FB-Cover2-3-4

รีวิวฉบับที่ 931 …  สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาไปชมรีวิวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ที่ชื่อว่า Chapter One The Campus เป็นหมู่ตึกคอนโดมิเนียม Low Rise ทั้งหมด 7 อาคาร สูง 8 ชั้น ภายใต้คอนเซปท์ Knowledge Community ซึ่งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ติดกับตลาดอมรพันธ์ ซึ่งปัจจุบันโครงการขายไปเยอะมากพอสมควรและมีลูกบ้านเริ่มเข้าอยู่บางส่วนแล้วนะครับ อีกทั้งในอนาคตข้างหน้าจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย(หมอชิต-คูคต) มาเสริมในเรื่องการเดินทางอีกด้วย ตามผมมาดูกันเลยดีกว่า

Fact @ 22 September 2015

  • Chapter One The Campus (แชปเตอร์ วัน เดอะ แคมปัส)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 7 อาคาร 768 ยูนิต
  • Shop ยูนิตร้านค้า 15 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 15 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 243 ช่องจอดคิดเป็น 31% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 40%
  • ที่ดินประมาณ 7-3-60 ไร่
  • Studio 23 ตารางเมตร 339 ยูนิต
  • 1 Bedroom 28.86 ตารางเมตร 330 ยูนิต
  • 2 Bedrooms 46.40 ตารางเมตร 99 ยูนิต
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 2.1 – 4.6 ล้านบาท
  • ราคาต่อตร.ม.เริ่มต้น Studio 23 ตร.ม. ราคาเริ่ม 2.149 ล้านบาท เฉลี่ย 93,434 บ./ตร.ม.
  • ราคาต่อตร.ม.แพงสุด 2 Bedroom 46.40 ตร.ม. ราคา 4.629 ล้านบาท หรือ 99,762 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.ทั้งโครงการ(AVG) ประมาณ 96,717 บาท/ตร.ม.
  • http://www.stylishresidences.com/th/ChapterOneTheCampus.html
  • โทร 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.838560, 100.574515

map_ori

แผนที่จากทางโครงการครับ ทำเลของโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน ใกล้กับแยกม.เกษตร ห่างจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 150 เมตร ในอนาคตข้างหน้าจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย(หมอชิต-คูคต)

map-ระยะไกล1

Chapter One The Campus ตั้งอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน ระหว่างแยกรัชโยธินกับแยกม.เกษตร ห่างจากแยกม.เกษตรประมาณ 150 เมตร การเดินทางจากโครงการสามารถเดินทางเข้าเมืองโดยใช้ถนนพหลโยธินไปจตุจักร มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ฯ และสยาม หรือใช้ถนนรัชดาภิเษกไปออกพระรามเก้า ไปรัชดา อโศก RCA เอกมัย ทองหล่อ หรือจะออกนอกเมืองก็ใช้ถนนพหลโยธินไปสะพานใหม่ และรังสิต หรือไปออกวิภาวดีรังสิตขึ้นทางด่วนก็ได้ครับ ถ้าจะไปทางแคราย รัตนาธิเบศร์ก็ง่ายเลยเลี้ยวซ้ายงามวงศ์วานตรงยาวๆ ส่วนอยากจะไปถนนประเสริฐมนูกิจ เกษตรนวมินทร์ จะไปโซนรามอินทรา เจอแยกเกษตรก็เลี้ยวขวาครับ ถ้ามองภาพรวมทำเลจะเห็นว่าสะดวกลัดเลาะไปไหนได้หลากหลาย

แต่อย่าลืมว่าทำเลที่อยู่ใกล้แยกและจุดสำคัญแบบนี้การจราจรค่อนข้างหนาแน่นเกือบจะทุกเส้นที่กล่าวมาเลย อีกทั้งประกอบกับตอนนี้ที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย(หมอชิต-คูคต) ได้เริ่มดำเนินการแล้วเมือเดือนที่ผ่านมา ทำให้มีการเริ่มปิดการใช้งานสะพานข้ามแยกเกษตรไปแล้ว การจราจรก็จะสาหัสกว่าเดิมอีก แต่นี่คือภาพรวมในระยะสั้นๆสำหรับ 2-4 ปี นี้นะครับ ถ้ารถไฟฟ้าเสร็จการเดินทางย่านนี้จะเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์

map-ระยะไกล2

ตัวโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร ทั้งแหล่งอาหาร แหล่ง Shopping โรงพยาบาล และสถานศึกษา เดินออกมาด้านหน้าโครงการ ตามแนวถนนพหลโยธินตึกแถวด้านหน้าจะเป็นรวงร้านต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีครบเลยอาทิเช่น ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านตัดเย็บผ้า ร้านขายผลไม้ คลีนิก ธนาคาร เป็นต้น อีกทั้งยังอยู่ติดกับซอยตลาดอมรพันธ์ ซึ่งเป็นแหล่งกินช้อปราคาถูกเหมาะสำหรับเด็กม.เกษตร และก็ตลาดบางเขนที่อยู่เยื้องๆกันฝั่งตรงข้าม ถ้าต้องการช้อปปิ้งเดินเล่นห้างก็จะมีเมเจอร์รัชโยธิน, Tesco Lotus,  เซ็นทรัลลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์ ส่วนโรงพยาบาลใกล้ๆก็มีโรงพยาบาลเมโยประมาณ และโรงพยาบาลวิภาวดี นอกจากนี้ยังใกล้สถานศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ประมาณ 200 เมตร(รวมทางเดินข้าม) มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม และโรงเรียนหอวัง เป็นต้น

map-รถไฟฟ้า

การเดินทางโดยรถสาธารณะ ด้านหน้าโครงการถ้าเลี้ยวซ้ายเดินไปปากซอยตลาดอมรพันธ์ประมาณ 100 เมตรก็เจอพี่วินประจำการอยู่ เลี้ยวขวาออกมาทางเสนานิคมแค่ประมาณ 30 เมตรก็จะเจอป้ายรถเมล์เลย อีกทั้งยังเป็นจุด drop off เอาไว้เรียกแท็กซี่รวมถึงมีรถตู้โดยสารเข้าเมืองและออกนอกเมือง ทั้งไปหมอชิต อนุสาวรีย์ฯ สยาม ลาดพร้าว ปากเกร็ด สะพานใหม่ รังสิต มีนบุรี รามอินทรา โบกขึ้นได้ได้ด้วย  แถมถ้าต้องใช้รถเมลล์หรือพี่วินด้านหน้าก็มีสะพานลอยอยู่พอดีข้ามไปก็จะเจอป้ายรถเมล์และพี่วินเช่นกัน  และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวผ่านหน้าโครงการด้วย โดยสถานีที่ใกล้โครงการที่สุดคือ สถานีเสนานิคม แต่คงต้องรออีกหลายปีหน่อย ตอนนี้ถ้าอยากใช้รถไฟฟ้าก็ต้องนั่งรถไปลงที่เซนทรัลลาดพร้าว ก็ถึง MRT สถานีพหลโยธิน ประมาณ 3.1 กิโลเมตร หรือจะไปลงจตุจักรก็สามารถใช้ได้ทั้ง BTS และ MRT เลยค่ะ ประมาณ 4.5 กิโลเมตร

