นายพงศธร จอม สาลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟินน์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงที่มาของการจัดตั้งบริษัท ฟินน์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ว่า จากการศึกษาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าความต้องการในที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยังมีอยู่มาก และ ด้วยความสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงทำให้เกิดการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และได้จัดตั้งบริษัท ฟินน์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ 2558 ที่ผ่านมา

“ในช่วงที่ผ่านมา เราได้มีการลงทุนในโครงอสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจประเภทโรงแรม โดยโครงการที่ถือว่าเป็นการลงทุนโครงการแรก คือ โครงการ หาดเทียน บีช รีสอร์ท บนพื้นที่กว่า 117 ไร่ เป็นไพรเวส วิลล่า จำนวน 70 หลัง บนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี และยังได้มีการพัฒนาโรงแรมเพิ่มอีกหนึ่งแห่งในทำเลเดียวกัน ภายใต้แบรนด์ เดอะ บีชคลับ บายหาดเทียน จำนวน 74 ห้อง”นายพงศธร กล่าว


สำหรับในปี 2560 นี้ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่ม 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท เป็นโครงการประเภททาวน์โฮม ในทำเลสุขุมวิท ซอย 31 บนพื้นที่กว่า 300 ตารางวา เป็นพรีเมี่ยมลักชัวร์รี่ คาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในไตรมาส 3-4 นี้ และ โครงการคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ ทำเลพระราม 9 คาดจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้บริษัทมีแผนในการดำเนินธุรกิจโดยพัฒนาโครงการที่สามารถทำรายได้สม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของธุรกิจโรงแรม มีแผนพัฒนาในส่วนของเฟสที่ 3 เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แล้ว คือ โครงการ ฟินน์ อารีย์ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 79 ยูนิต มูลค่า 350 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายได้แล้วกว่า 95% ล่าสุดเปิดตัวโครงการ”ฟินน์ สุขุมวิท 31″เป็นโครงการคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร จำนวน 63 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 25-26 มีนาคม นี้ ในราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท โดยตั้งเป้ามียอดขายภายในงานที่ประมาณ 50% และคาดการณ์ว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้

ด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในทำเลสุขุมวิท โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวร์รี่ในทำเลกลางเมืองมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการควรมีการสำรวจความต้องการของผู้บริโภคเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยมองว่าลูกค้าในกลุ่มระดับบนยังมีความต้องการและมีกำลังซื้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ในทำเลใจกลางเมืองมีประมาณ 3,000 ยูนิต ซึ่งเป็นโครงการลักชัวร์รี่ประมาณ 18%