รีวิวฉบับที่ 1464 … สวัสดีครับ โครงการที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้คือ “ARDEN พัฒนาการ″  ซึ่งเป็นหนึ่งใน Urban Town home จากอนันดา ที่เปิดตัวพร้อมกัน 3 ทำเล คือ พระราม 3, พัฒนาการ และ ลาดพร้าว 71  การออกแบบของที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก สวน Eden อันร่มรื่น ผสมกับงานศิลปะ ตัวบ้านมี 3.5 ชั้น บนที่ดินเริ่มต้น 20 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 7.79 ล้านบาท

Fact @ 18 October 2017

  • Arden Phatthanakan (อาร์เด้น พัฒนาการ)
  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยพัฒนาการ 20 เขตสวนหลวง
  • เนื้อที่โครงการ 14-3-69.9ไร่ จำนวน 159 ยูนิต
  • แบบบ้าน M : THE MIST พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม.
  • ที่ดินแปลงมาตรฐานเริ่มต้น 20 ตร.วา
  • ราคาเริ่มต้น 7.79 ล้านบาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง ต้นปี 2558
  • ปัจจุบันโครงการสร้างแล้วเสร็จ ปี 2560
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 02-316-2222
  • สำนักงานขาย : 02-318-0119 และ 091-818-4940

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.731146, 100.606467

ถนนพัฒนาการเป็นที่มีระยะทางไม่ยาวมากนัก ถูกขนาบไปด้วยถนนหลักอีกสองเส้นอย่างพระราม 9 และอ่อนนุช แต่สิ่งที่สำคัญอย่างมาก คือพัฒนาการมีจุดเชื่อมสามารถเข้าออกใจกลางเมืองไพร์มแอเรียอย่างเอกมัย และทองหล่อได้ง่ายมาก(ไปทองหล่อระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร) จุดตัดทางแยกที่สำคัญที่สุดคงเป็น “แยกคลองตัน” ซึ่งตัดกับถนนใหญ่สี่เส้นได้แก่ ถนนเพชรบุรี, ถนนรามคำแหง, ซอยสุขุมวิท 71 และถนนพัฒนาการ ที่แจกแจงทางไปยังพื้นที่สำคัญอื่นๆ

ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ในซอยพัฒนาการ 20 (เข้าไป 750 เมตร) ต้องบอกว่าฝั่ง “พัฒนาการเลขคู่” จะมีซอยพิเศษบางซอยซึ่งเป็นซอยที่ลากยาวต่อและเชื่อมถึงกันและไปบรรจบที่ซอยอ่อนนุช 17 จนไปออกถนนอ่อนนุช และถนนสุขุมวิทได้เลยได้เลย ทำให้มีผู้คนจำนวนมากมายที่เข้ามาอยู่อาศัยในซอยฝั่งเลขคู่เหล่านี้ เพราะถือเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองและเดินทางได้สะดวก

สภาพแวดล้อมบนถนนพัฒนาการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ และ ตึกแถว ลักษณะการอยู่อาศัยส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบซะหมด ถ้าจะหาของกินแบบง่ายๆอร่อยๆถ้าเอาใกล้ๆเลยก็คงเป็นริมถนนหลักพัฒนาการนี่แหละ จะมีร้านอร่อยๆตั้งอยู่หลายร้านเลย สำหรับเเหล่ง Shopping ที่ใกล้ที่สุดคือ Tesco Lotus ที่อยู่ระหว่างซอย พัฒนาการ 43 กับ 45 ซึ่งตอนนี้มี London Street ที่เป็นคอมมิวนิตี้ ฟู้ดมอลล์ มาเปิดใหม่ด้วยเป็นแหล่งรวมร้านอาหารในเครือ MK วันไหนจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็วิ่งไปที่ The Nine เส้นพระราม 9 ก็ถือว่าอยู่ใกล้นะครับ หรือไม่อยากเดินห้างใหญ่ไปเลยก็ Seacon Square บนถนนศรีนครินทร์ ในวันเสาร์-อาทิตย์ยังมีตลาดนัดรถไฟหลังห้างอีก

แต่เนื่องด้วยทำเลที่อยู่ฝั่งสะดวกในการเข้าตัวเมืองชั้นในได้ง่ายอย่างที่บอกไป การไปหาของกินร้านเด็ดดังในย่านเอกมัย – ทองหล่อ แถวนั้นดูจะเป็นเรื่องสะดวกอีกต่างหากเพราะใช้ระยะเดินทางไป 3-4 กิโลเมตรเอง และที่นั่นยังมีเหล่าคอมมูนิตี้ฯ อเวนิว ดังๆหลายแห่ง ร้านอาหารหรู ร้านกินดื่ม HangOut เล็กใหญ่เต็มไปหมด รวมไปถึงโรงพยาบาลและสถานศึกษาที่สำคัญด้วย


มาดูบริบทการใช้ทางด่วนกันหน่อย ผมจะค่อยๆไล่การใช้งานไปทีละเส้น

เส้นทางที่ 1 : ใช้ทางขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ต้องบอกว่าสะดวกมาก ด้วยการที่โครงการอยู่ใกล้กับ “แยกใต้ด่วนพัฒนาการ” (ประมาณ 1.2 กิโลเมตร) นั้นเป็นจุดแยกสำคัญของการใช้ทางด่วนรามอินทราเพราะเป็นทั้งจุดขาขึ้น ขาลง ได้ทุกทางทั้งหมด เลยจะไปได้ง่ายมากตามในแผนที่

เส้นทางที่ 2 : ใช้ทางขึ้นทางด่วนศรีรัช(ไปฝั่งเข้าเมือง) วิธีการเดินทางโดยวิ่งออกมาถนนหลักพัฒนาการ วิ่งตรงไปจนถึงแยกคลองตันซึ่งเป็นแยกใหญ่ ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนรามคำแหง และมาเลี้ยวซ้ายที่แยกรามคำแหงเข้าสู่ถนนพระราม 9 หลังจากนั้นตรงไปประมาณ 7-8 ร้อยเมตรจะเจอทางเบี่ยงซ้ายเพื่อให้ขึ้นทางด่วนได้ (ทางนี้จะไปจตุรทิศ, ดินแดง, สามเสน)

เส้นทางที่ 3 : ใช้ทางขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์ (ออกเมือง) วิธีการเดินทางโดยวิ่งออกมาถนนหลักพัฒนาการ และกลับรถที่ก่อนแยกใต้ด่วนพัฒนาการ ทีนี้วิ่งตรงยาวๆเลยครับจุดสังเกตคือพอเราผ่าน London Street กับ Tesco Lotus และให้เราชิดซ้ายเอาไว้ เพราะหลังจากนั้นจะเลี้ยวซ้ายที่แยกพัฒนาการเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์ จะมีจุดที่ม้วนตัวตามป้ายสุวรรณภูมิและทีนี้ก็เข้าสู่มอเตอร์เวย์แล้ว (ทางนี้จะออกเมืองไปถนนกาญจนาภิเษก, ร่มเกล้า, สุวรรณภูมิ)


เสริมของการเดินทางด้วยระบบราง(รถไฟฟ้า)

ปกติของโครงการ “บ้านแนวราบ” ในพื้นที่ตัวเมืองจะไม่ได้เน้นที่ใกล้รถไฟฟ้ามากเหมือนอย่างคอนโดมิเนียม ด้วยต้นทุนของที่ดิน แต่จะไปเน้นเรื่องทางด่วน และที่จอดรถในโครงการมากกกว่าเพราะน่าจะใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก แต่ก็ขอเอามาให้ดูเสียหน่อยว่าถ้าวันไหนจะใช้งานบางครั้งคราวก็ไม่ได้ยากมาก (แต่ไม่ได้เป็นระยะเดินนะ จะเป็นระยะที่เรียก Taxi ไปเพื่อต่อการใช้งาน หรือขับรถเองไปรับ-ส่งมากกว่าครับ)

Airport Rail Link (ARL) การเดินทางก็คือออกจากโครงการมุ่งหน้าไปออกถนนพัฒนาการ -> เลี้ยวซ้ายเข้าพัฒนาการวิ่งตรงไปถึงแยกคลองตัน -> เลี้ยวขวาไปอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงตำแหน่งสถานีรามคำแหงที่อยู่ติดกับ UM Tower แล้วครับ รวมแล้วระยะทางประมาณ 2.1 กิโลเมตร ถ้ารถไม่ติดใช้เวลาประมาณ 6 – 8  นาทีเท่านั้น (แต่การจราจรปกติน่าจะ *2 เวลาไปด้วยนะครับ คาดว่าน่าจะ 12 – 16 นาที ถือว่าเร็วอยู่ดี)

BTS อ่อนนุช การจะใช้งานต้องใช้ถนนหน้าโครงการอย่างพัฒนาการ 20 วิ่งเข้าไปเรื่อยๆจนถึงสามแยกทางเชื่อมกับซอยอ่อนนุช 17 หลังจากนั้นวิ่งตรงมาเรื่อยๆจนมาออกถนนอ่อนนุช(ซอยสุขุมวิท 77) จากนั้นเลี้ยวขวามุ่งหน้าออกมาจนถึงสุขุมวิท แล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อมายังสถานี รวมแล้วระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 4.9 กิโลเมตร ระยะทางค่อนข้างไกลหน่อย ถ้านานๆใช้ทีก็โอเค คาดว่าใช้เวลาเดินทางไปด้วยรถยนต์หรือ Taxi ประมาณ 12-25 นาที (รถไม่ติดไปจนรถติด)

การเดินทางในวันนี้ คงหนีไม่พ้นเริ่มต้นจากทองหล่อ ที่เป็นเขตใจกลางเมืองที่สำคัญในย่านนี้ โดยผมเริ่มจากบริเวณ “แยกทองหล่อเหนือ” บนถนนเพชรบุรี มุ่งหน้าออกเมืองไปทางพัฒนาการ ผ่านแยกเอกมัยเหนือ -> แยกคลองตัน -> เข้าสู่ถนนพัฒนาการ และวิ่งตรงต่อไปจนถึงจุดสังเกตคือ จะมีม.เกษมบัณฑิตและสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่นอยู่ทางซ้ายมือ ตรงนี้จะมีอุงโมงค์ให้กลับรถ

พอกลับรถมาแล้วฝั่งนี้จะเป็นพัฒนาการ ฝั่งซอยเลขคู่นะครับ ให้สังเกตุป้ายปากซอยเอา ของเราอยู่ซอย 20 นะครับ พอเจอแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 750 ก็จะถึงที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือแล้ว

เริ่มจากบริเวณ “แยกทองหล่อเหนือ” บนถนนเพชรบุรี มุ่งหน้าออกเมืองมุ่งน้าไปทางพัฒนาการ จากมุมนี้จะเห็นตึกสูงสองตึกทางขวามือคือ The Capital และ ตึกชาญอิสระ 2 นั่นเอง

ผ่านแยกเอกมัยเหนือ ตามป้ายของพัฒนาการเข้าไว้

ทีนี้เราจะมาเจอกับสามแยกที่จุดสังเกตมีโชว์รูมของ Kawasaki Motor ทางซ้ายมือจะเป็นถนนเพชรพระราม(ที่ไปแยกโรงปูน) ส่วนเราให้ชิดชวาเอาไว้เลยครับ จากนี้จะขึ้นสะพานข้ามแยก

สะพานข้ามแยกนี้ ถือเป็นสะพานข้ามแยกที่ยาวพอสมควรเลยข้ามผ่านแยกใหญ่อย่าง “แยกคลองตัน” ซึ่งตัดกับถนนใหญ่สี่เส้นได้แก่ ถนนเพชรบุรี, ถนนรามคำแหง, ซอยสุขุมวิท 71 และถนนพัฒนาการ ถือเป็นสะพานข้ามแยกเข้าออกเมืองที่สะดวกทีเดียว

สะพานข้ามแยกยังยาวมาจนถึงลอดใต้ส่วนบริเวณทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ที่ด้านล่างเป็แยกใต้ด่วนพัฒนาการ หรือจุดขึ้นลงทางด่วนนั่นเอง

พอลงมาจากสะพานข้ามแยก ตรงนี้เราเข้าสู่ถนนพัฒนาการแล้วนะ สภาพของถนนเป็นแบบ 6 เลน มีเกาะกลางกั้น ริมทางสองฝั่งส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ โชว์รูม ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน ธนาคาร ตึกสำนักงาน ครบเครื่อง เป็นแหล่งชุมชนที่สำคัญที่มีคนอาศัยอยู่มาก

ช่วงไหนของธนนที่ไม่มีตึกแถวมาขนาบทั้งสองฝั่ง เราก็จะได้เห็นสีเขียวข้องต้นไม้ให้ตามริมฟุตบาทสองฝั่งข้างทางรวมไถึงเกาะกลางแบบนี้ด้วย

พอวิ่งมาได้สักระยะแล้ว จากตรงนี้จะเป็นจุดที่ความสำคัญอย่างนึงบนเส้นนี้คือโปรเจค “โครงการทางลอดพัฒนาการ-รามคำแหง-ถาวรธวัช” ต้องบอกเลยว่าคนย่านนี้ต้องอดทนสักระยะนะครับ โครงการนี้เริ่มก่อสร้างมากลางปีที่แล้ว และคาดระยะการก่อสร้างถึง 2 ปี ถ้าสร้างเสร็จเมื่อไรรับรองว่าพัฒนาจราจรจะดีขึ้นเยอะมากครับ

ถนนทางลอดโครงการมีความยาวประมาณ 1,250 เมตร เป็นงานก่อสร้างทางลอดขนาด 2 ช่องจราจรกว้าง 10.80 เมตร ความยาวทางลอด 940 เมตร ช่วงหลังคาทางลอดมีความยาว 386 เมตร ทั้งนี้ระหว่างที่ขุดเจาะอุโมงค์บริเวณเกาะกลางถนนนั้น จะทำการขยายทางเท้าเพื่อเพิ่มช่องจราจรฝั่งละ 1 ช่อง ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรระหว่างก่อสร้างอุโมงค์ ซึ่งขณะก่อสร้างจะเหลือเพียงฝั่งละ 2 ช่องจราจร เมื่อการก่อสร้างอุโมงค์แล้วเสร็จจะก่อสร้างทางเท้าให้มีขนาดเท่าเดิม (credit ข้อมูล : มติชนออนไลน์)

วิ่งมาจนถึงสามแยกซอยพัฒนาการ 25 (ซึ่งถือเป็นซอยใหญ่ และเป็นซอยทางเชื่อมไปบรรจบกับถนนกำแพงเพชร 7 อีกด้วย)

ขอเสริมหน่อยครับ เมื่อก่อนที่ยังไม่มีโปรเจคก่อสร้างทางลอด ถ้าจะกลับรถ หรือไปซอยฝั่งตรงข้าม หลายคนมักจะใช้ซอยพัฒนาการ 25 นี้แหละ วิ่งเข้าไปนิดหน่อยและจะมีที่กลับรถได้ กลับมารอสัญญาณไฟแดงเพื่อเลี้ยวขวากลับมาทางพัฒนาการ ฝั่งเลขคู่ได้ อนาคตถ้าโครงการทางลอดสร้างเสร็จก็คงกลับมาเปิดใช้เหมือนเดิมอีกครั้ง

บรรยากาศของย่านนี้ถือเป็นเขตชุมชน แต่ก็ไม่ได้วุ่นวายเท่าในเมืองมาก ดูจากในภาพว่าจะเห็นความครบครันของการอยู่อาศัยหลักๆที่มี อาคารสำนักงาน, สถานศึกษา, สถานที่ราชการ, ปั๊มน้ำมัน และธนาคารมากมาย

วิ่งมาได้สักระยะแล้ว เราจะเห็นป้าย “อุโมงค์ กลับรถ ชิดขวา” ที่เป็นสีน้ำเงินเห็นเด่นชัด ตรงจุดนี้จะอยู่ก่อนถึงแยกม.เกษมบัณฑิต เราชิดขวาไว้เลย

จุดกำลังจะลงอุโมงค์จะเห็นสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่อยู่ทางซ้ายมือ

กลับรถลอดใต้ที่อุโมงค์เลยครับ พอเราขึ้นมาแล้ว ฝั่งนี้จะเป็นส่วนของ “พัฒนาการ ฝั่งเลขคู่”

วิ่งตรงมาแล้วผ่านแหล่งทำงานอย่างอาคาร True Tower 2 จากตรงนี้จะเห็นแบริเออร์กั้นเยอะหน่อยเพราะกำลังเร่งทำทางลอด

จากนั้นจะเจอกับซอยพัฒนาการ 32 ซึ่งภายในซอยนนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่ตั้งอพาร์ทเมนท์เยอะพอสมควร และเป็นซอยที่สามารถไปเชื่อมกับซอยพัฒนาการ 20 ที่ตั้งของโครงการเราได้ด้วย

เลยปากซอยพัฒนาการ 32 มานิดเดียว จะเจอกับร้าน The Londoner ติดถนนพัฒนาการตรงนี้ โดยจะเป็นร้าน Restaurant & HangOut ที่ชาวต่างชาตินิยมมากันมาก เอกลักษณ์ของร้านนี้คือการแต่งร้านสไตล์ Classic Loft และ อาหารแนวฟิวชั่นเมนู และเครื่องดื่มค็อกเทลและเบียร์นอกต่างๆ

เอาล่ะครับมากถึงปากซอยพัฒนาการ 20 แล้วนะครับ อย่างที่บอกไปว่าซอยนี้มีความพิเศษซึ่งเป็น “ซอยเชื่อมอ่อนนุช” นอกจากนั้นยังมีคนอาศัยอยู่ในซอยนี้จำนวนไม่น้อยทีเดียว

สภาพแวดล้อมในซอยก็จะเป็นแนวของอาคารพาณิชย์เสียส่วนใหญ่ ที่จะเป็นรวงร้านของที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เช่นร้านขายยา ร้านซ่อมบำรุงรถ ร้านอาหาร ร้านตัดผม ออฟฟิศสำนักงานเล็กใหญ่ จะเป็นแนวนี้ และก็มีสถานที่ราชการและเอกชนด้วยนิดหน่อย อย่างอาคารทางขวามือนั่นคือ สถาบันส่งเสริมเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่นครับ

ในซอยนี้ถือว่ามีความคึกคักมากช่วงต้นซอย คนอยู่อาศัยเยอะ ไม่เปลี่ยวเลย ที่สำคัญคือระหว่างที่ขับรถผ่านไปจึงถึงด้านหน้าโครงการ ผมเจอการแข่งขันของเหล่า Minimart เจ้าดังต่างๆอย่าง 7-Eleven , Lotus Express, BigC Mini ถึง 5 สาขา ในระยะทางประมาณ 700 เมตร ก่อนถึงทางเข้าโครงการ ก็ดีนะเรียกว่าความสะดวกในการจะใช้งานมาอยู่ที่ชาวบ้านในละแวกนี้

