รีวิวฉบับที่ 1634 … EYSE Sukhumvit 43 คอนโดตัวใหม่ล่าสุดจาก SINGHA ESTATE ที่นับว่าเป็น Private Luxury Residence ใจกลางเมืองย่านพร้อมพงษ์ ซอยสุขุมวิท 43 นับว่าเป็นซอยตันที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยไม่วุ่นวาย เพราะไม่มีคนลัดเลาะมาเป็นทางลัดเหมือนซอย 39, 49 แต่ว่ายังอยู่ในพื้นที่กลางเมือง อีกทั้งโครงการนี้มีการออกแบบเรื่องความเป็นส่วนตัวในการใช้งานส่วนกลาง ยูนิตไม่เยอะ และการออกแบบที่เก็บซ่อนคอมแอร์ฯแบบพิเศษ ไปดูกันครับ

Fact @ 17 July 2018

  • EYSE Sukhumvit 43 (อีส สุขุมวิท 43)
  • Developer : Singha Estate
  • ULTIMATE CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : วัฒนา
  • คอนโด Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร รวม 107 ยูนิต
  • อาคารจอดรถลงใต้ดินทั้งหมด 3 ชั้น
  • ที่จอดรถ 100% (ไม่รวมซ้อนคัน) (ฟิคที่จอดรถในโฉนด)
  • ที่ดินประมาณ 1-3-69.4 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ช่วงไตรมาส 4/2561 Q4/2562 Update 23/04/63
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรมาส 4/2563 Q2/2565 Update 23/04/63
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 10 ยูนิตที่อาคาร A | และ 7 ยูนิตที่อาคาร B
  • 1 Bedroom ขนาด 52.25 – 54.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 13.99 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms ขนาด 62.50 – 94.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 17.13 ล้านบาท
  • Duplex 2 Bed ขนาด 99.50 – 99.75 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 13.99 ล้านบาท / หรือคิดเป็นต่อตร.ม.ละ 259,xxx บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 270,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • สนใจลงทะเบียนเพื่อรับรายละเอียดจากโครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1221

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.730553, 100.573413

โครงการ EYSE Sukhumvit 43 ตั้งอยู่ในทำเลสุขุมวิทตอนกลาง ในซอยสุขุมวิท 43 ห่างจาก BTS สถานีพร้อมพงษ์และห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ เพียง 550 เมตร จุดเด่นของซอยสุขุมวิท 43 ก็คือเป็นซอยตันครับ ทำให้บรรยากาศได้ความเงียบสงบแตกต่างกับซอย 39 และ 49 ที่เชื่อมลัดเลาะถึงกันไปออกได้หลากหลาย อีกทั้งภายในซอยนี้ยังมีจำนวนเพื่อนบ้านไม่หนาแน่นวุ่นวาย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินพร้อมบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ให้เห็น จึงเรียกได้ว่าเป็นซอยที่อยู่อาศัยเงียบสงบแต่อยู่ใจกลางเมืองอย่างพร้อมพงษ์-ทองหล่อก็ว่าได้

ความพิเศษของซอยสุขุมวิท 43 นอกจากจะเป็นที่สงบไม่วุ่นวายเหมาะกับการอยู่อาศัยแล้ว ยังสามารถเลี้ยวขวาได้เลยด้วยไปทางพร้อมพงษ์ หรือไม่ถ้าเรามาจากสุขุมวิท(ทองหล่อ) ก็สามารถเลี้ยวขวาเข้าซอย 43 ได้เลยด้วยเช่นกัน ถือว่าเป็นตำแหน่งซอยที่ดีในการเข้าออกใช้งาน

เนื่องจากโครงการอิงใกล้ไปทางฝั่งพร้อมพงษ์ ซึ่งทำเลนี้มีห้างหัวใจหลักอย่าง The EM District ซึ่งประกอบด้วยห้าง ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และในอนาคตจะมี ดิ เอ็มสเฟียร์ ตามมา จัดเป็นการรวมตัวกันของ 3 โครงการศูนย์การค้าระดับเวิร์ลคลาสใจกลางสุขุมวิท จากเดอะมอลล์ กรุ๊ป จึงทำให้เป็นย่านนี้มีความหลากหลายในด้านไลฟ์สไตล์ เป็นทั้งย่านการค้า แหล่งธุรกิจ มีโรงแรม โรงพยาบาลชั้นนำ ออฟฟิศสำนักงานต่างๆ โรงเรียนนานาชาติ และที่พักอาศัยอยู่รวมกัน

นอกจากนี้ยังมีวิลล่า มาร์เก็ต และสวนเบญจสิริ ที่จัดเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของคนในย่านนี้มาใช้ออกกำลังกายและพักผ่อนกันเป็นประจำ เรียกได้ว่ามีครบในทุกๆด้านในการจะส่งเสริมการอยู่อาศัยในเมือง และด้วยความที่เป็นย่านกลางเมืองที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริเวณย่านพร้อมพงษ์นี้จะอุดมไปด้วยชาวต่างชาติมากมายโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นในเรื่องของทำเลหากพิจารณาจากการเดินทางกว้างๆแล้ว ถือว่าเป็นทำเลใจกลางเมือง เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆได้สะดวกและแน่นอนว่าใกล้รถไฟฟ้า มีรถโดยสารสาธารณะบริการ และทำเลแถวนี้มีข้อดีตรงที่มีทางลัดที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนใหญ่หลายเส้นทาง

โครงการ EYSE Sukhumvit 43 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 43 ตามชื่อโครงการเลยนะครับ และจะห่างจาก BTS สถานีพร้อมพงษ์ ประมาณ 550 เมตร ตัวโครงการจะมี Shuttle Car เป็น Service ให้แก่ลูกบ้านที่จะใช้บริการรถไฟฟ้าด้วยนะครับ ซึ่งวันนี้ผมก็จะลองเดินเก็บภาพบรรยากาศสภาพแวดล้อมมาให้ดูระหว่างเดินกัน

โดยเราเริ่มที่ BTS พร้อมพงษ์ ประตูทางออกที่ 3 เดินย้อนไปทางทองหล่อ ริมฟุตบาทช่วงแรกๆใกล้กับรถไฟฟ้าจะมีความสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินค่อนข้างสูง

หลังจากนั้นจะเจอกับซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งเป็นซอยใหญ่ที่เข้าไปเชื่อมกับลูปของถนนสวัสดี ซึ่งในลูปด้านในนี้จะลัดเลาะออกได้ทั้งอโศก เพชรบุรี ทองหล่อ ส่วนเราตรงไปครับ

ริมทางเดินฟุตบาทแถวนี้ค่อนข้างกว้างสะอาดเรียบร้อยครับ เนื่องจากอยู่ในกรุงเทพชั้นในที่เป็นหน้าเป็นตามีชาวต่างชาติเยอะหน่อย ฝั่งตรงข้ามจะเป็นซอยสุขุมวิท 26  ที่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยค่อนข้างเยอะเช่นกันอีกทั้งสามารถลัดเลาะไปออกถนนพระราม 4 ได้

หลังจากนั้นเราเดินมาจะเห็นส่วนของ METROPOLIS ทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานเกรด A ในย่านนี้ที่อยู่ติดสุขุมวิทเลย ออกแบบได้สวยงามดูเด่นสะดุดตาเลย

หลังจากจะเจอกับซอยสุขุมวิท 41 ซึ่งเป็นซอยตันเหมือนกับซอย 43 เป็นแหล่ง Residential Area เหมือนกัน

ติดกับปากซอยสุขุมวิท 41 จะเป็นศูนยก์การค้าขนาดเล็กอย่าง Miracle Mall ที่มี Tops Market อยู่ในตัวด้วย นับว่าเป็นซูเปอร์มาร์เกตที่อยู่ใกล้กับโครงการสุดแล้วก็ว่าได้ ห่างจากโครงการไปอีกประมาณ 300 เมตรครับ

