหน่งเสาด้วย
กำแพงหลังทีวีตรงนี้ เนื่องจากติดเสา ทำให้มีพื้นที่ต่างระดับแปลกๆเยอะหน่อย คิดว่าทางที่ดีคือควรจะบิ๊วให้ระดับกำแพงขึ้นมาเสมอกันจะทำให้ห้องจัดวางเฟอร์ได้สวยกว่า และใช้งานได้ดีขึ้นด้วย
พื้นที่โล่งๆข้างทีวีก็ดูจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ นอกจากวางแจกันแบบนี้ คิดว่าบิ๊วเป็นตู้ไปน่าจะสวยกว่า
ชั้นวางทีวีแถมให้ตามแพ็คเกจ
ชั้นวางของข้างๆนี้ก็แถมให้ด้วยครับ
ส่วนตู้ช่องๆที่ Built-in เอาไว้อีกฝั่งหนึ่งนี้ ไม่ได้แถมให้นะครับ อันนี้ทำให้ดูเฉยๆ
ข้างๆโซฟา เป็นประตูเปิดออกไปที่ระเบียงด้านนอก ทำหน้าที่เป็นช่องแสง ให้ส่องมาที่ห้องนั่งเล่นได้ด้วย
ในห้องตัวอย่างดรอปฝ้าและใส่รางม่านเอาไว้ แต่ของจริงไม่มีทั้งสองอย่างนะครับ อันนี้ถ่ายให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆ
ระเบียงด้านนอกกว้างประมาณ 80 cm ครับ ปูกระเบื้องเอาไว้แบบนี้ วางเครื่องซักผ้าได้พอดีๆ แล้วก็จะเหลือพื้นที่ตากผ้าอีกนิดหน่อย
ด้านที่เป็นเสานี่ ห้องจริงจะมีการแขวนโคมไฟที่ผนังเอาไว้ด้วย
ที่วาง Compressor แอร์ ของจริงจะนำขึ้นแขวนกับผนังให้นะครับ แต่ในสำนักงานขาย ทำแบบนี้ให้ดูเป็นชั่วคราวไปก่อน พื้นที่จริงจะมีตี Grille บังสายตาไว้ด้านนอกด้วย ข้อดีตรงนี้คือคอมฯแอร์หันออกด้านนอก ไม่ได้หันเข้าด้านในระเบียง
ธรณีที่ระเบียงสูงพอสมควร เวลารีบๆวิ่งออกไปเก็บผ้าตอนฝนตกนี่ ระวังสะดุดนะครับ
ต่อมาเข้ามาดูโซนห้องนอนและห้องน้ำบ้าง เริ่มจากห้องน้ำรับแขกทางซ้ายมือสุดก่อน
เข้าห้องน้ำมาพื้นที่ประมาณนี้ ฟังก์ชั่นมาตรฐาน มีอ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และ Shower Box พื้นใส่กระเบื้องขนาด 30×30 cm
พื้นห้องน้ำลดระดับลงนิดหน่อย แต่ยังมีการกั้นด้วยธรณีประตูอยู่ เวลาเดินเข้า-ออกห้องน้ำ ต้องระวังสะดุดนิดนึงนะครับ
หน้าตาอ่างล้างหน้าเป็นแบบนี้ มีที่วางของด้านหนึ่ง และเป็น Slope อีกด้านหนึ่ง ยี่ห้อ Mogen
หัวก็อกน้ำ Eidosa
ติดกระจกเงามาให้บานไม่ใหญ่ไม่เล็ก
ระยะของจริงจะยกระดับการติดกระจกขึ้นอีกหน่อย ประมาณ 15 cm น่าจะได้
โถสุขภัณฑ์ของ Mogen เหมือนกัน หน้าตาแบบนี้
สายฉีดชำระ หน้าตามาตรฐาน
Shower Box ติดฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกมาให้ด้วย ยี่ห้อ Bathline
ตรงนี้มีจุดให้คอมเม้นนิดนึง คือตัวฉากกั้นอาบน้ำเป็นแบบกระจก 2 ชิ้น ทำให้เปิดออกได้ค่อนข้างแคบ ถ้าคนตัวใหญ่ๆหน่อย (อย่างผม) เวลาเดินเข้า Shower Box ค่อนข้างลำบาก
พื้นที่ Shower Box แคบไปนิด คนที่อาบน้ำแบบมีท่าเยอะ อาจจะไม่สะใจเท่าไหร่
ชุดฝักบัวแบบ Hand Shower ผนังด้านหลังปูกระเบื้องแบบมีลายหมากรุกแบบนี้
อันนี้เป็นที่วางสบู่ … เล็กมาก วางได้ 1 ก้อนถ้วน
หัวก็อกยี่ห้อ Victor
หน้าตา Hand Shower
กระเบื้องผนัง
ต่อมาเป็นห้องนอนเล็ก ห้องนี้ไม่มีห้องน้ำในตัว ใช้ห้องน้ำห้องเมื่อกี๊ ร่วมกับส่วน Living Area เข้ามาปุ๊บในห้องวางเตียง 3.5 ฟุตเอาไว้ พื้นที่ยังโล่งๆ