แผนที่การเดินทาง

การเดินทางในวันนี้ ผมมาจากทางถนนวิภาวดีรังสิต เริ่มจากบริเวณแยกรัชวิภาวิ่งขาออกเมือง(ไปรังสิต) ผ่านแยกงามวงศ์วานไปหน่อยให้มองป้ายกลับรถ ม.เกษตรเอาไว้ หลังจากนั้นเบี่ยงออกซ้ายขึ้นสะพานกลับรถ ตรงมาถึงสะพานข้ามแยกงามวงศ์วานให้เลี้ยวซ้าย พื้นที่ทางซ้ายจะเป็นม.เกษตรทั้งหมด ตรงไปถึงแยกม.เกษตรแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน หลังจากนั้นตรงไปประมาณ 350 เมตร ให้ชิดขวาและกลับรถจะเจอกับกรมพัฒนาที่ดินทางซ้ายมือ และก็ตรงมาอีกประมาณ 240 เมตร ก็จะเจอทางเลี้ยวเข้าโครงการครับ

เริ่มจากถนนวิภาวดีรังสิต มุ่งหน้าขาออก(ไปรังสิต) เน้นให้ตามป้ายเกษตรศาสตร์เข้าไว้ง่ายๆเลย

ตรงช่วงนี้เลยแยกรัชโยธินมาหน่อยนึง ก็จะเริ่มเห็นป้ายไปเกษตรศาสตร์แล้วนะครับ

เจอทางเบี่ยงออกซ้าย (แอบเห็นทางรถไฟสายสีแดงที่กำลังก่อสร้างอยู่ด้วย)

เบี่ยงออกแล้วให้ชิดขวาไว้ ขึ้นสะพานกลับรถได้เลย

พอลงสะพานมาแล้วให้อยู่เลนขนานด้านนอกเอาไว้ เห็นโรงงานยาคูลท์เป็นจุดสังเกต

ตรงมาสักประมาณนึง ยังคงตามป้ายเกษตรศาสตร์อยู่นะครับ

พอถึงบริเวณสะพานข้ามแยกงามวงศ์วานให้เลี้ยวซ้ายเลย

ตอนนี้เข้าสู่ถนนงามวงศ์วานที่ทางซ้ายมือทั้งหมดเป็นพื้นที่ของม.เกษตรศาสตร์แล้วนะครับ ผ่านฝั่งตรงข้ามเป็น Tops Market

หลังจากจุดนี้ให้เปลี่ยนเป็นตามป้ายถนนพหลโยธินแทนแล้วนะครับ อย่าอยู่เลนขวาๆนะมันจะเป็นอุโมงค์ลอดไปเกษตรนวมินทร์

พออยู่เลนซ้ายมาแล้วไม่ลงอุโมงค์ **บริเวณนี้จะมี 3 เลน ซึ่งถ้าเราจะไปที่ตั้งโครงการ ข้างหน้าจะเป็นแยกม.เกษตรต้องเลี้ยวขวา ให้อยู่ตามเลนที่ลูกศรบอกเอาไว้ด้วยนะครับ ไม่งั้นอาจจะเจอพี่ตำรวจจับเอาดื้อๆได้เลย

ถึงแยกม.เกษตรแล้ว มาตามเลนลูกศรเลี้ยวขวาให้อยู่เลนกลาง

พอเลี้ยวขวามาแล้วเข้าสู่ถนนพหลโยธินแล้วนะครับ จะเห็นสะพานลอย ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นทางเข้าโครงการครับ ให้ตรงไปประมาณ 350 เมตร เพื่อจะกลับรถ

สะพานข้ามแยกม.เกษตร บางส่วนเริ่มมีผ้าใบคลุมมาปิดแล้วนะครับ คงจะเป็นสภาพนี้ไปอีกเป็นปีเลย

จุดกลับรถซ้ายมือมีที่สังเกตคือ Max Value

พอกลับรถมาปุ๊ป จะเจอกับกรมพัฒนาที่ดินเลยครับทางซ้ายมือ

บริเวณเป็นแหล่งชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างที่บอกไปตอนต้นนะครับ มีทั้งร้านอาหาร ร้านยา คลีนิค มินิมาร์ท ธนาคารริมทางแบบนี้เลย

หลังจากกลับรถมา 200 เมตร ซ้ายมือก็จะเจอป้ายรถเมล์ 7-11 และก็ชิดซ้ายไว้เป็นทางเข้าโครงการครับ

ถึงทางเข้าโครงการแล้วครับ ทางเข้าอยู่ตรงที่สองสาวกำลังเดินข้ามถนนครับ เรียกว่าไม่โอ่อ่าก็ว่าได้ ที่ดินทั้งหมดประมาณ 7 ไร่ มีทางเข้าแคบนิดเดียว ตรงนี้เป็นข้อเสียของที่ดินแปลงนี้ แต่ไม่ใช่ข้อเสียใหญ่อะไรนะครับ แค่ตอนที่จะเลี้ยวเข้าบ้าน ต้องเล็งสะพานลอยก่อนถึงแยกเกษตรไว้ อย่าให้เลยสะพานลอยก็พอ

บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการ ผมขอเดินย้อนกลับไปทางป้ายรถเมล์นิดนึงครับ ให้ดูสภาพริมทางด้านหน้าโครงการ ร้านอาหารริมทางเพียบ

ร้านแกงถุงแบบเร่งด่วนราคาไม่แพง หน้า 7-11 ห่างจากโครงการแค่ 20 เมตร

ถัดมาอีกหน่อยเป็นป้ายรถเมล์ที่บอก มีจุด drop off ของรถตู้และแท็กซี่ด้วย คนพลุกพล่านนะบริเวณนี้

กลับมาที่หน้าโครงการอีกครั้ง มองไปทางฝั่งแยกเกษตร จะเห็นว่ามีสะพานลอยตั้งอยู่ด้านหน้าเลย จุดนี้ถือว่าสะดวกนะ เผื่อจะข้ามไปขึ้นรถเมล์ พี่วิน แท็กซี่ รถตู้ก็ข้ามตรงนี้ได้เลย ข้อดีตรงที่มีสะพานลอยอยู่หน้าโครงการก็คือ สามารถเดินข้ามถนนได้ทันที ไม่ต้องอ้อมไกล และไม่ต้องเสี่ยงอันตรายด้วยครับ เหมาะกับพวกนักเรียนนักศึกษาเวลาจะข้ามไปซื้อของก็ปลอดภัยดีครับ

เดินขึ้นมาดูสภาพบนสะพานลอยซะหน่อย

มองไปทางแยกเกษตร การจราจรขาออกไม่ติดเท่าไร

แต่มองไปทางแยกรัชโยธินนี่ติดสาหัสหน่อย

เดินลงสะพานมาขอแวะมาดูตลาดอมรพันธ์นิดนึง ปากซอยเป็นพวกร้านริมทางเดินแบบนี้เต็มไปหมด

เลี้ยวเข้าไปในซอยตลาดครับ แหล่งชุมชนและสังคมหลักของคนแถวนี้เลย

พวกอาหาร ข้าวของเครื่องใช้  ขายในราคาที่นักศึกษาสามารถซื้อได้

มี Tops Daily ด้วย และก็จะมีพวกร้านของใช้ 20 บาท แข่งกันอยู่ ก็ดีสำหรับเด็กม.เกษตรนะครับ มีของใช้ราคาประหยัดให้เลือเพียบเลย

แต่ซอยนี้จะเป็นซอยวันเวย์นะครับ สามารถเข้าได้แค่ทางฝั่งพหลโยธินที่ผมเตินเข้ามา และก็ต้องวนรถออกได้แค่ทางนี้ไปออกถนนงามวงศ์วานเท่านั้น

แผนที่ระยะประชิด

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

ทีนี้เรามาดูวิวรอบๆกันบ้างนะครับ อย่างที่บอกไปที่ดินแปลงนี้ถูกล้อมรอบด้วยตึกแถวแทบทุกด้าน ฝั่งที่ติดกับถนนพหลโยธินคือฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งจะเห็นเป็นแบบนี้เป็นแนวตึกแถวที่สูงประมาณ 3-5 ชั้นสลับกันไป ส่วนฝั่งทิศใต้จะเป็นแนวตึกแถว 3 ชั้น ช่วงหัวมุมโดนบังจากตึกของกรมพัฒนาที่ดินที่สูง 8 ชั้น ฝั่งทิศตะวันตก จะไม่ประชิดมากแต่มองไปก็ยังเห็นตึกแถว 3 ชั้นอยู่หน่อย สุดท้ายฝั่งทิศเหนือทั้งหมดจะเป็นด้านหลังของบริเวณตลาดอมรพันธ์ซึ่งเป็นตึกแถวสูงประมาณ 3-4 ชั้นครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • 7-11 ประมาณ 30 m.
  • ตลาดอมรพันธ์ ประมาณ 100 m.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประมาณ 150 m.
  • โรงพยาบาลเมโย ประมาณ 300 m.
  • ตลาดบางเขน ประมาณ 450 m.
  • เมเจอร์รัชโยธิน ประมาณ 1.4 km.
  • โรงพยาบาลวิภาวดี ประมาณ 1.7 km.
  • Tesco Lotus ประมาณ 2.3 km.
  • โรงเรียนหอวัง ประมาณ 2.5 km.
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ประมาณ 2.7 km.
  • รถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินประมาณ 3.1 km.
  • ยูเนี่ยนมอลล์ ประมาณ 3.3 km.
  • สวนจตุจักร ประมาณ 4.4 km.
  • รถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิตประมาณ 4.5 km.
  • สวนรถไฟ ประมาณ 5.2 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

Master_Plan

มาดู Master Plan กันบ้าง เริ่มจากทางเข้าโครงการด้านหน้าจะเจอ Gate ที่เป็นประตูเลื่อนติดกับซุ้มรปภ.ประจำอยู่ พอพ้นมาจะเป็นจุดวงเวียน Drop Off รอบๆน้ำพุ และเป็นที่จอดรถส่วนผู้มาติดต่อด้วย หลังจากนี้จะมีรั้วกั้นไม้กระดกระบบแตะบัตรกั้นเอาไว้  จากลูกศรสีแดงที่ผมทำไว้เป็นทางเดินรถลักษณะนี้เป็นวันเวย์ครับ จาก Floor Plan ชั้น G จะพบว่ามี Shop ร้านค้าอยู่ด้านขวา 15 ร้าน ที่จอดรถให้จอดรอบๆอาคาร ประมาณ 243 ช่องจอดคิดเป็น 31% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 40% Facilities ทั้งหมดจะอยู่บริเวณใจกลางของกลุ่มอาคาร

ทางเข้าด้านหน้าพื้นเป็นคอนกรีตสแตมป์ ซ้ายมือจะมีซุ้มรปภ.ตั้งอยู่ และก็มีรปภ.คอยตรวจตราบริเวณนี้ 24 ชม.

หน้าตาซุ้มรปภ.อยู่ด้านข้างทางซ้ายแบบนี้ โทนสีเดียวกับคอนโดด้านใน

เข้ามาด้านในแล้วจะเจอกับน้ำพุ ซึ่งคนที่ไม่ใช่ลูกบ้านเข้ามาติดต่อส่วนต่างๆก็ต้องจอดรถบริเวณนรอบๆนี้

พื้นที่จอดรถส่วนผู้มาติดต่อรอบๆบริเวณน้ำพุเป็นแบบช่องจอด

ทีนี้ถ้าเป็นส่วนของลูกบ้านจะมีรั้วไม้กั้นกระดก แบบแตะ key card ครับ

รอบอาคารอยู่อาศัยก็จะเป็นที่จอดรถ เดินรถทางเดียวอย่างที่บอกไป

ชั้น 1 ก็ทำเป็นที่จอดรถใต้อาคารด้วย

ช่องว่างระหว่างอาคารมีประตูเหมือนจะเดินเข้าไปใจกลาง Facility ใจกลางได้ แต่สรุปแล้วไม่เปิดนะครับ ถ้าจะเข้าต้องเข้าผ่านทาง Lobby ของแต่ละอาคารแทน ส่วนรั้วรอบอาคารสูงประมาณ 3 เมตร (รวมระแนงต่อเติม) มีการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มสีเขียวและบังสายตาจากภายนอกด้วย

เส้นทางเดินรถ และทางโค้งก็มีลูกศรบอกเอาไว้ชัดเจน

ตามหัวมุมของแต่ละอาคารจะมีรปภ. ประจำอยู่ตรงนี้ตลอดนะครับ

เจอพี่รปภ.อีกท่าน มีทุกมุมเลย

ฝั่งนี้ที่เห็นมีรถจอด เพราะมีลูกบ้านมาอยู่อาศัยหลายห้องแล้วนะครับ

เส้นทางนี้จะเป็นสามแยกที่เป็นวันเวย์มาจาด้านหลังของอาคาร A ที่มีช้อปร้านค้าภายในโครงการนะครับ ห้ามเลี้ยวขวา

บริเวณหัวมุมเป็นที่ตั้งของศาลพระภูมิ มีการปลูกต้นไม้ล้อมรอบเอาไว้ให้ดูร่มรื่นครับ

ทางซ้ายมือใกล้กับ Gate รั้วกั้นไม้กระดกทางออก เป็นที่จอดรถจักรยานยนต์

ทางออกจะมีรั้วกั้นไม้กระดกที่ต้องแตะ key card เหมือนทางเข้าครับ อาจดูเหมือนยุ่งยาก แต่ผมว่ามีความปลอดภัยที่เยอะพอสมควรนะ

กลับมาที่ด้านหน้าของน้ำพุกันบ้าง บริเวณนี้ถือเป็นจุด Drop Off ของอาคาร A ตึกแรกสุดด้านหน้าด้วย

เส้นทางเดินรถเหมือนกันเป็นวันเวย์ และจะเข้ามาส่วนตรงนี้ต้องแตะบัตร key card ลูกบ้าน

ห้อง Sale Office , นิติบุคคล และก็ Shop ร้านค้า เริ่มมีคนมาเปิดร้านต่างๆบ้างแล้ว

ด้านใต้อาคาร C เป็นห้องน้ำส่วนกลาง

เข้ามาดูในห้องน้ำนิดนึง

หน้าตาภายในห้องน้ำ วัสดุประมาณนี้ครับ

ใจกลางอาคารระหว่างอาคาร A กับอาคาร C มีที่จอดรถจักรยานให้ด้วย

พื้นที่ร้านค้าชั้น 1 ใต้อาคาร B และ C มีร้านเปิดแล้วประมาณ 3-4 ร้าน

ถัดมาเป็น Gate ประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่กั้นระหว่างอาคาร B และ C เพื่อเข้าไปสู่พื้นที่ Facility ใจกลางกลุ่มอาคาร

การเข้าออกต้องใช้ Key Card ลูกบ้านแตะนะครับ

พอเข้ามาแล้ว พื้นที่ใจกลางจะปูด้วยสแตมป์คอนกรีต และอิฐบล็อกตัวหนอน สลับกับสีเขียวของหญ้า

ช่องว่างระหว่างอาคาร หันมองซ้ายและ ขวา หน้าตาเหมือนกันครับ เป็นสวนหย่อมเล็ก และให้เดินเล่นรอบๆได้ มีเก้านี้นั่งให้ด้วย

พื้นที่รอบๆเป็นคอนกรีตทางเดินแบบนี้

ใจกลางสวนหย่อมก็เป็นเก้าอี้ก่อคอนกรีตให้นั่งได้ล้อมรอบ ไฟส่องส่องความสว่างมาให้ 4 จุด เผื่อตอนเย็นๆค่ำๆมานั่งพักผ่อนได้

ห้องอ่านหนังสือครับ อยู่ตำแหน่งหัวมุมระหว่างทางเดิน ลองเข้าไปดูกันหน่อย

ห้องอ่านหนังสือ

 

ข้างในกว้างมากแถมเป็นพื้นที่ Double Volume ด้วย ทำให้ดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด น่านั่ง

อันนี้ห้อง Yoga

ข้างในก็จะมีห้องเก็บของตู้ล็อกเกอร์และก็ห้องน้ำในตัว แยกชายหญิง

มีป้ายบอกกฎระเบียบการใช้งานครับ

ห้องขนาดปานกลางไม่เล็กไม่ใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยหน้าต่างช่องแสง ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เต็มที่ ถึงแม้กลางวันอาจจะร้อน แต่โครงการก็ติดแอร์แบบกระจายรอบด้าน 4 ทิศมาให้ 2 ตัว

เดินถัดมาระหว่างตึก D กับ E ครับ ระหว่างอาคารก็จะมีไฟกิ่งส่องข้างทางไว้ให้

ประตูทางเข้าห้อง Fitness

เข้ามาแล้วก็จะเจอเก้าอี้นั่งเล่นรับแขกที่อยู่ติดกับล็อกเกอร์

อุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ มีให้หลากหลายดี

ผมลองนับเครื่องเล่นมีทั้งหมดประมาณ 11 ชิ้น ห้องนี้ได้แอร์กระจายรอบด้าน 2 ตัวเหมือนห้องโยคะเช่นกัน

พื้นที่ใจกลาระหว่างอาคาร D E F และ G เป็นสวนหย่อม แต่เค้าไม่ให้เดินลัดสนามนะครับ ต้องเดินไว้ตามทางเดินที่มีเอาไว้ให้ และก็มีสระว่ายน้ำอยู่ข้างๆด้วย

ทางเดินรอบๆเป็นแบบนี้

เดินมาเจอทางเข้า Lobby อาคาร D พอดี เลยขอแวะซักหน่อย

ด้านใน Lobby หน้าตาประมาณนี้ มีเก้ารับรับรองแขกเอาไว้ให้ 2-3 จุด ภายในเป็นโทนพื้นและเฟอร์ลายไม้  ไฟสีส้ม ดูสบายๆตา

พื้นที่จะเชื่อมต่อกันหมดทั้งตู้เก็บจดหมาย ห้องเก็บรถเข็น และก็ลิฟท์ขึ้นลง 2 ตัว ต่อ 1 อาคาร

โซฟายาว น่านั่งดี มีไฟส่องสว่างให้ด้วย ถ้าเบื่อบรรยากาศในห้อง ก็ลงมาอ่านหนังสือตรงนี้ได้นะ

ออกมาที่ด้านนอกอีกครั้ง เดินรอบๆตามทางเดินจะเจอกับบันไดทางขึ้นสระว่ายน้ำแบบนี้ พื้นขั้นบันไดเป็นทรายล้าง ผนังกรุตกแต่งด้วยหินสลัก

ขึ้นมาแล้วทางขวามือจะเจอกับพื้นที่ของสระเด็กก่อน ขนาดพื้นที่ 5.7 x 5.7 เมตร ลึก 40 ซม.

ด้านข้างๆของสระเด็ก มีเก้าอี้คอนกรีตก่อเอาไว้ให้สำหรับผู้ปกครองมานั่งสอดส่องดูแล และก็มีกระจกนิรภัยกั้นเอาไว้ที่หัวมุมด้วย เผื่อเด็กซุกซนตกลงไป

ส่วนอีกฝั่งนึงเป็นพื้นที่ของสระผู้ใหญ่ ขนาดพื้นที่ 5.7 x 15.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร สระเป็นระบบคลอรีน

ขั้นบันไดทางลงอยู่บริเวณใกล้กับชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งพักครับ

มุมนี้ให้ดูสวนที่อยู่ใจกลาง วางป้ายเอาไว้ “ห้ามเดินลัดสนาม”

ห้องชั้น 1 บางส่วน มีการปลูกต้นไม้เอาไว้ให้บางส่วน เอาไว้บังสายตาจากบุคคลภายนอก

พอดีผมอยากเห็นสระว่ายน้ำและสวนหย่อมเต็มๆ แบบมุมสูง เลยขึ้นไปที่ชั้น 6 ของอาคาร F ถ่ายลงมาครับ

กลับมาที่ด้านหน้าโครงการอีกที มาด้านหน้าอาคาร A จะเห็นว่า Lobby ของอาคาร A จะดูใหญ่กว่าอาคารอื่นๆ แถมเป็น Double Volume ด้วย จะเข้าประตูต้องแตะ Keycard ด้วยเช่นกันนะ

พื้นที่ MailBox มีเก้าอี้โซฟานั่งให้ด้วย และผนังด้านข้างชั้นเป็นชั้นวางของตกแต่งให้ดูเก๋ๆ

อีกฝั่งเป็นชุดโซฟารับแขก ด้านหลังเป็นหน้าต่างช่องแสงขนาดใหญ่

หน้าตาภายในลิฟท์เป็นเช่นนี้ พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำตัดกับผนังลายไม้สีอ่อน ลิฟท์เป็นของ Schindler

ออกจากลิฟท์มาจะเจอหน้าต่างช่องแสงพอดี กลางวันไม่ต้องเปิดไฟก็ได้นะ

มีป้ายสัญลักษณ์บอกชั้รชัดเจน

มีติดแผ่น floor plan ผังชั้นเอาไว้ให้

โถงทางเดินด้านหน้าห้องค่อนข้างกว้าง และได้รับช่องแสงธรรมชาติทั้งสองฝั่งหัวท้ายแบบนี้ มีไฟตามทางเดินตลอดทาง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5.7 x 15.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร และสระเด็กขนาด 5.7 x 5.7 เมตร ลึก 40 ซม.
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาดปานกลาง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 11 เครื่อง
  • ห้องโยคะ , ห้องอ่านหนังสือ , ห้องประชุม , ห้องสตีม และ ช้อปร้านค้า 15 ห้อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อ/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 768 : 14 หรือคิดเป็น 55 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 243 ช่องจอดคิดเป็น 31% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 40%
  • ระบบ CCTV / Access Card / รั้วกั้นไม้กระดก / รปภ. 24 ชม.

 


Product Walkthrough

StudioA

โครงการนี้มี Type ห้องทั้งหมด 3 แบบ คือแบบ Studio A (22.69 ตร.ม.), Studio B (26.85 ตร.ม.),  1 Bedroom (28.86 ตร.ม.) และแบบ 2 Bedrooms (46.24 ตร.ม.) ทุกห้อง ขายแบบ Fully Furnished อย่างเดียว คือได้หมดทุกอย่างยกเว้นพร็อพตกแต่งห้อง ชุดเฟอร์นิเจอร์และครัว Build-In ทั้งหมด และถ้าเป็นห้อง 2 Bed แอร์จะให้ 3 เครื่อง

ห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูแบบแรกคือแบบ Studio A ขนาด 22.69 ตารางเมตร ซึ่งพอเข้ามาในห้องจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวทางซ้ายมือฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำแยกส่วนแห้งและเปียกเอาไว้ให้ ถัดมาเป็นพื้นที่ห้องนอนที่เชื่อมกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น ติดกันจะเป็นชุดโซฟานั่งเล่นที่มีหน้าต่างช่องแสงอยู่บริเวณนี้ และระเบียงอยู่ติดกับด้านข้างเตียง จัดเก็บคอมแอร์แบบแขวนผนังเอาไว้ด้านบน โดยรวมผังห้องมีความลงตัวดี จัดวางพื้นที่ใช้สอยได้ลงตัว ไปดูภาพจากห้องตัวอย่างกันเลย

ประตูทางเข้าห้องเป็นบานไม้สีเทาอ่อน ด้านข้างติดเลขที่ห้องเอาไว้ มีตาแมวให้ และตัวจับเปิดปิดเป็นแบบก้านโยก

พื้นระหว่างห้องกับโถงทางเดินมีธรณีกั้นก่อขึ้นมาแบบนี้ ประโยชน์ของมันคือเวลาแม่บ้านเค้ามาทำความสะอาดถูทางเดินน้ำจะไม่กระเด็นเข้าไปตัวห้อง แต่ก็ต้องระวังสะดุดเวลาเข้าออกหน่อย

พอเข้ามาในห้องส่วนแรกจะเจอกับครัวทางซ้ายมือและห้องน้ำทางขวามือฝั่งตรงข้าม พื้นเป็นลามิเนต 8 mm.

หันกลับไปดูประตูทางเข้าห้อง ห้องจะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 เมตร แต่จะมีบางส่วนที่เป็นงานระบบของที่ดูดอากาศในห้องน้ำดรอปลงมาอีกประมาณ 20 ซม.

ชุดตู้ติดกับประตูเป็นที่เก็บของอเนกประสงค์ ติดกับชุดครัว Build-In

ด้านบนของชุดตู้เป็นที่เก็บ เบรคเกอร์ไฟ เวลาเปิดปิดจะมีตัวจับเป็นเหล็กสีดำยื่นออกมาแบบนี้

ส่วนบริเวณครัว ด้านบนเป็นตู้เก็บของมีบานปิด และที่วางไมโครเวฟเอาไว้ให้ ตำแหน่งที่วางไมโครเวฟถ้าเป็นผู้หญิงตัวเล็กเวลาจะใช้งานอุ่นกับข้าวก็ต้องระวังนิดนึงนะครับ

ครัวท๊อปหินสังเคราะห์  ไม่มี Hob& Hood มาให้นะ ผนังด้านข้างแนะนำให้ไปหาอะไรมาติดเพิ่มเช่นกระเบื้องโมเสค หรือกระจก เอาไว้กันเลอะเวลาทำกับข้าวหรือล้างจาน

อ่างล้างจานขนาดนี้ ลองใส่จานให้ดู

ชุดตู้ใต้อ่างล้างจาน และก็มีลิ้นชักให้ 3 จุด

ลองเปิดฟังก์ชั่นด้่นในให้ดูครับ

พื้นที่วางตู้เย็นอยู่ติดกับอ่างล้างจาน ความกว้างประมาณ 75 ซม. ตำแหน่งนี้เวลาล้างจานก็ระวังน้ำกระเด็นลงมาที่ช่องว่างด้านข้างหน่อย

ชุดตู้ชั้นวางของ โชว์ของชุดนี้สูงติดเพดานเลย เก็บของได้เยอะดี ไม่มีหน้าบานปิด

ฝั่งตรงข้ามก็จะมีชุดตู้อีกอันนึง

ลองเปิดฟังก์ชั่นให้ดูครับ ด้านบนเก็บของใช้ทั่วไป ด้านล่างเป็นที่เก็บรองเท้าเป็นชั้นๆแบบนี้

มาดูห้องน้ำกันบ้าง มีการแยกพื้นที่ส่วนแห้งและเปียกชัดเจนนะครับ แต่น่าเสียได้ไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาด้วย ต้องไปหาซื้อเพิ่มเอง แนะนำเอาเป็นกระจกนิรภัยไปเลยสวยงามด้วย

พื้นที่ห้องน้ำกั้นด้วยธรณีก่อขึ้นมาประมาณ 5 ซม. พื้นเป็นกระเบื้องไซส์ 40 ซม.แบบผิวด้าน

ชุดอ่างล้างหน้า ผนังติดกระจกเงาเอาไว้ให้ ด้านข้างมีที่แขวนผ้าขนหนูมาให้ 1 จุด

ท๊อปเคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์เหมือนกับครัววางของใช้ได้นิหน่อย อ่างล้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส หัวก๊อกของ Prema

ด้านล่างอ่างเป็นชุดตู้เล็กๆ เปิดมาหน้าตาเช่นนี้

สุขภัณฑ์ธรรมดา ของ Cotto มีที่ฉีดชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่มาให้

พื้นที่อาบน้ำเป็นธรณีก่อสูงขึ้นมาประมาณ 5 ซม. เช่นกัน

หน้าตาชุดฝักบัวของ Prema มีที่วางสบู่ก้อนมาให้ 1 จุด และด้านบนเตรียมไว้สำหรับให้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นเอาไว้ให้แล้ว

ขนาดของหัวฝักบัวปานกลาง และสามารถปรับระดับน้ำให้กระจายได้

ห้องน้ำได้โคมไฟซาลาเปามา 1 ดวง มีพัดลมดูดอากาศและความชื้นออกไปที่ระเบียง

กลับมาที่ในตัวห้องต่อ พื้นที่เชื่อมต่อถัดไปจะเป็นชั้นวางที่วีที่อยู่บริเวณปลายเตียง ระยะทางเดินตรงนี้กว้างอยู่นะครับ ไม่อึดอัด

หน้าตาชุดตู้ชั้นวางทีวี อ้อ จะบอกว่าเวลาเรานอนดูทีวีระยะมันจะไกลหน่อยนะประมาณ 3 เมตร คงต้องจัดทีวีไซส์สักประมาณ 50 นิ้วขึ้นไป จะได้ไม่ต้องนอนเพ่งสายตา

ลองเปิดในตู้ให้ดูครับ ทำเป็น 2 ชั้น ทั้งหมด 6 ช่องเก็บของ

ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่น โซฟาชิดผนัง และมีโต๊ะอ่านหนังสือเอาไว้ให้ โซฟานั่งได้ประมาณ 2-3 คน บริเวณนี้จะได้รับแสงธรรมชาติด้วย

ลองเอาโต๊ะออกให้ดู ระยะความห่างประมาณ 80 ซม.

โต๊ะตัวนี้เราได้นะครับ เวลานั่งอ่านหนังสือ ทำงาน ก็คงต้องตรงนี้ละ ได้แสงธรรมชาติดีด้วย

ชุดหน้าต่างช่องแสงสูงพอสมควร เป็นแบบกระจกบานเลื่อน กระจกสีเขียวตัดแสง วงกบอลูมิเนียมอบขาว ตรงนี้ไม่ใช่ระเบียงนะครับ โครงการเลยทำราวเหล็กกั้นกันตกที่สูงประมาณ 1.1 เมตรมาให้

มีธรณีสูงขึ้นมาจากพื้นประมาณ 15 ซม.(รวมวงกบ)

มาดูเตียงกันบ้าง เตียงที่ได้เป็นไซส์ 5 ฟุตแบบนี้ ฝั่งขวามือเป็นชุดตู้เสื้อผ้า และซ้ายมือเป็นประตูทางออกไประเบียง

ปลายเตียงแอบมีลิ้นชักใต้เตียงมาให้จุดนึง

ระยะด้านข้างเตียงฝั่งซ้ายเหลือประมาณ 50 ซม. และฝั่งขวาเหลือประมาณ 30 ซม.