หลังจากเลย Miracle Mall  มาก็จะเจอกับ โตโยต้า เค.มอเตอร์ส สำนักงานใหญ่ ที่หัวมุมปากซอยสุขุมวิท 43 ครับ ให้เราเลี้ยวซ้ายตรงนี้เข้าซอยสุขุมวิท 43 ได้เลย

เข้ามาซอยสุขุมวิท 43 แล้ว ช่วงต้นซอยก็จะเห็นผู้คนอยู่อาศัยอยู่ระดับนึง ซึ่งก็ดูไม่วุ่นวายมาก แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยวจนเกินไป

อย่างที่กล่าวไปตอนแรกว่าซอยสุขุมวิท 43 เป็นซอยตัน ที่เป็น Residential Area เราจะเห็นส่วนของอพาร์ทเมนท์ คอนโดมิเนียม และที่เห็นเยอะหน่อยคือบ้านเดี่ยวที่มีขนาดที่ดินใหญ่พอสมควร เรียกว่าดูสงบมาก อีกทั้งเราจะเห็นเจ้ารถกะป๊อสีแดงที่สักประมาณ 10 นาทีจะวิ่งเข้ามารับคนในซอยนี้สักคันนึงด้วยครับ / เอาไว้ใช้เผื่อเรารอ Shuttle Car ในโครงการนาน เป็นส่วนเสริมไปครับ

หลังจากที่เดินเข้ามาจากปากซอยประมาณ 250 เมตร แล้วก็ถึงแปลที่ตั้งโครงการ EYSE Sukhumvit 43 แล้วครับทางขวามือ ซึ่งตอนนี้ก็ล้อมรั้วขนาดใหญ่เอาไว้ให้เห็นแล้วล่ะ

ฝั่งตรงข้ามกับโครงการพอดี เป็นคอนโด Low Rise รุ่นพี่ที่มาบุกเบิกก่อนหน้าหลายปีก่อนอย่าง The Bangkok จาก LH ครับ ข้อดีคือมีเพื่อนบ้านหน่อยไม่เปลี่ยวเกินไป รปภ.ทั้งสองโครงการอยู่ใกล้กันเลยช่วยกันเป็นหูเป็นตาหน่อย

โดยรอบๆโครงการที่ขนาบกับเราเป็นบ้านเดี่ยวพักอาศัย ที่มีพื้นที่ดินค่อนข้างใหญ่มีต้นไม้ใหญ่ออกมาถึงถนนซอยด้านหน้า มีบ้างส่วนที่อยู่ติดกับพระตำหนักเลอดิสด้วย แต่ผมไม่แน่ใจเรื่องขอบเขตเป๊ะๆนะครับ

และสุดท้ายของโลเคชั่น ผมเดินเลยโครงการไปท้ายซอยอีกนิดหน่อยประมาณ 100 เมตร จะยิ่งเห็นได้ชัดว่า ภายในซอยสุขุมวิท 43 นี่มีบ้านหลังใหญ่มาก(อีกไม่กี่หลัง) พร้อมปลูกต้นไม้ขนานกับกำแพงรั้วบ้านเหล่านี้จนเขียวขจีแบบที่เห็นแหละครับ เรียกว่าคนทั่วไปสัญจรไปมาก้ได้ความรู้สึกร่มรื่นไปด้วยเลย

แต่ใครที่สนใจชมรายละเอียดโครงการ ไม่ต้องตกใจว่าไปไซท์ที่ดินไม่เจออะไรนะครับ ซึ่ง Sale Gallery Office เค้ามาตั้งอยู่ที่เดียวกันกับโครงการ The Esse สุขุมวิท 36 ที่ติดกับ BTS ทองหล่อเลย แต่แยกโซน Gallery ในส่วนของโครงการใหม่อย่าง EYSE เอาไว้ มีให้ดูทั้งโมเดล ชิ้นส่วนของวัสดุตกแต่งในโครงการ หน้าจอแสดงรายละเอียดขนาดใหญ่ และสุดท้ายคือมีห้องตัวอย่าง 1 ห้อง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • BTS PHROM PONG STATION ~ 550 m.
  • EMQUARTIER ~ 720 m.
  • EMPORIUM ~ 675 m.
  • BENCHASIRI PARK ~ 845 m.
  • TOPS SUPERMARKET SUKHUMVIT 41 ~ 330 m.
  • RAIN HILL ~ 420 m.
  • BANGKOK PREP INTERNATIONAL SCHOOL ~ 675 m.
  • SAMITIVEJ HOSPITAL ~ 1.6 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา SINGHA ESTATE จัดเป็นหนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ THE ESSE (ดิ เอสรวมทั้งสิ้น 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 15,000 ล้านบาท ได้แก่

  • โครงการ THE ESSE Asoke เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2015 ปัจจุบันมียอดขายกว่า 80% ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนภายในปี 2018 ซึ่งจะถือว่าเป็นโครงการแรกของ SINGHA ESTATE ที่จะสร้างเสร็จ
  • โครงการ THE ESSE at SINGHA COMPLEX เปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 โครงการสามารถ Sold out และปิดการขายได้ภายใน 6 เดือน
  • โครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 ซึ่งเป็นโครงการที่เรียกได้ว่าเป็น New High ของโครงการติดรถไฟฟ้า ปัจจุบันมียอดขายกว่า 60%

ในคราวนี้ SINGHA ได้ที่ดินอย่างในซอยสุขุมวิท 43 มาซึ่งมีขนาดเล็กหน่อย แต่ทำเลนี้เป็นซอยมีความเงียบสงบสูงมาก อีกทั้งอยู่ใจกลางตัวเมือง เลยเหมาะกับการทำ Residence แบบยูนิตไม่เยอะ และออกมาเป็นแบรนด์ใหม่อย่าง EYSE นั่นเอง

โดยรูปแบบโครงการจะเป็น คอนโดมิเนียม Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวนยูนิตพักอาศัย 107 ยูนิต บนพื้นที่ 1-3-69 ไร่ ซึ่งพอแยกเป็นสองอาคารแล้ว ทำให้ยูนิตต่ออาคารยิ่งนับว่าน้อยมาก อย่างตึก A แค่ 10 Unit/Floor และตึก B แค่ 7  Unit/Floor เท่านั้นครับ ด้วยการที่ต้องการให้เป็น LUXURY ที่มียูนิตน้อย ตัวอาคารเลยสูงแค่ 7 ชั้นเท่านั้นซึ่งทำให้ความสูงจากพื้นถึงฝ้าแต่ละชั้นได้สูงพิเศษถึง 3 เมตร

โครงการนี้ยังมีรูปแบบห้องพักอาศัยพิเศษอย่าง Duplex เพียง 7 Unit เท่านั้น และแน่นอนระดับนี้ให้ที่จอดรถ 100% ลงไปใต้ดินได้อีก 3 ชั้น เป็นช่องจอดแบบ Fix มีโฉนด อีกทั้งมีการออกแบบรูปด้านอาคารให้เป็นเสมือน Box ยื่นออกมาบางห้อง และที่ห้องริมมุมมีมุมมองที่เฉียง ทำให้ให้ดูมี Dimension ไม่เรียบแบนจนเกินไป

นอกจากมีการดีไซน์รูปด้านของอาคารแล้ว ในส่วนของ Facade ยังคำนึงถึงเรื่องของการมองเห็นและการเก็บงานในส่วน CDU Air ที่ยกเอาไปไว้ชั้นบนห้องพักอีกชั้นนึงและไป Interlock ในส่วนฟังก์ชั่น Day Bed Window ที่ห้องนั้นอย่างพอดี

ทั้งนี้ก็มีเรื่องของความสาวยงามเวลามองจากด้านนอกอาคาร อีกทั้งเราจะสามารถติดบานกระจกที่ระเบียงเป็นแบบ full height เพื่อให้ช่องแสงส่องผ่านในห้องนั่งเล่นได้เต็มที่ และใช้งานพื้นที่ของระเบียงในห้องเราได้เต็มที่ด้วยเช่นเดียวกันครับ (มีการตกแต่งพื้นที่ระเบียงด้วยระแนงไม้แบบในภาพตัวอย่างให้พร้อมเลยด้วย มองจากด้านนอกเป็นส่วนนึงของ Facade ในการแต่งหน้าตาอาคารครับ)

โดยคอนเซ็ปต์ของโครงการคือ “THE HIDDEN TREASURE” เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้เวลาอยู่ในโลกส่วนตัวของตน ประกอบไปด้วย 

1.Downtown Hidden Location : โครงการมีความสงบเป็นส่วนตัว  แต่อยู่ใน Prime location ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตตาม Lifestyle ของตัวเองได้อย่างสะดวกสบาย เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัว ทั้งในแง่ของผู้อยู่อาศัย ไปจนถึงสถานที่ต่างๆ

2.Courtyard or backyard concept ,disconnect to the world outside : โครงการมีความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนห้องที่น้อย และมีการดีไซน์ที่เน้นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ การออกแบบที่คำนึงถึงทิศทางลม และแดด และพื้นที่สีเขียวที่ออกแบบให้ใกล้ชิดกับผู้อยู่อาศัย

3.Layout options and Real usage function provided : ใส่ใจทุกความต้องการที่แอบซ่อนของผู้อยู่อาศัย เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวได้ดีมากที่สุด ทั้งในแง่ของฟังก์ชั่นการใช้งานและดีไซน์

4.Multi-functional Facilities : พื้นที่ส่วนกลางอารมณ์บ้าน ที่ซ่อนฟังก์ชั่นการใช้งานให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย และเพิ่มโอกาสการพบปะกันระหว่างผู้อยู่อาศัย

พอเราเข้ามาด้านในโครงการ พ้นจากพื้นที่ Drop Off จะเจอกับพื้นที่สวนกลางสีเขียวเป็นสวนหย่อมสนามหญ้าล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ ทางฝั่งขวามือจะเป็นโซนอาคารพักอาศัยและซ้ายมือเป็นส่วนของอาคารพื้นที่ส่วนกลาง | อ้อ.. ผมลืมบอกไปโครงการจัดเป็นระดับหรูทั้งทีแล้ว ต้องเลือกสถาปนิกชื่อดังมาช่วยออกแบบซะหน่อย อย่าง

  • Architecture, Exterior : HB DESIGN
  • Interior : Steven Leach
  • Landscape : Shma

มุมมองนี้คือถ้าเรายืนจากในอาคารพักอาศัย (อาคาร A) มองตรงออกไปจะเห็นพื้นที่ Waterfall Terrace ซึ่งเป็นน้ำตกแต่งไล่รีะดับลงมาเรื่อยๆ และใครมานั่งเล่นพักผ่อนก็จะได้ยินเสียงน้ำจากตรงนี้

ส่วนของทางเดินไปใช้งานพื้นที่ส่วนกลางตั้งชื่อเก๋ๆว่า Forest Bridge เป็นทางเดินที่อยู่ระหว่างธารน้ำไหลตกแต่งขนาบเอาไว้ เป็นทางเดินที่ช่วยเบรคอารมณ์ให้ผ่อนคลายก่อนเข้าไปใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง

หันไปทางขวานิดหน่อย เราจะเห็น Sukken Terrace ที่เดินเล่นระดับขึ้นมานิดหน่อย เอาไว้มานั่งเล่นพักผ่อนได้ ความพิเศษอีกอย่างที่เห็นสะดุดตามากๆคือเจ้า กำแพงด้านหลัง Vertical Green Wall ที่สูงถึง 10 เมตร (ยังไปยันสระว่ายน้ำชั้นบนเลยครับ) ทำให้เวลาเรามาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางตรงนี้จะได้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวต่อการมองเห็นจากรอบข้าง

ถัดเข้ามาด้านในอาคารส่วนกลาง(อาคารนี้จะอยู่เหนือทางลงไปชั้นใต้ดินที่จอดรถนะ) พื้นที่ตรงนี้เป็นส่วนของ Garden Lounge จัดเป็นพื้นที่แบบ Semi Outdoor สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนเหมือนกัน แต่ใครไม่ชอบโดนแดดตรงๆ พื้นที่นี้จะเหมาะกว่าตัว Sukken Terrace ด้านนอกครับ

ขึ้นมาที่ชั้นบนของอาคารนี้จะเป็นส่วนของห้อง Fitness ออกกำลังกาย ซึ่งถ้าดูจากรูปและแปลนแล้วก็คงวางเครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 7-8 ชิ้น ก็เพียงพอกับจำนวนยูนิตลูกบ้านครับ จะเป็นห้องเพดานสูงโปร่ง ผนังด้านในกรุกระจกเงาเอาไว้ และผนังด้านนอกเป็นกระใจใสเต็มบานให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาได้

ขึ้นมาที่ชั้นบนอาคาร Facility ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำครับ โดยขนาดของสระอยู่ที่ 13 x 4.5 เมตร แตกมีการแยกสระเด็กเอาไว้ข้างๆ รวมไปถึงมีสระจากกุชชี่อีกจุก(ใต้ต้นไม้) เราจะเห็นว่าถึงแม้เวลามาว่ายน้ำแล้วเจ้า Vertical Green Wall ที่สูงถึง 10 เมตร ก็ยังช่วยบังสายตาจากภายนอกได้นะ / ที่นี่ยังมีห้องสตีมและห้องออนเซ็นแบบส่วนตัวแยกชายหญิงด้วยนะครับ

โดยรอบๆตัวอาคารโครงการที่ขนานกับแนวรั้วกำแพง จะจัดเป็นสวนเล่นระดับพุ่มไม้เตี้ย ระดับกลาง และต้นไม่สูง ขนานไปกับแนวรั้วกำแพงคอนกรีต 3 เมตร ทำให้ดูไม่อึดอัด เห็นสีเขียวของต้นไม้

กลับมาที่ส่วนด้านหน้าตรง Drop Off กันอีกครั้ง ถ้าเราหันไปมองทางขวาจะเป็นส่วนของประตูทางเข้า Lobby เป็นประตูขนาดใหญ่สูงจรดเพดาน และสามารถเปิดออกรับลมแบบในรูปภาพตัวอย่างได้ในวันที่อากาศดีๆ Floor to ceiling 5.50 เมตร เรียกว่าเป็นหน้าตาแรกก่อนทางเข้าบ้านที่ดูโอโถ่พอสมควร

ด้านในอาคาร A ตรงกลางที่อยู่ติดกับช่องแสงมองออกไปสวนด้านนอกคือ พื้นที่ส่วนกลางอย่าง The Living Room ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องรับรอง นั่งเล่นขนาดใหญ่ของลูกบ้านครับ

และถัดมาส่วนสุดท้ายด้านในมีการแยกห้องประชุม Meeting Room เอาไว้ให้ด้วย

 

ชั้น Ground ผมแปะชื่อในส่วนของ Facility ต่างๆ เราจะพอเห็นตำแหน่งกันแล้วว่ามีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ทั้งด้านในอาคาร A และด้านนอกแบบ outdoor รวมไปถึงด้านในอาคารที่เป็นส่วนทางเข้าที่จอดรถลงใต้ดินไปได้ 3 ชั้น ซึ่งจะมีบันไดทางขึ้นไปสู่ชั้น 2-3 ที่อาคารนี้ได้ด้วยเป็นส่วนกลางทั้งหมด / โดยตัวอาคาร A กับ B จะมีการแยกพื้นที่อาคารกันชัดเจนนะครับ แต่ละอาคารมีลิฟต์โดยสารมาให้อาคารละ 2 ตัว แต่ลิฟต์ตัวที่ชื่อว่า L5 นั้นเป็นลิฟต์ที่มาจากที่จอดรถ Basemengt 1-3 จะมาโผล่ที่ตรงนี้ โดยที่ชั้นแรกนี้จะมีห้องพักอาศัยที่เน้นเป็นห้องขนาดใหญ่ อีกทั้งมีห้องยูนิตพิเศษอย่าง Duplex 7 ยูนิต เท่านั้น