พื้นห้องนอนทั้งสองห้อง ปูด้วย Laminate
พื้นที่ข้างเตียงยังเหลือ สามารถใส่เตียง 5 ฟุตแทนก็ทำได้
โต๊ะข้างเตียงอันนี้ไม่ได้แถมให้ จะซื้อมาใส่ขนาดใหญ่กว่านี้ก็ได้
เตียงอันนี้เขาให้มาด้วย ใต้เตียงมีลิ้นชักเปิด-ปิด แอบซ่อนของใช้ที่เกี่ยวกับเตียงได้นะ 😀 เช่นผ้าปูเตียงอะไรอย่างนี้
ถัดจากประตูห้องนอน วางโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า
พื้นที่ตรงนี้ เผื่อให้เวลาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วยังมีพื้นที่ให้ยืนได้ ถอยได้
โต๊ะเครื่องแป้งแถมมาให้พร้อมกับตู้เสื้อผ้า
มีลิ้นชักเก็บของ
ตู้เสื้อผ้าหน้าตาแบบนี้
ห้องนอนเล็กอยู่ติดหน้าต่างด้วย
มีบานกระทุ้งเปิดออกรับลมได้
อันนี้ให้ดูตำแหน่งติดตั้งแอร์ … ส่วน TV ถ้าจะติดในห้องนี้ก็คงต้องแขวนผนังเท่านั้นนะครับ สำหรับคนที่ชอบดูทีวีในห้องนอน
ต่อมาเป็นห้อง Master Bedroom อยู่ในตำแหน่งมุมห้องพอดี มีหน้าต่างกระจกสองด้าน รับมุมจากสองฝั่ง
ในห้องวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดู ซึ่งถ้าไม่พอใจจะวางเตียง 6 ฟุตก็ได้ พื้นที่ข้างเตียงยังเหลืออีกหน่อย แต่อาจจะต้องเอาโต๊ะข้างเตียงออก (แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้แถมให้อยู่แล้ว)
ผนังด้านที่วางตู้เสื้อผ้านี้ จริงๆแล้วสามารถใส่ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่กว่านี้ก็ได้ ยังมีพื้นที่เหลืออีกหน่อย
พื้นที่ข้างเตียงเหลือเฟือ
กระจกเงา กับ โต๊ะเครื่องแป้งในห้อง Master Bedroom จะใหญ่กว่าห้องนอนเล็ก
ลิ้นชัก และช่องเก็บของ
ตู้เสื้อผ้ามีหน้าบานเป็นกระจกเงาครึ่งนึง อยู่ติดกับหน้าต่างบานเล็ก ทำให้ได้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาด้วย
หน้าต่างบานเล็กนี้ ยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าเปิดเอาไว้ พร้อมๆกับเปิดหน้าต่างบานใหญ่ จะช่วยให้มีลมพัด Flow เข้ามาในห้องได้
หน้าต่างอีกด้านหนึ่งของห้องนอน
เป็นบานสไลด์คู่แบบนี้เปิดออกสองด้าน
พื้นที่ตรงนี้เว้นให้ลุกออกจากเตียงง่ายๆ ถ้าเอาเตียงไปชิดผนังเลย จะทำให้ต้องลุกออกจากเตียงฝั่งเดียวกัน กรณีนอนสองคน
หน้าต่างในห้องนอนนี้เป็นแบบ Baywindow เข้ามุมด้วยนะครับ แต่พอดีผ้าม่านมันบังอยู่
พื้นที่ปลายเตียงยังเหลือ วางชั้นวางทีวี และติดชั้นวางของได้อีกสบายๆ
สุดท้ายเป็นประตูเข้าห้องน้ำ อยู่ถัดจากทางเข้าห้องนอน
ห้องน้ำใน Master Bedroom มีฟังก์ชั่นเหมือนกันกับห้องน้ำอีกห้อง แต่จะมีสีของวัสดุที่แตกต่างกันออกไป
ยังมีธรณีประตูอยู่เช่นเคย
โถสุขภัณฑ์ และอ่างล้างหน้า เหมือนกัน
Shower Box ยังเล็กเหมือนเดิม ต่างกันตรงที่สีกระเบื้องผนัง ที่ปูสีเข้มเพิ่มมาให้ ให้ดูมี Contrast
ห้องต่อไปเป็นห้อง One-Bed ขนาด 28-37 ตารางเมตร … ห้องนี้ก็เหมือนกัน พื้นที่ใช้สอยในห้องจะเท่ากันหมด ถ้าเป็นห้อง 1 Bed เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ระเบียงห้อง
เริ่มต้นที่ขนาด 28 ตารางเมตร ฟังก์ชั่นไม่มีอะไรมาก เป็นครัวเปิดอยู่หน้าห้อง ติดกับห้องน้ำ ส่วนที่ติดหน้าต่างจะเป็นห้องนอน และมี Living Area ติดกับระเบียง
ห้อง 29 ตารางเมตร เพิ่มขนาดระเบียงมาอีกประมาณ 1 ตารางเมตรเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมาก
ที่ขนาดระเบียงต้องแตกต่างกัน เป็นเพราะดีไซน์ภายนอกของอาคารที่มีการเล่นระดับแบบนี้ ดูได้จากในโมเดลนะครับ
ในขณะที่ห้อง 1-Bed ที่อยู่บนชั้น 1 ก็จะเหมือนกับห้อง 2-Bed ที่ไม่มีระเบียง แต่เป็นพื้นที่สวน Outdoor แทน ทำให้มีขนาดห้อง 37 ตารางเมตร
ซึ่งห้องชั้น 1 ของตึก D ที่อยู่ทิศเหนือ จะหันหน้าเข้าสระว่ายน้ำด้วย และตรงนี้จะสามารถเปิดประตูกระโดดลงสระนำ้ได้เลย แต่ก็จะเสีย Privacy ตรงที่คนที่เล่นน้ำอยู่ก็สามารถมองเข้ามาในห้องได้นะ ถ้าไม่ปิดม่านดีๆ
เข้ามาดูในห้อง 1 Bed บ้าง
ด้านหน้าทางเข้า จะมีส่วนที่เป็นครัวเปิด และ โต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่ง วางอยู่ใกล้ๆกับประตูครับ
พื้นที่หน้าห้องตรงนี้เขาตกแต่งด้วยไม้ระแนง ดูสวยดี แต่ของจริงไม่มีให้นะจ๊ะ
ข้างบนไม่มีการดรอปฝ้าด้วยนะครับ
มาดูส่วนครัวก่อน ให้มาขนาดกระทัดรัดมากๆ
พื้นที่ข้างตู้เย็น เหลืออีกหน่อย ขยายขนาดตู้เย็นได้อีกพอสมควร (แต่ต้องขยับตู้เหนือตู้เย็นตามไปด้วยนะ)
แพนทรี่เล็กกว่าห้องที่แล้วเยอะ อันนี้อาจจะใช้งานสะดวกไม่เท่านะครับ เพราะนี่ถ้าวางถาดสำหรับพักภาชนะที่ล้างแล้วลงไป ก็แทบจะไม่เหลือที่วางอะไรแล้ว
หน้าบานของตู้ห้องนี้โดนลดเกรดลงมาเหลือแค่หน้าบานเมลามีน ไม่ใช่ลามิเนตแบบห้องที่แล้ว
ชั้นวางของ, ชั้นวางไมโครเวฟ และตู้เก็บของ
อันนี้ก็ต้องเอากล่องเบรคเกอร์ใส่ลงไปในตู้เหมือนกันนะครับ ห้องตัวอย่างติดผิด
มาดูมุมที่เป็น Dining + Living กันบ้าง
โต๊ะกินข้าวเป็นแบบ 2 ที่นั่งนะครับ ไม่ใช่ 4 ที่นั่ง ในรูปนั้นคือกระจก หน้าตาที่ให้เป็นแบบนี้เลย
อันนี้แทบจะติดกับโซฟาเลย ดึงเก้าอี้ออกมาไม่ได้ ต้องขยับโต๊ะไปอีกหน่อย
ฝั่งนี้ก็ใกล้จะชิดกับประตูทางเข้าแล้ว ถ้าขยับมาอีกเดี๋ยวจะเปิดประตูห้องไม่ได้ พื้นที่จำกัดพอสมควร
ต่อมาเป็นพื้นที่โซฟานั่งดูทีวี
โซฟาที่แถมให้ เป็นสีน้ำเงินแบบนี้เลย
วางโต๊ะกลาง แบบมีลิ้นชักมาให้เหมือนกัน
ชั้นวางทีวี ใส่ทีวีได้ขนาดไม่ใหญ่มาก เนื่องจากระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตรเท่านั้น
ชั้นวางของมีมาให้
ตู้เก็บของด้านข้าง ให้มาเป็นชุดเดียวกัน
ประตูออกไปยังระเบียงด้านนอก
ระเบียงห้องนี้กว้างกว่าห้องที่แล้วอยู่นิดหน่อย
ราวกันตก
คอมแอร์ของห้องจริงจะแขวนผนังนะครับ แต่ห้องนี้คอมฯแอร์เป่าเข้าระเบียง อาจจะทำให้ระเบียงร้อนได้ ส่วนพื้นที่ด้านล่างคอมฯแอร์ เว้นไว้สำหรับใส่เครื่องซักผ้า
ด้านนอกจะมี Grille บังตาด้วยสำหรับห้องจริง
และของจริงผนังฝั่งนี้ก็จะแขวนโคมไฟเอาไว้ให้ ตอนนี้ยังโล่งอยู่
ต่อมาเป็นห้องน้ำ ที่อยู่หน้าห้องนอน
พื้นที่ในห้องน้ำเล็กกว่าห้องที่แล้วนิดหน่อย แต่ยังได้ฟังก์ชั่นเท่าเดิม
อ่างล้างหน้า
โถสุขภัณฑ์เข้าไปหลบอยู่ในซอก เวลานั่งใช้งานจริง อาจจะแคบหน่อยสำหรับคนตัวใหญ่ๆนะครับ
พื้นที่ในห้อง Shower Box
ติดกระเบื้องมีลายไว้ด้วย
สุดท้ายเข้ามาดูในห้องนอน
พื้นในห้องนอนเป็น Laminate เหมือนกัน
พื้นที่ปลายเตียงเหลือไม่เยอะ ถ้าจะใส่ TV ต้องติดแขวนผนังเท่านั้น
ห้องนี้ใส่เตียงขนาด 5 ฟุตได้ (ซึ่งเขาก็แถมมาให้) ถ้าอยู่คนเดียวก็นอกสบายๆ แต่ถ้าอยู่สองคนใครอยากยัดเตียง 6 ฟุตลงไปก็ทำได้ แต่ห้องจะดูแคบลงหน่อยนะ ไม่งั้นก็ต้องนอนเบียดๆกันหน่อย 😀
หัวเตียงติดกับตำแหน่งเสาพอดี ตรงนี้เขาเลยทำตู้ไว้ให้ดู ของจริงไม่มีนะ
ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และประตูทางเข้าห้องนอน หน้าตาเหมือนห้องเมื่อกี๊
พื้นที่ข้างเตียง เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วยังมีระยะให้ถอยได้อีกหน่อย
ช่องแสงในห้องนอนใหญ่ดี ใส่เป็นกระจกบานสไลด์คู่เหมือนกัน
พื้นที่ข้างเตียงเหลือนิดนึงวางโต๊ะข้างเตียงเล็กๆพอได้ แต่ต้องหาอันเล็กๆหน่อยนะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 8 November 2013
- 1 Bed อาคาร A ชั้น 1 ห้อง A113, A114, A115, A116, A117, A120 เนื้อที่ 36.70 ตารางเมตร ราคา 1.81 ล้านบาท หรือ 49,319 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bed อาคาร C ขนาด 28.6 – 37 ตารางเมตร ราคาประมาณ 1.49 – 1.90 ล้านบาท หรือประมาณ 50,000-52,000 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bed อาคาร C ขนาด 56.2 – 82.5 ตารางเมตร ราคาประมาณ 2.50 – 4 ล้านบาท หรือประมาณ 44,000-48,000 บาทต่อตารางเมตร
- Fully Furnished, แอร์, ครัว, ฉากกั้นอาบน้ำ, จัดสวน (สำหรับยูนิตชั้น 1)
- เพดานสูง 2.45 เมตร
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 30,000 บาท
- ค่ากองทุน 400 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 30 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ชำระล่วงหน้า 2 ปี
เจาะลึกรวบยอด
โดยภาพรวมของโครงการ Natureza นี้ ด้วยความที่ไม่ได้อยู่ใกล้ทะเล คงจะไม่ใช่ทำเลสำหรับบ้านพักตากอากาศ แต่จะมีลักษณะเป็น City Condo ที่เกิดขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปไหนมาไหนในบริเวณนี้ และใช้อยู่เป็นประจำมากกว่า ซึ่งทางผู้บริหารของโครงการ ก็ออกตัวไว้ก่อนอยู่แล้วว่าตั้งเป้าที่จะขายโครงการนี้ให้กับคนพื้นที่ 80% ส่วนที่เหลือเป็นสำหรับ คนกรุงเทพ หรือ ชาวต่างชาติ ที่ต้องมาอาศัยอยู่ที่พัทยาเป็นระยะเวลานานๆ อาจจะย้ายมาทำงานที่นี่ เป็นต้น ดังนั้น การรีวิวโครงการนี้ ผมจะขอให้ความเห็นในลักษณะของคอนโดเพื่อการอยู่อาศัย แต่ไม่ใช่สำหรับการพักผ่อนตากอากาศ เหมือนคอนโดพัทยาโครงการอื่นๆนะครับ
ทำเลของโครงการอยู่ในตำแหน่งที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองในระยะขับรถ 2-5 กม. อยู่ใกล้กับถนนสุขุมวิท และไม่ไกลจาก Motorway สามารถใช้ถนนทั้งสองเส้นนี้ในการสัญจรในชีวิตประจำวันได้ไม่ยาก ตัวที่ดินโครงการมีทางเข้า-ออก 2 ด้าน ทั้งด้านถนนชัยพรวิถี และ ถนนสุขุมวิท ซึ่งน่าจะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านได้ระดับหนึ่ง อย่างน้อยๆก็ดีกว่ามีทางเข้า-ออกทางเดียวแน่ๆ ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการ ดูผิวเผินในฐานะที่ไม่ใช่คนพื้นที่แล้ว บนถนนชัยพรวิถีจะดูเงียบๆหน่อย เพราะลักษณะเป็นเหมือนถนนที่ใช้สัญจรเป็นหลัก มีร้านค้าร้านอาหารแบบบ้านๆ ประปราย มี 7-Eleven อยู่ไม่ไกล ส่วนบนถนนสุขุมวิทก็จะเป็นความเจริญอีกแบบหนึ่งที่จะเป็นแบบติดถนนใหญ่ มีร้านค้า ตึกแถว เป็นอีกลักษณะหนึ่งที่จะไม่เหมือนกัน รอคนพื้นที่มาช่วยออกความเห็นละกันนะครับ
การเดินทางด้วยรถยนต์ เส้นสุขุมวิท ใช้วิ่งขึ้นไปชลบุรีได้โดยไม่ต้องผ่านตัวเมืองพัทยา หรือจะวิ่งออกมอเตอร์เวย์ไปจังหวัดใกล้เคียงก็ถือว่าไม่ไกลนัก ซึ่งการไปมอเตอร์เวย์ถ้าถนนสุขุมวิทรถติด อาจจะใช้เส้นชัยพรวิถีวิ่งลัดออกไปก็ทำได้เช่นเดียวกัน ในแง่ของระยะทางถือว่าสะดวก แต่จำนวนที่จอดรถของโครงการ ให้มาประมาณ 30% เท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าอาจจะน้อยไปหน่อย เพราะเนื่องจากคนที่มาอยู่ในโครงการ น่าจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในพัทยา, ชลบุรี หรือทำงานในโซนนี้ เป็นประจำ ซึ่งอาจจะทำให้จำเป็นต้องมีรถส่วนตัว ดังนั้นที่จอดรถก็อาจจะไม่เพียงพอได้ ยังไงก็คงต้องรอดูกันต่อไปเมื่อโครงการสร้างเสร็จ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ เนื่องจากโครงการมีทางเข้า-ออกติดถนนใหญ่สุขุมวิทด้วย ทำให้ลูกบ้านสามารถเดินออกมาเรียกรถทางถนนใหญ่ได้ไม่ยาก แต่อย่างไรก็ดี ทำเลตรงนี้ก็อยู่ค่อนข้างไกลจากเมือง ไม่ใช่ว่าจะเดินไปไหนมาไหนได้สะดวกนัก ยังต้องอาศัยการนั่งรถ ต่อรถ อยู่บ่อยๆ ดังนั้นอย่างน้อยๆ มีมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานเป็นของตัวเองก็อาจจะสะดวกกว่า
รูปแบบโครงการ เป็นโครงการขนาดใหญ่พอสมควรทีเดียวในแง่ของคอนโดมิเนียม เนื่องจากที่ดินมีขนาดถึง 22 ไร่ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นโครงการในกรุงเทพ ยังหาคอนโดมิเนียมที่ใหญ่ขนาดนี้ยากเลย แต่นี่อยู่พัทยาด้วย ตัวโครงการแบ่งออกเป็น 4 เฟสอย่างชัดเจน มีการแบ่งกันบริหารจัดการ แยกนิติบุคคล แยกสิ่งอำนวยความสะดวก แยกที่จอดรถ มีจำนวนยูนิตรวม 1,600 ยูนิต แปลว่า ประมาณ 400 ยูนิตต่อ 1 เฟส ซึ่งเมื่อคิดว่า แต่ละเฟสมี 2 อาคาร อาคารละประมาณ 200 ยูนิต ก็ไม่ได้ถือว่าหนาแน่นมาก และเมื่อเทียบว่าเป็นคอนโดระดับ 45,000 – 50,000 บาทต่อตารางเมตรแล้ว ก็คิดว่าน่าจะอยู่ในระดับปานกลางมากกว่า อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 2 ตัวต่ออาคาร ก็ประมาณ 100:1 จัดอยู่ในเกณฑ์ปกติของ Low Rise ทั่วๆไปครับ
รูปแบบห้อง มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบดี การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ทำออกมาได้ดีระดับหนึ่ง ไม่ค่อยมีมุมแปลกๆให้เห็น เฟอร์นิเจอร์ที่แถมให้ก็ค่อนข้างโอเคเทียบกับพื้นที่ในห้อง แต่มีจุดน่าเสียดายเรื่องครัว เพราะครัวทุกห้องเป็นครัวเปิด การจะใช้งานครัวแบบจริงจัง ต้ม ผัด แกง ทอด อาจจะทำได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ เนื่องจากระบายกลิ่นไม่ค่อยดี และเฟอร์ที่แถมก็ไม่ได้ติดเตาไว้ให้อยู่แล้วด้วย จะกั้นครัวก็ทำไม่ได้ เลยอาจจะทำได้แค่ซื้ออาหารเข้ามากินในห้องมากกว่า แล้วใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารเล็กๆน้อยๆเอา อีกอย่างคือ คนที่อยู่ที่นี่น่าจะมีส่วนหนึ่งที่มาอยู่แบบประจำ คือไม่ใช่แค่ชั่วคราว ดังนั้นอาจจะต้องการครัวด้วย
วัสดุอุปกรณ์ที่มีให้ในห้อง เทียบกับราคา 45,000 – 50,000 บาทต่อตารางเมตร ถือว่าจัดให้มาแบบมาตรฐาน แต่ก็ไม่น่าเกลียด ให้มาครบ Fully-Furnished พร้อมอยู่ ก็ถือว่าค่อนข้างโอเค
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 81,000 บาทต่อตารางเมตร, 06/07/2012
- ทำเล 8/10 – ทำเลติดถนนชัยพรวิถี มีทางเข้า-ออก 2 ด้าน ไม่ไกลจากเมือง และค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – การเดินทางด้วยรถไม่มีปัญหาอะไร แต่ติดตรงที่ที่จอดรถให้มาแค่ประมาณ 30%
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ทำเลโดยรวมเหมาะกับการใช้รถมากกว่า แต่ยังดีที่เดินออกมาเรียกรถที่ถนนใหญ่ได้ไม่ยาก
- วัสดุ 8/10 – Fully-Furnished ให้มาครบ เทียบกับราคาประมาณ 45,000-50,000 บาทต่อตารางเมตร ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง
- แบบ 7.5/10 – ที่ดินใหญ่แต่จำนวนยูนิตค่อนข้างเยอะ ฟังก์ชั่นต่างๆในห้องมีครบ ติดตรงทีครัวใช้งานจริงจังไม่ค่อยได้
- สาธารณูปโภค 8/10 – ให้ Facilities มาใหญ่ดี และแยกกันใช้แต่ละเฟส
- ECONOMY CLASS
- 7.80 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Natureza พัทยา เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนพัทยาหรือคนที่ทำงานในโซนพัทยา, ชลบุรี ที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในทำเลโซนนี้ มองหาที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียม ที่ไม่ต้องการการดูแลมาก และเน้นความสะดวกในการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก ในงบประมาณ 1.5 – 4 ล้านบาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