เข้ามา 400 เมตร มีปั๊มน้ำมัน Caltex ด้วย น่าจะเป็นปั๊มที่ใกล้โครงการสุดแล้วนะฮะ

ฝั่งซ้ายมือคือปากซอยพัฒนาการ 20 แยก 7 ที่เป็นที่ตั้งของ 7-Eleven สุดท้ายก่อนจะถึงทางเข้าโครงการอีก 100 กว่าเมตรด้านหน้า

มาถึงถนนทางเข้าโครงการแล้ว หลังจากที่วิ่งเข้ามาประมาณ 750 เมตร ที่เห็นส่วนของป้าย ARDEN พัฒนาการ ตั้งอยู่เด่นเห็นชัดเลย

สิ่งอำนวยความสะดวกที่ “อยู่ติด” กับทางเข้าโครงการเลยคือ Avenue เล็กๆอยู่ Park Plaza นั่นเองเป็นระยะที่ออกมาได้ง่ายๆสบายๆ

กลับมาดูใน Park Plaza สักหน่อย สิ่งที่คาดว่าน่าจะได้ใช้งานกันหลักๆคงจะเป็นเจ้า Max Valu Tanjai นี่ละครับ มีตู้ ATM อยู่หลายเจ้าด้วย

ฝั่งตรงข้ามกับ Park Plaza เป็นแนวตึกอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่ง ยาวติดกัน โดยที่ชั้นล่างก็จะเป็นรวงร้านทั่วไปแบบที่กล่าวไว้ด้านบน

กลับมาที่ทางเข้าของอนันดากันอีกครั้งนะครับ ถนนนี้เป็นเส้นสั้นๆเพียง 100 เมตรเพื่อไปยังซุ้มทางเข้าโครงการของทั้ง 2 โครงการนะ โดยมีการจัดทัศนียลงต้นไม้ขนาบถนนเอาไว้ให้ดูร่มรื่นอย่างที่เห็น

และมีแยกส่วนของริมฟุตบาททางเดินด้านข้างๆด้วยนะครับ มีไฟส่องสว่างตามทางเดินเป็นระยะ

เอาละเข้ามาแล้ว จะเจอกับซุ้มทางเข้าของทั้งสองโครงการ โดยจะเจอกับของ ARTALE (บ้านเดี่ยวของอนันดา)ก่อน และขวามือเป็นส่วนของ ARDEN เรียกว่าอยู่ติดกันเลยละ รปภ.ทั้งสองโครงการช่วยกันสกรีนคนนอกร่วมกันได้

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

มาดูสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการกันหน่อย ตัวโครงการเข้ามาจากถนนภารจำยอมที่เข้ามาจากซอยพัฒนาการ 20 ประมาณ 90 เมตร ซึ่งฝั่งด้านหน้า(ทิศตะวันออก)นี้ จะมีอาคาร 5 ชั้น และก็ คอมมูนิตี้มอลล์ ParkPlaza และที่ติดกันเลยจะเป็นโครงการพี่น้องอย่าง ARTALE  ที่เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น / ทิศใต้ โครงการติดกับที่ดินเปล่าบุคคลอื่นยังไม่พัฒนา / ทิศตะวันตก ติดกับคลองลคลองตัน และสุดท้ายทิศเหนือติดกับที่ดินที่เป็นแปลงสวนผักขนาดใหญ่ ทำให้โดยรวมแล้วตำแหน่งของโครงการถือว่าสงบอยู่ เพราะจุดที่ใกล้ทางด่วนโครงการจัดทำเป็นสวนหย่อมและ ClubHouse

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Park Plaza (MaxValu) – ปากซอยโครงการ
  • 7-11, Lotus Express, BigC Mini – รัศมีซอยหน้าโครงการ 200-500 เมตร
  • BigC อ่อนนุช, BigC Extra – ถนนอ่อนนุชประมาณ 3.5 กิโลเมตร
  • Habito Community Mall – 4 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus, Century Movie Plaza2 ติดสุขุมวิทปากซอยอ่อนนุช

บนเส้นพัฒนาการ ได้แก่

  • London Street, Tesco Lotus, True Towe2, UM Tower, Foodland

ย่านเอกมัยทองหล่อ ได้แก่

  • Big C, Major, Gateway เอกมัย, EMDistrict, Villa Market

โรงพยาบาล ได้แก่

  • รพ.คามิลเลียน, รพ.สมิติเวชสุขุมวิท, รพ.กรุงเทพห้วยขวาง, รพ.ปิยะเวท

สถานศึกษา

  • Bangkok Christian International School (BCIS)
  • โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพฯ (เอกมัย)
  • โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส
  • โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
  • มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก
  • มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ


เจาะลึกตัวโครงการ

 

มาทำความรู้จัก Arden กันก่อนนะครับ จากแนวคิดที่ต้องการสร้างบริบทใหม่ให้ชีวิตคนเมือง ที่ต้องการให้ที่นี่เป็นอีกโลกที่เข้ามาแล้วรู้สึกได้พักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวาย รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อยู่อาศัย โครงการจึงหยิบเอาคำว่า Art(ศิลปะ)+Eden(สวนเอเดน) มารวมไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นคำว่า  “Arden” โดยโครงการมาพร้อมกับสโลแกนว่า “Arden Live Imagination” คือเป็นพื้นที่ที่มีต้นไม้ร่มรื่นสไตล์สวนเอเดน ที่เป็นสวนสวรรค์ในยุคบรรพกาลเกี่ยวกับกำเนิดของอดัมและอีฟ(มนุษย์ชายหญิงคู่แรกของโลก) ผสมผสานกับความสุนทรีทางศิลปะ เพื่อสร้างสถานที่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็นโลกใหม่ที่มีความร่มรื่นหลีกหนีจากสังคมเมือง

มาดูผังโครงการที่แคปมาจาก Google Maps แล้วผมแสดงให้ดูกันคร่าวๆ ตัวที่ดินโครงการขนาดเกือบๆ 15 ไร่ เป็นรูปทรงตัว L กลับหัวนะ โครงการนี้เป็นทาวน์โฮมเล่นระดับ 3.5 ชั้น ที่มีจำนวนแค่ 159 ยูนิตเท่านั้น โดยเริ่มจากทางเข้าเป็น รั้วเหล็กเลื่อนไฟฟ้าและรั้วไม้กันกระดก ใช้ระบบ RFID(แบบเดี่ยวกับทางด่วน Easypass) มี CCTV ทั้งหมดภายในโครงการ 15 จุด / พอเข้าไปแล้วเจอถนนเมนที่กว้าง 12 เมตร และถนนรอง 8 เมตร เราจะเห็นถึงความสวยงามของการเอาเสาไฟฟ้าทั้งหมดภายในโครงการลงใต้ดินก่อนเลย อีกทั้งรั้วรอบโครงการทั้งหมดล้อมรอบสูงถึง 5 เมตร ทำให้รู้สึกปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัว

ช่องกลับรถภายในโครงการมีมาให้เรื่อยๆ(ตามช่องเว้นอาคาร) และด้านในของช่องเหล่านี้ยังเป็นมุมห้องทิ้งขยะแบบปิดมิดชิด ส่วนกลางของโครงการเลือกตำแหน่งที่อยู่ติดกับคลองตันและใกล้ทางด่วน ทำเป็นสวนขนาดใหญ่ Arden Park เกือบ 2 ไร่ มี Club House ตั้งอยู่ในนั้นซึ่งมีทั้ง ห้องนั่งเล่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และ Meeting Room

จุดที่เด่นสะดุดตาก่อนเข้าโครงการ คงหนีไม่พ้นสัตว์ตกแต่งของคอนเซปท์โครงการบ้านอนันดา เจ้ากวางสีน้ำตาลเขาสวยงาม ที่ยืดอกชูคอสวยเด่นเป็นสง่าอยู่บนแท่นของวงเวียน Drop Off ตรงนี้ เด่นมากจริงๆ 😀

ป้ายโครงการที่ดูตัดกับเหล่าแนวต้นสนฉัตรเรียงรายด้านหลัง

ซุ้มทางเข้าทำออกมาได้เข้ากับ Concept โครงการ มีการใช้ต้นสนฉัตร ต้นใหญ่ เป็นจุดนำสายตาทั้งสองฝั่ง ซุ้มประตูเป็นซุ้มขนาดใหญ่ ออกแบบให้เป็นเหมือนอุโมงค์  วัสดุทำจากไม้  ใช้โทนสีแบบ Monochromatic คือโทนสีที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและสบายตา

การเพิ่มรายละเอียดตกแต่งเล็กๆน้อยที่ซุ้ม แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปท์โครงการ

ทางเข้าเป็น รั้วเหล็กเลื่อนไฟฟ้าและรั้วไม้กันกระดก ใช้ระบบ RFID(แบบเดี่ยวกับทางด่วน Easypass)

ส่วนของทางเดินเท้าเข้าออกคนจะอยู่ด้านข้างทางขวามือแยกออกมาแบบนี้ แต่ก็ผ่านสายตารปภ.อยู่ดีนะครับ

เข้ามาด้านในโครงการ บ้านหลังแรกทางขวามือสุดปัจจุบันเป็น Sale Office นะครับ เข้ามาติดต่อที่หลังนี้ได้เลย ส่วนหลังที่อยู่ติดกันจะเป้นบ้านมาตรฐาน(ไม่ได้ตกแต่ง) ที่ลูกบ้านจะได้รับมอบโอน

พอเข้าไปแล้วเจอถนนเมนที่กว้าง 12 เมตร และถนนรอง 8 เมตร การวางผังแบ่งตัวบ้านออกเป็น 2 ฝั่ง มีถนนตรงกลางวิ่งเข้าไปจนถึงท้ายโครงการ สังเกตตั้งแต่เข้ามาเราจะไม่เห็นสายไฟ หรือ สายโทรศัพท์ ให้รกสายตาเลย เพราะทางโครงการฝังทั้งหมดลงใต้ดิน เพื่อทัศนียภาพที่ปลอดโปร่ง

พอเว้นช่วงระยะทางนิดนึงก็จะมีเนินตัวหนอนที่ช่วยลดความเร็วของรถ ภายในโครงการ

ช่องกลับรถภายในโครงการมีมาให้เรื่อยๆ(ตามช่องเว้นอาคาร) และด้านในของช่องเหล่านี้ยังเป็นมุมห้องทิ้งขยะแบบปิดมิดชิด

มุมกลับรถ พอเข้าไปกลางๆหน่อยจะจัดเป็นพื้นที่สีเขียวแบบนี้ ลงทั้งพุ่มไม้และต้นไม้ใหญ่ด้วยนะ

ที่ตามถนนโครงการจะมีเสาไฟส่องสว่างตามทางแบบนี้ อยู่ตลอดทาง อีกทั้งภายในโครงการยังมีการติดตั้ง CCTV รวมแล้วทั้งหมด 15 จุด

พอตรงมาถึงหัวมุมเราจะเห็นพื้นที่สีเขียวและตัวอาคาร Club House แล้ว

มุมชิดแนวรั้วกำแพงตรงนี้จะเจอกับน้องกวางเขาสวยตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ชิดกับแนวรั้วกำแพง(ด้านหลังเป็นคลองตัน)

พื้นถนนบริเวณที่อยู่ด้านหน้าอาคาร Club House พื้นถูกเป็นเป็นสแตมป์คอนกรีตอีกทั้งให้ดูเด่น / มุมนี้ผมชอบมาก จะเห็นว่าโครงการตั้งใจลงต้นไม้สีเขียวเอาไว้ตามริมฟุตบาทไปตลอดแนวสุดสายตาเลย

ใครที่มีงบเยอะหน่อย เลือกตำแหน่งแปลงมุม ก็จะได้เหมือนได้พื้นที่สีเขียวส่วนตัวเล็กๆแถมมาด้วยแบบนี้แหละ

เส้นถนนที่ถูกตีแนวสีขาวนั้นมีป้ายบอกที่พื้นว่า ตรงนี้สามารถเป็น Bike Lane หรือ Jogging Track ได้ด้วย

หันมามองทางขวาให้เห็นส่วนของหน้าตาอาคาร Club House ซึ่งยังคุมโทน Facade ให้คล้ายกับตัวบ้านอยู่นะ แต่จะเน้นไม้กับกระจกเป็นพิเศษ

ทางขึ้นเป็นเหมือนเนินไม้ระแนง สามารถใช้รถเข็นขึ้นมาได้ด้วย

เข้ามาแล้วเราจะเจอกับส่วนของ Living Area ขนาดใหญ่ทีเดียวล้อมรอบด้วยช่องแสงถึง 3 ด้าน

ความพิเศษของมุมนี้คือเป็นพื้นที่ Double Volume เพดานสูงโปร่ง บวดกับหน้าต่างกระจกรอบด้านทำให้ดูสบายตา เวลาไม่ได้เปิดแอร์ลมก็จะ Flow ตลอด

ด้านหลังโซฟามีมุมโต๊ะทำงานแบบนี้ ใครเบื่ออยู่ในบ้านก็เปลี่ยนบรรยากาศมาทำงานตรงนี้ก็ได้นะ

มุมนั่งเล่นดูทีวี มองไปทางขวามีส่วนทางเดินไปต่อ

พื้นที่ทางเดินผนังทางขวามีการเจาะช่องแสงเอาไว้ และซ้ายมือเป็นทางเข้าห้อง Fitness

ห้อง Fitness ผนังฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของวิวสระว่ายน้ำ (กลางวันปิดมูลี่เอาไว้) ภายในห้องวางเครื่องออกกำลังกายเอาไว้ 7 เครื่อง(รวมบาร์ดัมเบล)

ที่นี่ใช้เครื่องเล่นของ Life Fitness นะครับ ของดีได้มาตรฐาน ตอนเย็นๆมาวิ่งลู่มองวิวสระได้

ผนังทั้งสองข้างมีการติดกระจกเงาเพิ่มให้ดูมีมิติ (อีกฝั่งนึงมีติดจอทีวีแขวนผนังเอาไว้ให้ด้วย)

ออกมาจากห้องฟิตเนสถ้าตรงต่อไปจะเป็นบันไดขึ้นชั้นบน เดี๋ยวเราไปทางซ้ายกันก่อน

ทางซ้ายมือเราจะเจอกับตู้ล็อกเกอร์ให้ใช้งานทั้งสองฝั่งและก็ห้องน้ำแยกชายหญิง

ภายในห้องน้ำผู้ชายขนาดไม่ใหญ่นะครับ

มีห้องอาบน้ำกับห้องน้ำมาให้อย่างละหนึ่ง ด้านหลังเป็นหน้าต่างกระทุ้งช่องแสง

ทางเดินออกมายังระแนงไม้รอบสระว่ายน้ำด้านนอก

ถ้าใครจะมาว่ายน้ำก็เดินเลี้ยวขวาขึ้นไปล้างตัวก่อนนะ จุดทางขึ้นลงอยู่ด้านบน

จุดล้างตัวเป็น Rain Shower ที่อยู่ใกล้กับรูปปั้นน้องกวาง

ส่วนของสระว่ายน้ำมีการแยกสระเด็กเอาไว้ติดกับทางลงสระ ตัวสระเป็นระบบน้ำเกลือขนาด 5 x 25 เมตร

ด้านข้างสระฝั่งชิดกับรั้วมีการวางเก้าอี้นอนเล่นไว้ให้หลายตัวอยู่

จากมุมนี้เราจะเห็นส่วนของสระที่เป็นแบบน้ำล้น รอบๆกรุด้วยหินจตุรัสแผ่นเล็กๆ

กลับเข้ามาในตัว Club House กันอีกครั้ง ขึ้นมาต่อที่ชั้น 2

ขึ้นมาแล้วห้องแรกที่เจอขวามือสุดจะเป็นส่วนของห้องนิติบุคคล มองตรงไปเป็นห้อง Meeting Room

ติดกับห้อง Meeting Room ทางขวามือเป็นห้องน้ำรวม

ภายในห้อง Meeting Roomตกแต่งเป็นแนว Modern Loft เห็นผนังปูเปลือย ใช้เฟอร์นิเจอร์วัสดุจากไม้และเหล็กมาตัดให้ดูเข้ากัน

ตรงกลางห้องมีโต๊ะไม้ชนาดกลางที่นั่งได้ 6-8 ที่นั่ง ผนังมีไวท์บอร์ดให้ มีช่องแสงล้อมรอบห้องทำให้ดูโปร่งสบายตา

ที่ผนังบริเวณชั้น 2 ก็มีการเจาะช่องแสงกระจกใสแบบนี้เอาไว้ให้ดูโปร่งโล่ง

ออกมาด้านนอกอาคารที่ริมสระส่วนนี้จะเป็นมุมสวนหย่อมนั่งเล่นเล็กๆ

ARDEN PARK ที่มีป้ายบอกรายละเอียด พื้นที่และท่วงท่าในการทำกิจกรรมการออกกำลังกาย

มองเข้าไปจากหลังป้ายเราจะเห็นความร่มรื่นและซุ้มศาลานั่งพักผ่อนด้านใน

ซุ้มศาลานั่งพักผ่อน ที่จัดออกมาได้น่าใช้งาน เอาไว้มานั่งพักผ่อนยามเย็น มองวิวพื้นที่สีเขียว

ภายในสวนมีส่วนของศาลพระพรหม จากมุมนี้เราจะเห็นต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใจกลางสวน ถ้าใครเคยผ่านตาโครงการต่างๆของอนันดามาไม่ว่าจะบ้านหรือคอนโด เค้าจะพยายามเก็บต้นไม้ใหญ่เดิมเอาไว้ให้ได้อยู่นะ ที่นี่ก็มีเช่นเดียวกัน

เนี่ยครับมายืนใต้ต้นไม้ใหญ่ช่วงเวลาบ่ายแบบนี้ก็ได้ร่มเงาเป็นวงกว้างทีเดียว

ทางขวามือมีไม้โยกเยกที่ใช้วัสดุจากไม้จริงเอามาทำ

เดินต่อมาเราจะเห็นลานคอนกรีตที่ทำเป็นสเต็ป เห็นตรงนี้ผมนึกถึงเป็นลานกิจกรรมกลางแจ้งที่เหมาะกับให้เด็กๆมาแสดงออกบนลานทรายแล้วให้ผู้ปกครองมานั่งชมนะ 😀

ลานทรายเหมาะกับให้เด็กมาทำกิจกรรมร่วมกันได้

สุดปลายทางเดินก็มีพื้นคอนกรีตปูเป็นทางเดินออกไปยังถนนเมนเหมือนเดิมครับ

นี่ครับ การลงต้นไม้สีเขียวภายในโครงการส่วนริมฟุตบาททั้งสองฝั่งยังยาวต่อเนื่องไปยังท้ายโครงการ

ส่วนของถนนซอยด้านในความกว้างจะลดลงเหลือ 8 เมตร แต่ก็ยังดูสะอาดตาอยู่เนื่องจากสายไฟฟ้าลงดินนี่ละ

อ้อ… ในส่วนของรั้วกำแพงโครงการ รั้วทั้งหมดด้านล่างจะเป็นคอนกรีตทึบสูง 3 เมตร และต่อด้วยรั้วไม้ระแนงอีก 2 เมตร รวมแล้วความสูงถึง 5 เมตรล้อมรอบทั้งโครงการเลย (ให้สังเกตต้นไม้ริมๆรั้วด้วยนะครับ สูงกว่ารั้วกำแพงเสียอีก)

ที่ท้ายสุดของโครงการ ยังมีมุมพื้นที่สีเขียวเล็กๆแบบนี้ยื่นออกมาอีกจุดนึงนะ ถึงแม้จะไม่ใหญ่แต่ว่าก็ให้เด็กมาเล่น หรือมาปูเสื่อนั่งนอนเล่นได้อยู่

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 5 x 25 เมตร (Jacuzzi Pool และสระเด็ก)
  • Club House ภายในประกอบด้วย Living Area, Fitness Room, Meeting Room
  • ARDEN Park (พื้นที่เกือบ 2 ไร่), Play Ground
  • Jogging Track & Bicycle Lane
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 15 จุด
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก, เลื่อนไฟฟ้า (Smart Passed Access)
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 8 ม.
  • ระบบไฟฟ้าลงใต้ดิน (ไฟฟ้า 3 เฟส)


Product Walkthrough

Arden Ladprao 71 _ Plan1

The Mist (TypeM) เป็นบ้านหน้ากว้าง 5 เมตร  3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ 185 ตารางเมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 20 ตารางวา โดยรายการของแถมที่โครงการให้ คือ Wallpaper ทั้งหลัง , แอร์ 3 ตัว , ชุดครัวบิวท์อิน , เตาไฟฟ้า , เครื่องดูดควัน ,  สุขภัณฑ์ , ฉากกั้นอาบน้ำทุกห้อง , เครื่องทำน้ำร้อนห้อง Master Bedroom, ปั๊มน้ำแทงค์น้ำและจัดสวนหลังบ้าน

จากแปลนบ้าน บ้านเป็นบ้านหน้ากว้าง 5 เมตร รั้วหน้าบ้านเป็นแบบบานพับ จอดรถได้ 2 คัน หน้าบ้านมีห้องเก็บของเล็กๆอยู่  ขึ้นมาที่ชั้นหนึ่ง เป็นส่วนของโถง และ ห้องทานข้าว มีพื้นที่กว้างพอสมควร สามารถจัดพื้นที่เป็นโซนนั่งเล่นอ่านหนังสือเล็กๆ ได้ ถัดมาเป็น ครัว โดยครัวเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ซึ่งเวลาประกอบอาหารกลิ่นจะไม่ลอยออกไปนอกห้อง และ สามารถเปิดหน้าต่างระบายอากาศออกไปที่หลังบ้านได้ มีห้องน้ำหนึ่งห้องอยู่บริเวณครัว หลังบ้านมีพื้นที่ ประมาณ 5.00 x 2.40 เมตร แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับจัดสวนและซักล้าง  ขึ้นมาที่ชั้นลอยจะเป็นพื้นที่ สำหรับนั่งเล่น รับแขก วางโซฟาได้ 3 ที่นั่ง และจัดพื้นที่เป็นโต๊ะทำงานเล็กๆได้Arden Ladprao 71 _ Plan2

ขึ้นมาที่ชั้นสอง จะแบ่งเป็น ห้องนอน 2 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว  ในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนแห้งและส่วนเปียก โดยห้องนอนสามารถเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยเป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้ อย่างเช่นบ้านตัวอย่างหลังนี้จัดพื้นที่เป็นห้องทำงาน ชั้นสาม มีจุดเด่นคือ ห้อง Master Bedroom ที่เป็นห้องแบบ Penthouse ทั้ง Floor โดยมี Semi out door ด้านนอกเพื่อให้นั่งเล่นหรือชิว out ได้ และมีห้องน้ำในตัวให้อีก 1 ห้องพร้อมกับพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าแบบ  Walk In Closet

บ้านโครงการนี้ใช้ระบบก่อสร้างแบบ Precast นะครับ ส่วนการออกแบบอาคารเป็นแบบ Borderless คือ การออกแบบที่ไร้ขอบเขต มีการใช้งานพื้นที่ที่มีอย่างไม่รู้จบอย่างเช่น การเล่นระดับของพื้นที่ให้กว้างเพื่อการใช้งานที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนง่าย ตัวบ้านที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจบมุมทรงแหลม (Taper Facade) เป็นรูปทรงที่เรียบง่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Time less Iconic Form) มีการใช้โทนสีเทาและสีไม้ตัดกัน เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติเข้ากันได้กับต้นไม้รอบๆโครงการที่ร่มรื่น จุดเด่นอย่างหนึ่งของโครงการคือ การจัดงานระบบวิศกรรมไฟฟ้าให้เดินสายไฟลงใต้ดินทั้งหมด เพื่อทัศนียภาพที่ดี โล่งตา ไม่มีเสาและสายไฟฟ้าให้เกะกะ

ลองถ่ายแนวตั้ง เพื่อให้เห็นตัวหน้าบ้านเต็มๆ จริงๆถ้าเรามองจากมุมนี้ บ้านจะดูเหมือนมี 4 ชั้นใช่ไหมละครับ แต่ตัวส่วนชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ที่มีฝ้าเพดานสูงและเป็นชั้นที่มีการเล่นระดับนั่นเอง โครงการเลยเรียกว่าเป็นแบบ 3.5 ชั้น มีพื้นที่จอดรถได้ประมาณ 2 คัน ด้านหน้ากั้นด้วยประตูเหล็กทำสีดำบานพับ ภายนอกตัวอาคาร ออกแบบโดยใช้รูปทรงสี่เหลี่ยม จบมุมทรงแหลม (Taper Facade) ทำให้เกิดเป็นรูปทรงเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใช้โทนสีเทาและสีไม้ตัดกัน เพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติ หน้าต่างบ้านเป็นหน้าต่างบานใหญ่สามารถเปิดรับแสงได้เต็มที่

ประตูบานพับแบบนี้มีข้อดีคือสามารถเปิดพื้นที่หน้าบ้านได้กว้าง  เวลารถถอยไม่ต้องกลัวไปสอยโดนรั้ว แต่เวลาแดดแรงๆเอามือไปจับเหล็กก็จะค่อนข้างร้อนซักหน่อย และในกรณีที่ใช้ไปนานๆแล้วรางเลื่อนเกิดฝืดหรือตกราง ก็อาจจะต้องออกแรงดันกันพอสมควร

เวลาเปิดออกสุดจะเป็นแบบนี้

ก่อนเข้าบ้าน จะมีห้องเก็บของเล็กๆมาให้ เผื่อเอาไว้สำหรับเก็บของเล็กๆน้อยๆหรือเอาไว้ซ่อนอะไรก่อนเข้าบ้าน  ประตูห้องเก็บเป็นประตูบานเลื่อน ปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ ถึงแม้ว่าจะอยู่เข้ามาลึกพอสมควร เกินระยะฝนสาด แต่เวลาฝนตกหนัก ๆก็อาจมีละอองฝนเข้ามาโดนประตูบานไม้ได้

ประตูห้องเก็บของเปิดออกมาได้แบบนี้ ถ้าใครอยากหาที่เก็บรองเท้าก่อนเข้าบ้านก็อาจจะหามาวาง หรือใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของห้องเก็บของนี่แหละ Built – in ชั้นวางรองเท้าเล็กๆด้านในได้ ด้านในห้องเก็บของ มีพื้นที่ประมาณ 0.80 x 4.00 เมตร เก็บของได้พอสมควรเลย

Why Arden 😀

ขึ้นไปดูต่อในบ้าน ทางเข้าบ้านมีการยกระดับ สาเหตุที่ต้องยกระดับเพราะซ่อนงานระบบเอาไว้ด้านล่างบ้าน และ เพื่อบดบังแสงสว่างจากรถยนต์ที่จอดหน้าบ้าน หรือเพื่อนบ้านที่เดินผ่านไปมา

ประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูบานเปิด กรุลามิเนตลายไม้ ด้านข้างเป็นบานประตูกระจกสามารถเปิดได้ มีประโยชน์ตรงที่เวลาแขกไปใครมาเราจะได้มองเห็น และ เวลาเปิดทั้งสองบานก็จะสะดวกเวลาขนของชิ้นใหญ่ๆ / จากพื้นบันได ขึ้นมาที่พื้นชั้น 1 มีการยกระดับขึ้นมาอีก ประมาณ 10 เซนติเมตร  พื้นชั้น 1 วัสดุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตรสีขาว ผิวเงา ทำความสะอาดง่าย

เข้ามาในบ้านทางซ้ายมือจะเห็นบันไดขึ้นไปส่วนนั่งเล่น(ที่เล่นระดับ) มองตรงไปจะเป็นโถงโล่งจัดเป็นตู้โชว์ เชื่อมต่อเปิดโล่งไปทางขวาเป็นชุดโต๊ะอาหาร

ชั้นล่างจัดพื้นที่เป็นห้องรับประทานอาหาร ต่อเนื่องกับส่วนครัว พื้นที่ในส่วนนี้ค่อนข้างกว้าง ฝ้าเพดานสูงประมาณ 4 เมตร มีหน้าต่างบานใหญ่รับแสงเข้ามาทำให้ภายในบ้านดูโปร่งโล่ง

มุมมองออกไปที่หลังบ้าน ทางด้านขวาเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอะลูมิเนียมทำสีดำ

ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ทีเดียว เป็นส่วนทางเข้าไปยังครัวปิด และห้องน้ำชั้นล่าง

ระหว่างพื้นห้องทานข้าว และ พื้นห้องครัวเป็นระดับเดียวกัน ใช้วัสดุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตรเหมือนกัน ซึ่งข้อดีของการใช้กระเบื้อง ผิวเงา คือ ทำความสะอาดง่าย แต่เวลาโดนน้ำจะลื่นหน่อย

ครัวที่นี่ได้เป็นครัวปิด มีระยะระหว่างเคาน์เตอร์กับผนังประมาณ 1.7o เมตร พอมีระยะเหลือสบายๆเวลายืนทำกับข้าว ชุดเคาน์เตอร์ครัวให้มาแบบจัดเต็มดี ฝ้าเพดานของห้องครัวสูงถึง 3.5 เมตรจึงมีพื้นที่สำหรับ ทำตู้แขวนด้านบนเพิ่ม

บ้านตัวอย่างเค้า Built-In ส่วนชุดตู้ครัว(ด้านบน)สูงยันจรดฝ้าเพดานเลย แต่บ้านมาตรฐานจะไม่มีตู้แขวนด้านบนสุดนะ

คาน์เตอร์ครัว หน้าบานวัสดุเป็นโครงไม้กรุลามิเนตลายไม้ อีกด้านหนึ่งของเคาน์เตอร์ มีช่องเอาไว้ใส่เครื่องซักผ้า และ ไมโครเวฟ Top เคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตสีดำ ค่อนข้างทน และ ทำความสะอาดง่าย

มีหน้าต่างบานเลื่อน ด้านบนอ่างล้างจาน เอาไว้เปิดระบายอากาศ เวลาทำอาหารหนักๆ ตำแหน่งนี้ค่อนข้างดีต่อการระบายความชื้นที่อ่างด้วยนะครับ (อ่างได้ของ MEX นะ)

เตาไฟฟ้าให้มาแบบ  2 หัว และ เครื่องดูดควันเป็นระบบ Exhaust (ต่อท่อดูดควันออกนอกตัวบ้าน) ของ MEX / ผนังแนวกันเปื้อนที่เป็นกระจกใสสีเขียวๆ ทางโครงการไม่ได้ให้นะ

ฝั่งตรงข้ามห้องครัวเป็นห้องน้ำ ในบ้านตัวอย่างไม่มีบานประตูมาให้ดู บานประตูของจริงเป็นบานประตูสำเร็จรูปสีเทามือจับก้านโยกคล้ายประตูทางเข้าหน้าบ้าน

ห้องน้ำห้องนี้เป็นแบบ Powder Room ไม่มีฟังก์ชั่นพื้นที่อาบน้ำ วัสดุพื้นและผนังเป็น กระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร พวกวัสดุต่างๆในห้องน้ำจะได้เป็นของ COTTO นะ

บริเวณเหนือสุขภัณฑ์ ทำเป็นชั้นเก็บของเล็กๆได้ เอาไว้วางกระจก ผนังติดกระจกเงายาวต่อเนื่อง

พื้นที่เก็บของรอบๆอ่างและยังมีช่องเก็บของใต้อ่างแบบเปิดโล่ง / เนื่องจากตำแหน่งห้องน้ำอยู่กลางบ้านเลยได้พัดลมดูดอากาศเข้ามาช่วยด้วย

กลับเข้ามายังโถงฝั่งหลังบ้านกันอีกที เราจะเห้นส่วนของประตูกระจกบานเลื่อน ทางออกไปสวนหลังบ้าน วัสดุเป็นกรอบอะลูมิเนียมสีดำ  ด้านบนต่อเป็นช่องแสงให้สูงเพิ่มขึ้นไป ชุดบานประดูห้องนี้ค่อนข้างสูงทำให้มีแสงสว่างเข้ามาในโครงการมาก ทำให้ภายในตัวบ้านดูโปร่งสบายตา

บันไดลง ไปที่สวนหลังบ้าน วัสดุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ราวบันไดเป็นเหล็กทำสีดำ

ลองมองลงไปโครงการจัดให้ดูถึงพื้นที่กลางแจ้งฝั่งด้านหลังบ้าน สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนได้ หรือสามารถทำเป็นสวนหย่อมเต็มๆเลยก็ได้ (ทางขวามือสุดจะเป็นส่วนของแทงค์น้ำและปั๊มน้ำตั้งอยู่มีพุ่มไม้บังไว้)

ถ้าใครเลือกแปลงที่ติดถนนเมนด้านหลังจะเป็นแนวรั้วสูง 5 เมตรแบบนี้ แต่ถ้าใครเลือกแปลงที่หันหลังชนกับเพื่อนบ้าน จะเป็นรั้วที่สูงประมาณ 2 เมตรเท่านั้น

มุมมองจากหลังบ้าน มองไปที่บันได ด้านบนประตู จัดเป็นพื้นที่สำหรับแขวน Condensing unit แอร์ แขวนเรียงกันเป็นระเบียบดี แต่เวลาซ่อมบำรุงอาจจะลำบากซักหน่อย (ตำแหน่งใต้บันไดตรงนี้จะมีบานประตูเล็กๆสำหรับเอาไว้ Service งานระบบด้านล่างบ้าน

กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง เราจะเห็นบันไดทางขึ้นส่วนที่เล่นระดับ

เราจะขึ้นไปดูที่ชั้นลอยกัน บันไดทางขึ้นชั้นลอยเป็นบันไดสำเร็จรูป ลูกนอนด้านบนวางทับด้วยไม้ยางพารา ลูกตั้งติด Wallpaper มีบัวบันไดมาให้

ขึ้นมาที่ชั้นลอย พื้นชั้นลอยเป็นพื้นไม้ลามิเนต 8 mm. สีเดียวกับบันได

ชั้นลอยมีการเล่นระดับเพื่อความเป็นส่วนตัว จัดเป็นห้องนั่งเล่น ดูทีวี พื้นที่ส่วนนี้ฝ้าเพดานสูงประมาณ 3.20 เมตร พื้นที่สามารถวางโซฟาได้ 3-4 ที่นั่ง ระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร

Idea การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใช้สอยแนวตั้งของบ้านตัวอย่าง และผนังด้านหลังมีการติดกระจกเงาสีชาช่วยเพิ่มมิติให้บ้านดูกว้างด้วย

ตำแหน่งของทีวีที่ต้องถูกเอาไปชิดกับหน้าต่างช่องแสง ทำให้อาจำเป็นปัญญถ้าจะดูทีวีเวลากลางวันจริงๆอาจจะต้องปิดผ้าม่านเอานะครับ แสงแดดมันแยงตา

ด้านข้างโต๊ะวางทีวี สามารถจัดเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆได้   จริงๆแล้ว Space ชั้น 1 และชั้นลอยสามารถจัด Function การใช้งานได้หลากหลาย ถ้าเป็นคนที่ชอบใช้เวลาในห้องทำงาน ก็อาจจะจัดพื้นที่ชั้น 1  เป็นห้องรับแขกและห้องทานข้าวต่อเนื่องกันไปเลย และ ชั้นลอยจัดเป็นพื้นที่สำหรับทำงานก็ได้

บันไดส่วนทางขึ้นไปชั้น 2 ไปต่อกันครับ

เนื่องจากบันไดออกแบบเป็นแนวตรงยาว ทำให้ได้ชานพักแบบสี่เหลี่ยมจตุรัส ปลอดภัยและเดินได้ง่าย

ขึ้นมาถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นห้องทำงาน เดี๋ยวเราเข้าไปดูที่ห้องนี้กันก่อนนะ

ทุกๆห้องนอนของโครงการนี้ จะมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง ซึ่งช่วยลดปัญหาในการแย่งห้องน้ำกันเข้าในช่วงเวลาเร่งรีบ (ห้องน้ำอยู่ทางซ้าย)

ห้องนี้ในบ้านตัวอย่างจัดพื้นที่ใช้สอย เป็นห้องทำงาน หรือเราสามารถจัดเป็นห้องนอนก็ได้นะถ้ามีจำนวนสมาชิกเยอะหน่อย

มองย้อนกลับไปเห็นหน้าต่างช่องแสงและทางเข้าห้องน้ำ

ห้องน้ำชั้นบนเเบ่งเป็น ส่วนแห้งและส่วนเปียกชัดเจน ในบ้านตัวอย่างไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ แต่บ้านมาตรฐานมีให้ วัสดุพื้นและผนังเป็นประเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ไล่การใช้งานไปอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์ พื้นที่อาบน้ำ

ชุดอ่างล้างมือวัสดุ COTTO เช่นเคย เพิ่มเติมคือมีพื้นที่รอบอ่างและใต้อ่างเพิ่มขึ้นมา Top เป็นไม้เมลามีนลายไม้แบบกันน้ำได้  เคาน์เตอร์ด้านล่างมีช่องเปิดออกมาเก็บของได้

ส่วนพื้นที่อาบน้ำเป็นกระเบื้องชนิดพิเศษตามภาพ โดยพื้นที่อาบน้ำจะอยู่ประมาณ 90 x 90 ซม. มียกธรณีหินแกรนิตสูงประมาณ 5 เซนติเมตร

มุมชุดฝักบัวของ COTTO มีชั้นวางของเล็กๆ ที่ผนังมีมุมเตรียมติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น และมีหน้าต่างช่องแสงบานกระทุ้ง

ให้ดูหน้าตาชัดๆครับ

หน้าต่างช่องแสงบานกระทุ้ง ที่ตำแหน่งอยู่บริเวณพื้นที่อาบน้ำพอดี สามารถระบายความชื้นได้ดีหลังการใช้งาน (เปิดออกได้องศาประมาณนี้)

พอออกมาจากห้องมองตรงไป พื้นที่ตรงกลางบ้าน(ซ้ายมือ) เป็นส่วนบัไดทางขึ้นไปชั้นบนสุด ตรงไปจะเป็นส่วนของห้องนอนฝั่งหน้าบ้าน เราไปดูห้องนี้กัน

ในตัวห้องนอน ของจริงจะเป็นห้องเปล่าๆ แต่บ้านตัวอย่างมีการกั้นพาร์ทิชั่นเล็กๆ(ชั้นวางทีวี) ให้ห้องนี้ดูเป็นสัดส่วนมีมุมในการใช้งานแยกกัน

เข้ามาแล้วหันไปทางซ้ายจะเป็นส่วนพื้นที่วางเตียง ระยะนี้วางเตียง King Size ได้ปกติ / ภายในห้องนอน มีขนาด 2.80 x 5.00 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร

ระยะข้างเตียงทั้งฝั่งซ้าย และ ฝั่งขวา มีระยะเหลือพอสมควรสามารถวาง โต๊ะข้างเตียง หรือโคมไฟตั้งพื้นได้

ด้านข้างเตียงฝั่งที่ติดผนังด้านนอก จะเป็นหน้าต่างบานเลื่อนที่ด้านนอกเป็นจุดวางคอมแอร์ฯ สามารถให้ช่างออกไปซ่อมบำรุงได้

ฝั่งตรงข้ามเตียง มีพื้นที่เหลือพอสมควร โดยในบ้านตัวอย่าง เอาฉากโครงเหล็กมากั้นเป็นโซนทีวีแขวนผนัง ด้านหลังจัดพื้นที่แต่งตัว Walk in Closet

ทางซ้ายมีประตูทางออกไประเบียง เป็นกระจกบานเลื่อนค่อนข้างใหญ่

ระเบียง มีขนาดยาวประมาณ 2.30 เมตร  กว้างประมาณ 0.80 เมตร ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ราวกันตกเป็นเหล็กทำสีเทา สูงประมาณ 1  เมตร พื้นระเบียงลดระดับลงมาจากพื้นห้อง ประมาณ 5 เซนติเมตร พอกันน้ำฝนได้

เวลาเรายืนที่ระเบียงก็จะมองเห็นเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามประมาณนี้ ระยะห่างก็มี 12 เมตร และ 8 เมตร

ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำ จัดเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆให้เป็นมุมง่ายต่อการใช้งานหลังอาบน้ำ

ภายในห้องน้ำตกแต่งคล้ายกับห้องน้ำห้องอื่นๆ คือ วัสดุพื้นและผนังเป็นประเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

โดยส่วนของพื้นที่อาบน้ำห้องนี้จะกว้างกว่าหน่อย ขนาด 1.00 x 1.30 เมตร ส่วนพื้นที่อาบน้ำเป็นกระเบื้องชนิดพิเศษตามภาพ ด้านบนมีพัดลมดูดอากาศ

ออกมาจากห้องนอน มาตรงกลางบ้าน จะมีช่องประตูเป็นทางขึ้นโถงบันได โถงบันไดขึ้นไปที่ชั้น 3 บริเวณนี้จะค่อนข้างมืด ถ้าติดไฟเพิ่มจะช่วยให้สว่างขึ้นและไม่เป็นมุมอับ สาเหตุที่ต้องมีประตูกั้นอีกชั้นหนึ่งเพราะกันแอร์ออกและเพิ่มความเป็นส่วนตัว เนื่องจากชั้นบนเป็นห้องนอนแบบ Penthouse ทั้ง Floor

มุมมองย้อนกลับลงไป พื้นบันไดวัสดุลูกนอนด้านบนวางทับด้วยไม้ยางพารา ลูกตั้งติด Wallpaper เหมือนกับบันไดชั้นล่าง บันไดทางขึ้นไปชั้น 3 ขั้นบันไดปาดมุมเฉียงๆแบบนี้ ไม่ควรรีบร้อนเวลาขึ้นลงมากๆ ทางที่ดีควรไปเสริมติดตั้งมือจับราวบันไดด้วย

ขึ้นมาจะเจอกับห้องน้ำเลย ทางฝั่งขวาเป็นพื้นที่ห้องแต่งตัว ฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่ห้องนอน

ชั้นบน จัดพื้นที่เป็นห้องนอนแบบ  Penthouse ทั้ง Floor ทางฝั่งข้างห้องน้ำสามารถจัดพื้นที่เป็น ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk In Closet ได้

ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk In Closet  ตู้เสื้อผ้าแบบนี้จะทำให้เราจัดเสื้อผ้าเป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลา บางร้านมีขายแบบที่สามารถปรับ Function การใช้งานตามใจเราได้ แต่ถ้าไม่ชอบโชว์เสื้อผ้าก็อาจหาตู้ที่มีบานปิดก็ได้

ตำแหน่งหน้าต่างช่องแสงที่อยู่ด้านหลังบ้าน มุมนี้จัดเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งจะดีกว่า

ทางเข้าห้องน้ำมีก่อนธรณีหินแกรนิตสีดำบริเวณทางเข้า พอเข้ามาแล้วก็จะเหมือนกับห้องน้ำชั้นล่าง(ฝั่งหน้าบ้าน) โดยไล่การใช้งานเรียงไป แต่ว่าห้องน้ำห้องนี้จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งเป็นช่องแสงและระบายอากาศเพิ่มขึ้นมา

ออกมาจากห้องน้ำ ไปดูต่อกันที่ฝั่งหน้าบ้านที่เชื่อมต่อไปยังมุมเตียงนอน

ขวามือของหัวเตียงมีพื้นที่เหลือค่อนข้างกว้างนะ มุมนี้เราอาจจะจัดเป็นอย่างอื่นนอกนอกเหนือจากบ้านตัวอย่างก็ได้ อาทิ Built-in เป็นชั้นโชว์ของเก็บของ

ทางด้านซ้ายฝั่งปลายเตียงจัดเป็นโต๊ะทำงาน และพื้นที่เป็นชั้นวางทีวีต่อเนื่องกันมา พื้นชั้นบนเป็นพื้นไม้ลามิเนต ยาวต่อเนื่องตลอดทั้ง Floor

ถึงแม้จะวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว แต่ระยะการเดินที่ปลอดภัยก็ยังสบายอยู่สำหรับบริเวณปลายเตียง

ทางด้านซ้ายมีระยะเหลือพอสมควร วางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ พร้อมทั้งช่องแสงขนาดใหญ่(เปิดได้เฉพาะตอนบน) ที่ทำให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาในห้อง

ให้ดูมุมกว้างๆของบ้านมาตรฐาน ในพื้นที่แอเรียตรงนี้นะ

ที่ปลายเตียงมีประตูบานเลื่อนออกไปที่พื้นที่ระเบียงแบบ Semi Outdoor

พื้นที่ระเบียงแบบ Semi Outdoor มีขนาดประมาณ 1.30 x 2.90 เมตร ถือว่าค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว โดยบ้านตัวอย่างจัดเป็นมุมนั่งเล่นที่ไม่โดนแดด แต่อยากให้ออกมาใช้งานรับลมได้บ้าง

วางโซฟาตัวเล็กแบบ 2 ที่นั่งพอได้ หันออกไปรับวิวด้านนอก

ไอเดียจากบ้านตัวอย่างมีการเพิ่มสวนขวดแก้วแขวนผนังเอาไว้ บวกกับสวนกระถางนิดหน่อย อันนี้แล้วแต่เจ้าของบ้านจะจัดได้เลย

หรือถ้าใครไม่คิดจะเอาโซฟาไปวางจัดเป็นสวนแบบ Full Option เต็มพื้นที่ไปเลยผมว่าก็สามารถทำได้นะ เวลานอนจากเตียงก็จะเห็นสีเขียวของต้นไม้ด้วย

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18 October 2017

  • The Mist ( Type M) พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ที่ดิน 20 ตร.วา ราคา 7.79 ล้านบาท (แปลงมาตรฐาน)
  • The Mist ( Type M) พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ที่ดิน 23 ตร.วา ราคา 10.05 ล้านบาท (แปลงริมติดถนนเมน)
  • The Mist ( Type M) พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ที่ดิน 28-29 ตร.วา ราคา 10.5 ล้านบาท (แปลงริมติดถนนซอย)
  • The Mist ( Type M) พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ที่ดิน 20 ตร.วา ราคา 7.65 ล้านบาท (แปลงโปรโมชั่น)

 

  • จอง  30,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 110 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลและการเดินทาง ถนนพัฒนาการเป็นที่มีระยะทางไม่ยาวมากนัก ถูกขนาบไปด้วยถนนหลักอีกสองเส้นอย่างพระราม 9 และอ่อนนุช แต่สิ่งที่สำคัญอย่างมาก คือพัฒนาการมีจุดเชื่อมสามารถเข้าออกใจกลางเมืองไพร์มแอเรียอย่างเอกมัย และทองหล่อได้ง่ายมาก(ไปทองหล่อระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร) จุดตัดทางแยกที่สำคัญที่สุดคงเป็น แยกคลองตัน ซึ่งตัดกับถนนใหญ่สี่เส้นได้แก่ ถนนเพชรบุรี, ถนนรามคำแหง, ซอยสุขุมวิท 71 และถนนพัฒนาการ ที่แจกแจงทางไปยังพื้นที่สำคัญอื่นๆ ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ในซอยพัฒนาการ 20 (เข้าไป 750 เมตร) ต้องบอกว่าฝั่งพัฒนาการเลขคู่จะมีซอยพิเศษบางซอยซึ่งเป็นซอยที่ลากยาวต่อและเชื่อมถึงกันและไปบรรจบที่ซอยอ่อนนุช 17 จนไปออกถนนอ่อนนุช และถนนสุขุมวิทได้เลยได้เลย ทำให้มีผู้คนจำนวนมากมายที่เข้ามาอยู่อาศัยในซอยฝั่งเลขคู่เหล่านี้ เพราะถือเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองและเดินทางได้สะดวก

ปกติของโครงการบ้านแนวราบในพื้นที่ตัวเมืองจะไม่ได้เน้นที่ใกล้รถไฟฟ้ามากเหมือนอย่างคอนโดมิเนียม ด้วยต้นทุนของที่ดิน แต่จะไปเน้นเรื่องทางด่วน และที่จอดรถในโครงการมากกกว่าเพราะน่าจะใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก แต่ก็ขอเอามาให้ดูเสียหน่อยว่าถ้าวันไหนจะใช้งานบางครั้งคราวก็ไม่ได้ยากมาก (แต่ไม่ได้เป็นระยะเดินนะ จะเป็นระยะที่เรียก Taxi ไปเพื่อต่อการใช้งาน หรือขับรถเองไปรับส่งมากกว่าครับ)

ความอุดมสมบูรณ์ ถ้าจะหาของกินแบบง่ายๆอร่อยๆถ้าเอาใกล้ๆเลยก็คงเป็นริมถนนหลักพัฒนาการนี่แหละ จะมีร้านอร่อยๆตั้งอยู่หลายร้านเลย สำหรับเเหล่ง Shopping ที่ใกล้ที่สุดคือ Tesco Lotus ซึ่งตอนนี้มี London Street ที่เป็นคอมมิวนิตี้ ฟู้ดมอลล์, วันไหนจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็วิ่งไปที่ The Nine เส้นพระราม 9 ก็ถือว่าอยู่ใกล้นะครับ หรือไม่อยากเดินห้างใหญ่ไปเลยก็ Seacon Square บนถนนศรีนครินทร์ แต่เนื่องด้วยทำเลที่อยู่ฝั่งสะดวกในการเข้าตัวเมืองชั้นในได้ง่ายอย่างที่บอกไป การไปหาของกินร้านเด็ดดังในย่านเอกมัยทองหล่อ แถวนั้นดูจะเป็นเรื่องสะดวกอีกต่างหากเพราะใช้ระยะเดินทางไป 3-4 กิโลเมตรเอง และที่นั่นยังมีเหล่าคอมมูนิตี้ฯ อเวนิว ดังๆหลายแห่ง ร้านอาหารหรู ร้านกินดื่ม HangOut เล็กใหญ่เต็มไปหมด รวมไปถึงโรงพยาบาลและสถานศึกษาที่สำคัญด้วย

วัสดุ ให้ตามมาตรฐานกับราคาที่จ่ายไป ค่อนข้างไปทางดี คือ พื้นไม้ลามิเนต กระเบื้องแกรนิตโต้  บันไดไม้ยางพารา มีพิเศษคือชุดครัวที่ให้มาค่อนข้างเต็ม มีเตาไฟฟ้า และ เครื่องดูดควันมาให้ มีแถม Wallpaper กับ ผ้าม่านให้ด้วย  การเก็บงานก่อสร้าง และการเลือกใช้เกรดของวัสดุค่อนข้างไปทางดี

การออกแบบ โครงการนี้เป็นโครงการที่ออกแบบได้ดี มีการวางแนวคิดโดยรวมของโครงการ และ สามารถคุม Theme ของการออกแบบให้สอดคล้องกับตัวบ้าน และ การจัด Space ภายในบ้านได้ดี รวมถึงการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางด้วย โดยแนวความคิดของโครงการนี้เกิดขึ้นมาจากการอยากพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับคนเมือง โดยใช้ Concept  สวน Eden อันร่มรื่น เน้นการปลูกต้นไม้ประเภทยืนต้น เพื่อที่จะได้เติบโตและให้ความร่มรื่นกับโครงการในระยะยาว อีกทั้งยังลงต้นไม้ให้ค่อนข้างเยอะริมฟุตบาทในถนนโครงการอีกด้วย

การออกแบบตัวบ้าน เน้นรูปทรงสี่เหลี่ยม จบมุมทรงแหลม ทำให้เกิดเป็นรูปทรงเรียบง่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะลักษณะ มีการใช้โทนสีเทาและสีไม้ตัดกัน  นอกจากนั้น การออกแบบยัง มีความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น มีการวางงานวิศวกรรม เสาไฟ และ โทรศัพท์ โครงการทั้งหมดลงใต้ดินเพื่อทัศนียภาพที่ปลอดโปร่ง , การจัดพื้นที่ส่วนกลางอยู่กลางโครงการเพื่อที่ลูกบ้านจะได้ใช้พื้นที่ร่วมกัน, การจัดพื้นที่ชั้นลอยเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว , การจัดพื้นที่ชั้นบนเป็น Penthouse เพื่อให้ใช้พื้นที่ได้เต็มที่

สาธารณูปโภค ค่อนข้างไปทางดี  มีระบบรักษาความปลอดภัย Smart Card ระบบ Bluetooth และ CCTV รอบโครงการ รวมถึง รปภ. รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ Family Hub สำหรับพักผ่อนและเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ , ฟิตเนส, สระว่ายน้ำแยกสระเด็ก, Jogging track & Bicycle Len และสนามเด็กเล่น ค่าส่วนกลางถึงแม้ว่าจะเก็บค่อนข้างสูง แต่เทียบกับจำนวนยูนิตที่ไม่สูงแชร์กับเพื่อนบ้านไม่เยอะและเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมโครงการให้ออกมาอยู่ในสภาพดีอาจจะต้องยอมแลกตรงส่วนนี้ เนื่องจากการจัดพื้นที่ภายในและสภาพแวดล้อมของโครงการค่อนข้างต่างจากโครงการอื่นๆ โดยเฉพาะพันธ์ุไม้และต้นไม้ที่นำมาปลูกเพื่อเพิ่มความร่มรื่นให้กับโครงการ

 

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 7 – 10 ล้านบาท, 18 October 2017

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – อยู่ซอยพัฒนาการ 20 เข้าเมืองง่ายทั้งทางเพชรบุรี เอกมัย ทองหล่อใกล้ทางด่วน หรือเชื่อมไปออกอ่อนนุชฝั่งสุขุมวิทได้ แต่หาร้านของกินนอกบ้านต้องขับรถออกไปหน่อย
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – ระบบ Smart Pass Access, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, รั้วโครงการสูง 3 เมตร รั่วต่อเพิ่ม 2 เมตร และ CCTV รอบโครงการ
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 –ออกแบบได้สวย มีเอกลักษณ์ ตรง Concept
  • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับราคานี้
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.5/10 – มีพื้นที่สีเขียวมาก เน้นการปลูกต้นไม้ใหญ่ริมรั้วและริมฟุตบาท และ การจัดสวนให้โครงการร่มรื่น
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 –ให้มาโอเคถ้าเทียบกับยูนิตแชร์ทั้งหม ดแต่ก็เก็บค่าส่วนกลางสูงหน่อย Club House , ฟิตเนส , สนามเด็กเล่น , Jogging track และ Bicycle Len
  • UPPER CLASS
  • 7.88 / 10.00

BOTTOM LINE

Arden พัฒนาการ เหมาะกับคนที่ชอบโครงการที่มีการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ และมีของแบรนด์ ต้องการความสงบ ร่มรื่น และเป็นส่วนตัว อยู่ในย่านพัฒนการตอนต้นหรือใกล้เคียง อยากได้ทำเลที่เข้า-ออกเมืองง่าย ใกล้ทางด่วน เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก หาของกินไม่ยากนัก  มีงบประมาณในการซื้อ 7 -10 ล้านบาท