ขึ้นมาที่ชั้น 2 แยกไปดูที่อาคารเล็กทางซ้ายบนกันก่อนเป็นส่วนพื้นที่ส่วนกลางของห้องน้ำแยกชายหญิงภายในประกอบด้วยห้องสตีมและก็ห้องออนเซ็นแบบ Private ภายนอกมองเข้ามาไม่เห็น / ส่วนของอาคารพักอาศัยในอาคาร A ชั้นนี้มีห้องนิติอยู่ด้วยโดยขึ้นมาจากที่ล็อบบี้ชั้นล่าง และมีห้องพัก 9 Unit/Floor และอาคาร B มีห้องพักอาศัย 7 Unit/Floor โดยจะมีห้องบางส่วนเป็น Single Corridor (โถงทางเดินเดี่ยว)

ขึ้นมาที่ชั้น 3 ที่อาคารเล็กทางซ้ายบนเป็นส่วนชั้นบนสุดแล้วโดยจะเป็นส่วนกลางอย่าง Fitness, Swimming Pool ที่แยกสระเด็กและสระจากุชชี่ /  ชั้นนี้จะมีความพิเศษที่ว่ามีทางออกจากบริเวณโถงลิฟต์ไปด้านนอกเพื่อไปรับลมชมวิว ชมบรรยากาศ มีพื้นที่รองรับเล็กๆ และเชื่อมระหว่างทั้งสองอาคารด้วย

 

Image 1/4
4th Floor

4th Floor

ส่วนของห้องพักอาศัย จริงๆแล้วตั้งแต่ที่ชั้น 3-7 รูปแบบห้องพักจะเป็น Typical Plan(ห้องพักอาศัยเต็มจำนวน) โดยที่อาคาร A จะมีห้องพัก 10 Unit/Floor และอาคาร B มีห้องพักอาศัย 7 Unit/Floor ห้องโทนสีน้ำตาลและเทาจะเป็นส่วนของ 1 Bedroom ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และห้องโทนสีเขียวทั้งหลายจะเป็นส่วนของ 2 Bedroom นั่นเอง

ในส่วนของ Rooftop โครงการ ไม่ได้จัดพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ให้ แต่ที่เอาแปลนมาให้ดูเพราะว่า โครงการนี้มีการใช้ Solar Cell มาวางไว้ที่ตรงนี้ครับ และพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้นี้ก็จะมาเป็นส่วนของไฟฟ้าที่เอามาใช้ในตัวพื้นที่ส่วนกลางตามจุดต่างๆ โดยทางโครงการเคลมว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนกลางได้ไม่น้อยราว 2-3 หมื่นบาท/เดือน (แต่ตรงนี้ต้องรอดูของจริงตอนสร้างเสร็จว่าจริงๆแล้วจะประหยัดได้เท่าไรกี่บาท)

Image 1/3
Basement 1

Basement 1

ในส่วนของที่จอดรถโครงการนี้จะถูกเอาลงไว้ที่ใต้ดิน Basement ทั้งหมด โดยลงไปได้ถึง 3 ชั้นครับ โครงการนี้ที่จอดรถเป็นแบบ Fixed Slot โดยจะออกระบุเป็นโฉนดพร้อมในห้องไปเลยครับ เรียกว่าได้ที่จอดรถ 100% อีกทั้ง ข้างๆจอดรถแต่ละจุด จะมี Private Storage ของใครของมันส่วนตัวด้วยนะ / แต่ถ้าครอบครัวไหนต้องการที่จอดรถมากกว่า 1 คัน ทางนิติฯอาจจะจัดสรรเรื่องพื้นที่จอดเพิ่มให้(โดยอาจจะใช้เป็นการจอดซ้อนคัน)

หลังจากที่ดูแปลนทั้งหมดไปแล้ว ผมมีภาพแสดงบริบทรอบๆโครงการมาให้ดูกันสักหน่อย โดยผมแปะ Master Plan ลงบน Google Maps ไว้แล้ว จะเห็นว่าโดยส่วนใหญ่รอบๆโครงการนั้นเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยแนวราบเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งมีต้นไม้ใหญ่ๆอยู่ในพื้นที่บ้านเต็มไปหมด ถ้านับอาคารที่สูงพอๆกับโครงการ EYSE ก็จะมี The Bangkok ที่ข้ามถนนซอยด้านหน้าไป และของด้านหลังเป็นพื้นที่ของพระตำหนักเลอดิส มีตัวอาคารสูง 6 ชั้นอยู่ครับ

ภาพจากโดรนที่ความสูง 21 เมตร หรือประมาณ ชั้นที่ 7 | ฝั่งทิศตะวันตก | ซอยสุขุมวิท 43 ด้านหน้าโครงการ

ภาพจากโดรนที่ความสูง 21 เมตร หรือประมาณ ชั้นที่ 7 | ฝั่งเหนือ | ชุมชนบ้านพักอาศัย 2-4 ชั้น

ภาพจากโดรนที่ความสูง 21 เมตร หรือประมาณ ชั้นที่ 7 | ฝั่งทิศตะวันออก | บ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น อยู่ในส่วนพระตำหนักเลอดิส มีตัวอาคารสูง 6 ชั้นทางซ้าย

ภาพจากโดรนที่ความสูง 21 เมตร หรือประมาณ ชั้นที่ 7 | ฝั่งทิศใต้ |บ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น อยู่ในส่วนพระตำหนักเลอดิส มองไกลๆไปทางถนนสุขุมวิท

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก (AMENITIES & SERVICES)

  • Lobby
  • Storage Room
  • Mailbox
  • The Living Room
  • The Meeting Room

  • Garden Lounge
  • Steam room and Private Onsen
  • Swimming pool 13 x 4.5 M.
  • with kids pool, pool deck and jacuzzi
  • Fitness

  • Lawn Terrace
  • Waterfall Terrace
  • Sunken Terrace

  • 24-hour security by guard service
  • WIFI Internet at public area
  • Home-Like Concierge Services
  • Shuttle Car to BTS
  • Passenger Lift 2/building
  • 1 Service Lift Basement to First Floor
  • Car Park Slot 100% (Fixed in deed)


Product Walkthrough

โดยรูปแบบการขายของโครงการคือ Fully Fitted แต่ว่าได้ชุดเฟอร์นิเจอร์ Built-In มาหลายจุดอยู่เหมือนกันทั้งตู้เก็บรองเท้า เก็บของ หน้าบานตู้เย็น และตู้เสื้อผ้า, ได้ชุดครัว Poliform, ของใช้ในครัวมีทั้ง Franke และ kuppersbusch, Floor to ceiling 3 M,พื้นเป็นกระเบื้องพอร์ชเลนและ Compound Wood, ชุดโซฟา Bed ในห้องนอนที่เป็นส่วนของ Interlock ซ่อนคอมแอร์ ห้องน้ำของ Kohler & Grohe และภายในห้องติดวอลเปเปอร์ที่เป็นลายพิเศษแบบทักไปเส้นตารางดูมีดีเทลมากกว่าวอลทั่วไป

โดยวัสดุภายในห้องพักอาศัย โครงการจะมี Option ให้เลือก 2 แบบนะครับ เราสามารถเลือกเป็นโทนสีสว่างอย่าง (Light) หรือโทนที่ดูเข้มขรุมขึ้นหน่อยอย่าง (Neutral) ก็ได้ จะมีตัววัสดุตัวอย่างแขวนโชว์ให้ดู

ที่นี่ทำห้องตัวอย่างมาแบบเดียวนะครับ คือ 2 Bed 2 Bath ขนาด 88 ตร.ม. โดยเข้ามาในห้องจะเป็น Common Area เชื่อมพื้นที่ถึงกันระหว่างพื้นที่ครัว โต๊ะรับประทานอาหารเชื่อมกับ Island จริงๆต้องนี้ก็พอสามารถทำกั้นเป็นโซนครัวปิดได้นะ ถัดไปเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางพอกับสมาชิก อีกทั้งด้านนอกเป็นพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่สูงโปร่งถึง 3 เมตร

