รีวิวฉบับที่ 1440 … สวัสดีค่ะ สำหรับใครที่กำลังมองหาโฮมออฟฟิศสำหรับประกอบธุรกิจและอยู่อาศัยด้วยแถบย่านเลียบด่วนแล้ว วันนี้เรามีโครงการมาฝากกันกับโครงการ Arco Home Office Life (เอกมัย-รามอินทรา) โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น ในซอยโยธินพัฒนา 11 ด้านหลัง CDC เลยค่ะ ตัวโครงการจัดเป็นโครงการโฮมออฟฟิศที่มี Facilities มาให้ด้วยนะ ตอบโจทย์ได้ทั้งการใช้งานแบบออฟฟิศและการอยู่อาศัยของคนที่ต้องการใช้งาน Facilities ด้วย ตัวบ้านมาพร้อมกับระบบบ้านอัจฉริยะ (Home Automation) ให้การอยู่อาศัยสะดวกสบายมากขึ้น ในราคาเริ่มต้น 16.5 ล้านบาท

 

Fact @ 22 September 2017

  • Arco Home Office Life (Ekamai-Raminthra) (อาร์โค่ โฮมออฟฟิศ (เอกมัย-รามอินทรา))
  • บริษัท รีโว เอสเตท จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยโยธินพัฒนา 11 ถนนเลียบด่วนรามอินทรา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
  • เนื้อที่โครงการ 3-0-94 ไร่ จำนวน 25 ยูนิต
  • Home Office 4 ชั้น
  • Type A ที่ดิน 23.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 275 ตร.ม. 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 16.5 ล้านบาท
  • Type B ที่ดิน 30 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 365 ตร.ม. 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท
  • Type C ที่ดิน 34 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 395 ตร.ม. 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท
  • ราคาเริ่มต้น 16.5 ล้านบาท
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 259,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : ธันวาคม 2559
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : n/a
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • สำนักงานขาย : 084-428-5555

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.805936, 100.619771

ที่ตั้งโครงการ Arco Home Office Life (เอกมัย-รามอินทรา) อยู่ในย่านเลียบด่วน หรือถนนประดิษฐ์มนูธรรม ด้านหลัง CDC (Crystal Design Center) เลย ทำเลนี้ถือเป็นอีกจุดความอุดมสมบูรณ์และความคึกคักใหญ่ๆ ของถนนประดิษฐ์มนูธรรมนี้ เพราะอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าและ Hypermarket ทั้ง CDC, Chic Republic ที่อยู่ฝั่งเดียวกับโครงการ และตรงข้ามก็มีทั้ง The Crystal, Central Festival East Ville, Tesco Lotus และ HomePro ในระยะที่ขับรถได้ง่ายๆ จัดเป็นทำเลที่เหมาะกับโฮมออฟฟิศสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการอยู่ในทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีที่พบปะสังสรรง่าย คึกคัก และมี Lifestyle พอสมควรนะคะ

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือว่าสะดวกมาก แม้จะไม่ได้อยู่ติดถนนหลักเลย แต่ก็อยู่ในซอยที่ไม่ลึกจากถนนประดิษฐ์มนูธรรมมากนักเข้า-ออกได้สะดวก รวมไปถึงซอยนี้ยังเป็นซอยย่อยที่มีความสำคัญคือสามารถลัดเลาะไปออกถนนหลักได้ทั้งเกษตร-นวมินทร์ และถนนลาดพร้าว โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางด้วยถนนหลักอย่างประดิษฐ์มนูธรรมเลย ซึ่งช่วยตอบโจทย์ได้ดีในช่วงเวลาเร่งด่วน นอกจากนี้ในอนาคตทำเลโครงการนี้ก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาวิ่งผ่านอีกด้วยนะคะ ซึ่งสถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดจะเป็นสถานีโยธินพัฒนา โดยอยู่บริเวณหน้าปากซอยโยธินพัฒนา 11 ซึ่งเมื่อรถไฟฟ้าเสร็จก็จะเพิ่มตัวเลือกในการเดินทางแบบไม่ต้องใช้รถส่วนตัวได้อีกทาง ทำให้การเดินทางมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

สำหรับทำเลโครงการนี้จัดเป็นโครงการที่ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่เลย รูปแบบของออฟฟิศที่เหมาะนั้นควรจะไม่ได้เน้นการเห็นหน้าร้านมากนัก ให้ผู้คนมองเห็น แล้วเข้ามา หรือคึกคักมากนักนะคะ แต่จะเหมาะกับออฟฟิศที่มีพนักงานประจำเข้า-ออก ชอบความเป็นส่วนตัว มีความปลอดภัยจากการที่เป็นโครงการปิด และที่สำคัญคือสามารถตอบโจทย์ในการอยู่อาศัยได้ด้วย ไม่เพียงแต่ประกอบธุรกิจอย่างเดียว

การเดินทางในวันนี้เริ่มต้นจากถนนเกษตร-นวมินทร์บริเวณหน้าปากซอยนวมินทร์ 111 แยก 12-1 จากนั้นขับตรงไปถึงแยกที่ตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม แล้ววิ่งตรงมุ่งหน้ามาทางเส้นลาดพร้าว เมื่อเห็น Chic Republic ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยโยธินพัฒนา และเลี้ยวขวาเข้าซอยหลัง CDC (Crystal Design Center) หรือซอยโยธินพัฒนา 11 ตรงเข้ามาจากหน้าปากซอยประมาณ 350 ม. ก็จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งขวามือแล้วค่ะ

เริ่มต้นกันที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ฝั่งมุ่งหน้าไปทางพหลโยธินนะคะ ช่วงบริเวณหน้าปากซอยนวมินทร์ 111 แยก 12-1 ซึ่งเป็นซอยลัดไปออกถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือเชื่อมเข้าซอยโครงการได้เลย โดยไม่ต้องผ่านถนนประดิษฐ์มนูธรรมนะคะ สำหรับใครที่เดินทางโดยใช้เส้นเกษตร-นวมินทร์เป็นหลัก ใช้เส้นทางลัดนี้ก็จะสะดวกมากกว่าวิ่งเส้นหลักอย่างประดิษฐ์มนูธรรมค่ะ แต่สำหรับวันนี้เราจะพาไปดูเส้นทางหลักกันก่อนนะคะ โดยจะตรงไปทางถนนประดิษฐ์มนูธรรมกัน

ถึงแยกเกษตร-นวมินทร์ ตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรมแล้ว ก็เลี้ยวซ้ายได้เลยค่ะ บริเวณนี้เป็นแยกใหญ่ที่มีตลาดหัวมุม เป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ตอนกลางคืน และ The Walk Lifestyle Mall อยู่บริเวณแยกนี้ด้วยนะ

เลี้ยวเข้าถนนประดิษฐ์มนูธรรมมาแล้วก็วิ่งตรงยาวๆ มุ่งหน้าไปทางลาดพร้าว

ผ่านถนนโยธินพัฒนา ซึ่งเป็นอีกถนนที่เชื่อมเข้าซอยโครงการได้เช่นกันนะคะ แต่เดี๋ยวเราจะตรงไปกันก่อนนะ เพื่อไปเข้าทางหลักให้ดูกัน

เมื่อเห็น Chic Republic แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเลยค่ะ

ซอยนี้เป็นซอยใหญ่นะ มีทั้งหมด 4 เลน เราผ่าน Chic Republic มาแล้วให้เตรียมชิดเข้าเลนซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าซอยหลัง Chic Republic เลย

เลี้ยวซ้ายเข้าซอยโยธินพัฒนา 11

ภายในซอยเป็นซอย 2 เลนสวนกัน บรรยากาศเงียบสงบดีค่ะ ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย เราขับตรงมาในซอยเรื่อยๆ ประมาณ 350 ม. ผ่านหมู่บ้านลาดพร้าว ก็จะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือแล้วค่ะ

และก็ถึงทางเข้าโครงการแล้วนะคะ

ติดกับโครงการเลยจะเป็นหมู่บ้าน 15 Gates บ้านเดี่ยว 3 ชั้น

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการค่อนข้างเงียบสงบนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว และชุมชนที่อยู่อาศัยทั้งแบบอพาร์ทเม้นท์และบ้านเดี่ยวทั่วไป จะมีฝั่งตรงข้ามที่เป็นบริษัท ซึ่งก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรนะคะ โดยรวมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สงบดี

  • ทิศเหนือ : ที่ดินเปล่า
  • ทิศตะวันออก : ถนนโยธินพัฒนา 11
  • ทิศใต้ : โครงการบ้านเดี่ยว 15 Gates
  • ทิศตะวันตก : บ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 3 ชั้น, CDC

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Chic Republic ~450 ม.
  • Crystal Design Center (CDC) ~ 800 ม.
  • Tesco Lotus ~1.6 กม.
  • Central Festival Eastville ~1.8 กม.
  • The Crystal ~2.9 กม.
  • Imperial World ลาดพร้าว ~3.1 กม.
  • The Walk ~3.4 กม.
  • Index Living Mall ~3.4 กม.
  • ตลาดนัดหัวมุม ~3.5 กม.
  • HomePro ~4.2 กม.
  • ตลาดนัดเลียบด่วน ~5.1 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Arco Home Office Life (เอกมัย-รามอินทรา) จัดเป็นโครงการโฮมออฟฟิศขนาดเล็ก มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 25 ยูนิต จึงได้ความเป็นส่วนตัวระดับนึง ตอบโจทย์เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ที่ไม่ได้ต้องการความคึกคัก คนเห็นหรือเดินผ่านเยอะ แต่ต้องการความเป็นส่วนตัว ปลอดภัยเพราะเป็นโครงการปิด และสามารถใช้อยู่อาศัยได้ด้วย ส่วนจุดพิเศษที่แตกต่างจากโครงการโฮมออฟฟิศทั่วไปคือที่นี่ให้ Facilities ในส่วนของ Club House ซึ่งภายในมีทั้ง Lobby ไว้ต้อนรับลูกค้าหรือเป็นมุมพักผ่อน ห้องฟิตเนส มุมอ่านหนังสือ และสวนหย่อม ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการใช้พื้นที่ส่วนกลางด้วยนะคะ ส่วนความกว้างถนนถือว่าให้มาเหมาะสมกับโครงการโฮมออฟฟิศที่จะต้องต้อนรับ Visitor ที่มาติดต่อพอสมควร ซึ่งด้วยความกว้างที่ 14, 11.4 และ 9 ตามลำดับ ทำให้สามารถจอดรถด้านนอกริมถนนได้อยู่ ก็ยังสามารถขับรถสวนกันได้ รวมไปถึงยังมีที่จอดรถส่วนกลางให้ด้วยอีก 16 คัน สำหรับผู้มาติดต่อหรือลูกบ้านที่มีรถเยอะจอดรถในบ้านไม่พอ

จากหน้าทางเข้าโครงการ มีการทำซุ้มทางเข้าสวยงามมีหลังคาชัดเจนเป็นสัดส่วน กันแดดกันฝนได้ดี และดูสายงาม


ประตูทางเข้าเป็นประตูบานเปิดอัตโนมัติทั้งทางเข้าและทางออก โดยใช้เป็น Smart Card ที่มีการใช้งานลักษณะเดียวกับ Easypass ทางด่วน ซึ่งสะดวกในการใช้งานไม่จำเป็นต้องมาหาบัตรเพื่อมาทาบกับตัวสแกนเลย และนอกจากนี้บัตรนี้ยังสามารถบันทึกประวัติการเข้า-ออก ของทุกคนที่ผ่านเข้าสู่โครงการได้ ส่วนด้านข้างของประตูทางเข้า-ออกนั้นจะมีป้อมรปภ.อยู่ มีพี่รปภ.รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.


ส่วนด้านซ้ายมือของประตูทางเข้านั้นจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการค่ะ ซึ่งในชั้นล่างจะเป็นพื้นที่รับรองแขก เสมือน Lobby ขนาดเล็ก ลูกบ้านสามารถนัดลูกค้าติดต่อคุยงานที่นี้ได้เลย ไม่จำเป็นต้องให้ลูกค้าหรือผู้มาติดต่อเข้าสู่โฮมออฟฟิศตัวเอง ส่วนชั้นบนจัดให้เป็นห้องฟิตเนส และมุม Library เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกบ้านที่ต้องการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางเช่นกัน
โดยปัจจุบันชั้นล่างที่เป็นส่วน Lobby นั้นจะใช้เป็น Sale Office ก่อนนะคะ

ภายในส่วน Sale Office แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่ก็ดูโปร่งโล่งด้วยหน้าต่างรอบข้าง ซึ่งช่วยให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามายังด้านในห้องได้ดีทีเดียว ภายในห้องมีการจัดชุดโซฟาไว้รับรองลูกค้าประมาณ 3-4 ชุดด้วยกัน ในอนาคตเหมือนปรับเป็นส่วน Lobby แล้วก็สามารถมานั่งคุยงานกับลูกค้าได้ดีเลยค่ะ

ถัดมาส่วนด้านหลังของอาคารส่วนกลาง

ก่อนขึ้นบันไดไปชั้น 2 จะมีห้องน้ำแยกชาย/หญิง รับรองอยู่

ภายในตกแต่งหรูหรา สวยงาม มีห้องน้ำทั้งหมด 3 ห้องด้วยกัน

อีกมุมเป็นส่วนอ่างล้างมือ และภายในห้องน้ำสะอาดเรียบร้อย น่าใช้งานดีค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้นบน ฝั่งขวามือจะเป็นห้องฟิตเนสและมุม Library ส่วนฝั่งซ้ายมือเป็นห้องสำนักงานของเจ้าหน้าที่โครงการในปัจจุบันค่ะ

