AP เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งหลังของปี 2012 รวมทั้งสิ้น 10 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 11,620 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่า 2,100 ล้านบาท,ทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ มูลค่า 6,630 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการมูลค่า 2,890 ล้านบาท … ยอดขายที่ดีที่สุดของครึ่งปีแรกคือคอนโดมิเนียมตลาด 1-3 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 63% ของยอดขายทั้งหมด หรือแบรนด์ Aspire นั่นเองครับ

ที่มา: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

AP เผยแผนครึ่งปีหลัง 55 เปิดโครงการที่อยู่อาศัย 10 โครงการรวด มูลค่า 1.16 หมื่นล้านบาท ด้านยอดขายครึ่งปีแรกทะลุเป้า 11,684 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีทำได้แน่ 2 หมื่นล้านบาท พร้อมยอมรับปัญหาแรงงานแก้ไม่ตก เตรียมนำระบบพรีแฟ็บสร้างบ้านเดี่ยวในอนาคต

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือAP เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีหลัง 2555 ว่า เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 10 โครงการมูลค่า 11,620 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่า 2,100 ล้านบาท,ทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ มูลค่า 6,630 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการมูลค่า 2,890 ล้านบาท จากทั้งปีที่ตั้งเป้าเปิดตัว 17 โครงการ มูลค่ารวม 20,330 ล้านบาท

ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ Aspire สาทร-ตากสิน เฟส1 เป็นคอนโดฯ1 อาคาร สูงกว่า 20 ชั้น ขนาด 28-30 กว่าตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 1.2 ล้านบาทจำนวน 546 ยูนิต มูลค่าโครงการ 890 ล้านบาท และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนตุลาคมนี้ จากก่อนหน้านี้ที่เปิดตัวAspire รัตนาธิเบศร์ เป็นคอนโดฯ 2 อาคาร มูลค่าโครงการ 540 ล้านบาท ไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 70%

นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำ 2 โครงการดังกล่าวมาร่วมจัดแคมเปญกับอีก 16 โครงการ ทั้งแบรนด์ The Address RHYTHM และ Life ที่ตั้งอยู่ในทำเลต่างๆ พร้อมรับโปรโมชันพิเศษ”รูดเท่าไหร่ ลดเท่านั้น” สูงสุด 100,000 บาท ผ่อนจ่ายเงินจองผ่านบัตรเครดิตที่เข้าร่วมแคมเปญ 0% นาน 6 เดือน และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายจากพันธมิตรทางการเงิน โดยจองภายในงานรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 2 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้-15 ก.ค. 55 วางเป้าขายในแคมเปญนี้ 900 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก ณ เดือนมิถุนายน บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมได้ 11,684 ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ 8,600 ล้านบาท เกินเป้าไป 35%คาดว่าจนถึงปลายปีนี้จะสามารถทำยอดขายรวมได้ตามเป้าที่วางไว้ 20,000 ล้านบาท โดยมีสินค้ารอรับรู้รายได้เท่ากับ32,761 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม27,658 ล้านบาท

นายวิทการ กล่าวต่อว่า ด้านปัญหาแรงงานถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ 100% ซึ่งประสบปัญหาเช่นเดียวกันทุกบริษัท ดังนั้นจึงต้องลดการพึ่งแรงงานให้น้อยลง ด้วยการหันมาใช้ระบบก่อสร้างสำเร็จรูปหรือพรีแฟ็บให้มากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทได้นำระบบพรีแฟ็บได้ใช้อยู่กับทาวน์เฮาส์ 7 โครงการใน 2 แบรนด์ คือ บ้านกลางเมืองและเดอะ พลีโน่ ซึ่งในปี 2555 นี้บริษัทฯจะนำระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมาใช้ใน 2 แบรนด์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นในสัดส่วน50:50 ควบคู่กับการก่อสร้างระบบเดิมและยังอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลที่จะนำระบบการก่อสร้างสำเร็จรูปมาใช้ในโครงการบ้านเดี่ยวในอนาคตด้วย

สำหรับพฤติกรรมการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองในปัจจุบัน คนซื้อยังมีความปรารถนาที่อยากอยู่ในเมืองอยู่แต่ด้วยข้อจำกัดของที่ดินในการพัฒนากับราคาขาย จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รับได้กับคอนโดมิเนียมที่ขยับทำเลออกไปจากCBD แต่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายด้วยระบบคมนาคมรูปแบบอื่นๆ ซึ่งหากพิจารณาจากยอดขายรวมของตลาดคอนโดฯในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา สินค้าระดับราคา 1-3 ล้านบาทถือว่ามียอดขายมากที่สุดถึง 12,907 ยูนิต คิดเป็น 63%ของยอดขายคอนโดฯทั้งหมด (20,343 ยูนิต)

ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯ จึงโฟกัสการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ Aspire ให้มีความแตกต่างจากสินค้าอื่นๆ ที่อยู่ในโหมดราคาเดียวกัน ทั้งในเรื่องของทำเล คอนเซ็ปต์การพัฒนาโครงการ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ เปิดตัวสินค้าแบรนด์ Aspire ไปแล้วทั้งสิ้น 5 ทำเล คือ พระราม 4 งามวงศ์วาน ศรีนครินทร์ พระราม 9 และสุขุมวิท 48