รีวิวฉบับที่ 1477 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมตึกเสร็จพร้อมเข้าอยู่กับคอนโด Premio Fresco กลุ่มคอนโด Low Rise 3 อาคาร ทำเลติดถนนรามอินทรา ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินสบาย ทั้ง Big C, ตลาดรามอินทรา กม.2 และ The Jas รามอินทรา ยิ่งถ้าใครใช้เส้นลาดปลาเค้าเป็นทางลัดเข้าเมืองบ่อยๆ ก็สะดวกเลย ใครไม่ใช้รถไม่ต้องกังวล เพราะหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์ รถตู้ และพี่วินให้เลือกใช้ครบถ้วน ห้องพักจัดแปลนออกมาดี ได้ครัวปิดแทบจะทุกแบบเลย และมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 26-45 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท

Fact @ 20 November 2017

  • Premio Fresco (พรีมิโอ เฟรสโก)
  • บริษัท พรีมิโอ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางเขน
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 266 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 14 ยูนิตที่อาคาร C
  • ที่จอดรถประมาณ 105 คันคิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 45%
  • ที่ดินประมาณ 2-2-66.4 ไร่
  • สร้างเสร็จพร้อมอยู่
  • Studio 26-29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 33-37 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 39-45 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 78,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 68,000-87,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 02-552-6688 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.863391, 100.616206

แผนที่จากทางโครงการ Premio Fresco อยู่ติดถนนรามอินทรา ซึ่งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูวิ่งตามแนวถนนรามอินทรา โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการที่สุดคือสถานีลาดปลาเค้าค่ะ

ทำเลโครงการ Premio Fresco ตั้งอยู่ในช่วงรามอินทราตอนต้น ในบริเวณใกล้แยกลาดปลาเค้า ไม่ไกลจากวงเวียนหลักสี่ ซึ่งจัดเป็นทำเลที่คึกคักอีกจุดของถนนรามอินทรา ปัจจุบันทำเลนี้ส่วนใหญ่มีการพัฒนาค่อนข้างมากด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากถนนพหลโยธิน ช่วงหลักสี่ ที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลักตัดผ่าน ดังนั้นในละแวกนี้เราก็จะเริ่มเห็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง High Rise และ Low Rise เกิดขึ้นค่อนข้างมากในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา หากมองในเชิงของที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงบนทำเลรามอินทราตอนต้นแล้ว ปัจจุบันจะมีราคาค่อนไปทางสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะคะ ซึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในละแวกนี้ ด้วยงบประมาณ ล้านปลายๆ – 3 ล้าน โครงการ Premio Fresco ก็จะตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้ได้ ซึ่งในอนาคตทำเลนี้ที่จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูตัดผ่านก็จะยิ่งเพิ่มความเจริญและความสะดวกสบายนการเดินทางให้กับทำเลนี้มากขึ้น

สำหรับการเดินทางบนทำเลนี้มีความสะดวกทั้งแบบใช้รถและไม่ใช้รถนะคะ อย่างสำหรับใครที่เน้นเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นสามารถใช้ถนนรามอินทราเป็นหลักในการเดินทาง และเข้า-ออกเมืองได้ง่ายด้วยถนนพหลโยธิน ที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการเท่าไหร่นัก และไม่ไกลจากโครงการก็มีเส้นลาดปลาเค้า ให้เลือกใช้เป็นทางลัดไปทะลุถนนประเสริฐมนูกิจ ถนนลาดพร้าว-วังหินได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์อีกด้วยค่ะ

การเดินทางโดยระบบสาธารณะทั่วไปถือว่าสะดวกมากเพราะมีป้ายรถเมล์อยู่บริเวณหน้าโครงการเลย บริเวณนั้นก็จะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ มีรถตู้ รถเมล์คอยรับส่งอยู่ตลอด หรือจะเรียกแท็กซี่ก็ง่ายเพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่จึงมีแท็กซี่วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ใครที่ต้องเข้าเมืองก็สามารถนั่งวินมอเซอร์ไซค์ไปลงบริเวณวงเวียนหลักสี่แล้วขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นสายหลักเข้าเมืองได้เช่นกัน โดยสถานีนี้กำลังจะเปิดให้ใช้บริการกันในไม่ช้าแล้วค่ะ ส่วนในอนาคตบนถนนรามอินทราก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูตัดผ่าน เพิ่มตัวเลือกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่ายมากขึ้น โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีลาดปลาเค้า โดยจะห่างจากโครงการประมาณ 150 เมตรค่ะ

ด้วยทำเลนี้เป็นทำเลที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ดังนั้นเรื่องความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์ในย่านจึงมีพอสมควรค่ะ ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็น Hyper Market, Community Mall และตลาดเป็นส่วนใหญ่ ทั้ง Big C Extra, Foodland, The Jas, Tesco Lotus ซึ่งก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการเรื่องของกินของใช้ได้ทั้งหมดนะคะ ส่วนใครที่อยากเดินห้างช็อปปิ้งในระยะใกล้ๆ ก็จะมี Central รามอินทราที่อยู่ห่างจากโครงการไม่ไกลมาก แถมไม่ไกลจากโครงการก็จะมีตลาดรามอินทรา กม. 2 ที่ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 4/1 ก็มีให้เลือกอีกเพียบทั้งอาหารสด และอาหารปรุงสำเร็จเลย

การเดินทางในวันนี้จะเริ่มจาก Big C Extra รามอินทรา มายังโครงการ ในระยะประมาณ 230 ม. เท่านั้น เดินสบายๆ กันเลย แล้วจะพาไปเดินดูบรรยากาศรอบๆ โครงการกันต่อด้วยนะคะ

จุดเริ่มต้นในวันนี้ขอเริ่มที่ Big C Extra รามอินทรา ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งของกิน ของใช้ในบ้านที่อยู่ใกล้โครงการที่สุดแห่งหนึ่ง จากโครงการก็เดินกันมาสบายๆ ประมาณ 230 ม. เท่านั้น แต่แนะนำว่าเดินมาช่วงเย็นๆ หน่อยก็ดีนะคะ เพราะวันนี้ลองเดินช่วงเที่ยง หืมม..แดดแรงใช่เล่นเลยค่ะ

Big C จะเปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าเลย นอกจากจะมีซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วก็ยังมี ร้านอาหาร ธนาคาร และ Office Mate กันอีกด้วย

ถัดมาจาก Big C  เป็นร้านเปลี่ยนยางรถยนต์ คาร์บูติค

ถัดมามีร้านอาหารอีสาน ไฝทอง

ติดกันก็จะเป็นหมู่บ้านลดาวัลย์ และถัดไปก็จะถึงโครงการ Premio Fresco แล้วค่ะ สังเกตุดูว่าตั้งแต่หมู่บ้านลดาวัลย์ไปจะไม่สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกได้ทันนะคะ ก็ต้องวิ่งตรงไปติดไฟแดงที่แยกลาดปลาเค้ากันตามระเบียบค่ะ

ถัดจากหมู่บ้านลดาวัลย์จะเป็นซอยรามอินทรา 4/2 เป็นซอยตันที่เป็นทางเข้าบริษัท มิตราคม จำกัด ซึ่งอยู่ด้านหลังโครงการ ส่วนอาคารตรงหัวมุมนี้เป็นสำนักงานขายชั่วคราวของโครงการเอง ใครอยากชมห้องตัวอย่างที่ตกแต่งเรียบร้อยก็แวะมาชมที่นี่นะคะ

ติดกับสำนักงานขายก็จะถึงหน้าทางเข้าโครงการแล้วค่ะ

เราจะพาเดินต่อมาอีกหน่อยเพื่อชมบรรยากาศของความคึกคักรอบๆ โครงการกัน จะสังเกตุเห็นป้ายรถเมล์ที่อยู่หน้าโครงการเลย ติดกันจะมีสะพานลอย เราจะพาขึ้นไปชมบรรยากาศหน้าโครงการจากบนสะพานลอยนะคะ

จากสะพานลอยมองมายังโครงการจะเห็นภาพรวมของโครงการชัดเจน เป็นคอนโด Low Rise 3 อาคาร โดยโครงการจะทำแนวต้นไม้ใหญ่ไว้ในส่วนที่ติดกับถนน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย

ป้ายรถเมล์หน้าโครงการนอกจากจะเป็นที่จอดรถเมล์แล้ว ก็จะเป็นที่จอดรถตู้ด้วยเช่นกัน รถตู้ที่วิ่งผ่านหน้าโครงการก็มีหลายสาย มีที่วิ่งไปรังสิต, อนุสาวรีย์, Fashion Island, บางกะปิ, มีนบุรี, ปากเกร็ด เป็นต้น

หากเดินผ่านสะพานลอยมาก็จะเป็นทางเข้าตลาดรามอินทรา กม. 2

บริเวณหน้าตลาดนี้แหละที่จะมีพี่วินนั่งรอให้บริการกันอยู่

ราคาก็ตามนี้เลยค่ะ

พาเข้ามาในซอยรามอินทรา 4/1 เพื่อพาเดินเข้ามาชมบรรยากาศของตลาดรามอินทรา กม. 2 กันต่อ ในซอยนี้จะเห็นมีร้านอาหาร ร้านค้าเปิดอยู่หลายร้านเลยนะ

ถ่ายรวมๆ มาให้ดูว่ามีร้านอะไรกนบ้าง ก็จะมีทั้งร้านอาหารตามสั่ง ข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้ม รวมถึงร้านขายของใช้ อุปกรณ์เสริมสวย และร้านสะดวกซื้อ 7-11 ด้วยค่ะ

เดินเข้ามาด้านในบริเวณใกล้ตลาดจะเห็นมีรถสองแถวจอดอยู่ ซึ่งบริเวณนี้เป็นจุดขึ้นรถสองแถว และตอนเย็นๆ ก็จะเปิดเป็นตลาดนัดแทนค่ะ

ส่วนที่นี่ก็คือตลาดรามอินทรา กม. 2 นั่นเอง ดูมีความคึกคักมากเลย ทั้งของสดของแห้ง ก็เลือกซื้อกันตามสบายเลย บอกแล้วว่าเป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์ทำเลนึงเลยนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการตั้งอยู่ติดถนนรามอินทรา สิ่งปลูกสร้างโดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่ สำหรับพื้นที่โดยรอบโครงการสรุปได้ดังนี้ค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับ ถนนรามอินทรา
  • ทิศตะวันออก ติดกับ หมู่บ้านลดาวัลย์
  • ทิศใต้ ติดกับ บริษัทมิตราคมสูง 5 ชั้น, สระว่ายน้ำ และอาคารสูง 3-4 ชั้น
  • ทิศตะวันตก ติดกับ อาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Big C ~ 230 ม.
  • Foodland ~ 1.2 ม.
  • สนามกอล์ฟทหารบก ~ 1.5 ม.
  • เซ็นทรัลรามอินทรา ~ 1.8 ม.
  • มหาวิทยาลัยเกริก ~ 2.2 ม.
  • โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล ~ 4.3 ม.
  • ตลาดยิ่งเจริญ ~ 5.3 ม.
  • มหาวิทยาลัยศรีปทุม ~ 6.4 ม.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 6.9 ม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Premio Fresco เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 266 ยูนิต จัดวางอาคารทั้ง 3 ล้อมพื้นที่ส่วนกลางของโครงการไว้ ตัวอาคารใช้โทนสีเทาเป็นหลักในการตกแต่ง แม้ไม่ดูหวือหวาแต่ก็เป็นดีไซน์ที่ไม่ล้าสมัย ชั้น 1 ของอาคารจัดเป็นพื้นที่จอดรถและ Lobby ที่แยกเป็นของแต่ละอาคารเลย แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ ลูกบ้านแต่ละตึกก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น พื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 3 จัดเป็น Facilities ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และ สวนหย่อม นอกจากนี้ก็จะมีสวนบนชั้นดาดฟ้าอาคาร A ส่วนของห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 2-8 จากหน้าโครงการจะมีประตูทางเข้า-ออกรถยนต์แยกกันชัดเจน ส่วนคนเดินจะมีทางเท้าฝั่งขวาให้เดินเข้าออกได้ ต่อไปจะพาเข้าไปชมรายละเอียดในโครงการกันนะคะ

เริ่มกันที่ผังชั้น 1 กันค่ะ โครงการ Premio Fresco มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวคือทางถนนรามอินทรา ที่ดินด้านหน้าโครงการที่ติดถนนมีความยาวประมาณ 40 ม. จะเห็นว่ามีด้านที่ติดถนนค่อนข้างยาวจึงเป็นโครงการที่จะสังเกตเห็นได้ง่าย ส่วนด้านลึกที่สุดมีความยาวประมาณ 90 ม. ทำให้มีเนื้อที่โครงการเกือบ 3 ไร่ จึงสร้างได้ 3 อาคาร ซึ่งความสูงทั้ง 3 อาคารนั้นเท่ากันที่ 8 ชั้น

ชั้น 1 ของอาคารพักอาศัยไม่มีห้องพักอาศัยนะคะ จะเป็นพื้นที่ของลานจอดรถ เส้นทางเดินรถในอาคารเมื่อขับเข้ามาด้านในพื้นที่โครงการ จะเป็นเส้นทางเดินรถแบบทางเดียว วนไปทางซ้าย สามารถขับวนรอบได้ในโครงการ ส่วนทางเข้าออกอาคารแต่ละอาคารมีทางเข้าออกอาคารละจุดนะคะ โดยแขกของลูกบ้านสามารถเข้าไปนั่งรอใน Lobby ได้ แต่ไม่สามารถเข้า Lift Lobby ได้ เพราะต้องใช้ Key Card เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านนะคะ สรุประบบความปลอดภัยของทางเข้าโครงการจะต้องใช้ Key Card ใน 2 ส่วน คือ

  • ประตูทางเข้าอาคาร—>ไม่ใช้ Key Card แขกของลูกบ้านสามารถเข้ามานั่งรอบริเวณ Lobby ได้
  • ประตูทางเข้า Lift Lobby —> ต้องใช้ Key Card ทำให้มีเฉพาะผู้อยู่อาศัยเท่านั้นที่สามารถขึ้นห้องพักอาศัยได้

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะมีทางเข้าจาก Lift Lobby อีกทีหนึ่ง ซึ่งส่วนกลางในชั้นนี้ประกอบด้วย สระว่ายน้ำขนาด 12 x 6 ม., ห้อง Fitness ที่ชั้น 2 ของอาคาร Clubhouse, มีห้องน้ำแยกชายหญิง และมีทางเดินบรรยากาศสวนที่เชื่อมแต่ละอาคารเข้ากับพื้นที่ของ Facilities ส่วนกลางค่ะ

ด้านหน้าทางเข้าโครงการจะมีป้อมยามสำหรับผู้มาติดต่อแลกบัตรเข้า-ออก โดยจะมี รปภ. ประจำอยู่ตลอด ประตูทางเข้าจะอยู่ตรงบริเวณป้อมยามเป็นไม้กระดกกั้นไว้ สำหรับลูกบ้านจะมี Keycard ให้ใช้แสกนผ่านเข้าออก ตรงทางเข้านี้จะมีกล้อง CCTV ติดไว้เพื่อเสริมความปลอดภัยให้มากขึ้นค่ะ

ผ่านเข้ามาด้านในจะจัดช่องจอดรถและทางเดินรถรอบโครงการไว้ด้านหน้าแล้วผลักตัวอาคารไปไว้ด้านใน ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยจากพื้นที่ริมถนนใหญ่ได้ ทางวนรถเป็นทาง One-Way วนซ้ายเชื่อมที่จอดรถใต้ตึกทั้ง 3 อาคารถึงกัน ไม่ว่าจะอยู่อาคาร A, B หรือ C จะต้องวนรถขาเข้าผ่านอาคาร C และออกทางอาคาร A ค่ะ

นอกจากที่จอดรถใต้อาคารแล้วก็จะมีที่จอดรถด้านนอกอาคาร ซึ่งจะมีประตูทางเข้าอาคารที่ทำให้เดินเข้าจากที่จอดรถได้สะดวก

เข้ามาสู่ทางเดินรถใต้อาคาร C จะมีที่จอดรถในร่มตลอดแนวทั้ง 2 ฝั่งและมีทางเชื่อมเข้าสู่ Lobby ของอาคารต่างๆ เราจึงสามารถเดินไปขึ้นรถได้สะดวก ที่จอดฝั่งขวาจะไม่โดนแดดโดนฝนเลย ส่วนที่จอดฝั่งซ้าย ตัวรถบางส่วนจะอยู่นอกอาคารนะคะ จากมุมนี้จะเห็นทางเข้าอาคาร C อยู่ทางขวา

ทางเข้า Lobby อาคาร จะต้องใช้ Keycard ผ่านเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ด้านหน้ามีป้ายบอกชื่อแต่ละอาคารไว้เรียบร้อย

ช่องจอดรถมีความกว้างที่ได้ขนาดมาตรฐาน ส่วนพื้นที่บริเวณริมรั้วทางโครงการจัดไว้เป็นแนวไม้พุ่มรอบโครงการ ทำให้บรรยากาศภายในดูร่มรื่น

ตามทางวนรถมาเรื่อยๆ จะมีทางเชื่อมไปยังอาคาร B

จะผ่านทางเข้า Lobby อาคาร B ทางฝั่งขวา เราก็ตามทางเดินรถไปเรื่อยๆ นะคะ

ระหว่างอาคาร A และ B จะมีช่องว่างระหว่างอาคาร ที่เป็นระยะ Setback ตามกฎหมาย สังเกตุการออกแบบอาคารจะไม่ออกแบบให้ช่องหน้าต่างอยู่ตรงกันในระยะประชิด เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวในแต่ละห้องพักอาศัย

ตาทางเดินรถมาเรื่อยๆ ก็จะผ่านทางเข้า Lobby อาคาร A ทางฝั่งขวา

ติดกับ Looby อาคาร A จะมีทางแยกเป็นทางเดินรถออกด้านนอกโครงการ และอีกทางหนึ่งเป็นทางตรงไปที่ลานจอดรถนอกอาคารอีกตำแหน่งหนึ่ง

บรรยากาศบริเวณที่จอดรถนอกอาคารที่ติดกับอาคาร A ดูมีความร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่และไม้พุ่มตามแนวรั้วของโครงการ

ต่อไปจะพาเข้าไปชมภายในอาคารกัน โดย Lobby ของแต่ละอาคารจะถูกตกแต่งในดีไซน์เดียวกัน จึงจะพาไปชมบรรยากาศเฉพาะ Lobby ของอาคาร A นะคะ

เข้ามาด้านในอาคารจะเจอกับ Lobby มีบรรยากาศโปร่งโล่งด้วยแสงธรรมชาติที่ผ่านผนังกระจกเข้ามา ภายในจัดชุดโซฟา และมุมนั่งเล่น เผื่อลูกบ้านมีแขกมาหาก็สามารถนั่งรอบริเวณนี้ได้

ภายใน Lobby จะมีประตูผ่านเข้าไป Lift Lobby อีกทีหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ Key Card ในการผ่านเข้าไปนะคะ

เข้ามาใน Lift Lobby จะมีประตูเปิดเข้าสู่พื้นที่ส่วนกลางของโครงการอีกทีหนึ่งค่ะ

เดินผ่านประตูออกมาก็เข้าสู่ Facilities ส่วนกลางกันเลย เป็นพื้นที่ที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 3 อาคาร ทำให้ได้ร่มเงาจากอาคารทั้ง 3 ที่ช่วยบังอยู่ตลอดทั้งวัน ยกเว้นตอนเที่ยงที่แสงแดดจะลงมาตรงๆ ก็จะร้อนหน่อย ซึ่งทางโครงการก็ออกแบบพื้นที่บริเวณนี้ไว้ให้มีความร่มรื่น สบายตาด้วยไม้พุ่มและไม้ใหญ่

ห้อง Fitness จะอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร Clubhouse ต้องขึ้นบันไดนี้ไป ส่วนชั้นล่างจะมีห้องน้ำแยกห้องชายหญิงไว้เรียบร้อย

พาเข้ามาดูบรรยากาศภายในห้องน้ำหญิงจะมีอ่างล้างมือ ถัดเข้าไปด้านในมีห้องสุขาค่ะ

ห้องสุขามีขนาดพอใช้งานได้ ผนังด้านหลังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่นค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้นบนจะมีทางเข้าห้อง Fitness อยู่ทางขวา

ลักษณะเป็นผนังกระจก 2 ด้าน จึงช่วยเปิดมุมมองได้กว้าง เครื่องออกกำลังกายภายใน Fitness ประกอบด้วยเครื่องออกกำลังกาย 5 เครื่อง

เวลาออกกำลังกายก็ชมวิวด้านนอกไปได้ จากเครื่องเล่นบางส่วนจะได้วิวจากห้อง Fitness ที่เห็นสระว่ายน้ำได้พอดี ด้านในมีระเบียงให้ออกไปเดินรับลม ชมวิวได้

จากระเบียงชั้น 2 สามารถมายืนชมวิวสระว่ายน้ำได้ ก็จะได้วิวประมาณนี้ การวางตำแหน่งสระว่ายน้ำตรงกลางอาคารมีข้อดีที่อาคารทั้ง 3 ฝั่งจะช่วยบังแดดให้กับสระว่ายน้ำ และห้องพักทุกห้องที่หันเข้าด้านในอาคารยังได้วิวสระน้ำด้วย

สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือมีขนาด 12 x 6 เมตร ลึก 1.2 เมตร บรรยากาศโดยรอบจะถูกล้อมด้วยไม้ใหญ่และไม้พุ่ม เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวเวลามาว่ายน้ำ

ปลายสุดของสระฝั่งที่ใกล้กับอาคาร B และ C จะมีทางเดินเล็กๆ ในสวน

ทางเดินนี้เป็นทางเดินในสวนที่เชื่อมกับ Lobby อาคาร B และ C

สำหรับพื้นที่นั่งเล่นริมสระว่ายน้ำจะมี Day Bed ให้นั่งเล่นชิวๆ ได้ โดยจะได้ร่มเงาจากชายคห้อง Fitness ค่ะ

เวลานอนบน Day Bed ก็จะได้วิวสระประมาณนี้

ในส่วนของห้องพักวิวสระ ถ้าชอบวิวสระว่ายน้ำในระยะใกล้ๆ ก็เลือกห้องวิวสระที่ชั้น 2,3 นะคะ แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันที่ความ Private ในห้องจะลดลงและอาจจะได้ยินเสียงของผู้มาใช้สระว่ายน้ำดังเข้ามาในห้องอยู่บ้างค่ะ

กลับเข้ามาใน Lift Lobby ของอาคาร A ก็จะพาไปชมชั้นอื่นๆ กันต่อ ..บริเวณข้างลิฟท์จะมีช่อง Mail Box ของแต่ละห้องเรียงไว้แบบนี้ ก่อนขึ้นลิฟท์ก็สามารถแวะหยิบจดหมายได้สะดวก

แต่ละอาคารจะมีลิฟท์ให้ 2 ตัว มีอัตราส่วนลิฟท์ที่ใช้แชร์กันสบายๆ เลย โดยตึก A มีอัตราส่วนอยู่ที่ 39 : 1 ซึ่งเป็นตึกที่มีจำนวนห้องลูกบ้านน้อยที่สุด แต่ไม่ได้มีแยก Service Lift นะคะ จะใช้ร่วมกันกับลิฟท์โดยสารเลยค่ะ

วัสดุลิฟท์เป็นสแตนเลส ภายในกรุกระจกไว้ช่วยให้ลิฟท์ดูกว้าง ไม่อึดอัดและติดไฟไว้สว่างดีทีเดียว

ปุ่มกดภายในลิฟท์จะใช้คู่กับ Key Card นะคะ โดยลิฟท์จะถูกล๊อกชั้นให้ใช้ได้เฉพาะชั้นที่พักอาศัยและชั้นที่มี Facilities ส่วนกลางเท่านั้นค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งชั้นเลย การวางตัวของตึกทั้ง 3 จะหันหน้าเข้าหากัน ล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ เป็นตัว U การจัดวางห้องพักก็วางไปตามรูปตึก ในลักษณะแบบ Double Corridor ทำให้มีห้องพักที่หันออกด้านนอกอาคารทั้ง 4 ทิศทางและห้องพักที่หันเข้าด้านใน ซึ่งจะได้วิวของสระว่ายน้ำและพื้นที่สวนส่วนกลาง โถงลิฟท์ของแต่ละอาคารจะอยู่บริเวณกลางอาคาร ยกเว้นอาคาร A ที่จะค่อนๆ ไปด้านหน้าของอาคารหน่อย แต่เนื่องจากแต่ละตึกมีขนาดไม่ใหญ่จึงทำให้มีระยะจากโถงลิฟท์ถึงห้องพักแต่ละห้องไม่ไกลนะคะ

สำหรับคอนโด Low Rise จะไม่ได้เน้นเรื่องวิวสักเท่าไหร่ แต่จะอธิบายให้พอทราบว่า ห้องที่หันออกนอกอาคารที่ได้วิวดีจะเป็นห้องทางฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งพอพ้นชั้น 3 ขึ้นไปก็จะเริ่มโล่งแล้ว ส่วนห้องทางทิศใต้บางส่วนจะโดนบล๊อกวิวด้วยอาคารที่อยู่ติดกัน ทางทิศนี้แนะนำให้เลือกห้องตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปถึงจะเริ่มโล่งทั้งหมดค่ะ ส่วนห้องทางทิศตะวันตกแนะนำเป็นห้องตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป แต่ก็เป็นทิศที่ได้แดดในตอนบ่าย จะร้อนกว่าห้องในทิศอื่นๆ สักหน่อยนะคะ

ขึ้นมาที่โถงลิฟท์ของชั้นพักอาศัย ดูโปร่งด้วยหน้าต่างบานใหญ่

ทางเดินบนชั้นพักอาศัยมีความกว้างพอสมควร ไม่อึดอัด

ขึ้นมาที่ชั้น 9  ของอาคาร A เป็นอีกชั้นที่มี Facilities ส่วนกลางคือสวนบนชั้นดาดฟ้าค่ะ

สวนบนชั้นนี้จะเน้นเป็นที่นั่งรับลม เปลี่ยนบรรยากาศ เพราะอยู่ที่ชั้นบนสุดของโครงการ แต่ช่วงกลางวันแดดจะร้อนสักนิดหนึ่ง น่าจะต้องขึ้นมารับลมตอนเย็นๆแทนค่ะ

มีบางส่วนที่ออกแบบมาให้เป็นม้านั่ง เตรียมไว้นั่งพักผ่อน รับลม ได้

การมีดาดฟ้ามีข้อดีที่ทำให้ห้องพักอาศัยบนชั้น 8 ไม่ได้รับแดดจากหลังคาโดยตรงเพราะมีดาดฟ้าคลุมไว้อีกชั้นหนึ่งนะคะ ส่วนนี้เป็นข้อดีของอาคาร A ที่อาคาร B และ C ไม่มีนะคะ

วิวของห้องพัที่หันเข้าด้านในอาคารก็จะได้บรรยากาศประมาณนี้ ไม่โล่ง แต่ก็ไม่อึดอัดเท่าไหร่ เพราะมีระยะห่างระหว่างตึกพอสมควร

ข้อดีของห้องที่หันเข้าในโครงการก็จะได้วิวสระแบบนี้ ซึ่งเป็นการการันตีวิวว่าจะได้วิวแบบนี้ตลอดไป ต่างจากห้องที่หันออกนอกโครงการที่ต้องลุ้นกันว่าในอนาคตจะมีอาคารใหม่ๆ เกิดขึ้นมารึเปล่านะคะ

 

ต่อไปจะพาชมวิวแต่ละทิศที่หันออกด้านนอกโครงการกันบ้าง ห้องที่หันออกทางทิศเหนือ จะเป็นห้องที่ได้วิวโล่งๆ ของถนนรามอินทรา

ส่วนทางทิศตะวันออกจะเป็นวิวบ้านพักอาศัย ของหมู่บ้านลดาวัลย์ ด้านนี้นับเป็นทิศที่ได้วิวดีที่สุดในโครงการค่ะ

ส่วนทางทิศใต้ มีห้องบางส่วนที่จะอยู่ติดกับอาคารของบริษัทมิตราคม สูง 5 ชั้น ถ้าจะเลือกห้องพักทิศนี้ก็ดูให้พ้นความสูงของอาคารนี้ไปสักหน่อยค่ะ

วิวของทิศใต้อีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับสระว่ายน้ำ และอาคาร 3-4 ชั้น

ส่วนทางทิศตะวันตกจะติดกับอาคารพาณิชย์ในซอยรามอินทรา 4/1 ที่สูง 3-4 ชั้น จึงแนะนำให้เลือกห้องตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปนะคะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6 x 12 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 เครื่อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 44 :  1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 39 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 46 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก C 49 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 105 คันคิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 45%
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

ห้องพักอาศัยของโครงการนี้มีห้องให้เลือกหลายขนาด โดยมีห้องให้เลือกตั้งแต่ Studio 26 ตร.ม. – 2 Bedrooms 45 ตร.ม. รูปแบบการขายของโครงการเป็นแบบ Fully Furnished แต่งครบ โดยจะได้

  • เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและ Built-in
  • Pantry พร้อม Hob & Hood
  • เครื่องปรับอากาศ
  • ชุดสุขภัณฑ์ทั้งหมด

ห้อง Studio ขนาด 26-29 ตารางเมตร แปลนห้องแบบนี้จัดเป็นห้องแบบสตูดิโอที่ลงตัวเลยนะคะ เพราะจะแยกส่วนของห้องครัวไว้เป็นครัวปิดเรียบร้อย ช่วยกันกลิ่นและควันจากการทำอาหารหนักๆ ไม่ให้เข้ามารบกวนในพื้นที่นั่งเล่นได้ ในส่วนของพื้นที่ Common Area มีขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันให้อยู่กันได้ 1-2 คนแบบไม่อึดอัด ซึ่งการจัดพื้นที่แบบนี้จะทำให้ทุกส่วนของห้องได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างเต็มๆ ยกเว้นห้องน้ำที่อยู่ด้านในอาคาร ที่ต้องพึ่งระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ

เริ่มจากประตูหน้าห้อง ส่วนโถงทางเดินด้านนอกประตูหน้าห้องได้บานไม้สังเคราะห์ พร้อมมือจับแบบก้านโยก

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะได้ความรู้สึกของห้องที่ค่อนข้างกว้าง ไม่อึดอัด เพราะเป็นแบบห้อง Studio จึงสามารถมองเลยเข้าไปเห็นพื้นที่ด้านในสุดถึงเตียงนอน และได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างบานใหญ่ที่ส่องเข้ามาได้ทั่วห้อง ระดับฝ้าเพดานในห้องตัวอย่างจะสูงกว่าห้องจริงเล็กน้อยนะคะ โดยห้องจริงฝ้าจะสูง 2.45 เมตร พื้นเป็นลามิเนต ห้องขายแบบ Fully Furnished ก็จะได้ Furniture สเปคเหมือนในห้องตามแบบที่เห็นนี้เกือบทุกชิ้นเลย ซ้ายมือจะมีทางเข้าไปห้องครัวและห้องน้ำค่ะ

ภายในโซนนั่งเล่นมีพื้นที่ให้ได้ทั้งนั่งเล่นและทานข้าว การออกแบบจะเว้นพื้นที่หน้าโซฟาไว้เยอะ ทำให้สามารถนำโต๊ะญี่ปุ่นมานั่งเขียนหนังสือบริเวณนี้ได้ ระยะดูทีวีจากโซฟาถึงทีวีค่อนข้างกว้างทีเดียว มีระยะประมาณ 2.4 ม. มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 55 ”

โซฟาที่ได้เป็นโซฟาผ้าหน้าตาแบบนี้ ขนาด 2 ที่นั่ง ส่วนผนังรอบห้องจะได้เป็นฉาบเรียบทาสีขาว ไม่ได้ติด Wallpaper มาให้ แต่ถ้าจะตกแต่งเองแนะนำว่าถ้าใช้กระจกแต่งผนังเพิ่มด้วย จะทำให้ห้องดูกว้าง น่าใช้งานมากขึ้นอีกนะคะ

ชั้นวางทีวีจะ Built-in มาเหมือนห้องตัวอย่างเลย คือได้ตู้เก็บของด้านล่างและตู้ลอยด้านบน พื้นที่สำหรับวางชั้นทีวีมีไม่กว้างมาก ถ้าติดทีวีแบบแขวนผนังเหมือนในห้องตัวอย่าง จะทำให้เหลือพื้นที่บนตู้ให้ใช้วางของได้อีก

โต๊ะทานข้าวที่ให้มามีขนาดนั่งทานได้ 2 คนและมีพื้นที่วางกับข้าวได้อีกหน่อย ลองเลื่อนเก้าอี้ออกดู ก็พอเหลือพื้นที่ให้เดินเข้าไปนั่งได้สะดวกค่ะ

ด้านในสุดของห้องเป็นตำแหน่งสำหรับวางเตียงนอน ซึ่งก็มีพื้นที่กว้างพอให้วางเตียงใหญ่ และมี Built-in ตู้เสื้อผ้าให้ด้วยค่ะ

โครงการจะให้เตียงขนาด 5 ฟุต มาให้แบบนี้เลย พอวางเตียงแล้วก็ยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ

ติดกับเตียงจะมีหน้าต่างบานใหญ่ จึงเป็นช่องเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาด้านในห้องได้มาก และทำให้สามารถนอนชมวิวได้จากบนเตียงเลย โดยหน้าต่างจะเป็นบาน Fix ผสมบานกระทุ้งจึงสามารถเปิดระบายอากาศภายในห้องได้อีกด้วย

นอกจากนี้จะมีโต๊ะหัวเตียงให้ฝั่งหนึ่ง เป็นโต๊ะที่มีลิ้นชักสำหรับเก็บของได้

ปลายเตียงจะมีตู้เสื้อผ้าที่ Built-in ไว้ให้เรียบร้อยด้วยวัสดุเหมือนห้องตัวอย่าง ตู้เสื้อผ้าเป็นบานเปิดปิดแบบ 3 ตอน ลองเปิดดูก็ไม่ติดฐานเตียงนะคะ เหลือพื้นที่ให้ยืนเลือกเสื้อผ้าได้อีกหน่อย ภายในแบบช่องไว้แขวนเสื้อผ้าได้ทั้งแบบตัวสั้นตัวยาว และมีตู้ลิ้นชักด้วย ด้านในมีช่องโล่งไว้ใส่เครื่องนอนหรือกระเป๋าเดินทางได้ด้วย

มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ติดมากับบานประตูเลย ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดค่ะ

พื้นที่ปลายเตียงข้างตู้เสื้อผ้า มีพื้นที่เหลืออยู่ จะ Built-in เป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะเขียนหนังสือก็ดูลงตัวดี ถัดไปเป็นห้องครัวก ซึ่งข้อดีคือได้เป็นครัวปิดแยกออกจากพื้นที่พักผ่อนของห้องเลยค่ะ

ห้องครัว จะถูกกั้นแยกกับส่วนนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบใส ช่วยกันกลิ่นและควันจากการประกอบอาหารเข้ามาในห้องนั่งเล่นได้

พื้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัวจะมีการจบขอบด้วยตัวจบไม้ลามิเนต ก็ช่วยกันไม่ให้ฝุ่นสกปรก หรือน้ำจากห้องครัวเข้ามาในพื้นที่นั่งเล่นได้ แต่ก็ต้องระวังหน่อยเพราะลามิเนตจะไม่ทนน้ำเท่าไหร่นะคะ

การจัดวางพื้นที่ภายในห้องครัว จะวางเคาน์เตอร์ครัวไว้ติดกำแพงด้านหนึ่ง ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ทางเดินและใช้ยืนประกอบอาหาร กว้างประมาณ 1 ม. ค่ะ

เคาน์เตอร์ครัวจะได้มาเหมือนในห้องตัวอย่างเลยนะคะ คือจะได้ทั้งเคาน์เตอร์ล่างและตู้ลอยชั้นบน และให้อุปกรณ์ครัวมาครบแบบที่เห็นนี้

เคาน์เตอร์ครัว Built-in วัสดุเป็นโครงไม้กรุลามิเนต Top เป็นไม้สังเคราะห์ ตัวตู้มีลิ้นชักสำหรับใส่ช้อนส้อม และจานชามได้ อีกตู้หนึ่งเป็นตู้บานเปิดปิดใต้อ่างล้างจาน ไว้ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆ ได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ

มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ขอบด้านบนถูกเฉือนเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ

พื้นที่บนเคาน์เตอร์โดยรวมจัดมาแบบ 2 เคาน์เตอร์ ฝั่งหนึ่งเป็นเตาไฟฟ้า อีกฝั่งหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน ทำให้มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องปรุง ส่วนผสมได้อีกเล็กน้อยเท่านั้น ส่วน Backsplash ด้านหลังเคาน์เตอร์ แนะนำให้ติดกระเบื้องเพิ่มจะช่วยให้เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ

เตาไฟฟ้าที่ให้มาเป็นเตาแบบขดลวดของ Mex ซึ่งค่อนข้างจะกินไฟมาก การให้ความร้อนค่อนข้างช้า มีข้อแนะนำเวลาใช้คือให้ดับไฟตอนใกล้ๆจะทำอาหารเสร็จเพื่อประหยัดไฟ เพราะความร้อนจะยังคงอยู่กับเตาอีกนาน แล้วเมื่อทำอาหารเสร็จก็ระวังมือไปโดนด้วยนะคะ ถ้ากลัวเปลืองไฟให้ใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแทนซึ่งกินไฟน้อยกว่าแต่ก็มีราคาเตาที่แพงกว่าค่ะ ให้มาเป็น Set พร้อมพัดลมดูดควัน ซึ่งเป็นระบบหมุนเวียนภายในห้องไม่ได้ต่อท่อออกไปด้านนอกนะคะ

ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจาน 1 หลุมของ Franke มีขนาดพอจะวางกระทะลงไปได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้ช่องโล่งและตู้บานเปิด มีพื้นที่ให้เก็บของได้อีกนิดหน่อย

ติดกับห้องครัวเป็นประตูบานเลื่อนเปิดออกไประเบียง ซึ่งเป็นตำแหน่งสำหรับวางเครื่องซักผ้าและวางคอมเพรสเซอร์แอร์แบบแขวน สังเกตุตัวล็อกประตูให้มาเยอะดีนะคะ คือมีแบบที่ฝังกับบานประตู และมีตัวล็อกแบบก้นหอยเพิ่มให้อีก 2 ตัว

รางประตูถูกออกแบบให้อยู่ระดับเดียวกับพื้นเลย เวลาเดินผ่านเข้าออกจึงไม่ต้องกลัวสะดุด แต่ก็ต้องระวังเรื่องน้ำฝนที่อาจจะสาดเข้ามายังระเบียง และไหลเข้าสู่ห้องพักได้

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1 x 1.4 ม. เป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าและจะเหลือพื้นที่สำหรับวางราวตากผ้าได้อีกหน่อย พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคจึงช่วยกันลื่นได้ดีกว่ากระเบื้องแกรนิตโต้ทั่วไปนะคะ

อีกฝั่งหนึ่งของห้องครัวจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ โดยด้านหน้าห้องน้ำจะมีพื้นที่โล่งๆ ข้างเคาน์เตอร์ไว้ให้สำหรับวางตู้เย็น ก็จะวางตู้เย็นได้ที่ขนาดประมาณ 76 x 60 ซม. ตามห้องตัวอย่างนะคะ

ภายในห้องน้ำมีการจัดสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าและติดกระจกไว้เรียบร้อย พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ซึ่งจะช่วยเรื่องกันลื่นภายในห้องน้ำได้เช่นเดียวกับที่ระเบียงนะคะ

พื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำไม่กว้างนัก แต่มีการแบ่งฟังก์ชันให้ใช้งานได้สะดวก โดยพื้นที่อาบน้ำจะถูกลดระดับพื้นที่เพื่อแยกออกจากพื้นที่ส่วนแห้งไว้เรียบร้อย

อ่างล้างหน้ามีขนาดกระทัดรัด แต่มีพื้นที่รอบอ่างล้างหน้าให้วางของใช้ เช่น แปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า ได้นิดหน่อย

ใต้อ่างล้างหน้าจะมีตู้ Built-In เป็นตู้บานเปิดปิด ให้เก็บของใช้ได้อีกหน่อย แต่ก็ต้องเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมบำรุงก๊อกน้ำด้วยนะคะ

สุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นของ American Standard มาพร้อมอุปกรณ์ประกอบครบเซ็ทนะคะ ได้แก่ แกนใส่กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำและที่ฉีดน้ำเป็นแบบมาตรฐานทั่วไป มีพื้นที่ระหว่างสุขภัณฑ์กับกำแพงให้นั่งได้ไม่อึดอัดค่ะ

สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะลดระดับลงจากพื้นที่ส่วนแห้งนิดหน่อย แนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มอีกนิดเพื่อไม่ให้เปียกไปทั่วห้อง ภายในพื้นที่อาบน้ำจะติดชุดฝักบัวไว้ให้เรียบร้อย

ฝักบัวได้ของ American Standard ขนาดถือได้ถนัดมือดี

พื้นที่อาบน้ำ มีขนาดกว้างยาว 1.5 x 0.8 ม. เป็นขนาดมาตรฐานของคอนโดสมัยนี้ ก็พอจะยืนอาบน้ำและหมุนตัวได้เล็กน้อย

ดูระดับพื้นของห้องน้ำจะลดลงจากพื้นของครัวมาพอสมควร เพื่อไม่ให้น้ำไหลออกไปห้องครัวได้ แล้วจึงมีการลดระดับพื้นในส่วนอาบน้ำอีกทีหนึ่งแต่ลดเพียงเล็กน้อย จึงแนะนำว่าควรจะทำฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มนะคะ

ห้องตัวอย่างอีกแบบหนึ่งจะมีขนาด 33 ตร.ม. โดยรวมจะคล้ายกับห้องแบบแรกเลยนะคะ จะมีส่วนที่ต่างกันเล็กน้อยตรงพื้นที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น จึงสามารถกั้นห้องนอนแยกจากห้องนั่งเล่นได้เป็นสัดส่วน ภายในห้องนอนจะมีหน้าต่างบานใหญ่ขึ้น ได้ส่วนของ Bay Window ข้างเตียงเพิ่มขึ้นมา ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นค่ะ

เข้ามาด้านในห้องส่วนแรกที่เจอจะเป็นห้องนั่งเล่น ติดกันด้านในเป็นประตูกระจกบานเลื่อนกั้นพื้นที่ห้องนอนไว้ ทางขวาเป็นห้องครัวและห้องน้ำเหมือนแบบห้องแรกเลยนะคะ

ภายในห้องนั่งเล่นก็จะได้ชุดเฟอร์นิเจอร์เหมือนในห้องตัวอย่าง ซึ่งก็จะได้เหมือนๆ กับห้องแรกแต่จะต่างกันที่ขนาด อย่างเช่นชั้นวางทีวีก็จะได้เป็นชั้นใหญ่ขึ้น เก็บของได้มากขึ้น และห้อง Type นี้จะให้โต๊ะกลางเพิ่มมาอีก 1 ตัวค่ะ

โต๊ะอาหารมีตำแหน่งอยู่มุมห้องติดกับชุดโซฟา จะวางแบบเข้ามุมแบบนี้หรือจะวางเป็นแนวยาวหน้าประตูห้องนอนก็ได้ จะได้ดูทีวีสะดวกขึ้นค่ะ

ติดกันกับห้องนั่งเล่นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ที่กั้นห้องนั่งเล่นกับห้องนอนไว้ พอใช้วัสดุเป็นกระจกก็ทำให้ห้องดูไม่อึดอัด แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวในห้องนอนก็แนะนำว่าติดม่านเพิ่มเอาได้ เผื่ออยู่กัน 2 คน อีกคนจะนอน อีกคนจะดูทีวีในห้องรับแขก แสงจะได้ไม่เข้าไปในห้องนอนนะคะ

พอเป็นประตูเปิดแบบ 3 ตอน ก็ทำให้มีพื้นที่สำหรับเดินเข้าออกได้กว้างเลยสะดวกกว่าประตูแบบ 2 ตอนมากนะคะ ส่วนรางเลื่อนที่พื้นจะฝังลงไปกับพื้นแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องกลัวสะดุด

ภายในห้องนอนจะ Built-in เตียงนอน โต๊ะหัวเตียง และตู้เสื้อผ้าไว้ให้ เฟอร์ฯ ก็จะได้แบบและวัสดุเหมือนกับห้องแรกนะคะ

โครงการจะแถมเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ ซึ่งจริงๆ วางเตียงขนาด 6 ฟุต ก็ยังเหลือพื้นที่รอบเตียงให้เดินขึ้นเตียงได้สะดวก มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง หรือถ้าใครอยากวางโต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้ง แนะนำให้ใช้เตียงขนาด 5 ฟุต จะได้วางโต๊ะขนาดใหญ่ๆ หน่อยได้

หน้าต่างของห้องนี้ได้เป็นหน้าต่างแบบ Bay Window ช่วยเปิดมุมมองวิวได้กว้างขึ้น ซึ่งเป็นบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศได้

ส่วนพื้นที่ปลายเตียงจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ สเปคเหมือนในห้องแบบแรกเลย ถ้าใครอยากติดทีวีในห้องนอนก็มีพื้นที่ผนังให้แขวนทีวีได้ แต่จะเยื้องๆ กับเตียงสักหน่อย หรือจะจัดให้เป็นตำแหน่งของโต๊ะเครื่องแป้งก็ลงตัวดีค่ะ

ต่อไปเป็นห้องครัว จะถูกกั้นแยกกับส่วนนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้พื้นที่ครัวได้เป็นครัวปิด ช่วยกันกลิ่นและควันจากการประกอบอาหารเข้ามาในห้องนั่งเล่นได้

ภายในห้องครัวมีพื้นที่พอๆ กับห้องครัวในแบบแรก และจะได้เคาน์เตอร์ครัว พร้อมอุปกรณ์สเปคเดียวกันกับแบบเดียวกับห้องแรกเลย

พื้นที่ระเบียงของแบบนี้ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยกว้างพอๆ กับแบบแรก

อีกฝั่งหนึ่งของห้องครัวจะเป็นห้องน้ำ ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้

พื้นที่ภายในห้องน้ำก็จะมีขนาดเท่ากับห้องแรก ภายในจัดสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าและติดกระจกไว้เรียบร้อยตามอย่างในห้องตัวอย่างเลย

พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องสีเซรามิก ซึ่งจะช่วยเรื่องกันลื่นภายในห้องน้ำ พื้นด้านในที่เป็นพื้นที่อาบน้ำจะลดระดับลงเล็กน้อย แนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มอีกนิดนะคะ

โดยขนาดพื้นที่อาบน้ำของห้อง Type นี้จะมีขนาดกะทัดรัดหน่อย ประมาณ 1 x 0.8 ม.

ปลั๊กไฟและสวิตซ์ไฟของโครงการจะได้ของ Bticino นะคะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 November 2017

อาคาร A

  • Studio เนื้อที่ 27.25 ตร.ม. ราคา 1.99 ล้านบาท หรือ 73,028 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom เนื้อที่ 37.68 ตร.ม. ราคา 2.844 ล้านบาท หรือ 75,478 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom เนื้อที่ 43.58 ตร.ม. ราคา 3.64 ล้านบาท หรือ 83,525 บาท/ตร.ม.

อาคาร B

  • Studio เนื้อที่ 27.25 ตร.ม. ราคา 1.99 ล้านบาท หรือ 73,028 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom เนื้อที่ 35.41 ตร.ม. ราคา 2.97 ล้านบาท หรือ 83,875 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom เนื้อที่ 44.36 ตร.ม. ราคา 3.625 ล้านบาท หรือ 81,718 บาท/ตร.ม.

อาคาร C

  • Studio เนื้อที่ 27.61 ตร.ม. ราคา 1.89 ล้านบาท หรือ 68,453 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom เนื้อที่ 33.92 ตร.ม. ราคา 2.82 ล้านบาท หรือ 83,137 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom เนื้อที่ 44.27 ตร.ม. ราคา 3.7 ล้านบาท หรือ 83,578 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 5,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน
  • โปรโมชั่น ณ วันทำรีวิว : ส่วนลดกว่า 600,000 บาท และฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอน (ยกเว้นค่าจดจำนอง)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Premio Fresco เป็นคอนโดติดถนนใหญ่ที่มีราคาเริ่มต้นล้านปลายๆ สามารถเดินทางได้สะดวกทั้งการใช้รถส่วนตัวและรถสาธารณะ ตัวโครงการตั้งอยู่ในย่านรามอินทราตอนต้นซึ่งเป็นทำเลที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินได้ ทั้ง Big C, ตลาดรามอินทรา กม. 2 และคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง The Jas รามอินทรา หรือถ้าต่อรถไปอีกหน่อยก็จะมี Central รามอินทราที่อยู่ไม่ไกลให้เดินช้ปปิ้งกันได้ ในอนาคตทำเลนี้จะมีการเจริญเติบโตอีก เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากวงเวียนหลักสี่ที่ในอนาคตอันใกล้จะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นสายหลักตัดผ่านให้เข้าเมืองได้สะดวก แถมยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูตัดผ่านถนนรามอินทราอีกด้วย ซึ่งต่อไปราคาที่อยู่อาศัยแถบนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแปรผันตามความเจริญที่มากขึ้น

การเดินทางโดยใช้รถยนต์ จัดว่าสะดวก เน้นใช้ถนนรามอินทราเป็นหลัก และมีซอยลาดปลาเค้าที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการที่ใช้เป็นซอยลัดไปออกถนนประเสริฐมนูกิจ ถนนลาดพร้าววังหินหรือจะลัดเข้าเข้าถนนพหลโยธิน 32 ไปออกถนนพหลโยธินเพื่อเข้า-ออกเมืองก็สะดวก รวมทั้งอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์อีกด้วย โครงการมีที่จอดรถมาให้ประมาณ 105 คันคิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 45% เทียบกับโครงการโดยรอบแล้วถือว่าให้มามากกว่านิดหน่อย ไม่ต่างกันมากค่ะ

ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช่รถ แม้ปัจจุบันยังไม่มีรถไฟฟ้าเข้าถึงทำเลนี้ แต่ก็มีระบบขนส่งอื่นๆ ที่สะดวกอยู่พอตัว ทั้งพี่วินมอเตอร์ไซค์ รถเม์ รถตู้ ซึ่งป้ายรถเมล์จะอยู่ด้านหน้าโครงการเลย ทำให้มีความสะดวกสบายมาก ถ้าจะเรียกแท็กซี่ก็ง่ายเพราะโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ มีรถไปมาอยู่ตลอด แต่ในอนาคตทำเลนี้จะมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้นด้วยรถไฟฟ้าที่ตัดผ่าน ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีลาดปลาเค้า ห่างจากโครงการไปประมาณ 150 ม. (ตำแหน่งสถานีอยู่บริเวณแยกวัดลาดปลาเค้า ซึ่งระยะยังไม่แน่นอนเนื่องจากตัวสถานียังไม่ขึ้น)

การออกแบบ จากยูนิตของโครงการทั้งหมด 266 ห้อง จัดว่าเป็นโครงการที่มีลูกบ้านเยอะกว่าหลายๆ โครงการในทำเลนี้ ซึ่งทางโครงการมีการออกแบบที่ดี โดยแบ่งอาคารออกเป็น 3 ตึกและให้แต่ละตึกมี Lobby เป็นของตัวเอง จึงช่วยลดความพลุกพล่านและเพิ่มความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยในแต่ละอาคารได้ อาคารทั้ง 3 ถูกจัดวางให้หันหน้าเข้ากัน ทำให้เกิดพื้นที่ตรงกลาง ซึ่งจัดไว้เป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งสระ Fitness และสวน จึงเป็นข้อดีที่ทำให้พื้นที่ส่วนกลางกลายเป็นวิวให้กับห้องพักที่หันหน้าเข้าด้านในอาคารได้ด้วย ส่วนชั้นพักอาศัยจัดวางห้องพักตลอดแนว 2 ฝั่งของทางเดิน ในรูปแบบของ Double Corridor มีช่องแสงอยู่หลายตำแหน่งช่วยให้ทางเดินดูสว่าง มีแสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างเข้ามาได้มาก จึงดูน่าใช้งาน

สำหรับการออกแบบห้อง จากที่ดูจากห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องถือว่าจัดพื้นที่มาได้ค่อนข้างดีโดยเฉพาะห้องแบบ Studio และห้อง 1 Bedroom จะเป็นห้องหน้ากว้างที่ได้ครัวปิดแทบทุกแบบ ส่วนห้อง 2 Bedroom แม้ไม่ได้ครัวปิดแต่จะได้ตำแหน่งที่มุมอาคาร ทำให้ได้วิว 2 ฝั่ง ช่วยให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งด้วยพื้นที่ช่องแสงที่มาก ฝ้าเพดานให้มาที่ 2.45 ม. จะสูงกว่าคอนโดระดับเดียวกันในละแวกนี้อยู่สักน่อยค่ะ

วัสดุ ที่ได้ของโครงการนี้ให้มาในรูปแบบ Fully Furnished เรียกว่าแพคกระเป๋าเข้าห้องได้เลยไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม โดยรวมถือว่าให้เฟอร์นิเจอร์มามาตรฐานตามราคา แต่หน้าตาของเฟอร์ฯจะดูดีกว่าของโครงการในละแวกนี้สักหน่อยและให้ประตูบานเลื่อนมาเป็นแบบ 3 ตอนทั้งหมด ส่วนสเปคของวัสดุอุปกรณ์ในครัวและห้องน้ำก็จะได้มาตามมาตรฐาน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำมา คงจะต้องติดเพิ่มเองสักหน่อยค่ะ

สาธารณูปโภค ถือว่าให้มามาตรฐาน ได้ขนาดกะทัดรัดตามขนาดของโครงการ แต่มีครบครันทั้งสระว่ายน้ำขนาด 6 x 12 ม. และห้องฟิตเนสวางเครื่องออกกำลังกายได้ 5 เครื่อง ทั้งหมดดูแลจัดการน่าใช้งานดี แต่ถ้ามาออกกำลังกายพร้อมๆ กันหลายคนอาจจะดูแน่นๆ ไปสักหน่อย ดังนั้นโครงการจะตอบโจทย์สำหรับคนที่ไม่ซีเรียสเรื่อง Facilities ว่าจะต้องมีให้ใช้ได้สะดวกตลอดเวลา แค่มีให้ใช้ได้ สำหรับที่จอดรถถือว่าจัดมาให้ไม่มากแต่ก็อยู่ในระดับที่พอๆ กับคอนโดในละแวกนี้ ส่วนที่ดีคือลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่ออาคาร ทำให้อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการนั้นดีมากอยู่ที่ 44 : 1 เท่านั้น เรียกว่าแชร์กันใช้สบายๆ เลยค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 78,000 บาท/ตร.ม., 20 November 2017

  • ทำเล 7.75/10 – อยู่ติดถนนใหญ่ มีแหล่งความอุดมสมบูรณ์หลายแห่งในระยะเดินได้สบาย
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สะดวก ใกล้ถนนลาดปลาเค้าที่ใช้เป็นทางลัดเข้า-ออก เมืองได้
  • ไม่ใช้รถ

  • ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ เรียกรถสาธารณะง่าย
  • เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ 8.5/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู

  • วัสดุ 7.75/10 – ตามมาตรฐานราคา แต่หน้าตาเฟอร์ฯดูดี
  • แบบ 7.75/10 – เน้นความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย แปลนห้องลงตัวได้ครัวปิดแทบทุกแบบ
  • สาธารณูปโภค 7.25/10 – ตามมาตรฐานราคา โดดเด่นในเรื่องอัตราส่วนลิฟท์ ที่แชร์กันใช้ได้สบายๆ
    • MAIN CLASS
    • 7.63/10 คะแนน ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า
    • 7.75/10 คะแนน เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ

     

    BOTTOM LINE

    โครงการ Premio Fresco เหมาะสำหรับคนที่อยากได้คอนโดติดถนนใหญ่รามอินทรา ใกล้แหล่งช้อปปิ้งในระยะเดินได้สะดวก ทำงานหรือตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ในย่านรามอินทรา อยากได้ห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบไม่ต้องแต่งเพิ่ม ไม่เน้นการใช้ Faciliyies ส่วนกลางมากนัก มีงบประมาณ 1.89-3.7 ล้าน มีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 13,o00 – 26,000 บาท