เข้ามาภายในห้องฟิตเนสมีเครื่องออกกำลังกายรองรับทั้งหมด 3 เครื่อง พร้อมมุมเวทเทรนนิ่ง ตกแต่งผนังรอบด้านด้วยกระจกเงาไว้ให้เรียบร้อย

หันหลังกลับมาเป็นพื้นที่อ่านหนังสือ หรือมุม Library โดยจัดชั้นวางหนังสือพร้อมชุดเก้าอี้นั่งอ่านหนังสือ

เข้ามาที่ภายในโครงการหลังจากผ่านประตูซุ้มโครงการเข้ามาแล้ว ก็จะเป็นถนนหลักซึ่งมีความกว้างถึง 14 ม. ช่วยให้การสัญจรภายในโครงการสะดวกสบาย เหลือพื้นที่ด้านข้างไว้สำหรับจอดรถได้ด้วย


ส่วนฝั่งขวามือที่ติดกับประตูซุ้มโครงการมีการจัดพื้นที่สีเขียวขนาดกะทัดรัดไว้ให้ลูกบ้านได้มาเดินเล่นพักผ่อนกันได้ค่ะ

 

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 3 เครื่อง และเครื่องเวท เทรนนิ่ง
  • สวนหย่อม
  • Library
  • พื้นที่พักผ่อน
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 ม.
  • Key Card Access ระยะไกล (Easypass)
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วบานเปิดไฟฟ้า
  • สัญญาณกันขโมย
  • Smart Home Automatic
  • ถนนหลักกว้าง 14 ม. และถนนภายในกว้าง 11.4, 9 ม.

 


Product Walkthrough

โครงการ Arco Home Office Life (Ekamai-Raminthra) มีโฮมออฟฟิศให้เลือกทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ดังนี้

  • Type A ที่ดิน 23.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 275 ตร.ม. 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
  • Type B ที่ดิน 30 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 365 ตร.ม. 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ
  • Type C ที่ดิน 34 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 395 ตร.ม. 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ

รูปแบบการขายจะเป็นในรูปแบบ Bareshell หรือเป็นบ้านเปล่าให้มาตกแต่งเองในส่วนพื้นที่สำนักงานทั้งหมดนะคะ เนื่องจากออฟฟิศมีความแตกต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่รูปแบบการขายจะเป็นแบบ Bareshell เหมือนโครงการอยู่แล้ว เพื่อที่ลูกค้าจะสามารถตกแต่งออฟฟิศได้อิสระมากขึ้น เหมาะสมกับรูปแบบออฟฟิศของตนเอง แต่จะมีเฉพาะชั้น 4 ที่ทางโครงการออกแบบให้เป็นชั้นพักอาศัยซึ่งจะไดด้พื้นเป็น พื้นลามิเนต และห้องน้ำทั้งหมดจะได้ตามบ้านตัวอย่างค่ะ

ส่วนที่พิเศษและได้เป็นมาตรฐานพร้อมกับตัวบ้านเลยคือ ระบบบ้านอัจฉริยะ Home Automation จาก Fibaro สามารถใช้งานผ่าน Smart Phone Application ควบคุมได้ทั้งหมด ดังนี้

  • สวิชท์ไฟเปิด/ปิด ไฟทุกจุดในบ้าน และสามารถปรับความสว่างของดวงโคมได้ รวมไปถึงควบคุมไฟ RGBW เปลี่ยนโทนสีของหลอดไฟได้
  • สัญญาณเตือนภัยอัจฉริยะ เมื่อหน้าต่างถูกงัด น้ำรั่วซึม รวมไปถึงเมื่อเกิดเหตุอัคคีภัย
  • ควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซึ่งระบบจะแจ้งอุณหภูมิตามพื้นที่นั้นๆ ภายในบ้าน
  • เชื่อมต่อกล้องวงจรปิด โดยใช้เชื่อมเข้ากับกล้อง IP Camera ตรวจดูบ้านได้จากมือถือ
  • ควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านมือถือ
  • ควบคุมผ้าม่านไฟฟ้า และประตูมอเตอร์ ผ่านมือถือ
  • ตั้งระบบไฟรอบนอกบ้านและในบ้านให้เปิดอัตโนมัติเมื่อเดินผ่าน รวมไปถึงเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือเข้านอนไฟก็จะปิดให้อัตโนมัติ

 

บ้านตัวอย่างที่จะพาไปชมนั้นคือ Type B ที่ดิน 30 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 365 ตร.ม. มีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยกัน โดยชั้น 1 ออกแบบให้เป็นที่จอดรถเป็นส่วนใหญ่ ด้วยความลึกของอาคารสามารถจอดรถได้มากสุด 6 คัน คือจอดซ้อน 2 คัน ไป 3 ชุดได้ อีกฝั่งเป็นทางเข้าภายในอาคาร ซึ่งในชั้นนี้จะออกแบบให้เป็น Foyer หรือพื้นที่ต้อนรับขนาดกะทัดรัด สามารถวางโซฟาขนาดเล็ก หรือเก้าอี้ได้ประมาณ 2-3 ตัว จุดเด่นของพื้นที่ชั้น 1 นี้จะอยู่ที่ด้านหลังบ้าน ที่ทางโครงการตั้งใจออกแบบให้เป็นพื้นที่ Outdoor สำหรับนั่งเล่นหรือรับประทานอาหารเป็นพื้นที่ส่วนรวมที่เชื่อมกับระเบียงหลังบ้านของชั้น 2 ซึ่งเรียกว่าเป็นโซน Breaking Area จัดเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจและเป็นจุดเด่นของโฮมออฟฟิศ  Type นี้ค่ะ

ชั้น 2 จัดให้เป็นพื้นที่สำนักงาน โดยจะได้เป็นพื้นที่โล่ง ให้ลูกบ้านมาจัดโต๊ะทำงานเองได้ ด้านหลังมีระเบียงที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ Outdoor หลังบ้านในชั้นล่าง รวมทั้งห้องน้ำที่เลือกออกแบบให้อยู่ด้านนอกเพื่อจะไม่มีเสียงรบกวนคนทำงานภายใน

ชั้น 3 ออกแบบให้เป็นชั้นสำหรับห้องทำงานของผู้บริหาร ซึ่งจะได้เป็นพื้นที่โล่งอีกเช่นกันนะคะ แต่จะมีความแตกต่างบริเวณส่วนห้องน้ำที่อยู่ด้านในตัวอาคารแทนที่จะอยู่ด้านนอกเหมือนชั้น 2

ชั้น 4 ถูกออกแบบให้เป็นเสมือนชั้น Penthouse คอนโดมิเนียม คือเป็นชั้นสำหรับพักอาศัยทั้งชั้น โดยแบ่งได้เป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนอีก 2 ห้อง ภายในห้องนอนมีห้องน้ำในตัวทั้งหมด

เริ่มจากหน้าบ้านกันนะคะ รูปแบบการออกแบบหน้าตาอาคารนั้นจะเป็นสไตล์ Modern Contemporary เน้นความเรียบง่ายทั้งรูปลักษณ์และโทนสีเทาอ่อน-เข้ม ใช้กระจกสูง รวมถึงระเบียงก็ได้ราวกันตกเป็นกระจกเช่นกันเพื่อให้ตัวบ้านดูโปร่งโล่ง มีการทำระแนงเหล็กเป็นลูกเล่นภายนอกที่นอกจากเรื่องความสวยงามแล้วยังสามารถบังสายตาได้บางส่วน เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นให้กับพื้นที่ส่วนทำงานในชั้น 2 และ 3

สำหรับบ้านมาตรฐานของโฮมออฟฟิศ Type นี้จะได้ซุ้มประตูบ้านเป็นมาตรฐานแบบนี้นะคะ โดยฝั่งซ้ายของรูปจะเป็นรั้วประตูโปร่งแบบบานพับ เพื่อให้สามารถเปิด-ปิดใช้งานพื้นที่ได้มากที่สุด เนื่องจากพื้นที่ด้านข้างบ้านมีไม่พอมากนัก ส่วนฝั่งขวาของประตูรั้วบ้านเป็นซุ้มทางเดินเข้า มีหลังคา ประตูทางเข้าและหลังคาซุ้มทำให้เรียบร้อยสวยงามดีค่ะ

เข้ามาภายในบ้านจริงๆ ในส่วนพื้นชั้นล่างนี้ออกแบบให้เป็นโครงสร้างแบบ Slab On Beam ซึ่งเหมาะกับพื้นที่จอดรถที่ต้องรับน้ำหนักรถเยอะ การทรุดตัวของพื้น Slab on Beam จะมีน้อยกว่าเนื่องจากมีฐานรากของชั้นใต้ดินลึก 6 ม. ซึ่งในบ้านตัวอย่างจะไม่ได้ทำเป็นพื้นให้เห็นชัดนะคะ แต่จะปลูกเป็นต้นไม้ตกแต่งแทนในส่วนนี้

ลีกเข้ามาหน่อยจะเห็นรูปแบบพื้นมาตรฐานที่ได้ในชั้นนี้แล้วค่ะ จะเป็นคอนกรีตฉาบเรียบมาตรฐาน ความกว้างสามารถจอดรถได้ 2 คันแบบกำลังดีสำหรับรถขนาดเล็ก และด้วยความลึกของอาคารทำให้สามารถจอดรถซ้อนได้มากขึ้น

บริเวณด้านข้างของที่จอดรถมีทำห้องเก็บของไว้เก็บอุปกรณ์สวน อุปกรณ์ล้างรถต่างๆ ได้ค่ะ

เข้ามาด้านในสุด หรือส่วนหลังบ้านเป็นพื้นที่ Outdoor ขนาดย่อมๆ ที่สามารถจัดเป็นพื้นที่ใช้งานได้ อย่างบ้านตัวอย่างจะจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหารแบบ Outdoor จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวเราเดินเข้าไปดูกันค่ะ

ด้วยขนาดพื้นที่หลังบ้านที่ตั้งใจเผื่อขนาดพื้นที่ใช้สอยไว้พอสมควร จึงสามารถจัดสรรฟังก์ชันได้หลากหลาย โดยทางโครงการตั้งใจออกแบบให้เป็นส่วน Courtyard ที่สามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหาร หรือโต๊ะเก้าอี้ไว้นั่งเล่นพักผ่อน ทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ได้ อย่างเต็มที่

อีกมุมหนึ่งของพื้นที่นี้ค่ะ ลักษณะจะเป็นแบบ Outdoor นะคะ ไม่มีหลังคา หากใครที่ต้องการให้ส่วนนี้กันแดดกันฝนได้ก็สามารถต่อเติมหลังคาเบาเพิ่มได้เอง เช่นโครงหลังคาเหล็กปูด้วยโพลี่คาร์บอร์เนต หรือจะเป็นผ้าใบก็ได้บรรยากาศชิลดีค่ะ

สำหรับพื้นที่ Courtyard ส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับ Breaking Area ของชั้น 2 ซึ่งในการใช้งานจริงสำหรับโฮมออฟฟิศก็ดูจะสะดวกดี เพราะชั้น 2 เป็นชั้นที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่สำนักงาน เป็นพื้นที่ของพนักงานใช้งานเป็นหลัก เมื่อถึงช่วงพักเที่ยงหรือเบรคต่างๆ ก็สามารถลงมานั่งเล่น รับประทานอาหารกันบริเวณนี้ได้ง่าย

กลับมาที่หน้าทางเข้าอาคารกันนะคะ บริเวณนี้จะมีหลังคายื่นออกมาก่อนถึงประตูทางเข้าพอสมควรเลย สามารถกันแดดกันฝนได้ดี ประตูทางเข้าจะได้เป็นประตูกระจกทั้งบาน

เข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Foyer ก่อน พื้นที่ต้อนรับส่วนนี้ออกมามาขนาดกะทัดรัด สามารถวางชุดเก้าอี้ได้ประมาณ 2-3 ที่นั่งหรือจะจัดเป็นชุดโซฟาขนาดเล็กก็ได้เช่นกันค่ะ สำหรับโฮมออฟฟิศโครงการนี้จะเห็นว่าไม่ได้เน้นส่วนต้อนรับเป็นหลัก ซึ่งเหมาะกับออฟฟิศที่ไม่ได้มีหน้าร้านเป็นหลัก ต้องนัดลูกค้าหรือมี visitor มาติดต่อเยอะ แต่เน้นไปที่การให้พื้นที่ไปทำในส่วนที่จอดรถได้มากขึ้น

บริเวณ Foyer นี้จะเห็นจุดรับสัญญาณเซ็นเซอร์ของระบบ Home Automation ที่โครงการให้เป็นมาตรฐานด้วยนะคะ

จากนั้นขึ้นบันไดมาที่ชั้น 2 ลักษณะบันไดเป็นบันไดรูปตัว U ยาวขึ้นไปถึงชั้น 4 เลย เดินได้สะดวกดีค่ะ ช่วงชานพักมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดพอสมควรด้วย ช่วยให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาภายในได้ดีทีเดียวค่ะ สำหรับบันไดนี้จะได้มาเป็นโครงบันไดแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก และราวบันไดตามบ้านตัวอย่าง ส่วนลูกนอนบันไดนั้นลูกบ้านต้องตกแต่งเพิ่มเอานะคะ ซึ่งหากใครต้องการทำเป็นพื้นที่สำนักงานที่ใส่รองเท้าได้ พื้นทนต่อการใช้งานหน่อยก็สามารถเลือกปูเป็นกระเบื้องต่างๆ แทนได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องปูเป็นไม้อย่างเดียว ส่วนบ้านตัวอย่างนี้ทางโครงการปูมาให้ดูเป็นไอเดียในการตกแต่ง

สำหรับชั้น 2 นี้ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่สำนักงานทั้งหมด โดยในบ้านจริงฝั่งซ้ายมือที่กั้นเป็นห้องประชุมนี้ บริเวณส่วนประตูจะได้เป็นกระจกบานใหญ่กั้นพื้นที่ไว้ ให้เข้า-ออกทางฝั่งขวามือ ส่วนในบ้านตัวอย่างได้เอาผนังกระจกออกและทำเป็นประตูทางเข้าห้องประชุมแทน จะบอกว่าพื้นที่นี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรูปแบบสำนักงานของลูกบ้านเลย ต้องการกั้นซอยเป็นห้องทำงานเพิ่มก็ย่อมทำได้เช่นกันค่ะ

เข้ามาภายในส่วนห้องประชุม ก็มีพื้นที่พอสมควร จัดโต๊ะประชุมที่จุคนได้ประมาณ 6-8 คนได้กำลังดี ติดกับด้านหน้าบ้านได้หน้าต่างบานเลื่อน และกระจกบาน Fixed ด้านล่างให้แสงสว่างเข้ามาภายในห้องได้ดี

มาที่ฝั่งขวามือของห้องประชุมจะเป็นทางเข้าส่วนพื้นที่สำนักงานนะคะ

บริเวณพื้นที่สำนักงานมีขนาดพอสมควรสามารถจัดโต๊ะทำงานได้ระดับนึงเลย จุคนทำงานได้ประมาณ 8-10 คนสบายๆ ค่ะ จากรูปส่วนด้านหลังสุด หรือหน้าบ้านนั้นได้กระจกบานใหญ่ช่วยให้แสงเข้ามาภายในพื้นที่ภายในได้ดี

อีกมุมหนึ่งของพื้นที่สำนักงานค่ะ มีการตกแต่งวางโต๊ะทำงานมาให้ดูเป็นไอเดียในการตกแต่งออฟฟิศตัวเอง

ติดกับห้องประชุม สามารถจัดพื้นที่ส่วนนี้เป็น Pantry หรือโต๊ะทำงานตามบ้านตัวอย่างเลยก็ได้เช่นกัน

หันไปทางหลังบ้านจะติดกับระเบียงภายนอก ซึ่งเรียกว่า Breaking Area โดยกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก

ส่วนประตูบานเลื่อนกระจกนี้ก็มีสัญญาณตรวจจับของ Home Automation ได้ด้วยนะ

ออกมายังส่วนระเบียงภายนอกซึ่งมีขนาดพอสมควรเลยทีเดียวค่ะ บริเวณนี้เรียกว่า Breaking Area ตั้งใจออกแบบให้เป็นพื้นที่พักผ่อนชิลๆ เชื่อมกับพื้นที่ Courtyard ด้านล่าง

ด้วยพื้นที่ขนาดที่ให้มาพอสมควรเลย จึงสามารถวางชุดโต๊ะเก้าอี้แบบชิลๆ สำหรับนั่งเล่น พูดคุยกันได้ในช่วงพักเที่ยงได้

ด้านข้างเป็นบันไดหนีไฟที่เชื่อมไปถึงชั้น 4 และลงมาเชื่อมกับระเบียงชั้น 2 ค่ะ จัดว่าออกแบบเรื่องความปลอดภัยขั้นพื้นฐานก็ออกแบบมาได้ดีเช่นกัน

สำหรับโซน Breaking Area นี้นอกจากจะมีพื้นที่นั่งเล่นแล้ว ก็จะมีส่วนห้องน้ำแยกชาย/หญิงอยู่ด้านนอกด้วยเช่นกัน ซึ่งตั้งใจออกแบบไว้ด้านนอกพื้นที่ภายในส่วนสำนักงานก็เพื่อลดเสียงดังจากส่วนห้องน้ำ เพิ่มสมาธิในการทำงานมากขึ้น และนอกจากนี้คือเรื่องการความชื้นและกลิ่นที่ระบายได้ดีกว่าเมื่ออยู่ภายนอก เพียงแต่ความสะดวกในการใช้งานต่างๆ ก็อาจจะลดลงมาหน่อยเมื่อเทียบกับอยู่ด้านในเลย แต่ก็ไม่ถือว่าไม่สะดวกนะคะ เพราะห้องน้ำอยู่ติดกับประตูกระจกระเบียงเลย ออกมาก็เจอห้องน้ำแล้วค่ะ

สำหรับห้องน้ำออกแบบให้ตรงกลางเป็นส่วนอ่างล้างมือใช้ร่วมกัน และแยก 2 ฝั่งเป็นห้องน้ำชาย/หญิง ด้วยประตูบานเลื่อน

อ่างล้างมือขนาดกำลังดีเหมาะกับการใช้งานจาก Kohler มี Built-in พื้นที่วางของด้านข้างและตู้เก็บของด้านล่างให้มาด้วย สำหรับวางและเก็บของต่างๆ ได้ระดับนึงค่ะ

ภายในส่วนห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิก มียกธรณีขึ้นเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน และเหมาะกับการทำความสะอาดมากขึ้น

ภายในห้องน้ำผู้หญิงจะมีโถสุขภัณฑ์ พร้อมอุปกรณ์ห้องน้ำต่างๆ ให้จาก Kohler ด้านหลังทำ Low Wall ไว้ให้สำหรับวางของได้เล็กน้อยอีกด้วยค่ะ

ส่วนห้องน้ำชายจะเพิ่มเติมในส่วนโถปัสสาวะชายจาก Kohler เพิ่มขึ้นมาจากห้องน้ำหญิง

นอกนั้นก็จะให้มาเหมือนกันทั้งหมดค่ะ และสำหรับห้องน้ำชายด้านบนมีติดหน้าต่างบานกระทุ้งให้ด้านบนด้วย ช่วยระบายความชื้นและให้แสงสว่างเข้ามาภายในห้องน้ำได้พอสมควร

ขึ้นมาชั้น 3 บริเวณหน้าห้องมีความกว้างพอสมควร สามารถ Built-in ชั้นวางของ หรือตู้เก็บของเหมือนในบ้านตัวอย่างเพิ่มเติมได้

เข้ามาภายในส่วนพื้นที่ชั้น 3 ถูกออกแบบไว้เป็นพื้นที่ทำงานของผู้บริหาร ซึ่งในบ้านมาตรฐานก็จะได้เป็นพื้นที่โล่งนะคะ ลูกบ้านสามารถจัดสรรพื้นที่เองได้ทั้งหมดค่ะ โดยสำหรับบ้านตัวอย่างจะตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดีย สำหรับคนที่ต้องการทำชั้น 3 ให้เป็นพื้นที่ทำงานของผู้บริหาร จากภาพเข้ามาจากประตูบานเลื่อนฝั่งซ้ายมือแล้ว พื้นที่แรกที่จะเจอจะเป็นส่วนต้อนรับ หรือมุมทำงานของเลขานุการ โดยตกแต่งเป็นโต๊ะทำงานติดกับผนัง สามารถ Built-in ชั้นวางของหรือตู้โชว์ต่างๆ ได้ ฝั่งขวาเป็นประตูบานเลื่อนกระจกออกไปยังระเบียงเล็กๆ ในชั้นนี้

ระเบียงนี้จะอยู่บริเวณหน้าบ้านนะคะ มีขนาดกะทัดรัด สำหรับออกมายืนสูดอากาศได้ หรือจะวางกระถางต้นไม้ตกแต่งเหมือนบ้านตัวอย่างก็ได้นะคะ อีจุดของระเบียงที่ชอบคือราวกันตกที่ให้เป็นกระจกใส ดูสวยงาม ส่วนพื้นระเบียงในบ้านมาตรฐานจะได้เป็นพื้นกระเบื้องเซรามิกนะคะ

ถัดมาเป็นโซนรับรองแขกที่ต่อเนื่องกับพื้นที่ทำงานผู้บริหาร สามารถจัดวางชุดโซฟาและโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ได้สบาย ในบริเวณนี้จะรู้สึกโปร่งโล่งดีทีเดียวด้วยกระจกหน้าบ้านที่ได้บานใหญ่จากพื้นถึงฝ้าเพดาน

ถัดมาเป็นพื้นที่ทำงานของผู้บริหาร สามารถรองรับโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ได้ ด้านหลังมีพื้นที่พอสมควร สามารถ Built-in ตู้โชว์ต่างๆ และชั้นวางของเพิ่มเติมได้ค่ะ

ด้านข้างของโต๊ะทำงาน ทางโครงการออกแบบเป็นฟังก์ชันอื่นเพิ่มเติม โดยกั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ได้เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น

ซึ่งสามารถจัดมุมนึงของห้องให้เป็นส่วน Pantry สำหรับทำครัวเล็กๆ น้อยๆ เช่นเครื่องดื่ม หรือจะอุ่นอาหาร ของว่างต่างๆ ได้

อีกมุมจะจัดเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร รับรองแขก อย่างในบ้านตัวอย่างก็ได้เช่นกันค่ะ โดยขนาดพื้นที่นี้สามารถรองรับจำนวนคนได้ถึง 6 ที่นั่ง บรรยากาศของพื้นที่ส่วนนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งเพราะได้ประตูบานเลื่อนกระจกบานใหญ่ ได้แสงสว่างจากภายนอกได้ดีทีเดียว

ติดกับพื้นที่รับประทานอาหารจะเป็นระเบียงภายนอก มีขนาดพอประมาณสามารถใช้งานได้ ทั้งเป็นพื้นที่ออกมายืนสูดอากาศ หรือจัดสวนกระถางขนาดย่อมๆ รวมไปถึงเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์

ถัดมาในส่วนด้านหลังของ Pantry จะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำค่ะ โดยชั้นนี้จัดให้ห้องน้ำอยู่ด้านในอาคารแล้วนะคะ ใช้งานได้สะดวก

พื้นภายในห้องน้ำลดระดับลงเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนได้ดี ภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทา

ฝั่งขวาจากประตูจัดเป็นส่วนอ่างล้างมือ รอบอ่าง Built-in เป็นพื้นที่วางของได้พอสมควรและด้านล่างมีตู้เก็บของให้ด้วยนะคะ

อ่างล้างมือขนาดกำลังดีจาก Kohler เช่นเดิม

ถัดมาด้านในเป็นส่วนโถปัสสาวะชาย ติดกับหน้าต่างบานกระทุ้งช่วยให้แสงสว่างเข้ามาภายในได้ดีรวมไปถึงระบายความชื้นในห้องน้ำได้ดีเช่นกันค่ะ ส่วนฝั่งตรงข้ามกับโถปัสสาวะชายจะเป็นโถสุขภัณฑ์จาก Kohler

ขึ้นมาที่ชั้น 4 ทั้งชั้นนี้ถูกออกแบบให้เป็นเสมือนชั้น Pemthouse คือเป็นชั้นพักอาศัยทั้งชั้น โดยขึ้นมาจากโถงบันไดจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลย ซึ่งพื้นที่นั่งเล่นนี้เองจะเชื่อมกับส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้องค่ะ

เดี๋ยวเราจะพามาดูห้องนอนเล็กกันก่อนนะคะ สำหรับห้องนอนเล็กนี้จะอยู่ฝั่งด้านหลังบ้าน เข้ามาจะเจอโซนเตียงนอนก่อน ด้วยพื้นที่แล้วเหมาะกับวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต หรือ Single Bed โดยโซนเตียงนอนอยู่ติดกับหน้าต่างบานเลื่อนเลย เปิดระบายอากาศได้ดี

ด้านข้างเตียงติดกับประตูทางเข้าเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า

ถัดมาด้านหลังเตียงนอนจะเป็นโถงทางเดินเข้าไปเล็กน้อย สามารถ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ ได้ และอีกฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับพื้นที่วางโต๊ะเครื่องแป้งได้จะเป็นห้องน้ำภายในห้องนอนค่ะ

เข้ามาภายในห้องน้ำ มีลดระดับพื้นลงเล็กน้อย ภายในปูพื้นด้วยกระเบื้องตามในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

ฝั่งขวามือจากประตูทางเข้าจัดเป็นส่วนอ่างล้างมือ ซึ่งมีทำ Low Wall ด้านข้างไว้สำหรับวางของเล็กๆ น้อยๆ ได้ดี ใต้อ่าง Built-in ตู้เก็บของให้เรียบร้อย พร้อมกรุกระจกเงาติดผนัง

ตรงข้ามกับอ่างล้างมือเป็นพื้นที่ของโถสุขภัณฑ์ ด้านหลังก็มีทำ Low Wall ไว้ให้เช่นกัน

ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะได้ฉากกั้นกระจกเป็นมาตรฐานเหมือนกับบ้านตัวอย่างเลยค่ะ ช่วยกันน้ำกระเด็นจากส่วนเปียกได้ดี ทำให้พื้นที่ภายในห้องน้ำเป็นสัดส่วน

ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีลดระดับลงมาเล็กน้อยจากพื้นห้องน้ำส่วนแห้งเพื่อกันน้ำไหลย้อนออก ขนาดพื้นที่อาบน้ำมีพอสมควรเลย ไม่เล็กไป

ฝักบัวได้เป็นฝักบัวสายอ่อนจาก Kohler

ถัดมาที่พื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนใหญ่ ที่ทางโครงการออกแบบให้เชื่อมกันอยู่บริเวณหน้าบ้าน

ภายในพื้นที่นั่งเล่นสามารถจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบายๆ เลยค่ะ เป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับครอบครัว ด้านข้างติดกับประตูบานเลื่อนกระจกออกไปยังส่วนระเบียงด้านนอก

ระเบียงนี้ได้ขนาดพอสมควรนะคะ สามารถจัดสวนกระถางหรือทำเป็นระเบียงชมวิวได้

ถัดมาเป็นโซนห้องนอนใหญ่ ซึ่งบ้านตัวอย่างออกแบบให้เชื่อมพื้นที่กับห้องนั่งเล่นได้เลย เพื่อให้พื้นที่ดูกว้างขวางและโปร่งโล่ง แต่หากใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็สามารถกั้นปิดประตู เป็นห้องชัดเจนได้เช่นกันนะคะ

ภายในห้องนอนใหญ่ สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย โดยหากเลือกวางเตียง 5 ฟุตก็จะเหลือพื้นที่ทางเดินรอบเตียงพอสมควรให้เดินได้ง่าย ด้านข้างเตียงฝั่งขวาที่เป็นกระจกใสนั้นจะเป็นห้องน้ำภายในห้องนอน ซึ่งออกแบบมาให้เป็นรูปแบบ Sexy Bathroom ทำให้ห้องน้ำภายในดูโปร่งโล่งและสวยงาม แต่หากใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวจะติดม่านหรือติดฟิล์มฝ้าก็สามารถบังสายตาได้แล้วค่ะ

ติดกับหน้าต่างบานเลื่อนสามารถ Built-in เป็นส่วนตู้เสื้อผ้าได้

อีกฝั่งก่อนจะเข้าห้องน้ำก็สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้า เป็นแบบ Walk-in Closet ได้ค่ะ

ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกและแห้งชัดเจน โดยด้านซ้ายเป็นส่วนอ่างล้างมือ ทางขวาเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ

ฝั่งอ่างล้างมือมีด้านซ้ายที่ออกแบบให้เป็นกระจกใสเข้ามุมค่ะ และด้านขวาเป็นผนังทึบกรุกระจกเงาให้เรียบร้อย

บริเวณด้านข้างอ่างล้างมือก็ทำ Low Wall ยาวๆ ให้ตลอดผนังเลย สามารถวางข้าวของได้ หรือใครอยากจะซื้อของมาตกแต่งห้องน้ำก็ได้เช่นกันค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์ ซึ่งเฉพาะโถสุขภัณฑ์ในห้องนอนใหญ่นี้จะมีขนาดใหญ่กว่าห้องน้ำในห้องอื่นและชั้นล่างๆ ส่วนยี่ห้อ Kohler เหมือนกันค่ะ

และสุดท้ายเป็นพื้นที่อาบน้ำซึ่งก็จะได้ฉากกั้นกระจกเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกับห้องนอนเล็ก

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 September 2017

  • Type A แปลง D2 ขนาดที่ดิน 23.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 275 ตร.ม. ราคา 16.5 ล้านบาท
  • Type B แปลง E3 ขนาดที่ดิน 30.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 365 ตร.ม. ราคา 19.9 ล้านบาท
  • Type C แปลง E1 ขนาดที่ดิน 34.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 395 ตร.ม. ราคา 22.99 ล้านบาท

  • จอง 100,000 บาท
  • ทำสัญญา

  • Type A 500,00 บาท
  • Type B 600,000 บาท
  • Type C 600,000 บาท

  • ดาวน์ (ขึ้นอยู่กับแปลงนั้นๆ)
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตร.วาละ 259,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 160 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • โปรโมชั่น
    • Smart Home Automation จาก Fibaro
    • ส่วนลดพิเศษ 500,000 – 800,000 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Arco Home Office Life (เอกมัย-รามอินทรา) เป็นโครงการ Home Office ระดับ Luxury บนทำเลถนนประดิษฐ์มนูธรรม ในซอยโยธินพัฒนา 11 หลัง CDC จัดเป็นโฮมออฟฟิศทำเลใจกลางย่านเลียบด่วน ใกล้ห้างใหญ่ๆ และ Hyper Market มีความคึกคักสูง ตัวโครงการจัดเป็นโครงการโฮมออฟฟิศขนาดเล็ก เน้นความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนยูนิตไม่มาก อยู่ในโครงการปิดมีความปลอดภัย เพื่อสามารถอยู่อาศัยได้จริงด้วย ไม่ใช่โฮมออฟฟิศแนวหน้าร้าน ที่เน้นคนผ่านไปมาเห็นง่าย และมาพร้อมกับ Facilities ตอบโจทย์คนที่ต้องการโฮมออฟฟิศไว้เป็นทั้งออฟฟิศและที่อยู่อาศัยในตัว ชอบทำเลที่ใกล้ห้าง สะดวกสบาย และรูปลักษณ์การออกแบบตัวบ้านที่ทันสมัย มีระบบ Smart Home Automation พร้อมเพิ่มความสะดวกในการอยู่อาศัยมากขึ้น

    ทำเล – ทำเลโครงการจัดว่าอยู่ในทำเลดีมีความสมบูรณ์สูงในย่านเลียบด่วนนี้ อยู่ใกล้ CDC, Chic Republic และฝั่งตรงข้ามก็มีทั้งห้างใหญ่อย่าง Central Festival Eastville, The Crystal และ Hyper Market อย่าง Tesco Lotus และ HomePro อีกด้วย ยังไม่รวมไปถึงบรรยากาศในช่วงค่ำคืนในย่านนี้ก็เต็มไปด้วยสีสันเช่นกัน เป็นอีกแหล่ง Hangout ของคนหนุ่มสาววัยทำงาน และยังมีตลาดนัดใหญ่ๆ ทั้งตลาดนัดหัวมุมและตลาดนัดเลียบด่วน เรียกว่าครบครันมากสำหรับความอุดมสมบูรณ์นะคะ ขับรถไปได้ง่าย ระยะไม่ไกลก็มีให้เลือกเยอะทีเดียว สำหรับใครที่ชอบทำเลที่คึกคักและมีสีสัน ทำเลนี้ก็ตอบโจทย์ได้ดีเลยค่ะ

    การเดินทาง – สำหรับการเดินทางนี้จะสะดวกสุดสำหรับคนที่ขับรถนะคะ แม้ตัวโครงการจะอยู่ในซอยหลัง CDC แต่ก็ถือว่าอยู่ไม่ลึกจากถนนใหญ่ประดิษฐ์มนูธรรมมากนักในระยะขับรถ ส่วนข้อพิเศษของซอยนี้คือมีทางลัดเลาะไปออกถนนหลักได้หลายสายเลย ทั้งถนนเกษตร-นวมินทร์ และถนนลาดพร้าว รวมไปถึงซอยลาดพร้าว 101 ซึ่งเป็นซอยใหญ่ที่มีความคึกคักสูง ส่วนใครที่ไม่ได้ขับรถ หรือจะคำนึงถึงพนักงานที่มักจะเดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นหลักนั้นก็จัดว่าสะดวกในระดับนึง ด้วยความที่เป็น Node ใหญ่ของย่านเลยมีรถสาธารณะให้ตัวเลือกได้พอสมควร แต่ด้วยความที่ตัวโครงการอยู่ในซอยก็จะต้องต่อวินมอเตอร์ไซค์เข้ามาโครงการอีกต่อนึงนะคะ ส่วนในอนาคตการเดินทางแบบไม่ใช้รถก็จะสะดวกมากขึ้น เพราะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาตัดผ่าน ซึ่งจะมีสถานีโยธินพัฒนา มาตั้งอยู่บริเวณหน้าปากซอยทางเข้าโครงการ เป็นตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น

    การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย – ตัวโครงการจัดเป็นโครงการโฮมออฟฟิศขนาดเล็ก เพียง 25 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวดี สำหรับคนที่ไม่ชอบเพื่อนบ้านเยอะน่าจะชอบ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าจะแลกมากับการแชร์ค่าส่วนกลางบำรุงรักษามากขึ้นนะ โดยที่นี่จะมีค่าส่วนกลางอยู่ที่ 160 บาท/ตร.วา/เดือน ซึ่งแม้จะมีราคาสูงแต่อย่างที่บอกว่าแลกมากับความเป็นส่วนตัวเพื่อนบ้านน้อยแล้ว ที่นี่มีให้ Facilities ด้วยเหมือนกันนะ อย่างที่โครงการโฮมออฟฟิศส่วนใหญ่ไม่ได้มีให้นะ อย่างฟิตเนส มุมอ่านหนังสือ พื้นที่รับรอง (Lobby) สวนหย่อม แม้ไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็มีให้ใช้อยู่ เป็นพื้นฐานสาธารณูปโภคที่ต้องการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนที่อยู่อาศัยในโฮมออฟฟิศด้วย รวมไปถึงที่จอดรถส่วนกลางมาให้อีก 16 คน เพื่อรับรองรถของ Visitor ที่เข้ามาติดต่อธุรกิจกับลูกบ้านได้

    ในส่วนการออกแบบตัวโฮมออฟฟิศใน Type B มีจุดเด่นตรงส่วน Breaking Area ชั้น 2 ที่เชื่อมกับส่วน Courtyard ชั้นล่างด้านหลังบ้าน ทำให้เกิดเป็นพื้นที่ (Space) ที่สามารถใช้เชื่อมต่อกันได้ สำหรับจัดเป็นพื้นที่สันทนาการ หรือพื้นที่พักผ่อนหรือรับประทานอาหารในช่วงกลางวันได้ ซึ่งแนะนำให้ลูกบ้านต่อเติมหลังคากันแดดกันฝนได้เพิ่มเติม จะช่วยให้สามารถใช้งานส่วน Courtyard ได้ดีมากขึ้นค่ะ ส่วนการออกแบบภายในอื่นๆ ก็มาตรฐาน คือชั้น 2 จัดเป็นชั้นสำนักงาน ชั้น 3 ออกแบบให้เป็นชั้นของผู้บริหาร และชั้น 4 ออกแบบเป็นเสมือน Penthouse แบบคอนโดมิเนียม ซึ่งตั้งใจให้เป็นชั้นพักผ่อนอยู่อาศัยของเจ้าของค่ะ โดยรวมก็ทำออกได้ลงตัวดี ไม่ได้ติดขัดอะไร ส่วนใหญ่จะมาตรฐานเพราะได้บ้านในรูปแบบ Bareshell คือไม่ได้กั้นพื้นที่ห้องภายในให้ เพื่อให้ลูกบ้านมีความอิสระให้การจัดสรรพื้นที่สำนักงานเองตามสไตล์และการใช้งานของบริษัทตัวเองค่ะ

    วัสดุ – สำหรับวัสดุในตัวบ้านให้มาไม่มากนะ ส่วนใหญ่เป็น Bareshell คือบ้านเปล่าโล่งๆ เลยบริเวณพื้นที่สำนักงาน จะมีให้พื้นลามิเนตในชั้น 4 และห้องน้ำตกแต่งพร้อมสุขภัณฑ์จาก Kohler เป็นมาตรฐานเท่านั้น แต่ที่มีพิเศษคือให้ Smart Home Automation มาเป็นมาตรฐานด้วย โดยครอบคลุมการใช้งานเยอะพอสมควรเลยค่ะ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานและการอยู่อาศัยได้ดีมาก

    สาธารณูปโภค – ถือว่าให้มาพอสมควรนะ เทียบกับขนาดโครงการและโครงการโฮมออฟฟิศทั่วไปที่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ Facilities มา มีช่องจอดรถส่วนกลางให้ทั้งหมด 16 คัน และถนนภายในกว้างพอสมควรอยู่ที่ 14 ม. และ 11.4, 9 ม.ซึ่งถือว่ากว้างพอสมควรนะ ส่วนความปลอดภัยให้มาโอเคเลย ที่นี่ใช้ระบบ Smart Card เข้า-ออกแบบ Easypass, CCTV และรปภ. รวมไปถึงสัญญาณกันขโมยด้วย ส่วนรอบรั้วโครงการสูง 3 ม. ไม่สูงไม่เดี้ย

    Judgement

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับแพคเกจ 16.5 – 23 ล้านบาท, 22 September 2017

    • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.5/10 – อยู่ในย่านความอุดมสมบูรณ์สูง มีตัวเลือกในการเดินทางได้หลากหลาย แต่อยู่ในซอย
    • ความปลอดภัย 8/10 – ประตูบานเปิดอัตโนมัติ ด้วย Smart Card แบบ Easypass, รปภ., CCTV, สัญญาณกันขโมย
    • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7.75/10 – ฟังก์ชันภายในพื้นฐานลงตัว มาตรฐาน มีฟังก์ชันพิเศษส่วน Breaking Area และ Courtyard
    • วัสดุ 7.5/10 – ให้มาไม่มาก ได้ Bareshell แต่พิเศษตรงได้ระบบ Smart Home Automation
    • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – มาตรฐาน มีสวนหย่อม
    • สาธารณูปโภค 8/10 – ได้ Facilities ไว้ใช้งาน ขนาดกะทัดรัด
    • 8.06 / 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ Arco Home Office Life (เอกมัย-รามอินทรา) เหมาะกับคนที่มองหาโฮมออฟฟิศโครงการขนาดเล็ก เน้นความเป็นส่วนตัวสูง ต้องการอยู่อาศัยด้วย ไม่เอาโฮมออฟฟิศแบบมีหน้าร้าน อยู่ทำเลใจกลางความอุดมสมบูรณ์ย่านเลียบด่วน ใกล้ห้าง ใกล้ร้านค้าร้านอาหารต่างๆ ในงบประมาณตั้งแต่ 16.5 – 23 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 116,000 – 184,000 บาท

    ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )