รีวิวฉบับที่ 1467 … สวัสดีค่ะ สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดสำหรับการลงทุน ใจกลางเมืองใกล้ BTS วันนี้เรามีอีกหนึ่งโครงการมาฝาก โครงการ Residence 187 คอนโด Low Rise ในซอยสุขุมวิท 7 ใกล้ BTS นานา ประมาณ 270 ม. ตัวโครงการเดิมเคยชื่อ Dazzle สุขุมวิท 7 แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อและรูปแบบการขายเป็นการขายคอนโดมิเนียมพร้อม Rental Program ทั้งหมด เสมือนกับ Service Condominium เพื่อตอบโจทย์นักลงทุน ซื้อไว้ปล่อยเช่า ซึ่งจะได้รับการบริหารดูแลจัดการทั้งหมดจาก ARIVA Hospitality และ Garantee Yield สูงสุดถึง 7% ใน 3 ปี โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6.3 ล้านบาทค่ะ 

 

Fact @ 6 November 2017

  • Residence 187 (เรสซิเด้นซ์ 187)
  • Perfect Prestige Property Co.,Ltd
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยสุขุมวิท 7 ถนน สุขุมวิท แขวง คลองเตยเหนือ เขต วัฒนา
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 79 ยูนิต (สำหรับส่วน Unit Residence 40 ยูนิต)
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 43 คันคิดเป็น 55 %
  • ที่ดินประมาณ 0-0-248 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ปี 2556
  • 1 Bedroom 36 – 40 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 60 – 71 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 180,000 บาท/ตร.ม.
  • มองหาทำเลน่าอยู่ BTS นานา “คลิกที่นี่”
  • มองหาทำเลน่ากินฉบับพกพา(พร้อมพงษ์ – นานา) “คลิกที่นี่”
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 088-209-8999

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.743531, 100.555266

โครงการ Residence 187 ตั้งอยู่ในสุขุมวิท ซอย 7 ห่างจาก BTS นานา ประมาณ 270 เมตรค่ะ บรรยากาศของย่านนานาต้องบอกก่อนเลยว่ามีความเป็นเอกลักษณ์สูงนะ ใครที่เคยไปเคยสัมผัสน่าจะทราบกันดี ส่วนใหญ่จะเป็นย่านของชาวอาหรับ ตะวันออกกลาง หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าคนแขกชัดเจนทีเดียว ซึ่งก็จะมีทั้งคนที่โอเคและคนที่ไม่ชอบบรรยากาศนี้เช่นเดียวกัน ลึกเข้ามาที่ในซอยสุขุมวิท 7 เป็นหนึ่งในซอยของย่านนานา แต่บรรยากาศในซอยจะค่อนข้างแตกต่างกับย่านนานาที่เราเห็นภาพว่าเป็นแหล่งสถานบันเทิง หรือเป็นย่านคนแขกเดินไปมาเยอะๆ ภายในซอยนี้นั้นบรรยากาศจะมีความสงบ ไม่คึกคัก ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยเกือบทั้งหมด ทั้งอพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม และโรงแรมค่ะ ดังนั้นหากใครที่มองหาคอนโดในย่านนี้ไว้ลงทุน อยากได้บรรยากาศที่ไม่คึกคักมาก แต่ก็อยากให้อยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกของผู้เช่า ทำเลโครงการนี้ก็ถือว่าโอเคค่ะ

การคมนาคมของย่านนานานั้น ถ้าเราดูจากที่ตั้งก็เรียกได้ว่าสะดวก เพราะสถานีตั้งอยู่บนสุขุมวิทย่านใจกลางเมือง ใกล้ทุกอย่างที่อยากได้ มองออกไปกว้างๆ ก็จะล้อมรอบด้วยถนนวิทยุ ถนนเพชรบุรี เเละ ถนนอโศกมนตรี เเถมยังใกล้ทางด่วน คือสามารถขับมาขึ้นที่เพลินจิตได้เลย หรือถ้าจะไปทางบางนาก็สามารถขึ้นตรงด่านถนนเพชรบุรีได้ด้วย แต่ก็ต้องบอกเลยค่ะว่าเป็นย่านที่รถติดแทบจะทั้งกลางวันกลางคืนเลย เพราะย่านนี้ตอนกลางวันเป็นย่านสำนักงาน มีพนักงานออฟฟิศเดินกันให้วุ่น ส่วนตกกลางคืนก็มีสถานบันเทิงเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก บริเวณถนนใหญ่สุขุมวิทจะมีปริมาณรถมาก การเดินทางแถวๆนี้จึงต้องอาศัยทางลัดในซอยเล็กซอยน้อยเอา ซึ่งก็ไม่ใช่ว่ารถน้อยเลย และข้อเสียที่เป็นอุปสรรคในการเดินทางบนถนนสุขุมวิทบริเวณนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จากถนนเพลินจิตมาทางสุขุมวิท รถยนต์จะไม่สามารถวิ่งผ่านใต้ทางด่วนได้ (ซึ่งก็มีรถยนต์ผู้โชคร้ายถูกตำรวจเรียก แจกใบสั่งทุกวัน) ต้องวิ่งเข้าถนนวิทยุ เข้าถนนเพชรบุรี แล้วอ้อมกลับมาออกที่สุขุมวิทซอย 3 หรือซอยนานานั่นเอง ลองคิดดูว่า จะกลับบ้านจากทางสยาม ถ้าไม่ได้นั่งรถไฟฟ้านี่ก็ต้องอ้อมใกล้พอสมควรเลยนะ แล้วแต่ละเส้นที่ต้องวิ่งผ่านรถก็ไม่ได้น้อยเลย

แต่ถ้าไม่ขับรถจะสะดวกไปเลย เพราะจากโครงการเดินมาขึ้นบันไดเลื่อน BTS สถานีนานาประมาณ 270 เมตร ห่างจากสถานีอโศกซึ่งเป็น Interchange กับรถไฟใต้ดิน MRT สุขุมวิท เพียงสถานีเดียว หรือเดินทางไปสยามก็เเค่ 3 สถานีเอง ส่วนห้างใหญ่ติด BTS ใกล้ๆให้ช้อปปิ้งก็มีเยอะ สถานีเดียวถึง Terminal 21 ที่ BTS อโศก, Central Embassy, Central ชิดลม ที่ BTS เพลินจิต หรือจะไปหาอะไรทานที่ The Em District (Emporium, Emquartier) และเดินเล่นที่สวนสาธารณะเบญจสิริ ก็ห่างไป 2 สถานีเท่านั้นเอง และพวกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือรถ Taxi แถวนี้ก็หาง่าย ทำให้การคมนาคมในย่านนานาโดยไม่ใช้รถยนต์จะสะดวกกว่าการใช้รถในระยะใกล้ๆอย่างที่ยกตัวอย่างไป ซึ่งก็เป็นเหตุผลหลักๆที่ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวชอบมาพักที่ย่านนานาค่ะ

ด้านบนเป็นแผนที่สุขุมวิทซอย 3 (ซอยนานา), สุขุมวิท ซอย 5, สุขุมวิท ซอย 7 (ซอยโครงการ) และสุขุมวิท ซอย 11 ซึ่งทั้งหมดเป็นซอยแบบ One way ค่ะ ซึ่งมันมีผลกับการขับรถเข้าออกโครงการเยอะเหมือนกันนะ เนื่องจากซอยโครงการ(สุขุมวิทซอย 7) เป็นถนน One way ขาออกมาถนนสุขุมวิท ทำให้เวลาจะขับรถเข้าโครงการ ไม่สามารถขับเข้าทางซอย 7 ได้ ต้องเข้ามาทางซอย 5 เป็น One way ขาเข้าที่เชื่อมกับซอยโครงการอยู่ค่ะ การขับรถออกไปทางอโศก,พร้อมพงษ์, ทองหล่อ ไม่มีปัญหาเพราะอยู่ฝั่งขาออกอยู่แล้ว ขณะที่การขับรถเข้าเมืองไปทางเพลินจิตนั้น.. เราต้องขับไปวนรถทางซอย 11 กลับไปซอยนานา หรือซอย 3 เพื่อออกแยกนานา วิ่งไปเพลินจิตค่ะ อธิบายอย่างนี้อาจไม่เห็นภาพเท่าไหร่ เราไปดูแผนที่ทางวิ่งรถกันดีกว่าค่ะ

การขับรถเข้าเมืองไปทางเพลินจิตหรือขับไปขึ้นทางด่วน เราต้องขับไปวนรถทางซอย 11 กลับไปซอยนานา หรือซอย 3 เพื่อออกแยกนานา และวิ่งไปทางเพลินจิตหรือขึ้นทางด่วนค่ะ ระยะจากโครงการถึงแยกนานาเป็นระยะประมาณ 1.8 km. หรือประมาณ 6 นาทีค่ะ (ถ้ารถไม่ติดน่ะนะ)

ทางเข้าโครงการจากถนนใหญ่สุขุมวิท ต้องมาจากสุขุมวิทซอย 5 เชื่อมเข้ามาสุขุมวิทซอย 7 เป็นระยะประมาณ 550 เมตรถึงโครงการค่ะ หรือ 2 นาทีในกรณีที่รถไม่ติด ส่วนมากจะไปติดตรงสุขุมวิทซอย 5 เพราะเป็นซอยที่มีร้านอาหาร บาร์และโรงแรมอีกเพียบ ทำให้ปริมาณรถ ปริมาณคนค่อนข้างหนาแน่นค่ะ

การเดินทางในวันนี้เราเริ่มต้นจาก BTS นานา บริเวณทางออก 1 จากนั้นเดินเข้าซอยสุขุมวิท 7 ตรงเข้าไปประมาณ 270 ม. ก็จะเห็นโครงการ Residence 187 อยู่ฝั่งขวามือแล้วค่ะ

บนสถานีรถไฟฟ้านานาทางออกที่ 1 จะใกล้มากที่สุด โดยทางขึ้นจะอยู่หน้าซอยสุขุมวิท 7 เลยค่ะ ออกมาจากหน้าปากซอยก็มีบันไดเลื่อนขึ้นได้เลย ส่วนขาลงจะต้องเดินย้อนกลับมาหน่อยค่ะ

เดินลงมาเราก็จะเจอบรรยากาศร้านค้า ร้านอาหารเรียงรายตลอดทางค่ะ ต้องบอกว่าบรรยากาศบริเวณนี้จะคึกคักตลอดทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนเลยนะคะ กลุ่มคนที่อยู่อาศัยแถวนี้จะชัดเจนอยู่เหมือนกันว่าเป็นชาวต่างชาติค่อนข้างมาก ทั้งแขก อาหรับต่างๆ ผสมกับคนไทย จุดเด่นของทำเลย่านนี้คือเรื่องของความอุดมสมบูรณ์มีของกินของขายให้เลือกได้ทั้งวัน ส่วนช่วงกลางคืนนั้นก็บริเวณนี้ก็มีสถานบันเทิงหลากหลายมากแน่นอนว่าใครที่ชอบอยู่ในระยะความคึกคักอุดมสมบูรณ์น่าจะตอบโจทย์ ส่วนบรรยากาศเองนี้จะมีความเป็นเอกลักษณ์สูงนะ เพราะมีแขก อาหรับอาศัยอยู่เยอะ ซึ่งใครโอเคก็โอเคเลย และใครที่อาจจะไม่ชอบความคึกคักแบบนี้ก็อาจจะไม่โอเคเช่นกัน ซึ่งที่พูดถึงนี้จะเป็นในส่วนของย่านนานาภาพรวมนะคะ เดี๋ยวเราจะพาไปดูในซอยสุขุมวิท 7 กันต่อ จะบอกว่าค่อนข้างแตกต่างจากด้านหน้าถนนมากๆ เหมือนกัน

ทางเดินระหว่างทางก่อนถึงหน้าปากซอยเป็นประมาณนี้ค่ะ ฟุตบาทกว้างเดินได้ง่าย

หน้าทางขึ้น BTS หรือหน้าปากซอย มีวินมอเตอร์ไซค์คอยรับ-ส่งอยู่ด้วย เผื่อใครขี้เกียจเดินก็มาพึ่งพาพี่วินได้ค่ะ แต่จริงๆ ระยะ 270 ม. ก็ถือว่าไม่ไกลนะ เดินได้สบาย

บริเวณหน้าซอยสุขุมวิท 7 จะเป็นขาขึ้นของ BTS ซึ่งเป็นบันไดเลื่อนด้วย สบายมากไม่ต้องเดินขึ้น

หน้าปากซอยเป็นร้านภูฟ้า

ภายในซอยนี้เป็นซอยที่แตกต่างภาพลักษณ์ของย่านนานาพอสมควรนะ เพราะในซอยนี้ค่อนข้างเงียบสงบดีมาก ส่วนใหญ่ในซอยนี้จะเป็นโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ บ้านเดี่ยว สลับกันไป ได้บรรยากาศเป็นที่อยู่อาศัยมากกว่าเป็นย่านการค้า หรือแหล่งท่องเที่ยวซึ่งแตกต่างจากซอยข้างเคียงเช่นซอยสุขุมวิท 5

ผ่านโรงแรม Amari Boulevard Bangkok

ถัดมาก็จะเป็น Service Apartment ให้เช่านะคะ ในซอยนี้มีค่อนข้างเยอะเรียงรายกันไปสลับกับโรงแรมและคอนโด ซึ่ง Service Apartment นี้ก็มีให้เช่าทั้งรายวันและรายเดือน ในเรทราคารายเดือนอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 40,000 บาท

ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นโรงแรมขนาดเล็กเรียงรายไปเช่นกันค่ะ โดยเรทราคารายวันต่างๆ จะอยู่ประมาณ 1,000 – 5,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่พันกว่าๆ นะคะ

ก่อนจะถึงโครงการจะติดกับบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น ถัดไปก็เป็นหน้าโครงการแล้วค่ะ

อีกฝั่งเป็นโรงแรม Mac Boutique Suite ซึ่งทำให้วิวฝั่งทิศเหนือของโครงการโดนบังวิวไปทีเดียว

ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นคอนโดมิเนียมเก่าแก่ในซอยนี้ ซึ่งใครที่เลือกวิวฝั่งนี้นั้นจะไม่โดนบล็อกวิวนะคะ เพราะยังมีระยะระหว่างอาคารพอสมควร พอมีระยะสายตาอยู่บ้าง ไม่อึดอัด

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการจะเห็นว่าตึกที่อยู่รอบๆโครงการส่วนใหญ่มีความสูงใกล้เคียงกับโครงการ โดยรอบๆ เป็นบ้านเดี่ยว โรงแรมสูงตั้งแต่ 2 ชั้นไปถึง 8 ชั้นเป็นต้น

  • ทิศเหนือ : ติดกับ Mac Boutique Hotel ซึ่งมีความสูง 8 ชั้นในระยะประชิด ดังนั้นเรื่องของวิวก็จะถูกบล็อกไปโดยปริยายนะคะ
  • ทิศตะวันออก : อยู่ติดกับบ้านเดี่ยวในซอยสุขุมวิท 11 โดยรวมแล้วทิศนี้จะพอมีระยะห่างจากโครงการตึกสูงที่อยู่ถัดไป พูดง่ายๆ ว่าวิวที่ได้ก็คือวิวตึกสูงฝั่งซอยสุขุมวิท 11 เนี่ยแหละค่ะ
  • ทิศใต้ : อยู่ติดกับบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น ใครเลือกห้องทิศนี้ในชั้นสูงกว่าชั้น 2 ขึ้นไปก็จะมีระยะห่างพอสมควรจากโครงการ La Residenza ที่มีความสูง 6 ชั้น ไม่ถูกบล็อกวิวในระยะประชิดมากนัก แต่ก็ไม่ได้เห็นวิวในระยะไกลเช่นกันนะ
  • ทิศตะวันออก : ติดกับโครงการสิวะ คอร์ทที่มีความสูง 7 ชั้น แต่ด้วยตัวอาคารเองมีการ Set Back ให้มีระยะห่างจากตัวซอยสุขุมวิท 7 ด้วยการวาง Facilities อย่างสระว่ายน้ำลงไป จึงทำให้ทิศนี้ไม่ถูกบล็อกวิวในระยะใกล้ค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Foodland Supermarket soi 5 ~ 400 เมตร จากโครงการ
  • สถานทูตสวีเดน ~ 260 เมตรจากโครงการ
  • Central Embassy ~ 1.1 กิโลเมตร จากโครงการ
  • Central ชิดลม ~ 1.4 กิโลเมตร จากโครงการ
  • Terminal 21 ~ 1 กิโลเมตร จากโครงการ
  • Emporium ~ 2.2 กิโลเมตร จากโครงการ
  • สวนเบญจสิริ ~ 2 กิโลเมตร จากโครงการ
  • สวนชูวิทย์ ~ 550 เมตร จากโครงการ
  • รพ.บำรุงราษฎร์ ~ 1 กิโลเมตร จากโครงการ

