Central Group- ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เผยว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลได้ยึด 3 ยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินธุรกิจ คือ

  1. มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกไลฟ์สไตล์บริการ (Lifestyle & Service Retailing)
  2. ขยายธุรกิจให้ครบคลุมทั้งในและต่างประเทศ
  3. เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร และการควบรวมกิจการ

จากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว กลุ่มเซ็นทรัลได้สร้างผลงานความสำเร็จในหลายมิติ ทั้งในด้านผลประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกๆปี โดย 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) ตัวเลขยอดขายของทั้งกลุ่มเซ็นทรัลมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 11% และในปี 2560 สัดส่วนของผลประกอบการก็เป็นที่น่าพึงพอใจ โดยแบ่งออกเป็น ยอดขายในประเทศไทย 72%, ยอดขายในยุโรป 15% และยอดขายในประเทศเวียดนาม 13% ซึ่งสัดส่วนของตัวเลขยอดขายดังกล่าวก็มีที่มาจากความสำเร็จของธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลทั้งในประเทศไทย ยุโรป และประเทศเวียดนาม ดังต่อไปนี้

ความสำเร็จในประเทศไทย

  • กลุ่มเซ็นทรัล ถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านธุรกิจค้าปลีกหลากหลายแขนงของประเทศไทย ทั้งธุรกิจห้างสรรพสินค้า, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า, กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์, กลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต, กลุ่มธุรกิจบริหารและการตลาดสินค้าแฟชั่น และ กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร
  • ในปี 2560 กลุ่มเซ็นทรัลมีจำนวนร้านค้ารวม 4,970 แห่ง ใน 38 จังหวัดทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าในอีก 5 ปี ข้างหน้า (2565) จะขยายจำนวนร้านค้าเป็น 7,509 แห่ง  ครอบคลุม 52 จังหวัดทั่วประเทศ
  • กลุ่มเซ็นทรัลไม่เพียงเน้นการขยายสาขาของห้างร้านในกรุงเทพมหานคร แต่ยังขยายธุรกิจไปยังพื้นที่ต่าง จังหวัดด้วย โดยเห็นได้จากสัดส่วนของห้างร้านเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่สาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด คิดเป็น 80 ต่อ 20 แต่ปัจจุบันสัดส่วนสาขาของกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น 54 ต่อ 46

ความสำเร็จในยุโรป

  • 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) ยอดขายของกลุ่มเซ็นทรัลในทวีปยุโรป มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 24% ซึ่งมาจากห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆของกลุ่มเซ็นทรัลในทวีปยุโรป ได้แก่ ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ประเทศอิตาลี, ห้างสรรพสินค้าอิลลุม ประเทศเดนมาร์ก และห้างสรรพสินค้ากลุ่มคาเดเว (ห้างคาเดเว, ห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ และห้างอัลสแตร์เฮ้าส์) ประเทศเยอรมนี
  • ในปี 2560 กลุ่มเซ็นทรัลได้เปิดห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต โรม แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางกรุงโรม และเป็นแฟล็กชิพของห้างรีนาเชนเต แห่งที่ 2 (แฟล็กชิพแห่งแรก คือ ห้างรีนาเชนเต มิลาน) ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากชาวอิตาลี และบรรดานักท่องเที่ยว ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ และความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของกลุ่มเซ็นทรัล และคนไทยทุกคน

ความสำเร็จในประเทศเวียดนาม

  • 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) ยอดขายของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศเวียดนามมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 340%
  • กลุ่มเซ็นทรัล ถือเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม (Largest Foreign Retailer in Vietnam) ใน 5 ธุรกิจสำคัญ ได้แก่

ธุรกิจศูนย์การค้า 31 แห่ง : บิ๊กซี
ธุรกิจอาหาร 59 แห่ง : บิ๊กซี, ลานชีมาร์ท
ธุรกิจแฟชั่น 49 แห่ง : โรบินส์, เดลาลา, ซูเปอร์สปอร์ต และ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์
ธุรกิจฮาร์ดไลน์ 78 แห่ง : เหงียนคิม, บีทูเอส
ธุรกิจออนไลน์ 3 แพลตฟอร์ม : เว็บไซต์ NguyenKim.vn, Robins.vn และ B2S.com.vn
  • ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีห้างร้านกระจายอยู่ทั่วประเทศเวียดนามรวมทั้งสิ้น 217 ร้าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า  700,000 ตรม. ใน 37 จังหวัด โดยตั้งเป้าในอีก 5 ปีข้างหน้า (2565) จะมีร้านค้าทั้งหมดรวมกว่า 753 ร้าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า  2,500,000 ตรม. ใน 57 จังหวัดทั่วประเทศ
  • พนักงานของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศเวียดนามมีมากกว่า 17,000 คน พร้อมให้บริการลูกค้าที่มาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 175,000 คนต่อวัน

นอกจากนี้กลุ่มเซ็นทรัลยังประสบความสำเร็จในด้านการร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำและบริษัทคู่ค้าแนวหน้าระดับโลก ที่ให้ความไว้วางใจ เชื่อมั่นในกลุ่มเซ็นทรัล และพร้อมที่จะนำความแข็งแกร่งมาเสริมให้ธุรกิจร่วมเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปด้วยกัน อาทิ ดุสิตธานี สร้างโครงการมิกซ์ยูสบนถนนสีลมพระราม 4, เจดีดอทคอม สร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหม่ JD.co.th และพัฒนาอีโลจิสติกส์ อีไฟแนนซ์, ฮ่องกงแลนด์  สร้างโครงการมิกซ์ยูสบนถนนเพลินจิต (สถานทูตอังกฤษ) และอิเกีย แห่งใหม่ที่จะเปิดเชื่อมต่อกับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต ในวันที่ 15 มีนาคม พ.. 2561 นี้