รีวิวฉบับที่ 1494 … สวัสดีค่ะ วันนี้พามาดูตึกเสร็จพร้อมอยู่ในย่านรัชดากับโครงการ Metroluxe รัชดา หมู่คอนโด Low Rise 4 อาคาร ใกล้ถนนรัชดา สามารถเข้าได้ 2 ทางคือจากถนนรัชดาภิเษก หรือในซอยอินทามระ 47 อยู่ระหว่าง MRT ห้วยขวางและสุทธิสาร ตัวโครงการออกแบบมาในสไตล์ Resort ได้บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ พร้อม Facilities ครบครัน ในราคาเริ่มต้น 3.55 ล้านบาท

 

Fact @ 11 December 2017

  • Metroluxe Ratchada (เมโทรลักซ์ รัชดา)
  • บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต :
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร 535 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 21 ยูนิตที่อาคาร C
  • ที่จอดรถประมาณ 185 คันคิดเป็น 34%
  • ที่ดินประมาณ 6-2-16.9 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : 12 เมษายน 2559
  • แล้วเสร็จ : 30 สิงหาคม 2560
  • 1 Bedroom 27.9-48.9 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 42.6-52.9 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.55 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 120,000 – 160,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1375

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.784032, 100.573293

โครงการ Metroluxe รัชดา ตั้งอยู่ในย่านรัชดาระหว่างแยกสุทธิสารกับแยกที่ตัดกับถนนประชาสงเคราะห์และถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ตัวโครงการสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางทั้งจากซอยอินทามระ 47 และถนนรัชดาภิเษกฝั่งซอยเลขคี่ ซึ่งจะได้เปรียบสำหรับคนที่ใช้ถนนวิภาวดีรังสิตบ่อยๆควบคู่ไปด้วย การเดินทางมาของโครงการนี้ถือว่าสะดวกพอสมควรเนื่องจากอยู่เกือบติดกับถนนใหญ่เลยซึ่งเป็นเส้นหลักของย่านนี้เลยก็ว่าได้ โดยการเดินทางเข้าเมืองจะใช้เส้นรัชดาภิเษกออกไปกลับรถที่แยกสุทธิสาร วิ่งตรงยาวมุ่งหน้าไปทางพระราม9 จากนั้นตรงไปตัดกับเส้นเพชรบุรีจะวิ่งตรงไปอโศกเลยหรือจะตัดเข้าเส้นเพชรบุรีก็สามารถไปได้ทั้งนานา ทองหล่อ เอกมัย ฯลฯ

ส่วนถ้าจะออกนอกเมืองก็ทำได้ไม่ยากโดยใช้เส้นรัชดาภิเษก เพราะแยกสุทธิสาร เป็นแยกใหญ่ที่แจกเส้นทางไปทางต่างๆได้เช่น (ทางตะวันตก)ไปเชื่อมกับถนนวิภาวดีรังสิต,พหลโยธิน / (ทางเหนือ) ไปทางแยกรัชดาลาดพร้าว ซึ่งไปต่อได้ทั้งประชาชื่น, บางกะปิ, ห้าแยกลาดพร้าว / (ทางทิศตะวันออก) ไปทางซอย 20 มิถุนา ลัดไปเหม่งจ๋าย หรือไปออกเลียบด่วนรามอินทราก็ได้เช่นกันค่ะ เป็นทำเลที่มีตัวเลือกในการเดินทางได้หลากหลาย แต่ปัญหาของย่านนี้คือเป็นย่านคนทำงานเป็นหลัก ทำให้เวลาเข้าออกงาน รถค่อนข้างติดเป็นพิเศษ

ด้วยทำเลของโครงการนับว่ามีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรเลย เนื่องจากเป็นย่านออฟฟิศ แหล่งคนทำงานมากมาย และมหาวิทยาลัย ทำให้มีคนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น คึกคัก จะพบคอนโดมิเนียม และอพาร์ทเม้นท์จำนวนมาก จึงทำให้เกิด Hypermarket และ Shopping Center  หลายแห่งเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัย หากชอบบรรยากาศแบบศูนย์การค้า ก็จะมีอย่าง Central พระราม 9, Big C, Tesco Lotus, The Street และ เอสพลานาด(ด้านหลังเป็นตลาดนัดรถไฟ) เป็นต้น แต่ไม่ได้อยู่ในระยะเดิน ต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปนะคะ

ด้วยตัวโครงการสามารถเดินทางได้ทั้งจากถนนรัชดาภิเษก และซอยอินทามระ 47 ซึ่งต้องเข้าจากซอยรัชดาภิเษก 17 ตัวซอยนี้จัดเป็นซอยใหญ่หลักๆ ที่คนนิยมใช้ลัดเลาะเป็นเส้นทางลัด หลีกเลี่ยงได้ โดยสามารถไปได้ทั้งถนนสุทธิสาร –> วิภาวดีรังสิต –> ยาวไปถึงถนนพหลโยธินได้ หรือไปเชื่อมถนนประชาสงเคราะห์ –> ม.หอการค้า ได้ ค่อนข้างสะดวกทีเดียว (ลองดูแผนที่ประกอบได้เลยค่ะว่าจุดไหนเป็นวันเวย์ หรือตรงไหนไปได้)

สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถนั้นก็มีความสะดวกเช่นเดียวกันนะคะ เนื่องจากตัวโครงการเดินออกมาถึงถนนใหญ่ใช้ระยะทางเพียง 45 ม. ก็สามารถเรียกรถแท็กซี่ หรือวินมอเตอร์ไซค์ได้แล้วค่ะ ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้านั้นตัวโครงการจะอยู่ตรงกลางระหว่างสถานีสุทธิสาร และสถานีห้วยขวางนะคะ โดยฝั่งสถานีสุทธิสารเดินไปจะมีระยะอยู่ที่ประมาณ 550 ม. ฝั่งจากโครงการไปสถานีห้วยขวางอยู่ที่ประมาณ 600 ม. ซึ่งก็เป็นระยะที่ไม่ต่างกันมากนัก ใครฟิตหน่อยก็สามารถเดินได้อยู่ค่ะ หรือจะพึ่งพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปลงรถไฟฟ้าก็ไม่ยาก

สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะพาเดินตามรอยเส้นประสีดำนะคะ ซึ่งจะผ่านทั้งตลาดนัดและอาคารสำนักงานใหญ่ เดินดูบรรยากาศของทำเลพนักงานออฟฟิศว่าจะคึกคักและอุดมสมบูรณ์ขนาดไหนเราตามไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

เริ่มจากทางขึ้น-ลง MRT สุทธิสาร ที่ทางออก 3

ด้านหลังทางขึ้น-ลงที่ 3 เป็นตลาดนัดขายทั้งของกินและเสื้อผ้า

บรรยากาศภายในดูคึกคักมากๆ ค่ะ ขนาดเป็นช่วงก่อนพักเที่ยงก็ยังมีคนเดินซื้อของเรื่อยๆ เลยนะคะ

เดินออกมาจากตลาดนัด ตรงมาตามทางติดกับถนนรัชดาภิเษกก็มีร้านค้า ร้านอาหารให้เดินซื้อของกินได้ตลอดทางเลยค่ะ

เดินมาเรื่อยๆ ตลอดทางก็มีร้านค้า ร้านอาหารเปิดอยู่เรื่อยๆ สามารถแวะซื้อของกินก่อนจะไปลงรถไฟฟ้าใต้ดินได้เลยค่ะ

จากนั้นเราจะเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งตรงข้ามนะคะ ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับโครงการ จริงๆ หากลูกบ้านต้องการเดินระยะที่สั้นลงมาหน่อยจากรถไฟฟ้าถึงโครงการสามารถออกทางออกฝั่งเดียวกับโครงการได้นะคะ เพียงแต่ในช่วงเช้า-กลางวันจะไม่คึกคักเท่าฝั่งนี้ค่ะ

บริเวณนี้ที่คึกคักก็เพราะเป็นแหล่งอาคารสำนักงานขนาดใหญ่เยอะมากๆ เลยค่ะ ทั้งบริษัทหลักทรัพย์ และไทยประกันชีวิต

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นธนาคารธนชาติค่ะ และเราก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ผ่านโพไซดอนอีกหน่อยก็จะถึงโครงการแล้วนะคะ

บริเวณธนาคารธนชาติจะเชื่อมกับโครงการ Quinn รัชดา 17 ซึ่งบริเวณนี้ออกแบบให้เป็น Hub ขนาดย่อมๆ ที่มีร้านค้าร้านอาหารอยู่ด้านในหลากหลายอยู่เหมือนกันนะคะ ใครไม่อยากขับรถไปหาของกินไกลๆ ก็เดินมาใช้บริการได้เลย

ภายในนี้มีทั้ง Macdonalds, au bon pain และ Maxvalu เป็น Supermarket ที่เปิดตลอด 24 ชม. เลยค่ะ

ถัดมาจะเจอกับซอยรัชดาภิเษก 17 เป็นซอยที่สามารถเชื่อมเข้าซอยอินทามระ 47 ได้ ซึ่งเป็นอีกทางเข้า-ออกนึงของโครงการ

เดินผ่านโพไซดอนไปอีกหน่อยนะคะ บริเวณนี้ทำฟุตบาทให้เดินได้ค่อนข้างง่ายทีเดียวค่ะ

ถัดมาจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น มี Fitness ที่เปิดให้บริการ 24 ชม. ด้วยนะคะ

ถัดจากอาคารพาณิชย์ก็จะถึงทางเข้า-ออกโครงการ จากฝั่งถนนรัชดาภิเษกแล้วนะคะ ซึ่งบริเวณด้านหน้านี้จะเป็นส่วน Sale office ของโครงการ โดยไม่ใช่พื้นที่ของโครงการโดยตรงนะคะ ปัจจุบันเป็นการเช่าพื้นที่ของทาง Perfect Place

สำหรับที่ดินโครงการจริงๆ จะอยู่ลึกเข้าไปด้านในอีกหน่อยค่ะ โดยทาง Perfect Place ได้เปิดทางเข้านี้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้าน ให้สามารถเข้าถึงโครงการได้จากถนนรัชดาภิเษก

ความลึกของถนนตรงนี้จะอยู่ที่ 45 ม. เท่านั้นค่ะ และจะเชื่อมกับถนนสาธารณะในซอยอีกทีก่อนจะเข้าสู่โครงการ

ถนนสาธารณะในซอยนี้เป็นถนนเล็กๆ 2 เลนสวนกันนะคะ สุดทางฝั่งนี้จะเป็นทางตัน ภายในซอยนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยเกือบทั้งหมด บรรยากาศจะค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุ่กพล่าน

อีกฝั่งนึงเชื่อมเข้าซอยอินทามระ 47 ค่ะ ซึ่งก็จะมีทางเข้า-ออกของโครงการอีกจุดหนึ่งที่เปิดให้เข้า-ออกผ่านซอยอินทามระ 47 อยู่ ในอนาคตหากพื้นที่ที่ Perfect Place เช่าอยู่ไม่ได้เปิดทางให้เข้าได้จากถนนรัชดาภิเษกโดยตรงแล้ว (ไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ เพราะขึ้นอยู่กับทาง Perfect Place ไม่ใช่พื้นที่ของโครงการ) ลูกบ้านโครงการก็ยังสามารถใช้ทางเข้า-ออกในซอยอินทามระ 47 ไปทะลุออกซอยรัชดาภิเษก 17 เพื่อเข้าถนนวิภาวดีรังสิต หรือรัชดาภิเษกได้ค่ะ

บรรยากาศภายในซอยอินทามระ 47 เป็นถนนขนาดเล็ก 2 เลนสวนกัน

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ที่ตั้งโครงการอยู่จริงๆ อยู่ติดซอยอินทามระ 47 และไม่ได้อยู่ติดถนนรัชดาภิเษกนะคะ แต่อยู่ใกล้กับถนนรัชดาภิเษก ลึกเข้ามาเพียง 45 ม. เท่านั้นค่ะ สำหรับทางเข้า-ออกโครงการ จะขออธิบายจากภาพผัง Google นะคะ เพื่อความเข้าใจมากขึ้น ตัวโครงการสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางด้วยกัน โดยสามารถเข้า-ออกได้จากซอยอินทามระ 47 และ ถนนรัชดาภิเษก โดยการเข้า-ออกจากถนนรัชดาภิเษกเลยนั้นจะต้องผ่านที่ดินที่ของทาง Perfect Place ที่ปัจจุบันได้เช่าพื้นที่มาเพื่อเปิดทางเข้าให้โครงการ อำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้าน และเป็นพื้นที่ Sale Office ในปัจจุบันด้วยค่ะ ด้วยความที่พื้นที่นี้ไม่ได้เป็นของโครงการโดยตรงดังนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับนโยบายของทาง Perfect Place

ในส่วนของสภาพแวดล้อมโครงการโดยรอบจะเป็นคอนโดมิเนียมและบ้านพักอาศัย หากพูดถึงเรื่องวิวภายนอกอาคารฝั่งทิศใต้จะได้เปรียบสุดในปัจจุบัน เพราะอยู่ติดกับบ้านพักอาศัยที่มีความสูงไม่มากนัก ใครเลือกห้องชั้นบนๆ ก็สามารถมองวิวระยะไกลได้ค่ะ ส่วนทิศเหนือและทิศตะวันตกอยู่ติดกับคอนโดมิเนียมความสูง 8 ชั้นเท่ากับโครงการเลย ก็จะไม่ได้วิวระยะไกลนะคะ แต่ก็ไม่ถึงกับเสียความเป็นส่วนตัวเสียทีเดียว แลกมากับเรื่องของแดด เช่นทิศเหนือ จะไม่โดนแดดในช่วงบ่าย ทำให้ห้องไม่อบอ้าวในตอนเย็น ในขณะที่ห้องทิศตะวันตกมีโครงการข้างเคียงช่วยบังแดดให้เช่นกัน

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • MRT สุทธิสาร ~550 เมตร
  • MRT ห้วยขวาง ~600 เมตร
  • อาคารเมืองไทยภัทรคอมเพล็กซ์ (ระยะเดิน) ~ 550 ม.
  • ตลาดห้วยขวาง ~1.3 กม.
  • Big C รัชดาภิเษก ~1.8 กม.
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ~ 2.2 กม.
  • เอสพลานาด + ตลาดนัดรถไฟรัชดา ~ 2.2 กม.
  • อาคารเอไอเอ แคปปิตอล ~ 2.4 กม.
  • อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ ~ 2.5 กม.
  • ฟอร์จูนทาวน์ ~3.2 กม.
  • อาคารทรู ทาวเวอร์ ~3.9 กม.
  • Central Plaza พระราม 9 ~3.3 กม.
  • โรงพยาบาลพระราม 9 ~4.4 กม.
  • โรงพยาบาลปิยะเวท ~5.1 กม.
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ ~7.3 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

Master Plan โครงการมีการจัดวางผังโดยใช้อาคารล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้เกิดวิวภายในโครงการ สำหรับห้องพักอาศัยหันเข้าด้านในโครงการนะคะ โดยเมื่อเข้ามาผ่านจุด Drop-Off แล้ว การเดินรถจะเลี้ยวไปทางด้านหลังของอาคาร A และ D โดยที่จอดรถทั้งหมดของโครงการจะแบ่งเป็น 2 โซนหลักๆ คือโซนลานจอดรถด้านหลังอาคาร A และภายในอาคาร D ในชั้น 1-2 รวมที่จอดทั้งหมดอยู่ที่ 34% ถือว่าให้มาไม่มากเท่าไหร่นะคะ ซึ่งอาจจะไม่เป็นปัญหามากนักเพราะที่ตั้งโครงการที่อยู่ใจกลางรัชดา ก็มีตัวเลือกในการเดินทางต่างๆ ให้เลือกหลากหลาย

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ On Ground ทั้งหมดนะคะ โดยแบ่งเป็นส่วน Indoor และ Outdoor สำหรับส่วน Indoor นี้จะอยู่ชั้นล่างของอาคาร D โดยมี Fitness, Living Area และห้องน้ำที่มีห้อง Sauna ในตัว ลูกบ้านทุกอาคารสามารถมาใช้งานได้ทั้งหมด ส่วน Outdoor นั้นมีสนามเด็กเล่นด้านหน้าอาคาร ใกล้กับส่วน Drop-Off และอีกจุดคือส่วนสระว่ายน้ำตรงกลางระหว่างอาคารพักอาศัยค่ะ

เริ่มจากบริเวณหน้าโครงการ ฝั่งทางเข้าจากถนนรัชดาภิเษก จะใช้ไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ พร้อมกับด้านข้างติด CCTV ส่องหน้าคนขับให้ด้วยค่ะ และด้านซ้ายมือเป็นป้อมรปภ.

เข้ามาภายในบริเวณ Drop-Off ของโครงการ จะเห็นว่าถนนบริเวณนี้จะปูด้วย Concrete Stamp ดูสวยงามและเรียบร้อยทีเดียวค่ะ บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นเพราะได้ต้นไม้ใหญ่ตั้งอยู่บริเวณจุดเลี้ยวรถ และด้านข้างถนน

หันซ้ายมาบริเวณนี้จะเป็นพื้นที่โล่ง สำหรับจอดรถกลางแจ้งนะคะ ส่วนรอบรั้วโครงการปลูกต้นไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่ให้โดยรอบทั้งหมด

ลึกเข้ามาด้านหลังจุดเลี้ยวของ Drop-Off เป็นพื้นที่จอดรถอีก 3 คันนะคะ ลึกเข้าไปอีกหน่อยจะเป็นส่วนสนามเด็กเล่น ซึ่งทางโครงการก็กั้นแบ่งสัดส่วนชัดเจนด้วยไม้พุ่มบังสายตาได้ดี เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการมากขึ้น

หลังจากจุด Drop-Off แล้วเราจะเลี้ยวไปดูที่จอดรถกันก่อนค่อยดูพื้นที่ส่วนกลางและแต่ละอาคารในลำดับถัดไปนะคะ

ถนนโครงการเป็นแบบวิ่งสวนกัน โดยถนนจะอยู่ติดกับขอบเขตที่ดินฝั่งที่ติดกับซอยอินทามระ 47 นะคะ รอบข้างปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่นตลอดทางเลยค่ะ

ถัดมาหน่อยมีพื้นที่สำหรับซักล้างให้ ซึ่งในอนาคตน่าจะมีการวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ลูกบ้านมาหยอดเหรียญซักผ้ากันได้ และถัดไปอีกหน่อยจะเป็นส่วน service ของโครงการเช่นพื้นที่เก็บขยะต่างๆ ค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนทางเข้าที่จอดรถในอาคาร D นะคะ ซึ่งจะมีชั้นจอดรถอยู่ที่ชั้น 1-2

ถัดมาเราจะเลี้ยวไปดูที่จอดรถกลางแจ้งกันนะคะ

เลี้ยวมาแล้วและตรงมาอีกหน่อยก็จะเป็นส่วนที่จอดรถกลางแจ้งแล้วค่ะ ซึ่งสามารถจอดได้ทั้ง 2 ฝั่ง ติดกับอาคารและฝั่งที่ติดกับรั้วโครงการ โดยห้องพักอาศัยของอาคาร A ในชั้น 1 ก็จะอยู่ติดกับส่วนที่จอดรถเลยนะคะ แต่ทางโครงการมีการออกแบบเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ห้องพักอาศัยชั้นล่างของอาคาร A ด้วยการปลูกไม้พุ่มกั้นช่วยบังสายตาได้พอสมควร

ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อนบ้านมีความสูงชั้นเท่าๆ กับโครงการนะคะ ซึ่งหันหน้าเข้าหาโครงการฝั่งอาคาร A ตรงๆ ทำให้ห้องอาคาร A ฝั่งที่หันไปด้านนอก ไม่ได้วิวระยะไกล แต่ไม่ถึงกับเสียความเป็นส่วนตัวนะคะ เนื่องจากยังมีระยะห่างระหว่างอาคารพอสมควร

เลยจากอาคาร A มาแล้ว เราจะเห็นทางเดินเข้าด้านในโครงการ ระหว่างอาคาร A และ B เพื่อให้ลูกบ้านมาจอดรถแล้วสามารถเดินเข้าอาคารของตัวเองได้สะดวก ไม่ต้องเดินวนกลับไปที่ Drop-Off อีกรอบ

ลักษณะทางเดินจะเป็น Cover way ยาวๆ เชื่อมกันทั้งส่วน Lobby ในแต่ละอาคาร และพื้นที่ส่วนกลาง ให้ลูกบ้านได้เดินสบายๆ กันแดดและกันฝนได้ด้วยค่ะ โดยรวมแล้วทำออกมาได้ดีทีเดียวนะคะ ชอบบรรยากาศด้านข้างที่ปลูกต้นไม้ให้ดูร่มรื่น

จากนั้นเราเดินถัดมาที่บนถนนกันต่อนะคะ ด้านหลังของโครงการอยู่ติดกับโครงการเพื่อนบ้านอย่าง Metro Sky รัชดา ซึ่งมีความสูงพอๆ กับโครงการเช่นกันค่ะ โดยระหว่างโครงการมีการล้อมรั้วโครงการให้เรียบร้อย เป็นสัดส่วน

ถัดมาสุดขอบเขตที่ดินฝั่งทิศเหนือ ติดกับซอยอินทามระ 47 จะมีทางเข้า-ออกของโครงการอีกทางนึงนะคะ อย่างที่กล่าวกันไปแล้วก่อนหน้า ซึ่งการเข้า-ออกก็จะเหมือนกับฝั่งถนนรัชดาภิเษก คือใช้ไม้กั้นกระดกอัตโนมัติเช่นเดียวกันค่ะ

ถนนโครงการจะสิ้นสุดอยู่ตรงนี้นะคะ ไม่ได้เลี้ยวรอบโครงการได้ เพราะอีกฝั่งทางโครงการออกแบบให้เป็นส่วน Jogging Track เพื่อให้ลูกบ้านสามารถมาเดินเล่นหรือวิ่งออกกำลังกายได้แทน ส่วนบริเวณถนนนี้ฝั่งขวาออกแบบให้เป็นที่จอดรถ และฝั่งขวาแยกออกเป็น 2 เลนสวนทางกันได้

ด้านข้างติดกับถนน เป็นห้องพักอาศัยของอาคาร B ในชั้นล่างสุดนะคะ ทางโครงการมีการออกแบบเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านในชั้นพักอาศัยด้านล่างโดยการปลูกไม้พุ่มสูง เพื่อบังสายตาจากภายนอกได้ระดับนึง และยังสามารถเพิ่มความปลอดภัยให้ลูกบ้านได้มากขึ้นด้วยนะคะ

ถัดมาดูที่ส่วน Jogging Track เป็นทางเดินยาวรอบข้างด้วยต้นไม้ใหญ่ ได้บรรยากาศร่มรื่น

เดินถัดมาอีกหน่อยก็จะเจอทางเชื่อมกับทางเดินที่ตรงไปยังส่วนที่จอดรถนะคะ โดยระหว่างทางนอกจากปลูกต้นไม้ให้ดูร่มรื่นแล้วก็มีม้านั่งให้ได้นั่งเล่นชิลๆ ใต้เงาร่มไม้อีกด้วย

เดินตรงมาอีกหน่อยจะมีพื้นที่นั่งเล่นกลางสวนอยู่ โดยทำหลังคาแบบโปร่งพอบังแดดได้ระดับนึงและม้านั่งไว้นั่งเล่นชิลๆ ได้ แวดล้อมไปด้วยไม้พุ่มสีเขียว ร่มรื่น

ตลอดทางเดิน Jogging Track ซึ่งติดกับห้องพักอาศัยในชั้นล่างก็มีปลูกไม้พุ่มสูงบังสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ลูกบ้านชั้น 1 ได้ดี ซึ่งจะมีให้แบบนี้ในทุกอาคารเลยนะคะ

ออกมาจากส่วน Jogging Track จะเชื่อมกับพื้นที่สวนและสนามเด็กเล่นค่ะ เลยไปอีกหน่อยก็จะเจอส่วน Drop-Off โครงการ

สำหรับพื้นที่สวนและสนามเด็กเล่นนั้นมีพื้นที่พอสมควรให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่นกันได้ พร้อมทั้งวางเครื่องเล่นเด็กแบบ Outdoor ให้ทั้งหมดประมาณ 5 ตัว โดยมีทั้งไม้กระดก ชิงช้า และม้าโยก หน้าตาน่ารัก

ถัดมาก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นมีม้านั่งให้นั่งพักชิลๆ และเครื่องออกกำลังกายแบบ Outdoor ต่างๆ เช่นราวโหน เป็นต้นค่ะ

ด้านข้างก็มีจัดพื้นที่ไว้สำหรับนั่งเล่นได้อีกเช่นกัน เป็นม้านั่งขนาดใหญ่สามารถนั่งได้หลายคนเลย

หลังจากที่พาไปดูส่วนจอดรถ ทางเดินรอบอาคาร สวน และสนามเด็กเล่นมาแล้ว เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปดูโซนพื้นที่ส่วนกลางด้านในโครงการกันต่อนะคะ เริ่มจากส่วน Drop-Off หน้าโครงการกันอีกรอบ บริเวณนี้มีหลังคาขนาดใหญ่ยื่นออกมาเพื่อกันแดดกันฝนได้ โดยบริเวณนี้จะเป็นส่วนทางเข้าอาคาร D นะคะ แต่เราจะยังไม่เข้าภายใน Lobby อาคารนะคะ เราจะเลี้ยวซ้ายไปดูพื้นที่ส่วนกลางกันก่อน

เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้วก็จะเป็นทางเดินยาวๆ แบบนี้ค่ะ ลักษณะจะเป็นทางเดินแบบ Semi-Outdoor ขนานไปกับสนามเด็กเล่นเมื่อสักครู่ที่เราพาไปดูมา โดยฝั่งขวาที่เราเห็นเป็นกระจกเงานั้นจะเป็นห้องนั่งเล่นและห้องฟิตเนสที่อยู่เชื่อมกันนะคะ

เข้ามาด้วยในจะเจอกับส่วนต้อนรับก่อนนะคะ โดยจะมีเคาน์เตอร์ Reception พร้อมด้วยชุดโซฟาล้อมรอบเสา และโซฟาอีก 1 ตัว และแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน โดยฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ส่วนฝั่งซ้ายเป็นส่วน Fitness ค่ะ

บริเวณพื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดกับกระจกด้านข้างทำให้ได้แสงสว่างจากภายนอกพอสมควร ช่วยให้ภายในดูโปร่งโล่งมากขึ้น บริเวณนี้จัดชุดโซฟาขนาดใหญ่ และชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งเล่นชิลๆ ได้

อีกฝั่งเป็นส่วน Fitness นะคะ มีขนาดพอสมควรเลยค่ะ โดยบริเวณด้านหน้าวางเครื่องวิ่งให้ทั้งหมด 3 ตัว หันออกไปยังสวนและทางเดินด้านนอก

อีกฝั่งนึงเป็นเครื่องปั่นจักรยานและที่นั่งสำหรับยกเวทต่างๆ ได้ โดยจะอยู่ติดหน้าต่างอีกเช่นเคย เพื่อสามารถมองออกไปยังสวนด้านนอกได้ชัดเจน ชมสวนขณะออกกำลังกายได้ชิลๆ ค่ะ

และสุดท้ายส่วนที่ติดกับเคาน์เตอร์ต้อนรับนั้นวางเครื่องเวทเทรนนิ่งให้อีก 2 เครื่องด้วยกัน รวมจำนวนเครื่องเล่นทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 8 เครื่องค่ะ และถัดไปด้านหลังส่วน Fitness เป็นทางเข้าห้องน้ำนะคะ โดยแบ่งเป็นชาย/หญิงอยู่คนละด้านกัน

ภายในห้องน้ำตกแต่งหรูหรา น่าใช้งานทีเดียว มีอ่างล้างมือพร้อมติดกระจกเงาให้เรียบร้อย ส่วนฝั่งซ้ายที่เห็นเป็นร่อง 2 ร่องนั้นคือพื้นที่สำหรับทิ้งขยะค่ะ

ส่วนฝั่งซ้ายติดกับอ่างล้างมือจะเป็นห้องซาวน่านะคะ ซึ่งมีให้ทั้งห้องน้ำผู้ชายและผู้หญิงเลยค่ะ

ถัดมาฝั่งขวาของอ่างล้างมือกันก็จะเป็นส่วนห้องน้ำและ Locker

บริเวณ Locker Built-in ตู้เก็บของให้เป็นสัดส่วนเรียบร้อยพร้อมกุญแจล็อกสำหรับช่องเก็บของตัวเอง ด้านข้างมีที่นั่งให้ด้วยเผื่อใครจะนั่งแต่งตัวหรือเก็บของต่างๆ ก็ทำได้สะดวกค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนห้องน้ำและห้องอาบน้ำ ภายในมีพื้นที่พอสมควรเลยค่ะ สะอาดและน่าใช้งาน

ถัดมาจะเป็นส่วน Colonate Pavillion หรือศาลานั่งเล่นและทำหน้าที่เป็น Cover way เชื่อมทางเดินระหว่างอาคาร C และ A ให้ด้วยนะคะ บริเวณนี้มองตรงไปเลยเราจะเห็นสระว่ายน้ำกลางโครงการเลยค่ะ

มองย้อนกลับมาตรง Colonate Pavillion ออกแบบให้เป็นส่วนนั่งเล่นริมสระ พร้อมชุดโซฟาแบบ Outdoor ขนาดใหญ่ ด้านบนมีหลังคาพร้อมกันแดดและฝนได้ดี ให้ลูกบ้านได้นั่งเล่นริมสระแบบชิลๆ เลยค่ะ

สำหรับสระว่ายน้ำที่นี่จะเป็นสระแบบกลางแจ้ง ระบบเกลือ สระเดียวแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน บริเวณที่ใกล้กับ Colonate Pavillion จะเป็นสระเด็กเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถนั่งโซฟาชิลๆ แต่ก็ยังดูแลเด็กๆ ได้ทั่วถึงได้ ถัดไปจะเป็นสระผู้ใหญ่นะคะ โดยสระทั้งหมดมีขนาด 13 x 50 ม. ลึก 1.3 ม. จัดเป็นสระที่มีความยาวแบบ Olympic Size สามารถว่ายออกกำลังกายได้เต็มที่เลยค่ะ และมีขนาดที่สามารถแชร์การใช้งานกับเพื่อนร่วมโครงการได้แบบเพียงพอ

ด้วยความที่เป็นสระว่ายน้ำตรงกลางท่ามกลางอาคารล้อมรอบ แม้จะเป็นสระกลางแจ้งแต่ก็จะได้ร่มเงาจากอาคารที่ล้อมรอบทำให้บริเวณสระไม่ร้อนมากนัก ในตอนกลางวัน ยกเว้นช่วงเที่ยงตรงๆ เลย ดังนั้นการมาว่ายน้ำในตอนกลางวันก็ยังสามารถมาว่ายได้สบายๆ สาวๆ ไม่ต้องกลัวผิวดำได้เลยค่ะ

สำหรับอาคาร C ห้องชั้นล่างที่หันไปเข้าสระว่ายน้ำเท่านั้นที่จะได้พื้นที่ห้องอยู่ติดกับสระอย่างแท้จริง โดยจะมีประตูกั้นบริเวณระเบียงห้อง เปิดประตูมาก็ลงสระได้เลย ทางโครงการทำบันไดลงสระให้แยกส่วนแต่ละห้องเรียบร้อยเลยค่ะ

อีกฝั่งเป็นส่วน Sun Deck หรือพื้นที่นั่งเล่นริมสระ มีทั้งแบบม้านั่งและ Day Bed ให้เรียบร้อย พร้อมทั้งอยู่ติดกับ Outdoor Shower ไว้ล้างตัวหลังจากขึ้น-ลงสระได้สะดวก

สุดพื้นที่สระว่ายน้ำ จะมีส่วน Jacuzzi ให้นั่งเล่นผ่อนคลายในน้ำ โดยมีแรงดันน้ำช่วยบำบัดให้ผ่อนคลายค่ะ

ด้านข้างสระเป็นทางเดิน Cover Way ยาวไปเชื่อมทุกอาคารเลย เพื่อให้เดินได้ง่ายและกันแดดกันฝนดีทีเดียวค่ะ

สำหรับห้องพักอาศัยในชั้นล่างที่หันเข้าสระว่ายน้ำของอาคาร A และ B นั้นจะได้พื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ พร้อมทั้งมีประตูรั้วไว้สำหรับเดินเข้า-ออกจากส่วนระเบียงได้เลยค่ะ เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางได้สะดวกมากขึ้น  สำหรับใครที่ชอบใช้ Facilities ง่ายๆ และอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ เหมือนอยู่บ้าน ไม่เน้นอยู่บนชั้นสูงๆ รวมไปถึงไม่ซีเรียสเรื่องเสียงดังจาก Facilities หรือความเป็นส่วนตัว เวลามีลูกบ้านคนอื่นๆ เดินผ่านไปมาหน้าห้องมากนัก ห้องลักษณะแบบนี้ก็ตอบโจทย์นะคะ

ติดกับสระว่ายน้ำเลยมีพื้นที่นั่งเล่นเป็นม้านั่งรูปตัว L 2 ตัว ใต้ร่มไม้ ให้มานั่งเล่นชิลๆ ได้เลยค่ะ

เราเข้ามาดูที่อาคาร D กันก่อนนะคะ เพราะเป็นอาคารแรกจาก Drop-Off เลย สำหรับอาคาร D นี้จะมีผังที่แตกต่างจากอาคารอื่นๆ อยู่พอสมควรนะคะ เพราะเป็นอาคารที่เป็นทั้งที่จอดรถในชั้น 1-2 และค่อยเป็นชั้นพักอาศัยในชั้น 3-8 โดยในชั้น 1 ของอาคาร D จะมีเพียงส่วน Lobby ต้อนรับลูกบ้านและ Visitor เท่านั้น

บรรยากาศส่วน Lobby อาคาร D มีขนาดใหญ่กว่า Lobby อาคารอื่นๆ นะคะ โดยจัดชุดโซฟาทั้งหมด 4 ชุดใหญ่ไว้รองรับลูกบ้านมานั่งเล่น หรือต้อนรับแขกในบริเวณนี้ได้อย่างเต็มที่

ถัดเข้ามาด้านในเป็นส่วนโถงลิฟต์โดยสาร โดยแต่ละอาคารจะมีทั้งหมด 2 ตัวด้วยกันนะคะ สำหรับอาคาร D มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 120 ยูนิต ตกชั้นละ 15 ยูนิต คิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์เพียง 60:1 เท่านั้นค่ะ ถือว่าเป็นอาคารที่มีความหนาแน่นภายในอาคารน้อยนะคะ

สำหรับลิฟต์โดยสารทุกตัวในทุกอาคารจะได้ลิฟต์แบบล็อกชั้นทั้งหมด โดยลูกบ้านจะต้องใช้บัตรสแกนก่อนกดชั้นได้ ซึ่งจะสามารถกดได้เฉพาะชั้นพักอาศัยของตัวเองและชั้น 1 ที่ลงมายัง Lobby เท่านั้นค่ะ จึงช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านมากขึ้น

ขึ้นมาที่ชั้น 3-8 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมดนะคะ สำหรับอาคารนี้จะเน้นห้องพักอาศัยขนาดใหญ่โดยเริ่มต้นที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. เป็น Type ห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในอาคารนี้ค่ะ และจะมีห้อง 2 Bedroom อยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ขนาด 43 ตร.ม. เป็นห้องแบบหน้ากว้างเปิดรับวิวและแสงธรรมชาติได้ดี

ขึ้นมาที่ชั้นพักอาศัย บริเวณโถงลิฟต์ตกแต่งเรียบง่าย ให้หน้าต่างและบานกระจกขนาดใหญ่ทำให้แสงเข้ามาได้ดี ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแสงจากหลอดไฟในตอนกลางคืน สามารถช่วยประหยัดไฟได้พอสมควรเลยค่ะ

บริเวณโถงทางเดินสะอาดเรียบร้อย และมีความกว้างมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 1.5 ม. ค่ะ ปลายทางเดินได้หน้าต่างช่วยระบายอากาศภายในโถงและยังช่วยให้แสงสว่างเข้าได้ดีอีกด้วยค่ะ

สำหรับอาคาร A ทางเข้าจากส่วน Lobby จากนั้นสแกนบัตรเพื่อเข้าสู่โถงลิฟต์โดยสาร หรือใครที่อยู่ชั้น 1 ก็เดินเข้าสู่โถงทางเดินด้านข้างของลิฟต์โดยสารได้เลยค่ะ สำหรับห้องพักอาศัยในชั้นนี้ฝั่งที่หันเข้าสู่พื้นที่ส่วนกลางด้านในโครงการจะเป็นห้องที่มีระเบียงขนาดใหญ่ สามารถจัดให้เป็นระเบียงพักผ่อน วางโต๊ะเก้าอี้สนามได้ รวมไปถึงยังเป็นทางเข้า-ออกของห้องได้อีกด้วยค่ะ เพราะมีประตูเข้า-ออกให้ตรงรั้วระเบียงเลย เชื่อมกับทาง Cover Way ด้านนอกอาคารได้ ส่วนฝั่งที่หันไปทางซอยอินทามระ 47 จะมีขนาดห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาดกะทัดรัดขึ้นมาหน่อยอยู่ที่ประมาณ 28 ตร.ม. และไม่มีระเบียงที่มีประตูเข้า-ออกได้จากระเบียงเลยเหมือนห้องฝั่งติดกับสระว่ายน้ำนะคะ ส่วนห้องมุมฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นห้อง 2 Bedroom ค่ะ

บริเวณทางเข้าส่วน Lobby อาคาร A เชื่อมกับทางเดินของพื้นที่ส่วนกลางนะคะ ตกแต่งด้วยกระจกตลอดแนว พร้อมทั้งมีบานกระทุ้งด้วยเพื่อที่จะสามารถระบายอากาศภายใน Lobby ได้ดี

ภายในตกแต่งได้หรูหราทีเดียวค่ะด้วยสีทองแดงสลับกับสีทอง มีวางชุดโซฟา และโต๊ะเก้าอี้ให้ทั้งหมดประมาณ 2-3 ชุดด้วยกัน ไว้สำหรับลูกบ้านในอาคารนี้มานั่งเล่นได้ หรือผู้ติดต่อลูกบ้านอาคารนี้นั่งคอย

ถัดเข้ามาส่วนโถงลิฟต์ตกแต่งได้หรูหราเช่นเดียวกันเลยค่ะ ตัวลิฟต์ของอาคารมีให้ทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ฝั่งตรงข้ามลิฟต์ Built-in ตู้จดหมายให้เรียบร้อยสวยงามค่ะ

อีกฝั่งจากโถงลิฟต์โดยสารเลี้ยวซ้ายจะเป็นห้องพักอาศัยในชั้น 1 นี้

บรรยากาศบริเวณโถงทางเดินดูสะอาดเรียบร้อย และปลายทางก็ออกแบบให้เป็นช่องแสงเช่นเดียวกับอาคาร D นะคะ

 

ชั้น 2-8 ของอาคาร A จัดวางผังแบบ Double Corridor มาตรฐาน เน้นห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. เป็นหลัก โดยฝั่งที่หันเข้าหาสระว่ายน้ำจะมีผังแปลนที่แตกต่างกับห้อง 28 ตร.ม.เหมือนกันแต่หันไปทางฝั่งซอยอินทามระ 47 โดยห้องที่หันไปทางสระว่ายน้ำจะได้เป็นครัวเปิด เน้นพื้นที่นั่งเล่นได้วิวภายนอก และห้องนอนขนาดใหญ่มีห้องน้ำในตัว ในขณะเดียวกันห้อง 28 ตร.ม. ที่หันไปทางฝั่งซอยอินทามระ 47 จะเป็นห้องที่ได้ครัวปิด เหมาะกับการทำอาหารมากขึ้น เป็นสัดส่วน แต่ก็แลกมากับพื้นที่นั่งเล่นที่ไม่ได้วิวภายนอก และขนาดห้องนอนที่เล็กลงมาค่ะ

สำหรับจำนวนยูนิตต่อชั้นของอาคาร A นี้อยู่ที่ 18 ยูนิตต่อชั้น รวมจำนวนยูนิตทั้งอาคารอยู่ที่ 143 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 71.5 : 1 หนาแน่นกว่าอาคาร D เล็กน้อย แต่ยังถือว่ามีความหนาแน่นภายในอาคารไม่มากอยู่นะคะ

สำหรับอาคาร C ชั้น 1 มีการจัดผังมีความคล้ายคลึงกับอาคาร A นะคะ แต่จะเน้นห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ในฝั่งที่หันออกด้านนอก หรือทิศใต้ จะเห็นว่าห้องฝั่งทิศใต้นี้มีพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ขึ้นมาหากเทียบกับห้องอาคาร A ฝั่งด้านนอก หรือทิศเหนือ เนื่องจากตัวห้องหันออกไปยังส่วน Jogging Track อยู่ใกล้สวนและต้นไม้ สามารถชมวิวสวนได้อย่างใกล้ชิด มีบรรยากาศร่มรื่น ดังนั้นจึงออกแบบให้ห้องในฝั่งทิศใต้นี้สามารถเปิดรั้วระเบียงออกมายังสวนได้ เช่นเดียวกับห้องด้านในโครงการ

ชั้น 2-8 ของอาคาร C มีการวางผังใกล้เคียงกับอาคาร A เช่นกันค่ะ โดยฝั่งที่หันไปยังด้านนอกหรือทิศใต้ จะได้ผังห้องแบบที่เป็นครัวปิด ส่วนฝั่งที่หันเข้าพื้นที่ส่วนกลาง (สระว่ายน้ำ) จะเป็นห้องที่ได้ห้องนอนขนาดใหญ่ และพื้นที่นั่งเล่นสามารถชมวิวได้จากภายในห้อง ส่วนจำนวนยูนิตทั้งหมดต่อชั้นอยู่ที่ 21 ยูนิต รวมจำนวนยูนิตทั้งอาคารอยู่ที่ 167 ยูนิต คิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ประมาณ 83.5 : 1 ก็ยังถือเป็นอาคารที่มีความหนาแน่นน้อยอยู่นะคะ

บรรยากาศบริเวณ Lobby อาคาร C มีความคล้ายคลึงกับอาคาร A นะคะ ทั้งโทนสีและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง

รูปแบบการออกแบบ Lobby จะมาในแนวหรูหรา มีที่นั่งโซฟาพร้อมทั้งโต๊ะเก้าอี้ไว้รองรับลูกบ้านและแขกของลูกบ้านไว้ทั้งหมดประมาณ 4 ชุดด้วยกัน ฝั่งขวามือเป็นประตูทางเข้าส่วนโถงลิฟต์ซึ่งต้องสแกนบัตรผ่านทุกครั้ง เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านค่ะ ในส่วนชั้นอื่นๆ นั้นมีการตกแต่งทั้งหมดเหมือนกับอาคาร A เลยนะคะ

สำหรับอาคาร B เป็นอาคารฝั่งทิศตะวันตก หรืออยู่ด้านในสุดของโครงการ ลักษณะการวางทิศทางอาคารจะแตกต่างกับอาคารอื่นๆ ทั้งหมด โดยเน้นหันหน้าห้องไปฝั่งทิศตะวันออก – ตะวันตก ทำให้ห้องฝั่งทิศตะวันตกนั้นอาจจะร้อนกว่าห้องในทิศอื่นๆ นะคะ เพราะรับแสงตอนช่วงบ่ายพอดีค่ะ ส่วนการวางผังอื่นๆ จะเหมือนกับอาคาร A-C เลยค่ะ

ชั้น 2-8 ของอาคาร B มีจำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 17 ยูนิต และอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคารอยู่ที่ 67.5 : 1 จัดว่ามีความหนาแน่นภายในอาคารไม่มากค่ะ

บรรยากาศด้านหน้าอาคาร B จะมีการออกแบบเหมือนกับ Lobby อาคาร A และ C ที่พาไปดูก่อนหน้านี้นะคะ คือเน้นตกแต่งด้วยกระจกใส พร้อมติดหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศภายใน Lobby ได้ดี ช่วยในเรื่องการประหยัดพลังไฟฟ้าของโครงการได้ดีเลยค่ะ เพราะช่วยให้ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศได้ รวมไปถึงจำเป็นต้องเปิดไฟในช่วงกลางวันด้วย จึงช่วยประหยัดค่าไฟต่างๆ ได้ระดับด้วยนะคะ

บริเวณด้านใน Lobby ตกแต่งหรูหรา ด้วยสีทอง-ครีม-ไม้ มีการจัดชุดโซฟาขนาดใหญ่ไว้ให้ลูกบ้านมานั่งเล่น พักผ่อนหรือนัดแขกมาคุยงานบริเวณนี้ได้ค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 13×50 เมตร แบ่งสระเด็กและสระผู้ใหญ่
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 8 เครื่อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 133.75 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 71.5 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 67.5 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก C 83.5 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก D 60 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 185 คันคิดเป็น 34%
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

โครงการ Metroluxe รัชดา เน้นห้องพักอาศัย 1 Bedroom ขนาดกำลังอยู่สบายๆ ในการอยู่อาศัย 1-2 คน เริ่มต้นที่ประมาณ 28 ตร.ม. ไปจนถึงห้อง 2 Bedroom ขนาดประมาณ 43 ตร.ม. ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องมุมของอาคารได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และได้กระจกเข้ามุมเปิดมุมมองได้มากขึ้น

รูปแบบการขายของที่นี่จะเป็นแบบ Fully Fitted โดยสิ่งที่ได้คือ ชุดเคาน์เตอร์ครัว เครื่องปรับอากาศ และสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำค่ะ

เริ่มต้นกันที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.9 – 29.5 ตร.ม. ตำแหน่งที่ตั้งของห้องนี้จะอยู่ฝั่งที่หันเข้า Facilities ตรงกลางของโครงการ ได้วิวเป็นบรรยากาศสระว่ายน้ำ และสวนรอบๆ ดูร่มรื่น

ภายในตัวห้องแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วน Common Area และห้องนอนใหญ่ สำหรับส่วน Common Area เข้ามาจะเป็นส่วนครัวเปิดก่อน เชื่อมกับพื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นจะอยู่ติดกับส่วนระเบียง สามารถรับแสงธรรมชาติ และชมวิวภายนอกได้ดี เข้ามาในส่วนของห้องนอนสำหรับแปลนนี้ถือว่าให้ความสำคัญของพื้นที่ภายในห้องนอนพอสมควรจะเห็นว่าห้องนอนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ได้เป็นสัดส่วนและมีห้องน้ำภายในตัว

เริ่มกันที่หน้าห้องกันนะคะ ประตูหน้าห้องใช้วัสดุเป็น HDF ปิดผิวด้วยลามิเนต ขนาดประตูใหญ่กว่ามาตรฐานเล็กน้อย ทำให้เปิดพื้นที่ได้พอสมควรเลยค่ะ ส่วนมือจับเป็นก้านโยกสแตนเลส

เข้ามาภายในห้องพื้นโซนแรกจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ส่วนครัว ซึ่งจะเหมาะกับการปูด้วยพื้นกระเบื้องมากที่สุด เนื่องจากทำความสะอาดง่าย และมีความคงทนในการใช้งาน ลึกเข้าไปหน่อยสำหรับส่วนพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นจะใช้พื้นลามิเนตค่ะ

บรรยากาศห้องส่วน Common Area มีความโปร่งโล่งพอสมควรเลยค่ะ เพราะได้ช่องเปิดเป็นประตูบานเลื่อนส่วนพื้นที่นั่งเล่น รับแสงสว่างจากภายนอกเข้ามาได้ดี ส่วนฝ้าเพดานจะอยู่ที่ 2.4 ม. มาตรฐานนะคะ

หันหลังกับมาบริเวณหน้าห้องเลยคือพื้นที่ครัว ลักษณะจะเป็นครัวเปิด ซึ่งเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้อง Type นี้ เพื่อให้บรรยากาศภายในห้องไม่คับแคบมากเกินไป หากต้องกั้นเป็นสัดส่วน การเปิดพื้นที่แบบนี้จะได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งมากกว่านะคะ แต่ก็แลกมากับการทำอาหารที่จะเน้นการทำอาหารแบบง่ายๆ มากกว่า เช่น การอุ่น หุง ต้ม เป็นต้น อย่างการทอดหรือผัดอาจจะทำให้กลิ่นอาหารลอยฟุ้งไปโซนอื่นๆ ได้

ชุดเคาน์เตอร์ครัวที่ได้เป็นมาตรฐาน จะได้ทั้งเคาน์เตอร์และชุดชั้น Built-in ด้านบน

เคาน์เตอร์ครัวใช้หินสังเคราะห์สีขาว ด้านล่างเว้นช่องไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้า และอีกฝั่งเป็นช่องเก็บของใต้อ่างล้างมือ สามารถวางของได้ระดับนึงค่ะ ส่วนพวกจาน ชามต่างๆ ไปวางไว้ชั้นเก็บของด้านบนจะเหมาะกับการใช้งานมากกว่านะคะ สำหรับบนเคาน์เตอร์มีเพียงส่วนอ่างล้างมือที่ให้มานะคะ หากต้องการทำอาหารเองให้ใช้เป็นเตาไฟฟ้าปิกนิกค่ะ

อ่างล้างมือเป็นเนื้อเดียวกับเคาน์เตอร์ครัวเลยนะคะ ขนาดกำลังดีในการใช้งานไม่เล็กมากเกินไป

สำหรับชั้นวางของด้านบนทำเป็นช่องสำหรับวางจานชามต่างๆ ได้พอสมควรค่ะ มีด้านขวาที่ให้บานเปิดมาด้วย สำหรับวางของต่างๆ ที่ต้องการความสะอาดมากขึ้น กันฝุ่นต่างๆ ได้เช่นจานชาม ส่วนฝั่งที่เป็นชั้นวางปกติไม่ได้ให้บานเปิดมาก็อาจจะใช้วางซอส หรือเครื่องปรุงต่างๆ ได้ค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์เป็นพื้นที่รับประทานอาหาร และที่วางตู้เย็น โดยสำหรับที่วางตู้เย็นนี้จะอยู่ติดกับมุมห้องฝั่งใกล้ประตูทางเข้าห้องนะคะ เราจะเห็นปลั๊กไฟอยู่ ถัดมาเป็นพื้นที่วางโต๊ะและเก้าอี้สำหรับรับประทานอาหาร ซึ่งเหมาะกับวางชุดที่นั่ง 2 ที่นั่งกำลังดีค่ะ หรือมากสุดคือ 3 ที่นั่ง

ถัดมาคือพื้นที่นั่งเล่น โดยบริเวณนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งได้แสงและวิวจากภายนอกดีทีเดียวค่ะ สำหรับความกว้างของระยะทีวีและชุดโซฟาจะอยู่ที่ประมาณ 1.7 ม. ซึ่งสามารถวางทีวีขนาดใหญ่ประมาณ 40″-42″ ได้เลย จะพอดีกับระยะสายตามากที่สุดค่ะ

สำหรับขนาดของโซฟาจะเป็นขนาด 2 ที่นั่งกำลังดี เหมาะสมกับพื้นที่นะคะ

ถัดมาเป็นประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ตอน ใช้วงกบแบบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ

ขนาดระเบียงได้มาพอสมควรเลยนะคะ สามารถใช้งานได้จริง โดยพื้นจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ราวกันตกมีส่วนนึงก่อด้วยปูนและด้านบนเป็นราวเหล็กพ่นสีเทาเรียบร้อย

ด้านข้างแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์หันเข้าระเบียง ซึ่งใครที่ต้องการทำระเบียงส่วนนี้เป็นระเบียงไว้สำหรับนั่งเล่นก็สามารถติดกริลตรงคอมเพรสเซอร์แอร์ได้นะคะ เพื่อให้ลมร้อนเบี่ยงออกด้านนอกแทน

อีกฝั่งของระเบียงมีติดตั้งก็อกสนาม และดวงโคมติดผนังให้เรียบร้อยค่ะ

วิวจากชั้น 3 จะมองเห็นสระว่ายน้ำได้ชัดเจนเลยค่ะ ส่วนอาคารฝั่งตรงข้ามพอมีระยะห่างประมาณนึงที่ไม่ถึงกับเสียความเป็นส่วนตัวไปนะคะ

มาที่ห้องนอนกันต่อนะคะ สำหรับห้องนอนของแปลนนี้จะได้เป็นห้องที่มีสัดส่วนชัดเจน ไม่ใช่เพียงห้องที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกนะคะ ดังนั้นก็จะให้ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นทีเดียวค่ะ โดยประตูทางเข้าห้องจะอยู่ด้านหลังของโซฟา เป็นประตู HDF มาตรฐานปิดผิวด้วยลามิเนต และใช้ลูกบิดมาตรฐาน

ภายในห้องได้ขนาดพื้นที่พอสมควร สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย พร้อมพื้นที่ทางเดินรอบเตียง บรรยากาศภายในห้องนอนนี้จะค่อนข้างโปร่งโล่งดีนะคะ นอกจากขนาดพื้นที่ที่จัดมาให้พอสมควรแล้วก็ยังมีหน้าต่างที่มีความกว้างจากผนังนึงไปสุดอีกผนังนึงทำให้เปิดช่องแสงได้มากขึ้นด้วยค่ะ

อีกฝั่งของเตียงมีพื้นที่พอสมควรสามารถจัดโต๊ะเครื่องแป้งขนาดกะทัดรัดได้ พร้อมทั้ง Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ด้วยนะคะ แต่แนะนำให้ Built-in ตู้เสื้อผ้าที่เป็นบานเลื่อนจะเหมาะสมสุดค่ะ เพราะจะได้ไม่ไปกินพื้นที่ทางเดิน ทำให้เดินได้สะดวกมากขึ้น ส่วนประตูที่ติดกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำในห้องนอนค่ะ

สำหรับพื้นที่ห้องน้ำจะลดระดับลงเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมาส่วนห้องนอนได้ดี ภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิก พร้อมแยกส่วนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วน

บริเวณส่วนแห้งประกอบด้วยอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ โดยบริเวณผนังอ่างล้างมือจะกรุด้วยกระจกเงาให้เรียบร้อย

อ่างล้างมือมีขนาดกำลังดีในการใช้งาน มีพื้นที่ด้านข้างอ่างเล็กน้อยในการวางของต่างๆ เช่นสบู่ ครีมล้างมือ ส่วนด้านล่าง Built-in ชั้นเก็บของให้ด้วยค่ะ

โถสุขภัณฑ์จาก Cotto ขนาดกำลังดี โดยรอบมีพื้นที่พอสมควร ให้นั่งได้สบายไม่อึดอัด

ถัดมาที่พื้นที่อาบน้ำให้ฉากกั้นกระจกเป็นมาตรฐาน สามารถกันน้ำกระเด็นจากพื้นที่อาบน้ำได้ดีเลยค่ะ ส่วนด้านข้างของโถสุขภัณฑ์มีเซตพื้นที่ผนังเข้าไปเล็กน้อยเพื่อเป็นช่องสำหรับวางของต่างๆ ได้ดีเลยค่ะ

พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยธรณียกสูงขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อกันน้ำไหลย้อนออกไปที่พื้นที่ส่วนแห้ง

ฝักบัวที่ได้มีทั้งฝักบัวสายอ่อน และ Rain Shower จาก Hafele พร้อมทั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นมาตรฐาน

มือจับขนาดกำลังพอดี ส่วนหัวฝักบัวมีขนาดมาตรฐานในการใช้งานค่ะ

ถัดมาเป็นห้อง 2 Bedroom ลักษณะเป็นห้องแบบหน้ากว้าง แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจน โดยแบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ ด้วยกันคือส่วน Common Area อยู่บริเวณทางเข้าห้องตรงเข้ามาก็จะเจอพื้นที่ครัว เชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดกับระเบียงด้านนอก ถัดเข้ามาอีกโซนนึงจะเป็นโซน Private ซึ่งแบ่งเป็นห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ โดยระหว่างพื้นที่ Common Area และพื้นที่ Private จะมีการเชื่อมพื้นที่ด้วยโถงทางเดินเป็นการแบ่งสัดส่วนได้ชัดเจน และเสมือนเป็นเปลี่ยนถ่ายอารมณ์ได้

เข้ามาภายในห้องมีบรรยากาศโปร่งโล่งดีทีเดียว เนื่องจากตัวแปลนเป็นแบบหน้ากว้างจึงได้ช่องเปิด (หน้าต่าง) มากขึ้น โดยเมื่อเข้ามาเราจะเจอส่วน Common Area กันก่อนนะคะ เริ่มจากส่วนครัว พื้นที่รับประทานอาหาร เลยไปถึงพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดกับระเบียงภายนอกค่ะ

สำหรับพื้นที่ส่วนครัว ถือว่าได้พื้นที่ค่อนข้างมากพอสมควรนะคะ บริเวณพื้นครัวนี้จะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เช่นเดียวกับ 1 Bedroom ที่เราพาไปดูมาก่อนหน้านี้ ซึ่งการปูกระเบื้องแบบนี้จะเหมาะกับการใช้งานส่วนครัวได้ดีนะคะ ทั้งเรื่องการทำความสะอาดง่ายแล้วก็คือความคงทนในการใช้งานอีกด้วย

ส่วนชุดครัวทั้งหมด จะได้เหมือนกับห้อง 1 Bedroom เลยนะคะ รวมทั้งขนาดก็เท่ากันด้วยค่ะ

ฝั่งตรงข้ามชุดครัวแบ่งเป็นพื้นที่วางตู้เย็นบริเวณมุมฝั่งซ้าย ถัดมาเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งสามารถวางโต๊ะเก้าอี้สำหรับ 4 ที่นั่งได้แบบพอดีๆ นะคะ แต่ก็จะมีติดกับชุดโซฟาบริเวณพื้นที่นั่งเล่นเล็กน้อย เป็นไปได้ก็สามารถสลับทิศเป็นทิศที่ให้เก้าอี้หันหลังชนผนังก็ได้นะคะ จะคล่องตัวมากกว่าในการใช้งาน

ถัดมาที่พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดไม่ต่างจากพื้นที่นั่งเล่นของห้อง 1 Bedroom มากนักนะคะ สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ 40″-42″ ได้สบาย

ชุดโซฟาที่กำลังดีกับพื้นที่ใช้สอยส่วนนี้คือโซฟาแบบ 2 ที่นั่ง (Love Seat) พร้อมสามารถวางโต๊ะกลางได้เลยค่ะ

ถัดมาที่ส่วนระเบียงมีขนาดกำลังดีในการใช้งานจริง อยู่ที่ประมาณ 2 x 0.9 ม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกมาตรฐาน

ส่วนตำแหน่งของคอมเพรสเซอร์แอร์ก็เช่นเดียวกันกับห้อง 1 Bedroom นะคะ แต่มีเพิ่มเติมคือได้เครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้นมาอีกตัว ส่วนการหันของเครื่องปรับอากาศเป็นแบบเป่าเข้านะคะ สำหรับใครที่ต้องการใช้พื้นที่ระเบียงเป็นพื้นที่นั่งเล่นนั้นก็สามารถติดกริลให้เครื่องปรับอากาศได้นะคะ เพื่อเบี่ยงลมร้อนออกไปด้านนอก จะได้นั่งได้สบายมากขึ้นค่ะ

ถัดมาที่โถงทางเดินเพื่อเข้าสู่โซน Private อย่างห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ โดยส่วนขวาของโถงจะเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกับพื้นที่ Comon Area และห้องนอนเล็กนะคะ

ภายในห้องนอนเล็กมีขนาดกะทัดรัดกำลังดีสำหรับวางเตียงขนาด Single Bed บรรยากาศภายในไม่ได้เล็กมากนักเพราะได้หน้าต่างขนาดใหญ่เพิ่มพื้นที่แสงเข้าสู่ห้องนอนได้ดี ทำให้ได้ความโปร่งโล่งมากขึ่น

เมื่อวางเตียงขนาด Single Bed แล้วจะมีฝั่งซ้ายที่ติดกับหน้าต่างไม่ได้ทางเดินข้างเตียงนะคะ เพื่อให้ฝั่งขวาของเตียงนั้นมีพื้นที่มากขึ้น เป็นทั้งทางเดินและพื้นที่สำหรับแต่งตัว รวมไปถึงวางตู้เสื้อผ้าด้วยค่ะ

พื้นที่วางตู้เสื้อผ้ามีขนาดพอสมควรนะคะ ไม่เล็กมากเกินไป สามารถจุเสื้อผ้าได้พอสมควรเลยค่ะ ซึ่งตู้เสื้อผ้านี้ไม่ได้มีให้เป็นมาตรฐานนะคะ ลูกบ้านต้องซื้อมาวางเองหรือสั่ง Built-in เองค่ะ

ส่วนห้องน้ำที่ใช้ร่วมกับพื้นที่ Common Area และห้องนอนเล็กมีการจัดวางสุขภัณฑ์ภายใน รวมไปถึงการแยกส่วนเปียกและแห้งเหมือนกับห้องน้ำในห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ

ถัดมาที่ห้องนอนใหญ่ สำหรับห้องนอนใหญ่สามารถแบ่งได้เป็น 2 โซนด้วยกัน โดยโซนเตียงนอนจะอยู่ติดริมหน้าต่าง เพื่อได้รับแสงธรรมชาติและชมวิวได้ดีค่ะ สำหรับบริเวณเตียงนอนนี้สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้เลย แต่จะพอดีกับขนาด 5 ฟุตมากที่สุด เพื่อที่จะได้มีพื้นที่รอบเตียงให้สามารถเดินได้สบาย ส่วนบริเวณปลายเตียงนั้นสามารถแขวนทีวีได้ค่ะ เพราะทางโครงการได้ติดตั้งปลั๊กไฟต่างๆ ให้เรียบร้อย

อีกฝั่งเป็นส่วน Walk-in Closet และโต๊ะเครื่องแป้ง นะคะ โดยในห้องมาตรฐานจะได้เป็นพื้นที่โล่งไม่ได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าให้นะคะ ให้ลูกบ้านสามารถ Built-in หรือจัดสรรพื้นที่โซนนี้ด้วยตัวเองได้ ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

อย่างห้องตัวอย่างนั้นได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าให้ดูเป็นตัวอย่างนะคะ โดยจะวางไว้ตำแหน่งด้านข้างเหมือนห้องตัวอย่าง หรือจะดันไปด้านหลัง แล้วทำพื้นที่ด้านข้างเป็นโต๊ะเครื่องสำอางค์ก็ได้เช่นกันค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 11 December 2017

  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการอยู่ที่ 120,000 – 160,000 บาท

  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • จอง

  • 1 Bedroom ขนาด 27.9 – 29.5 ตร.ม. 10,000 บาท
  • 1 Bedroom ขนาด 34.4 – 39 ตร.ม. 20,000 บาท
  • 1 Bedroom ขนาด 48.9 ตร.ม. 30,000 บาท
  • 2 Bedroom 30,000 บาท

  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Metroluxe รัชดา เป็นโครงการบนทำเลใจกลางย่านรัชดา ในรูปแบบ Low Rise สไตล์ Resort เน้นความเป็นส่วนตัวโดยการแบ่งอาคารทั้งหมด 4 อาคาร ให้แต่ละอาคารมีจำนวนยูนิตไม่มาก ต่อชั้นสูงสุดที่ 21 ยูนิต เพื่อความเป็นส่วนตัว และเงียบสงบ เน้นการเดินทางสะดวกทั้งจากถนนรัชดาภิเษกหรือทางวิภาวดีรังสิต เพราะตัวโครงการสามารถเข้า-ออกได้จากทั้ง 2 ทาง คือถนนรัชดาภิเษก และซอยอินทามระ 47 ที่สามารถเชื่อมเข้าซอยรัชดาภิเษก 17 ที่ทะลุออกวิภาวดีรังสิตได้ง่าย

    ทำเลโครงการอยู่ในย่านที่ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ทั้งกลางวันและกลางคืน หาของกินของใช้ได้สะดวกมาก ทั้งที่ใกล้ๆ เลยก็จะมีตรงอาคารธนชาติที่มี Maxvalu, Macdonald, au bon pain เป็นต้น ขยับมาหน่อยบริเวณใกล้อาคารสำนักงานใหญ่ๆ ก็มีทั้งตลาดนัดและร้านค้าร้านอาหารมากมายให้เลือกซื้อ ส่วนช่วงกลางคืนจะเดินหรือนั่งวินไปแถบถนนประชาสงเคราะห์หรือประชาราษฎร์บำเพ็ญก็มีร้านค้าร้านอาหารเปิดอย่างคึกคักทีเดียวค่ะ

    สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถก็จัดว่าสะดวก แม้ตัวโครงการจริงๆ จะไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่รัชดาภิเษกแต่ก็อยู่ลึกเข้ามาเพียง 45 ม. เท่านั้นเองค่ะ สามารถเดินออกไปโบกพี่แท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ได้ง่ายเลยค่ะ รวมไปถึงตัวโครงการนี้อยู่ระหว่าง MRT สถานีห้วยขวางและสุทธิสาร โดยมีระยะห่างอยู่ที่ 550-600 ม. สามารถเดินไปขึ้นได้ หรือใครขี้เกียจเดินจะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ไปต่อก็สะดวกเช่นกัน

    การออกแบบโครงการทำออกมาได้น่าอยู่ สวยงามและที่สำคัญร่มรื่น ได้ความรู้สึกในสไตล์ Resort ที่เน้นบรรยากาศที่ผ่อนคลายชัดเจนดีค่ะ ตัวโครงการวางผังโดยใช้อาคารล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งเหมาะกับโครงการ Low Rise ที่มีความสูงชั้นไม่มาก ไม่สามารถมองวิวภายนอกในระยะไกลได้เท่ากับอาคาร High Rise ดังนั้นการสร้างวิวภายในด้วยพื้นที่ส่วนกลางจึงตอบโจทย์มากกว่า ห้องพักอาศัยด้านในสามารถชมวิวจากพื้นที่ส่วนกลางได้ดี ส่วนห้องพักอาศัยด้านนอกจะมีทิศใต้และทิศตะวันออกที่ได้วิวระยะไกลนะคะ ส่วนจุดเด่นอีกอย่างก็จะเป็นในเรื่องความหนาแน่นน้อย ซึ่งตอบโจทย์คนที่ชอบความเป็นส่วนตัวไม่พลุ่กพล่าน

    การออกแบบห้อง 1 Bedroom จัดมาได้ลงตัวดี เน้นพื้นที่ภายในห้องนอนอย่างเต็มที่ มีขนาดใหญ่และได้ห้องน้ำในตัว พื้นที่นั่งเล่นติดระเบียงมองวิวได้ ส่วนครัวจะเป็นแบบครัวเปิดไม่เน้นประกอบอาหารหนักมากนักค่ะ ส่วนห้อง 2 Bedroom เป็นห้องหน้ากว้างที่จัดโซนได้ชัดเจนเป็นสัดส่วนโดยแบ่งเป็น Common Area และ Private ในส่วน Common Area ประกอบด้วย พื้นที่ครัว รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งโดยรวมจัดวางได้มาตรฐานนะคะ จะมีติหน่อยตรงเคาน์เตอร์ครัวขนาดเท่าๆ กับห้อง 1 Bedroom เลย น่าจะได้ใหญ่กว่านี้ และพื้นที่รับประทานอาหารเมื่อจัดวางเฟอร์นิเจอร์เป็นโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่งเหมือนในห้องตัวอย่างจะฟิตติดกับโซฟาไปหน่อยค่ะ ส่วนโซน Private ทำออกมาได้ดี ห้องนอนใหญ่ได้ขนาดใหญ่เช่นเดิม มีพื้นที่ Walk-in Closet เป็นสัดส่วนด้วย

    วัสดุเมื่อเทียบกับราคาให้มาไม่มากเท่าไหร่นะคะ การตกแต่งเป็นรูปแบบ Fully Fitted โดยจะได้ชุดเคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ และ Sink ไม่มี Hob & Hood พร้อมเครื่องปรับอากาศและสุขภัณฑ์จาก Cotto ให้ฝ้าเพดานสูง 2.4 ม. จัดเป็นความสูงมาตรฐาน พื้นห้องเป็นลามิเนต และพื้นห้องน้ำกับระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม. ค่ะ

    สาธารณูปโภคและสภาพแวดล้อมภายในโครงการทำออกมาได้ดี สวยงาม น่าใช้งานทีเดียวค่ะ ชอบบรรยากาศโครงการที่ร่มรื่นจากการจัดต้นไม้จัดสวนต่างๆ มาอย่างจัดเต็ม ส่วน Facilities ถือว่าให้มาโอเค และเพียงพอในการใช้งาน อย่างสระว่ายน้ำมีขนาดความยาวเท่า Olympic Size สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริง มี Fitness ซาวน่า Jogging Track สนามเด็กเล่น มาครบครัน พร้อม Lobby แยกในแต่ละอาคาร เป็นสัดส่วนดีค่ะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 120,000 – 160,000 บาท/ตร.ม., 11 December 2017

    • ทำเล (ปัจจุบันที่ยังสามารถเข้า-ออกจากถนนรัชดาภิเษกได้) 7.5/10 – เดินทางได้จากซอยอินทามระ 47 และถนนรัชดาภิเษก อยู่ในย่านใจกลางรัชดา ใกล้แหล่งอุดมสมบูรณ์ในระยะเดิน
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – สะดวกสำหรับคนที่เดินทางด้วยเส้นรัชดาภิเษก หรือวิภาวดีรังสิต
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – เดินไปเรียกรถง่าย และมีระยะห่างจาก MRT ทั้ง 2 สถานีประมาณ 550-600 ม.
    • วัสดุ 6/10 – ให้มาไม่มาก และต้องมีงบเผื่อสำหรับซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม
    • แบบ 7/10 – ผังโครงการจัดมาได้ดี ความหนาแน่นน้อย ตัวห้องเป็นสัดส่วนแต่ยังมีความไม่ลงตัวบ้างเล็กน้อยแก้ปัญหาโดยใช้เฟอร์นิเจอร์ได้
    • สาธารณูปโภค 8/10 – บรรยากาศโครงการน่าอยู่ ร่มรื่น ได้ Facilities ครบครัน และน่าใช้

    • UPPER CLASS
    • 7.35 / 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ Metroluxe รัชดา คอนโด Low Rise พร้อมอยู่ในย่านใจกลางรัชดาภิเษก เหมาะกับคนที่ชอบโครงการมีความสงบ ยูนิตต่ออาคารไม่มาก ได้บรรยากาศแนวรีสอร์ท ร่มรื่น ผ่อนคลายอยู่ใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวก ทั้งถนนรัชดาภิเษกและวิภาวดีรังสิต อยู่ไม่ไกลจาก MRT มากนัก มีงบเผื่อไว้สำหรับตกแต่งห้องเพิ่ม และมีงบประมาณเริ่มต้นที่ 3.55 ล้านบาท