ส่วนที่ผมชอบอีกอย่างของห้องคือการแบ่งโซนห้องนอนเป็นสัดส่วนทุกทางเข้าออกและการใช้งาน ดูง่าย ใช้แต่ละฟังก์ชันสะดวก ห้องนอนทั้งสองได้ช่องแสงเต็มที่ ห้องนอนเล็กอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำที่อยู่ตรงข้ามด้านนอก ส่วนของห้องนอนใหญ่มีฟังก์ชัน Walk in Closet และห้องน้ำในตัว รวมถึงมีอ่างอาบน้ำด้วย อีกทั้งห้อง Type นี้ยังมีห้องเก็บของแยกสำหรับของชิ้นใหญ่ได้ด้วยครับ

เริ่มกันที่ประตูทางเข้าห้องเป็นไม้ปิดผิวลามิเนต แต่สูงพิเศษ full height 2.70 เมตรครับ โดยตัวประตูจะมีลูกเล่น สำหรับเปิดได้สองส่วน ถ้าเป็นกรณีปกติเราก็ใช้แต่บานขวา แต่ถ้าจะต้องยกของชิ้นใหญ่เข้าออกก็สามารถเปิดอีกบานได้ ทำให้ได้ความกว้างในการเปิดถึง 1.30 เมตรทีเดียว

ตัวโครงการให้ Digital Door Lock ของ YALE เป็นมาตรฐาน โดยมีระบบสามแบบได้แก่ Keycard / Password / Finger Scan

พอพ้นประตู ภาพรวมแรกที่เห็นเป็น Common Area ที่รวมฟังก์ชันพื้นที่เชื่อมต่อกันระหว่าง ครัว รับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่น ด้านนอกได้ช่องแสงขนาดใหญ่จากส่วนระเบียง โดยพื้นที่ส่วนครัวได้ Floor To Ceiling 2.70 M. ขยับออกไปโซนรับแขกนั่งเล่นจะขยายสูงถึง 3 เมตร

มองย้อนกลับไปที่ประตูที่เข้าห้องมา เราจะเห็นทางฝั่งขวาเป็นพื้นที่ครัว และฝั่งซ้ายเป็นชุดตู้ Built-In Custom ที่โครงการทำมาให้เบ็ดเสร็จเข้ามุมพอดี

ส่วนที่ผมชอบและคอยบอกอยู่เสมอนะครับ การที่โครงการออกแบบให้มีตู้เก็บรองเท้าอยู่ติดกับทางเข้าประตูแบบนี้ เป็นอะไรที่ดีต่อผู้พักอาศัยแน่นอน โดยเจ้าตู้นี้มีเว้นช่องแบบว่างของที่ใช้ประจำบ่อยๆก่อนออกจากบ้านพร้อมที่แขวนกุญแจ อีกทั้งหน้าบานเป็นกระจกเงาให้เราเช็คสภาพหน้าผมการแต่งตัวก่อนออกจากบ้านอีกครั้งได้อีก

ผมลองเปิดหน้าบานตู้ทั้งสองตรงมุมนี้ ทางฝั่งขวาเป็นตู้เก็บรองเท้าและยังเก็บของอื่นๆได้ ส่วนตู้ซ้ายเป็นสำหรับ Laundry ที่มีหน้าบานปิดเป็นสัดส่วนพร้อมชั้นวางของ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

มองไปทางฝั่งครัว เราจะเห็นชุดตู้หน้าบานที่ยาวต่อเนื่องสีขาวแบบนี้ โดยชุดนี้จะเป็นชุดครัวนำเข้าของ Poliform แบรนด์ชุดครัวชื่อดังจาก อิตาลี

ซึ่งส่วนทางซ้ายสุดที่ติดกับประตูทางเข้าห้อง เป็นการ Built หน้าบานตูเย็นให้ดูเข้ากับหน้าบานชุดตู้ครัว พอเราเปิดออกมาจะเจอตู้เย็นไซส์ใหญ่แบบจุใจแบบนี้ ตัวช่องฟรีสจะอยู่ด้านล่าง โดยจะได้เป็นของ Kuppersbusch

ถัดมาเป็นส่วนของด้านบนเป็นชุดตู้แขวนผนัง พอเปิดหน้าบานออกทั้งหมด จะเป็นว่ามีการแบ่งชั้นวางของที่เป็นสัดส่วน และเก็บของได้ค่อนข้างเยอะมากๆโดยตัวท๊อปครัวจะได้เป็นหินอ่อนแผ่นใหญ่ที่เป็นแบบเดียวต่อเนื่องไปกับ Back Splash ด้านหลัง

ตัวอ่างล้างจานจะได้เป็น Double Sink ของ Franke แบบฝัง

พื้นที่เตรียมอาหารถือว่าค่อนข้างกว้างเยอะพอสมควร มีป้าย Tie In ชุดครัวนี้ของ Poliform แบรนด์จาก Italy

หน้าตาอุปกรณ์ Hob &Hood / Microwave & Oven ทั้งหมดได้เป็นของ Kuppersbusch และด้านล่างเป็นชุดตู้เก็บของทั้งหมด โดยมีหน้าบานแบบเดียวกันทั้งชุด

ตัวห้องมีการใส่ระบบ Home Automation เป็นแอพพลิเคชั่นที่สั่งงานระบบต่างๆภายในทั้งการเปิดปิด ไฟ แอร์ ผ้าม่านได้ทั้งสามส่วนจากมือถือ หรือ Tablet

ระหว่างพื้นที่ทางเดินทำครัว ข้ามไปอีกฝั่งจะเป็นส่วนของ Island ที่ต่อเนื่องไปกับโต๊ะรับประทานอาหาร

ซึ่งตัว  Island จะเป็นท๊อปวัสดุหินอ่อนมีเกล็ดลวยลายแบบเดียวกับ Pantry และด้านล่างมีชุดตู้เก็บของอีกชุด

ตัว Island มีความยาวต่อเนื่องกับส่วนของโต๊ะรับประทานอาหารที่อยู่ในโซนของครัวนี่แหละ พอทำอาหารเสร็จพร้อมเสิร์ฟและทานตรงนี้ได้เลย โดยเป็นโต๊ะแบบ 4 ที่นั่งที่เดินไปมารอบพื้นที่ได้สบาย

จากมุมนี้ตั้งใจถ่ายให้เห็นส่วนของพื้นโดยบริเวณครัวจะได้เป็นพื้นพอร์ชเลน ลานหินสีธรรมชาติสว่างๆ ซึ่งทำความสะอาดง่ายและไม่ดูดซึมน้ำ ส่วนการเข้าสู่โซนโถงรับแขก หรือทางเดินไปยังห้องนอนรวมถึงในห้องนอนวัสดุพื้นจะเป็น Compound Solid Flooring จาก Champaca ที่ใช้ไม้จริงอัดประสานสามชั้นตั้งแต่ผิวหน้าไปจนถึงชั้น Backing Layer ด้านหลัง ทำให้มีความแข็งแรง ทนทานมากกว่าไม้ Engineer ทั่วๆไป (ที่ใช้โครงเป็นไม้อัดยางพารา) ชั้นผิวหน้าถูกเคลือบด้วย Hardwax oil สามารถดูแลรักษา ทำความสะอาดได้โดยไม่ต้องขัดออก และมีการจัดวางเรียงเป็นลายแบบ Chevron ทำให้พื้นที่ดูมีความน่าสนใจมากขึ้น

ที่ด้านบนส่วนนี้เงยขึ้นไปให้เห็นส่วนของงานระบบแอร์ทั้งหมด รวมไปถึงในห้องนอนจะเป็นแอร์แบบฝังฝ้าเพดาน ที่เป็น Seamless ดูสวยงามและเรียบร้อย

ถัดไปเป็นส่วนของ Living Area ที่ทำหน้าที่เป็นห้องโถงรับแขก หรือนั่งเล่นพักผ่อนครับ