ชุดตู้เสื้อผ้าหน้าบานเป็นลายไม้แบบเดียวกันทำให้ดูกลมกลืน

ลองเปิดให้ดูฟังก์ชั่นเก็บของภายในตู้ครับ เป็นแบบนี้

แอร์ที่ได้ห้องนี้ ตำแหน่งอยู่บนประตูทางออกไประเบียง เป็นของ Samsung ขนาด 18,000 BTU เพียงพอต่อห้องไซส์ขนาดนี้

ขออนุญาตยืนบนเตียงนะครับ เก็บภาพบานประตูทางออกไประเบียงไม่หมด รูปแบบก็เหมือนกับประตูบานเลื่อนก่อนหน้านี้แต่มีขนาดกว้างกว่า

พื้นความสูงธรณีประมาณ  15 ซม.เช่นกัน (รวมวงกบ)

ระเบียงมีรั้วเหล็กโปร่งกั้นกันตก สูงจากพื้นประมาณ 1.2 เมตร

ขนาดระเบียงไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป พื้นเป็นกระเบื้องแบบเดียวกับห้องน้ำ มีจุดระบายน้ำมาให้

พื้นที่ด้านข้างที่ตัวอาคารคอนกรีตบังเอาไว้ ด้านล่างจะเป็นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้านะ มีเดินท่อน้ำทิ้งเอาไว้ให้แล้ว และก็มีปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบกันน้ำเอาไว้ให้ด้วย

ส่วนด้านบนจะเป็นที่แขวนคอมแอร์ และก็มี Grill หันลมร้อนแอร์ออกไปยังนอกอาคาร

ไฟที่ระเบียงหน้าตาเช่นนี้เป็นโคมดาวน์ไลท์ และที่เห็นทางซ้ายคือที่ระบายอากาศที่ออกมาจากห้องน้ำครับ

2Beds

ห้องตัวอย่างอีกห้องที่จะพาไปดู เป็นแบบ 2 Bedroom ขนาด 46.40 ตร.ม. ห้อง Type นี้จะได้แอร์ทั้งหมด 3 ตัวนะครับ  เดินเข้าประตูห้องไปจะเจอกับพื้นที่โซนครัวก่อด้านตรงข้ามมีชุดตู้ขนาดใหญ่เอาไว้ให้เก็บของ ถัดมาจะเชื่อมต่อกับพื้นที่โซนนั่งเล่นที่ติดกันมีระเบียงขนาดใหญ่ แขวนคอมแอร์เอาไว้ด้านนอก 2 ตัว ส่วนห้อง Master Bedroom ขนาดค่อนข้างลงตัว นอนดูทีวีได้ และมีพื้นที่เดินได้สะดวก และมีระเบียงในตัว ส่วนห้องนอนเล็กได้เตียงแค่ไซส์ 3 ฟุต พื้นที่เดินก็จะอึดอัดนิดหน่อย ห้องน้ำอยู่ด้านนอกบริเวณหน้าประตูห้องนอนของทั้งสอง ต้องมาใช้ร่วมกัน แยกพื้นที่ส่วนแห้งและเปียกเอาไว้ให้ วัสดุเหมือนกับห้อง Sudio

เปิดเข้ามาในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัว และพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกัน

ลองถ่ายย้อนไปทางประตูทางเข้าห้อง จะเห็นชุดตู้ชั้นวางและเก็บของขนาดใหญ่ทางขวามือ และชุดครัวอยู่ตรงข้าม อ้อ พื้นที่หน้าห้องยังเห็นฝ้าที่ดรอปลงมา 20 ซม.เหมือนกับห้องแรกนะครับเป็นส่วนของงานระบบ

มาดูชุดตู้ทางฝั่งขวากันก่อน ขนาดใหญ่สะใจมาก เป็นชั้นวางของอเนกประสงค์ด้วยนะ

ฟังก์ชั่นภายในตู้ด้านบนภายในเป็นแบบนี้

ท๊อปเป็นหินสังเคราะห์เหมือนกัน ขออนุญาตเสริมนิดนะครับ พื้นที่ส่วนนี้ถ้าใครชอบทำครัว ทำกับข้าวเราสามารถปรับเปลี่ยนมาใช้ประโยชน์บริเวณนี้ก็ได้นะ เพราะว่าชุดครัวฝั่งตรงข้ามที่หันหน้าชนกันพื้นที่เตรียมอาหารมันเล็กไปหน่อย ถ้าใช้จริงจังผมว่าแค่เราติดกระเบื้องโมเสคหรือกระจกที่ผนังด้านข้างและก็ติดไฟส่องเพิ่มความสว่างซะหน่อย ก็ใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารแบบสะใจได้เลย

ชุดตู้ด้านล่างมีหน้าบานที่เปิด 3 จุด

ลองเปิดดูฟังก์ชั่นเป็นแบบนี้ ในช่องซ้ายเป็นที่เก็บรองเท้า มีเก็บรายละเอียดช่องระบายอากาศเล็กๆเอาไว้ด้วย

กลับหลังหันมาดูครัวกันบ้าง หน้าตานั้นเหมือนห้อง Stuido เลย เพียงแค่สลับตำแหน่งอ่างล้างจานกับพื้นที่เตรียมอาหาร

ชุดตู้เก็บของด้านบนครับ

ท๊อปครัว และอ่างล้างจานเหมือนกัน

ชุดตู้เก็บของด้านล่าง มีที่วางช้อนส้อมแยกเป็นหมวดหมู่ และแขวนอุปกรณ์ครัวไว้ได้เช่นกัน

โซนถัดมาที่ติดกันเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นรับแขก ทางขวาเป็นโซฟาแบบติดพนัง มีโต๊ะกลางมาให้เหมือนกับห้องก่อนหน้า ระยะดูทีวีประมาณ 2.6 เมตร ตรงกลางจะได้ช่องแสงธรรมชาติส่องเข้ามา

ชุดโซฟาแบบชิดผนัง นั่งได้ประมาณ 3 ที่นั่งแบบไม่อึดอัด มีระยะด้านข้างเหลือทั้งสองฝั่ง อาจหาตู้ชั้นวางของมาเพิ่มก็ได้นะ

เจ้าโต๊ะตัวนี้เหมือกับห้อง Studio เราได้เช่นกัน

ชุดตู้ชั้นวางทีวีขนาดใหญ่เก็บของได้เต็มที่

ประตูกระจกบานเลื่อนออกไประเบียงวัสดุแบบเดียวกัน ตำแหน่งของแอร์อยู่ด้านบนพอดี ห้องโถงนั่งเล่นแอร์ได้ ขนาด 18,000 BTU ครับ

พื้นที่ระเบียงห้องนี้มีขนาดกว้างกว่า สามารถตากผ้าหรือทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆได้

ตำแหน่งของคอมแอร์อยู่ด้านบน 2 ตัว หันลมร้อนออกด้านนอกอาคารเหมือนกัน

กลับมาที่ด้านในห้อง จะเจอกับบานประตู 3 บาน ทางขวาสุดเป็น Master Bedroom บานตรงกลางเป็นห้องนอนเล็ก และบานซ้ายเป็นห้องน้ำที่ใช้รวมกันของทุกห้อง

มาดูห้อง master bedroom กันก่อน โครงการวางเตียงไซส์ 5 ฟุตมาให้ และมีพื้นที่ด้านข้างเตียงเหลือเดินได้ทั้ง 2 ฝั่ง

ฝั่งขวามีโต๊ะหัวเตียงวางเอาไว้ให้ และติดกันเป็นชุดโต๊ะเครื่องแป้ง

หน้าตาชุดโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ตำแหน่งนี้ ที่ผนังหลบเข้าไปนิดหน่อยพอดี และตำแหน่งแอร์ของห้องนี้อยู่ด้านบนตรงนี้

ลองเปิดลิ้นชักให้ดูครับ เก็บของใช้เครื่องสำอางค์ได้

ระยะปลายเตียงห่างจากชุดตู้ชั้นวางทีวีประมาณ 60 ซม.

ชุดตู้ด้านใน เก็บของได้ 4 ช่อง

ติดกันด้านข้างเป็นพื้นที่ความกว้างเหลือของด้านหน้าตู้เสื้อผ้าประมาณ 50 ซม.

ฟังก์ชั่นเก็บของภายในตู้เสื้อผ้าเป็นแบบนี้

ฝั่งด้านข้างเตียงที่ติดกับระเบียงมีความกว้างเหลือประมาณ 55 ซม. วางโต๊ะหัวเตียงเอาไว้ให้ 1 จุด

ประตูระเบียงเหมือนกัน

ขนาดของระเบียงประมาณ 1.1 x 1.9 เมตร พอๆกับห้อง Studio

ด้านบนแขวนคอมแอร์ และมีไฟระเบียงให้ 1 จุด

ถัดมาเป็นห้องนอนเล็ก เข้ามาในห้อง สิ่งแรกที่สะดุดตาคือเจ้าโต๊ะที่กางอยู่

การใช้งานจะเป็นแบบนี้ครับ พับเก็บได้

ผมลองนั่งให้ดู คงต้องใช้ฟูกที่นอนแทนเก้าอี้นั่ง

เตียงห้องนี้ได้แบบ 3 ฟุต นะครับ และระยะด้านข้างเหลือค่อนข้างแคบ ฝั่งซ้ายติดกับตู้เสื้อผ้าเหลือประมาณ 40 ซม. และฝั่งขวาติดกับหน้าต่างเหลือประมาณ 25 ซม.

ชุดตู้เสื้อผ้าเหมือนกัน

ผนังฝั่งด้านขวาบริเวรหัวเตียง มีติดชั้นวางของเล็กๆเอาไว้ให้

ชุดหน้าต่างช่องแสงเป็นเหมือนกับบริเวณห้องนั่งเล่นของ Studio ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ แต่มีรั้วเหล็กกันตกเอาไว้ให้

ตำแหหน่งของแอร์อยู่ปลายเตียงตรงนี้ ได้ขนาด 9,000 BTU

ห้องน้ำห้องนี้ใช้ร่วมกันพอเข้ามาซ้ายมือจะเป็นชุดเคาน์เตอร์อ่าง ตรงกลางเป็นตำแหน่งสุขภัณฑ์ ขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำ

ชุดเคานเตอร์อ่างล้างหน้าทำเอาไว้เต็มผนัง ท๊อปหินสังเคราะห์เหมือนกับครับ ด้านล่างมีตู้ใต้อ่างและชั้นเก็บของใช้ครับ

ด้านข้างของสุขภัณฑ์มีช่องเซาะร่อง เอาไว้สามารถเก็บพวกของใช้ทำความสะอาดห้องน้ำ และด้านบนมีชั้นเป็นช่องเก็บของให้อีก 2 ช่อง

พื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียก ธรณก่อสูงประมาณ 6 ซม.

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.8 x 1.2 เมตร

ชุดฝักบัวหน้าตาเหมือนกับห้อง Studio ทุกประการครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 September 2015

  • 2 Bedroom ทุกอาคาร ทุกชั้น เนื้อที่ 46.40 ตร.ม. ราคา 4.629 ล้านบาท หรือ 99,762 บาท/ตร.ม.
  • ปัจจุบันห้องเหลือแต่แบบ 2 Bedroom เท่านั้น และมีโปรโมชั่นดังนี้
  • ฟรี ทุกค่าใช้จ่าย + เครื่องใช้ไฟฟ้า 3 ชิ้น (LED TV 40”, ไมโครเวฟ 20 ลิตร, ตู้เย็น 7.4 คิว)
  • และส่วนลด ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ มูลค่า 10,000 บาท/ยูนิต สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ http://goo.gl/fW1ymA

  • Fully Furnished , ถ้าห้อง 2 bed ได้แอร์ 3 ตัว
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 20,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของโครงการ Chapter One The Campus จัดว่าเป็นทำเลที่ดีมาก ติดถนนใหญ่พหลโยธิน อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ประมาณ​ 150 – 300 เมตร (ขึ้นกับว่าจะเดินข้ามถนนหรือข้ามสะพานลอย) ด้านข้างมีตลาดอมรพันธ์ ฝั่งตรงข้ามมีตลาดบางเขน โรงพยาบาลเมโย ของกินเยอะแยะ ร้านรวงคึกคัก มีความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นพื้นที่ที่สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบาย จัดเป็นจุดเด่นของโครงการนี้ แต่ในขณะเดียวกันทำเลนี้ก็มีตำหนิอยู่บ้าง ตรงที่ทางเข้าเป็นช่องเล็กๆ ดูยากนิดหน่อย หลบเข้าไปในหลืบด้านข้างระหว่างตึกแถวที่เรียงรายอยู่บริเวณริมถนใหญ่ ทำให้ขนาดเสน่ห์ของแปลงที่ดินไปบ้าง

การเดินทางด้วยรถนั้นทำได้ดี ขาออกจากโครงการสามารถเลือกที่จะเลี้ยวซ้ายไปถนนวิภาวดี ตรงไปทางหลักสี่ หรือเลี้ยวขวาไปถนนเกษตร-นวมินทร์ได้ แต่การจราจรบนถนนงามวงศ์วานในช่วงเวลาเร่งด่วนนั้นก็คงจะหนีพ้นรถติดไปไม่ได้ ซึ่งหากพ้นจุดนี้ไปเข้าถนนวิภาวดีแล้วปัญหารถติดก็จะผ่อนคลายลงมาก โดยลูกบ้านสามารถเลือกที่จะใช้ทางลัดผ่านซอยท่านผู้หญิงพหลฯ ก็ได้ ส่วนการจราจรขาเข้าโครงการนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะไม่ว่ามาจากทางใดก็สามารถเข้าโครงการได้ไม่ต้องอ้อม แต่ห้ามพลาดจุดกลับรถหน้ากรมพัฒนาที่ดินนะครับ ไม่อย่างนั้นจะต้องไปกลับรถไกลมาก เพราะแยกต่อไปกลับรถไม่ได้ คงจะต้องไปวนในถนนเสนานิคมเอา ส่วนเรื่องปัญหาการจราจรก็ต้องยอมรับว่ามีติดขัด ตรงนี้ช่วยอะไรไม่ได้ทำใจนะครับ ยิ่งปัจจุบันกำลังทุบสะพานข้ามแยกเกษตรที่อยู่ระหว่างดำเนินการทำรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย(หมอชิตคูคตด้วย)

อนาคตของที่ดินแปลงนี้ขึ้นอยู่กับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ส่วนต่อขยาย (หมอชิต-คูคต) ซึ่งปัจจุบันก็พึ่งได้เริ่มโปรเจคก่อสร้างกันเสียทีเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กว่าจะได้ใช้กันก็คงอีกประมาณ 4-5 ปี ข้างหน้าแหละครับ แต่ถ้าเมื่อไรการสร้าง BTS เสร็จแล้ว สายนี้เป็นสายหลักคงจะได้ใช้บริการแน่นอน ซึ่งในระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้านั้น ก็คงจะส่งผลกระทบกับการจราจรบนถนนพหลโยธินเป็นอย่างมากแน่นอน ดังนั้นลูกบ้านทั้งหลายที่เน้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลระหว่างนี้ก็ต้องทำใจกันหน่อย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถก็ต้องพึ่งพารถเมล์ รถตู้และรถ Taxi เป็นหลัก ป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการ Chapter One The Campus เลย ดังนั้นก็คงจะไม่มีปัญหาในการรอรถเมล์แน่นอน เด็กเกษตร และ / หรือ บุคลากร ข้าราชการ ม. เกษตร ทั้งหลายก็สามารถเดินไปมหาวิทยาลัยได้อย่างสะดวกมาก แต่บริเวณสี่แยกเกษตรนั้นไม่มีสะพานลอยคนเดินข้าม ผมแนะนำว่าให้อ้อมหน่อย เลี้ยวซ้ายไปใช้สะพานลอยที่ถนนงามวงศ์วานจะปลอดภัยกว่ามากครับ

วัสดุของโครงการ Chapter One The Campus ให้มาเป็นจำนวนชิ้นที่เยอะ ครบถ้วน และมีชุดเฟอร์นิเจอร์ Build-In มาให้ก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับราคา 99,000 บาทต่อตารางเมตร ก็ยังมีส่วนที่ขาดและน่าจะให้มาด้วยก็คือ เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, ฉากกั้นอาบน้ำ

การออกแบบห้องชุด Studio ทำออกมาได้ดี ช่องที่เก็บของเยอะ ใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วได้เป็นประโยชน์ ผมชอบ Function ที่เป็นมุมโซฟาแยก เพราะจะรู้สึกเหมือนเป็นมุมส่วนตัวให้นั่งทำการบ้าน อ่านหนังสือ นั่งทำงาน กินข้าวได้ และได้แสงธรรมชาติด้านข้างส่องเข้ามาด้วย จุดที่ทำออกมาได้โอเคอีกจุดหนึ่งก็คือระเบียง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นห้อง Studio ขนาด 22 กว่าๆตารางเมตร ก็ยังทำระเบียงออกมาใหญ่ วางเครื่องซักผ้าได้จริง ตากผ้าได้จริง ใช้งานได้จริง และแขวนคอมแอร์ไว้ข้างบนให้ด้วย

การออกแบบตึกนั้นทำออกมาภายใต้คอนเซปท์ Knowledge Community มีตึกเตี้ยอยู่ทั้งหมด 7 อาคาร แต่ละอาคารมีห้องพักประมาณ 110 ห้อง มีลิฟท์ 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร ทำให้อัตราส่วนลิฟท์นั้นดูดีไม่มีปัญหา อยู่ที่ประมาณ​ 1:50 – 1:60 และจำนวนห้องพักสูงสุดต่อชั้นนั้นก็อยู่ที่ 15 ห้อง ไม่มากจนเกินไป ทำให้ความแออัดนั้นน้อยกว่าตึก High Rise ใหญ่ๆ ด้วยความที่ที่ดินแปลงนี้มีขนาดเกือบ 8 ไร่ พอทำออกมาเป็น Campus ในลักษณะนี้ก็ไม่ทึบจนเกินไปครับ

จุดที่ต้องคอมเม้นท์อีกจุดก็คือ Chapter One The Campus นั้น เน้นแต่ห้องเล็กๆเพียงอย่างเดียว Studio และ One Bedroom นั้นก็ปาไป 600 ยูนิตปลายๆ ห้องแล้ว ในขณะที่ Two Bedrooms มีเพียง 99 ห้อง แถมยังเป็น 2 Bedrooms แบบ 2 Bed 1 Bath อีกต่างหาก ทำให้ตัดกลุ่มลูกบ้านที่ต้องการห้องใหญ่ออกไปเลย ตรงจุดนี้เลยอาจจะไม่โดนใจของคนหลายๆคน เช่นบุคลากรใน ม.เกษตร ที่มีความสามารถในการซื้อระดับหนึ่ง มีงบที่จะซื้อห้องไซส์ 2 Bed ได้เขาก็คงอยากจะได้ห้องใหญ่ขนาด 60 – 70 ตารางเมตร แต่กลับไม่มีออพชั่นนี้ให้พวกเขาเลือกนะครับ

Court กลางชั้น G เป็นจุดที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดของ Facility ที่จัดมาให้หลายฟังก์ชั่น ตั้งแต่ห้องสมุด, สระว่ายน้ำ, ห้องโยคะ, ห้องออกกำลังกาย, Lounge นั่งเล่น ตลอดจน Shops ต่างๆ 15 ร้านค้า, Lobby 7 ชุดแยกกันในแต่ละตึก และ Courtyard อีก 3 จุดที่เป็นตำแหน่งของพื้นที่สีเขียว จัดทำ Landscape เชื่อมกันเป็นพื้นที่ใหญ่ที่ต่อเนื่องเป็นผืนเดียวกัน ทำให้ภาพรวมของ Facility นั้นดูดีมาก แต่ความครบเครื่องก็ต้องแลกมาด้วยขนาดของ Facility ต่างๆที่ลดลง เมื่อเทียบกับจำนวนห้อง 768 ห้อง ก็อาจจะไม่ได้มากนะครับ เรียกว่าแบ่งๆกันใช้งานในแต่ละฟังก์ชั่นก็แล้วกัน

สุดท้ายเมื่อเทียบทำเลสี่แยกเกษตรที่ติดถนนใหญ่อย่างโครงการ Premio Vetro หรือ Chapter One The Campus กับทำเลในซอยเสนานิคม อย่าง Condo U, The Key , D’ Mura แม้ว่าทำเลจะใกล้กันในรัศมี 1 กิโลเมตร แต่ความโดดเด่นและความอุดมสมบูรณ์ของทำเลนั้นแตกต่างกันค่อนข้างเยอะมากนะครับ หากราคาแตกต่างกันประมาณ 20-25% ก็ยังสามารถยอมรับได้ แต่ถ้าราคาโดนกันเกินไปถึง 30-40% ผมก็เริ่มคิดว่าจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร ที่ผมบอกเป็น % ไม่ได้บอกเป็นราคาต่อตารางเมตรออกมาเลยนั้น ก็เพราะต้องการเผื่อให้ผู้ที่อ่านรีวิวนี้ในอนาคต ที่มาเปรียบเทียบคอนโดในย่านเสนากับแยกเกษตร ก็สามารถใช้ % เป็นตัวเลขที่ช่วยในการพิจารณาเรื่องราคาโดยคร่าวๆได้ครับ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 99,762 บาท/ตร.ม., 22 September 2015

  • ทำเล 8.0/10 – ติดถนนใหญ่พหลโยธิน ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งชุมชน หาของกินง่าย ไม่เปลี่ยว
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – จากโครงการจะเข้าในเมืองหรือออกนอกเมืองก็ไปได้หลายเส้นทาง แต่ปัญหาคือการจราจรที่หนาแน่นมาก
  • ไม่ใช้รถ 8.0/10 –  สามารถเดินเท้าไป ม.เกษตร และตลาดต่างๆได้ อยู่ใกล้ป้ายรถเมล์, พี่วิน, จุดเรียกแท็กซี่และรถตู้ (อนาคตมีรถไฟฟ้าผ่าน)
  • วัสดุ 7.50/10 – มาตรฐานตามราคานี้ และได้ Fully Funished แต่ก็แอบขาดนิดๆหน่อยเช่น Hob&Hood และฉากกั้นอาบน้ำ
  • แบบ 7.75/10 – อัตราส่วนต่างๆค่อนข้างดี พื้นที่ใช้สอยโอเค มีแต่ห้องเล็ก ไม่ทำห้องใหญ่
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – ฟังก์ชั่นครบให้มาหลากหลาย พื้นที่ต่อเนื่อง ที่จอดรถน้อยไปนิดนึง

  • UPPER CLASS
  • 7.80 / 10.00

BOTTOM LINE

Chapter One The Campus เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่คนเดียวหรือครอบครัวขนาดเล็ก กลุ่มเป้าหมายหลักคงจะเป็นเด็กนักศึกษาบุคลากรในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือผู้ที่มีที่ทำงานอยู่ตามร้านค้าและตลาดโดยรอบ เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวบ้าง ไม่กลัวรถติด หรือสะดวกเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ มีงบประมาณ 2.1 – 4.6 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือน 15,500 – 32,000 บาท

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )