ปกModiz

รีวิวฉบับที่ 1075.. สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาอัพเดทโครงการตึกเสร็จในย่านลาดพร้าว ที่ชื่อว่า Modiz ลาดพร้าว 18 โครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 18 ห่างจาก MRT ลาดพร้าวประมาณ 450 เมตร โดยตัวซอยลาดพร้าว 18 เองนี้เป็นทางลัดที่เชื่อมถนนใหญ่หลายเส้น เช่น ถนนรัชดาภิเษกและถนนวิภาวดีรังสิต ตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น มีคอนเซปต์ที่ต้องการให้ภายในอาคารมีแสงและลม flow ถึงกันหมด ภายในอาคารจึงมีการเว้นพื้นที่ทำเป็น Facilities เกือบทุกชั้น หน้าตาโครงการจะออกมาเป็นอย่างไร เราไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ 🙂

 

Fact @ 3 May,2016

  • Modiz Ladprao 18 (โมดิซ ลาดพร้าว 18)
  • Developer : Asset Wise
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 166 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 28 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ  83 คัน คิดเป็น 50%
  • ที่ดินประมาณ 1-0-33 ไร่
  • ปีที่เริ่มก่อสร้าง 2557
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2559
  • 1 Bedroom 25.67 – 43.99 ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms 45.53 – 53.68 ตารางเมตร
  • Duplex 104.95 ตารางเมตร
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 2.39 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 93,000 – 101,000 บาท
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ รถไฟฟ้าใต้ดิน ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: MRT ลาดพร้าว
  • http://www.modiz18.com
  • โทร  085-161 8555

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

โครงการ Modiz ลาดพร้าว 18 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 18 ห่างจากปากซอยประมาณ 180 เมตร และห่างจาก MRT ลาดพร้าว 450  เมตร ตัวโครงการสามารถอยู่ในซอยที่เป็นทางลัดไปยังถนนรัชดาภิเษกและถนนวิภาวดีได้สะดวก

ทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ในซอยลาดพร้าว 18 อยู่ระหว่างแยกใหญ่ที่คนรู้จักกันดีอย่างห้าแยกลาดพร้าว กับ แยกรัชดา-ลาดพร้าว ที่ขึ้นชื่อว่ารถติดสาหัสนั่นเอง ซึ่งข้อดีของโครงการคือมีทางลัดเลาะไปทางถนนใหญ่ทั้งทางวิภาวดีและรัชดาภิเษกเพื่อเลี่ยงรถติดได้ สภาพแวดล้อมโดยรอบใกล้เคียงแหล่งช็อปปิ้งที่ใกล้ที่สุดก็คงจะเป็น 7/11 ที่อยู่ติดกับโครงการ สามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้ 24 ชั่วโมง ถัดออกมานิดก็คงจะเป็นห้าง BigC Extra , HomePro ที่เดินข้ามสะพานลอยบนถนนลาดพร้าวไปนิดหน่อยก็ถึงเลย ส่วนห้างที่ขยับออกไปหน่อยอีกก็คงจะเป็น Union Mall ,Central ลาดพร้าว, Lotus, Index Living Mall, เมเจอร์ รัชโยธิน อีกทั้งยังมีตลาดเดินช้อปให้เลือกอีกคือสวนจตุจักร ตลาด อ.ต.ก. และสวนลุมไนท์พลาซ่ารัชดาที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นานนี้ มีร้านอาหารมาเพิ่มอีก ถือว่าอุดมสมบูรณ์มากเลยค่ะ

MAP Modiz to รัชดา 19

การเดินทางด้วยรถยนต์ เส้นทางหลักเลยคือ เข้า-ออกทางถนนลาดพร้าว ซึ่งโครงการอยู่ห่างจากปากซอยลาดพร้าว 180 เมตร สามารถเดินเท้าได้สบายๆไม่ไกลมาก อีกเส้นทางหนึ่งคือสามารถเข้า-ออกจากถนนรัชดาภิเษกได้ทางซอยรัชดา 19 เข้ามาทะลุซอยลาดพร้าว 18 เพื่อมายังโครงการได้ ระยะทางอยู่ที่ประมาณ 1.2 กิโลเมตร

MAP Modiz to วิภาวดี 20

การเดินทางโดยไม่ใช้รถหลักๆเลย สามารถไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ ด้านบนเป็นแผนที่การเดินทางของสถานีรถไฟฟ้าโดยรวมค่ะ โดยโครงการจะอยู่ใกล้  MRT สถานีที่ใกล้ที่สุดอย่าง MRT ลาดพร้าว 450 เมตร,  MRT พหลโยธิน 1.2 กิโลเมตร และ MRT รัชดาภิเษก 1.2 กิโลเมตร และอนาคตจะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่จะมีกำหนดการสร้างเสร็จในปี 2562 และเปิดให้บริการในปี 2563 ซึ่งก็ต้องรอดูกันไปว่าจะมีการเลื่อนอีกหรอไม่นะคะ

ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถอื่นๆ สามารถพึ่งพาพี่วิน แท็กซี่ และรถเมล์บนถนนลาดพร้าว สาย 8,38,44,92,96,122,145,517,545 ได้ค่ะ

MAP Modiz เดินทาง

การเดินทางวันนี้เราจะเริ่มจาก MRT ลาดพร้าว เดินไปบนถนนลาดพร้าวจนถึงหน้าซอยลาดพร้าว 18 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอย เดินไปเรื่อยๆจนถึงโครงการ Modiz ลาดพร้าว 18 แล้วเดินวนดูสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการค่ะ

เราจะเริ่มกันจาก MRT ลาดพร้าว เดินออกทางประตูที่ 2 กันนะคะ

เมื่อเดินออกมาจาก MRT ประตูที่ 2 จะเห็นถนนลาดพร้าวอยู่ด้านหน้า ฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นอาคารพาณิชย์ 2-3 ชั้นซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ

มองไปทางขวามือจะเป็นป้ายรถเมล์และจุดรอรถแท๊กซี่ ฝั่งตรงข้ามที่เป็นอาคารสูงเป็นแถวนั้นคือคอนโด Ideo ลาดพร้าว 17 จาก Ananda ค่ะ

เราจะเดินเลี้ยวซ้ายเพื่อไปโครงการกัน ติดกับ MRT ลาดพร้าว ทางฝั่งนี้จะเป็นเต้นท์รถ ทางฟุตบาทริมถนนลาดพร้าวมีขนาดไม่กว้างนัก แต่ก็เป็นระยะที่พอเดินได้สบายๆ ริมทางจะมีต้นไม้ปลูกเป็นทิวแถวให้ความร่มรื่น ซึ่งปัจจุบันวันที่เราไปเก็บภาพรีวิว มีการปรับผิวทางฟุตบาทตลอดแนว จึงจะเห็นว่าทางเดินยังไม่เรียบร้อยเท่าใดนักค่ะ

เดินมาแป๊บเดียวจะถึงช่วงซอยลาดพร้าว 22

มองไปยังฝั่งตรงข้ามจะเป็นปั๊มแก๊สและมีกาแฟ Mezzo coffee ให้ไปซื้อกาแฟแก้ง่วงได้

ระหว่างทางที่เราเดินไป สิ่งปลูกสร้างริมฟุตบาทส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ โดยพื้นที่ใต้อาคารพาณิชย์จะมีการค้าขายค่อนข้างหลากหลาย ทั้งขายอาหาร

ทำเป็นสำนักงานเล็กๆ ร้านขายโทรศัพท์ ร้านขายส้มตำ เปิดกิจการกันหลากหลายทีเดียว

มองไปข้างหน้าเราจะเห็นสะพานลอยข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้ เดี๋ยวเราจะพาเดินไปดูทัศนียภาพมุมสูงของถนนลาดพร้าวกันนะคะ

จากสะพานลอย มองกลับไปยังถนนลาดพร้าวฝั่งมุ่งหน้าเข้าแยกรัชดา-ลาดพร้าว มองไปจะเห็น MRT ลาดพร้าวที่เราเพิ่งเดินกันมา เยื้องๆกันเป็น MRT ลาดพร้าวฝั่งอาคารจอดแล้วจร ตรงข้ามกันจะเป็นสวนลุมไนท์พลาซ่า ศูนย์การค้าที่เพิ่งเปิดใหม่ ข้างๆกันที่เห็นเป็นอาคารสูงกำลังก่อสร้างนั่นคือ Whizdom รัชดา-ลาดพร้าวค่ะ

มองกลับมาอีกฝั่ง ทางถนนลาดพร้าวมุ่งหน้าเข้าห้าแยกลาดพร้าว จะเห็นว่ามีคอนโดสูงหลายที่เลย ทั้ง Issara คอนโด, Ideo ลาดพร้าว และ The Zest ส่วนศูนย์การค้าก็มีให้เลือกช้อปปิ้ง อย่างยูเนียนมอล ซึ่งหากข้ามฝั่งไปบนถนนพหลโยธินจะมีเซนทรัลลาดพร้าวอีกจุด ใกล้เข้ามาหน่อยก็จะมี Big C ลาดพร้าวที่ใกล้โครงการในระยะเดิน ซึ่งตัวโครงการอยู่ในซอยลาดพร้าว 18 จะมีซอยลาดพร้าว 15 ที่อยู่ฝั่งเยื้องๆกัน สามารถข้ามฝั่งเพื่อใช้ไปทะลุถนนวิภาวดีได้

จุดสะดวกอีกอย่างหนึ่งคือหน้าโครงการจะเป็นจุดกลับรถพอดี ดังนั้นหากใครที่มาจากถนนวิภาวดี หรือห้าแยกลาดพร้าวก็สามารถกลับรถเข้าโครงการได้เลย แต่จุดกลับรถจะกระชั้นชิดหน่อยจะต้องกลับรถปุ๊บแล้วรีบเบี่ยงซ้ายเพื่อเข้าซอยทันทีนะคะ