โดยฝั่งขวามือจะเป็นโซนพื้นที่สำหรับวางทีวี เฟอร์นิเจอร์ที่เห็นเป็นส่วนไอเดียการตกแต่งนะครับ ใครอยากได้พื้นที่ใช้สอยแนวตั้งคุ้มๆก็ Built-In ตามความชอบและความสวยงาม และที่เห็นผนังด้านหลังทีวี โครงการเค้าติดวอลเปเปอร์ให้ทั้งห้องเลย

ส่วนของพื้นที่สำหรับวางโซฟา เรียกว่าให้มาวางไซส์ใหญ่ๆหรือรูปทรงตัว L แบบนี้ก็ได้ รองรับจำนวนสมาชิดหรือแขกมานั่งได้ราวๆ 3-4 คน

ในส่วนระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกขนาดใหญ่ที่สูงจรดฝ้าเพดาน 3 เมตร เป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งสีของวงกบอลูมิเนียมเป็นแบบสีออกน้ำตาลทองสว่างๆ มีความหนาและดูแข็งแรงมาก ทำหน้าที่เป็นตัวส่งผ่านแสงธรรมชาติเข้ามาสู่ด้านในห้อง

ผมลองเลื่อนบานทั้งสองเปิดออกให้กว้างที่สุด ทำให้ได้พื้นที่เชื่อมต่อกับระเบียง ได้กว้างขวาง

โดยพื้นที่ของระเบียงได้มาแบบกว้างพิเศษครับ ทำรางน้ำเซาะร่องพื้นไว้ให้แล้ว โดยกว้างถึง 1.25 เมตร และยาวกว่า 3 เมตรเลย สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor ได้ หรือเป็นสวนหย่อมกระถางได้

ความพิเศษอีกอย่างคือโครงการจะมีการตกแต่งผนังเป็นระแนงไม้ Artificial Wood หน้าตาเช่นนี้เลย เพราะจะเป็นส่วนนึงของหน้าตาอาคารเวลาดูจากภายนอก และเรายังไม่เห็นคอมแอร์จากที่ระเบียงตรงนี้ด้วย เพราะการออกแบบ Interlock กับพื้นที่ห้องชั้นบนนั่นเอง

ในส่วนของพื้นที่กันตกเป็นกระจกนิรภัยลามิเนตแบบนี้ พร้อมขอบสแตนเลสและมีการเว้น Gap ช่องให้ลม Flow ได้อีกทั้งกระจกจะได้ไม่รับแรงปะทะกับลมมากเกินไปด้วย

กลับเข้ามาในตัวห้องอีกครัง ผมมายืนบริเวณโต๊ะรับประทานอาหาร มองเข้าส่วนโถงทางเดินเส้นตรง ผมทำอักษรบอกตำแหน่งของห้องต่างๆเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจไว้แล้ว เดี๋ยวเราจะเริ่มจากไปดูห้องนอนเล็กทางซ้ายมือกันก่อนครับ

พื้น Compound Wood ก็ต่อเนื่องไปยังทุกส่วนของห้องนอนแบบนี้

ห้องนอนเล็ก.. ที่ไม่เล็กเลยแหะ โดยในห้องตัวอย่างจัดวางเตียงแบบ Queen Size ไว้กลางห้องระยะทางเดินต่างๆรอบเตียงทำได้สะดวก แต่วางชั้นวางทีวีที่ปลายเตียงไม่ได้นะครับ ต้องแขวนผนังเอา

ทางขวามือของหัวเตียงเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่หน้าตู้เสื้อผ้า

ชุดตู้เสื้อผ้านี้โครงการให้มานะครับ โดยยังเป็นของ Poliform เจ้าเดิมกับชุดครัวที่เราเห็นไปตอนแรก ด้านบนเป็นส่วนของแอร์ฝังฝ้าที่เก็บงานมาเนียนๆ

ที่หัวเตียงฝั่งซ้ายวางโต๊ะข้างหัวเตียงได้ และโครงการมีการทำเจ้าชุด Day Bed Built-In มาให้แบบนี้เลยที่อยู่ติดกับหน้าต่างช่องแสง

ที่ฝั่งปลายเตียง Day Bed ตรงนี้เป็นผิดไม้ลามิเนต สามรถเป็นชั้นวางของได้

โดยโครงการแฝงชุดปลั๊กไฟ พร้อมช่องเสียบ USB มาให้ด้วย ซ่อนเก็บงานเอาไว้แบบนี้เผื่อมานั่งนอนเล่น Notebook มือถือ Tablet ก็ชาร์จได้เลย

ซึ่งขอกลับมาที่ภาพนี้อีกครั้งที่เคยบอกไปตอนต้นแล้ว เผื่อลืมกันครับ เจ้า Condensing Air ที่เรามองไม่เห็นจากระเบียงเลย มันถูกเอาไปซ่อนไว้ใต้เจ้า Day Bed Built-In ของห้องข้างบนโดยใช้เทคนิค Interlock แบบในภาพประกอบ ซึ่งจะทำให้เราได้ใช้ระเบียงเต็มที่และไม่เสียพื้นที่จัดเก็บให้เสียพื้นที่เปล่าประโยชน์จนมากเกินไป และช่วยเรื่องของรูปเ้านภายนนอก เวลามองมาที่ตัวอาคารดูสวยงามเรียบร้อยครับ

ช่องแสงในห้องนอนพอเหนือเจ้าตำแหน่งเจ้า Bay Window ตรงนี้ก็ได้ช่องแสงแบบเต็มผนังทั้งหมดที่เหลือเลย มีบานกระทุ้งเปิดออกได้ตอนนึงรับลมในวันอากาศดีๆ มุมนี้น่ามานอนอ่านหนังสือมาก

พอจะออกจากห้องนอนเล็ก มองไปยังฝั่งตรงข้ามจะเห็นส่วนประตู 2 จุด

ซึ่งห้องนี้จะมีห้องเก็บของ เอาไว้สำหรับเก็บของชิ้นใหญ่ได้อารมณ์เหมือนกับบ้านเลย อาทิเช่น จักรยาน ถุงกอล์ฟ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ

แต่ด้านบนโครงการไม่ได้ให้เชลฟ์ลอยตัวแบบนี้มา ซึ่งไปหาติดเอาเองได้ง่ายๆครับแบบนี้

พวกสวิทช์ไฟต่างๆ รวมไปถึงปลั๊กไฟ ในห้องจะได้เป็นชุดของ Schneider ทั้งหมดหน้าตาดูดีหน่อย อีกทั้งการเปิดปิดจะค่อยๆ Dim แสงไม่ได้เปิดแบบปุ๊ปปั๊ปทันที

ติดกันด้านข้างเป็นส่วนของห้องน้ำ โดยจะต้องเดินเข้าไปตามทางเดินสักนิดนึงก่อน แล้วไปกว้างออกด้านใน

ชุดอุปรณ์ต่างๆภายในห้องน้ำที่เป็นเซรามิคอย่างอ่าง และสุขภัณฑ์จะใช้ของ Kohler แต่ว่าพวกก๊อกทั้งหลายเป็นของ Grohe / สุขภัณฑ์เป็นแบบ wall hung toilet ที่ฝังผนังไปเลย

ที่ผนังด้านหลังตำแหน่งเหนือสุขภัณฑ์มีการเซาะร่องพื้นที่พร้อมซ่อนไฟ เอาไว้ให้สำหรับวางของใช้จำเป็นในห้องน้ำ ดูเรียบร้อยสวยงามด้วย

พื้นที่ส่วนเปียกกั้นด้วยกระจกฉากกั้นนิรภัยเต็มพื้นที่แบบนี้ โดยพื้นที่อาบน้ำจะลดสเต็ปลงนิดหน่อย พื้นที่อาบน้ำค่อนข้างได้มาตรฐานอยู่ 0.80 x 1.50 เมตร และมีการทำเดรนแบบซ่อนใต้พื้นมาให้ด้วย

เฉพาะในส่วนของห้องพื้นที่อาบน้ำเท่านั้นที่จะเปลี่ยนจากกรุกระเบื้องพอร์ชเลน กลายมาเป็นหินอ่อนสีขาว Arabescato / นอกจากนั้นชุดฝักบัวยังไม่ธรรมดาได้เป็นของ GROHE Thermostat( ซึ่งสามารถตั้งอุณหภูมิไว้ได้ด้วยครับ และสามารถเป็นตัวตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อน้ำมีอุณหภูมิสูงตามระดับที่ตั้งไว้ ) ด้านบนมีชุด Rain Shower ขนาดใหญ่แบบฝังไปที่ฝ้าเพดานเลย

ออกมาจากห้องน้ำและก็เลี้ยวขวาจะเป็นส่วนห้องสุดท้ายอย่าง Master Bedroom โดยถ้ามองตรงไปเลยจะเป็นส่วนของมุมโต๊ะเครื่องแป้งหน้าที่อยู่หน้าห้องน้ำในตัวห้องนอนใหญ่ทางขวามือ

เข้ามาดูใน Master Bathroom ซึ่งจะเห็นว่ามีขนาดใหญ่กว้างกว่าห้องด้านนอกพอสมควรเลย อีกทั้งได้ Arabescato Marble ที่ผนังตรงกลางทั้งหมด

ทางขวามือด้านบนทั้งหมดติดกระจกเงาขนาดใหญ่ กว้างจากผนังถึงผนังเลยแหะ มีการซ่อน Lighting ไว้ด้านในด้วย

ทางขวามือสุดของกระจกเงาเป็นชุดตู้เก็บของใช้ / ตำแหน่งเหนืออ่างอาบน้ำที่หนุนคอ ก็ทำผนังเซาะร่องไว้ให้วางของอีกจุดนึง

ตัวอ่างล้างมือเป็นแบบ His & Her แยกคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง เอ๊ะ…ทางขวามือมีพื้นที่มากกว่า สงสัยคุณผู้หญิงจะจอง 😀

ในห้องนี้จะจัดเอาอ่างอาบน้ำ ของ Kohler มาให้ด้วยอยู่ท่ามกลาง หินอ่อนสีขาว Arabescato

ชุดฝักบัวต่างๆเป็นของ Grohe เหมือนกัน

ทางฝั่งซ้ายมือเราจะเห็นพื้นที่วางสุขภัณฑ์ โดยในห้องนี้เราจะได้เป็นตัวอัพเกรดขึ้นมาอีกนิดนึง โดยมีปุ่มสั่งการแบบอัตโนมัติที่ชาวญี่ปุ่นชอบใช้กัน ส่วนทางขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปีกย

วัสดุและขนาดในส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำนั้นเหมือนกันกับห้องน้ำด้านนอกเป๊ะเลย ไม่อธิบายซ้ำละกันครับ

ออกมาจากห้องน้ำมองตรงไป ตรงนี้เป็นฟังก์ชันพื้นที่ Walk in Closet สำหนังแต่งตัว ตำแหน่งดีนะ อาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวได้เลย

หน้าตาชุดตู้เสื้อผ้าของ Poliform เหมือนกันสองฝั่งก็แยก คุณผู้ชายฝั่ง ผู้หญิงฝั่งไปเลยครับ

โดยพื้นที่ Walk in Closet นั้นจะมีเจ้าประตูกระจกใสบานเลื่อนสามารถกั้นโซนเวลานอนได้ด้วย แอร์จะได้ไม่ออกมา

ด้านในห้องนอนดูแล้วก็พอๆกับห้องนอนเล็ก แต่ห้องตัวอย่างเค้าวางเตียง King Size ไว้น่ะสิ จริงๆแล้วพื้นที่กว้างกว่าเล็กน้อยนะครับ แต่ฟังก์ชันรอบๆเตียงจะเหมือนกัน

ไอเดียการตกแต่งหัวเตียง โดยใช้กระเบื้องลายหินอ่อนแผ่นใหญ่ ซึ่งเดี๋ยวนี้หาซื้อได้ไม่ยากแล้วครับ Cotto Grande Collection มีให้เลือกหลายหลายมาก

สุดท้ายในตำแหน่งของ Bay Window ก็ทำให้เหมือนกับห้องนอนเล็กก่อนหน้าและได้หน้าต่างช่องแสงเต็มกว้างและสูงทั้งผนังครับ

อย่างในห้องที่ผมพึ่งจบการพาไปดูเนี่ย โครงการเค้ามี Option ทางเลือกให้ด้วยนะครับ สำหรับคนที่ต้องการห้องอเนกประสงค์แยกสัดส่วนการใช้งานเพิ่มขึ้น เค้าสามารถปรับเปลี่ยนพาร์ทิชั่น โดยลดสเปซห้องนอนเล็กกับห้องน้ำลงนิดหน่อย และจะได้ห้อง Plus สำหรับทำงานหรือเป็นห้องเก็บของแบบจุใจไปเลยก็ได้ ใครที่สนใจออฟชั่นนี้ก็แจ้งโครงการได้เลย

ห้องอีกอย่างที่มาวิเคราะห์ให้ดูคือห้อง 1 Bedroom ขนาด 54 ตร.ม.เป็นหนึ่งห้องนอนที่จัดทุกมุมแยกฟังก์ชันการใช้งานเป็นสัดส่วนชัดเจนมาก เดิมได้เป็นครัวเปิดนะ(แต่ก็สามารถกั้นโซนเป็นครัวปิดได้ไม่ยาก) ในห้องนี้ยังได้ระเบียงไซส์ใหญ่ใช้งานจุใจได้เต็มพื้นที่และสูง 3 เมตรเช่นกัน ในห้องนอนแยกพื้นที่ Walk in Closet เป็นห้องนึงเลย อีกทั้งห้องน้ำเป็น Double Access เข้าออกได้สองฝั่งถ้ามีแขกมาก็ไม่ต้องมาเดินมาในตัวห้องนอนเลยก็ได้ ได้ความเป็นส่วนตัวและห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำในตัว

ส่วนสุดท้ายนี่เป็น Option ที่น่าสนใจคือ โครงการมีตัวเลือกให้ Combine เชื่อมต่อระหว่าง 2 ห้องให้ ทั้ง 1-2 Bedroom ด้วยครับ โดยจากรูปตัวอย่างประกอบเป็นการรวมร่างของ 1 Bedroom 54 ตร.ม. ที่พอรวมร่างแล้วจะกลายเป็น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำที่แยกสัดส่วนการใช้งานชัดเจน ดูง่าย และกลายเป็นแปลนห้องหน้ากว้างไปด้วยเลย

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

Image 1/21
S43-1A-1_no dim

S43-1A-1_no dim

เนื่องจากโครงการนี้ มี Room Layout ที่ค่อนข้างหลากหลายเพราะด้วยรูปด้านของอาคาร เลยไม่ได้วิเคราะห์แปลนห้องทั้งหมดนะครับ แต่จะแปะเอาไว้ให้ดู Layout แบบไหนบ้างครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 17 July 2018

  • 1 Bedroom ขนาด 54 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 13.99 ล้านบาท (คิดเป็น 259,074 บาท/ตร.ม.)
  • 2 Bedrooms ขนาด 62.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 17.13 ล้านบาท (คิดเป็น 274,080 บาท/ตร.ม.)
  • 2 Bedrooms ขนาด 88 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 23.78 ล้านบาท (คิดเป็น 270,227 บาท/ตร.ม.)
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 270,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Fitted พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-In ตู้เก็บของ, ตู้เสื้อผ้า, Bay Window, แอร์แบบฝังฝ้าทุกห้อง
  • ฝ้าเพดานสูง 3.0 เมตร / ส่วนงานระบบลดเหลือ 2.70 เมตร
  • Kitchen : Poliform Italy
  • Sink : Franke
  • Bathroom : Kohler, Grohe
  • Hob & Hood,Oven & Microwave, Refrigerator : Kuppersbusch
  • Shuttle Bus ไปกลับ BTS
  • 1 Bedroom จอง 1 แสนบาท / 2 Bedroom จอง 2 แสนบาท
  • ทำสัญญา คิดเป็นประมาณ 3% ของยอดทั้งหมด
  • ดาวน์กี่ % และผ่อนดาวน์กี่งวด (สอบถามเพิ่มเติมที่เซลล์โครงการ)
  • ค่ากองทุน 1,000 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลางพื้นที่ห้องพักและระเบียง 100 บาท/ตร.ม./เดือน
  • ค่าส่วนกลางพื้นที่จอดรถ(ที่ Fixed โฉนด 12.5 ตร.ม.) คิด 10 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล EYSE Sukhumvit 43 ตั้งอยู่ในทำเลสุขุมวิทตอนกลาง ในซอยสุขุมวิท 43 ห่างจาก BTS สถานีพร้อมพงษ์และห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ เพียง 550 เมตร จุดเด่นของซอยสุขุมวิท 43 ก็คือเป็นซอยตันครับ ทำให้บรรยากาศได้ความเงียบสงบแตกต่างกับซอย 39 และ 49 ที่เชื่อมลัดเลาะถึงกันไปออกได้หลากหลาย อีกทั้งภายในซอยนี้ยังมีจำนวนเพื่อนบ้านไม่หนาแน่นวุ่นวาย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินพร้อมบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ให้เห็น จึงเรียกได้ว่าเป็นซอยที่อยู่อาศัยเงียบสงบแต่อยู่ใจกลางเมืองอย่างพร้อมพงษ์ทองหล่อก็ว่าได้

ความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากโครงการอิงใกล้ไปทางฝั่งพร้อมพงษ์ ซึ่งทำเลนี้มีห้างหัวใจหลักอย่าง The EM District ซึ่งประกอบด้วยห้าง ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และในอนาคตจะมี ดิ เอ็มสเฟียร์ ตามมา จัดเป็นการรวมตัวกันของ 3 โครงการศูนย์การค้าระดับเวิร์ลคลาสใจกลางสุขุมวิท จากเดอะมอลล์ กรุ๊ป จึงทำให้เป็นย่านนี้มีความหลากหลายในด้านไลฟ์สไตล์ เป็นทั้งย่านการค้า แหล่งธุรกิจ มีโรงแรม โรงพยาบาลชั้นนำ ออฟฟิศสำนักงานต่างๆ โรงเรียนนานาชาติ และที่พักอาศัยอยู่รวมกัน

นอกจากนี้ยังมีวิลล่า มาร์เก็ต และสวนเบญจสิริ ที่จัดเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของคนในย่านนี้มาใช้ออกกำลังกายและพักผ่อนกันเป็นประจำ เรียกได้ว่ามีครบในทุกๆด้านในการจะส่งเสริมการอยู่อาศัยในเมือง และด้วยความที่เป็นย่านกลางเมืองที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริเวณย่านพร้อมพงษ์นี้จะอุดมไปด้วยชาวต่างชาติมากมายโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น

การเดินทางด้วยรถ ความพิเศษของซอยสุขุมวิท 43 นอกจากจะเป็นที่สงบไม่วุ่นวายเหมาะกับการอยู่อาศัยแล้ว ยังสามารถเลี้ยวขวาได้เลยด้วยไปทางพร้อมพงษ์ หรือไม่ถ้าเรามาจากสุขุมวิท(ทองหล่อ) ก็สามารถเลี้ยวขวาเข้าซอย 43 ได้เลยด้วยเช่นกัน ถือว่าเป็นตำแหน่งซอยที่ดีในการเข้าออกใช้งาน ส่วนอื่นๆแล้วผมว่าเป็นทำเลที่เดินทางด้วยรถสะดวกอยู่แล้ว ติดที่ตรงสุขุมวิทการจราจรจะหนาแน่นเป็นพิเศษหน่อย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ในซอย 43 จะเป็นซอยตันที่เงียบสงบแต่ว่าก็ยังมีรถกระป๊อที่พาคนเข้าออกในซอยได้ แต่ใช้เวลารอนานหน่อย ซึ่งส่วนนี้ทางโครงการก็มีบริการ Shuttle Car เป็น Service ให้แก่ลูกบ้านที่จะใช้บริการไปรถไฟฟ้าด้วยนะครับ ถือว่าช่วยได้เยอะเลย

วัสดุ ถ้าดูจากราคาต่อตร.. 250k+ แล้วโดยมาตรฐานก็ให้ของมาสมกับราคานะครับได้ชุดเฟอร์นิเจอร์ Built-In มาหลายจุดอยู่เหมือนกันทั้งตู้เก็บรองเท้า เก็บของ หน้าบานตู้เย็น และตู้เสื้อผ้า, ได้ชุดครัว PoliForm, ของใช้ในครัวมีทั้ง Franke และ kuppersbusch, Floor to ceiling 3 M,พื้นเป็นกระเบื้องพอร์ชเลนและ Compound Wood, ชุดโซฟา Bed ในห้องนอนที่เป็นส่วนของ Interlock ซ่อนคอมแอร์ ห้องน้ำของ Kohler & Grohe 

การออกแบบ โดยส่วน Exterior ต้องบอกว่าคิดมาเยอะดีครับ มีคอนเซปท์ชัด ทั้งรูปด้านอาคาร หน้าตา Facade ที่ดูมีมิติ Dimension และตกแต่งให้ยันระเบียงในห้องพัก อีกทั้งยังมีการคิดเรื่องพื้นที่เก็บคอมแอร์ไป Interlock กับ DayBed Window ที่ห้องชั้นบนด้วย ได้ความสวยงามของอาคารและยังไม่เสียพื้นที่ใช้สอยอีกด้วย จำนวนยูนิตต่ออาคารที่น้อยมากและได้ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร / ส่วนของห้องพักอาศัยหลักๆเป็น 1-2 Bedroom ที่ฟังก์ชันเดิมผมว่าลงตัวในการใช้งานดีแล้วนะ เป็นสัดส่วนทุกๆแบบเลย ที่ผมชอบคือโครงการมีพวกออฟชั่นเสริมอย่างให้ปรับเปลี่ยนเพิ่มห้องอเนกประสงค์ได้ และก็ออฟชั่นให้สามารถ Combine ห้องได้ทำให้เกิดพวก 3-4 Bedroom ขึ้นมาได้ด้วย

สาธารณูปโภค เรียกว่าจัดเต็มมาเลย ด้วยพื้นที่ดินโครงการที่จริงๆแล้วสามารถพัฒนาเป็นห้องพักได้รวม 20,000 ตร.. แต่ใช้ไปทำห้องแค่ 15,000 ตร.. โดยไปเทน้ำหนักให้กับพื้นที่ส่วนกลางให้แก่ลูกบ้านในส่วนอื่นๆ มีการจัด Landscape ที่ดูน่าใช้งานมากตรง Court กลาง และสร้าง  Vertical Green Wall ที่สูงถึง 10 เมตร มาบังสายตาเพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางกลางแจ้งด้วย

 

Judgement

ราคาของคอนโดนี้ถือเป็นระดับ ULTIMATE CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อแล้ว ยังมีเรื่องความคุ้มค่าด้านอารมณ์ Emotional ส่วนบุคคลที่มาเป็นปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะครับ เพราะเป็นสินค้าประเภท Unique Item และเราก็เชื่อว่าลูกค้าที่พร้อมจะซื้อคอนโดระดับนี้ ไม่ตัดสินง่ายๆด้วยคะแนนแน่นอน

 

BOTTOM LINE

EYSE Sukhumvit 43 เหมาะกับคนที่หาที่อยู่อาศัยที่มีความ Private สูง เพื่อนบ้านน้อยๆ แต่อยู่ในใจกลางเมืองชั้นในอย่าง “พร้อมพงษ์-ทองหล่อ” ใกล้สุขุมวิท ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก มีที่จอดรถรองรับแน่นอน หรือเลือกใช้รถไฟฟ้าก็ได้ไม่ยาก เลือกสินค้าที่มีเอกลักษณ์การออกแบบเฉพาะตัว มีงบประมาณเริ่มต้นที่ 14 – 35 ล้าน และไม่มีข้อจำกัดในการผ่อนชำระต่อเดือน