รีวิวฉบับที่ 1415 … สวัสดีค่ะ วันนี้พาไปชมโครงการ 1 ใน 4 โครงการใหม่ของ Origin ซึ่งมาในแบรนด์ใหม่ที่ห้อยท้ายคำว่า Society ด้วย กับโครงการ Knightsbridge Kaset Society (ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้) หมู่คอนโด High Rise 3 อาคาร ติดถนนพหลโยธิน ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ และใกล้รถไฟฟ้าสถานีเสนานิคมเพียง 40 ม. และตัวโครงการนี้มีความน่าสนใจคือ Private Floor ด้วยการจัดยูนิตต่อชั้นเพียง 6-8 ยูนิตเท่านั้น เน้นความเป็นส่วนตัว พร้อมฝ้าเพดานห้องสูงถึง 3 ม.

Fact @ 16 August 2017

  • Knightsbridge Kaset Society (ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้)
  • บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : เขตจตุจักร
  • คอนโด High Rise 20 ชั้น 2 อาคาร 16 ชั้น 1 อาคาร 332 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • อาคารจอดรถ Automatic Parking 10 ชั้น 1 อาคาร
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 8 ยูนิตที่อาคาร A
  • ที่จอดรถประมาณ n/a คันคิดเป็น 57% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น n/a%
  • ที่ดินประมาณ 2-0-79.6 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q4/2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4/2563
  • Studio 23.3 ตร.ม 56 ยูนิต
  • 1 Bedroom 25.8 – 26.7 ตร.ม. 100 ยูนิต
  • 1 Bedroom 25.5 ตร.ม. 72 ยูนิต
  • 1 Bedroom Plus 30.2 ตร.ม.72 ยูนิต
  • 1 Bedroom Plus 34.3 ตร.ม. 28 ยูนิต
  • Height Ceiling 4 ยูนิต
  • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มต้น 115,450 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 020-300-000

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.837302, 100.574287

ที่ตั้งโครงการ Knightsbridge Kaset Society (ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้)  อยู่ติดถนนพหลโยธิน ระหว่างซอยพหลโยธิน 34/1 และซอยพหลโยธิน 34/2 (ที่ดินร้านข้าวผัดปูเมืองทองปัจจุบัน) ซึ่งจุดเด่นของทำเลโครงการนี้เลยคือ อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าเสนานิคม (รถไฟฟ้าสายสีเขียว) แค่ 40 เมตร และอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถ้าลองนับระยะเดินจากโครงการไปถึงหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยฝั่งพหลโยธิน ประมาณ 400 ม.

ทำเลโครงการจัดว่าอยู่ในทำเลดีทีเดียวนะคะ เพราะอยู่ติดกับถนนพหลโยธินฝั่งมุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว ค่อนไปทางแยกเกษตร การเดินทางจากโครงการสามารถเดินทางเข้าเมืองโดยใช้ถนนพหลโยธินไปจตุจักร มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ฯ และสยาม หรือใช้ถนนรัชดาภิเษกไปออกพระรามเก้า ไปรัชดา อโศก RCA เอกมัย ทองหล่อ หรือจะออกนอกเมืองก็ใช้ถนนพหลโยธินไปสะพานใหม่ และรังสิต หรือไปออกวิภาวดีรังสิตขึ้นทางด่วนก็ได้ค่ะ ถ้ามองภาพรวมทำเลจะเห็นว่าสะดวกลัดเลาะไปไหนได้หลากหลาย เนื่องจากตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่

แต่อย่าลืมว่าทำเลที่อยู่ใกล้แยกและจุดสำคัญแบบนี้การจราจรค่อนข้างหนาแน่นเกือบจะทุกเส้นที่กล่าวมาเลย อีกทั้งประกอบกับตอนนี้ที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย(หมอชิต-คูคต) ได้เริ่มดำเนินการแล้วก็มีการเริ่มปิดการใช้งานสะพานข้ามแยกเกษตรไป การจราจรก็จะสาหัสกว่าเดิมอีก แต่นี่คือภาพรวมในระยะสั้นๆนะคะ เพราะเมื่อโครงการเสร็จก็เป็นปีเดียวพอดีกับที่รถไฟฟ้าเสร็จเช่นกัน เรียกว่าตอนเข้าอยู่จริงนั้นทำเลนี้ก็จะมีความเจริญมากขึ้นไปอีกขั้นนึงเลย

ตัวโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร ทั้งแหล่งอาหาร แหล่ง Shopping โรงพยาบาล และสถานศึกษา เดินออกมาด้านหน้าโครงการ ตามแนวถนนพหลโยธินตึกแถวด้านหน้าจะเป็นรวงร้านต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีครบเลยอาทิเช่น ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านตัดเย็บผ้า ร้านขายผลไม้ คลินิก ธนาคาร เป็นต้น เรียกได้ว่าเรื่องความอุดมสมบูรณ์นี่หมดหวัง เป็นทำเลที่เหมาะกับ Lifestyle ของคนที่อยู่คอนโด เพราะซื้อกินสะดวก มีซูเปอร์มาเก็ตขนาดเล็กและอยู่ไม่ไกลจากห้างอย่างเมเจอร์ รัชโยธิน (ห่างไปเพียงสถานีรถไฟฟ้าเดียว) หรือจะตรงไปอีกหน่อยก็จะมีห้างใหญ่อย่าง Central Plaza ลาดพร้าว และยูเนี่ยน มอลล์

การเดินทางโดยไม่ใช่รถ ถือเป็นจุดเด่นของทำเลโครงการ เพราะในอนาคตจะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าเสนานิคมเพียง 40 ม. เท่านั้น เรียกว่าอยู่ในระยะที่เดินได้ง่ายมาก และด้วยโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ไม่ได้อยู่ในซอยนั้นก็ทำให้การเดินไปรถไฟฟ้าไม่เปลี่ยวด้วยนะ ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถอื่นๆ นั้นก็สะดวกเช่นกันค่ะ เพราะอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์ และจุดพี่วินมอเตอร์ไซค์ รวมทั้งมีรถตู้ผ่านอยู่ตลอดอีกด้วย ดังนั้นเรื่องการเดินทางโดยไม่ใช้รถนี้จัดว่ามีตัวเลือกในการเดินทางมากพอสมควรค่ะ

เริ่มต้นการเดินทางไปโครงการจากบริเวณห้าแยกลาดพร้าว หน้าห้าง Central Plaza ลาดพร้าว บนถนนพหลโยธินมุ่งหน้าไปทางแยกเกษตร โดยขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านแยกรัชโยธิน จากนั้นเมื่อผ่านกรมพัฒนาที่ดินแล้วให้เตรียมกลับรถได้เลย (จุดกลับรถชั่วคราว ช่วงสร้างรถไฟฟ้า) เมื่อเลี้ยวแล้วให้ชิดซ้ายเลยนะคะ เพราะบริเวณจุดกลับรถนี้คือบริเวณหน้าโครงการเลยค่ะ ซึ่งในอนาคตเมื่อรถไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จุดกลับรถนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังนะคะ

เริ่มต้นบนถนนพหลโยธินช่วงห้าแยกลาดพร้าว ด้านซ้ายมือจะเห็นห้างใหญ่ประจำย่านนี้อย่าง Central Plaza ลาดพร้าว

จากนั้นขับตรงมาเรื่อยๆ นะคะ บนถนนพหลโยธินตลอดช่วงเส้นทางการเดินทางเรานั้นจะเห็นว่ามีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงต่อขยายตลอดทางเลย ดังนั้นปัจจุบันช่องการจราจรก็จะเหลือให้ใช้งานเพียงฝั่งละ 2 ช่องทาง ทำให้พหลโยธินช่วงนี้รถหนาแน่นตลอด แต่เมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จแล้วการเดินทางก็จะสะดวกเพิ่มขึ้นอีกเยอะ เพราะมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้นค่ะ ซึ่งตัวโครงการเองจากที่เห็นกำหนดการณ์คาดว่าจะแล้วเสร็จก็น่าจะพอดีกับรถไฟฟ้าช่วงต่อขยายนี้สร้างเสร็จพอดีเลย

ตรงมาอีกหน่อยเป็นแยกรัชโยธินค่ะ ซึ่งแยกนี้จะตัดกับถนนรัชดาภิเษก บริเวณแยกเลยจะมีห้างดังประจำแยกอย่าง Major Avenue รัชโยธิน ซึ่งเป็นห้างที่อยู่ใกล้กับโครงการด้วยนะคะ นั่งรถไฟฟ้ามาสถานีนึงก็ถึงเลย

ติดกับ Major Avenue รัชโยธินนั้นจะเป็น Major Cineplex รัชโยธินค่ะ

เราขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านกรมพัฒนาที่ดินแล้วชิดซ้ายเตรียมกลับรถได้เลยค่ะ

เมื่อกลับรถมาแล้วให้ชิดซ้ายเลยนะคะ เพราะถึงที่ดินโครงการแล้ว

ซึ่งที่ดินโครงการนี้ปัจจุบันก็คือร้านข้าวผัดปูเมืองทอง 1 นั่นเองค่ะ

ทางเข้าที่ดินโครงการจะเป็นส่วนทางเข้าของที่จอดรถร้านข้าวผัดปูเมืองทอง 1 นี่เองค่ะ

ที่ดินโครงการอยู่ที่ประมาณ 2-0-79.6 ไร่ โดยรอบโครงการเป็นอาคารพักอาศัย อาคารพาณิชย์และตึกแถวมีความสูงไม่เกิน 6 ชั้น

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

มาดูสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการกันนะคะ โดยรวมแล้วละแวกโครงการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแนวราบที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น ดังนั้นเรื่องของวิวถือว่าหมดห่วงสำหรับคนที่เลือกความสูงของชั้นห้องสูงเกิน 8 ชั้นมาตรฐานของตึกทั่วไป แต่ไม่ถึงกับต้องซื้อห้องชั้น 8 ขึ้นไปถึงจะไม่โดนบล็อกวิวนะคะ อย่าลืมหักลบความสูงของ Lobby ด้วยนะ จากที่โครงการบอกว่าความสูงของ Lobby จะเป็น Double Volume ด้วยนะคะ

  • ทิศเหนือ : ธนาคารกรุงเทพ และตึกแถว, อาคารพาณิชย์ สูงไม่เกิน 5 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : ตึกแถวและอาคารพาณิชย์ สูงไม่เกิน 5 ชั้น
  • ทิศใต้ : ตึกแถวและอาคารพาณิชย์ สูงไม่เกิน 5 ชั้น และร้านอาหารขวัญจิตร
  • ทิศตะวันตก :

มาเดินดูรอบๆ โครงการกันบ้างนะคะ อย่างที่บอกว่าทำเลโครงการจัดว่าอยู่ในทำเลดีทีเดียวในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกิน ความคึกคัก และการเดินทาง ซึ่งเรื่องอาหารการกินนี้พอเดินออกมาบริเวณริมฟุตบาทของถนนพหลโยธินช่วงใกล้กับโครงการนั้นก็จะเห็นร้านอาหารต่างๆ ร้านกาแฟ ซูเปอร์มาเก็ตขนาดเล็ก รวมไปถึงร้านค้าต่างๆ จำพวกคลินิกเสริมความงามด้วยนะ เรียกว่าครบมาก ใครขี้เกียจทำอาหาร และไม่อยากไปไหนไกลเดินออกมาก็หาร้านฝากท้องได้เลย สบายมาก

ถัดมาอีกหน่อยก็มีป้ายรถเมล์และจุดพี่วินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการค่ะ ส่วนน้องๆ นศ.ที่เรียนอยู่ม.เกษตรนี้จะเดินไปมหาวิทยาลัยเองโดยไม่ต้องพึ่งพี่วินก็ยังได้นะคะ ลองวัดระยะทางจากหน้าโครงการไปยังประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยฝั่งติดถนนพหลโยธิน มีระยะอยู่ประมาณ 400 ม. ซึ่งยังจัดอยู่ในระยะที่เดินได้ง่ายนะ

มาที่อีกด้านของโครงการฝั่งที่ไปทางแยกรัชโยธินนั้นระหว่างทางก็มีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ให้เลือกกินอย่างคึกคักอีกเช่นกันนะคะ บริเวณทางเดินนี้เดินได้ง่ายและไม่เปลี่ยวด้วยค่ะ เดี๋ยวเราพาเดินไปตรงสถานีเสนานิคมในอนาคตกันค่ะ ซึ่งมีระยะทาง 40 ม. เท่านั้น

เมื่อเราเดินมาจากโครงการเพียงนิดเดียวทั้งเท่านั้น ผ่านตึกแถว 4 ห้องเมื่อกี้ก็เจอกับส่วนที่ตั้งสถานีเสนานิคมในอนาคตแล้วค่ะ

เพิ่มเติมอีกหน่อยคือที่ตั้ง Sale Office และห้องตัวอย่างโครงการ Knightsbridge นี้จะตั้งอยู่บนถนนทองหล่อ (สุขุมวิท 55) หน้าซอยทองหล่อ 5 นะคะ ไม่ได้อยู่ที่ไซต์โครงการเนื่องจากปัจจุบันยังเป็นร้านข้าวผัดปูเมืองทองอยู่

บริเวณหน้าโครงการมีป้าย Origin ขนาดใหญ่เห็นได้ชัดจากหน้าถนนทองหล่อเลย

บรรยากาศภายใน Sale Office ค่ะ โดยห้องตัวอย่างของโครงการจะมีจัดไว้ให้ชมทั้งหมด 3 Type ด้วยกัน คือ

  • ห้อง Studio ขนาด 23.3 ตร.ม.
  • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.8 ตร.ม.
  • ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 30.2 ตร.ม.

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลเปาโล เกษตร ~ 200 ม.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 400 ม.
  • เมเจอร์รัชโยธิน ~ 1.1 กม.
  • SCB Park ~ 1.5 กม.
  • Major Avenue ~ 1.5 กม.
  • โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 2.1 กม.
  • มหาวิทยาลัยวิภาวดี ~ 2.1 กม.
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 2.7 กม.
  • The Jazz วังหิน ~ 3.5 กม.
  • อเวนิว นวมินทร์ ~ 4.5 กม.
  • Festival Walk ~ 7 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Knightsbridge Kaset Society (ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้)  เป็นคอนโด High Rise ทั้งหมด 3 อาคาร และอาคารจอดรถ (Automatic Parking) 1 อาคาร โดยอาคาร A จะมีความสูง 16 ชั้น และอาคาร B,C มีความสูงอยู่ที่ 20 ชั้น รวมจำนวนยูนิตอยู่ที่ 332 ยูนิต บนเนื้อที่ประมาณ 2-0-79.6 ไร่ ตัวอาคารนี้ออกแบบมาได้น่าสนใจ มีความแตกต่างจากโครงการ High Rise ทั่วไปคือเค้าทำอาคารแยกมา 3 อาคาร ไม่มีโพเดี่ยม (ชั้นล่าง) ที่เชื่อมกัน แต่ส่วนที่เชื่อมกันทั้งหมดจะไปอยู่ที่ ชั้น 16 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร A โดยจัดให้เป็นชั้น Facility ทั้งชั้นเลยค่ะ ถือว่าให้ Facility มาค่อนข้างจัดเต็มทีเดียว และการใช้งาน Facility ของลูกบ้านทั้ง 3 อาคารก็สะดวกสามารถขึ้นมาชั้นนี้แล้วใช้งาน Facility ร่วมกันได้เลย

มาดูที่ Master Plan กันค่ะ ในรูปบนจะแสดงผังชั้นล่างของโครงการ โดยเริ่มจากทางเข้า-ออกหลักของโครงการจะอยู่บนถนนพหลโยธินเลย และมีเพียงทางเข้า-ออกเดียว เข้ามาภายในแบ่งเป็นอาคารพักอาศัย 3 อาคาร และอาคารจอดรถแบบ Automatic Parking 1 อาคาร ซึ่งจะอยู่แยกกับอาคารพักอาศัยชัดเจน ไม่เชื่อมกัน อาคารจอดรถนี้ออกแบบให้เป็น Automatic Parking ทั้งหมดพร้อม EV Charger 2 จุด สามารถจอดได้ทั้งหมด 57% ซึ่งก็ถือว่าให้มาระดับนึง ไม่มากไม่น้อยไปกับราคา และทำเลที่มีตัวเลือกในการเดินทางพอสมควร มาพูดถึงการใช้งานอาคารจอดรถแยกแบบ Automatic Parking กันหน่อยนะคะ ข้อดีคือเรื่องของความสะดวกสบายในการจอด ง่ายๆ คือขับรถเข้าลิฟต์แล้วก็ลงรถไปเข้าอาคารพักอาศัยได้เลย ไม่ต้องวนหาที่จอดรถเอง แต่ในทางกลับกันก็คือหากที่จอดรถเต็มแล้วก็ไม่สามารถจอดซ้อนคันได้เหมือนอาคารจอดรถทั่วไป อีกอย่างในความสะดวกสบายก็มีความไม่สะดวกสบายอยู่ตรงที่เวลาจะรอรับรถก็ต้องต่อคิวกับลูกบ้านคนอื่นๆ ที่รอคิวเช่นเดียวกัน และในแง่ของอาคารจอดรถที่แยกกับอาคารพักอาศัยนั้นการเดินไป-มาระหว่างอาคารแบบที่ไม่มี Cover Way ชัดเจนก็ทำให้ไม่สะดวกเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับที่จอดรถที่อยู่ในอาคารเดียวกับอาคารพักอาศัยเลย

เข้ามาที่อาคารพักอาศัยในแต่อาคารนั้น ชั้นล่างจะแบ่ง Lobby กันชัดเจน ของอาคารใครอาคารมันเพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น ซึ่งพอมาลองคิดแล้วลูกบ้านแต่ละอาคารก็จะอยู่ที่ประมาณเพียง 100 ยูนิตนิดๆ เท่านั้น อาคารใครอาคารมันไปก็ดูแลความปลอดภัยง่ายขึ้นและมีความเป็นส่วนตัวดี แต่ก็แลกมากับขนาดของพื้นที่ส่วนกลางชั้นล่างที่ทำเป็น Lobby และฟังก์ชันอื่นๆ เล็กลงตามไปด้วย ไม่ใหญ่เหมือนกับการเชื่อมพื้นที่อาคารเข้าด้วยกัน

ชั้น 16 (รูปล่าง) แสดงถึงส่วน Facility ที่ให้มาทั้งชั้นแบบจัดเต็ม โดยประกอบด้วย Co-Working Space, Social Club, Sky Society Garden, Sky Society Fitness, Sky Society Swimming Pool

ในชั้น Typical Floor Plan (ชั้น 2-15) จัดเป็นอีกตัวชูโรงของโครงการเช่นเดียวกัน เพราะในแต่ละชั้นของอาคารทั้ง 3 อาคาร มีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยมาก โดยมากสุดอยู่ที่อาคาร A ซึ่งก็มีเพียง 8 ยูนิตเท่านั้นค่ะ และอาคาร B,C มีจำนวนยูนิต 6 ยูนิต ถือว่าน้อยมาก และหาได้ยากถ้าจะเป็นคอนโด High Rise แล้วมีจำนวนยูนิตต่อชั้นเพียงเท่านี้ ซึ่งก็ตอบโจทย์คนที่ชอบความเป็นส่วนตัว มีจำนวนยูนิตต่อชั้นไม่มาก ไม่วุ่นวายเหมือนคอนโด Low Rise ที่จำนวนยูนิตน้อยๆ ในขณะที่ก็ได้วิวมุมสูง และ Facility ขนาดใหญ่ตามสไตล์ของคอนโด High Rise

ขึ้นมาที่ชั้น 17-19 นั้นรูปแบบของแปลนห้องอาคาร B และ C ยังเหมือนเดิม ส่วนอาคาร A มีความสูงอยู่ที่ 16 ชั้นเท่านั้น ดังนั้นก็จะไม่มีห้องพักอาศัยแล้วในชั้นนี้

มาดูแปลนแต่ละอาคารกันแบบชัดๆ นะคะ สำหรับอาคาร A จะเป็นอาคารที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดอยู่ที่ 8 ยูนิต/ชั้น โดยเน้นวางห้องขนาดใหญ่อยู่เป็นห้องมุมทั้งหมด เน้นจำนวนห้องเยอะหันไปทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นทิศที่ดีสำหรับตำแหน่งของห้องพักอาศัย เนื่องจากเป็นทิศที่ไม่โดนแดดช่วงบ่าย ทำให้ตัวห้องไม่อมความร้อนในช่วงตอนบ่ายได้ดี ส่วนฝั่งทิศใต้ที่เป็นฝั่งโดนแดดเยอะนั้นจึงเป็นตำแหน่งของบันไดหนีไฟ และโถงลิฟต์ จะมีแต่เพียงห้องมุมที่เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่อยู่ในฝั่งนี้เช่นกันค่ะ ส่วนบริเวณโถงทางเดิน พอดูจากแปลนจะเห็นว่าค่อนข้างทึบอยู่พอสมควรเลย เพราะทั้ง 2 ฝั่งไม่มีช่องเปิด จะได้แสงภายนอกก็ตรงโถงลิฟต์เท่านั้น

 

อาคาร B และ C ในชั้น 2-15 นั้นจะมีการวางรูปแบบแปลนที่ใกล้เคียงกับอาคาร A เลยค่ะ เพียงแต่มีจำนวนยูนิตน้อยลงมาอยู่ที่ 6 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้นเอง และรูปแบบของห้องที่แตกต่างกับอาคาร A โดยอาคารนี้จะมีเพียงห้อง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus เท่านั้นค่ะ ไม่มีห้อง Studio

 

ชั้น 17-19 อาคาร C นั้นก็จะเหมือนกับแปลนของอาคาร B และ C ในชั้น 2-15 เลยค่ะ

มาวิวมุมสูงจากที่ดินโครงการ ซึ่งถ่ายมาในความสูง 100 ม. กันนะคะ เพื่อให้เห็นวิวที่ได้จากอาคารในมุมสูง จากภาพด้านบนหันไปทางทิศเหนือ ซึ่งวิวที่ได้ถือว่าค่อนข้างเปิดโล่งดีมากเลยค่ะ ไม่มีอาคารสูงในระยะใกล้ จุดเด่นของวิวทิศนี้คือเห็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ดูแล้วสบายตา

สำหรับวิวมุมสูงจากทิศตะวันออกนั้นก็โปร่งโล่งเช่นกัน สามารถมองไปได้ไกลสุดสายตาเลยค่ะ ซึ่งวิวฝั่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพักอาศัยและชุมชนฝั่งลาดพร้าว

วิวในทิศใต้ จะได้ City View ในระยะไกลๆ หน่อย เพราะหันหน้าไปทางช่วงรัชโยธิน ซึ่งเป็นย่านที่รวมแหล่งอาคารสำนักงานและคอนโดสูงพอสมควร ส่วนในระยะใกล้ปัจจุบันยังโปร่งโล่งอยู่ไม่มีอะไรบังในความสูงที่เกิน 8 ชั้นขึ้นไป

และทิศสุดท้ายคือทิศตะวันตก ทิศนี้จะหันไปทางถนนวิภาวดีเลยไปจนถึงแถวถนนประชาสงเคราะห์ ฝั่งนี้ส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัยต่างๆ ทั้งอพาร์ทเม้นท์และชุมชนต่างๆ ไม่มีอาคารสูงในระยะใกล้ที่จะบล็อกวิวได้ จึงสามารถมองเห็นวิวในระยะไกลได้ดีเช่นเดียวกับทุกทิศ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • 3 Lobby Society Limitless
  • Co-Working Space,
  • Social Club
  • Sky Society Garden
  • Sky Society Fitness
  • Sky Society Swimming Pool
  • ลิฟท์ 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 55.3 :  1
  • ที่จอดรถ (Automatic Parking) คิดเป็น 57%
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

สำหรับ Product ของโครงการนี้ มีจุดที่เด่นมากๆ คือห้องฝ้าเพดานสูง 3 ม. ข้อดีของห้องฝ้าเพดานสูงนี้คือความโปร่งโล่งของตัวห้องที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับห้องฝ้าเพดานสูงตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งมาจากปริมาตรของห้องที่มากขึ้นนั่นเองค่ะ ในส่วนของประเภทห้องพักอาศัยของโครงการนี้จะเน้นทำห้องขนาดไม่ใหญ่มาก โดยเริ่มต้นที่ห้อง Studio ขนาด 23.3 ตร.ม. ไปจนถึงห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.3 ตร.ม. ซึ่งจะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom มากที่สุด

และวันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 แบบ คือห้อง Type B1-01 เป็นสตูดิโอแบบ 23.3 ตร.ม. และห้อง Type B2-01 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom 25.8 ตร.ม. ซึ่งเป็นแบบห้องที่เป็นยูนิตส่วนใหญ่ของโครงการ โดยโครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่จัดไว้ จึงแค่ให้ดูเป็นตัวอย่างการจัดวางเท่านั้นนะคะ ไม่ได้ให้ทั้งหมด ส่วนเฟอร์นิเจอร์และวัสดุอุปกรณ์ที่จะได้เหมือนแบบในห้องตัวอย่างคือ Pantry ครัว, ตู้เสื้อผ้า และ วัสดุภายในห้องน้ำค่ะ

ห้องตัวอย่างห้องแรกคือ 1 Bedroom ขนาด 25.8 ตร.ม. เป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการ ลักษณะจะเป็นห้องหน้าแคบลึก เน้นพื้นที่ห้องนอนขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดภายในห้อง และพื้นที่ครัวที่ได้เป็นสัดส่วนและอยู่ติดกับภายนอกอาคาร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะกับการทำอาหารมากกว่าตำแหน่งที่อยู่ด้าน สำหรับใครที่ชอบทำอาหารแปลนนี้ก็ตอบโจทย์ค่ะ ซึ่งตำแหน่งครัวที่อยู่ติดภายนอกนั้นก็แลกมากับตำแหน่งของพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านในอาคาร ที่จะไม่ได้วิวภายนอกแทน

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วนนั่งเล่นที่เชื่อมกับพื้นที่รับประทานอาหาร โดยด้านในสุดนั้นจะเป็นส่วนห้องนอนซึ่งถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอนค่ะ โดยบรรยากาศบริเวณนี้แม้ความกว้างจะไม่กว้างมากนัก แต่ด้วยความสูงของฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม.ด้วยกันก็ทำให้บรรยากาศภายในดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ

ในส่วนพื้นห้องใช้วัสดุเป็นพื้นลามิเนตทั้งหมด ส่วนความกว้างของทางเดินอยู่ที่ประมาณ 1.3 ม. ซึ่งถือว่าไม่แคบและไม่กว้างไปสำหรับเป็นทางเดิน แต่ไม่เหมาะกับการวางโต๊ะกลางเท่าไหร่นัก เพราะไปกินพื้นที่ทางเดินให้แคบลง ซึ่งจริงๆ ก็ยังพอเดินได้แต่ไม่สะดวกมากนักค่ะ แต่หากใครที่ต้องการใช้โต๊ะกลางจะซื้อมาวางเหมือนห้องตัวอย่างก็ได้นะ ยอมแลกกับทางเดินแคบลงอย่างที่เห็นในห้องตัวอย่างค่ะ

บริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้มีความกว้างประมาณ 2 ม. ซึ่งเหมาะกับการวางทีวีขนาดประมาณ 46″ จะพอดีกับระยะสายตา

สำหรับชุดเฟอร์นิเจอร์ Built-in เค้าทำออกมาได้สวยคุมโทนและเรียบร้อยดี โดยจะได้ทั้งชุดชั้นวางทีวีและตู้เก็บรองเท้าด้านข้างเลยค่ะ หน้าบานใช้เป็นลามิเนต และเป็น Soft Close ทั้งหมด

สำหรับตู้ Built-in นั้นจะ Built ให้สูงจากพื้นถึงฝ้าเลยค่ะ โดยด้านล่างเป็นชั้นวางรองเท้า ส่วนด้านบนเป็นชั้นวางของใช้ต่างๆ ได้

ชั้นวางทีวีที่ได้ทำออกมามาตรฐานคือมีช่องเก็บของตรงกลาง ไว้วางเครื่องเล่นต่างๆ ได้ หรือจะวางของจุกจิกก็ได้เช่นกัน ส่วน 2 ฝั่งด้านข้างเป็นช่องเก็บของมีบานเปิด-ปิดเรียบร้อย

ส่วนชุดโซฟาทางโครงการจะไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ ลูกบ้านต้องซื้อชุดโซฟามาเองนะ โดยขนาดที่เหมาะกับพื้นที่นั่งเล่นนี้จะเป็นขนาด Love Seat หรือ 2 ที่นั่งค่ะ

ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่อยู่ด้านข้างกับโซฟา ด้วยขนาดพื้นที่ที่ไม่มากนักจึงสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้ค่อนข้างพอดีมาก ขนาดโต๊ะและเก้าอี้อาจจะต้องกะทัดรัดกว่านี้หน่อยเพื่อเวลาใช้งานจริงๆ จะสะดวกในการเข้า-ออกและเลื่อนเก้าอี้มากกว่า เดี๋ยวนี้เค้ามีโต๊ะที่ออกแบบมาสำหรับพื้นที่จำกัด และโต๊ะที่ต้องวางเข้ามุม คือขาโต๊ะจะอยู่ชิดกับกำแพงฝั่งเดียวเลย ซึ่งสะดวกมากเพราะขาโต๊ะไม่ขวางขาเวลาจะเลื่อนเก้าอี้เข้า-ออกค่ะ (ชุดรับประทานอาหารทางโครงการไม่ได้มีให้นะคะ)

ถัดมาด้านในเป็นจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกทรงสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ซึ่งประกอบไปด้วยห้องนอนและห้องครัวค่ะ เลี้ยวมาฝั่งซ้ายจะเป็นส่วนห้องน้ำ เดี๋ยวเราไปดูห้องน้ำกันก่อนนะคะ

เลี้ยวมาด้านซ้ายจะเจอกับชุด Built-in โต๊ะเครื่องแป้งและชั้นวางของด้านข้าง ซึ่งชุดนี้ทางโครงการจะ Built-in ให้เป็นมาตรฐาน

ด้านบนทำเป็นช่องสำหรับเก็บของได้พอสมควรเลยค่ะ

ส่วนด้านล่างมีชั้นวางของด้านข้าง และมุมสำหรับแต่งหน้าพร้อมลิ้นชักด้านล่าง ซึ่งลูกบ้านต้องซื้อกระจกมากรุเพิ่มเติมนะ เค้าไม่ได้มีกระจกมาให้ด้วย หรือจะใช้โต๊ะนี้เป็นโต๊ะทำงานแทนก็ได้ค่ะ แต่ต้องบอกก่อนว่าหากทำเป็นโต๊ะทำงานนั้นขนาดจะค่อนข้างเล็กอยู่เหมือนกัน อาจจะไม่ถนัดมากนัก ซึ่งไซส์นี้น่าจะเหมาะกับการทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งมากกว่า

มาที่ประตูทางเข้าห้องน้ำจะเป็นแบบ Oversize ที่มีความสูงมากกว่าปกติ โดยสูงประมาณ 2.35 ม.

บริเวณทางเข้ายกธรณีประตูขึ้นสูงเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน ภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทามาตรฐาน แบ่งสัดส่วนการใช้งานชัดเจน โดยแยกเป็นโซนเปียกและแห้ง กั้นส่วนด้วยฉากกั้นกระจก

บริเวณส่วนแห้งเป็นตำแหน่งของอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ผนังด้านหลังกรุกระจกกว้างเท่ากับผนังของส่วนแห้ง

อ่างล้างหน้าของ Cotto หรือเทียบเท่า มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน มีขอบอ่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย ด้านล่างอ่างล้างมือมีช่องโล่งสำหรับวางของได้อีกเล็กน้อย

โถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวของยี่ห้อ Cotto หรือเทียบเท่า พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ

ต่อไปมาดูพื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเปิดปิด มีมือจับสามารถจับเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้งค่ะ

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1 x 0.8 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่น พร้อมยกขอบธรณีประตูให้เรียบร้อยกันน้ำไหลย้อนออกมายังส่วนแห้งได้ดี

ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีการติดตั้งอุปกร์อาบน้ำไว้เรียบร้อย โดยจะได้ทั้งฝักบัวและ Rain Shower

สำหรับฝักบัวสายอ่อนนั้นจะให้ตัววางแบบปรับระดับได้ด้วยนะ โดยกดปุ่มฝั่งตรงข้ามกับฝักบัวแล้วลากขึ้น-ลงให้เหมาะสมกับความสูงและความถนัดของเราได้เลยค่ะ

เนื่องจากประตูห้องนอนเป็นแบบ 3 ตอน พอเปิดจนสุดแล้วก็ค่อนข้างกว้างทีเดียวทำให้เดินผ่านได้สบาย

ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังพอดีๆ ด้านข้างทางโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เรียบร้อย

สำหรับรางเลื่อนประตูบานเลื่อนด้านล่างนั้นในห้องจริงจะอยู่เสมอกับพื้นห้องเลย เพื่อให้เดินได้สะดวก ไม่เจ็บเท้าและไม่สะดุด ภายในห้องมีพื้นที่รอบเตียงไม่มาก แต่ยังถือว่าพอเดินได้อยู่ แม้จะอยู่ติดกับบริเวณตู้เสื้อแต่เมื่อเปิดใช้งานตู้เสื้อผ้าจริง ก็ยังสามารถเดินได้สะดวกอยู่ค่ะ ส่วนปลายเตียงมีพื้นที่ทางเดินไม่มากเท่าไหร่ ไม่สามารถวางโต๊ะวางทีวีได้ ใครอยากติดทีวีแนะนำให้ใช้ทีวีแบบแขวนเอา

ตู้เสื้อผ้าที่ได้มีขนาดประมาณ 3 บานเปิดแบบที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยค่ะ ข้อดีของตู้เสื้อผ้าที่นี่คือเค้า Built-in ให้สูงถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้สามารถเก็บเสื้อผ้าและของภายในได้เยอะพอสมควรและยังไม่มีฝุ่นด้านบนของตู้เสื้อผ้าด้วยค่ะ

แอบเสียดายหน่อยตรงที่บริเวณเตียงนอนนี้ได้หน้าต่างขนาดไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับความสูงของฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม. ถ้าให้หน้าต่างสูงจากพื้นถึงฝ้าจะฟินมาก ได้ความโปร่งโล่งมากขึ้นทีเดียวค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนห้องครัว โดยห้องครัวนี้จะได้เป็นครัวปิด กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน ซึ่งทำให้สามารถเปิดทางเดินได้กว้างมากขึ้น เมื่อเทียบกับประตูบานเลื่อนแบบ 2 ตอน และการที่ได้เป็นครัวปิดที่อยู่ตำแหน่งติดกับภายนอกอาคารจะเหมาะกับการทำอาหารได้ดีทีเดียวค่ะ

ภายในจัดให้ด้านหน้าเป็นที่วางตู้เย็นและด้านในเป็นส่วน Pantry บรรยากาศดูโปร่งโล่งไม่ทึบ ด้วยแสงจากภายนอกที่ส่องเข้ามาภายในได้ดี ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับตำแหน่งครัวนะคะ เพราะจะได้ไม่อึบชื้น สามารถระบายความชื้นและอากาศได้ดีเลย

ในส่วนของความกว้างทางเดินในครัวอยู่ที่ประมาณ 0.7 ม. ซึ่งสามารถเดินได้กำลังดี ไม่เล็กไปแต่ก็ไม่ได้ถือว่ากว้างมาก พื้นภายในครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้มาตรฐาน ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด และคงทนต่อการใช้งานเหมาะกับการปูพื้นครัวค่ะ

Pantry ครัวได้ท็อปเป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานเพราะมีความคงทน สามารถทนความชื้นได้ดี ด้านล่างมีชั้นวางของและลิ้นชักสำหรับเก็บช้อนส้อมและจานชามต่างๆ ได้ รวมไปถึงมีการเว้นช่องสำหรับใส่ไมโครเวฟได้ด้วย แต่ด้วยความชั้นวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่างในการใช้งานจริงอาจจะไม่สะดวกเท่ากับการทำช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านบน

ส่วนผนังด้านหลังบริเวณ Pantry นั้นในห้องมาตรฐานจะได้เป็นผนังฉาบเรียบปกตินะคะ แต่แนะนำว่าควรกรุเป็นกระจกหรือกระเบื้องบริเวณด้านหลัง Pantry เพิ่มเติมเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและผนังไม่เป็นคราบด้วย

ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำตามมตรฐานโครงการ มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา

เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Hafele จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อดูดควันออกไปข้างนอก ซึ่งจะระบายอากาศได้ดีกว่าแบบหมุนเวียนนะคะ

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัว

ที่ชอบคือเค้าดีไซน์ให้มีส่วนที่พักจานอยู่ชั้นบนบริเวณ Sink ล้างจานด้วย ซึ่งเป็นข้อดีมากๆ สำหรับห้องครัวที่มีพื้นที่ไม่มากนัก และมีขนาดความยาวของ Pantry ไม่มากพอที่จะวางที่พักจานด้านล่าง การออกแบบที่พักจานแบบนี้ก็ช่วยตอบโจทย์ปัญหาพื้นที่ที่จำกัดได้ดีค่ะ

ถัดมายังพื้นที่ใช้สอยส่วนสุดท้ายในห้องคือส่วนของระเบียง ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ตัวเฟรมวงกบเป็นอลูมิเนียม ส่วนตัวบานเป็นกระจกตัดแสง จึงรับแสงธรรมชาติได้และยังช่วยกันความร้อนเข้ามาในห้อง

สำหรับพื้นที่ระเบียงที่ได้นั้นค่อนข้างเล็กพอสมควรนะคะ หลังจากที่วางเครื่องซักผ้าไปแล้วก็จะเหลือพื้นที่ให้ตากผ้าหรือซักล้างต่างๆ เพียง 0.9 x 0.6 ม. ใช้งานจริงคงยากนะ ใครจะตากผ้าก็ติดตั้งราวแขวนเสื้อแทนไปค่ะ ส่วนเครื่องซักผ้านั้นสามารถวางขนาด 8 kg. ได้กำลังพอดีนะ

ด้านนอกจะได้ราวระเบียงเป็นราวเหล็กพ่นสีดำ ด้านข้างผนังติดดวงโคมให้เรียบร้อย

ห้องแบบ Studio ขนาด 23.3 ตร.ม. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จัดมาได้ลงตัว ลักษณะห้องเป็นสไตล์หน้าแคบลึกและวางฟังก์ชันของพื้นที่ครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง (ในอาคาร) เพื่อให้พื้นที่ส่วนเตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดี ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นมามากกว่าการวางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำอยู่ด้านนอก แลกมาประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำที่ลดลง เพราะครัวและห้องน้ำจะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ แต่ถ้าให้เลือกเราก็เลือกการวางแปลนแบบนี้นะ เพราะส่วนใหญ่ก็มักใช้เวลาไปกับพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนเป็นหลักอยู่แล้ว ส่วนครัวเค้าก็จัดออกมาได้เป็นสัดส่วน แม้ขนาดห้องไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ได้เป็นครัวปิดที่เหมาะกับการทำอาหารได้ดี แตกต่างจากห้อง Studio ปกติที่ไม่ได้กั้นประตูส่วนครัวมาให้

เริ่มต้นจากหน้าห้องนะคะ เข้ามาภายในจะเจอส่วนครัวก่อน ฝั่งซ้ายเป็น Pantry ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำ และตรงไปด้านในจะเป็นโซนพักผ่อน ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่นั่งเล่น เตียงนอน และระเบียงค่ะ บริเวณพื้นที่ครัวนี้จะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด

มาดูรายละเอียดส่วนของเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งแรก ขนาดเคาน์เตอร์พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแบบ Studio เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมีชุดครัวที่เว้นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าไว้ให้ โดยพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ จะไม่ได้ให้มานะคะ

Pantry ให้มา Spec เดียวกับห้องแรกเลยค่ะ แต่ในเรื่องรายละเอียดการออกแบบนั้นจะมีแตกต่างจากห้องแรกอยู่ เพราะเค้าออกแบบตามขนาดพื้นที่ ซึ่งห้องนี้จะได้ขนาด Pantry ใหญ่กว่าห้องแรกอยู่หน่อยนะคะ ถ้าพูดเฉพาะส่วน Pantry เราว่าอันนี้ออกแบบมาใช้งานได้สะดวกกว่าห้องแรกอยู่ ตรงที่เค้าไม่ได้ทำช่องว่างไมโครเวฟไว้ด้านล่างแต่ดันขึ้นไปด้านบนให้ใช้ง่ายขึ้น และมีช่องเปิดด้านล่างพอสมควร อย่างน้อยคือมีชั้นวางจานชามที่เยอะกว่า แต่ข้อจำกัดของห้องนี้คือระเบียงซักล้างที่มีขนาดเล็กเลยจำเป็นต้องวางเครื่องซักผ้าอยู่ด้านล่างของ Pantry แทน โดยขนาดของเครื่องซักผ้าที่วางได้พอดีคือ 8 kg. ค่ะ

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัว รวมถึงมีตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟ พร้อมที่ตากจานด้วยค่ะ ซึ่ง Spec วัสดุจะเหมือนกับห้องแรกเลย

ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบทั้งส่วนเปียก ส่วนแห้ง ในส่วนของสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้เป็นบานใหญ่กว้างเกือบเต็มผนังส่วนแห้งเลย ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่ง

ธรณีประตูห้องน้ำยกขึ้นสูงเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนออกด้านนอก ส่วนภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ 2 ส่วนด้วยขอบธรณีกั้น เพื่อกันน้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลไปส่วนแห้ง ทำให้ได้การใช้งานที่เป็นสัดส่วน

โซนแห้งตกแต่งเหมือนห้องแรก รวมทั้งสุขภัณฑ์ก็เหมือนเดิมค่ะ เพียงแต่มีความกว้างที่น้อยลงมาหน่อย

ฉากกั้นกระจกให้มาเหมือนกันเลย เป็นแบบประตูบานเปิดซึ่งใช้งานง่ายดีค่ะ ด้านหลังมือจับจะติด Door Stopper ไว้ให้กันกระแทก ส่วนขอบประตูกระจกทางโครงการเก็บรายละเอียดมาเรียบร้อย ด้วยการติดพลาสติกกันกระแทกตรงขอบประตูกระจก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุค่ะ

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1 x 0.8 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่น และภายในพื้นที่อาบน้ำจะมีพื้นที่เล็กๆ ขนาดประมาณ 0.4 x 0.3 ม. เผื่อไว้ให้ตกแต่งเป็นชั้นวางของเพิ่มเติมได้ค่ะ

ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีการติดตั้งอุปกร์อาบน้ำไว้เรียบร้อย โดยจะได้ทั้งฝักบัวและ Rain Shower เช่นเดียวกับห้องแรก

ด้านบนเจาะฝ้าซ่อนไฟไว้ให้ด้วย ซึ่งห้องจริงที่ส่งมอบก็จะได้แบบนี้เลยนะคะ

สำหรับห้องครัวของห้อง Type นี้จะได้มาเป็นครัวปิดด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เวลาเปิดประตูแล้ว เราจะได้พื้นที่ทางเดินที่กว้างเดินได้ง่าย

ถัดมามาดูพื้นที่ภายในโซนพักผ่อนกันบ้าง จะเป็นโซนที่มีฟังก์ชันรวมอยู่หลายฟังก์ชันด้วยกัน ทั้งพื้นที่นั่งเล่น เตียงนอน และโซนทำงานที่อยู่ติดกับหน้าต่าง ด้วยความที่ได้พื้นที่มาค่อนข้างจำกัดทำให้ไม่สามารถแบ่งโซนได้เป็นสัดส่วนชัดเจน รูปแบบจึงออกมาเป็นห้อง Studio แต่เมื่อเข้าไปในห้องขนาดเล็กและเป็นห้องหน้าแคบด้วยก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าแคบ อึดอัดนะ กลับรู้สึกโปร่งโล่งพอสมควรเลย ซึ่งเหตุผลมาจาก ฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม. จึงได้ปริมาตรของห้องที่มากขึ้น ประกอบกับมีช่องเปิดมาจากส่วนระเบียงและหน้าต่าง ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ค่อนข้างดี

ห้องตัวอย่างจัดโซนนั่งเล่นด้วยโซฟาตัวยาวแบบ 2-3 ที่นั่งและชั้นดูทีวีไว้ อย่างที่บอกไปว่าโครงการขายแบบ Fully Fitted ทำให้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้องนี่เราจะต้องหามาเพิ่มเอง ในห้องนี้จะได้เฉพาะชั้นวางทีวี Built-in เหมือนในห้องตัวอย่างค่ะ ระยะดูทีวีในห้องนั่งเล่นอยู่ที่ประมาณราวๆ 2.9 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 60 นิ้วนะคะ

ชุดโซฟานี้ทางโครงการไม่ได้ให้มานะคะ ลูกบ้านต้องซื้อมาวางเอง ส่วนขนาดโซฟาที่เหมาะสมกับพื้นที่คือโซฟาขนาด 2 ที่นั่งแบบ Love Seat

มาดูชั้นวางทีวีกันจะได้ Built-in เป็นตู้ยาวเป็นชิ้นเดียวกับโต๊ะเครื่องแป้งด้วยหรือจะใช้เป็นโต๊ะเขียนหนังสือก็ได้ วัสดุเป็นตู้ไม้ลามิเนตเช่นเดียวกับเคาน์เตอร์ครัว ลายไม้เก็บขอบด้วยสีทองตามแบบในห้องตัวอย่าง

ชั้นวางทีวีที่ได้ภายในจะแบ่งเป็นช่องใส่ของไว้หลายช่อง มีทั้งที่เป็นบานปิดและแบบตู้ช่องโล่ง

ติดกันกับโต๊ะเครื่องแป้งเป็นตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการจะ Built-in ไว้ให้ สูงเกือบถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้สามารถใช้พื้นที่ของห้องได้เต็มความสูง ตัวตู้เป็นแบบบานเปิด มีบางตู้ที่ได้เป็นบานกระจกให้สามารถส่องได้แบบเต็มตัว ภายในตู้จะแบ่งช่องออกเป็นพื้นที่แขวนเสื้อทั้งตัวยาวตัวสั้น ด้านบนแบ่งเป็นชั้นวางของไว้เก็บพวกเครื่องนอนหรือของใช้ที่อาจจะไม่ได้หยิบใช้บ่อยๆ

พื้นที่ทางเดินตอนปลายเตียงมีความกว้างพอสมควร เดินได้ง่าย แต่อาจจะไม่สะดวกมากเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าเพราะจะเหลือพื้นที่ทางเดินไม่มากในการใช้งาน

ถัดเข้ามาด้านในเป็นตำแหน่งสำหรับวางเตียงนอน ซึ่งทางโครงการไม่ได้ให้เตียงมา เจ้าของห้องจะเลือกไซส์ 5 ฟุต หรือ 6 ฟุต ก็มีพื้นที่ให้วางได้ทั้งคู่ และยังเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบค่ะ

ถัดเข้ามายังพื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่างจะมีมุมพื้นที่ใช้สอยเล็กๆ ซึ่งห้องจริงจะไม่ได้ให้โต๊ะมานะคะเป็นพื้นที่โล่งๆ จึงสามารถปรับเป็นมุมโต๊ะทำงานเหมือนในห้องตัวอย่างหรือจะวางโซฟาขนาดเล็กทำเป็นมุมนอนอ่านหนังสือก็ได้แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ ส่วนมุมโซฟาก็จะได้ติดกับหน้าต่างแบบนี้เลยนะคะ เป็นหน้าต่างบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง ทำให้สามารถชมวิวได้จากมุมนี้และยังเปิดหน้าต่างระบายอากาศภายในห้องได้ด้วย

พื้นที่ทางเดินด้านข้างนี้ความกว้างไม่มากนักแต่ยังสามารถเดินได้ค่ะ

สำหรับส่วนระเบียงของห้องนี้จะค่อนข้างเล็กพอสมควร ตั้งแต่ประตูเลย จริงๆ ประตูไม่ได้เล็กนะ แต่ด้วยการที่โดนตู้เสื้อผ้าบังทางเข้า-ออกไปเลยเหลือพื้นที่เข้า-ออกไม่กว้างมากเท่าไหร่

พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบผิวด้านกันลื่น ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีขนาด 1.2 x 0.6 ม. เป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้าขนาดเล็ก หรือตั้งต้นไม้กระถางได้

ส่วนผนังด้านข้างก็ติดดวงโคมให้เป็นมาตรฐานเช่นเดียวกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 16 August 2017

  • ห้องราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท หรือประมาณ 115,450 บาท/ตร.ม.

  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Knightsbridge Kaset Society (ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้)  จัดเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลค่อนข้างดีทีเดียวในย่านใกล้แยกเกษตร ได้ทางเข้า-ออกติดถนนใหญ่พหลโยธิน และใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย สถานีเสนานิคม เพียง 40 ม. เรียกว่าเดินได้ง่ายมาก และใครที่ทำงานอยู่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือน้องๆ นักศึกษาก็สามารถเดินไปได้ไม่ลำบากเพราะหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยฝั่งพหลโยธินอยู่ห่างจากโครงการไปเพียง 400 ม. ซึ่งยังจัดว่าอยู่ในระยะเดินได้ง่ายค่ะ

ตัวโครงการมีงานออกแบบที่ค่อนข้างน่าสนใจทั้งเรื่องรูปลักษณ์อาคารที่ทำชั้น Facility ยกชั้น เชื่อมทั้ง 3 อาคารไว้ด้วยกัน และยังเป็นโครงการ High Rise ที่มีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยมาก อยู่ที่ 6-8 ยูนิตเท่านั้น ถือเป็นอีกจุดที่ชูโรงโครงการเช่นกัน เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบเพื่อนบ้านในชั้นเดียวกันมากนัก รวมไปถึงการที่ชั้นล่างก็แยก Lobby ทั้ง 3 อาคารออกจากกันเลย ไม่ต้องใช้พื้นที่ส่วนกลางด้านล่างร่วมกัน ยกเว้น Facility ในชั้น 16 ที่เชื่อมกันเท่านั้น ดังนั้นก็เหมือนมีเพื่อนบ้านในอาคารเดียวกันอยู่ที่ประมาณร้อยกว่ายูนิตต่ออาคาร ส่วนตัวที่มองว่ายังไม่ค่อยสะดวกในการใช้งานจริงเท่าไหร่นักก็จะเป็นอาคารจอดรถที่ทำแยกออกมาจากอาคารพักอาศัย เพราะเมื่อจอดเสร็จก็ต้องเดินมายังอาคารพักอาศัยอีกที ไม่เหมือนชั้นจอดรถที่ขึ้นลิฟต์ไป Lobby หรือห้องได้เลย แต่จะสะดวกมากขึ้นถ้าทำ Cover Way (ทางเดินมีหลังคา) ให้เรียบร้อยเพื่อให้การเดินไปยังส่วน Lobby อาคารสะดวกมากขึ้น

ในส่วนอาคารจอดรถที่นี้ใช้เป็น Automatic Parking ทั้งหมด ถือว่าเป็นที่จอดรถแบบใหม่ที่ให้ความสะดวกสบายในการจอด ไม่ต้องไปวนรถหาที่จอดเอง และยังให้ EV Charger มาอีก 2 จุดด้วยกันค่ะ โดยที่จอดรถนี้จัดมาให้ทั้งหมด 57% ถือว่าให้มามาตรฐานไม่มากไม่น้อย หักลบกับเป็นทำเลที่มีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลายก็น่าจะพอใช้งานค่ะ

สำหรับห้องพักอาศัยที่นี่จะมีขายเป็นห้อง Studio ไปจนถึงห้อง 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23.3 – 34.3 ตร.ม. เน้นเป็นห้องขนาดเล็กอยู่อาศัย 1-2 คนกำลังดีสุด จุดเด่นของภายในห้องพักอาศัยจะเป็นฝ้าเพดานที่ได้สูงถึง 3 ม. ทำให้ภายในตัวห้องดูโปร่งโล่งมากกว่าห้องที่ฝ้าเพดานสูงมาตรฐาน เนื่องจากได้ปริมาตรภายในห้องที่มากกว่า แต่แอบน่าเสียดายตรงที่น่าจะได้หน้าต่างกระจกที่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน จะได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งแทนจริง สมกับที่ตั้งใจให้ฝ้าเพดานสูง 3 ม. มา

ห้อง Studio แปลนภายในจัดมาได้ลงตัวดี เป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่มาก แต่สามารถจัดฟังก์ชันให้ได้ครัวปิด เพื่อสามารถทำอาหารได้จริง ส่วนห้อง 1 Bedroom นั้นถือว่าจัดฟังก์ชันมาเป็นสัดส่วนดี ได้ครัวปิดอยู่ด้านนอกใครชอบทำอาหารก็น่าจะชอบค่ะ ส่วนพื้นที่นั่งเล่นจะเข้ามาด้านใน ไม่ได้วิวนะ แต่ได้แสงสว่างจากห้องนอนผ่านเข้ามาแทน

ส่วนรูปแบบการขายของโครงการจะเป็นแบบ Fully Fitted ได้เฟอร์นิเจอร์ที่ Built-in ทั้งหมด เคาน์เตอร์ครัวและหน้าบานเป็นไม้ลามิเนต Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ ได้ Soft Close ทั้งหมด และสุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ห้องน้ำต่างๆ จาก Cotto

สาธารณูปโภคโครงการให้มาพอสมควรทีเดียว และค่อนข้างอลังการเมื่อเทียบกับโครงการเพื่อนบ้าน สำหรับใครที่ชอบการใช้ Facility ที่หลากหลาย และอยู่ชั้นบนชมวิวมุมสูงได้ ตัวโครงการนี้ก็ตอบโจทย์ได้ดี เพราะออกแบบให้ทั้งชั้น 16 เป็นชั้น Facility ทั้งหมด เชื่อม 3 อาคารไว้ด้วยกัน โดยประกอบไปด้วย Co-Working Space, Social Club, Sky Society Garden, Sky Society Fitness, Sky Society Swimming Pool ส่วนจะทำออกมาอลังการแค่ไหนต้องรอดูตอนตึกเสร็จอีกที

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 115,450 บาท/ตร.ม., 16 August 2017 

(เนื่องจากโครงการยังอยู่ในช่วงเปิดตัวโครงการไม่นาน จึงมีข้อมูลเพียงราคาเริ่มต้นเท่านั้น คะแนนจะประเมิณจากราคาเริ่มต้นนะคะ สำหรับใครที่ได้ห้องราคาสูงกว่านี้ก็สามารถหักลบคะแนนตามคุ้มค่าของราคาที่จ่ายไปได้เลยค่ะ)

  • ทำเล 8/10 – ทำเลดี ติดถนนใหญ่ มีความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์ในระดับที่เดินได้
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ติดถนนพหลโยธินทำให้การเดินทางไปมาได้สะดวก แต่เป็นทำเลที่รถติด ปริมาณรถเยอะ
  • ไม่ใช้รถ 9/10 – มีตัวเลือกหลากหลาย และใกล้รถไฟฟ้าสถานีเสนานิคม 40 ม.
  • วัสดุ 7.5/10 – ให้ Fully Fitted เฟอร์นิเจอร์มาตรฐาน เสียดายหน้าต่างกระจกที่น่าจะได้ใหญ่กว่านี้
  • แบบ 7.5/10 – เด่นที่ยูนิตต่อชั้นน้อย ไม่หนาแน่น เป็นส่วนตัว หักอาคารจอดรถแยกกับอาคารพักอาศัย
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาเยอะ หลากหลาย และได้วิวมุมสูง

  • UPPER CLASS
  • 7.95 / 10.00

BOTTOM LINE

Knightsbridge Kaset Society (ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้)  เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดติดถนนใหญ่ ในย่านเกษตร ต้องการใช้รถไฟฟ้าในอนาคต ชอบโครงการที่มีเน้นความเป็นส่วนตัว มีจำนวนยูนิตต่อชั้นไม่มาก ไม่วุ่นวาย ชอบใช้ Facilities หลากหลาย และอยากได้ห้องฝ้าเพดานสูง ตกแต่งครบพร้อมอยู่ ในราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 19,000-22,000 บาท/เดือน