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Residence 187 เป็นโครงการ Low Rise สูง 8 ชั้น มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 79 ยูนิต บนที่ดิน 248 ตร.วา แต่เดิมชื่อโครงการ Dazzle สุขุมวิท 7 ปัจจุบันมีการเปลี่ยนชื่อโครงการและรูปแบบการขายโดยใช้ชื่อว่า Residence 187 ซึ่งจะขายห้องพร้อมกับ Rental Program ที่บริหารงานโดย Ariva Hospitality ค่ะ โดยสโคปในการดูแลและบริหารห้องให้นั้นจะประกอบไปด้วย

  • Listing Creation
  • Finding Tenants – จัดหาผู้เช่าให้
  • Rental Collection
  • Room Check up – บริการก่อนและหลังการ Check in & Check out
  • Pricing Optimization – มีการตั้งราคาค่าเช่าให้เหมาะสม
  • Guest Vetting – มีการคัดกรองผู้เช่าให้
  • Rental Report – มีรายงานการเช่า
  • 24/7 Check in & out – มีพนักงานบริการ การ Check in & Out ตลอด 24 ชม.
  • 24/7 Customers Service – มีการดูแลและบริการลูกค้า (ผู้เช่า) ตลอด 24 ชม.
  • Replenishment – มีการดูแลรักษาและจัดซื้อสินค้าใหม่ เช่น ข้าวของเครื่องใช้ในห้องต่างๆ
  • Room Cleaning & Check in Package – มีการทำความสะอาดห้องให้เสมือนโรงแรม

ซึ่งทั้งหมดเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ลงทุน ไม่ต้องการมาเสียเวลาหาลูกค้าเอง ดูแลห้องเอง รวมไปถึงมี Garantee Yield ให้ 3 ปี

  • ปีที่ 1 – 5%
  • ปีที่ 2 – 6%
  • ปีที่ 3 – 7%
  • ปีที่ 4-5 – ไม่มีการันตีนะคะ ซึ่งสัญญาจะสิ้นสุดที่ปีที่ 5 จากนั้นผู้ลงทุนสามารถเลือกได้ว่าจะให้ทาง Ariva ดูแลต่อไหม หรือจะกลับมาดูแลเองได้ค่ะ ไม่มีข้อผูกมัด

โดยกลุ่มผู้เช่าของโครงการจะเน้นไปที่กลุ่มผู้เช่าที่มาดูแลรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์เป็นหลัก ในเรื่องของกำลังทรัพย์และเรื่องของการเข้ารักษาที่มีระยะเวลา เช่น กลุ่มที่มาทำ Stem Cell ต่างๆ ก็มักจะใช้เวลาในการรักษาพอสมควร ซึ่งทั้งนี้การอยู่โรงแรมในระยะเวลานาน จะไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของการอยู่อาศัยจริง ซึ่งต้องการจะใช้ฟังก์ชันต่างๆ ภายในห้องที่โรงแรมไม่มี เช่น ห้องครัว ระเบียงตากผ้า โต๊ะรับประทานอาหารต่างๆ เป็นต้น ดังนั้นการอยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียม หรือ Service Apartment จะตอบโจทย์ในส่วนนี้มากกว่า โดยตัวคอนโดมิเนียมเองจะได้เปรียบในเรื่องของ Facilities และยิ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่มีรูปแบบการ Service เหมือนโรงแรมหรือ Service Apartment ด้วยแล้วก็จะปิดจุดด้อยของคอนโดมิเนียมที่ไม่มีการบริการต่างๆ ไปได้ จึงตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการเช่าที่อยู่อาศัยในระยะยาวสนใจเลือกคอนโดมิเนียมในรูปแบบที่มี Service ด้วยมากขึ้น

ชั้นล่างสุดของอาคารทำเป็นที่จอดรถค่ะ และยังมีชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้นที่สามารถจอดรถได้อีก ขึ้นลงด้วยลิฟต์ยกรถค่ะ จำนวนที่จอดรถประมาณ 43 คัน หรือ 55% ของจำนวนยูนิต แต่จอดซ้อนคันไม่ได้นะคะ เนื่องจากขนาดของที่ดินที่จำกัด ทำให้ถ้าจอดซ้อนแล้วจะกลับรถลำบาก ทางเข้าอาคารคือทางเข้าติดถนนด้านหน้า ทางเดียวกับทางเข้ารถค่ะ

ทางเข้า Lobby เป็นแบบ Double Height Lobby สูง 7.3 เมตรค่ะ การวางผนังสูงแบบนี้เป็นข้อดี ถึงแม้ว่าจะทำให้โครงการเสียพื้นที่ขายไปบ้าง แต่ก็จะได้บรรยากาศให้ Lobby ที่ดีกว่าและดูโปร่งขึ้นด้วย โครงการมีลิฟต์ 2 ตัวค่ะ ส่วนโถงลิฟต์มีประตูทางเข้าฝั่งลานจอดรถเพิ่มมาด้วย แบบจอดรถแล้วก็เดินเข้าโถงลิฟต์ได้เลย การเข้าออกเป็นระบบ Access Keycard ค่ะ

ประตูทางเข้าโครงการเป็นรั้วบานพับมาตรฐาน บริเวณนี้ไม่มีการใช้ Keycard นะคะ แต่มีพี่รภป.ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ตลอด การใช้ Keycard จะเริ่มที่ส่วนทางเข้าโถงลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยค่ะ

บริเวณพื้นที่จอดรถทำมาได้เรียบร้อยดีค่ะ พื้นปูด้วยคอนกรีตสแตมป์สวยงาม

ภายในที่จอดรถชั้นนี้มีทั้งหมด 23 คัน

แต่จะมีรถชั้นล่างด้วยนะคะ ซึ่งขึ้นลงโดยใช้ลิฟต์ยกรถค่ะ ทำให้มีที่จอดรถอยู่ทั้งหมด 43 คันด้วยกัน

บริเวณส่วน Lobby ตกแต่งได้โอ่โถงสวยงามในรูปแบบของ Double Volume ไว้สำหรับต้อนรับแขกต่างๆ หรือลูกบ้านจะมานั่งเล่นก็ได้เช่นกันนะคะ บริเวณนี้มีบริการ wifi ไว้ให้ค่ะ

เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จัดมาได้สวยงามดีทีเดียวค่ะ

ถัดมาด้านในมีตู้จดหมายให้ และฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำสำหรับบริการลูกบ้านและแขกบริเวณ Lobby ค่ะ

ภายในห้องน้ำเป็นห้องน้ำเดี่ยวใช้ได้ทั้งหญิงและชายนะคะ ซึ่งจะมีอ่างล้างมือ โถสุขภัณฑ์และโถปัสสาวะชาย

ถัดมาเป็นประตูทางเข้าส่วนโถงลิฟต์กันแล้วค่ะ บริเวณนี้ลูกบ้านต้องสแกนบัตรผ่านทุกคนนะคะ เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ไม่อนุญาตให้แขกขึ้นได้โดยไม่ใช้บัตรสแกนเข้าค่ะ

สำหรับลิฟต์ที่นี่เป็นลิฟต์ปกตินะคะ ไม่ได้ล็อกชั้น มีให้ทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตแล้วถือว่าโอเคนะ ความหนาแน่นไม่มาก ไม่ต้องรอลิฟต์นาน อัตราส่วนลิฟต์จะอยู่ที่ 39.5 : 1 ค่ะ

ชั้น 2-7 จะมีผังแปลนเหมือนกันแทบทุกอย่างนะคะ ยกเว้นชั้น 2 นี่จะต่างออกไปแค่บริเวณห้องมุมด้านหน้าที่หายไปเพราะ Lobby สูง 7.3 เมตรจากชั้นล่างค่ะ ห้องบริเวณทิศเหนือตะวันออกและทิศใต้ตะวันออกจะได้รับแดดเช้าที่ไม่จัดมาก รวมทั้งได้รับลมในปริมาณที่เหมาะสม

ส่วนห้องฝั่งตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ (A1, A2, B3) จะเป็นห้องส่วนที่ได้รับแดดช่วงบ่าย ซึ่งร้อนกว่าและไม่ค่อยมีลมค่ะ ตัว corridor หรือโถงทางเดินแจกแต่ละยูนิตกว้างประมาณ 1 เมตร โถงทางเดินน่าจะต้องเปิดไฟทั้งกลางวันกลางคืนนะ เพราะไม่มีช่องแสงธรรมชาติที่โถงทางเดินเลย

ชั้น 3-6 จะเหมือนกันแทบทุกอย่างค่ะ ก็คือจะมี 12 ยูนิตต่อชั้น เพราะมีห้องมุมบนซ้ายหรือห้อง B1 เพิ่มมาด้วย เนื่องจากชั้น 2 ไม่มี การวิเคราะห์ผังโดยรวมนั้นเหมือนกับชั้น 2 ค่ะ สิ่งที่ต่างกันคือความสูงชั้นที่มากกว่า จะลดเสียงรบกวนจากด้านล่างลง หรือเงียบกว่าชั้น 2 นิดหน่อยนั่นเอง

ชั้น 7 เพราะเป็นชั้นสูง วิวดีกว่า เลยเพิ่มยูนิตแบบ 2 ห้องนอน หรือห้อง B7 เข้ามาแทนยูนิตแบบ 1 ห้องนอน คือเอา 1 ห้องนอน 2 ห้องมา Combine กัน โดยห้อง B7 นี้จะอยู่ทางทิศเหนือที่ได้รับลมดีและแดดไม่แรงค่ะ

ชั้น 8 หรือชั้นบนสุดนี่จะมีห้องราคาแพงสุดอยู่ค่ะ เป็นห้องมุมซ้ายล่างหรือห้อง B2/8 ค่ะ พวกห้องริมฝั่งซ้ายชั้นบนสุดนี่จะมีระเบียงเฟรมอลูมิเนียมกรุกระจกเทมเปอร์ให้ด้วยค่ะ ข้อดีของชั้นนี้อีกข้อคือยูนิตต่อชั้นจะน้อยกว่าชั้นอื่นๆค่ะ(มี 9 ยูนิต) เพราะมีส่วนพื้นที่สระว่ายน้ำของชั้นดาดฟ้าอยู่

ขึ้นมาที่ชั้นพักอาศัย บริเวณโถงลิฟต์มีการตกแต่งดูดีสวยงามค่ะ เสียดายหน่อยตรงที่บริเวณโถงลิฟต์ไม่มีช่องแสงให้แสงสว่างภายนอกเข้ามาได้ ในช่วงกลางวันจึงจำเป็นต้องพึ่งพาแสงสว่างจากหลอดไฟด้วย

ส่วนบริเวณโถงทางเดินทำมาได้สวย ดูดีเลยนะ มีความกว้างพอสมควร และมีการซ่อนไฟ แต่งฝ้าด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราจะไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ในโครงการขนาดเล็ก

ชั้นดาดฟ้าเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดค่ะ คือส่วน Indoor จะมี Fitness, Kid’s club และส่วน Outdoor จะมีสระว่ายน้ำเป็นสระระบบเกลือ ขนาดประมาณ 14 x 5.55 m. ค่ะ มีที่นั่งข้างสระ (Pool Terrace) ให้นั่งพักผ่อนได้ การจัด Facilities ยกขึ้นไปชั้นดาดฟ้าของโครงการ Low Rise แบบนี้ถือเป็นข้อดีและนานๆ ทีเห็น

ที่นี่ออกแบบให้มีลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้าเลยนะคะ ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดมาอีกชั้น สะดวกในการเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางดี

บริเวณนี้มีการกั้นประตูแต่ไม่ได้ติดจุดสแกนบัตรนะคะ ใครที่ผ่านจุดสแกนบัตรโถงลิฟต์บริเวณ Lobby แล้ว สามารถเข้าถึงได้ทุกชั้นของอาคาร

ออกมาจากโถงลิฟต์แล้วจะเจอกับส่วนพื้นที่สวนขนาดย่อมๆ ไว้ตกแต่งให้ดูสดชื่นค่ะ

โดยด้านหลังของสวนนี้จะมีพื้นที่ Outdoor terrace ปูพื้นด้วยหญ้าเทียม บริเวณนี้มีวางที่นั่งแบบ Outdoor พร้อมกับร่มสนามให้ด้วยนะคะ ไว้เป็นพื้นที่นั่งเล่นชั้นดาดฟ้าชมวิวได้สบาย ช่วงเช้า หรือช่วงเย็นน่าจะได้บรรยากาศดีทีเดียวค่ะ

ถัดมาหน่อยก็มีเป็นชุดโซฟาแบบ Outdoor ไว้นอนเล่นชมวิวได้เช่นกันค่ะ

ถัดมาอีกฝั่งเป็นส่วน Pool Terrace สระว่ายน้ำค่ะ บริเวณ Pool Terrcae นี้มีการทำหลังคาให้ด้วยนะ กันแดด กันฝนได้ดีเลย

สระว่ายน้ำที่นี่ให้มาขนาดโอเคเลย ขนาดอยู่ที่ 14 x 5.5 ม. ความลึกอยู่ที่ 1.3 ม. ใช้ระบบเกลือทั้งหมด ภายในสระนี้ประกอบไปด้วยสระเด็ก 2.5 x 2.5 ม. และส่วน Jacuzzi นั่งนวดตัวในน้ำสบายๆ

ส่วน Pool Terrace มีวาง Daybed 6 ตัวด้วยกัน ไว้นอนเล่นอาบแดดได้สบาย ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝนด้วย

เลยจากส่วนสระว่ายน้ำไปหน่อยจะเป็นภายในอาคาร ซึ่งจะมีห้อง Kid’s Club Fitness และห้องน้ำพร้อมพื้นที่อาบน้ำแยกชายและหญิงค่ะ

เข้ามาภายใน ด้านซ้ายมือเป็นห้อง Kid’s Club ตรงกลางเป็นห้องน้ำแยกชาย/หญิง และฝั่งขวามือเป็นห้อง Fitness ค่ะ

ภายในห้องน้ำทำออกมาได้ดีเลยนะคะ มีพร้อมพื้นที่อาบน้ำในตัวเลย ซึ่งห้องน้ำหญิงและชายจะได้คนละ 1 ห้องนะ ห้องผู้ชายมีเพิ่มสุขภัณฑ์ขึ้นมาคือโถปัสสาวะชายค่ะ นอกนั้นเหมือนกันหมด

ห้อง Kid’s Club ปูพื้นด้วยโฟมนุ่มกันกระแทกได้ดี ตกแต่งห้องให้มีสีสันสดใสน่าเล่น ภายในมีเครื่องเล่นต่างๆ สำหรับเด็กๆ อยู่พอสมควรเลยค่ะ

ถัดมาที่ห้อง Fitness ที่นี่ใช้เครื่องฟิตเนสยี่ห้อดีนะ ยี่ห้อ Life Fitness มีจำนวนเครื่องอยู่ที่ประมาณ 10 เครื่องด้วยกัน ซึ่งน่าจะเพียงพอในการใช้งานค่ะ

มาดูวิวกันมั่ง ถ่ายจากบนดาดฟ้าเลยค่ะ ฝั่งทิศตะวันตกหรือด้านหน้าโครงการ ใครอยู่ชั้น 8 นั้นก็จะได้วิวระยะไกล เพราะเลยความสูงของ Siva Court ไปแล้ว

ฝั่งใต้อยู่ใกล้กับตึกสูง 6 ชั้น แต่ดีที่มีคั่นบ้านเดี่ยวไว้ จึงไม่ถูกบล็อกวิวมากนักค่ะ ใครอยู่ชั้นสูงหน่อยและอยู่บริเวณห้องที่ค่อนมาทางด้านหน้าโครงการก็จะได้วิวตึกสูงด้วย

