รีวิวฉบับที่ 1558 … Knightsbridge Collage สุขุมวิท 107 เป็นโครงการตัวที่ 2ในซีรีย์ Collage ที่เน้นว่าจะอยู่ใกล้ทั้งรถไฟฟ้าและสถานศึกษาในพื้นที่ โดยคราวนี้มาในทำเลย่านของแบริ่ง ที่ทาง Origin คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว (เค้าบุกเบิกมาจากในย่านนี้นะ) ตัวโครงการเป็นรูปแบบตึกสูง และจัดพื้นที่ส่วนกลางสวยๆไว้บนชั้นบนเกือบทั้งหมด และนำนวัตกรรมใหม่ๆมาไว้ที่โครงการอีกด้วย

Fact @ 15 March 2018

  • Knightsbridge Collage Sukhumvit 107 (ไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107)
  • บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซ.สุขุมวิท 107(แบริ่ง) ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
  • คอนโด High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร 304 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • จอดรถภายในอาคารที่ 2-7 ชั้น
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิต ที่ชั้น 8-24
  • ที่จอดรถคิดเป็น 42 % (ระบบ Automatic Parking ทั้งโครงการ)
  • ที่ดินประมาณ 1-1-50.8 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : n/a  |  คาดว่าจะแล้วเสร็จ : n/a
  • Studio : 24.00 ตร.ม.
  • 1 Bedroom : 27 – 34 ตร.ม.
  • 1 Bedroom plus : 33 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms : 54 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ AVG 110,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS แบริ่ง ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS แบริ่ง
  • เวปไซต์โครงการ Register : คลิกที่นี่
  • Call Center : 020 300 000

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.657772, 100.603090

แผนที่จากทางโครงการ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 107 หรือที่เรียกกันว่าซอยแบริ่ง โดยรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดจะเป็น BTS สถานีแบริ่ง ระยะทางประมาณ 430 เมตร และอนาคตยังมีส่วนต่อขยายสายสีเหลืองมา Interchange ใกล้ๆที่สถานีสำโรงด้วยครับ

Knightsbridge Collage สุขุมวิท 107 ตั้งอยู่ตรงติดปากซอยแบริ่ง 4 และหน้าโครงการติดกับถนนแบร่ิง(สุขุมวิท107) ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ การเดินทางค่อนข้างสะดวกเนื่องจากอยู่ติดกับถนนแบริ่ง ถ้าจะเดินทางเข้าเมืองก็ใช้เส้นสุขุมวิท วิ่งตรงอย่างเดียวมีทางด่วนให้ขึ้นแถวสี่แยกบางนา ส่วนถ้าจะไปฝั่งศรีนครินทร์ออกจากโครงการเลี้ยวขวาวิ่งไปจนสุดถนนแบริ่งก็จะเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์แล้วครับ และสามารถไปเชื่อมออกถนนบางนา-ตราด ออกชลบุรีได้ หรือจะไปฝั่งสมุทรปราการใช้ได้ทั้งเส้นสุขุมวิทและศรีนครินทร์ครับ

นอกจากนี้ยังมีซอยย่อยที่ลัดเลาะไปเชื่อมกับซอยอื่นโดยไม่ต้องผ่านเส้นหลัก เช่นตรงซอยแบริ่ง 4 ซึ่งเป็นทางเข้าออกโครงกการอีกทาง สามารถมาออกถนนสุขุมวิท 109 และ 113 ได้มีตลาดสำโรงอยู่ด้วย หรือจะไปซอยลาซาลก็เข้าซอยแบริ่ง 1 จะไปทะลุออกซอยลาซาล 12 ในซอยนี้ก็มีของกินเยอะครับ

ความอุดมสมบูรณ์ในซอยแบริ่งช่วงต้นซอยมีของขายหลายอย่างโดยเฉพาะช่วงเย็นค่อนข้างคึกคัก ระยะเดินจากโครงการไปแถวๆปากซอยก็ประมาณ 200 ม. ซึ่งของกินส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งเดียวกับโครงการแค่เดินย้อนไปทางต้นซอยแบริ่ง ส่วนร้านสะดวกซื้อมี 7-11 จะเดินออกมาปากซอยแบริ่ง และฝั่งตรงข้ามซอยแบริ่ง 1 มีหมู่บ้าน Fantasia Villa ซึ่งตรงหน้าหมู่บ้านมีร้านสปา ร้านยา ร้านขนม ส่วนห้างใหญ่ๆอยู่แถวนี้ต้องพึ่งรถอย่างเดียวเลย มีอิมพีเรียลสำโรงจากโครงการประมาณ 1.7 กม. เซ็นทรัลบางนา และ Big C บางนา ประมาณ 5 กม. หรือเลยไปก็เป็น Mega บางนา หรือไม่ก็ขึ้น BTS เข้าเมืองไปเลยก็สะดวกดีครับ ส่วนในอนาคตจะมี Bangkok mall ตรงสี่แยกบาง ฝั่งตรงข้ามไบเทคบางนา เป็นห้างขนาดใหญ่ซึ่งก็ต้องรอดูกันอีกทีครับ

สำหรับทางด่วนบริเวณใกล้ๆโครงการมีอยู่ทั้งหมด 3 จุด คือ ทางด่วนบริเวณซอยสุขุมวิท 62, ทางด่วนบางนาอยู่บริเวณ แยกบางนา และทางด่วนวงแหวน กาญจนาภิเษก อยู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โดยผมใส่ระยะโดยประมาณไว้ให้แล้ว

การเดินทางนอกเหนือจากรถส่วนตัวในซอยมีรถสองแถววิ่งตั้งแต่ต้นซอยแบริ่งถึงท้ายซอย วินมอเตอร์ไซค์ก็วิ่งผ่านหน้าโครงการตลอด และ Taxi ก็เรียกด้านหน้าโครงการได้สะดวกครับ ส่วนการเดินทางโดย BTS จากโครงการถึงทางขึ้นสถานีแบริ่งประมาณ 430 ม. (ตอนนี้สถานีปลายทางเป็นสำโรงแล้วนะครับ ที่สำโรงนี้แผนอนาคตข้างหน้าเป็น Interchange กับสายสีเหลืองด้วย) ส่วนสายสีเขียวจะเปิดส่วนต่อขยายจนถึงสถานีเคหะสมุทรปราการซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ ถ้าเปิดใช้บริการเต็มรูปแบบคงเพิ่มความสะดวกให้คนแถวนี้ได้ครับ

การเดินทางเท้าวันนี้ผมใช้รถไฟฟ้านี่แหละ ที่สถานีแบริ่งเดินริมฟุตบาทถนนสุขุมวิท แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแบริ่ง ที่ตั้งจะอยู่แปลงติดถนนหัวมุมซ.แบริ่ง 4 ระยะทางรวมประมาณ 430 เมตรครับ

แผนที่รอบๆสถานีจากทาง BTS เราจะออกกันที่ประตู 3 นะ

เริ่มกันที่บริเวณชานชาลารถไฟฟ้าแบริ่ง ประตู 3 กันเลย

ลงมาแล้วทางซ้ายมือจะเป็นตึกแถวเรียงยาวกันเป็นแถบ โดยสิ่งที่สะดุดตาก่อนก็ซื้ออาหารการกิน เครื่องดื่มต่างๆที่ซื้อกลับบ้านแบบสะดวกๆ

มี Cafe Amazon อยู่ติดกันสามารถแวะซื้อกาแฟกันได้

หลังจากนั้นจะเดินกันต่อที่ริ่มฟุตบาทริมถนนสุขุมวิทตรงนี้เดินง่ายนะครับ ค่อนข้างกว้าง และไม่เปลี่ยว

หลังจากที่เดินมาได้ประมาณ 190 เมตร ก็จะถึงบริเวณสามแยกถนนสุขุมวิทกับซอยสุขุมวิท 107(แบริ่งนั่นเอง)

ซึ่งเราจะต้องข้ามถนนบริเวณนี้แหละ เห็นเซเว่นอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ว่าทำไมกทม.ไม่มาทำทางม้าลายไว้ล่ะเนี่ยยยยย

พอข้ามมาฝั่ง ฝั่งนี้จะอิงกับซอยแบริ่งที่เป็นฝั่งเลขคู่นะครับ ต้องขอบอกเลยว่าความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินบริเวณต้นซอยตรงนี้คึกคักมากๆในช่วงบ่ายเย็นๆจนถึงหัวค่ำ

จะมีวินมอเตอร์ไซค์ใหญ่ตั้งอยู่ตรงนี้ด้วย ทางเดินก็ไม่ใช่ว่าจะเดินไม่ได้นะครับ ถึงแม้จะมีรถเข็น ตั้งโต๊ะมากมายแต่ฟุตบาทกว้างอยู่

พวกร้านอำนวยความสะดวกในชีวิตต่างๆผมลองกวาดสายตามองก็เรียกว่าครบ ร้านยา คลีนิค Kerry ร้านอุปกรณ์จิปาถะ มินิมาร์ท

การมีของกินมากมายบริเวณนี้ ในตอนเย็นพอเราเลิกงานมา ใครเหนื่อยขี้เกียจทำกับข้าวเองแล้วก็มาเตรียมฝากท้องมือเย็นแถวนี้ซื้อกลับไปกินที่ห้องได้เลย

มองไปที่ฝั่งตรงข้าม จะเป็นสถานศึกษาชื่อดังอีกแห่งก็คือโรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูว์ส สุขุมวิท 107

เดินกันต่อครับ เราจะเจอซอยแรกแล้วกับซอยแบริ่ง 2 ขวามือตรงนี้ก็มีวินมอเตอร์ไซค์อีกจุด

บริเวณนี้ฟุตบาทจะมีทางแคบลงกว่าต้นซอยนะครับ แต่ว่าปริมาณร้านอาหารการกินก็ไม่ได้ลดตามเท่าไร จะเปลี่ยนเป็นร้านตามตึกแถวเสียส่วนใหญ่อย่างที่เห็น / ทางซ้ายมือฝั่งตรงข้ามเราจะเห็น Sale Office Gallery แล้ว

Sale Office Gallery แล้วจะแต่งด้วย Earth Tone แบบสว่างตา สีจะใช้ใกล้เคียงกับตัวอาคารคอนโดของจริง เดี๋ยวเราจะกลับเข้าไปดูด้านในกันอีกทีในพาร์ทโครงการด้านล่าง เราไปดูที่ตั้งโครงการกันต่อ

นี่ครับ จากสามแยกที่สุขุมวิทเราเดินมาประมาณ 200 เมตรก็จะเห็นแปลงที่ดินโครงการแล้ว อยู่ที่ปากซอยแบริ่ง 4 นี่แหละ

แปลงที่ดินโครงการจะเป็นแบบหน้ากว้าง มีส่วนติดซอยสุขุมวิท 107 (แบริ่งเยอะหน่อย) และอีกทั้งด้านข้างยังติดกับซอยแบริ่ง 4 ด้วย

โดยถ้าใครคุ้นเคยผ่านไปมาอยู่แล้วเราจะเห็นคอนโด Knightsbridge ตัวพี่ใหญ่สุดที่เป็นตึกแรกของทางออริจิ้น นี่แหละที่อยู่ติดกันเลย

ส่วนในซอยแบริ่ง 4 ก็จะเป็นชุมชนสภาพแวดล้อมอยู่อาศัยทั่วไปทั้ง บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อพาร์ทเมนท์ และคอนโด Low Rise ครับ

สุดเขตที่ดินด้านหลังโครงการ จะติดกับตัวตึกแถว 3.5 ชั้น ตรงนี้ครับ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

ตัวพื้นที่โครงการบริเวณรอบๆส่วนใหญ่ล้อมรอบไปด้วยที่พื้นที่ว่างเปล่าและที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยทิศเหนือติดกับถนนแบริ่ง(สุขุมวิท107) ซึ่งเป็นด้านหน้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ว่างเปล่าวิวค่อนข้างโล่งเลือกได้ทุกชั้นมองไปยังในเมือง แต่ในอนาคตก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นตึกสูงครับ ทิศใต้ติดกับตึกแถวสูง 4 ชั้น และก็ลานจอดรถโดยมองไปไกลๆก็จะโล่งเคลียเช่นเดียวกัน ส่วนถ้าใครกังวลเรื่องที่ว่าฝั่งขวามือ(ทิศตะวันออก)จะโดนบล็อควิวด้วยพี่ชายเรา Knightsbridge 27 ชั้น ก็ไม่ต้องกังวลเพราะว่าโครงการเค้าวางตัวอาคารให้ห้องพักอาศัยทั้งหมดหันรับวิวทิศเหนือและใต้ นั่นเองครับผม

ภาพโดรนบินที่ความสูงประมาณชั้นของส่วนกลางนะครับ ฝั่งทิศเหนือและทิศใต้ ที่โครงการจะหันห้องพักอาศัยรับวิวสองฝั่งนี้

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูว์ส ประมาณ 180 m
  • 7-11 ประมาณ 220 m
  • BTS สถานีแบริ่ง ประมาณ 430 m
  • APT แบริ่งมอลล์ ประมาณ 540 km
  • อิมพิเรียลเวิลด์สำโรง, BigC ประมาณ 1.3 km
  • Bangkok Mall ประมาณ 2.2 km (โครงการอยู่ระหว่างการพัฒนา)
  • Bitec บางนา ประมาณ 2.5 km
  • เซ็นทรัลบางนา ประมาณ 5 km
  • Big C บางนา ประมาณ 5 km


เจาะลึกตัวโครงการ

กลับเข้ามาด้านใน Sale Office Gallery กันอีกครั้ง โดยวันที่ผมเข้ามาเรียกว่า เสร็จกันแบบสดๆร้อนกันเลย แต่ว่าก็เรียบร้อยดีแล้ว ด้านในแต่งดูหรูหราทีเดียวใช้โทนสีขาวสว่างตา มีผนังหินอ่อนมาตกแต่งสลับกับไฟเล่นลวดลายแฝงมา

ส่วนของโมเดลจะตั้งเด่นอยู่ใจกลาง Gallery เลยแบบนี้ แต่จะทำเป็นแบบ Minimal ให้ดูเรียบๆอาจจะไม่ได้เห็นตัว Detail เล็กๆมากนัก

ตัวที่ดินโครงการขนาด 1-1-50.8 ไร่ มีจำนวนทั้งหมด 305 ยูนิต โดยชั้นล่างเป็นส่วนของสวน, ล็อบบี้, ที่จอดรถ และชั้น 1-7 สามารถจอดรถได้ 42% เป็นระบบ Automatic Parking ทั้งหมด / ส่วนของห้องพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 8 ไปจนถึงชั้น 25 / และที่ชั้น 26, 27, Rooftop จัดเป็นพื้นที่สวนกลางทั้งหมด(แถมด้วยสวนดาดฟ้าบนสุดอีกชั้น)

ระบบจอดรถแบบ Mechanical Parking (ระบบจอดอัตโนมัติ) มาเหมือนกับโครงการพี่น้องอย่าง Knightsbridge Space ทั้งคู่ด้วย

เข้ามาด้านในลักษณะการเดินรถจะเป็นแบบวันเวย์รอบอาคารไปทางซ้าย ถ้าใครจะส่งคน อย่างน้อยก็ต้องวนรอบอาคารรอบนึงครับ

ส่วนของห้องพักอาศัย จะขึ้นอยู่สุดอยู่ที่ชั้น 25 นะครับ ซึ่งโครงการนี้จะมีห้องพิเศษอยู่ 2 ห้องที่เป็นแบบเพดานสูง(ตำแหน่งที่ตีกรอบในโมเดล) จะเป็นแบบสูงถึง 5.2 เมตร และขึ้นมาที่ชั้น 26-28 จะเป็นไฮไลต์ของโครงการนี้ที่ให้พท.ส่วนกลางมาเรียกว่าเยอะและน่าใช้สุดในย่านแบริ่งเลยก็ว่าได้

พื้นที่ส่วนกลางผมทำตัวอักษรประกอบกันให้ดูแล้วว่าคร่าวๆมีอะไรบ้าง อยู่ตำแหน่งไหนชั้นไหนครับ ตัวสระว่ายน้ำ จะเป็นรูปทรงตัว L นะ ขนาดกว้างประมาณ 5 เมตร แต่ยาวรวมทั้งหมดประมาณ 22 เมตรครับ

ภาพจำลองบรรยากาศ ภายในอาคารชั้น 1 ส่วนของ Reception Area

ภาพจำลองบรรยากาศ ภายในอาคารชั้น 1 ส่วนของ Lobby Double Volume

ภาพจำลองบรรยากาศ ภายในอาคารชั้น 1 ส่วนของ Library & Car Waiting Area

ภาพจำลองบรรยากาศ ภายในอาคาร พื้นที่ส่วนกลาง Lounge

ภาพจำลองบรรยากาศ ภายในอาคารชั้น 27 ส่วนของ Social Fitness

ภาพจำลองบรรยากาศ ภายในอาคารชั้น 27 ส่วนของ GYM ที่วางเครื่องออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ ไว้เป็นหลัก

นี่ครับภาพ Perspective หรือภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Sky Facilities ทั้งชั้นบน 28-28 ของโครงการนี้ จะเห็นว่ามีทั้งส่วนแบบกลางแจ้ง, Semi Outdoor และในอาคารที่ยังเน้นผนังกระจกรอบด้านเพื่อที่จะได้รับชมวิวให้ได้มากที่สุด

ปิดท้ายกันด้วยภาพ Perspective ที่เห็น Exterior ทั้งตัวอาคาร ซึ่ง Collage ที่แบริ่งนี้จะต่างกับที่รามคำแหงที่ใข้สไตล์ Modern English แต่ที่นี่จะเป็น Modern Contemporary ที่เน้นความทันสมัยหน่อย โดยตัวอาคารสีขาวเป็นหลักตัดกับสีเทา และมีจุดเด่นเวลามองมาที่โครงการไกลๆก็คือส่วนของ Sky Facilities ชั้นดาดฟ้า 3 ชั้นติดนั่นเองครับ

เริ่มจากชั้น Ground กันก่อน จะเห็นว่าด้านหน้าภายในโครงการ พื้นที่กลางแจ้งจะเป็นพื้นที่สีเขียวอย่างสวนหย่อม สนามเด็กเล่นจัดเอาไว้เพื่อเป็นกำแพงในการช่วยบังสายตาจากภายนอกอีกชั้นนึง การเดินรถจะเป็นแบบวันเวย์รอบอาคาร(ไปทางซ้ายมือเท่านั้น) จอดรถจะมีช่องจอดอัตโนมัติของ Automatic Parking 2 Slot จอดได้ 42%

ส่วนของด้านในอาคาร ชั้นนี้ก็จะประกอบไปด้วย Reception, Lobby แบบเพดานสูง, Shop 1 Unit, Library, Mailbox Area และสุเท้ายก็คือ Car Waiting Room ที่เอาไว้สำหรับลูกบ้านที่มารอรับรถ ซึ่งจะมีจอแสดงผลบอกเวลาว่ารถของคุณจะมาถึงอีกในกี่นาทีครับ

ขยับขึ้นมาที่ชั้น 8-22 ก็ถือว่าเป็น Typical Floor Plan(มีจำนวนห้องพักอาศัยเต็มจำนวน) มี 17 Unit โดยที่นี่จะให้ลิฟต์โดยสารมา 2 ตัวและเซอร์วิสมา 1 ตัว ซึ่งอัตราส่วนจะอยู่ที่ 153:1 ก็ถือว่ากลางๆไปทางเยอะแล้วนะครับ ส่วนช่องแสงที่ส่องสว่างมาโถงทางเดินจะมีที่ปลายอาคารฝั่งทิศตวันตกและก็หน้าโถงลิฟต์ 2 จุด เท่านั้น อาจจะต้องเปิดไฟช่วยทางฝั่งขวามือหน่อย

ส่วนของห้องพักก็จะคละแบบและตำแหน่งกันไปครับ โดยจะมีทั้ง Studio(สีเหลือง), 1 Bed(สีน้ำตาลอ่อน), 1 Bed Plus(สีน้ำตาลกลาง) และก็ 2 Bed(สีน้ำตาลเข้ม) ทุกแบบอยู่ในชั้นเดียวกันเลย ซึ่งเค้าจะวางผังอาคารรับวิวทิศเหนือ-ใต้ อย่างที่บอกไปตอนแรก เพื่อที่จะได้รับวิวที่โล่งที่สุด 2 ด้านนี้

ส่วนของชั้น 23 จะเหมือนกันชั้นก่อนหน้านี้แทบจะเป๊ะเลย จะมีต่างนิดเดียวตรงที่ห้อง 2 Bedroom(มุมขวาล่าง) จะมีระเบียงพิเศษยื่นออกมาเล็กน้อย

ที่ชั้น 24-25 ก็จะมีส่วนต่างกันที่มุมขวาล่างเช่นเดียวกัน ซึ่งบริเวณนนี้จะเปลี่ยนกลายเป็นห้องพิเศษที่เป็นแบบ สูง 5.20 เมตร และมีเพียง 2 ห้องภายในโครงการนี้เท่านั้นครับ

ชั้น 26 : สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาดกว้าง 5 เมตร และยาวรวม 22 เมตร ตัวสระจะมีทั้งส่วนที่เป็นกลางแจ้งและอยู่ในร่มอาคารบางส่วน เผื่อมาแช่น้ำเล่นหลบแดดเวลากลางวันได้, พื้นที่กลางแจ้งด้านนอกเป็น Sky Garden พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อน, ในอาคารมีห้องน้ำแยกชายหญิงและห้องสตีมในตัว

ชั้น 27 : ออกมาจากลิฟต์จะเป็นส่วนออกกำลังกายแยกไว้ 2 จุดที่มีชื่ออย่าง Social Fitness และก็ GYM (โดยในพื้นที่ของ GYM จะเน้นเครื่องเล่นที่เป็นพวกคาร์ดิโอเป็นหลักครับ) และด้านนอกมีสวนสีเขียวเล็กๆอีกส่วน

ชั้น 28 : ด้านในอาคารเป็นส่วนของ Co-Kitchen ที่มีพวก Pantry จัดเตรียมเครื่องดื่มของว่าง เผื่อเอามากขึ้นมาด้านบนกินชมวิว และด้านนอกกลางแจ้งจะเป็นส่วนที่มีชื่อว่า Activity Space หรือลานกิจกรรมกลางแจ้งที่รับวิว 270 องศา

Rooftop : เป็นชั้นเล่นระดับขึ้นมาอีกขั้นนึง ส่วนที่สูงสุดในอาคาร จัดเป็น Roof Garden ที่รับวิว 360 องศาครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1 : ด้านนอกอาคาร (สนามเด็กเล่น, สวนหย่อม, ศาลาพักผ่อน)
  • ชั้น 1 : ด้านในอาคาร (Lobby, ห้องอ่านหนังสือ, Shop, ห้อง Car Waiting Area)
  • ชั้น 26 : สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาดกว้าง 5 เมตร และยาวรวม 22 เมตร
  • ชั้น 26 : Sky Garden พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อน, ในอาคารมีห้องน้ำแยกชายหญิงและห้องสตีมในตัว
  • ชั้น 27 : ด้านนอกมีสวนหย่อมอีกจุด ด้านในมี Social Fitness และก็ GYM
  • ชั้น 27 : (โดยในพื้นที่ของ GYM จะเน้นเครื่องเล่นที่เป็นพวกคาร์ดิโอเป็นหลัก)
  • ชั้น 28 : Co-Kitchen ที่มีพวก Pantry จัดเตรียมเครื่องดื่มของว่าง
  • ชั้น 28 : ด้านนอกกลางแจ้งจะเป็นส่วนที่มีชื่อว่า Activity Space หรือลานกิจกรรมกลางแจ้ง
  • Rooftop : ส่วนที่สูงสุดในอาคาร จัดเป็น Roof Garden ที่รับวิว 360 องศาครับ
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว / Service Lift 1 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการ 153 : 1
  • ระบบจอดรถ Automatic Parking ทั้งหมด คิดเป็น 42%
  • ระบบ CCTV / Access Card / Home Automation / Digital Door Lock

 


Product Walkthrough

Image 1/5
Studio ขนาด 24.7 ตร.ม.

Studio ขนาด 24.7 ตร.ม.

สำหรับแปลนห้องพักอาศัยของโครงการนี้ หลักๆมี 5 แบบนะครับ ผมเอาแปลนแปะไว้ให้ดูแล้ว ดังนี้

  • Studio ขนาด 24.7 ตารางเมตร (B1)
  • 1 Bedroom ขนาด 28.8 ตารางเมตร (B2)
  • 1 Bedroom ขนาด 34.8 ตารางเมตร  (B3)
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 33.3 ตารางเมตร (BP)
  • 2 Bedroom ขนาด 53.6 ตารางเมตร (C1)

โดยที่นี่ยังคงเอาระบบ Home Automation System เข้ามาใช้ให้กับลูกบ้านเหมือนกัน โดยเจ้าแอพนี้ จะมีสามารถสั่งการควบคู่กับ Digital Door Lock ที่โครงการให้มา สั่งเปิดประตูได้ด้วยเผื่อเราลืมกุญแจบ้านหรือรหัส สามารถสั่งเปิดปิดไฟ, แอร์, และผ้าม่าน(ที่นี่จะให้ม่านมาด้วยเลย)

รูปแบบการขายเป็น Fully Fitted (ได้ชุดเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินทั้งหมดที่เห็นในห้องตัวอย่าง) / ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร / ระบบ Home Automation เปิดปิดไฟ, แอร์, ผ้าม่าน(ทำซ่อนรางผ้าม่านไว้ให้ พร้อมได้ผ้าม่าน 2 ชั้น) / Digital Door Lock / Kitchen & Sink ท๊อปหินสังเคราะห์ /Hob & Hood by HAFELE

ห้องแบบแรกที่พาไปดูคือ 1 Bedroom 28.80 ตร.ม. เป็นห้องแบบตอนลึกหน้าแคบ ฟังก์ชั่นภายในเข้ามาเป็นส่วน Common Area หรือโถง ที่จับรวมพื้นที่นั่งเล่น ทานอาหาร และโต๊ะทำงานอยู่ร่วมกัน โดยจะมีห้องน้ำอยู่ชิดฝั่งหน้าห้องแยกพื้นที่ส่วนเปียกให้ / ที่ส่วนด้านนอกหลักเป็นพื้นที่ห้องนอนให้ Space มาค่อนข้างกว้าง และได้พื้นที่ครัวปิดทำอาหารหนักได้เต็มที่คอมโบกับส่วนระเบียงติดกันด้านนอก ที่จะช่วยระบายกลิ่นเวลาทำอาหารได้ แต่ระเบียงก็จะเล็กๆหน่อยเพราะต้องวางเครื่องซักผ้าที่ด้านนอกนี้ครับ

เข้ามาเป็นส่วน Common Area หรือโถง ที่จับรวมพื้นที่นั่งเล่น ทานอาหาร และโต๊ะทำงานอยู่ร่วมกัน แต่มองตรงไปสุดจะเป็นส่วนของห้องนอน โดยแสงธรรมชาติยังส่องผ่านมายังห้องโถงนี้ได้ดีเพราะเน้นช่องแสงพอสมควร

ทางขวามือสุดจะเป็นส่วนของชุดตู้เก็บรองเท้า เก็บของ Built-In ที่ทำต่อเนื่องไปกับชุดชั้นวางทีวี โดยโครงการจะให้แบบนี้ทั้งหมดเลยครับ ถ้าอยากได้พื้นที่วางของเพิ่มก็เอาทีวีแขวนผนังเอาไว้

ลองเปิดหน้าบานตู้เก็บรองเท้าทางขวามือของประตูทางเข้าให้ดู

ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโซฟา โดยตัวอย่างจะจัดให้ดูว่าวางแบบ 2  ที่นั่งที่มีพนักวางแขนด้วย กำลังดีนะ

และส่วนติดกัน จะเป็นมุมสำหรับวางโต๊ะทานอาหารเข้ามุมแบบนี้ นั่งได้ 2 ที่นั่งพอดีกับสมาชิกที่เหมาะสมในห้องนี้

ส่วนพื้นที่กั้นห้องนั่งเล่นกับห้องนอน จะได้ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนแบบนี้นะครับ กรอบบานและกระจกมีความสูงจรดจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้แสงผ่านมาส่วนนั่งเล่นได้เต็มที่

ข้อดีของบาน 3 ตอน คือจะเปิดได้กว้างมากถึง 1.20 เมตรทีเดียว เวลาเราตื่นนอนก็เปิดแบบนี้เอาไว้ก็ได้ จะทำให้ห้องนั่งเล่นรู้สึกโปร่งโล่งกว้างขวางมากขึ้น

ด้านในห้องนอนเป็นส่วนที่เค้าเน้น Space มาให้พอสมควรเลยล่ะ โดย พื้นที่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าจะกว้างเดินไปมาสะดวก จริงๆแล้วฝั่งตรงข้ามตู้เสื้อผ้าสามารถทำมุมโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มก็ยังได้เลยนะครับ

หน้าตาของชุดตู้เสื้อผ้า Built-In ที่โครงการทำให้มาเป็นแบบ 3 ตอน สูงจรดฝ้าเพดานเลยไม่ต้องกลัวอมฝุ่นด้านบน โดยจะมีทั้งส่วนหน้าบานลายไม้ และก็กระจกสามารถเช็คการแต่งตัวก่อนออกจากบ้านได้เลย

โครงการจะให้ส่วนของฐานเตียงเอาไว้ด้วยเป็นแบบ 5 ฟุตนะครับ พอวางไซส์นี้แล้วจะทำให้เหลือพื้นที่รอบเตียงทั้ง 2 ฝั่งที่เดินไปมาได้มาตรฐาน และเหลือพื้นที่วางโต๊ะข้างหัวเตียงฝั่งซ้ายได้ด้วย

ส่วนของช่องแสงหลักที่ผนัง ก็กว้างพอสมควร รูปแบบกรอบเป็นอลุมิเนียมพ่นสีดำ และสามารถเปิดบานกระทุ้งออกได้ 1 ตอน / ตัวโครงการจะมีการทำรางซ่อนผ้าม่านพร้อมผ้าม่านมาให้ด้วย เอาไว้ใช้งานร่วมกับส่วน Home Automation สั่งเปิดปิดม่านจากมือถือได้เลย

ลองนอนบนเตียงให้ดูครับ ถ้าอยู่กันสองคนจริงๆ สามารถเอาทีวีอีกตัวมาแขวนผนังได้นะ เผื่อจะแยกกันดูครับ และก็ตำแหน่งแอร์ห้องนอนจะอยู่ที่ด้านบนบริเวณปลายเตียงนี่แหละ

พอออกมาจากห้องนอนแล้ว เลี้ยวซ้าย จะเป็นส่วนทางเดินเล็กๆ ไปยังมุมโต๊ะนั่งทำงานที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำ(ขวามือ) และห้องครัว(ซ้ายมือ)

มุมโต๊ะนั่งทำงาน ถึงแม้จะไม่ได้กว้างมากนัก (1.20 เมตร) แต่โครงการก็ Built-In ชุดเฟอร์แบบนี้มาให้เข้าเต็มกับพื้นที่เลย ซึ่งดูเป็นสัดส่วนทีเดียว

ด้านบนก็แบ่งเป็นตู้เก็บเอกสาร เก็บของที่มีหน้าบานติดไว้ให้ ส่วนด้านข้างก็มีช่องๆแบ่งเก็บเป็นชั้นๆ พร้อมลิ้นชักมาให้อีก 2 ส่วน

หันไปมองทางซ้ายมือเป็นส่วนของพื้นที่ครัวปิด โดยจะให้เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ซึงจะทำให้พื้นที่การเปิดกว้างกว่าปกติ และยกของกับเดินเข้าออกไปมาได้สะดวก

ในส่วนพื้นที่ครัว พื้นจะเปลี่ยนไปเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาวแทน จะช่วยในเรื่องของการทำความสะอาด ไม่ต้องกลัวน้ำ และทนรอยขีดข่วนมากกว่าลามิเนต พื้นที่ครัวปิดแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่จะทำอาหารทานเองแบบจริงจัง ไม่ต้องกลัวกลิ่นมารบกวนส่วนโถงพักอาศัย และก็มีส่วนระเบียงด้านนอกที่มาช่วยในเรื่องของช่องแสงแล้ว ยังสามารถระบายกลิ่นคอมโบกับเตาดูดควันได้ดีอีกด้วย

หน้าตาชุดตู้ด้านบนแขวนผนังของส่วนครัว ที่แบ่งเก็บของใช้งานเยอะทีเดียว

มีการทำช่องวางจานเอาไว้ให้แล้ว ตำแหน่งอยู่เหนืออ่างล้างจานพอดีเลย (เวลาแขวนน้ำหยดลงอ่าง) ด้านหลังกรุกระจกชาดำกันเวลาทำอาหารกระเด็นมาโดนก็สามารถทำความสะอาดได้ง่ายอีกทั้งสวยงาม / Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาว ทนน้ำและรอยขีดข่วนได้ดี และสุดท้าย Hob&Hood&Sink ได้เป็นของ HAFELE นะครับ

ด้านล่างเป็นชุดตู้ใต้อ่างพร้อมช่องวางไมโครเวฟ / ที่เราเห็เครื่องซักผ้าจริงๆแล้วตำแหน่งนั้นคือที่วางตู้เย็นนะครับ และเครื่องซักผ้าต้องถูกมาวางที่ระเบียงแทนนะ

ระเบียงของห้องนี้เรียกว่าเล็กมาก เหลือแค่พอออกมายืนสูอากาศเท่านั้น เพราะอย่างที่บอกจริงๆแล้วเครื่องซักผ้าต้องมาวางด้านนอกนี้นะครับ

ห้องแบบนี้จะได้แอร์ 2 ตัวนะครับ โดยเค้าจะแขวนผนังเอาไว้ให้แบบนี้เลย ใครกลัวลมร้อน ก็ไปหากริลล์บังคับทิศทางลมมาติดเพิ่มเอานะ

ออกมาจากครัว มองไปฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของห้องน้ำ ซึ่งจะเห็นส่วนธรณีกั้นเอาไว้ ช่วยในเรื่องเวลาทำความสะอาด น้ำไม่กระเซ็นออกมาด้านนอก

ในห้องน้ำจะมีส่วนของระบบอยู่ด้วย ทำให้สูงลดลงจาก 2.60 ม.เป็น 2.30 เมตรครับ / โดยการใช้งานจะมีการแยกส่วนแห้งก่อนและส่วนเปียกที่เป็นพื้นที่อาบน้ำด้านในสุด / ชุดอุปกรณ์ต่างๆทั้งหมดจะได้เป็นเซทของ COTTO นะครับ

พื้นที่อาบน้ำที่แยกส่วนเปียกเอาไว้ ได้กระจกนิรภัยฉากกั้นมาด้วย พื้นที่อาบกำลังโอเค พร้อมชุด Rain Shower ที่มากับชุดฝักบัวครับ / จากรูปขวาบน เราจะเห็นพื้นที่ส่วนเว้า บริเวณนี้จริงๆแล้วเราควรหาชั้นวางของมาติดเพิ่ม จะได้วางของใช้ที่จำเป็นในห้องน้ำที่มุมนี้หยิบใช้งานสะดวก

ห้องแบบ Studio ขนาด 24.70 ตร.ม. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จัดมาได้ลงตัว ลักษณะห้องเป็นสไตล์หน้าแคบลึกและวางฟังก์ชันของพื้นที่ครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง(ในอาคาร) เพื่อให้พื้นที่ส่วนเตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดี ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นมามากกว่าการวางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำอยู่ด้านนอก แลกมาประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำที่ลดลง เพราะครัวและห้องน้ำจะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ แต่ถ้าให้เลือกเราก็เลือกการวางแปลนแบบนี้นะ เพราะส่วนใหญ่ก็มักใช้เวลาไปกับพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนเป็นหลักอยู่แล้ว ส่วนครัวเค้าก็จัดออกมาได้เป็นสัดส่วน แม้ขนาดห้องไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ได้เป็นครัวปิดที่เหมาะกับการทำอาหารได้ดี

แตกต่างจากห้อง Studio ปกติที่ไม่ได้กั้นประตูส่วนครัวมาให้ ในส่วนพื้นที่ห้องนอนถือว่าจัดมาให้ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่ทั้งหมดในห้อง ดูกว้างขวางเดินได้รอบเตียง (5 ฟุต ตามห้องตัวอย่าง) และมีมุมเล็กๆติดหน้าต่างที่สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นหรือจะจัดเป็นมุมทำงานก็ได้เช่นกัน ที่น่าเสียดายของแปลนนี้ก็คือไม่มีพื้นที่รับประทานอาหาร แบบวางโต๊ะเก้าอี้ได้เป็นสัดส่วน เนื่องจากขนาดของพื้นที่ใช้สอยที่มีไม่มาก ซึ่งหากใครที่ต้องการพื้นที่รับประทานอาหารจริงจังอาจจะต้องมาทานบริเวณโซฟานั่งเล่นกับโต๊ะกลางนั่นเอง

เริ่มต้นจากหน้าห้อง พอเข้ามาภายในจะเจอส่วนครัวก่อน ฝั่งขวาเป็น Pantry ฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำ และตรงไปด้านในจะเป็นโซนพักผ่อน ซึ่งประกอบไปด้วย เตียงนอน มุมโซฟานั่งเล่นและระเบียง สำหรับพื้นที่ส่วนนี้จะเป็นครัวปิด ซึ่งเหมาะกับการทำงานอาหารได้ดีกว่าครัวแบบเปิดที่กลิ่นอาหารสามารถลอยไปทั่วห้องได้ ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จำกัดและห้องแบบหน้าแคบลึก ได้ครัวปิดแบบนี้ถือว่าค่อนข้างดี

ส่วนของเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งแรก ขนาดเคาน์เตอร์พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแบบ Studio เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมีชุดครัวที่เว้นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าไว้ให้ โดยพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ จะไม่ได้ให้มา

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัว รวมถึงมีตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟ พร้อมที่ตากจานด้วย / ที่ชอบคือเค้าดีไซน์ให้มีส่วนที่พักจานอยู่ชั้นบนบริเวณ Sink ล้างจานด้วย ซึ่งเป็นข้อดีมากๆ สำหรับห้องครัวที่มีพื้นที่ไม่มากนัก และมีขนาดความยาวของ Pantry ไม่มากพอที่จะวางที่พักจานด้านล่าง การออกแบบที่พักจานแบบนี้ก็ช่วยตอบโจทย์ปัญหาพื้นที่ที่จำกัดได้ดี

เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก และตรงกลางเป็นที่วางเครื่องซักผ้า โดยขนาดของเครื่องซักผ้าที่วางได้พอดีคือ 8 kg. มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 3 ช่อง โดยช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน อีกช่องเป็นเคาน์เตอร์โล่งไว้ให้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร Top เป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash ด้านหลัง(กระจกสีดำ)จะได้ให้มาแบบห้องตัวอย่างเลยนะครับสวยงาม

ฝั่งตรงข้ามชุดครัวเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ / บริเวณทางเข้ายกธรณีประตูขึ้นสูงเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน ภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทามาตรฐาน

ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบทั้งส่วนเปียก ส่วนแห้ง ในส่วนของสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้เป็นบานใหญ่กว้างเกือบเต็มผนัง ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่ง อ่างล้างหน้าและสุขภัณฑ์ของ Cotto หรือเทียบเท่า มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน มีขอบอ่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย ด้านล่างอ่างล้างมือมีช่องโล่งสำหรับวางของได้อีกเล็กน้อย

พื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเปิดปิด มีมือจับสามารถจับเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง โดยจะได้ทั้งฝักบัวและ Rain Shower

ก่อนเข้าสู่พื้นที่ด้านในจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งจะได้ประตูบานเลื่อนสูงจรดฝ้าเพดาน ช่วยให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น และข้อดีของประตูบานเลื่อน 3 ตอน คือเวลาเปิดประตูแล้ว เราจะได้พื้นที่ทางเดินที่กว้างเดินได้ง่าย / พื้นในส่วนห้องนอนจะเป็นพื้นลามิเนต ซึ่งเหมาะกับการเดินด้วยเท้าเปล่ามากกว่ากระเบื้องแกรนิตโต้

ถัดมามาดูพื้นที่ภายในโซนพักผ่อนกันบ้าง ห้องสตูดิโอที่นี่จะถูกอัพเกรดมาจากซีรีย์แรกที่รามคำแหง โดยพอมีขนาดเพิ่มมา 2-3 ตร.ม. จะได้มุมโซฟานั่งเล่น(ซ้ายมือสุดเพิ่มขึ้นมา ทำให้ฟังก์ชั่นการใช้งานตามมุมต่างๆลงตัวเป็นสัดส่วนมากขึ้นอีก

ทางซ้ายมือสุดเป็นพื้นที่สำหรับวางโซฟา แบบ 2 ที่นั่งที่มีที่วางแขนนั่งสบายๆ พร้อมโต๊ะกลางแบบ เดินไปมาได้สบายๆ

มาดูชั้นวางทีวีกันจะได้ Built-in เป็นตู้ยาวเป็นชิ้นเดียวกับโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าไปต่อเนื่องด้วยเลย วัสดุเป็นตู้ไม้ลามิเนตเช่นเดียวกับเคาน์เตอร์ครัว ลายไม้เก็บขอบด้วยสีทองตามแบบในห้องตัวอย่าง ชุดนี้เราจะได้แบบนี้ทั้งหมดเลยนะครับดีเลยไม่ต้องไปทำเพิ่มเองแล้ว(ทีวีไม่ได้นะครับ)

เหมือนกันครับ โครงการจะให้ฐานเตียงมาเลยแบบ 5 ฟุตครึ่ง ซึ่งตำแหน่งจะอยู่กลางห้องพอดี

ระยะทางเดินระหว่างปลายเตียง ถึงจะมีโครงการจะติดตั้งตู้เสื้อผ้ามาแล้วก็ตามก็ยังเดินได้ปกติ เหลือประมาณ 60 ซม. และติดกันด้านนอกจะเป็นส่วนของระเบียง แต่ว่าขนาดจะเล็กหน่อยพอตากผ้าได้ หรืออกไปยืนสูดอากาศ

เนื่องจากห้องนี้เป็นแบบ Studio เลยจะมีแอร์แค่ตัวเดียวเท่านั้น ตำแหน่งคอมแอร์ก็จะแขวนไว้ด้านบนให้ พร้อมมีระแนงเหล็กปิดเอาไว้ | ในมุมนี้เราจะเห็นส่วนของรางม่าน ที่โครงการทำมาให้เสร็จสรรพพร้อมได้ผ้าม่านมาคอมโบกับชุด Home Automation ด้วย

ถัดเข้ามายังพื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่างจะมีมุมพื้นที่ใช้สอยเล็กๆ ซึ่งห้องจริงจะไม่ได้ให้โซฟา สามารถปรับเป็นมุมนั่งเล่นเหมือนในห้องตัวอย่างหรือจะวางโต๊ะทำงานขนาดเล็กก็ได้แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลย เพราะยังไงก็ได้อานิสงค์จากช่องแสงธรรมชาติอยู่แล้ว

ให้ดูที่ปลายห้องครับ เป็นส่วนของช่องแสงธรรมชาติทั้งหมด ที่ส่องผ่านเข้ามาในห้องพักอาศัยแบบ Studio นี้

ห้องตัวอย่างอีกห้องหนึ่งเป็นแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 33.30 ตร.ม. คือเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องเอนกประสงค์ มีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นมาจากห้องแรกสุด แต่ห้องนี้จะไม่ได้ครัวปิดเหมือนแบบที่แล้วจึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ชอบทำครัวหนักๆ แต่จะได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มมาอีก 1 ห้อง ซึ่งสามารถที่จะจัดเป็นห้องนอนเล็ก, ห้องทำงานหรือห้องแต่งตัว ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยครับ

ส่วนแรกจากทางเข้าคือห้องนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร(ใช้พื้นที่เดียวกัน) ซึ่งห้องนี้จะมีความกว้างที่มากกว่าห้องแรก ทำให้บรรยากาศดูโล่งขึ้น ส่วนด้านในเป็นประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอน พื้นห้องได้ลามิเนตหนา ผนังฉาบเรียบทาสีขาวเช่นเดียวกับห้องแรก สำหรับเฟอร์นิเจอร์ได้แบบ Fully Fitted จะได้ชิ้นไหนบ้าง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆ

ลองนั่งจากโซฟา ซึ่งห้องนี้จะได้ระยะดูทีวีถึง 2.3 มเตร สามารถใส่ทีวีไซส์ 40 นิ้วกว่าได้ กำลังเหมาะเลย ชุดเฟอร์นิเจอร์ Built-In ที่เป็นงานไม้ทั้งหมดจะได้ตามนี้ เหมือนกับห้องแรก ตำแหน่งแอร์ก็จะอยู่เหนือทีวีแบบนี้ครับ (ผนังด้านหลังเป็นส่วนตกแต่งนะครับ)

ติดกันกับมุมวางโซฟา เราจะเห็นส่วนของชุดโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่ง ที่โครงการทำมาให้เลย (มีลูกเล่นคือเวลาไม่ได้ใช้งานก็สามารถพับเก็บไปชิดกับผนังได้ ทำให้เดินไม่เกะกะ) / ส่วนขวามือเป็นมุมพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นนั่นเองครับ

ยังอยู่ที่มุมโต๊ะทานอาหารนั่นเองครับ นี่เป็นไอเดียการตกแต่งให้ดูที่ดีนะ คือการใช้ส่วนของพื้นที่ใช้สอยแนวตั้งที่ผนังให้คุ้มค่าที่สุด โดยเราแค่ทำเป็นเชลฟ์ชั้นวางของแบบนี้ก็ได้ ห้องจะได้ไม่ดูทึบเกินไป แถมได้พื้นที่เก็บของในห้องเพิ่มมากขึ้นด้วย

ถัดไปเป็นส่วนของทางเข้าห้องนอน ซึ่งยังคงได้เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนแบบห้องแรกสุดนะครับ จะเปิดได้กว้างถึง 1.20 เมตรทีเดียว เวลาเราตื่นนอนก็เปิดแบบนี้เอาไว้ก็ได้ จะทำให้ห้องนั่งเล่นรู้สึกโปร่งโล่งกว้างขวางมากขึ้น

ระยะพื้นที่ในส่วนของห้องนอน จะเหมือนกับห้อง 1 Bed แรกสุดที่พาไปดูเลย

ระยะทางเดินปลายเตียงเหลือประมาณ 55 ซม. ก็ยังเอาทีวีแขวนผนังได้เช่นกัน (ผนังของจริงจะฉาบเรียบทาสีนะ อันนี้เป็น Decorate Idea)

ออกมาจากห้องนอนหันไปทางซ้ายมือนะครับ มองตรงไปจะเป็นส่วนชุดครัว / ขวามือเป็นห้องน้ำ / ซ้ายมือสุดเป็นห้องอเนกประสงค์

พื้นที่ครัวซึ่งลักษณะจะเป็นครัวเปิดและจะได้เคาน์เตอร์ครัวตามแบบในห้องตัวอย่างนี้เลย มีขนาดเล็กกว่าทุกห้องที่พาไปดูเลย กว้างจากผนังชนผนังแค่ 1.20 เมตรเท่านั้น แต่ Spec วัสดุทั้งหมดได้เหมือนกัน  อย่างที่บอกไปตอนในแปลนคนเลือกห้องแบบนี้คงไม่ได้ใช้ทำอาหารหนักมากในบ้านเท่าไร เอาไว้ใช้สำหรับอุ่นอาหารเล็กน้อยครับ

เข้ามาด้านในส่วนห้อง Plus หรืออเนกประสงค์แล้ว ซึ่งเค้าก็ยังไม่ได้จัดลงเฟอร์สมบูรณ์นะครับ เพราะผมเข้าไปแบบสดๆร้อนกันเลย แต่ด้วยระยะสเปซจากที่ผมวัดดูแล้ว ห้องนี้สามารถทำเป็นห้องนอนที่ 2 ได้แน่นอน แต่ต้องใช้เตียง 3 ฟุตนะครับ หรือไม่ก็ทำเป็นห้องทำงานแยกแบบจริงจังไปเลย ข้อดีอีกอย่างคือมีระเบียงในตัวพร้อช่องแสงขนาดใหญ่

ระเบียงขนาดพอประมาณที่ออกมายืนสูดอากาศ หรือจัดเป็นสวนกระถางได้

ห้องแบบนี้จะได้แอร์มาถึง 3 ตัว โดยโครงการก็จะแขวนเอาไว้ให้แบบนี้เลย แต่ลมร้อนหันข้าง ซึ่งก็ไปหากริลล์บังคับทิศทางลมร้อนมาติดเอานะ ถ้าใครชอบออกมายืนเล่นที่ระเบียง

ออกมาด้านนอก มองไปฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของห้องน้ำครับ

โดยในห้องน้ำ หน้าตาจะเหมือนกับห้องแรกสุด 1 Bed เป๊ะๆเลย ทุกวัสดุ และฟังก์ชั่นการใช้งาน ไม่อธิบายซ้ำนะครับผม 😀

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 15 March 2018

  • Studio : 24.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
  • 1 Bedroom : 28.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.13 ล้านบาท
  • 1 Bedroom plus : 33 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.58 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms : 54 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.6 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ AVG 110,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Fitted (ได้ชุดเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินทั้งหมดที่เห็นในห้องตัวอย่าง)
  • Studio แอร์ 1 ตัว / 1 Bed แอร์ 2 ตัว / 1BedPlus, 2 Bed แอร์ 3 ตัว
  • ทำซ่อนรางผ้าม่านไว้ให้ พร้อมได้ผ้าม่าน 2 ชั้น
  • ระบบ Home Automation เปิดปิดไฟ, แอร์, ผ้าม่าน
  • Digital Door Lock
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • Kitchen & Sink ท๊อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood by HAFELE
  • 1 Bed : จอง 20,000 / ทำสัญญา 40,000
  • 2 Bed : จอง 20,000 / ทำสัญญา 60,000
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด (สอบถามเซลล์หน้างาน)
  • ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลและสภาพแวดล้อม – ตั้งอยู่ตรงติดปากซอยแบริ่ง 4 และหน้าโครงการติดกับถนนแบร่ิง(สุขุมวิท107) ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ในซอยแบริ่งช่วงต้นซอยมีของขายหลายอย่างโดยเฉพาะช่วงเย็นค่อนข้างคึกคัก ระยะเดินจากโครงการไปแถวๆปากซอยก็ประมาณ 200 . ซึ่งของกินส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งเดียวกับโครงการแค่เดินย้อนไปทางต้นซอยแบริ่ง ส่วนร้านสะดวกซื้อมี 7-11 จะเดินออกมาปากซอยแบริ่ง และฝั่งตรงข้ามซอยแบริ่ง 1 มีหมู่บ้าน Fantasia Villa ซึ่งตรงหน้าหมู่บ้านมีร้านสปา ร้านยา ร้านขนม ส่วนห้างใหญ่ๆอยู่แถวนี้ต้องพึ่งรถอย่างเดียวเลย มีอิมพีเรียลสำโรงจากโครงการประมาณ 1.7 กม. หรือไม่ก็ออกไปใช้ห้างใหญ่ๆที่ถนนบางนาตราดอย่าง เซ็นทรัลบางนา, Big C บางนา หรือ Mega บางนา

การเดินทางด้วยรถ – ถนนแบร่ิง(สุขุมวิท107) ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ การเดินทางค่อนข้างสะดวกเนื่องจากอยู่ติดกับถนนแบริ่ง ถ้าจะเดินทางเข้าเมืองก็ใช้เส้นสุขุมวิท วิ่งตรงอย่างเดียวมีทางด่วนให้ขึ้นแถวสี่แยกบางนา ส่วนถ้าจะไปฝั่งศรีนครินทร์ออกจากโครงการเลี้ยวขวาวิ่งไปจนสุดถนนแบริ่งก็จะเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์แล้วครับ และสามารถไปเชื่อมออกถนนบางนาตราด ออกชลบุรีได้ หรือจะไปฝั่งสมุทรปราการใช้ได้ทั้งเส้นสุขุมวิทและศรีนครินทร์ครับ / สำหรับทางด่วนบริเวณใกล้ๆโครงการมีทางด่วนบางนาอยู่บริเวณ แยกบางนา และทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก อยู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ซึ่งระยะก็ไม่ได้ไกลมากทั้งคู่ / แอบเสียดายนิดๆน่าจะให้ส่วนจอดรถมามากกว่านี้หน่อยไหนๆก็ทำระบบ Automatic Parking แล้ว

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ในซอยมีรถสองแถววิ่งตั้งแต่ต้นซอยแบริ่งถึงท้ายซอย วินมอเตอร์ไซค์ก็วิ่งผ่านหน้าโครงการตลอด และ Taxi ก็เรียกด้านหน้าโครงการได้สะดวกครับ ส่วนการเดินทางโดย BTS จากโครงการถึงทางขึ้นสถานีแบริ่งประมาณ 430 . (ตอนนี้สถานีปลายทางเป็นสำโรงแล้วนะครับ ที่สำโรงนี้แผนอนาคตข้างหน้าเป็น Interchange กับสายสีเหลืองด้วย) ส่วนสายสีเขียวจะเปิดส่วนต่อขยายจนถึงสถานีเคหะสมุทรปราการซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ ถ้าเปิดใช้บริการเต็มรูปแบบคงเพิ่มความสะดวกให้คนแถวนี้ได้ครับ

การออกแบบ – หน้าตาอาคารเป็นสไตล์ Modern Contemporary ที่เน้นความทันสมัยหน่อย โดยตัวอาคารสีขาวเป็นหลักตัดกับสีเทา และมีจุดเด่นเวลามองมาที่โครงการไกลๆก็คือส่วนของ Sky Facilities ค่อนข้างโดดเด่นพอสมควร ด้วยโครงการเป็นขนาดกลางที่ถือว่ายูนิตไม่เยอะ ทำให้ไม่วุ่นวายมากนัก สำหรับห้องพักอาศัยที่นี่จะมีตั้งแต่ Studio ไปจนถึงห้อง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24 – 54 ตร.. คละๆแบบกันไป(แต่ 2 ห้องนอนมีแค่ชั้นละห้องเท่านั้น)

ห้อง Studio แปลนภายในจัดมาได้ลงตัวดี(อัพเกรดมาจากตัวรามคำแหง) เป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่มาก แต่สามารถจัดฟังก์ชันให้ได้ครัวปิด เพื่อสามารถทำอาหารได้จริง ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus จะเหมาะกับคนที่ต้องการห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาอีกห้องนึง มากกว่าอยากได้ 2 ห้องนอนนะคะ ถ้ามองหา 2 ห้องนอนเลือกห้องแบบ 2 Bedroom เลยจะเหมาะกว่า

วัสดุ – ให้มาแบบ Fully Fitted ในเสป็คที่มาตรฐาน สูง 2.60 เมตร ได้ชุด Furniture Built-in ที่เป็นงานไม้ทั้งหมดบานเปิดปิดผิวลามิเนต, ฐานเตียง, ทำรางม่าน, ผ้านม่าน, แอร์ทุกห้อง, ฟิตติ้ง Soft Close ส่วนชุดครัวใช้ท็อปเป็นหินสังเคราะห์ มี Sink และ Hob & Hood มาพร้อม พื้นห้องใช้ลามิเนต พื้นระเบียง ห้องน้ำใช้กระเบื้องเซรามิกมาตรฐาน ส่วนสุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก Cotto โดยรวมแล้วก็สมกับราคาที่จ่ายครับ

สาธารณูปโภค – เป็นจุดเด่นที่สุดของโครงการนี้เลยก็ว่าได้ ที่ยูนิตรวม 305 ยูนิต อต่จัดมาให้เยอะมากถ้าเทียบกับอัตราส่วน โดยมีที่ชั้น 1, 26-28 และ RoofGarden อีกทั้งยังดูน่าใช้งานไปหมด และมีความหลากหลาย ไว้ชั้นบนๆรับวิวสวยๆ ก็คุ้มกับค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร..อยู่นะ เอาใจคนอยากได้ส่วนกลางสวยๆจบในโครงการเลยก็ว่าได้

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป มีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVG  110,000 บาท/ตร.ม., 15 March 2018

  • ทำเล 7.75/10 – อยู่ติดถนนแบริ่ง ช่วงต้นซอยใกล้ฝั่งสุขุมวิท มีความอุดมสมบูรณ์ระดับนึง
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – มีทางเลือกในการเดินทางหลายเส้นทาง ทั้งถนนหลักและถนนซอยลัดเลาะ มีทางด่วนให้ใช้ไม่ไกล ที่จอดรถให้น้อยไปหน่อยไหนๆก็ทำเป็น Automatic Parking แล้ว
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – BTS 430 เมตร, ติดซอยแบริ่ง ในซอยมีสองแถวและ Taxi ผ่านทั้งวัน, ห่างจากวินมอเตอร์ไซค์ 100 ม.
  • วัสดุ 8/10 – ให้มาคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย เฟอร์ Built-In, แอร์, ม่าน, Digital Door Lock, Home Automation
  • แบบ 7.75/10 – มีแบบให้เลือกหลากหลาย แต่ละ Type จะมีความแตกต่างในการใช้งานค่อนข้างชัดเจนว่าแต่ละคนเหมาะแบบไหน
  • สาธารณูปโภค 8.75/10 – เทียบกับจำนวน 305 ยูนิต, ดันไฮไลท์ไว้ท๊อปด้านบน 4 ชั้น รับวิวสวยๆ น่าใช้สุดในละแวกใกล้เคียง
  • UPPER CLASS
  • 7.88 / 10.00

BOTTOM LINE

Knightsbridge Collage สุขุมวิท 107 เหมาะสำหรับคนที่ทำงานอยู่ย่าน(แบริ่ง ลาซาล สำโรง สมุทรปราการ) โดยอิงแนวรถไฟฟ้า BTS และเป็นคนชอบใช้พื้นที่ส่วนกลางสวยๆชมวิวเมืองชั้นสูงๆ ดูทันสมัยและมีความหลากหลายน่าใช้จบในโครงการ มีงบประมาณระดับ 2.4 – 6 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อน 16,800 – 42,000 บาท/เดือน