ลงมาจากสะพานลอยจะเจอซอยลาดพร้าว 20 ซึ่งเป็นซอยคู่ขนานกับลาดพร้าว 18 หากเข้าไปในซอยย่อยทะลุเข้าซอยลาดพร้าว 18 ได้

บรรยากาศภายในซอยลาดพร้าว 20 ค่อนข้างเงียบสงบ ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย อพาร์ทเม้นต์ และคอนโด

เราเดินต่อมาบนทางเดินเลียบถนนลาดพร้าว ซึ่งยังคงเต็มไปด้วยร้านขายของนานาชนิด เช่นตรงนี้มีร้านโชว์ห่วยที่มีแผงหนังสือเล็กๆ ถัดไปเป็นร้านจำหน่ายแผ่นพลาสติกและรับทำกล่องโชว์สินค้า

เดินมาอีกนิดเดียวเราจะเจอกับคอนโด L18 ที่อยู่ตรงหน้าปากซอยลาดพร้าว 18 เลย

ตรงหัวมุมคอนโด L18 ทางซ้ายมือจะจัดสวนที่มีทางเดินให้ทะลุไปเข้าซอยลาดพร้าว 18 ได้เลย ซึ่งทางข้างหน้ามีการก่อสร้างทางฟุตบาทจึงค่อนข้างวุ่นวาย เดี๋ยวเราจะเบี่ยงซ้ายเพื่อเข้าซอยกันนะคะ

ช่วงต้นซอยลาดพร้าว 18 จะมีอาคารพาณิชย์สีเขียวสดใสสูง 5 ชั้น ข้างๆกันเป็น Condo One สูง 8 ชั้น

มองย้อนไปทางหน้าซอยลาดพร้าว 18 ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโชว์รูมโตโยต้า

เราเดินเข้ามาภายในซอยลาดพร้าว 18 ช่วงต้นซอยบรรยากาศค่อนข้างคึกคัก ริมรั้วคอนโด L18 จะมีพี่วินคอยให้บริดารรับ-ส่งคนในซอย ฝั่งตรงข้ามมี 7/11, Fresh Mart ให้ซื้อของอุปโภคบริโภคกันได้ ซึ่งบริเวณนี้จะมีอาหารรถเข็นมาขายกันกลางวันร้านนึง ตอนเย็นร้านนึง ไม่ซ้ำกันเลย

ฝั่งตรงข้าม Fresh Mart จะมีทางเข้า-ออก คอนโด L18 อีกทาง ลูกบ้านของคอนโดนี้จึงสามารถเดินออกมาซื้อของกิน แลัวเข้าคอนโดได้ สะดวกเลย

ถัดมาจะเป็นตึกแถว 2 ชั้น ที่ด้านล่างมีการขายอาหารและบริการหลากหลาย

มีทั้งร้านตัดผม แผงขายผลไม้ ขายไข่ หรือน้ำผลไม้ก็มี

ถัดไปจะเป็นอพาร์ทเม้นต์ 5-6 ชั้นตลอดแนว ซึ่งพอมีอพาร์ทเม้นต์เยอะแบบนี้ แสดงว่าซอยนี้มีคนมาอาศัยอยู่เยอะ เลยพลอยทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆคึกคักไปด้วยของกินของขายนั่นเอง

ของกินเยอะจริงๆ ทั้งหน้าอพาร์ทเม้นต์ ตรงข้ามอพาร์ทเม้นต์ เดินออกมาไม่ต้องกลัวหิว

เค้าตั้งแผงขายผักสดแบ่งเป็นตะกร้ากันแบบนี้เลย ซื้อไปทำอาหารเย็นได้ ถัดไปก็มีร้านส้มตำอีกร้าน ซึ่งจะเห็นได้ว่าร้านค้าที่อยู่รอบๆเนี่ย ส่วนใหญ่เป็นร้านเล็กๆ ขายของกินหรือของสด จำพวกรถเข็นแบบ Take Home กลับบ้านนะคะ ใครที่ชอบนั่งร้านหรูๆ มีแอร์เย็นๆอาจจะไม่ใช่สไตล์เท่าไหร่ อาจจะเปลี่ยนไปเดินบิ๊กซี หรือเซ็นทรัลลาดพร้าวจะสะดวกกว่า

เยื้องกันจะมี Tesco Lotus เก่าซึ่งตอนนี้ได้ย้ายไปแล้ว พื้นที่ด้านหน้าจึงถูกจับจองด้วยร้านก๋วยเตี้ยวต้มยำ และบะหมี่ชายสี่หมี่เกี๊ยวไปแล้ว ซึ่งสองร้านนี้นั่งกินได้เผื่อใครอยากหาอะไรง่ายๆใกล้ๆกิน เดี๋ยวเราจะข้ามฝั่งไปกินก๋วยเตี๋ยว เอ้ยย! ไปเดินตรงนั้นกัน 😀

พอเราเดินมาที่หน้า Tesco Lotus เก่า มองย้อนกลับไปแล้วก็จะเจอ 7/11 ที่ข้างๆกันเป็น Modiz ลาดพร้าว 18 โครงการที่เราจะพามาดูกันนั่นเอง ถึงแบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวกันทีเดียว 🙂   ซึ่งการมี 7/11 ติดกันแบบนี้ก็เป็นข้อดีตรงที่ไม่ว่าเราจะหิว หรืออยากได้ของใช้อะไรในห้อง(ที่ 7/11 มี) เราก็เดินออกมาซื้อหาได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่ต้องไปไหนไกลเลย

อาคารที่ติดกับโครงการอีกฝั่งนึงเป็นบ้านพักอาศัย 2  ชั้นอีกเช่นเดียวกัน จึงไม่ต้องกลัวปัญหาเรื่องการโดนบังวิวในระยะประชิด

ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นบ้านพักอาศัย  2 ชั้น ข้างๆกันเป็นตึกของหมอเส็งสูง 5 ชั้น

จากโครงการ หากตรงไปจะสามารถไปทะลุถนนรัชดา 19 ซึ่งต้นซอยเป็น MRT ได้ บรรยากาศภายในซอยทางด้านนี้จะยังคงเป็นอพาร์ทเม้นต์และคอนโด 5-8 ชั้นตลอดทั้งซอย และมีความเงียบมากกว่าช่วงปากซอยที่เราเดินผ่านมาค่ะ

map zoom

บรรยากาศภายในซอยลาดพร้าว 18 จะคึกคักช่วงต้นซอย เนื่องจากมีคอนโด อพาร์ทเม้นต์อยู่เยอะจึงตามมาด้วยพี่วิน ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อต่างๆมากมาย ซึ่งจริงๆภายในซอยลาดพร้าว 18 ไปทางซอยรัชดา 19 ก็มีอพาร์ทเม้นต์และคอนโดอยู่ไม่แพ้กัน เพียงแต่ช่วงปากซอยลาดพร้าว 18 จะเป็นช่วงถนนที่คนใช้งานมากกว่าและพลุกพล่านกว่าค่ะ โดยอาณาเขตที่ติดต่อกับโครงการ

  • ทางทิศเหนือ จะติดกับ 7/11 สูง 1 ชั้น ตรงที่สะดวกสามารถไปซื้อของอุปโภคบริโภคได้ง่ายและไม่โดนบังวิวในระยะประชิด แต่จะโดนอยู่บ้างในระยะไกลออกมาหน่อยคือติดกับ 7/11 จะเป็นอพาร์ทเม้นต์พี พี เพลส ดังนั้นใครที่เลือกห้องด้านนี้แนะนำให้เลือกชั้น 5 ขึ้นไปจะ Save สุดค่ะ
  • ทางทิศตะวันออก ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้นและซอยลาดพร้าว 20 ห้องที่อยู่ชั้น 3 ขึ้นไปจึงปลอดภัยเรื่องโดนบังวิว
  • ทางทิศตะวันตก ติดกับซอยลาดพร้าว 18 และฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย ห้องที่อยู่ชั้นนี้จึงไม่โดนบังวิวในระยะประชิดแน่นอน แต่อาจจะมีการเสียคว่ทเป็นส่วนตัวในเรื่องการโดนมองจากถนนสาธารณะอยู่บ้าง
  • ทางทิศใต้ ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ไม่โดนบังวิวในระยะประชิด แต่ในระยะที่ไกลออกมาหน่อยจะมีอพาร์ทเม้นต์ เนตรประสม เรสซิเดนซ์ มาบังวิวในระยะไกลอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ทำให้อึดอัดค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • 7-Eleven ~ 0 ม.
  • Big C Extra ~ 600 ม.
  • สวนลุมไนท์พลาซ่ารัชดา ~ 1.1 กม.
  • ยูเนียนมอลล์  ~1.3 กม.
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 1.9 กม.
  • โรงเรียนหอวัง ~ 2 กม.
  • สวนจตุจักร ~ 2.2 กม.
  • Tesco Lotus ~ 2.2 กม.
  • สวนรถไฟ ~ 3 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

Modiz

โครงการ Modiz ลาดพร้าว 18 เป็นคอนโด Low rise 8 ชั้น 166 ยูนิต ออกแบบมาในคอนเซปต์ Value of Volume คือต้องการให้ภายในโครงการมีพื้นที่ใช้งานที่คุ้มค่าและยืดหยุ่นมากที่สุด ตัวอาคารใช้พื้นผิวหินสีเทาอ่อนสลับกับเหล็กสีเทาเข้ม และใช้กระจกมาลดทอนความแข็ง mood and tone โดยรวมจึงเรียบขรึมและให้ความรู้สึกเป็นเป็น Modern Loft คือมีทั้งความเรียบและความดิบผสมอยู่ด้วยกัน

หากใครที่ติดตามตัวโครงการ Modiz ลาดพร้าว 18  มาตั้งแต่ต้นและได้อ่านรีวิวโครงการ Modiz ลาดพร้าว 18 ที่ Mr.Oe เคยรีวิวไว้(คลิกที่นี่) ถ้าแวะเข้ามาดูโครงการตอนที่ตึกเสร็จแล้วแบบนี้จะเห็นภาพชัดเจนขึ้นนะคะ โครงการนี้พัฒนาโดย Asset Wise ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนาแล้วหลายโครงการพอสมควร

และด้วยความที่เป็นคอนโดตึกเสร็จที่มีการโอนห้องและลูกบ้านเข้าอยู่แล้ว เราจึงได้เห็นการดูแลหลังการเข้าอยู่ซึ่งพบว่าเค้าดูแลลูกบ้านได้ค่อนข้างดี แบบของอาคารมีการปรับเปลี่ยนจากการเปิดตัวเยอะพอสมควร เนื่องจากเมื่อเกิดปัญหาแล้ว ทางโครงการก็แก้ปัญหาและเพิ่มส่วนกลางบางส่วนให้ทันที ซึ่งถือเป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับคนที่เลือกอยู่โครงการที่ต้องดูนะคะว่า หลังจากเราเสียเงินก้อนโตไปแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่หลังซื้อคอนโดของเราจะเป็นอย่างไร ก็ต้องมาศึกษาการบริหารจัดการหลังการขายของ  Developer เจ้านั้นๆด้วย 

 

มาดูที่ Master Plan กันบ้างค่ะ ตัวอาคารจะวางเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มี Court เป็นสวนเล็กๆอยู่ตรงกลาง ที่ชั้น G จะเป็นส่วนของลานจอดรถทั้งหมด ทางเข้าโครงการติดกับซอยลาดพร้าว 18 ที่ประตูทางเข้าจะมีป้อมยาม 1 จุด ผ่านเข้า-ออกโดยใช้ตัวกั้นแบบล้อเลื่อนและติดสติ๊กเกอร์ที่รถ ที่จอดรถในโครงการมีที่ชั้น G และชั้นใต้ดินโดยมีที่จอดรถประมาณ  83 คัน คิดเป็น 50% ของยูนิตพักอาศัยทั้งหมด ความพิเศษของที่นี่คือมีที่จอดรถจักรยานให้ที่ชั้นใต้ดินค่ะ เผื่อใครไม่อยากใช้รถแต่อยากปั่นจักรยานไป MRT และมีพื้นที่เปิดโล่งตรงกลาง ซึ่งโครงการก็ทำเป็นสวนเช่นกัน

เมื่อเราเข้าไปในอาคารจะเจอ Lobby  ซึ่งภายใน Lobby จะมีห้องจดหมาย และห้องน้ำรวมด้านหลัง มีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด  2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 90 : 1 ซึ่งถือไม่หนาแน่นมาก และมีบันไดหนีไฟให้ 2 ตัว

มาเริ่มกันที่ด้านหน้าโครงการจะติดกับซอยลาดพร้าว 18 แบบนี้เลย ด้านหน้าอาคารมีการปลูกต้นไม้ค่อนข้างร่มรื่น ที่ชั้น 2-3 ของอาคารเป็นส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนส ซึ่งเป็น Facilities หลักจึงมีการ Drop เป็นพื้นที่โล่งเข้าไป ทำให้ Form ของอาคารดูไม่ทึบตัน ส่วนที่ชั้น G จะเป็นทางเข้าอาคารส่วนจอดรถและตรงที่รถสีเทาจอดบังอยู่คือทางเข้า Lobby นั่นเองค่ะ

เรามาเริ่มที่ทางเข้าลานจอดรถกันก่อนค่ะ ทางเข้าโครงการจะเป็นโล่งๆ มีป้อม รปภ. อยู่ด้านหน้า แต่ไม่มีรั้วกั้นไม้กระดกหรือประตูอะไรเลย ซึ่งก็มีข้อเสียในเรื่องของความปลอดภัยนะคะ เพราะใครจะเดินเข้าเดินออกนี่ถ้าพี่ยามเผลอแป๊บเดียวก็เข้าได้สบายเลย ซึ่งตอนนี้โครงการกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจเรื่องต่อรั้วกั้นไม้กระดกเพิ่มเติมอยู่

เข้ามาด้านในส่วนจอดรถจะมีการจอดรถตามล็อกทั้งสองข้างทาง โดยทางเดินรถจะเป็น One Way วนขวาตลอด

มองไปทางขวามือเราจะเห็นพื้นที่ที่ๆมีแสงเข้า แน่นอนว่าต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่มีหลังคาคลุมแน่นอน

ซึ่งพอเดินออกไปก็จะเห็น Court ที่เป็นสวนอยู่ตรงกลาง มีชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งประมาณ 2 ชุด รวม 6 ที่นั่ง จาก Court นี้จะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อให้เราเดินไปยังประตูทางเข้า  Lobby อีกทางได้

เมื่อออกมายืนที่ตรงกลาง Court จะได้มุมมองประมาณนี้ค่ะ

เราพาเดินเลี้ยวขวาต่อมาบนลานจอดรถ จะเห็นห้องสีขาวๆทางขวามือ  2 ห้องนั้นคือห้องที่เป็นทางขึ้นบันไดหนีไฟ และห้องงานระบบค่ะ

เดินตรงมาเรื่อยๆเราจะเจอทางลงชั้นใต้ดิน

พอลงมาปุ๊บ เราจะเจอที่จอดรถชั้นใต้ดิน และทางลงชั้นใต้ดินเพื่อไปจอดรถอีกชั้น มองตรงไปที่มอเตอร์ไซค์จอดอยู่จะเป็นทางเข้าโถงลิฟต์ค่ะ

เมื่อเข้ามาในโถงลิฟต์จะเจอกับห้องจอดรถจักรยาน ซึ่งโครงการจะทำที่แขวนแบบนี้ไว้ให้เลย  ข้างๆกันเป็นลิฟต์โดยสาร 2 ตัว

ซึ่งลิฟต์โดยสารของที่นี่มีการทำพื้น Slope เล็กๆไว้ให้ เผื่อใครใช้ขนของหรือขนย้ายอะไรก็จะสะดวกหน่อย เนื่องจากที่นี่ไม่มี Service Lift จะใช้ลิฟต์ร่วมกันกับลิฟต์โดยสารเลย

บรรยากาศด้านในห้องลิฟต์ค่ะ เดี๋ยวเราจะไปดูที่ชั้น G กัน

เราขึ้นมาที่ชั้น G  ด้านหน้าอาคารกันก่อน ประตูทางเข้าด้านบนมีป้าย Modiz ชัดเจน ทางเข้า Lobby จะเป็นประตูบานเปิดธรรมดา เวลาจะเข้า-ออก อาคารจะใช้การสแกนคีย์การ์ดนะคะ

เข้ามาด้านใน Lobby จะมีเคาท์เตอร์ต้อนรับ รวมทั้งชุดโซฟานั่งพักคอยประมาณ  3 ชุด

ข้างๆเคาท์เตอร์ต้อนรับจะมีตู้จดหมายและ Pantry เล็กๆไว้รับแขก เนื่องจากตอนนี้โครงการยังอยู่ในระหว่างการขายจึงเป็น Sale Office ไปในตัวด้วย

ถัดไปเป็นโถงลิฟต์ ซึ่งข้างๆกันมีประตูทางออก garden court ตรงกลาง ซึ่งเชื่อมต่อกับลานจอดรถที่เราพาไปดูเมื่อสักครู่

รูปแบบที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ตัวอาคารก็ออกแบบมาเต็มพื้นที่ รูปร่างจึงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสอ้วนๆตามชิ้นที่ดินเลย ผังอาคารมีลักษณะเดินวนกันเป็นวงกลม มีห้องที่อยู่วงนอกและวงใน ทำให้เกิดมุมมองที่แตกต่างกันของแต่ละห้อง แม้จะอยู่ในอาคารเดียวกันก็ตาม แน่นอนว่าห้องที่อยู่วงนอกจะได้มุมมองที่เปิดโล่ง มองเห็นวิวรอบนอกอาคารสบายๆ ส่วนห้องวงในจะมองออกไปแล้วจ๊ะเอ๋เพื่อนบ้านอยู่ตลอดเวลา ทำให้เสียความ Privacy ไปเยอะพอสมควร

แน่นอนว่าการจัดผังแบบนี้มีข้อเสียตรงที่จะมีห้องบางห้องที่เสียความเป็นส่วนตัว แต่ข้อดีก็คือโครงการมีการเว้นช่วงให้บางจุดเป็นมุมเปิดโล่ง หากอ่านรีวิวไปเรื่อยๆจะพบว่าทุกชั้นของอาคารนี้จะมี facilities เป็นสวนเล็กๆสอดแทรกอยู่ทุกชั้น เนื่องมาจากต้องการให้เกิดช่องว่างเพื่อให้ลม flow ผ่าน จากด้านนอกเข้าสู่ด้านใน ไม่งั้นคงอยู่กันแบบอึดอัดแน่ๆ

ผังของอาคารชั้น 2 เป็นชั้นที่มีสระว่ายน้ำอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะเป็นห้องพักทั้งหมด ข้อดีของห้องในชั้นนี้คือสามารถเดินมาใช้งาน Facilities ได้สะดวกมาก แต่ก็จะมีคนใช้งานมากกว่าชั้นอื่นๆบ้างนะคะ เพราะเป็นชั้น Main Facility

อีกอย่างคือห้องที่อยู่วงนอกในชั้นนี้จะมีห้องฝั่งตะวันตกที่ใกล้กับถนนซอยลาดพร้าว 18 มากอาจจะมีเสียงรถยนต์รบกวน และยังมีห้องทางทิศตะวันออกและทางทิศใต้ ที่อยู่ในระยะเดียวกับชั้น 2 ของบ้านข้างเคียง ซึ่งจะทำให้ห้องที่อยู่วงนอกของชั้นนี้เสียเปรียบห้องวงในที่มีความ Privacy มากกว่า

เราขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 2 มองตรงไปจะเป็นทางเดินไปสู่สระว่ายน้ำ

Modiz-218

จากโถงลิฟต์จะมีทางเดินวนรอบพุ่มไม้เป็นวงกลม ซึ่งมี Circulation แยกกันอยู่คือ หากต้องการเดินไปยังห้องพักก็เดินไปทางขวา(หันหน้าออกจากลิฟต์) หากต้องการไปห้องนิติบุคคล หรือไปว่ายน้ำก็เดินเลี้ยวมาทางซ้ายโดยจะมีห้องน้ำรวมและที่ล้างตัวไว้ให้บริการลูกบ้านที่มาใช้สระค่ะ ต้องอธิบายให้ฟังก่อนว่าพื้นที่สระว่ายน้ำกับพื้นที่พักอาศัยจะถูกแยกกันด้วยต้นไม้พุ่มเตี้ยแบบนี้  ซึ่งจะเห็นว่าระหว่างห้องพักกับสระว่ายน้ำอยู่ใกล้กันมาก มีเพียงไม้พุ่มกันสายตาไว้เท่านั้น การทำพุ่มไม้ขึ้นมาจึงเป็นตัวช่วยกั้นสายตา แต่ไม่อาจป้องกันความ Privacy ให้ ในกรณีที่ลูกบ้านเดินออกมาจากลิฟต์แล้วต้องผ่านระเบียงห้องไปค่ะ ดังนั้นใครที่ต้องการอยู่เป็นส่วนตัวมากๆอาจมีตัวเลือกเป็นห้องตำแหน่งอื่นแทนห้องติดสระว่ายน้ำนะ

จากโถงลิฟต์ เราเลี้ยวซ้ายมาจะเห็นห้องนิติบุคคล

จากห้องนิติบุคคลเลี้ยวขวาอีกทีก็จะเจอส่วนของสระว่ายน้ำและพุ่มไม้ด้านข้าง

ริมสระ copy

มองกลับไปที่ทางเดินเข้ามาจะมีส่วนของห้องน้ำรวมชาย-หญิง และพื้นที่อาบน้ำริมสระไว้ลูกบ้านที่มาว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำของที่นี่จะเป็นสระรูปตัว L ระบบเกลือ ขนาด 4×14 เมตร เวลาว่ายน้ำอาจจะไม่ได้วิวที่โล่งสายตา เนื่องจากอยู่ที่ชั้น 2 แต่ไม่ต้องกังวลว่าคนที่อยู่ข้างนอกมองเห็นแน่ๆ เพราะยกระดับสูงจนอยู่ในระยะได้ Privacy แล้ว โครงการทำที่กั้นกระจกไว้ให้ด้านหน้าไว้ให้ด้วยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำกระเซ็น

ที่ริมสระอีกด้านหนึ่งจะมี Day Bed บนนำ ไว้ให้นั่งชิวๆริมสระเสร็จแล้วใครอยากจะลงน้ำต่ออันนี้ก็แล้วแต่ความชิวเลยค่าา

ข้างๆสระจะมี Pool Deck ซึ่งเป็นลานไม้ขนาดกระทัดรัด มีเก้าอี้น้อยวางไว้ให้นั่งเล่น 3 ตัว ด้านหลังเป็นห้องพักอาศัยซึ่งห้องข้างบนชิวมาก มองออกมาเห็นวิวสระน้ำสบายตาเลย แต่ที่อยู่ด้านล่างจะเสียความ Privacy หน่อย โดยด้านหนึ่งมีการปลูกต้นไม้บังสายตาไว้ให้ ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นส่วนของระเบียงที่ติดกับ Pool Deck

ซึ่งโครงการมีการทำพุ่มไม้กันไว้ให้เหมือนกันแต่เป็นพุ่มเล็กๆ เท่านั้น คงต้องรอให้โตกว่านี้ หากใครที่มาอยู่จริงแนะนำให้ติดระแนง หรือปลูกพุ่มไม้สูงเพื่อกันสายตาและกั้นไว้ไม่ให้คนเข้าจะดีมากนะคะ เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย

จาก Pool Deck มองตรงไปจะเห็น Fitness ที่เป็นชั้นลอยอยู่ด้านบานชั้น 3 เดี๋ยวเราจะพาไปดูพร้อมๆกันค่ะ

 

ผังชั้น 3 จะคล้ายกับชั้น 2 มีช่องเปิดเข้ามาภายในแนวเดียวกัน เพียงแต่ไม่มีสระว่ายน้ำ จะมี Fitness แทน และชั้น 3 นี้ ด้านทิศเหนือ,ใต้ เริ่มจะมีห้องพักที่เด่นกว่าด้านทิศตะวันตก และห้องวงในแล้วนะคะ เพราะสูงพ้นระยะหลังคาแล้ว แต่ห้องด้านหน้าทิศตะวันตกที่อยู่ติดกับถนนลาดพร้าว ยังไม่พ้นระยะรบกวนของการสัญจรบนถนนอยู่ดี

ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 3 จะเจอกับห้อง Fitness เดี๋ยวเราเข้าไปดูข้างในกันก่อนนะคะ

เข้ามาในห้อง Fitness รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ห้องนี้บรรจุเครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง บรรยากาศในห้องค่อนข้างโปร่งเนื่องจากมีผนังกระจกใสสองด้าน สามารถมองวิวได้รอบ

ระหว่างเล่นก็มองไปเห็นสระว่ายน้ำข้างล่างแบบนี้

มองกลับไปที่ประตูทางเข้ามา ข้างๆประตูทางเข้าจะเป็นผนังกระจกเงา ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นและยังใช้ส่องดูรูปร่างขณะออกกำลังกายได้ มองตรงไปจะเป็นส่วนของห้องน้ำและอ่างล้างหน้า

โดยมีเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าจำนวน 1  อ่าง และห้องน้ำ 1 ห้องค่ะ

ออกจากห้อง Fitness จะพาไปเดินดูตามทางเดินภายในส่วนพักอาศัยกันค่ะ โดยห้องพักที่อยู่ตรงข้ามห้อง Fitness เป็นห้องวงในที่มีลูกบ้านย้ายเข้าอยู่แล้ว ลูกบ้านจึงทำการต่อเติมระแนงสีเหลืองขึ้นมาเพื่อกันสายตาจากคนที่มาออกกำลังกายค่ะ

เลี้ยวขวามาตามทางเดินจะเข้าสู่โซนห้องพักที่เป็น Double Corridor แบบประตูห้องพักหันหน้าเข้าหากัน เกือบสุดทางเดินจะมีส่วนที่มีแสงสว่างเข้า เนื่องจากเป็นทางเดินที่เว้นที่ไว้ให้เป็นระเบียงเพื่อให้แสงและอากาศถ่ายเทเข้าสู่อาคารค่ะ

มองกลับไปจะเห็นตัวราวระเบียงทางเดินจะเป็นระเบียงกระจก เฟรมอลูมิเนียมสีดำ แบบนี้ บรรยากาศของทางเดินช่วงนี้จึงโปร่งไม่อึดอัด

จากทางเดินมองออกไปที่ court ตรงกลางอาคารจะได้มุมมองแบบนี้ค่ะ ซึ่งห้องที่อยู่วงด้านใน เมื่อมองออกมาจากระเบียงแล้วก็จะได้มุมมองไม่ต่างกัน

เลี้ยวขวามาตามทางเดิน เราจะเจอห้องบันไดหนีไฟอยู่ทางขวามือ ถัดไปจะเป็นสวนเล็กๆ

เข้ามาดูบันไดหนีไฟของทางโครงการซึ่งต้องเปิดไฟไว้ตลอด เนื่องจากไม่มีหน้าต่างที่จะให้แสงธรรมชาติเข้าได้ แต่มีช่องระบายอากาศไว้ให้ไม่อับ

ข้างๆกันเป็นช่องเล็กๆที่โครงการปูสนามหญ้าเทียมไว้ ซึ่งช่องนี้มีไว้ก็เพื่อให้แสงธรรมชาติและลมผ่านเข้ามาให้โถงทางเดินฝั่งนี้ไม่อับ

เลี้ยวขวามาอีกรอบจะเจอห้องพักส่วนที่เป็น Double Corridor สุดทางด้านขวามือจะเว้นห้องพักไว้เพื่อให้ลมและแสงธรรมชาติเข้า

ซึ่งจะเห็นว่าฝั่งนี้แสงธรรมชาติเข้าดีมาก เนื่องจากไม่มีกันสาดและระดับพื้นชั้นบนกับพื้นชั้นล่างยื่นออกมาเสมอกัน ซึ่งในหน้าฝนจะมีปัญหาตรงที่ฝนสาดแน่นอน ซึ่งโครงการได้เล็งเห็นปัญหานี้แล้ว จึงจะมีโครงการทำหลังคาคลุมกันฝน ที่เป็นเฟรมเหล็กคลุมด้วยโพลิคาร์บอเนตสีใสที่ด้านบนพื้นชั้นดาดฟ้า เพื่อยื่นออกมากันฝนให้ลูกบ้านค่ะ ดังนั้นอนาคตจึงไม่ต้องกลัวเรื่องฝนสาดแล้ว

 

ผังชั้น 4 ห้องวงนอกทุกด้านอยู่พ้นระยะหลังคาบ้านโดยสมบูรณ์ค่อนข้างเปิดโล่งยกเว้นทิศเหนือที่มุมไกลๆยังไงก็โดน Life 18 บังมิดค่ะ แต่ต้องบอกกันตรงๆว่า อนาคตไม่มีใครรับรอง เพราะพื้นที่ๆเป็นบ้านเดียว อาจจะกลายเป็นตึกก็ได้ ซึ่งก็จะบังวิวมุมไกลของด้านต่างๆได้เช่นกัน ห้องด้านวงใน ได้ พื้นที่เปิดมา 2 ด้านช่วยชีวิตให้คลายอึดอัดไปได้บ้าง ส่วนเปิดสองด้านทำเป็นที่นังเล่น Lobby เล็ก พอใช้งานได้ อีกด้านจะมีสวนเล็กๆตรงข้ามโถงลิฟต์เพื่อสร้างความ Privacy ให้ห้องฝั่งตรงข้าม

ออกมาจากโถงลิฟต์จะเจอผนังกระจกที่ค่อนข้างโปร่ง ด้านนอกมีการจัดสวนแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก จริงๆแล้วการจัดสวนนี้ก็เพื่อจะเพิ่มความ Privacy ให้กับห้องที่อยู่ตรงข้ามโถงลิฟต์นั่นเอง เพราะเวลาเดินออกมาจากลิฟต์นี่ป๊ะกันเข้าเต็มๆ ซึ่งอีกไม่นานสวนตรงนี้น่าจะมีต้นไม้มาเพิ่มขึ้นค่ะ

จากโถงลิฟต์มองออกไปที่ฝั่งตรงข้ามจะเห็นมีการจัดสวนเล็กๆยื่นออกมาเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้อาคาร

ซูมเข้าไปให้เห็นชัดๆ สวนนี้จะมีต้นไม้ใหญ่ 1 ต้นให้ร่มเงาและมีชุดโต๊ะเก้าอี้พร้อมม้านั่ง 1 ตัว ให้พอมานั่งเล่นกันได้เล็กๆน้อย ซึ่งการมีพื้นที่สวนตรงนี้ห้องทางขวามือจึงได้อานิสงค์วิวต้นไม้สีเขียวไปด้วย แต่ในขณะเดียวกันเวลาใครมานั่งเล่นคุยกันกระหนุงกระหนิง ก็จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างค่ะ

จากสวนนี้มองกลับไปที่โถงลิฟต์ จะเห็นว่าตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป โถงลิฟต์จะเป็นกระจกโปร่งๆแล้ว

 

ผังชั้น 5 จะคล้ายกันกับชั้น 4 ค่ะ เพียงแต่มีพื้นที่สวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผังชั้นนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมเล็กน้อย แต่สร้างความแตกต่างได้มากคือโครงการยอมตัดห้องพักออก แล้วทำเป็นพื้นที่สวนไว้แทน ซึ่งพื้นที่สวนนั้นจะเป็นช่องเปิดดึงแสงและลมเข้ามาด้านในอาคารด้วยค่ะ

ออกมาจากโถงลิฟต์ชั้น 5 จะมีกระจกเป็นโถงที่มีกระจกรอบ มองตรงไปจะเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นอาคารฝั่งตรงข้ามได้ ส่วนกระจกฝั่งตรงข้ามลิฟต์จะเป็นกระจกฝ้า

เนื่องมาจากด้านหลังกระจกนี้เป็นห้องพัก โครงการจึงใช้กระจกฝ้าเพื่อพรางสายตา และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ห้องที่อยู่ตรงนี้ ซึ่งตั้งแต่โถงลิฟต์ชั้นนี้จนถึงชั้น 8 จะมีลักษณะแบบนี้เหมือนกันหมดค่ะ

จากโถงลิฟต์เราเลี้ยวซ้ายเพื่อจะไปดูสวนส่วนกลางกัน

พื้นที่สวนจะอยู่ตรงข้ามกับทางเดินหัวมุมที่เป็น Single Corridor แสงธรรมชาติจึงเข้าได้ดีมาก

โดยพื้นที่สวนนี้ประกอบด้วยส่วนที่เป็น Double Volume มี Floor to celing ค่อนข้างสูง ดูโปร่งและอากาศถ่ายเทได้ดี โครงการวางเก้าอี้สีสันสดไว้ให้นั่งเล่น 2 ชุด

ข้างๆกันเป็นโต๊ะเก้าอี้ขนาดประมาณ 4-6 ที่นั่ง มีการปลูกต้นไม้สร้างพื้นที่สีเขียว เหมาะกับการมานั่งประชุมงานหรืออ่านหนังสือ

จากพื้นที่สวนตรงไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด

 

ผังชั้น 6 คล้ายกับชั้น 5 แต่ได้พื้นที่สวนน้อยกว่า ซึ่งพื้นที่สวนเล็กๆนี้เป็นชั้นลอยที่สามารถมองลงไปเห็นสวนชั้น 5 ได้

ลักษณะของสวนชั้น 6 เป็นแค่สระเบียงที่ปูสนามหญ้าเทียม มีเก้าอี้ให้  2 ตัว สามารถมองลงไปเห็นสวนด้านล่างได้ค่ะ

 

ผังชั้น 7 จะคล้ายกับชั้น 5 แต่มีพื้นที่สวนอยู่ที่ด้านหน้าทิศตะวันตกซึ่งเป็นสวนเปิดโล่งไม่มีหลังคาคลุม ห้องที่อยู่ฝั่งนี้จึงได้อานิสงค์ของวิวสวนไปด้วยค่ะ

ออกจากโถงลิฟต์เลี้ยวซ้ายก็จะเจอประตูกระจกที่เปิดออกไปสวนด้านนอกได้

บรรยากาศของสวนค่อนข้างร่มรื่น พื้นเป็นหญ้าเทียมรอบด้านเป็นไม้พุ่มและไม้ยืนต้นเล็กๆ มีโต๊ะเก้าอี้รองรับประมาณ 4-6 ที่นั่ง ห้องที่อยู่ฝั่งนี้เป็นห้องที่อยู่รอบนอก จึงได้ทั้งวิวสวนและวิวเมืองไปพร้อมๆกัน

โดยวิวเมืองฝั่งนี้จะเป็นฝั่งวิภาวดี ที่มองออกไปจะเห็นบ้านพักอาศัย อพาร์ทเม้นต์ และตึกสูงอยู่ไกลๆค่ะ

อีกด้านของสวนก็จะมีที่นั่งให้เรียบร้อย ห้องที่อยู่ฝั่งนี้ก็จะได้วิวสวนและวิวเมืองด้วยเหมือนกัน

 

มาถึงผังชั้น 8 ซึ่งจะคล้ายๆกับชั้น 7 ค่ะ แต่พื้นที่สวนจะขยับไปอยู่ฝั่งตรงข้ามโถงลิฟต์แทน ส่วนพื้นที่สวนในชั้น 7 ก็เปลี่ยนเป็นพื้นที่ว่าง ที่มองลงไปเห็นสวนด้านล่างได้

ออกจากโถงลิฟต์เลี้ยวไปทางซ้ายมือกลายเป็น Single Corridor ที่มองลงไปเจอสวนชั้น 7 ที่เราพาไปดูเมื่อสักครู่

แต่จากโถงลิฟต์ หากเลี้ยวมาทางขวามือจะเจอพื้นที่สวน

โดยสวนนี้จะปูสนามหญ้าเทียม มีไม้พุ่มให้ความร่มรื่นและม้านั่ง 2 ตัว มองตรงไปจะเห็นบันไดวนขึ้นชั้นดาดฟ้า ซึ่งในเริ่มแรกไม่มีให้นะคะ แต่โครงการมาต่อเติมให้เนื่องจากเห็นว่า ทางเดินในเริ่มแรกที่ให้ขึ้นทางบันไดหนีไฟนั้นไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่

ซึ่งบันไดวนนี้จะเชื่อมต่อกับชั้นดาดฟ้าแบบนี้เลย ซึ่งสามารถขึ้นทางบันไดหนีไฟได้ด้วยและน่าจะสะดวกกว่านะคะ เพราะบันไดวนจะเดินค่อนข้างยากและหวาดเสียวหน่อย แต่สำหรับวัยรุ่นวัยทำงานสามารถเดินได้สบายๆ

ผังชั้นดาดฟ้า จะจัดพื้นที่สวนไว้ให้ลูกบ้านไว้ใช้ด้วยค่ะ ซึ่งสำคัญอยู่เหมือนกัน เพราะห้องในคอนโด Low Rise ส่วนใหญ่ จะไม่ได้เน้นวิวหรือพื้นที่เปิดโล่งเหมือนตึกสูง การมีพื้นที่สวนสำหรับลูกบ้านบนดาดฟ้า มันเพิ่มโอกาสที่ลูกบ้านจะได้ลดความอึดอัดออกมารับวิว รับลม บนพื้นที่เปิดโล่งนี้ได้ด้วย … ซึ่งรายรอบโครงการยังเป็นบ้านสองชั้นสามชั้นอยู่ ดาดฟ้าชั้น 8 นี้จึงยังค่อนข้างโล่งค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้าจะมีทางเดินไปยังลานนั่งเล่น และสวนที่โครงการจัดไว้ให้ ร่มรื่นดีทีเดียวค่ะ

เดินเข้ามาจะเจอลานแบบนี้ สามารถขึ้นมาจัดปาร์ตี้ที่ชั้นดาดฟ้าได้ เพราะโครงการมีโต๊ะเก้าอี้ และที่นั่งไว้ให้เรียบร้อย

มองลงไปจะเห็นสวนด้านล่างและบันไดวนที่เราเดินขึ้นมา

มองไปทางขวามือจะมีลานโล่ง Outdoor อีกจุดให้นั่งสังสรรค์กันได้

หากใครกลัวร้อนก็มีพื้นที่ Semi-outdoor แบบมีหลังคาคลุมไว้ให้นั่งเล่นได้

มุมมองจากพื้นที่ Semi-outdoor ที่มีการยกพื้นสูงขึ้นมาจากส่วนอื่น ทำให้เห็นวิวที่สูงขึ้นและกว้างขึ้น โดยวิวฝั่งนี้จะเป็นวิวเมืองฝั่งวิภาวดีค่ะ

มาดูวิวของอาคารกันเต็มๆดีกว่า ฝั่งนี้เป็นมุมมองของอาคารจากชั้นดาดฟ้าทางทิศตะวันตก จะเห็นวิวเมืองฝั่งวิภาวดีค่ะ ตึกสูงๆที่มองเห็นไกลๆนั่นก็คืออาคารสูงที่เกาะเส้นวิภาดีนั่นเอง

มุมมองของอาคารจากชั้นดาดฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะเห็นวิวเมืองฝั่งวิภาวดีค่อนไปทางลาดพร้าว ตึกตรงกลางที่เด่นเป็นตระหง่านนั่นคือ Issara Condo จากชาญอิสระนั่นเอง

มุมมองของอาคารจากชั้นดาดฟ้าทางทิศเหนือ จะเห็นวิวฝั่งลาดพร้าว ตึกใหญ่ๆตรงกลางนั่นคือตึกของคอนโด L18 ที่อยู่ต้นซอยลาดพร้าว 18

มุมมองของอาคารจากชั้นดาดฟ้าทางทิศตะวันออก จะเห็นวิวมืองฝั่งถนนรัชดาค่ะ อาคารสูงที่กำลังก่อสร้างอยู่ข้างหน้านั้นคือ คอนโด Whizdom รัชดา-ลาดพร้าวนั่นเอง

 

มุมมองของอาคารจากชั้นดาดฟ้าทางทิศใต้ จะเห็นวิวฝั่งห้วยขวาง,สุทธิสาร โดยจะโดนบล็อควิวระยะใกล้แต่ไม่ประชิดคือ เนตรประสม เรสซิเดนซ์ ที่อยู่ข้างเคียงนั่นเอง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • ห้องเก็บจักรยาน Bicycle Locker
  • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 4×14 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย
  • สวนหย่อมรอบโครงการ ชั้นดาดฟ้า และที่ชั้นต่างๆ
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์  90:1
  • ที่จอดรถ 83 คัน คิดเป็น 50% จอดรถแบบใช้สติ๊กเกอร์แบบไม่ Fix คัน
  • ระบบ CCTV / Access Card

 

 


Product Walkthrough

B

เรามาเริ่มกันที่ห้อง 1 Bedroom  พื้นที่ 29.48 ตารางเมตร  ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร ห้องนี้จะมีขนาดกลางๆ พอดีกับการอยู่อาศัย 2 คน จุดเด่นของห้องนี้คือมีการจัดฟังก์ชั่นที่ผลักให้ส่วน Service อย่างห้องน้ำรวมและห้องครัวมาอยู่ด้านในฝั่งติดกับโถงทางเดิน ส่วนห้องพักอาศัยอย่างห้องนอนและส่วนนั่งพักผ่อนจะอยู่ฝั่งติดหน้าต่าง ทำให้ห้องทุกห้องสามารถเห็นวิวได้นั่นเอง เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอโถงขนาดใหญ่ที่สามารถจัดพื้นที่ให้เป็นส่วน Living คือห้องรับประทานอาหาร, นั่งเล่น และ Pantry ที่เป็นครัวเปิด ข้างนอกเป็นระเบียงขนาดเล็กพอให้ออกไปตากผ้าได้ ถ้ดไปเป็นห้องนอนซึ่งถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกและมีห้องน้ำในตัวให้ ข้อดีของห้องนี้คือแสงธรรมชาติเข้าดี และ Take view ได้ทุกห้อง ส่วนข้อเสียคือเวลาแขกมาห้องจะต้องให้แขกเข้าห้องน้ำทางห้องนอน เนื่องจากมีทางเข้าห้องน้ำในห้องนอนทางเดียว

ห้องนี้ขายแบบ Fully Furnished ให้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัวยกเว้น Prop ตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ให้ของ RCD ประกอบด้วยโซฟา, โต๊ะรับประทานอาหาร+เก้าอี้ 2 ตัว, ตู้วางทีวี, ครัว Built-in, เตียงไม่รวมฟูก, กลอนประตู Digital Door Lock ของ SAMSUNG และตัวกั้นประตู, แอร์ Daikin และทางโครงการติดระบบ Sound System แถมมาให้ด้วย

ประตูห้องเป็นลายไม้  ติดตาแมวมาให้เรียบร้อย หน้าห้องมีโคมไฟและป้ายบอกเลขห้องเป็นรูปหกเหลี่ยมเหมือนโลโก้โครงการ

Digital Door Lock ของ SAMSUNG และมีตัวกั้นประตูซึ่งเป็นสเปคที่เพิ่มเข้ามาให้ค่ะ

เปิดประตูมาจะเจอกับห้องนอนที่มีลักษณะเหมือนห้อง Studio ที่มีฉากกั้นระหว่างห้องนอนกับ Living room ให้ พื้นห้องทั้งหมดจะเป็นสมาร์ทไวนิล ซึ่งมีข้อดีคือ ทนทาน เวลาโดนน้ำจะไม่กักเก็บความชื้นเหมือนลามิเนต จึงไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาพื้นบวม ส่วนผนังห้องเป็นผนังปูนฉาบเรียบทาสีธรรมดาค่ะ

มองกลับไปที่ประตูทางเข้าทางซ้ายมีอจะมีชุดครัว Built-in ของ RCD ส่วนทางขวามือจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร+เก้าอี้ 2 ตัวของ  RCD เช่นกัน

โต๊ะรับประทานอาหารที่โครงการให้มามีขนาด 0.75 x 0.75 เมตร พร้อมเก้าอี้บุหนังเทียมสีขาว 2 ตัว หากวางไว้ตำแหน่งนี้ แล้วลองเอาเก้าอี้ออกมาวางในระยะนั่งจริง จะเป็นระยะที่พอดีแต่สำหรับคนตัวใหญ่จะอึดอัดหน่อย

ชุดครัว Built-in หน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ โครงการให้ทั้งเคาท์เตอร์ครัวด้านล่างและด้านบน ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าจำพวกไมโครเวฟ และตู้เย็น แต่โครงการจะเว้นที่ไว้ให้แทน โดยที่วางตู้เย็นจะเว้นที่ขนาด 0.7 x 0.6 เมตร สูง 1.50 เมตร ไว้ให้ค่ะ

เมื่อเปิดตู้ครัวออกมา ฟังก์ชั้นที่ตู้ด้านบนจะเป็นช่องเก็บของอเนกประสงค์บานปิด-เปิดรูปตัว L ใส่ของได้เยอะดี ข้างบนตู้ครัวจะติดตั้งเมนบอร์ดไฟมาให้

มือจับเวลาเปิดตู้ด้านล่างและด้านบน

ส่วนผนังเคาท์เตอร์จะเป็นเป็นผนังปูนทาสีธรรมดา แนะนำให้หากระเบื้องหรือกระจกมาติด เวลาทำครัวเปื้อนเลอะผนังจะได้ทำความสะอาดได้ง่ายนะคะ ที่ท็อปเคาท์เตอร์จะประกอบด้วย ซิ้งค์ล้างจานรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสและก็อกน้ำทรงโค้งสแตสเลสของ Teka รวมทั้งเตาและที่ดูดควันของ Taka ติดตั้งมาให้เรียบร้อย

เตาแบบ Induction และที่ดูดควันของ Teka

ซิงค์รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดไม่ใหญ่มาก และก็อกน้ำสแตนเลสทรงโค้งของ Teka

ตรงข้ามกันเป็นตู้วางทีวีชั้นล่างและชั้นวางของด้านบนของ RCD  ที่ผนังทางขวามือมีการติดตั้งระบบ Sound system ไว้ให้ โดยลำโพงจะมีสองจุดคือที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอน กลับมาห้องก็สามารถเปิดเพลงกระหึ่มไปสองห้องได้

ตู้วางของมีลิ้นชักให้ใส่ของเล็กๆน้อยๆและวางเครื่องเล่นซีดีได้ หน้าบานบุผิวลามิเนตลายไม้

ส่วนชั้นด้านบนไม่มีลิ้นชักให้ แต่จะเป็นช่องใส่ของโชว์แบบนี้ค่ะ ด้านบนติดตั้งแอร์ Daikin ให้เรียบร้อย

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นโซฟาเบาะผ้าขนาด 2 ที่นั่งของ RCD ให้มาหน้าตาแบบนี้เลย

ตัวล็อกประตูหน้าตาแบบนี้

มองไปทางขวามือจะเป็นผนังฉาบปูนทาสีน้ำตาลธรรมดา ด้านบนมีโคมไฟสีดำให้ 1 ตัว พร้อมเต้ารับแบบมีฝาครอบกันน้ำและก็อกน้ำเผื่อต้องการใช้น้ำที่ระเบียง

เต้ารับแบบมีฝาครอบกันน้ำ

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมการตกแต่งฝ้าเพดานให้แบบนี้ รวมทั้งติดไฟดาวน์ไลท์มาให้  1  ดวง

ที่พื้นระหว่างห้องจะมีรางเลื่อนประตูสีออกน้ำตาลไม่โดดจากสีพื้น ภายในห้องนอนปูพื้นด้วยสมาร์ทไวนิลเหมือนกับ Living room ค่ะ

เข้ามาในห้องนอนขนาด 2.6 x 3.2 เมตร มีช่องเปิดให้ 1 บานค่อนข้างกว้าง แสงธรรมชาติเข้าค่อนข้างดี

โดยช่องเปิดเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งผสมกับบาน Fix เฟรมเป็นอลูมิเนียม Powder Coat กระจกใสเขียวตัดแสง ช่องเปิดเป็นกระจกกว้างทั้งผนังแสงธรรมชาติและแดดจึงเข้าดีมากๆ อย่าลืมหาผ้าม่านมาติดนะคะ

พื้นที่ข้างเตียงสำหรับให้เดินไปเปิด-ปิดหน้าต่างมีระยะประมาณ 0.55 เมตร เดินผ่านไปมาได้สบายๆ

โครงการให้เตียง Queen Size ขนาด 5 ฟุตมาให้ไม่รวมฟูก

ฟังก์ชั่นด้านในตู้เสื้อผ้ามีครบตามมาตรฐานทั่วไปคือ ราวแขวนผ้า ชั้นวางผ้าและลิ้นชักใส่ของ

มือจับตู้เป็นแบบนี้ค่ะ

ข้างๆกันเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ ใช้ประตูสำเร็จรูปลายไม้ ประตูเป็นมือจับก้านโยกสแตนเลส

พื้นห้องน้ำลดระดับลงมาจากพื้นห้องเล็กน้อย ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา

ห้องน้ำใช้โทนสีขาวสะอาดตา ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ อ่างล้างหน้าแบบ, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้โดยขวามือเป็นอ่างล้างหน้าลอยตัวพร้อมกระจกเงาติดผนัง ส่วนทางซ้ายมือเป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์

สายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่

ข้างๆโถสุขภัณฑ์ เป็นส่วนของร่องระบายน้ำที่มีฝาครอบแบบปูกระเบื้องด้านบน สามารถยกฝาขึ้นมาเอาสิ่งสกปรกออกได้ง่าย และช่วยในเรื่องความสวยงามของพื้นค่ะ

ชุดฝักบัวอาบน้ำให้ของ Hafele พร้อมที่วางสบู่

ฝักบัวรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ดีนะ

ถัดไปเป็นห้อง 1 Bedroom  พื้นที่ 37 ตารางเมตร  ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร ห้องนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากว่าแบบแรก แต่มีการจัดวางฟังก์ชั่นการใช้งานเหมือนกันเลย จะพิเศษขึ้นมาหน่อยตรงที่ห้องนี้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นพื้นที่ข้างสวน ทำให้ด้านหนึ่งของห้องเป็นห้องมุม และมีพื้นที่เล็กๆมุมห้องเพิ่มเข้ามา สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ ส่วนพื้นที่ระเบียงก็จะน้อยลงไป  ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้ก็ยังคงเป็นห้องที่แสงธรรมชาติเข้าดี และ Take view ได้ทุกห้อง ส่วนข้อเสียคือเวลาแขกมาห้องจะต้องให้แขกเข้าห้องน้ำทางห้องนอน เนื่องจากมีทางเข้าห้องน้ำในห้องนอนทางเดียวเหมือนกับห้องแรกเลยค่ะ

ห้องนี้ขายแบบ Fully Furnished ให้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัวยกเว้น Prop ตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ให้ของ RCD ประกอบด้วยโซฟา, โต๊ะรับประทานอาหาร+เก้าอี้ 2 ตัว, ตู้วางทีวี, ครัว Built-in, เตียงไม่รวมฟูก, กลอนประตู Digital Door Lock ของ SAMSUNG และตัวกั้นประตู, แอร์ Daikin และทางโครงการติดระบบ Sound System แถมมาให้ด้วย

ห้องที่เราจะพามาดูห้องนี้ เป็นห้องมาตรฐานห้องจริงที่จะส่งมอบให้ลูกค้า ซึ่งทุกอย่างในห้องจะได้แบบนี้เลยค่ะ บานประตูห้องเป็นประตูสำเร็จรูปลายไม้ กลอนประตู Didital Door Lock และมีตัวกั้นประตูด้านในเหมือนห้องแรก เปิดประตูมาจะแดจาวูเล็กๆ เพราะการจัดวางคล้ายห้องแรกแต่โปร่งกว่า ลักษณะเหมือนห้อง Studio ที่มีฉากกั้นระหว่างห้องนอนกับ Living room ให้ พื้นห้องทั้งหมดจะเป็นสมาร์ทไวนิล ส่วนผนังห้องเป็นผนังปูนฉาบเรียบทาสีธรรมดาค่ะ

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 6 ดวง พร้อมลำโพงระบบ  Sound system

รวมทั้งเว้นที่วางเครื่องซักผ้า พร้อมติดตั้งงานระบบท่อไว้ให้เรียบร้อย ช่องข้างๆเป็นที่วางไมโครเวฟ

ผนังเคาท์เตอร์จะเป็นเป็นผนังปูนทาสีธรรมดา ที่ท็อปเคาท์เตอร์จะประกอบด้วย ซิ้งค์ล้างจานรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสและก็อกน้ำทรงโค้งสแตสเลสของ Teka รวมทั้งเตาและที่ดูดควันของ Taka ติดตั้งมาให้เรียบร้อย

ข้างๆกันเป็นตู้วางทีวีชั้นล่างและชั้นวางของด้านบนของ RCD มีลิ้นชักให้ใส่ของเล็กๆน้อยๆและวางเครื่องเล่นซีดีได้ หน้าบานบุผิวลามิเนตลายไม้ ที่ผนังติดตั้งเต้ารับและสายเคเบิลไว้ให้เรียบร้อย

จุดเด่นของห้องนี้คือความโปร่งและสว่างค่ะ  จะเห็นว่าแสงธรรมชาติเข้าดีมากเนื่องจากเป็นห้องมุม ทางขวามือเป็นประตูทางออกระเบียง ส่วนทางซ้ายมือเป็นพื้นที่อเนกประสงค์เล็กๆที่เป็นผนังกระจกเต็มบาน ส่วนหน้าต่างทางซ้ายมือเป็นหน้าต่างบานเลื่อนกระจกบานใหญ่ เพิ่มความโปร่งไปอีก

เมื่อมองจากหน้าต่างออกไปข้างนอกจะเห็นพื้นที่สวนชั้น 7 ร่มรื่นดีทีเดียว

ประตูทางออกระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อนคู่ที่ค่อนข้างโปร่ง  ตัวบานประตูเป็นกระจกใสเขียวตัดแสง กรอบอลูมิเนียม Powder Coat สีเทา ราวระเบียงด้านนอกเป็นเหล็กโปร่งทาสีดำสูง 0.93 เมตร

มองออกไปนอกระเบียงจะเห็นวิวเมืองทางทิศตะวันตก ฝั่งวิภาวดี

เข้ามาในห้องจะมีผนังด้านข้างประตูทางออกระเบียงจะติดตั้งโคมไฟให้ 1 ดวง และรีโมทควบคุมระบบ Sound system

ที่วงกบประตูด้านบนของห้องนี้มีการ  Drop ฝ้าเพดาน เผื่อติดตั้งรางผ้าม่านไว้ให้ด้วย ด้านบนฝ้าเพดานในห้องนอนติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้  2 ตัว พร้อมลำโพงเพื่อรองรับระบบ Sound system

เข้ามาในห้องนอนขนาด 3.25 x 3.26 เมตร ห้องนอนมีขนาดใหญ่กว่าห้อง  type แรก แต่การจัดวางฟังก์ชั่นเหมือนกันเปี๋ยบ โดยช่องเปิดเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งผสมกับบาน Fix เฟรมเป็นอลูมิเนียม Powder Coat กระจกใสเขียวตัดแสง ช่องเปิดเป็นกระจกกว้างทั้งผนังแสงธรรมชาติและแดดจึงเข้าดีมากๆ โครงการแถมเตียง Queen Size ขนาด 5 ฟุตมาให้หน้าตาแบบนี้เลย

พื้นที่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่ง โครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ หน้าบานด้านนึงเป็นกระจกเงา อีกด้านเป็นลามิเนตลายไม้ ฟังก์ชั่นตู้ด้านในเหมือนกันกับห้องแบบแรก

อ่างล้างหน้าลอยตัวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ดีของ Mogen พร้อมกระจกเงาติดผนัง ส่วนก็อกน้ำสแตนเลสเป็นแบบก้านโยก

ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำ ขนาด 0.98 x 0.80 เมตร ที่มีแต่กระจกบานเปลือยไว้กันน้ำกระเด็นโดนโถสุขภัณฑ์ ที่พื้นมีการยกธรณีกันน้ำไหลไปสู่ส่วนแห้ง ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาชนิดเดียวกับพื้นห้องน้ำส่วนแห้ง

ชุดฝักบัวอาบน้ำให้ของ Hafele พร้อมที่วางสบู่

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานจะมีพัดลมดูดอากาศติดตั้งให้และมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 3 ดวง ที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งค่ะ

สวิตซ์และเต้ารับสีเทาของ Siemens

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 3 May,2016

  • 1 Bedroom เนื้อที่ 25.67 ตารางเมตร ราคา 2.39 ล้านบาท หรือประมาณ 93,104  บาท/ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms เนื้อที่ 45.53  ตารางเมตร ราคา 4.55 ล้านบาท หรือประมาณ 99,934 บาท/ตารางเมตร
  • Duplex เนื้อที่ 104.95 ตารางเมตร ราคา 9.9 ล้านบาท หรือประมาณ 94,330 บาท/ตารางเมตร

 

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 20,000 – 30,000 บาท
  • ทำสัญญา 60,000-70,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
  • โปรโมชั่น : ส่วนลดสุงสุด 200,000 บาท *สอบถามกับทางโครงการ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

เนื่องจากโครงการนี้มีส่วนที่ปรับเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงจากเดิมหลายจุด เราจึงขอหยิบยกบทวิเคราะห์ Mr.Oe มาไว้ในที่นี่และจะอัพเดทข้อมูลที่เพิ่มเติมจากเดิมเพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงค่ะ 🙂

“Modiz ลาดพร้าว 18 อยู่ในทำเลในซอยลาดพร้าว 18 ที่ค่อนข้างเดินทางสะดวกมาก ค่อนข้างจะครบเครื่องเรื่องการเดินทาง สำหรับคนย่านนี้นะ เพราะมีทางเลี่ยงหลบรถติด และอยู่ในระยะเดินไปรถไฟฟ้า และมีความอุดมสมบูรณ์ที่ดีมาก มีร้านค้าร้านอาหาร มินิมาร์ท ที่แทบจะอยู่ติดรั้วโครงการเลย สามารถหาของกินของใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และตัวโครงการยังพอจะเรียกว่าอยู่ในระยะเดินไป Big C + HomePro ได้ ซึ่งตรงนั้นมีครบ ตั้งแต่ MK, KFC, Pizza, Swensens ไปจนถึงร้านกาแฟและ Food Court ธนาคาร ร้านขายยา …เรียกว่าพึ่งพิงได้สบายๆ หรือถ้าจะใช้การนั่งรถไปใกล้ๆ สามารถไป Union Mall, Central, Major ได้สบาย จตุจัตร อตก สวนรถไฟ ก็ไม่ไกล ในซอยลัดเลาะใกล้ๆ ยังมีตลาดลุงเพิ่ม และย่านซอยโชคชัยร่วมมิตรด้วย

สิ่งแวดล้อมรอบโครงการ คือสิ่งที่ต้องแลกมากับความสะดวก เพราะซอยนี้ค่อนข้างจะพลุกพล่าน เข้าออกเจอคนขับรถประหลาด จอดรถไม่มีวินัย อาจจะมีอารมณ์เสียได้ นอกจากนี้ การที่มีรถยนต์และมอไซค์ที่วิ่งแทบจะตลอดเวลา จึงสร้างความไม่สบายให้คนที่ชอบความสงบแน่ๆ …โครงการรายรอบไปด้วย อพาร์ตเมนท์ คอนโด และบ้านเดี่ยว ซึ่งในอนาคตไม่แคล้วกลายเป็นตึก ด้วยความคึกคักของทำเลซอยนี้ จึงต้องทำใจ ถ้าในอนาคต จะมีเพื่อนบ้านใหม่ๆ ตึกสูง 8 ชั้นมาช่วยเพิ่มความหนาแน่นในการอยู่อาศัยที่ซอย 18 นี้

การเดินทางโดยรถยนต์ สะดวกสุดๆ คนละโลกกับลาดพร้าวโซนอื่น หรือแม้แต่ฝั่งตรงข้ามซอยเลขคี่ เพราะซอยฝั่งเลขคู่นี้ มีทางเลี่ยงทางลัดเชื่อมต่อทะลุกันไปได้หลายเส้นทาง ทั้งวิภาวดี ที่เลือกโผล่ซอย 22-20-16 ได้หมด  ส่วนรัชดา ก็สามารถไปโผล่ซอยรัชดา 19 ได้ ซึ่งตัวเลือกในการเดินทางเหล่านี้ จะทำให้สามารถหลีกเลี่ยงรถติดในช่วงเวลาที่ถนนลาดพร้าวติดโหดๆได้ … แต่ขับรถในซอยต้องใจเย็นนะครับ เพราะไม่ได้มีแต่เราที่รู้ว่า มีซอยทางลัดแบบนี้ ในวันที่คนใช้ถนนซอยเยอะๆ แล้วเจอรถจอดข้างทาง หรือเฉี่ยวชนกันในซอยนี้ … สลบได้เหมือนกัน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถือว่าสะดวกสุดๆ อยู่ได้โดยไม่ต้องใช้รถได้เลย เพราะพี่วินมีชุกชุมมากๆ ปากซอย กลางซอย ท้ายซอย มีวินตลอด ทำให้มีพี่วินวิ่งรถไฟมาตลอดซอยให้เราคอยยืนเฉยๆ แป๊บๆก็มีมาให้ใช้แล้ว.. ข้อดีของซอยนี้ ก็เลยเหมือนมีพี่วินคอยเป็นรปภ ไปอีกแรง ส่วน Taxi ก็เยอะ เพราะ Taxi ชอบใช้เส้นนี้ เป็นทางลัดกัน หรือถ้าจำเป็นจะเดินออกไปเรียกที่ปากซอยก็ได้ระยะเดิน 180 เมตร … ส่วนรถไฟใต้ดิน ต้องเดินระยะ 400 เมตร ไกลหน่อย แต่ไม่เกินระยะเดินครับ

การออกแบบโครงการ ทำห้องออกมาใช้ได้ แต่ตัวผังตึกที่ออกแบบมามีวงนอกวงใน นี่ ทำให้โครงการดูอึดอัดไปพอสมควรนะครับ ทำเลห้องของที่นี่ นอกจากชั้น ทิศ และตำแหน่งแล้ว ต้องพิจารณาให้ละเอียด เพราะทำเลห้องสร้างความแตกต่างในการอยู่อาศัยค่อนข้างมาก สำหรับโครงการนี้ … ดูเหมือนโครงการจะทราบดี จึงตั้งราคาห้องวงในต่างกับวงนอกพอสมควร ดังนั้นคนที่แทบไม่เคยเปิดหน้าต่างหรือระเบียงเลย จะเลือกห้องวงในเพื่อหวังส่วนลดที่มาก ก็ไม่น่าแปลกอะไร… โครงการจัดช่องอากาศ เพื่อให้มีการระบายลมภายในอาคารมาค่อนข้างดี มีการวางแนวลมเข้าลมออกให้ Flow เข้ามาถึงส่วนโถงด้านใน และออกแบบใส่ Facility ให้กระจายในแต่ละชั้น ช่วยให้ลูกบ้านมีที่นั่งคุยกันมากขึ้น”

อัพเดท : โครงการมีการปรับแบบหลายจุด โดยพื้นที่ชั้น 5 มีการตัดห้องพักออก 1 ห้อง แล้วรวบสวนมาไว้ในจุดเดียว ทำให้พื้นที่สวนกว้างขึ้นและพื้นที่ในชั้นนั้นก็โปร่งมากขึ้นด้วย (และยังมีการตัดห้องพักชั้นอื่นอีก เพื่อเพิ่มพื้นที่ระเบียงให้ลม flow เข้า-ออกในอาคารวงในและวงนอก), พื้นที่ชั้น 8 ตรงทางขึ้นชั้นดาดฟ้ามีการเพิ่มบันไดวนเพื่อให้ลูกบ้านเดินขึ้นไปยังสวนดาดฟ้าได้เลย ไม่ต้องใช้บันไดหนีไฟ ซึ่งตรงนี้เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย คือตรงบันไดหนีไฟของโครงการค่อนข้างมืด ไม่มีช่องแสงเข้า หากโครงการจะให้ลูกบ้านใช้งานก็ต้องเปิดไฟตลอดเวลา ซึ่งจะเสียค่าไฟต่อเดือนมากอยู่ทีเดียว การทำบันไดวนขึ้นอีกทางนี้จึงช่วยทั้งประหยัดค่าไฟให้โครงการ แถมลูกบ้านได้ทางขึ้นชั้นดาดฟ้าชิคๆอีกทางด้วย นอกจากนี้โครงการยังแก้ปัญหาเรื่องฝนสาดด้วยการทำหลังคาโพลีคาร์บอเนตที่พื้นชั้นดาดฟ้าเพิ่มเติมให้ลูกบ้านจะได้ไม่เปียกฝน โดยรวมแล้วการปรับแบบต่างๆเกิดขึ้นมาจากการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าโครงการค่อนข้างดูแลเอาใจใส่ดีพอสมควรเลยค่ะ

“วัสดุอุปกรณ์ของที่ให้มาถือว่าได้ของดีแบบจัดเต็ม หลายตัว โครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์ของ RCD ออกแบบพิเศษ พื้นห้องเป็นไวนิล ประตูติด Digital Door Lock รุ่นตัวใหญ่ของ SAMSUNG มาให้ แถม แอร์ Daikin และติดระบบ Sound System พร้อม USB + WIFI port มาให้ทุกห้อง สำหรับระดับราคานี้บนทำเลนี้ ก็ถือว่าเยอะอยู่นะ”

อัพเดท : หลังจากโครงการสร้างเสร็จแล้ว มีการเพิ่มเติมที่กั้นประตูด้านในให้ด้วยค่ะ

“สาธารณูปโภค มีของแปลกหลายอย่าง เช่น สวนเล็กๆพร้อมที่นั่งพักผ่อนที่กระจายตามส่วนต่างๆ ทำให้การใช้ Facility พร้อมๆ กันสามารถทำได้จริง มีห้องเก็บจักรยาน และสวนบนดาดฟ้า อย่างไรก็ดีด้วยข้อจำกัดของความเป็นตึก Low Rise โครงการเล็กแค่เพียง 179 Units ขนาดของ Facility จึงมิอาจ ใหญ่โตอลังการเหมือนโครงการ High Rise ใหญ่ๆได้”

อัพเดท : ปัจจุบันโครงการมี 166 Units เนื่องจากมีการปรับแบบและตัดห้องพักอาศัยบางห้องออก

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคาปัจจุบัน 93,000 – 101,000 บาทต่อตารางเมตร, วันที่ 13 พ.ค. 2559

  • ทำเล 8/10 – ทำเลแม้จะอยู่ในซอยแต่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย มี 7/11 อยู่ข้างๆเลย
  • เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – ทางลัดเยอะ ซอกแซกได้หลายทาง ค่อนข้างสะดวก
  • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – สะดวกมาก ไป MRT ลาดพร้าวได้ในระยะ 450 เมตร จะเดินก็ได้ ถ้าขี้เกียจเดินก็มีแท็กซี่ พี่วิน รถเมล์ที่ถนนลาดพร้าวอีก ครบ
  • วัสดุ 8.0/10 – ได้วัสดุค่อนข้างดี มีการเพิ่มสเปควัสดุให้ด้วย Fully furnished แบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย
  • แบบ 7.0/10 – จัดผังพักห้องดี น่าอยู่ แต่เสียตรงการจัดวางผังอาคารที่ให้มีวงนอก วงในเลยพลอยทำให้มุมมองแต่ละห้องดีบ้าง ไม่ดีบ้าง 
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีอยู่ทั่วตึกแทบทุกชั้น กระจายกันไปเป็นหย่อมๆ

  • UPPER CLASS
  • 7.96/ 10.00

BOTTOM LINE

Modiz ลาดพร้าว 18 เหมาะกับคนมองหาบ้านย่านลาดพร้าว ที่ไม่ต้องการพึ่งพิงการใช้รถ ต้องการทำเลที่สะดวกอุดมสมบูรณ์ เดินไปรถไฟฟ้าได้ และไม่ได้ติดใจเรื่องวิวมากนัก เป็นคนเลือกของมองที่ฟังค์ชั่นเหมาะกับตัวเอง มากกว่าพลิกหา ป้าย Brand Name ที่คุ้นเคย มีงบประมาณระดับ 2.39-9.9 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 16,730 – 69,300บาท

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )