รีวิวฉบับที่ 1273 … สวัสดีค่ะ หลังจากที่เราได้พาไปชมทำเล และห้องตัวอย่างของโครงการใหม่ Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา จาก SC Asset กันไปแล้ว วันนี้เรามีรีวิวเจาะลึกโครงการมาให้อ่านกันต่อแล้วนะคะ สำหรับโครงการนี้เป็นคอนโดมิเนียมตัวที่ 2 ต่อจากคอนโดรุ่นพี่อย่าง Chambers รามอินทรา ที่มาเปิดทำเลบนถนนรัชดา-รามอินทรา สำหรับ Chambers Cher นี้จะเน้นห้องไซส์ Compact มากขึ้นจาก Chambers รามอินทรา ในราคาแพ็กเกจที่หยิบจับง่ายขึ้น เริ่มต้น 1.89 ล้านบาท เดี๋ยวเราตามไปชมโครงการพร้อมๆ กันเลยค่ะ 

 

Fact @ 17 January 2017

  • Chambers Cher Ratchada – Ramintra (แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา-รามอินทรา)
  • บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : คันนายาว ถ.รัชดา-รามอินทรา
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 252 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 183 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ที่ดินประมาณ 4-1-85.2 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ธันวาคม 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : พฤศจิกายน 2560
  • 1 Bedroom 33.09 – 33.12 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus 43.05 – 43.54 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.8 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 58.12 – 58.87 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 69,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1749

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.820177, 100.667045

เรามีรีวิวฉบับ พาชมทำเลโครงการ Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา สามารถอ่านทำเลโครงการได้โดย (คลิกที่นี่)

โครงการ Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา ตั้งอยู่บนถนนรัชดา-รามอินทรา ถนนสายสั้นๆ ที่เชื่อมจากถนนรามอินทราไปสุดที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ และตัดผ่านอีก 2 ถนนคือ ถนนนวมินทร์ และซอยนวลจันทร์ ซึ่งเป็นซอยสำคัญที่ใช้ลัดเข้าถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบด่วนรามอินทรา) ได้ ตำแหน่งของโครงการจะตั้งอยู่ฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนเกษตร-นวมินทร์ อยู่ตรงข้ามกับ The Junction เป็นคอมมูนิตี้ มอลล์ขนาดย่อมๆ ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านทำผม คาเฟ่ และ 7-11 อีกด้วย


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา เป็นคอนโดตัวที่ 2 ต่อจาก Chambers รามอินทรา ที่มาเปิดทำเลบนถนนตัดใหม่รัชดา-รามอินทรานี้ รูปแบบโครงการเป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 252 ยูนิต บนเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ตัวโครงการออกแบบมาในสไตล์ที่ Modern ภายใต้ Concept คอนโดอารมณ์บ้าน ด้วยการออกแบบห้องหน้ากว้าง และตกแต่งพื้นที่สวนกลางให้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่หลากหลายพันธุ์ เปรียบเสมือนเป็นสวนในบ้าน

ภาพบรรยากาศและทัศนียภาพจำลองมุมสูงจะเห็นวางตัวอาคารทั้ง 2 อาคารวางเยื้องกันอยู่ โดยมีส่วนที่หันหน้าเข้าหากันในระยะประชิดเพียงไม่กี่ห้องในแต่ละชั้นเท่านั้น ซึ่งห้องส่วนใหญ่จะมีระยะห่างระหว่างอาคารประมาณนึงไม่ประชิดมากนัก เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ระดับนึง ส่วนตรงกลางเค้าจัดให้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้เป็นวิวสำหรับห้องที่หันหน้าเข้าด้านใน โดยรวมถือว่ามีการวางผังโครงการในพื้นที่ 4 ไร่นี้ได้ลงตัวดีนะคะ

มาดูที่ Model กันบ้าง สำหรับทางเข้า-ออกโครงการจะอยู่ฝั่งซ้าย มีเพียงทางเข้า-ออกเดียวนะคะ เข้ามาจะเป็นถนนรอบโครงการพร้อมที่จอดรถในชั้นล่างทั้งใต้อาคารและแบบกลางแจ้ง รวมทั้งหมด 183 ช่องจอด (ไม่รวมซ้อนคัน) ซึ่งก็ถือว่าให้มาเยอะทีเดียวสำหรับราคาเฉลี่ย 69,000 บาท/ตร.ม. และก็ตอบโจทย์กับคอนโดที่ตั้งอยู่บนทำเลที่เน้นการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลักด้วย ส่วนผังโครงการที่วางอาคารไว้ล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลางตรงกลางนอกเหนือจากข้อดีเรื่องวิวภายในแล้ว ก็คงจะเป็นการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางที่ไม่โดนแดดจังๆ ก็เพราะมีตัวตึกนี่แหละช่วยบังแดด และให้เงาร่มรื่นกับพื้นที่ส่วนกลางด้วย (ยกเว้นตอนเที่ยงที่พระอาทิตย์อยู่ตรงหัวเป๊ะนะ 55)

มาดูทิศเหนือ หรือด้านหน้าโครงการกัน สำหรับห้องฝั่งนี้ของอาคาร B จะอยู่ใกล้กับถนนใหญ่ลึกเข้ามาตาม Set Back หรือประมาณขนาดความกว้างของถนนภายในอาคาร ซึ่งก็อาจจะมีผลในเรื่องของฝุ่นควันและเสียงรถบ้าง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะถนนเส้นนี้ไม่ได้เป็นถนนที่คึกคักหรือรถติดมากนัก ส่วนข้อดีของห้องทิศเหนือก็คงจะเป็นเรื่องของแดดที่ไม่โดนแดดตอนบ่ายจังๆ ทำให้ภายในห้องไม่ได้ร้อนมากนักในช่วงกลางวันเมื่อเทียบกับทิศอื่นๆ รวมทั้งวิวภายนอกที่ไม่มีอาคารใกล้เคียงในระยะประชิดนะคะ สำหรับใครที่อยู่ชั้นล่างๆ ประมาณชั้นที่ 2-3 ก็คงไม่เจอเหตุการณ์เปิดหน้าต่างมาจ๊ะเอ๋กับใครใกล้ๆ