ฝั่งทิศตะวันออกซึ่งหันไปทางสุขุมวิทซอย 11 ฝั่งนี้จะได้เห็นวิวตึกสูงเยอะมากทีเดียวค่ะ และก็เป็นทิศที่ไม่โดนบล็อกวิวระยะใกล้เช่นกันนะ

และทิศเหนืออยู่ติดกับโรงแรมสูง 8 ชั้นเช่นเดียวกับโครงการ จริงถูกบล็อกวิวไปโดยปริยายค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ

  • สระผู้ใหญ่ ขนาด 14 x 5.55 เมตร ลึก 1.3 เมตร
  • สระเด็ก ขนาด 2.5 x 2.5 เมตร ลึก 0.5 เมตร

  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
  • Kid’s Club
  • Pool Terrace
  • Wifi บริเวณ Lobby, สระว่ายน้ำ และ Fitness
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 39.5 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 43 คันคิดเป็น 55 %
  • ระบบ CCTV / Access Card
  •  


    Product Walkthrough

    สำหรับตัวห้องจะมาพร้อมกับการตกแต่งทั้งหมดเรียกว่า Fully Furnished แบบแท้จริงนะ เพราะสิ่งที่ได้คือเหมือนได้ห้องโรงแรมที่มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่าง รวมไปถึงเครื่องนอน ผ้าเช็ดตัวต่างๆ ตามมาตรฐานของโรงแรมเลยค่ะ เพื่อให้พร้อมสำหรับลูกค้าที่มาเช่าอยู่ โดยนักลงทุนเองไม่จำเป็นต้องลงทุนเงินเพิ่มเติม

    โปรดักส์ห้องพักอาศัยมีทั้งหมด ดังนี้

    • 1 Bedroom 36 – 40 ตร.ม.
    • 2 Bedroom 60 – 71 ตร.ม.

    เริ่มจากห้องตัวอย่างแรกกันนะคะ คือห้อง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 61.5 ตร.ม. สำหรับอยู่อาศัยได้ 3-4 คน เป็นรูปแบบครอบครัวได้ค่ะ ตอบโจทย์กลุ่มผู้เช่าที่ต้องการห้องสำหรับครอบครัว หรือห้องขนาดใหญ่มีพื้นที่ใช้ตัวห้องมีลักษณะเป็นห้องหน้ากว้าง มีการแบ่งโซนของพื้นที่ชัดเจน เริ่มจากทางเข้าห้องจะเจอส่วน Common Area ก่อนซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมระหว่างพื้นที่รับประทานอาหาร พื้นที่นั่งเล่น ห้องครัว และห้องน้ำ จากนั้นเข้ามาด้านในตามโถงทางเดินจะเข้าสู่โซน Private ซึ่งแบ่งออกเป็นห้องนอน 2 ห้อง โดยห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนเล็กใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องน้ำภายนอก

    เริ่มต้นที่ประตูหน้าห้องที่นี่จะให้เป็นบานขนาดใหญ่แบบ Oversize ดูสวยงาม ปิดผิวด้วยลามิเนต

    ในทุกห้องจะได้ Digital Door Lock จาก Samsung เป็นมาตรฐาน ซึ่ง Digital Door Lock นี้จะครอบคลุมการใช้งานทั้งรหัสผ่าน คีย์การ์ด และกุญแจค่ะ

    เข้ามาภายในห้องจะปูพื้นด้วย Engineering Wood สีอ่อน

    เข้ามาภายในห้องสิ่งที่ได้มาพร้อมราคาแพกเกจนั้นคือตามที่ห้องตัวอย่างจัดไว้ให้เลยค่ะ ยกเว้นส่วนของตกแต่งเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นจะได้ครบทั้งหมด เรียกว่าลูกค้าที่มาเช่าอยู่สามารถแพคกระเป๋าตัวเองเข้ามาอยู่ได้เลยเหมือนโรงแรมที่มีของใช้ต่างๆ ให้ครบครัน ส่วนเจ้าของห้องเองก็ไม่จำเป็นต้องควักงบเพิ่มเติมเพื่อซื้อของเข้ามาตกแต่งห้อง

    เมื่อเข้ามาภายในจะเจอส่วน Common Area ที่ประกอบด้วยพื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมกันอยู่ บริเวณนี้ค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ ด้วยความที่ตัวห้องเป็นแบบหน้ากว้างจึงสามารถจัดสรรพื้นที่นี้ให้กว้างได้ ไม่อึดอัด พร้อมกับความสูงฝ้าที่ให้มา 2.5 ม.

    หันกลับไปส่วนประตูทางเข้า บริเวณฝั่งซ้ายเป็นชุดตู้ Built-in ไว้สำหรับใส่ของและฝั่งขวาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารค่ะ

    ตู้ Built-in นี้ออกแบบให้เป็นตู้สำหรับเก็บของต่างๆ ซึ่งลูกบ้านจะใช้เป็นตู้โชว์ หรือจะใช้เป็นชั้นวางรองเท้าก็ได้ค่ะ

    สำหรับโต๊ะรับประทานอาหารให้มาหน้าตาแบบเดียวกับห้องตัวอย่าง พร้อมกับเก้าอี้ 4 ตัว

    ถัดมาในส่วนพื้นที่นั่งเล่นจัดมาให้สวยงาม บริเวณนี้ได้เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด พร้อมกับผ้าม่านทั้งเซตค่ะ

    ชุดโซฟาที่ได้เป็นโซฟาแบบ 3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง และเก้าอี้เล็ก ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    ส่วนอีกฝั่งเป็นชั้นวางทีวีแบบ Built-in ที่มาพร้อมกับทีวีด้วยเช่นกันค่ะ

    ติดกับพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นส่วนระเบียงด้านนอก ซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก มีความกว้างตามขนาดของระเบียงนะคะ น่าเสียดายที่ไม่ได้ให้ความกว้างของพื้นที่กระจกมาเต็มผนัง จะช่วยให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นได้อีก แต่เนื่องมาจากพื้นที่ด้านข้างระเบียงมีการจัดให้เป็นฟังก์ชันภายนอก เป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ที่เป็นสัดส่วนค่ะ ซึ่งก็แลกมากับการใช้งานจริงได้ดี ดูเรียบร้อยกว่าการมีกระจกแล้วมองเห็นคอมเพรสเซอร์แอร์

    ระเบียงขนาดกะทัดรัด เน้นใช้งานเล็กๆ น้อยๆ หรือจะจัดเป็นพื้นที่สวนเหมือนห้องตัวอย่างก็ได้นะคะ

    ด้านข้างอย่างที่กล่าวไปแล้วว่ามีการจัดเป็นส่วนวางคอมเพรสเซอร์แอร์เรียบร้อย กั้นพื้นที่ด้วยแผงกั้นอลูมิเนียม

    อีกด้านนึงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนจากห้องครัว ไว้สำหรับระบายอากาศภายในห้องครัวได้ดีมากขึ้น ครัวไม่อับ

    ถัดมาเป็นส่วนโถงทางเดินยาวๆ นะคะ ฝั่งจขวามือที่ใกล้ที่สุดจะเป็นห้องครัว ถัดมาฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกับห้องนอนเล็กและส่วน Common Area และด้านในสุดจัดเป็น Private Zone คือห้องนอนทั้ง 2 ห้องค่ะ โดยห้องนอนใหญ่อยู่ขวามือและห้องนอนเล็กอยู่ซ้ายมือ

    เริ่มกันที่ห้องครัวจะได้เป็นครัวปิดเป็นสัดส่วนชัดเจน กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกดูสวยงาม Fitting ดีแข็งแรงค่ะ

    ลักษณะภายในครัว การวางเคาน์เตอร์เป็นแบบรูปตัว I ยาวไปตามรูปของห้องครัว เคาน์เตอร์ที่ได้ถือว่าใหญ่นะคะ ใช้งานได้ดีมีพื้นที่พอสมควร

    สำหรับพื้นห้องครัวใช้เป็นกระเบื้องแบบ Homogeneous tile หรือกระเบื้องเนื้อเดียว ดูสวยงามดี และตัวกระเบื้องเองก็เหมาะกับการใช้กับห้องครัวที่มักจะต้องเน้นทำความสะอาดได้ง่าย และต้องมีความคงทน โดนความชื้นต่างๆ ได้พอสมควร ส่วยความกว้างของทางเดินอยู่ที่ประมาณ 80 ซม.​ ถือว่าไม่แคบมากนักค่ะ เดินได้และใช้งานส่วนครัวได้โอเค

    ชุดตู้ Built-in ด้านบนใช้บานเปิดเป็นแบบ Hi-Gloss และเปิด-ปิดแบบ Soft Close

    ส่วนบริเวณ Top Counter ให้มาเป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งมีความคงทนทั้งการใช้งานและความชื้นได้ดี รวมไปถึงเรื่องความสวยงามด้วยค่ะ ส่วนด้านหลังกรุ Black Splash ให้เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด เวลามีน้ำมันหรืออาหารติดที่ผนังก็ไม่เลอะเทอะ ติดเป็นคราบเพราะสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ค่ะ

    Hob & Hood ที่ได้นั้นจะเป็นเตาเซรามิก 2 หัว จาก Teka

    sink ล้างจานจาก Teka เช่นกันให้มา 2 หลุม พร้อมที่พักจานด้านข้างด้วยค่ะ

    ด้านล่างบานเปิดและลิ้นชักเป็น Soft Close ทั้งหมดเช่นกันค่ะ หน้าบานปิดผิวด้วย Hi-Gloss ทั้งหมด

    ด้านล่างเป็นเตาไมโครเวฟแบบฝังมากับชุดครัว ข้อดีคือให้มากับชุดครัวเลย และไม่เปลืองพื้นที่วางของด้านบนชุดครัว แต่ข้อเสียคืออยู่ต่ำไปหน่อยค่ะ เวลาใช้ต้องย่อตัวลงไปเปิดปิดใช้งานจะเมื่อยขากัน ผู้สูงอายุหรือคนท้องจะใช้งานเตาไมโครเวฟนี่ค่อนข้างลำบากนะ

    เครื่องซักผ้าที่ได้เป็นแบบฝาหน้าขนาดความจุ 8 กิโลกรัม ถือว่ามีขนาดใหญ่พอสมควรเลยค่ะ

    รวมไปถึงตู้เย็นจาก Samsung ขนาด 11.7 คิวบิกฟุตด้วยนะคะ

    มาที่ห้องน้ำกันต่อนะคะ โดยพื้นห้องน้ำมีการลดระดับพื้นลงเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อน ส่วนพื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้อง Homogeneous

    ภายในห้องน้ำแบ่งโซนเปียกและแห้งไว้ได้เป็นสัดส่วนดีค่ะ โดยฝั่งซ้ายมือจะเป็นโซนแห้งก่อน ประกอบไปด้วยอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์

    บริเวณอ่างล้างมือมีติดตู้กระจกให้สูงจากอ่างล้างมือถึงฝ้าเพดานห้องน้ำดูสวยงาม ด้านข้างอ่างติดปลั๊กไฟแบบมีฝากันน้ำให้เรียบร้อย

    อ่างล้างมือขนาดกำลังดี และด้านล่างมี Built-in ตู้วางของด้านล่างให้ไว้สำหรับเก็บของต่างๆ ด้วยค่ะ ทั้งหมดจาก Kohler

    โถสุขภัณฑ์จาก Kohker เช่นกันค่ะ ด้านข้างมีพื้นที่พอสมควรนั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัด ส่วนด้านบนของโถสุขภัณฑ์นั้นทำเป็นชั้นวางของเล็กๆ ให้ ซึ่งจะเน้นวางของตกแต่งหรือวางมือถือ หนังสือเล่มเล็กๆ ค่ะ

    มาที่ส่วนพื้นที่อาบน้ำนั้นกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อย ประตูเป็นแบบบานเปิดเข้ามีราวแขวนผ้าขนหนูให้เรียบร้อย

    พื้นที่อาบน้ำยกธรณีสูงขึ้นเพื่อนกันน้ำไหลย้อนอีกจุด ภายในพื้นที่อาบน้ำมีขนาดกะทัดรัด

    ส่วนฝักบัวที่ได้จะเป็นทั้งแบบสายอ่อนและ Rain Shower พร้อมกับติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนเป็นมาตรฐาน

    ถัดมาบริเวณโถงทางเดินอีกรอบนะคะ ในส่วนนี้ก็มีการเซตผนังให้เป็นชั้นวางของด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถวางเป็นของตกแต่ง หรือวางของใช้ได้พอสมควรเลยค่ะ

    มาดูที่ห้องนอนเล็กกันนะคะ เข้ามาจะเจอกับส่วนแต่งตัวก่อน ซึ่งฝั่งซ้ายจะเป็นตู้เสื้อผ้าและด้านหน้าเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งจะได้ทั้งหมดตามห้องตัวอย่างเช่นเดิมค่ะ

    ตู้เสื้อผ้าได้ขนาดใหญ่พอสมควรเลยค่ะ ลักษณะบานเป็นแบบบานเลื่อนปิดผิวด้วยลามิเนต การทำเป็นบานเลื่อนถือว่าดีนะ เพราะไม่ไปกินพื้นที่ทางเดินในส่วนนี้

    ถัดมาบริเวณเตียงนอนจะได้เตียงขนาด 5 ฟุตนะคะ มาพร้อมกับชุดเครื่องนอนครบเซตให้มาเป็นมาตรฐานทั้งหมดเลยค่ะ

    หน้าต่างทำออกมาได้ดีเลยนะคะ และมีความสูงจากพื้นไปจนเกือบถึงฝ้าเพดานเลยค่ะ ทำให้แสงสว่างเข้ามาภายในห้องได้ดีทีเดียว

    สำหรับห้องนี้นั้นจะหันเข้าไปยังซอยสุขุมวิท 7 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคอนโดเช่นเดียวกัน แต่ดีที่ยังมีระยะห่างพอสมควรนะ ไม่ถึงกับโดยบล็อกวิวในระยะใกล้ ยังมีความเป็นส่วนตัวและพอมองเห็นวิวระยะไกลได้อยู่ค่ะ

    มาที่ห้องนอนใหญ่กันต่อ ขนาดของห้องนอนใหญ่ให้มาพอสมควรที่อยู่ได้สบายเลยค่ะ

    ตัวเตียงจะได้ขนาด 6 ฟุต พื้นที่รอบเตียงกว้างขวางสบายมากๆ ส่วนหน้าต่างจะได้เหมือนห้องนอนเล็กนะคะ ซึ่งก็ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้ตัวห้องมากขึ้น เพราะบานกระจกมีขนาดใหญ่จึงทำให้แสงสว่างภายนอกเข้ามาได้ดี

    ฝั่งปลายเตียงจะได้ทีวีแขวนผนัง และโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่พอสมควร พร้อมเก้าอี้สตูลเรียบร้อยค่ะ

    ส่วนฝั่งด้านข้างของเตียง Built-in ตู้เสื้อผ้าให้เหมือนห้องนอนเล็กเลยค่ะ และติดกันเป็นทางเข้าห้องน้ำในห้องนอน

    ภายในห้องน้ำแบ่งสัดส่วนเป็นโซนเปียกและแห้งเรียบร้อยเช่นเดียวกับห้องน้ำด้านนอกนะคะ

    สำหรับสุขภัณฑ์และการจัดวางจะใช้เหมือนกับห้องน้ำด้านนอกเลยค่ะ โดยใช้สุขภัณ์จาก Kohler ทั้งหมดค่ะ

    ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดใหญ่พอสมควรนะคะ ภายในได้ฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower สเป็คเดียวกับห้องน้ำด้านนอกเลยค่ะ ส่วนด้านข้างฝักบัวได้เซตผนังเข้าไว้สำหรับวางครีมอาบน้ำ สบู่ต่างๆ ได้

    มาที่ห้อง 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 36 ตร.ม. กันนะคะ จัดเป็นขนาดที่อยู่สบายสำหรับ 2 คน จุดเด่นของห้องนี้คือการให้ความสำคัญของห้องนอนพอสมควรเลยค่ะ จากในแปลนจะเห็นว่าครึ่งนึงของห้องนั้นเป็นห้องนอน พร้อมกับห้องน้ำในตัว ซึ่งบริเวณเตียงนอนมีขนาดพอสมควรสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้สบายค่ะ ส่วนบริเวณ Common Area บริเวณหน้าทางเข้าห้องจะเป็นส่วนครัวเปิดและพื้นที่รับประทานอาหาร ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดกับส่วนระเบียง เป็นขนาดระเบียงที่สามารถรับวิวได้เต็มที่เลยค่ะ

    เข้ามาภายในห้องจะเจอส่วน Common Area กันก่อนนะคะ บริเวณนี้เป็นพื้นที่เปิดโล่งดีมาก ด้วยความกว้างของตัวห้องรวมไปถึงช่องแสงจากภายนอกด้วย จึงทำให้รู้สึกโปร่งโล่งดีทีเดียวค่ะ

    หันหลังย้อนกลับมาฝั่งซ้ายมือเป็นเคาน์เตอร์ครัว ฝั่งขวาเป็นพื้นที่เตรียมของ วางของต่างๆ และโต๊ะรับประทานอาหาร

    เริ่มจากเคาน์เตอร์ครัวก่อนนะคะ สเป็คทั้งหมดจะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ แตกต่างตรงที่มีขนาดเล็กลงมา รวมทั้งรูปแบบครัวเปลี่ยนไปเป็นแบบเปิดแทน ซึ่งก็จะเหมาะกับการทำอาหารง่ายๆ มากขึ้นนะคะ เช่นการอุ่น ต้ม นึ่ง ประมาณนี้ ไม่เน้นทำอาหารหนักมากนักเท่ากับห้องที่แล้วที่ได้เป็นครัวปิด

    อีกฝั่งนั้นจะมีตู้ Built-in เป็นชั้นวางรองเท้า มีชั้นวางของต่างๆ ด้านล่างออกแบบให้เป็นที่วางเครื่องซักผ้า ซึ่งตัวเครื่องซักผ้านี้ก็ได้ด้วยนะคะ เป็นมาตรฐานของโครงการเช่นกัน ในส่วนของโต๊ะรับประทานอาหารจะได้ขนาดสำหรับ 2 ที่นั่งกำลังดีค่ะ

    ถัดมาที่พื้นที่นั่งเล่นกันต่อนะคะ รูปแบบการจัดวางและเฟอร์นิเจอร์จะเหมือนกับห้องแรกเลยค่ะ แต่ที่ดูโปร่งโล่งดีมากนั้นมาจากการที่ได้ประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่สูงเกือบถึงฝ้าเพดาน จึงช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอกได้ดี

    ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ได้หน้าตาเหมือนกับห้อง 2 Bedroom ที่ผ่านมาเลย

    มาที่ระเบียงกันต่อนะคะ สำหรับระเบียงห้อง Type นี้ได้ขนาดใหญ่ระดับนึงค่ะ เหมาะกับใช้งานได้ดี

    ข้อดีที่น่าสนใจคือทางโครงการมีการทำพื้นยื่นออกมาเล็กน้อยจากพื้นระเบียงเพื่อมาติดตั้งที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้ระเบียงสามารถใช้งานได้เต็มที่ และไม่โดนลมร้อนเป่าเมื่อเวลานั่งเล่นริมระเบียงด้วยค่ะ

    เมื่อเงยหน้าขึ้นไปด้านบนก็จะเห็นพื้นส่วนที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ที่ยื่นออกมาจากพื้นระเบียง น่าเสียดายหน่อยตรงที่น้ำแอร์นั้นหยดซึมมาที่พื้นและฝ้าเพดานของห้องด้านล่างด้วยนี่แหละ

    มาที่ห้องนอนกันต่อนะคะ ภายในห้องนอนดูโปร่งโล่งดีมากเลยค่ะ วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตให้พร้อมเครื่องนอนเป็นมาตรฐาน และด้านข้างเตียงก็จะได้โต๊ะเครื่องแป้งเช่นกันด้วยค่ะ

    ฝั่งข้างเตียงจัดให้เป็นตู้เสื้อผ้า Buil-in และประตูทางเข้าห้องน้ำภายในห้องนอน ซึ่งเป็นห้องน้ำเพียงห้องเดียวของห้องนี้นะคะ จึงเป็นแปลนที่ตอบโจทย์คนที่ชอบความเป็นส่วนตัว และต้องการเข้า-ออกห้องน้ำสะดวก แต่ในทางกลับกันลูกบ้านที่เชิญเพื่อนมาบ้านก็อาจจะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวมากนักหากต้องให้แขกลูกบ้านเดินผ่านห้องนอนก่อนเสมอ

    ภายในห้องน้ำหน้าตาเหมือนห้องที่แล้วเลยค่ะ สเป็คก็เหมือนเช่นเดียวกันค่ะ จะใช้ยี่ห้อ Kohler ทั้งหมด

    ฝั่งพื้นที่อาบน้ำให้ฉากกั้นกระจกแบบนิรภัย ส่วนภายในได้ฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower เหมือนห้องน้ำห้องอื่นๆ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 6 November 2017

    • 1 Bedroom เลขที่ห้อง 204 ชั้น 2 เนื้อที่ 36.08 ตร.ม. ราคา 6.3438 ล้านบาท หรือ 175,826 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom เลขที่ห้อง 312 ชั้น 3 เนื้อที่ 67.79 ตร.ม. ราคา 12.5234 ล้านบาท หรือ 184,738 บาท/ตร.ม.

     

    • Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง

    • 1 Bedroom 50,000 บาท
    • 2 Bedroom 80,000 บาท

  • ทำสัญญา 5%
  • ค่ากองทุน 550 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Residence 187 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่แตกต่างจากคอนโดมิเนียมทั่วไปนะคะ เพราะที่นี่จะขายห้องพร้อมกับ Rental Program เลย ซึ่งผูกสัญญาให้ทาง Ariva Hospitality เป็นผู้บริหารจัดการตัวห้องทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนที่มองหาคอนโดสำหรับปล่อยเช่าและต้องการให้มีคนมาดูแลและบริหารงานต่างๆ ให้เสร็จสรรพทั้งหมดโดยตัวเองไม่ต้องลงมือไปหาผู้เช่าเอง หรือแม้กระทั่งต้องมาคอยดูแลทำความสะอาดห้องต่างๆ รวมไปถึงเรื่องของผลตอบแทนที่ได้แบบ Fix ถึง 3 ปีด้วยกัน เนื่องจากทาง Ariva นั้นมีให้ Garantee Yield อยู่ที่ 3 ปี เรียงไปปีแรก 5% ปีที่ 2 6% และปีที่ 3 7% (ตามขั้นบันได) และมีสัญญาไม่นานมากอยู่ที่ 5 ปี หลังจากนั้นลูกค้าจะเลือกให้ทาง Ariva ดูแลต่อหรือจะมาดูแลเองก็ได้ค่ะ

    ซึ่งการซื้อห้องพร้อม Rental Program นี้ทำมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของนักลงทุน ทางโครงการวิเคราะห์ไว้ว่ากลุ่มผู้เช่าหลักๆจะเป็นลูกค้าในย่านนานา ที่มารักษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ค่ะ เช่นกลุ่มคนที่มาทำ Stem Cell ก็มักจะใช้เวลาในการรักษาพอสมควร ก็จะมองหาที่อยู่อาศัยในช่วงที่มารักษา ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมากันเป็นครอบครัวเล็ก 2 คนหรือขนาดใหญ่หน่อยคือมีลูกๆ ตามมาด้วย โดยกลุ่มนี้เองมักจะมองหาที่อยู่อาศัยทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน คือโรงแรม Service Apartment และ Service Condominium

    เรามาดูรายละเอียดของการอยู่อาศัยทั้ง 3 แบบกันหน่อยนะคะ Service Condominium จะคล้ายคลึงกับ Service Apartment หรือ โรงแรม คือภายในห้องมีของใช้ต่างๆ ครบทุกอย่าง ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมไปถึงผ้าเช็ดตัวเครื่องนอนต่างๆ ตามมาตรฐานโรงแรมอีกด้วย แต่ในความคล้ายคลึงกันนี้ก็จะมีความแตกต่างกันอยู่นะคะ หากมองในด้านของโรงแรมนั้นข้อดีคือมีการบริการที่ดีตามมาตรฐานโรงแรม แต่อาจไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยในระยะเวลานานเป็นเดือนๆ เพราะห้องพักของโรงแรมส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกออกฟังก์ชันภายในห้องมาเพื่อรองรับการอยู่อาศัยในระยะยาว

    ซึ่งแตกต่างจาก อพาร์ทเม้นท์ หรือ Service Condominium ที่ออกแบบมาให้อยู่กันแบบยาวๆ โดยข้อเสียหลักๆของห้องในโรงแรมทั่วไปจะไม่มีครัว ไม่มีพื้นที่รับประทานอาหาร หรือระเบียงตากผ้าเล็กๆ น้อยๆ จึงทำให้ Service Apartment หรือ Service Condominuim ค่อนข้างตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าประเภทนี้ในแง่ของฟังก์ชันการอยู่อาศัยแบบ Long Term ทั้งนี้ Service Apartment เองก็ยังมีข้อจำกัดที่ด้อยกว่า Service Condominium อยู่นะคะ อย่างเช่นในเรื่องของ Facilities ต่างๆ หรือพื้นที่ส่วนกลางที่ได้ อาจจะมีความหลายหลายน้อยกว่า และความหรูหราของการตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางที่ไม่เท่ากันค่ะ และสุดท้ายในรูปแบบคอนโดมิเนียมทั่วไปนั้นจริงๆ แล้วก็ยังมีรูปแบบของการปล่อยเช่าห้องเช่นกัน แต่ก็มักจะไม่มี Service ต่างๆ ที่เหมือนโรงแรมและ Service Apartment เช่นการทำความสะอาดห้องต่างๆ ให้ หรือถ้าก็มีก็จะมีค่าใช้จ่ายและต้องบริหารจัดการเอง

    จึงเป็นที่มาของโครงการที่พยายามตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ให้ครอบคลุมทั้งหมด ในแง่ของการอยู่อาศัยมีฟังก์ชันครบ มี Facilities ให้ใช้ได้ รวมไปถึง Service ต่างๆ ที่จะได้ในมาตรฐานเดียวกับโรงแรมค่ะ ถ้าใครสนใจควรศึกษาเรื่องกลุ่มผู้เช่า และอัตราค่าเช่าในพื้นที่เพิ่มเติมด้วยนะคะ

    ทำเล – ย่านนานา จัดว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่พักที่เที่ยว ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากที่สุดที่นึงในกรุงเทพ เนื่องจากอยู่ในใจกลางเมืองทั้งสยาม-ชิดลม-อโศก บรรยากาศย่านนี้มีความเป็นเอกลักษณ์สูง เป็นศูนย์รวมของชาวตะวันออกกลางที่นิยมมาพักโรงแรมในย่านนี้ ทำให้ย่านนี้เป็นแหล่งรวมร้านอาหารอินเดีย ร้านตัดสูท และอาหารพื้นเมืองของอินเดียอย่างเคบับที่มีให้เลือกชิมหลายร้าน ซูมเข้ามาภายในซอยโครงการ (สุขุมวิท 7) อยู่เชื่อมกับซอยสุขุมวิท 5 ก็จริงแต่มีความสงบ ได้บรรยากาศในเชิงที่อยู่อาศัยดี

    การเดินทาง – ในแง่การเดินทางด้วยรถส่วนตัว สุขุมวิท ซอย 7 หรือซอยโครงการเป็นซอยแบบ One way ซึ่งมันมีผลกับการขับรถเข้าออกโครงการเยอะเหมือนกันค่ะ เนื่องจากซอยโครงการ(สุขุมวิทซอย 7) เป็นถนน One way ขาออกมาถนนสุขุมวิท ทำให้เวลาจะขับรถเข้าโครงการ ไม่สามารถขับเข้าทางซอย 7 ได้ ต้องเข้ามาทางซอย 5 เป็น One way ขาเข้าที่เชื่อมกับซอยโครงการอยู่ค่ะ การขับรถออกไปทางอโศก,พร้อมพงษ์, ทองหล่อ ไม่มีปัญหาเพราะอยู่ฝั่งขาออกอยู่แล้ว ขณะที่การขับรถเข้าเมืองไปทางเพลินจิตนั้น.. เราต้องขับไปวนรถทางซอย 11 กลับไปซอยนานา หรือซอย 3 เพื่อออกแยกนานา วิ่งไปเพลินจิตค่ะ ซึ่งนอกจากปัญหารถติดของย่านนี้ที่ขึ้นชื่อแล้ว เรื่องการวนรถเข้าออกผ่านซอยเล็กซอยน้อยที่รถก็ไม่ได้ติดน้อยกว่ากันเท่าไหร่นั้นก็เป็นอีกเรื่องที่ควรคำนึงถึงค่ะ

    สำหรับคนไม่ขับรถละก็ง่ายเลยค่ะ จากโครงการเดินมาขึ้นบันไดเลื่อนสถานีนานาประมาณ 270 เมตร ห่างจากสถานีอโศก 1 สถานีซึ่งเป็น Interchange กับรถไฟใต้ดิน MRT สุขุมวิท หรือเดินทางไปสยามก็เเค่ 3 สถานีเอง ใครไม่ซีเรียสว่าต้องเดินทางด้วยรถยนต์เท่านั้น การเดินทางแบบไม่พึ่งพารถส่วนตัวในทำเลนี้สะดวกสุดค่ะ และมีตัวเลือกเยอะนอกเหนือจากรถไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

    การออกแบบ – ตัวโครงการเป็นโครงการยูนิตน้อย สำหรับใครที่จะมาเช่าอยู่ก็จะเหมาะกับคนที่ชอบความสงบ ไม่คึกคัก และไม่ซีเรียสเรื่องวิวบนทำเลนี้ ตัวห้องออกแบบมาได้ดี มีขนาดกำลังดีสำหรับการอยู่อาศัยจริง ทุกอย่างจัดมาได้ลงตัวดี ความหนาแน่นในโครงการเองก็น้อย อยู่สบายๆ ชอบ Facilities ที่ดันให้ไปอยู่ชั้นดาดฟ้า เพื่อได้ชมวิวภายนอกได้และมีความเป็นส่วนตัวระดับนึง

    วัสดุ – ให้มาแบบ Fully Furnished สุดๆ มีครบทุกอย่าง เพราะทางโครงการเน้นไว้เพื่อปล่อยเช่า จริงได้ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมไปถึงเครื่องนอน ผ้าเช็ดตัวทั้งหมด ในเกรดวัสดุที่อยู่ในระดับโอเคสมราคา ดีกับผู้ลงทุนที่ไม่จำเป็นต้องควักกระเป๋าซื้ออะไรเพิ่ม เพราะทุกอย่างอยู่ในแพกเกจทั้งหมด

    สาธารณูปโภค – ให้มามาตรฐานทั่วไป ตามขนาดของโครงการแต่มีครบครันและดันขึ้นไปชั้นดาดฟ้าให้ โดยจะประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำกลางแจ้งระบบเกลือขนาด 14 x 5.55 เมตร มี Jacuzzi สระลึก 1.2 เมตร มีแบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร มีฟิตเนส มี Kid’s corner อยู่ดาดฟ้าทั้งหมด ชั้นล่างมี Lobby เป็น Double height สูง 7.3 เมตร ระบบรักษาความปลอดภัยเป็น Keycard Access เฉพาะส่วนโถงลิฟต์

     

    Judgement

    เนื่องจากโครงการ Residence 187 เป็นโครงการที่ขายห้องพักอาศัยพร้อม Rental Program โดยขายเฉพาะกลุ่มนักลงทุนทั้งหมด ไม่ได้อยู่อาศัยเอง การตัดสินใจซื้อจะเน้นในเรื่องการลงทุน เผื่อหวังผลตอบแทน ซึ่งแต่ละคนก็มีความพอใจในผลตอบแทนที่แตกต่างกัน ทางทีม Think of Living จะไม่มีเกณฑ์การให้คะแนนในส่วนความคุ้มค่าของผลตอบแทนนะคะ จึงขอเว้นการให้คะแนนในส่วนนี้ค่ะ 

    BOTTOM LINE

    โครงการ Residence 187 เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการซื้อห้องเพื่อปล่อยเช่าในย่านใจกลางเมือง ใกล้ BTS ที่อยากได้คนมาบริหารจัดการทุกอย่างให้ ทั้งไม่ต้องหาผู้เช่า ไม่ต้องดูแลห้องเอง และมี Garantee Yield ให้ ในราคาเริ่มต้นประมาณ 6.3 – 11 ล้านบาท