ประเด็นสำคัญที่กำลังเป็นที่พูดถึงรับต้นปี 2562 นี้ คงหนีไม่พ้นมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้กำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำหรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) สำหรับคนที่ผ่อนที่อยู่อาศัยพร้อมกัน 2 หลังขึ้นไปหรือถ้าที่อยู่อาศัยที่มีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จริงในวันที่  1 เมย. 2562 มาตรการนี้จะเป็นอย่างไรและมีผลกระทบต่อใครบ้าง เราลองมาดูกันค่ะ 

ทำไมต้องมีมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้าน ??

มาตรการนี้จัดทำขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริง สามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่เหมาะสม ในขณะที่ผู้ที่ซื้อเพื่อลงทุน สามารถรับความเสี่ยงได้ดีขึ้น ป้องกันการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกินกว่ารายได้ของผู้กู้ (กู้จนมีจำนวนหนี้สูงเกินจริง) ทำให้เกิดเป็นสินเชื่อที่ไม่สัมพันธ์กับรายได้และกลายเป็นหนี้เสีย ลดความเสี่ยงในการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่ รวมถึงสถาบันการเงินก็จะมีคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้นด้วย

สาเหตุธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศมาตรการนี้ เนื่องมาจากในช่วงที่ผ่านมาธนาคารมีการแข่งขันกันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยค่อนข้างสูง คนซื้อบ้านไม่ต้องมีเงินดาวน์หรือเงินออมกู้ก็สามารถขอสินเชื่อได้ และมีการทำสัญญาซื้อขายเกินกว่าราคาจริงเพื่อให้กู้เงินได้มากขึ้น และเอาส่วนต่างไปใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือลงทุนอื่นๆ ทำให้มีจำนวนหนี้สูงเกินจริง และตามมาด้วยการผ่อนชำระที่สูงขึ้น อีกกรณีหนึ่งคือทางธปท.พบว่ามีการกู้ซื้อเพื่อลงทุนไม่ได้อยู่อาศัยจริงสูงขึ้น สังเกตจากการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 หลัง มีการผ่อนพร้อมกันหลายสัญญาเงินกู้ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมและกลุ่มบ้านที่มีราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่จะคาดหวังว่าจะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินที่ต้องผ่านในแต่ละเดือน แต่ในความเป็นจริงมีโอกาสที่จะได้ต่ำกว่านั้น เนื่องจากมีซัพพลายใหม่ในตลาดออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการกำกับดูแลให้มีความเหมาะสม ผ่านการใช้มาตรการจากสถาบันการเงินนั่นเองค่ะ

มาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านปี 2562 เป็นอย่างไร? กระทบใครบ้าง?

สำหรับมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านตัวใหม่ที่จะถูกกำหนดขึ้นในวันที่ เมย. 2562 นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการปรับเงินดาวน์ขั้นต่ำหรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV : Loan To Value) ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรนั้น เรามาดูกันทีละหัวข้อค่ะ 

  •  สำหรับผู้กู้ที่อยู่อาศัยหลังแรก

  • ในกรณีผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 10 ล้าน ผู้กู้จะต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำ 0-10% ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากในปัจจุบัน
  • ในกรณีผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ผู้กู้จะต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำ 20%

  • สำหรับผู้กู้ที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 เป็นต้นไป 
    • ในกรณีผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 10 ล้าน และผ่อนชำระบ้านหลังแรกยังไม่ถึง 3 ปี จะต้องวางดาวน์ 20%
    • ในกรณีผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 10 ล้าน และผ่อนชำระบ้านหลังแรกตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปจะต้องวางเงินดาวน์ 10%
    • ในกรณีต้องการกู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 ที่ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องวางดาวน์ 20%
    • ในกรณีซื้อบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป จะต้องวางดาวน์ 30% ในทุกระดับราคา

    CASE STUDY

    “นาย A อยากได้บ้านราคา 5 ล้าน แต่มีบ้านอยู่แล้ว 1 หลังและยังผ่อนหลังแรกยังไม่ถึง 3 ปี”

    ตามมาตรการใหม่หมายความว่านาย A เป็นกลุ่มผู้กู้ที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 เป็นต้นไป ที่ราคาบ้านต่ำกว่า 10 ล้านบาท แต่ยังผ่อนชำระบ้านหลังแรกยังไม่ถึง 3 ปี ดังนั้นจึงจะต้องเตรียมเงินดาวน์ 20% ซึ่ง 20% x 5,000,000 เท่ากับ 1,000,000 บาท 

    “นาย B อยากได้บ้านราคา 5 ล้าน มีบ้านอยู่แล้ว 1 หลังเช่นกัน แต่ผ่อนหลังแรก 3 ปีขึ้นไปแล้ว”

    นาย B เป็นกลุ่มผู้กู้ที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 เป็นต้นไป ที่ราคาบ้านต่ำกว่า 10 ล้านบาทเช่นเดียวกับนาย A แต่ได้ผ่อนชำระบ้านหลังแรก 3 ปีขึ้นไปแล้ว ดังนั้นจะต้องเตรียมเงินดาวน์ 10% ซึ่ง 10% x 5,000,000 เท่ากับ 500,000 บาท 

    มาตรการใหม่นี้จะนับรวมสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหรือที่เรียกว่าสินเชื่อ Top up เช่น สินเชื่อเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่อตกแต่งบ้าน  สินเชื่อเพื่อการปรับปรุงซ่อมเเซม โดยให้ยกเว้น สินเชื่อที่ใช้ชำระเบี้ยประกันชีวิตผู้กู้และประกันวินาศภัย ซึ่งช่วยป้องกันความเสี่ยงของทั้งผู้กู้และสถาบันการเงิน และ สินเชื่อที่ให้กับธุรกิจ SMEs เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการรายย่อย

    มาตรการนี้คาดว่าจะช่วยให้ประชาชนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง สามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่เหมาะสม ขณะที่ผู้ที่ซื้อเพื่อลงทุนก็จะรับความเสี่ยงได้ดีขึ้น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ สามารถวางแผนลงทุนได้เหมาะสม ลดความเสี่ยงในการเกิดฟองสบู่ รวมถึงสถาบันการเงินก็จะมีคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น และมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของมูลค่าหลักประกันได้ โดยจะมีผลกระทบกับผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 2 หลังเป็นต้นไป และ ผู้ที่ซื้อบ้านที่มีมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป

    จากการควบคุมสินเชื่อบ้านที่จะมีขึ้นในวันที่  1 เมย. 2562นี้  ผู้ที่สนใจจะซื้อบ้านเป็นหลังที่ 2 หรือบ้านที่มีมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ต้องเตรียมเงินสำหรับวางเงินดาวน์มากกว่าก่อน ทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ ได้มีการจัดแคมเปญหรือโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการขายและเร่งการตัดสินใจในการจองและโอนฯ ก่อนที่จะเริ่มใช้มาตรการรัฐ และหนึ่งแคมเปญที่น่าสนใจนั่นก็คือ

    แคมเปญ แม่รีบ!! มาตรการลด ก่อนมาตรการรัฐ จาก SC ASSET  ที่นำ 36 โครงการ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโด และโฮมออฟฟิศคุณภาพ  ราคาเริ่ม 2 – 60 ล้าน มาจัดลดสูงสุด 5 ล้าน* และรับข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติม* ตั้งแต่วันนี้ – 15 มี.ค. 62

    หากใครสนใจสามารถเข้าไปชมได้ที่ Sales Gallery ของทั้ง 36 โครงการได้เลยค่ะ และ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2DcoIYF  
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 1749 หรือ Line@ : @scasset (http://bit.ly/2FjYjLL)

    #แม่รีบ #รีบอะไรที่สุดในชีวิต #รีบไปซื้อบ้านSCASSET #SCASSET

    #LivingSolutionsProvider #ForGoodMornings

    #คฤหาสน์ #บ้านเดี่ยว #บ้านหรู #ทาวน์โฮม #โฮมออฟฟิศ #คอนโด