ทิศตะวันออก อยู่ติดกับซอยย่อยและพื้นที่เปล่าข้างเคียง ซึ่งในอนาคตทาง SC Asset จะทำโครงการบ้านเดี่ยว ทำให้วิวฝั่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบดีทีเดียว

มาที่ด้านหลังโครงการหรือทิศใต้กันบ้างนะคะ สำหรับทิศนี้ตำแหน่งการวางอาคารเค้าจะไม่ได้หันไปทางทิศใต้ตรงๆ นะคะ จะเบนไปทางทิศตะวันออกหน่อยๆ ทำให้ไม่โดนแสงแดดร้อนช่วงบ่ายๆ ส่วนวิวในทิศนี้ก็จะคล้ายกับทิศตะวันออกนี่แหละค่ะ คือวิวหมู่บ้าน ค่อนข้างเงียบสงบระดับนึง เหมาะกับใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวพอสมควร เมื่อเทียบกับห้องฝั่งทิศเหนือนะ แต่ก็แลกมากับทิศที่โดนแดดมากกว่าทิศเหนือหน่อย ซึ่งยังดีที่ตัวอาคารเบนไปทางทิศตะวันออกเล็กน้อยก็พอช่วยได้บ้างนะ

ทิศตะวันตก เป็นอีกฝั่งที่โดนแดดเหมือนกัน และอยู่ติดกับชุมชนเคหะที่เป็นอาคารสูงประมาณ 4-5 ชั้น ซึ่งจะค่อนข้างเป็นชุมชนหนาแน่นและคึกคักพอสมควร แต่ยังดีที่ตัวอาคารของเคหะชุมชนไม่ได้หันหน้ามาประชันกับโครงการนะคะ

มาดูพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ตรงกลาระหว่างอาคารทั้ง 2 กันนะคะ สำหรับขนาดของพื้นที่ส่วนกลางนี้เค้าก็ให้มาพอสมควรเหมือนกันนะ กับขนาดโครงการที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก โดยมีทั้งส่วน Club House ที่ด้านล่างเป็น Lobby และชั้นบนเป็น Fitness ด้านนอกมีสระบัวล้อมรอบ Sunken Seat ซึ่งจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนชิลๆ และสระว่ายน้ำทั้งผู้ใหญ่และเด็กขนาดประมาณ 27 x 6.5 ม. ถือว่าให้มาพอสมควรเลยนะคะ เมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย ใช้เป็นสระแบบออกกำลังกายได้เลย

มาดูส่วน Club House ของจริงกัน ซึ่งปัจจุบันเค้าสร้างส่วนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ แต่ทำเป็นส่วน Sale Office กันก่อน หน้าตาของ Club House สไตล์ Modern และมีเอกลักษณ์ดี เป็นรูปทรงบ้านหลังคาไม่เท่ากันในแต่ละด้านด้วย

ทางเข้าจะอยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อย ทำให้ทางเข้าส่วน Lobby เด่นมากยิ่งขึ้น

เปิดประตูเข้ามาส่วนนี้จะค่อนข้างโปร่งโล่งและแสงเข้ามาได้ดี เพราะเค้าเว้นพื้นที่ชั้นบนไว้เล็กน้อยเพื่อทำเป็น Double Space ทำให้ได้ช่องเปิดมากขึ้น

ถัดมาข้างในเป็นส่วน Lobby โครงการตกแต่งมาให้ความรู้สึกแบบ Cozy ดีทีเดียวค่ะ

ด้านหลังเค้าออกแบบให้เป็นประตูกระจกบานใหญ่ตลอดแนว เพราะด้านหลังส่วน Club House นี้จะติดกับส่วนบ่อบัวและสระว่ายน้ำของโครงการ ทำให้ภายใน Lobby ได้วิวภายนอกได้ดี รวมทั้งวันไหนอากาศดีๆ ลมเย็นๆ ก็เปิดประตูรับลมชิลๆ ได้ไม่ต้องเปิดแอร์ด้วย ช่วยประหยัดค่าส่วนกลางได้นะ

จากภาพบรรยากาศจำลองเทียบกับของจริงแล้ว Interior เหมือนมาก จะมีแตกต่างตรงเฟอร์นิเจอร์ ที่จะโล่งๆ หน่อย มีวางชุดเก้าอี้โซฟา และโซฟา 3 ที่นั่งให้อย่างละชุด

สุดทางเป็นบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 ซึ่งจะเป็นห้อง Fitness ในอนาคตนะคะ แต่ตอนนี้ยังจัดเป็นห้องประชุมและห้องทำงานของพนักงานไปก่อน

หน้าตาภายในห้อง Fitness จากภาพจำลองนั้นออกแบบมาให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยการใช้วัสดุลายไม้ และโทนสีน้ำตาล ด้านหน้าเครื่องเล่นเป็นกระจกยาวตลอดแนวได้วิวจากสระว่ายน้ำได้ดี

ถัดจาก Club House เข้ามาด้านในเป็นส่วนสระว่ายน้ำและสระบัวที่ล้อมรอบ Sunken Seat อยู่ ด้านข้างมี Pool Deck Terrace วาง Day Bed ให้ประมาณ 5 ตัว

ส่วน Sunken Seat ที่ล้อมรอบด้วยสระบัวได้บรรยากาศชิลๆ ดี ถ้าได้ที่นั่งแบบ Outdoor ให้มานั่งเล่นตรงนี้จะดีมากเลยย

บรรยากาศริมสระจากภาพจำลองให้บรรยากาศร่มรื่น ดูผ่อนคลาย ตาม Concept ของโครงการ “คอนโด อารมณ์บ้าน” ด้วยการเน้นปลูกต้นไม้ใหญ่ ให้พื้นที่สีเขียวพอสมควร

มาดู Master Plan โครงการกันบ้างนะคะ สำหรับชั้นล่างของอาคารทั้ง 2 อาคารนั้นจะไม่ได้มีส่วน Lobby แยกนะคะ พอจอดรถแล้วก็แยกขึ้นโถงลิฟต์แต่ละอาคารกันเลย ส่วน Lobby มีอยู่จุดเดียวคือชั้นล่างของ Club House นั้นเอง และในชั้นล่างนี้จะเป็นที่จอดรถเกือบทั้งหมด จะมีห้องน้ำส่วนกลางและห้องนิติบุคคลที่จัดให้อยู่ใต้อาคาร B ฝั่งซ้ายมือ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเริ่มเป็นชั้นห้องพักอาศัยแล้วนะคะ สำหรับอาคาร A และ B นั้นต่างมีความหนาแน่น จำนวนลิฟต์และจำนวนยูนิตเท่าๆ กัน คือมีจำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 18 ยูนิต มีจำนวนลิฟต์โดยสาร 2 ตัว และอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 63:1 ซึ่งจัดว่าเป็นอาคารที่มีหนาแน่นน้อย ตามฉบับคอนโด Low Rise มีความเป็นส่วนตัวระดับนึง ไม่วุ่นวาย และที่สำคัญไม่ต้องแย่งกันใช้ลิฟต์มากนัก ภาพรวมแล้วแล้วอาคารทั้ง 2 ไม่แตกต่างกันมากนัก ที่จะแตกต่างอยู่บ้างคือผังอาคาร อย่างอาคาร A นั้นตำแหน่งลิฟต์จะอยู่ค่อนไปทางด้านซ้ายหน่อย ก็ทำให้ห้องฝั่งขวาเดินไกลนิดนึง และห้องฝั่งซ้ายมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกหน่อย เพราะมีเพื่อนร่วมชั้นผ่านห้องน้อยกว่าฝั่งขวาเล็กน้อย ส่วนอาคาร B เค้าจัดออกมาให้ตำแหน่งลิฟต์อยู่ตรงกลางๆ ทำให้ห้องทั้ง 2 ฝั่งหารระยะทางเดินออกเท่าๆ กันอยู่ และมีช่องเปิดตรงกลางใกล้ๆ กับส่วนโถงลิฟต์ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาได้ดี รวมทั้งเรื่องของการระบายอากาศบริเวณโถงลิฟต์ด้วยเช่นกัน

ส่วน Club House ในชั้น 2 จะเป็นส่วน Fitness นั่นเองค่ะ

ผังชั้น 3 ในส่วนของตัวอาคาร A และ B ไม่แตกต่างจากชั้น 2 นะคะ มีที่แตกต่างคือส่วน Club House ที่ชั้นนี้จะทำเป็นดาดฟ้าค่ะ

ชั้น 4-8 ในส่วนของอาคาร A และ B ก็เหมือนผังชั้น 2 เช่นเดียวกันเลยค่ะ ^^

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 27 x 6.5 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 4-5 เครื่อง
  • Sunken Seat
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 63 :  1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 63 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 63 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 183 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน)
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

ห้องพักของโครงการนี้เค้าจะดีไซน์ห้องเป็นห้องหน้ากว้างในทุกๆ Type เพื่อให้เป็นไปตาม Concept “คอนโดอารมณ์บ้าน” เนื่องจากห้องหน้ากว้างนี้จะได้ช่องเปิดมากขึ้น ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งและมีแสงสว่างเข้ามาได้ดี เสมือนอยู่บ้าน มากกว่าห้องแบบหน้าแคบลึกนะคะ ส่วนรูปแบบการตกแต่งห้องของโครงการนี้ให้มาแบบ Fully Furnished ด้วยเฟอร์นิเจอร์จาก SB Furniture จากการออกแบบจาก SC Asset ค่ะ เดี๋ยวเราไปดูห้องตัวอย่างกัน

สำหรับห้องแรกที่เราจะพาไปดูกัน คือ ห้อง 1 Bedroom Plus (Juliet Balcony) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 43 ตร.ม. ห้องนี้จัดฟังก์ชันออกมาได้ค่อนข้างลงตัว และมีขนาดห้องที่สามารถอยู่ได้สบายๆ สำหรับ 2-3 คน ค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่นั่งเล่น และส่วนรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลาง และมี Juliet Balcony เป็น Gimmick งานออกแบบของห้องนี้ (เส้นประ) เป็นประตูบานเลื่อนสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน และมีระเบียงหลอกติดไว้ด้านนอกเพื่อกันตก ไม่ได้เป็นระเบียงออกมาใช้งานจริงนะคะ แต่ที่เค้าทำแบบนี้ก็เพื่อให้สามารถติดประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ได้แทนที่จะติดเป็นหน้าต่างบานเลื่อนมาตรฐานทั่วไปนั่นเองค่ะ ส่วนห้องนอนใน Type นี้มีทั้งหมด 2 ห้อง โดยห้องนอนใหญ่จะอยู่ติดภายนอก ส่วนห้องนอนเล็กอยู่ด้านในไม่ติดหน้าต่าง ซึ่งก็จะได้แสงสว่างจากด้านนอกยาก ดังนั้นเค้าเลยออกแบบให้ประตูห้องนอนนี้เป็นประตูบานเลื่อนกระจกเพื่อให้แสงสว่างจากส่วนพื้นที่นั่งเล่นนั้นเข้ามาภายในห้องได้ด้วยค่ะ และสำหรับห้องนอนเล็กนี้นั้นจริงๆ แล้วสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องอเนกประสงค์ อย่างห้องทำงานได้นะคะ สำหรับใครที่อยู่กันเพียง 2 คน ในส่วนของห้องครัวแม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักแต่ก็ได้เป็นครัวปิด และจัด Pantry รูปตัว L ให้ ซึ่งค่อนข้างพิเศษกว่าที่อื่นๆ นะคะ สำหรับแปลนครัวแบบนี้มักจะได้ Pantry รูปตัว I ปกติ การทำเป็นรูปตัว L ทำให้ได้พื้นที่เตรียมอาหารมากขึ้นค่ะ

มาดูห้องตัวอย่างกันเลยค่ะ ประตูที่นี่เป็นบานประตู HDF ปิดผิวด้วยลามิเนตเรียบร้อย มือจับให้เป็นแบบก้านโยกมาตรฐานค่ะ

พื้นห้องยกระดับจากพื้นภายนอกเล็กน้อย ปิดขอบด้วยหินสังเคราะห์สวยงาม ส่วนพื้นภายในห้องเป็นพื้นลามิเนตค่ะ

เข้ามาจะเป็นโถงเล็กๆ ก่อนเชื่อมไปยังส่วนพื้นที่นั่งเล่นด้านใน บริเวณนี้กว้างประมาณ 1.2 ม. เดินได้สบายๆ ส่วนทางขวาเป็นห้องน้ำ และด้านซ้ายจะเป็นห้องนอนเล็ก

มาดูด้านขวากันก่อนนะ ก่อนจะถึงส่วนห้องน้ำ จะเป็นชุด Built-in ตู้ของที่สูงจากพื้นถึงฝ้ากันเลยดีทีเดียวค่ะ ภายในจะเป็นชั้นวางของประมาณนี้ ใครจะวางของจุกจิกหรือวางรองเท้าได้

มาดูห้องน้ำกันต่อนะคะ ด้านหน้ายกธรณีขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมาด้านนอกได้ระดับนึง พื้นในห้องน้ำกรุเป็นกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.

ภายในแบ่งส่วนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนชัดเจนนะคะ สำหรับส่วนแห้งฝั่งที่ติดสุขภัณฑ์จะกรุกระจกเงาบานใหญ่แบบนี้ให้เลยเป็นมาตรฐาน

ขนาดความกว้างของพื้นที่ส่วนแห้งประมาณ 1.7 ม. แบ่งเป็นส่วนอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์อย่างละครึ่งๆ เป็นสัดส่วนกระทัดรัด พอดีๆ

มาดูที่อ่างล้างมือจาก Mogen กันต่อ ขนาดกำลังดีค่ะ ไม่เล็กและใหญ่เกินไป

ด้านล่าง Built-in ตู้เก็บของเล็กๆ ไว้ให้สำหรับเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ จากยี่ห้อ Mogen เช่นกันค่ะ

ด้านข้างของอ่างติดปลั๊กไฟแบบกันน้ำไว้ให้ด้วยนะคะ เพื่อใครจะใช้ไดร์ผม หรือหนุ่มๆ จะโกนหนวดไฟฟ้ากัน

ในส่วนพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อย

ในส่วนพื้นที่อาบน้ำก็มีธรณียกขึ้นเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนได้ดี ขนาดพื้นที่อาบน้ำค่อนข้างกะทัดรัดพอสมควร ประมาณ 1 x 0.7 ม.

ฝั่งที่ติดกับฝักบัวสายอ่อน ด้านข้างเว้นช่องให้สำหรับวางครีม สบู่ได้ดี

ส่วนฝักบัวสายอ่อนจากยี่ห้อ American Standard มือจับขนาดถนัดมือ แข็งแรง หัวฝักบัวขนาดกำลังดีค่ะ

สำหรับฝั่งตรงข้ามกับห้องน้ำนั้นจะเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องอเนกประสงค์ กั้นห้องด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอนแบบนี้ เพื่อให้แสงสว่างจากส่วนโถงทางเดินและพื้นที่นั่งเล่นที่มีช่องเปิดเชื่อมกับด้านนอกนั้นเข้ามาภายในห้องนอนเล็กได้ดี เนื่องจากตำแหน่งของห้องนอนเล็กที่อยู่ด้านในและไม่มีหน้าต่างหรือกระจกที่ติดกับส่วนภายนอกอาคารเลย ซึ่งก็ถือว่าออกแบบมาแก้โจทย์เรื่องการนำแสงสว่างธรรมชาติเข้ามาภายในห้องได้ดีนะคะ แต่ก็ต้องแลกมากับความเป็นส่วนตัวที่ลดลงไปด้วยนะคะ สำหรับใครที่จะจัดห้องนี้ให้เป็นห้องนอนเล็กนั้นก็อาจจะต้องติดฟิล์มฝ้าเพิ่มเติมหรือจะติดม่านก็ได้ค่ะ แล้วแต่ความชอบและงบประมาณเลย

ขนาดของห้องนอนเล็กอยู่ที่ประมาณ 2.2 x 2.7 ม. ภายในปูด้วยพื้นลามิเนตเช่นเดียวกับพื้นด้านนอก

ด้วยขนาดห้องไม่ได้ใหญ่มากนัก สำหรับใครที่จะจัดเป็นห้องนอนก็เหมาะกับการวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต (Single Bed) นะคะ จะได้เหลือพื้นที่ทางเดินให้เดินได้ง่ายขึ้น ส่วนในห้องตัวอย่างนั้นเค้าจัดให้เป็นห้องทำงาน วางโต๊ะและโซฟาให้แบบนี้ก็ดูกำลังพอดีกับพื้นที่

ด้านข้างที่ติดกับประตูบานเลื่อน มี Built-in ตู้เสื้อผ้าเล็กๆ ให้ด้วยนะคะ สำหรับใครที่จัดห้องนี้เป็นห้องนอนก็ไม่ต้องซื้อตู้มาวางเองให้กินพื้นที่ไปอีก ส่วนด้านบนตู้เสื้อผ้าที่เห็นเป็นช่องว่างนั้น อย่าปล่อยทิ้งให้ฝุ่นเกาะหรือเปลืองพื้นที่ใช้สอยนะ เราสามารถซื้อกล่องพลาสติกสำหรับใส่ของที่พอดีๆ กับช่องว่าง วางซ้อนขึ้นด้านบนตู้เสื้อได้ ไม่ต้อง Built-in เพิ่มให้เสียสะตุ้งสตังเพิ่มก็ได้

มาที่ส่วน Common Area หรือพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารอาหารนะคะ บริเวณนี้จะค่อนข้างโปร่งโล่งทีเดียว ด้วยฝ้าเพดานสูง 2.5 ม. ซึ่งจัดมาให้สูงกว่า Chambers Chaan ตัวก่อนหน้าที่ให้ความสูงฝ้าเพดาน 2.4 ม. รวมทั้งด้านในสุดนั้นได้ประตูบานเลื่อนที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานกันเลยทีเดียว ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาได้ดีพอสมควรเลยค่ะ

สำหรับพื้นที่รับประทานอาหารนั้นจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับส่วนนั่งเล่นนะ วางโต๊ะและเก้าอี้ได้ 2 ที่นั่งกำลังพอดีๆ

ส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็ได้ตามห้องตัวอย่างเลย

มาต่อที่ส่วนรับประทานอาหารกันต่อนะคะ ขนาดพื้นที่บริเวณนี้อยู่ที่ประมาณ 3 x 2.8 ม. และมีระยะทีวีประมาณ 2.7 ม. เหมาะกับวางทีวีขนาดประมาณ 42″- 50″ จะกำลังพอดีกับระยะสายตา และจุดเด่นของห้องนี้เลยคือตรงกลางส่วนพื้นที่นั่งเล่นนี่แหละค่ะ ที่เรียกว่า Juilet Balcony จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ระเบียงที่ออกไปใช้งานได้นะคะ แต่เป็นราวกันตกหลอกไว้ เพื่อให้สามารถทำเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอนที่สูงจากพื้นถึงฝ้าได้ ซึ่งเวลาอากาศดีดีจะเปลี่ยนบรรยากาศแทนที่จะเปิดแอร์อย่างเดียวก็มาเปิดประตูบานเลื่อนรับลมแทนก็ได้นะ

มาดูเฟอร์นิเจอร์ที่ได้กันหน่อย สำหรับโซฟาที่ได้เป็นโซฟาผ้า 2 ที่นั่ง และโต๊ะกลางแบบนี้เลย

ชั้นวางทีวีได้ตามแบบห้องตัวอย่างเลยเช่นกัน ด้านล่างเป็นบานเลื่อนเปิดออกได้ 2 ด้าน สามารถเก็บของภายในได้

มาที่ส่วนครัวกันบ้างนะคะ ในส่วนครัวจะได้เป็นครัวปิดเป็นสัดส่วน ซึ่งจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน

ประตูเดินรางด้านบน ทำให้เดินได้สะดวก ไม่สะดุด ส่วนพื้นภายในครัวนั้นปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ทำความสะอาดได้ง่าย เวลาทำครัวเลอะเทอะก็ไม่ต้องกลัวว่าพื้นจะเสีย เหมือนลามิเนตที่ไม่ทนความชื้นและความร้อนมากนัก

Pantry ครัวได้เป็นรูปตัว L ด้วยนะคะ ซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นมากนักในคอนโดที่จัดแปลนครัวแบบแคบลึกแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็จะได้ Pantry รูปตัว I ปกติ ซึ่งการที่เค้าทำ Pantry รูปตัว L มาให้แบบนี้ทำให้มีพื้นที่ในการเตรียมอาหารหรือวางของมากขึ้นนะ ในส่วนของความกว้างของทางเดินอยู่ที่ประมาณ 80 ซม. เป็นระยะที่มีความกว้างพอประมาณ เดินได้ ไม่แคบจนเกินไป

มาเจาะ Details บริเวณ Pantry กันต่อนะคะ ด้านบนได้ชุดตู้ Built-in เรียบร้อยมีชั้นให้วางของเยอะพอสมควร และใช้บานเปิด Soft Closed ทั้งหมด ส่วนผนังครัวนั้นจะได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีปกตินะคะ ซึ่งอาจจะทำความสะอาดยากซะหน่อย หรือเป็นคราบน้ำมันต่างๆ ติดผนังได้ ทางที่ดีแนะนำให้กรุกระเบื้องผนังหรือกระจกติดเพิ่มเติมไป เพื่อที่จะทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น และดูสวยงามด้วยนะคะ

Sink ล้างจานเป็นแบบหลุมเดี่ยว ขนาดกะทัดรัดจาก MEX ส่วนท็อปครัวได้เป็นหินแท้ ลายมาตรฐาน ถือว่าให้มาดีเมื่อเทียบกับราคานะคะ

ส่วนเตา เป็นเตาเซรามิก 2 หัว พร้อม Hood แบบหมุนเวียน จาก MEX เช่นเดิม

ส่วนด้านล่างก็จะเป็นบานเปิดส่วนใต้ Sink ล้างจาน มีลิ้นชักเล็กๆ ให้ 3 ชั้น ชั้นบนเก็บพวกช้อนส้อมต่างๆ ฝั่งซ้ายเป็นช่องเก็บของ ขนาดวางไมโครเวฟได้กำลังพอดีค่ะ

อีกฝั่งเป็นที่วางเครื่องซักผ้า ซึ่งต้องใช้แบบฝาหน้าเท่านั้นนะ ขนาดที่รองรับได้ก็ประมาณ 7-7.5 kg. ค่ะ

มาที่ระเบียงซักล้างกันต่อ ในส่วนนี้จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอนเพื่อให้สามารถเปิดประตูได้กว้างมากขึ้น ด้วยขนาดพื้นที่ที่ค่อนข้างแคบ

ขนาดระเบียงซักล้างค่อนข้างกะทัดรัดพอสมควรเลยทีเดียว ประมาณ 1.5 x 1 ม. มีพื้ที่ในการตากผ้าหรือซักล้างค่อนข้างน้อยพอสมควรเลยทีเดียวนะคะ ซึ่งก็แลกมากับหน้ากว้างของส่วนนั่งเล่นนะ ที่ให้มากว้างและใช้พื้นที่เยอะ

ส่วน CDU แอร์จะแขวนขึ้นไม่ไปกินพื้นที่ซักล้าง และหันเข้าระเบียงแบบนี้ค่ะ ใครไม่อยากให้ลมร้อนเป่าเข้าผนังในห้องก็ติดกริลเบี่ยงความร้อนได้ ไม่ยากค่ะ

มาที่ห้องนอนกันต่อเลย ขนาดของห้องนอนนี้อยู่ที่ประมาณ 2.7 x 3.5 ม. ได้เตียงนอนขนาด Queen Size (ไม่รวมฝูก) และโต๊ะข้างเตียงอีก 2 ตัว

ห้องนอนนี้ก็ดูโปร่งโล่งด้วยกระจกขนาดใหญ่ที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเช่นกัน ส่วนหน้าต่างนั้นเป็นหน้าต่างแบบบานกระทุ้งขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง

อีกฝั่ง Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ให้ด้วยนะคะ แบ่ง 2 ตู้ติดกันเลย ใครอยู่เป็นคู่ก็แยกกันใช้ได้คนละตู้เลยไม่ต้องแย่งกัน 555

ด้วยความที่เหลือพื้นที่ทางเดินพอสมควร ดังนั้นถึงแม้ว่าจะได้เป็นตู้เสื้อผ้าแบบบานเปิดก็ไม่ได้กินพื้นที่ทางเดินจนเดินไม่ได้นะ

ส่วนทางเดินปลายเตียงและอีกด้านของเตียงก็มีทางเดินให้เดินได้ง่ายเช่นกันค่ะ

มาดูห้องใหญ่ที่สุดของโครงการนี้กันต่อเลยนะ สำหรับห้องใหญ่สุดเลยของโครงการจะเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 58 ตร.ม. เป็นห้องที่มีจำนวนยูนิต 91 ยูนิต รองลงมาจากห้อง 1 Bedroom Plus ที่พาไปชมกันห้องที่แล้ว แค่ 7 ยูนิตเท่านั้น ก็ถือว่ามีจำนวนยูนิตใกล้เคียงกันเลยนะคะ สำหรับห้องนี้นั้นเหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย เน้นพื้นที่ภายใน Master Bedroom กว้างขวางมากขึ้นและมีห้องน้ำภายในห้องนอน ส่วนห้องนอนเล็กถูกปรับให้มาอยู่ติดกับภายนอก ได้หน้าต่างและรับแสงธรรมชาติได้ดีมากกว่าห้องนอนเล็กใน 1 Bedroom Plus ส่วน Common Area มีพื้นที่รับประทานอาหารที่รองรับ 4 ที่นั่ง ได้ห้องน้ำส่วนรวมด้านนอก ที่เก็บของ และระเบียงที่เพิ่มขึ้นจากห้อง 1 Bedroom Plus ซึ่งในส่วนระเบียงนี้ก็ไม่ได้กว้างมากนักนะคะ แต่สามารถออกมายืนสูดอากาศได้อยู่นะ ส่วนพื้นที่ครัวและระเบียงซักล้างขนาดจะใกล้เคียงกับห้องที่แล้วเลย

มาดูในห้องตัวอย่างกันเลย เข้ามาถึงก็จะเห็นห้องค่อนข้างโปร่งโล่งดีนะคะ ด้วยความที่เป็นห้องหน้ากว้างเลยดูไม่ทึบและมีแสงธรรมชาติเข้ามาค่อนข้างดี

ด้านข้างประตูเค้า Built-in ตู้ให้แบบนี้เลยค่ะ

เปิดออกมาด้านซ้ายจะเป็นตู้เก็บของ หรือจะใช้เก็บรองเท้าก็ได้นะ ส่วนฝั่งขวาเป็นห้องเก็บของขนาดประมาณ 1.2 x 1.5 ม. เก็บของได้พอสมควรเลยนะ ทั้งพวกข้าวของทำความสะอาด โต๊ะรีดผ้าต่างๆ ได้หมด

ฝั่งตรงข้ามกับตู้ Built-in จะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งเราจะได้เฟอร์นิเจอร์ตามห้องตัวอย่างเลย คือโต๊ะไม้ เก้าอี้ดำ 2 ตัว และที่นั่งโซฟาพร้อมเบาะเลยค่ะ น่ารักดีนะ

มาที่พื้นที่นั่งเล่นของห้องนี้กว้างประมาณ 3.5 ม. ซึ่งสามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้เลย ตั้งแต่ 60″-71″ ส่วนชุดโซฟานั้นจะได้ขนาดใหญ่ขึ้นมาจากห้องที่แล้วเป็นแบบ 3 ที่นั่ง จะนั่งก็สบายจะนอนดูหนังก็ได้นะ ส่วนโต๊ะกลางกับชั้นวางทีวีได้สเป็คเดียวกับห้องแรกเลยค่ะ

ประตูบานเลื่อนห้องนี้ได้แบบ 4 ตอน ค่อนข้างกว้างพอสมควรตามหน้ากว้างของพื้นที่นั่งเล่นเลย และเป็นบานเปิดแบบ 2 ทาง ทำให้มีช่องเปิดค่อนข้างกว้าง วันไหนอากาศดีดีก็เปิดรับลมชิลๆ กันได้เลยค่ะ

ด้านข้างให้เป็น Bay Window เล็กๆ เปิดมุมมองวิวได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

พื้นที่ระเบียงยื่นออกมานิดหน่อยประมาณ 40 ซม. เหมาะที่จะออกมายืนสูดอากาศมากกว่าใช้งานอื่นๆ

ระเบียงนี้จะเชื่อมกับระเบียงซักล้างที่อยู่ติดกับส่วนครัวนะคะ

สำหรับระเบียงซักล้างจะมีขนาดกะทัดรัด พอๆ กับห้องแรกเลย

สำหรับส่วนห้องครัวนั้นได้เป็นครัวปิด โดยกั้นด้วยประตูบานเลื่อนเช่นเดียวกับห้องแรก

ภายในห้องครัวมีการจัดฟังก์ชันเช่นเดียวกับห้องแรกเลยค่ะ แต่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาจากห้องแรกเล็กน้อย ทำให้มีพื้นที่ในการทำงานอาหารและบานเปิดไว้เก็บของมากขึ้นมาอีกหน่อย ส่วนสเป็คและหน้าตาของ Pantry เหมือนกันกับห้องแรกเลย

สำหรับฝั่งตรงข้ามประตูครัวจะเป็นส่วนโถงทางเดินกว้างประมาณ 1 ม. แจกไปยังห้องนอนเล็ก ห้องน้ำรวม และ Master Bedroom ค่ะ

สำหรับห้องนอนเล็กขนาดประมาณ 2.7 x 3 ม. ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนเล็กของห้องแบบ 1 Bedroom Plus เล็กน้อย แต่ความรู้สึกที่ได้จะรู้สึกว่ามีขนาดใหญ่กว่าระดับนึง เนื่องจากความโปร่งโล่งที่มากกว่า ซึ่งมาจากตำแหน่งของห้องนอนที่ได้ติดกับภายนอกและได้ช่องเปิดขนาดใหญ่จากพื้นถึงฝ้าเลยทีเดียว

ขนาดเตียงที่ได้จะเป็นไซส์ Single Bed (3.5 ฟุต) วางติดผนังทั้ง 2 ฝั่ง

อีกฝั่งเป็นโต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้าแบบ 3 ประตู

โต๊ะทำงานที่ได้ขนาดกำลังดี มีความลึกและความกว้างพอสมควรไม่เล็กจนเกินไป ด้านล่างได้ลิ้นชักยาว

ส่วนฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำที่เป็นห้องส่วนกลางของห้องนี้นะคะ

ภายในแยกส่วนเปียกและแห้งชัดเจน สำหรับส่วนแห้งนั้นติดกระจกขนาดใหญ่ให้เช่นเดียวกับห้องแรกเลย

สเป็คสุขภัณฑ์เช่นเดียวกับห้องแรกคือ อ่างล้างมือจาก Mogen และโถสุขภัณฑ์จาก American Standard ในส่วนความกว้างของพื้นที่ส่วนนี้อยู่ที่ประมาณ 1.5 ม. เป็นขนาดกะทัดรัด

ฝั่งตรงข้ามติดกับพื้นที่อาบน้ำเค้าออกแบบให้เป็นช่องเก็บของแบบนี้ให้ด้วย หรือวางต้นไม้ตกแต่งได้ค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนอาบน้ำ ซึ่งก็จะได้ฉากกั้นกระจกบานเปิดกั้นเป็นสัดส่วน

พื้นที่อาบน้ำยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน ส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำประมาณ 1 x 1 ม.

ฝักบัวสายอ่อนจาก American Standard ด้านข้างทำช่องไว้สำหรับวางครีมแชมพูได้ ซึ่งถ้าใครรู้สึกว่าพื้นที่เท่านี้ยังไม่พอวางครีมแชมพูของตัวเองก็ซื้อชั้นตะกร้ามาวางซ้อนได้นะคะ เพราะเค้าทำช่องสูงไปถึงฝ้าเพดานเลย

เข้ามาที่ Master Bedroom ขนาดประมาณ 2.7 x 4 ม. ซึ่งจัดมาให้ค่อนข้างใหญ่ ดูโปร่งโล่งพอสมควรเลยค่ะ ขนาดเตียงที่ได้เป็นขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่ทางเดินรอบเตียงที่มีความกว้างพอสมควร เดินได้สบาย ด้านข้างได้กระจกบานใหญ่ทำให้ได้แสงสว่างจากด้านนอกเข้ามาได้ดีมากเลยค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ 2 ชุดเหมือนห้องนอนใหญ่ของ 1 Bedroom Plus

ห้องน้ำในห้องนอนแยกส่วนเปียกและแห้งเหมือนเดิม และสุขภัณฑ์นั้นใช้ยี่ห้อและสเป็คเดียวกับห้องน้ำด้านนอกเลยค่ะ

พื้นที่อาบน้ำห้องนี้จะได้ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาหน่อย ประมาณ 1.5 x 1 ม. เป็นขนาดที่อาบน้ำได้สบายๆ เลยค่ะ

ฝักบัวสายอ่อนใช้สเป็คเดียวกับห้องน้ำห้องอื่นๆ ส่วนช่องวางของนั้นจะตื้นกว่าห้องน้ำด้านนอกเล็กน้อย วางของได้น้อยลงหน่อยนะคะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 17 January 2017

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน

** โครงการเปิด Presale ในวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2560 นี้ สามารถสอบถามรายละเอียดราคาและเงื่อนไขการขายเพิ่มเติมได้กับทางโครงการเลยค่ะ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา เป็นโครงการคอนโดตัวที่ 2 ต่อจาก Chambers รามอินทรา ที่มาเปิดในย่านชานเมืองฝั่งตะวันออกบนถนนตัดใหม่สายสั้นๆ ที่เชื่อมระหว่างรามอินทราและถนนเกษตร-นวมินทร์ อย่างถนนรัชดา-รามอินทรา โครงการนี้เปิดตัวมาในแพ็กเกจราคาที่ต่ำกว่า Chambers รามอินทรา ที่เน้นห้องขนาดใหญ่ 2-3 Bedroom ทำให้แพ็กเกจราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3.69 ล้านบาท ส่วน Chambers Cher รัชดา-รามอินทรานั้นจะเน้นไปที่ห้องไซส์ Compact มีขนาดพื้นที่ใช้สอยน้อยลงมาหน่อย จึงทำให้แพ็กเกจถูกลงไปเล็กน้อย โดยราคาเริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท เป็นราคาที่หยิบจับง่ายขึ้น สำหรับคนที่มีงบประมาณไม่มาก ที่งบอาจจะไปไม่ถึงทาวน์โฮมในย่านนี้ หรืออีกกลุ่มเป้าหมายเลยคือ คนที่มี Lifestyle ชัดเจน ต้องการอยู่คอนโดที่ซึ่งมีความง่ายต่อการดูแลรักษามากกว่า

สภาพแวดล้อมบนถนนรัชดา-รามอินทรา ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบเกือบทั้งหมด ทำให้บรรยากาศละแวกโครงการนี้จะเงียบสงบไม่คึกคักมากนักเหมือนทำเลคอนโดมิเนียมในเมือง ที่มักจะอยู่ในแหล่งอุดมสมบูรณ์หรือทำเลใกล้รถไฟฟ้า แต่สำหรับโครงการนี้จะแตกต่างออกไปเพราะโดยรอบไม่ได้เป็นทำเลที่หาของกินได้ง่ายระยะเดิน จะมีฝั่งตรงข้ามที่เป็น Community Mall ขนาดย่อมๆ อย่าง The Junction ที่สามารถเดินไปฝากท้องหรือซื้อของใน 7-11 ได้ นอกนั้นการจะเดินทางไปไหนจำเป็นต้องใช้การเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลักทั้งหมดเลย ซึ่งในระยะขับรถใกล้ๆ ก็มีครบครันนะคะทั้ง Fashion Island และ Promenade ฝั่งรามอินทรา Max Valu ทั้งติดกับจุดตัดถนนนวมินทร์ หรือจะตรงไปกินข้าวแถบเกษตร-นวมินทร์ก็ไม่ยากเลย

การเดินทางของทำเลนี้จะอยู่ใกล้ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก และสามารถไปขึ้นทางด่วนรามอินทราได้ไม่ยาก โดยผ่านถนนเกษตรนวมินทร์ ใกล้กับถนนเส้นหลักหลายสาย ขับไปรามอินทรา, เลียบทางด่วน, พหลโยธิน, ลาดพร้าว, รามคำแหง โซนนี้ได้หมด ไปสุวรรณภูมิก็ง่าย ที่จอดรถให้มา 183 ช่อง ไม่รวมจอดซ้อนคัน ก็ถือว่าให้มาเยอะพอสมควรกับราคาที่จ่าย และเหมาะสมกับโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่จำเป็นต้องเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก

การเดินทางโดยไม่ใช้รถคงจะต้องลำบากเสียหน่อย เพราะถนนรัชดา-รามอินทรานี้เป็นถนนตัดใหม่ รถเมล์ไม่ค่อยผ่าน การจะไปไหนมาไหนคงจะต้องพึ่งพาแท็กซี่เป็นส่วนใหญ่ แถมในละแวกใกล้ๆก็ไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ จะเดินไปก็คงจะไม่มีอะไร มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่ต้องนั่งรถเอาอย่างเดียว ทำให้การไม่มีรถอาจจะสร้างความลำบากพอสมควรอยู่เหมือนกันนะคะ

การออกแบบโครงการทำออกมาได้ดีทั้งการวางผังอาคารที่โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลาง และมีตัวอาคารเองไม่ได้หันหน้าเข้ามาประชันกันโดยตรงในระยะประชิด มีระยะห่างพอสมควร เพื่อไม่ให้เสียความเป็นส่วนตัวจนเกินไป โครงการแบ่งอาคารออกเป็น 2 อาคาร ตกจำนวนยูนิตต่ออาคาร 126 ยูนิต และอัตราส่วนลิฟต์ต่ออาคารอยู่ที่ 63:1 ซึ่งจัดว่ามีความหนาแน่นน้อย ไม่แออัด ได้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับโครงการที่อยู่กับแบบหนาแน่นมากๆ

ส่วนห้องนั้นจะเน้นขายขนาด 1 Bedroom Plus 43 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom 58 ตร.ม. เป็นขนาดที่อยู่ 2 คน ไปถึงครอบครัวขนาดเล็กได้กำลังพอดี รูปแบบการออกแบบทุกห้องจะได้ห้องหน้ากว้างทุก Type และช่องเปิดอย่างหน้าต่างบานกระจกมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลย ยกตัวอย่าง Gimmick งานออกแบบห้อง 1 Bedroom Plus แบบ Juliet Balcony ที่เป็นระเบียงหลอกออกไปใช้งานจริงไม่ได้ ซึ่งเค้าออกแบบให้เป็นเสมือนราวกันตก เพราะจะได้ทำช่องเปิดเป็นประตูบานเลื่อนสูงถึงฝ้าได้ แทนที่จะเป็นหน้าต่างบานมาตรฐาน จึงช่วยให้ตัวห้องโปร่งโล่งเพราะได้ช่องแสงมากขึ้นแล้วยังสามารถระบายอากาศภายในห้องได้ดี ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่าคอนโดทั่วๆไปในระดับเดียวกัน

วัสดุที่ได้ถือว่าให้มาดีในราคาต่อตารางเมตร 69,000 บาท ขายแบบ Fully Furnished ให้มาครบ ทั้ง Built-in และลอยตัว Pantry ได้ท็อปหินแท้ Hob&Hood และ Sink จาก MEX ส่วนสเป็คห้องน้ำจัดมาให้มาในเกรดที่เหมาะสม ด้วยยี่ห้อสุขภัณฑ์จาก American Standard และ Mogen พร้อมฉากกั้นกระจกบริเวณพื้นที่อาบน้ำ

สาธารณูปโภคให้มาพอสมควรเลยนะคะ สำหรับคอนโด Low Rise ราคาระดับ Economy Class ซึ่งที่เด่นๆ เลยคือขนาดสระว่ายน้ำที่มีความยาว 27 ม. ใช้ออกกำลังกายกันได้เลย มี Sunken Seat Club House ที่ภายในเป็น Lobby ในชั้นล่างและ Fitness ชั้นบน โดยรวมถือว่าครบครันและให้มาไม่น้อยมากนักสำหรับ 252 ยูนิต

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 69,000 บาท/ตร.ม., 17 January 2017

  • ทำเล 7/10 – อยู่ติดถนนตัดใหม่ ความอุดมสมบูรณ์ไม่มากนักในระยะเดิน
  • เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – สะดวกและได้ที่จอดรถ 183 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน)
  • ไม่ใช้รถ 7/10 – ไม่สะดวกเท่าไหร่ ต้องพึ่งพาแท็กซี่ ไม่มีรถสาธารณะอื่นให้เลือกมากนักในปัจจุบัน
  • วัสดุ 8.5/10 – Fully Furnish ครบ เกรดดีเหมาะสมกับราคาที่จ่าย
  • แบบ 8/10 – ห้องหน้ากว้าง ได้ช่องเปิดสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาพอสมควรกับโครงการระดับ Economy Class

  • ECONOMY CLASS
  • 7.65 / 10.00

BOTTOM LINE

Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา เหมาะสำหรับคนที่มองหาบ้านราคาหยิบจับง่าย 1.9 – 4 ล้านบาท ยอมลดขนาดพื้นที่ใช้สอยของบ้านในราคาเท่าๆกัน เพื่อแลกกับความสะดวก ความปลอดภัย และความง่ายในการดูแลรักษา กับคอนโดที่ออกแบบมาเพื่อใช้อยู่แทนบ้าน มีรถยนต์ส่วนตัว มีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 13,000 – 32,000 บาท

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้เราหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )