รีวิวฉบับที่ 1341 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชม Bella Costa หัวหิน จาก Property Perfect คอนโดตากอากาศติดชายหาด ริมทะเล เป็น Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร และ 4 ชั้น 4 อาคาร ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 105  ระหว่างเขาเต่ากับวนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี ตอนนี้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจึงเข้าไปเก็บบรรยากาศมาให้ชมกันค่ะ

Fact @ 22 April 2017 

  • Bella Costa Huahin (เบลล่า คอสต้า หัวหิน)
  • บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน ซอย หัวหิน อำเภอ ปราณบุรี
  • คอนโด Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร และ 4 ชั้น 4 อาคาร รวม 6 อาคาร จำนวน 323 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 16 ยูนิตที่อาคาร A และ B, 7 ยูนิตที่อาคาร C,D,E และ 5 ยูนิตที่อาคาร F
  • ที่จอดรถประมาณ 40% รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 11-3-13  ไร่
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : สร้างเสร็จพร้อมอยู่
  • 1 Bedroom 45-55 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom Duplex 62.50-81.50 ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms 60-67 ตารางเมตร
  • 3 Bedrooms+ 78-96 ตารางเมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม. (รอราคา Update จากโครงการ)
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเล ชะอำ ได้ที่นี่ : คลิก
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเล หัวหิน ได้ที่นี่ : คลิก
  • คิด.เรื่อง.อยู่ – รีวิวคอนโดตากอากาศ Bella Costa หัวหิน : คลิก
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1375

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 12.420034, 99.980390

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

โครงการ Bella Costa หัวหิน ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 105 คนที่เคยมาแถวนี้บ่อยๆจะรู้ว่าซอยนี้คือซอยที่ใช้มุ่งหน้าไปทาง วนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี ซึ่งจะเป็นพื้นที่สีเขียวติดทะเลขนาดใหญ่ในอำเภอปราณบุรีค่ะ การไปโครงการถ้าเรามาจากกรุงเทพฯ เราก็จะใช้ถนนเพชรเกษมขับผ่านตัวเมืองหัวหินเลยมุ่งหน้าไปทางปราณบุรี เลยเขาเต่าไปนิดนึงก็จะเจอกับทางเข้า ซอยหัวหิน 105 อยู่ทางซ้ายมือ ขับรถเข้าซอยไปอีกประมาณ 4.2 กิโลเมตร ก็จะเจอกับโครงการค่ะ

สำหรับ “หัวหิน” เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่นัก ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงนิดหน่อยก็ถึงแล้ว จุดเริ่มต้นเขตหัวหินจะนับจากอุโมงค์ทางลอดใต้รันเวย์สนามบิน โดยมีแหล่งท่องเที่ยวต่างๆอย่างเช่น เพลินวาน ตลาดโต้รุ่งหัวหิน Cicada market และ สวนน้ำ Vananava เป็นต้น สำหรับชายหาดบริเวณโครงการนี้ถือว่าดี เดินเล่นได้ ว่ายน้ำได้ไม่สกปรกเหมือนหาดในเมือง และค่อนข้างสงบเป็นส่วนตัว จะเหมาะกับคนที่มาตากอากาศพักผ่อน ในส่วนภาพรวมของหัวหินทางเรามีวิเคราะห์ไว้บ้างแล้ว เข้าไปดู คลิกที่นี่ ค่ะ

การเดินทางเราเริ่มจากสนามบินหัวหิน ตรงมาเรื่อยๆบนถนนเพชรเกษม วิ่งผ่านตัวเมืองมา โครงการจะอยู่ในซอยหัวหิน 105 ค่ะ เป็นทางไปวิ่งไปวนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี

จากกรุงเทพฯเดินทางเพื่อมุ่งหน้ามาหัวหินโดยใช้ถนนเพชรเกษม พอเราลอดอุโมงค์ทางลอดใต้รันเวย์สนามบินก็จะเข้าสู่เขตของหัวหินแล้วค่ะ

พอลอดอุโมงค์มาก็จะเจอกับทางเข้าสนามบินหัวหิน เราจะมุ่งหน้าตรงต่อไป

ตรงมาตามทางเรื่อยๆในตัวเมืองหัวหิน บรรยากาศค่อนข้างคึกคักโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เพราะคนมาเที่ยวกัน ถนนเพชรเกษมการจราจรก็ยังถือว่าค่อนข้างแน่นหน่อย สามารถวิ่งได้เรื่อยๆ ทางฝั่งขวาจะเจอกับเพลินวาน แหล่งท่องเที่ยวที่จำลองบรรยากาศของตลาดไทยสมัยโบราณ

ถัดมาอีกซักระยะทางฝั่งซ้ายคือ วังไกลกังวล

ซึ่งในบริเวณใกล้ๆกันจะมีร้านขนมและของฝากขึ้นชื่อของเมืองหัวหิน คือ ร้านขนมปังฝรั่งเศส The Baguette

ถัดมาทางฝั่งขวาเป็นตลาดฉัตรไชย ตรงไปอีกหน่อยจะเป็นตลาดโต้รุ่งหัวหิน ตั้งอยู่บนถนนเดชานุชิต หรือซอยหัวหิน 72 เปิดช่วงเย็นๆ มีแผงร้านค้า ร้านของฝาก ร้านอาหารต่างๆมากมาย

ตรงมาตามทางจะเจอกับวัดหัวหิน วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองหัวหิน

ผ่านโรงพยาบาลชานเปาโล

ถัดมาอีกหน่อยเป็น Market Village ศูนย์การค้าที่มีครบทั้ง  Tesco Lotus, HomePro, Major Cineplex, Major Bowl & Karaoke ,Com 7, SB Furniture ร้านค้า และ ร้านต่างๆ

เราจะมุ่งหน้าต่อไปตามป้ายทางไปประจวบฯค่ะ

ไปตามทางโค้งเลย ถ้าเบี่ยงไปทางซ้ายจะเป็นทางไปเขาตะเกียบ

ตามป้ายบอกทางไปประจวบคีรีขันธ์ ปราณบุรี ทางฝั่งซ้ายจะสังเกตเห็นสวนน้ำ Vana Nava อยู่

ตรงมาตามทางจะผ่านอุทยานราชภักดิ์ เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต 7 พระองค์

ตรงตามทางมาอีกหน่อย จะต้องเลี้ยวเข้าซอยหัวหิน 105 ซึ่งจะอยู่ทางฝั่งซ้าย ถ้าเราวิ่งตรงต่อไปไม่เลี้ยวเข้าซอยก็จะไปทางปราณบุรีค่ะ

หน้าปากซอย 105 จะมีจุดสังเกตคือ มีตึกแถว มี Family Mart อยู่ด้วย ซึ่งการที่มี Minimart อยู่ในที่แบบนี้ ถือเป็นเรื่องดีนะคะนอกจากจะมีร้านค้าที่เป็นที่ให้พึ่งพิงได้แล้ว ยังแปลว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่มีคนใช้สัญจรไป-มาอยู่เป็นประจำ จึงมีการตั้งมินิมาร์ทตรงนี้ขึ้น

ช่วงต้นซอยคึกคักหน่อยมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟสด

ขับเข้าไปนิดนึงจะเจอกับทางข้ามทางรถไฟค่ะ พอผ่านทางรถไฟแล้ว จะมีทางแยก เราจะต้องเลี้ยวไปทางซ้ายจากนั้นก็ตรงไปตามทางเรื่อยๆเลย

จากหน้าปากซอยจะต้องตรงเข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นทางมุ่งหน้าไปวนอุทยานปราณบุรี (มีป้ายบอกทางตลอด) ในซอยนี้มีโครงการอยู่เยอะเหมือนกันทั้งหมู่บ้านจัดสรร คอนโด High Rise ติดทะเลที่สร้างมานานแล้ว เพราะเนื่องจากปัจจุบันกฎหมายผังเมืองของหัวหินไม่อนุญาตให้สร้างตึกสูงติดทะเลแล้วค่ะ

สภาพแวดล้อมในซอยบางส่วนโดยเฉพาะช่วงที่ใกล้ๆกับโครงการจะเป็นธรรมชาติแบบนี้ค่ะ

ถึงแล้วค่ะ โครงการ Bella Costa หัวหิน

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

โครงการตั้งอยู่ในซอยหัวหิน105 ลึกเข้ามาด้านใน ติดกับชายหาด ใกล้ๆกับวนอุทยานปราณบุรี สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ของเป็นที่ดินเปล่าและพื้นที่ธรรมชาติ แต่ละด้านติดกับ

  • ทิศเหนือ – ติดกับที่ดินเปล่า
  • ทิศตะวันออก – หรือฝั่งด้านหลังโครงการติดกับชายหาด
  • ทิศใต้ – ติดกับที่ดินเปล่า ถัดไปจะเป็นพื้นที่ของวนอุทยานปราณบุรี
  • ทิศตะวันตก – ติดกับถนนซอย พื้นที่ธรรมชาติและป่าชายเลน

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ชายหาดเขาเต่า –  2 เมตร
  • วนอุทยานปราณบุรี  –  1.2 กิโลเมตร
  • รพ.กรุงเทพหัวหิน –  3 กิโลเมตร
  • ตลาดโต้รุ่งหัวหิน –  5 กิโลเมตร
  • Cicada market  –  5 กิโลเมตร
  • สนามบินหัวหิน –  7 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Bella Costa หัวหิน เป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร และ 4 ชั้นอีก 4 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 11-3-13 ไร่ มีลักษณะที่เป็นที่ดินหน้าแคบและยาวๆแบบนี้ ด้านหน้าโครงการติดถนนซอยหัวหิน 105 และด้านหลังของที่ดินติดชายฝั่งทะเล มีหน้ากว้างของที่ดินส่วนที่ติดหาด ประมาณ 50 เมตร มีความยาวจากด้านหน้าถึงด้านหลังโครงการ ประมาณ 350 เมตร ถ้าอยู่ตึก A จะเข้า-ออกโครงการสะดวก แต่ถ้าไปที่หาดก็อาจจะเดินไกลนิดนึงแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะทางโครงการมีรถกอล์ฟคอยบริการรับส่งลูกบ้านอยู่แล้ว ประจำอยู่ตามแต่ละอาคารเลยค่ะ  อาคารที่อยู่ด้านหลังก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รูปแบบของโครงการ จะเป็นอาคารคอนโดมิเนียมทั้งหมด 6 อาคาร แบ่งออกเป็นอาคาร A และ B ที่จะเป็นอาคารสูง 7 ชั้น 2 อาคาร และอาคาร C,D,E,F ที่เป็นอาคารสูง 4 ชั้นอีก 4 อาคาร รวมทั้ง 6 อาคารมีจำนวนยูนิต 323 ยูนิต จำแนกแต่ละอาคารได้ดังนี้

  • อาคาร A สูง 7 ชั้น 107 ยูนิต
  • อาคาร B สูง 7 ชั้น 112 ยูนิต
  • อาคาร C สูง 4 ชั้น 28 ยูนิต
  • อาคาร D สูง 4 ชั้น 28 ยูนิต
  • อาคาร E สูง 4 ชั้น 28 ยูนิต
  • อาคาร F สูง 4 ชั้น 20 ยูนิต (Beachfront)

ทั้งนี้ Facilities ต่างๆ จะอยู่กระจายไปตามแต่ละจุดของโครงการ โดยลูกบ้านสามารถใช้ร่วมกันได้หมด จะมี ฟิตเนสอยู่ชั้นล่างอาคาร A สระว่ายน้ำอยู่ที่บริเวณด้านหลังอาคาร A , B ถัดไปเป็นสวนหย่อม และยังมี Facilities อยู่ในส่วนที่กับติดหาดบริเวณสุดทางด้านหลังอยู่อีก ถนน Main จะอยู่ทางด้านขวาของที่ดิน คือด้านทิศใต้ ซึ่งตลอดแนวถนนจะเป็นที่จอดรถของโครงการ โดยจะจอดรถด้านนอกอาคารทั้งหมด ไม่มีการจอดใต้อาคารทำให้พื้นที่พักอาศัยค่อนข้างเป็นส่วนตัว มีที่จอดรวมกัน 96 ช่อง คือประมาณ 30% ไม่รวมซ้อนคัน หรือรวมซ้อนคันก็ประมาณ 40% ค่ะ

เรามาชมของจริงกัน ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาคารแรกที่อยู่ด้านหน้าสุดคืออาคาร A เป็นอาคารสูง 7 ชั้น การออกแบบเค้าจะทำออกมาเป็นสไตล์รีสอร์ท  อาคารใช้โทนสีส้มและลายฉลุในการตกแต่ง

ทางเข้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนซอยหัวหิน 105 ค่ะ

จากถนนพอเข้าไปด้านในจะเป็นถนนหลักของโครงการ ซึ่งด้านหลังถัดจากรั้วกั้นไม้กระดกจะเป็นที่จอดรถ ส่วนทางฝั่งซ้ายจะเป็น Drop-off สำหรับจอดรถรับ-ส่ง ถัดเข้าไปเป็นทางเข้า Lobby อาคาร A

ผนังด้านข้างมีการตกแต่งด้วยลวดลายดูมีลูกเล่นดี มีการซ่อนไฟแทรกอยู่ด้วย ทางฝั่งซ้ายทำเป็นผนังโค้งๆสไตล์รีสอร์ท

ด้านหน้าทางเข้า Lobby ของอาคาร A ค่ะ การออกแบบตัวอาคารภายนอกของโครงการนี้เค้าจะมีการทำผนังเป็นทรงโค้ง หรือ ดีไซน์ประตูหน้าต่างให้เข้ากับ Concept

ที่จอดรถจะอยู่ด้านหลังกั้นด้วยไม้กระดก เป็นที่จอดรถด้านนอกอาคารทั้งหมด ไม่มีการจอดใต้อาคารเลยทำให้ภายในส่วนพักอาศัยค่อนข้างเป็นส่วนตัวและสงบ

ที่จอดรถเป็นแบบกลางแจ้ง มีทำหลังคาบังแดดไว้ให้ ด้านหน้าที่เห็นจอดอยู่คือรถกอล์ฟรับส่งภายในโครงการค่ะ ถ้าเราไม่อยากเดินไปชายหาดไกลก็เรียกใช้บริการได้

ข้างๆทางเข้าที่จอดรถเป็นทางเดินยาวๆไปที่ชายหาดที่อยู่ด้านหลัง

ทางเดินดีไซน์เป็นซุ้มต้นไม้ดูร่มรื่นและเข้ากับ Concept โครงการดี รออีกหน่อยต้นไม้เลื้อยบนหลังคาก็จะขึ้นแน่นกว่านี้ค่ะ

เดินถัดมาหน่อยจะเป็นทางเข้าอาคาร B ซึ่งจะไม่มี Lobby เหมือนกับอาคาร A เข้าไปจะเป็นโถงลิฟต์และห้องพักเลย

เรากลับมาดูที่อาคาร A กันก่อนค่ะ

บริเวณด้านหน้าก่อนทางเข้า Lobby จะเป็นโถงฝ้าเพดานสูง

เข้ามาด้านในเจอส่วนของ Lobby มีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ตั้งอยู่

ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่นั่งพักคอย ซึ่งมีทางเดินออกไปที่สระว่ายน้ำด้านหลังบริเวณประตูที่เปิดอยู่

ตู้จดหมายจัดไว้อยู่บริเวณนี้เหมือนกันค่ะ

ตู้จดหมายตกแต่งด้วยวัสดุไม้ บริเวณนี้จะมีหน้าต่างเปิดรับแสงเข้ามาทำให้ดูโปร่ง

ผนังฝั่งที่ติดกับโซนสระว่ายน้ำส่วนใหญ่จะเป็นหน้าต่าง เราสามารถนั่งชมวิวสระได้

ที่อาคาร A จะมีฟิตเนสด้วย ดังนั้นข้อดีของคนที่อยู่อาคารนี้คือจะลงมาใช้ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และ Lobby ได้สะดวกอีกทั้งยังเข้า-ออกโครงการได้ง่าย

ผนังฝั่งที่ติดกับสระว่ายน้ำเป็นหน้าต่างสามารถออกกำลังกายไปชมวิวไปด้วยได้

ถัดมาอีกฝั่งหนึ่งเป็นโถงลิฟต์ อาคาร A และ B จะมีลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว เป็นแบบล็อคชั้น

ขึ้นมาที่ชั้นบนการออกแบบโถงลิฟต์คล้ายๆกับที่ชั้นล่างค่ะ

อาคารนี้จะมีโถงช่องเปิดที่เชื่อมต่อกันทุกชั้น ทำให้อากาศไหลเวียนได้ดี มีแสงธรรมชาติเข้ามาในตัวอาคาร ทำให้รู้สึกโปร่ง

บรรยากาศของโถงทางเดินค่ะ

สำหรับผังอาคาร A ข้อดีของอาคารนี้คือเป็นตึกหน้าสุด ชั้นล่างมี Lobbyและจุด Drop-Off ด้านหน้า ทุกตึกจะใช้ Lobby ร่วมกันคือที่ตึก A นี้ ส่วนอาคารอื่นๆก็จะมีแค่โถงลิฟต์ธรรมดาไม่มี Lobby พื้นที่ที่ติดกับ Lobby จะมีห้องออกกำลังกาย หรือ Fitness รับวิวสระว่ายน้ำ ออฟฟิศของนิติบุคคลก็จะอยู่ที่ใต้ตึก A ด้วยค่ะ ห้องพักอาศัยของทุกอาคารจะเริ่มต้นที่ชั้น 1 ตึก A นี้ ที่ชั้น 1 จะมีห้องพักอยู่ทั้งหมด 12 ยูนิต ทุกห้องจะเป็นแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด ลิฟต์ของตึก A มีอยู่ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์  54:1 จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ

การเลือกทิศของตึก A นี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ทิศที่เห็นทะเลคือทิศตะวันออก แต่ว่าห้องที่อยู่ทิศตะวันออกของตึกนี้มีแค่ 2 ห้อง แถมดันอยู่ติดกับตึก B ด้วย ทำให้มองไม่เห้นวิวทะเลตรงๆ ห้องปกติจะอยู่ทิศเหนือ-ใต้ เห็นวิวทะเลพอๆกัน แต่ทิศเหนือจะร้อนน้อยกว่า ส่วนห้องพิเศษของตึก A นี้จะเป็นห้องที่อยู่ที่ Wing ทั้งสองฝั่ง ที่เป็นห้องทิศตะวันตกของตึก แต่ยื่นออกมาจากตัวตึก (ในรูปคือห้อง 54 ตารางเมตร) ซึ่งจะเป็นห้องที่ไม่มีอะไรมาบังวิวด้านทิศตะวันออกเลย ทำให้จะมองเห็นวิวทะเลแบบเต็มๆ แถมด้านหลังยังได้วิวทิศตะวันตกที่เป็นวิวภูเขาด้วย เท่ากับว่า เป็นห้องที่สามารถรับวิวได้ 3 ด้านพร้อมกัน

ส่วนที่ชั้น 7 ของตึก A นี้จะเป็นยูนิตพิเศษ โดยจะเป็นห้องแบบ MOFF คือเป็นห้อง Duplex แบบที่ไม่มีประตูเปิดออกที่ชั้น 2 เสมือนว่าเป็นห้องแบบ 1 ชั้นครึ่ง คือมีชั้นลอยอยู่ในห้องแต่ละห้อง ห้อง MOFF นี้จะเป็นแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมดค่ะ อาคารนี้จะมีส่วนที่เป็นช่องเปิดเชื่อมถึงกันทุกชั้นด้วย ทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี

ส่วน Floor Plan ตึก B จะเป็นห้องพักล้วนๆ ไม่มี Lobby มีแค่ลิฟต์ 2 ตัว อัตราส่วน 56:1 ห้องของตึก B มีห้องแค่ 2 แถว ทิศเหนือกับทิศใต้ ทิศเหนือร้อนน้อยกว่าแต่ทั้งสองทิศเห็นวิวทะเลพอๆกัน ตึก B นี้จะมีข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ ห้องทิศตะวันออกของชั้น 5 ขึ้นไป จะอยู่เหนือตึก C ที่อยู่ข้างๆ ทำให้ไม่มีอะไรมาบังวิวทะเลและจะมองเห็นวิวทะเลได้ชัดเจนกว่า

ชั้น 7 ตึก B ก็จะมีห้องแบบ MOFF เหมือนกับตึก A นะคะ ซึ่งเป็นยูนิตที่มีเฉพาะแค่ 2 ตึกนี้

เรากลับมาดูที่พื้นที่ส่วนกลางด้านหลังอาคาร A และ B จะมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ด้านข้างมีจัดสวนอยู่รอบๆ

ตัวอาคารมีการออกแบบให้ผนังฝั่งที่อยู่ด้านนอกทำมุมเอียงเล็กน้อยเพื่อเปิดรับวิวได้ดีขึ้น มีการยื่นของผนังออกมาไม่เท่ากันทำให้ห้องข้างๆกันมองไม่เห็นกันจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว และทำให้ตัวอาคารดูมีมิติมากขึ้น ซึ่งก็มีการเล่นสีให้แตกต่างกันเป็นลูกเล่น ตรงพื้นที่วาง Condensing unit ของแอร์ มีการทำลายฉลุบังไว้ดูสวยและเข้ากับโครงการดี

โครงการนี้พอทำเสร็จแล้ว มีการลงต้นไม้และจัดสวนให้ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน มีทั้งรอบๆสระและพื้นที่ระหว่างอาคารด้วย

ระหว่างอาคารจะมีการจัดสวนหย่อมเล็กๆ ซึ่งดีเทลต่างๆออกแบบมาได้เข้ากับ Concept ทั้งต้นไม้ที่เลือกและของตกแต่ง

มีการใช้ลายฉลุตกแต่งบริเวณผนังด้วย

เดินถัดมาจะมีสระเล็กๆอยู่ติดกับซุ้มนั่งพักผ่อน

ซุ้มนั่งพักผ่อน ผนังรอบๆเป็นลายฉลุสีขาว มีชุดที่นั่งวางอยู่ 2-3 ชุด มานั่งเล่นเช้าๆเย็นๆรับวิวริมสระได้ แต่ถ้ามากลางวันเลยอาจจะร้อนหน่อย ^^

ถัดจากซุ้มนั่งเล่นไปก็จะเป็นพื้นที่สวนและสระว่ายน้ำ

มุมมองย้อนกลับค่ะ ตอนนี้เราเดินผ่านอาคาร A มาแล้ว

ติดๆกันจะเป็นสระว่ายน้ำที่อยู่บริเวณอาคาร B

มี Jacuzzi มาให้ด้วย

ห้องที่อยู่ชั้น 1 ริมสระว่ายน้ำ ระเบียงจะอยู่ติดกับสระสามารถเปิดรั้วที่กั้นลงมายังบริเวณสระได้เลย

พื้นที่ข้างๆสระนี้ก็จัดเป็นสวนหย่อมเช่นกัน

เดินมาอีกหน่อยจะเจอกับซุ้มนั่งพักผ่อนอีกจุดหนึ่ง รอบจัดเป็นสวนค่อนข้างร่มรื่น

ถัดไปทางฝั่งขวาจะเป็นโซนของอาคาร C,D,E,F ที่เป็นอาคารสูง 4 ชั้นอีก 4 อาคาร  ทางเดินบริเวณนี้จะตรงไปที่ชายหาด มีจัดสวนอยู่รอบๆ

สวนบริเวณนี้มีทั้งพุ่มไม้ ไม้ต้น และ พื้นที่นั่งพักผ่อนสลับกันไป

มีส่วนที่ทำหญ้าเป็นลวดลายกราฟฟิกที่คล้ายๆกับลายฉลุที่ใช้ในโครงการด้วยค่ะ

เดินมาอีกหน่อยก็จะถึงกับทางไปชายหาดด้านหลังโครงการแล้ว

อาคาร C,D,E,F จะลักษณะเป็นแบบนี้ค่ะ คือเป็นคอนโด 4 ชั้น

วางเรียงกัน 4 อาคาร ด้านหลังอาคารที่มี 4 ชั้น (C,D,E,F) เป็นพื้นที่สวนหย่อม

สำหรับ Floor Plan ของตึก C, D, E ทั้ง 4 ชั้นจะหน้าตาคล้ายๆกันหมด คือเดินเข้ามาในตึกปุ๊บก็จะเป็นห้องพักเลย ในแต่ละชั้นมีห้องอยู่ 7 ห้อง และมีโถงลิฟต์, ห้องขยะ และบันไดหนีไฟอยู่ตรงกลาง ห้องจะแบ่งเป็นหลักๆแค่ห้องทิศเหนือ กับห้องทิศใต้ และถ้าสังเกตจากผังตึก ก็จะเห็นว่าผนังห้องแต่ละห้องจะมีความเอียงเช่นเดียวกับตึก A, B เพื่อให้ทุกห้องสามารถเห็นวิวทะเลได้หมด แต่ตึก C, D, E นี้ทิศตะวันตก-ตะวันออกจะโดนขนาบ 2 ด้านด้วยตึกข้างๆ ทำให้บังวิวกันเอง อาจจะมองเห็นทะเลไม่ชัดนัก ต้องอาศัยขึ้นไปอยู่ชั้นสูง แล้วมองทะเลจากมุมข้างๆแทน

และสุดท้ายคือ Floor Plans ของตึก F ซึ่งตึกนี้จะค่อนข้างพิเศษ เนื่องจากเป็นตึกที่อยู่ติดหน้าหาดมากที่สุด มีความสะดวกที่สุดในการเดินลงไปเล่นหาด หรือไปใช้ Facilities ที่อยู่หน้าหาด ตัวห้องออกแบบมาให้มองเห็นวิวทะเลได้แบบไม่มีอะไรมาบัง เขาก็เลยจัดห้องใหญ่มาใส่ตึกนี้ทั้งหมด เริ่มต้นที่ 2-Bed ขนาด 61 ตารางเมตร จนถึง 3 Bed ขนาด 96 ตารางเมตร ตัวรูปแบบตึกและหน้าตาจะไม่เหมือนตึกอื่นเลย ถ้าอยากได้วิวทะเลเยอะๆ ก็ต้องเลือกห้องทิศตะวันออกนะ ซึ่งจะได้ห้องมุมด้วยแต่ราคาจะสูงที่สุดในโครงการเลย ส่วนห้องทิศเหนือ-ทิศใต้ก็ยังมองเห็นทะเลได้ค่อนข้างดี เพราะถึงแม้ตึกจะเตี้ย แต่ว่าอยู่ใกล้ทะเลที่สุด ไม่ถึง 100 เมตรก็เดินไปถึงหาดแล้ว ดังนั้นน่าจะยังได้วิวที่ค่อนข้างโอเค (แต่เลือกชั้น 4 ก็ย่อมวิวดีกว่าชั้น 1 นะ)

เดินมาจนสุดทางจะเจอกับทางออกไปที่ชายหาด ตรงนี้จะมี Facilities อยู่อีกจุดหนึ่ง

มีพื้นที่สำหรับจัดปาร์ตี้ สังสรรค์ ถัดไปด้านหลังเป็นสระว่ายน้ำและทางเดินไปที่ชายหาด

เราสามารถใช้พื้นที่ตรงที่จัดปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำได้

บริเวณรอบๆสระมีม้านั่งอาบแดดมาให้

ด้านหลังโครงการจะมีสระว่ายน้ำอยู่อีก 2 สระ ทางฝั่งซ้ายเป็นสระเด็ก ส่วนทางฝั่งขวาเป็นสระผู้ใหญ่ ตรงกลางเป็นทางเดินไปที่หาด

สระผู้ใหญ่ค่อนข้างกว้างเป็นสระระบบเกลือ ขนาด 15×30 เมตร แบบ Beachfront Pool ว่ายน้ำไปรับวิวทะเลไปด้วยได้

บรรยากาศอีกมุมหนึ่งค่ะ^^

ซึ่งอาคาร F ที่อยู่ด้านหลังสุดจะเป็นอาคารที่อยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำ บางห้องจะได้วิวสระและวิวทะเลด้วย วิวค่อนข้างดีเลย

ระหว่างสระว่ายน้ำและทะเลเป็นพื้นที่สวนหย่อม

มีตกแต่งพื้นด้วยหญ้าที่ดีไซน์เป็นลวดลายกราฟฟิก

ด้านข้างสระตรงฝั่งนี้ก็มีพื้นที่นั่งเล่นริมสระมาให้อีกจุดหนึ่ง

เดินอ้อมมาทางหลังจะเจอกับพื้นที่นั่งพักผ่อนริมสระแบบเป็นซุ้ม ดีไซน์เดียวกับที่ริมสระว่ายน้ำบริเวณอาคาร A , B มีจัดสวนอยู่รอบๆด้วย

มีทั้งซุ้มใหญ่ที่นั่งกันได้หลายๆคน

และซุ้มเล็กๆนั่งกันแบบเป็นส่วนตัวไม่เกิน 2 คน

อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นสระเด็ก ไม่ลึกเท่าสระผู้ใหญ่ อยู่ใกล้ๆกับโซนจัดปาร์ตี้

ถัดไปจะเป็นทางเดินไปที่ชายหาดด้านหลังโครงการ

ชายหาดบริเวณนี้เป็นหาดส่วนตัว ไม่มีนักท่องเที่ยวทั่วไปเข้ามาเล่นได้ อยู่ในจุดที่เลยหาดเขาเต่ามาแล้วแต่ว่าก็ยังไม่ถึงปากน้ำปราณซะทีเดียว … สภาพหาดตรงนี้ จะเป็นหาดที่กว้างมาก เนื่องจากชายหาดจะมี Slope ค่อนข้างต่ำ ไม่ชัน น้ำไม่ลึก และสามารถลงเล่นได้ค่อนข้างปลอดภัยเลยค่ะ เวลาน้ำลง เราจะสามารถเดินออกไปจากชายฝั่งได้หลายสิบเมตรเลยทีเดียว อาจจะกว้างกว่าหาดชะอำ หาดหัวหินอีก

สำหรับคนที่มาตากอากาศพักผ่อน กิจกรรมที่พอจะทำได้ในบริเวณโครงการและใกล้เคียงคือการแล่นเรือใบและเล่นวินด์เซิร์ฟ , ขึ้นเรือไปยังเกาะต่างๆเช่นสิงโต ดำน้ำชมประการัง และตกปลา , จัดปาร์ตี้ริมชายหาด หรือ เดินสำรวจธรรมชาติ ถ่ายรูป ที่วนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กม.

บรรยากาศเกาะต่างๆที่สามารถล่องเรือไปเที่ยวชมได้ เช่น เกาะสิงโต วัดถ้ำเขาเต่า และ เกาะอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ 3 สระ

  • สระตึก A ขนาด 8×40 เมตร
  • สระตึก B ขนาด 8×65 เมตร พร้อม Jacuzzi Seat
  • สระหน้าหาด ขนาด 15×30 เมตร

  • สระน้ำวน Bubble Jet Pool ที่ตึก A
  • สระน้ำเด็ก, สนามเด็กเล่น ที่ตึก A
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องที่ตึก A
  • Lobby ส่วนกลางที่ตึก A
  • ลาน Party Deck ที่ตึก A
  • Party Pavilion ที่ตึก B
  • สระแช่น้ำ Reclining Pool ที่ตึก C
  • Reading Pavilion ที่ตึก D
  • ที่นั่งพักผ่อน Sunken Court ที่ตึก E
  • สวนหย่อมรอบโครงการ และสวน Romantic Garden ด้านหลังตึก E, F
  • พื้นที่สวนส่วนกลางติดหาด และ ลาน Party ริมหาด
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัวที่ตึก A, B และ 1 ตัวที่ตึก C, D, E, F
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A = 54:1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B = 56:1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C, D, E = 28:1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก F = 20:1

  • ที่จอดรถนอกอาคารรวมจอดซ้อนคันประมาณ 40%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • ระบบลิฟต์ล็อคชั้น (Proxy Elevator)

  • Product Walkthrough

    สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมคือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 62.50 ตารางเมตร แบบฝ้าเพดานสูงมีชั้นลอย หรือที่เรียกว่าห้อง “MOFF design (Maximum Of Flexible Function)” ซึ่งจะมีอยู่เฉพาะอาคาร A และ B เท่านั้น ชั้นล่างเข้าห้องมาจะเจอกับส่วนครัวและโต๊ะทานข้าวแบบ 4 ที่นั่ง  ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่สามารถนั่งมองวิวจากหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ข้างๆได้ พื้นที่บริเวณนี้จะเป็นแบบ Double Space ฝ้าเพดานสูง ข้างๆโซฟามีระเบียงให้ออกไปนั่งเล่นหรือยืนสูดอากาศ มีพื้นที่วาง Condensing unit แยกออกมาต่างหาก ทำให้ไม่ไปกินพื้นที่บริเวณระเบียงให้เราใช้งานระเบียงได้เต็มที่ ห้องน้ำเป็นแบบที่ใช้ได้ทั้งห้องนอนและเป็นห้องน้ำส่วนกลางแชร์กันด้วย มีประตูเข้า-ออกได้ 2 ทาง ชั้นล่างจะมีห้องนอนอยู่ 1 ห้อง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งจะดูโปร่งและให้อารมณ์เป็นรีสอร์ทตากอากาศ

    ขึ้นมาที่ชั้นบนจะเป็นส่วนของห้องนอนพักผ่อนทั้งชั้น ไม่ได้กั้นผนังทึบเป็นห้อง ทำออกมาลักษณะเป็นชั้นลอย บรรยากาศจะดูโปร่งและเชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่าง  มีพื้นที่กว้างพอสำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานอีก 1 ชุด ในแปลนจะเห็นว่าสามารถวางเตียงเสริมได้ค่ะ ถ้าจะมาพักผ่อนกันเป็นครอบครัวน่าจะรองรับสมาชิกได้หลายคนอยู่ ด้านข้างเตียงจะมีหน้าต่างสามารถนอนชมวิวได้ Space แบบนี้ข้อดีมากๆคือความโปร่ง เราจะได้หน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติและวิว แต่จะต้องเลือกแอร์ให้มีจำนวน BTU ที่พอเพียงไม่เช่นนั้นอาจจะเย็นไม่ทั่วถึงได้ค่ะ

    เข้าห้องมาจะเห็นว่าห้องนี้ดูโปร่ง โล่ง เนื่องจากเพดานสูงถึง 5 เมตรและมีช่องแสงขนาดใหญ่ หน้าห้องจะเป็นครัว ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะทานข้าว ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอน ห้องนี้จะมีชั้นลอยเป็นส่วนของห้องนอนอีกห้องหนึ่ง พื้นห้องเป็นพื้น Laminate หนา 8 mm.

    บริเวณหน้าห้องค่ะ โต๊ะทานข้าวจะอยู่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว พอทำอาหารเสร็จแล้วก็ยกมาเสิร์ฟได้สะดวก

    ครัวเป็นครัวแบบเปิดไม่มีผนังกั้น ไม่เหมาะทำอาหารหนักๆเพราะมันจะไม่กันกลิ่นนะ เน้นซื้อกลับมาทานหรือเตรียมอาหารง่ายๆค่ะ  ชุดครัวเราจะได้แบบนี้เลย

    Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว เตาไฟฟ้าได้ของ Mex เป็นเตาแบบ 2 หัว

    อ่างล้างจานแบบฝัง (integrated sink) ยี่ห้อ MEX

    ที่ดูดควันยี่ห้อ MEX เช่นเดียวกัน เป็นระบบดูดแบบหมุนเวียนอยู่ภายใน ไม่ได้ดูดเอาอากาศไปปล่อยที่ระเบียง

    ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวจัดเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าวได้แบบ 4 ที่นั่ง แนะนำให้เลือกชุดโต๊ะที่ไม่ใหญ่มาก วัสดุเป็นกระจกหรือขาโปร่ง จะเป็นโต๊ะกลมเหมือนในห้องตัวอย่างก็ได้ค่ะ

    พื้นที่ครัวและทานข้าวเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นแบบในภาพเลย ถ้ามาเป็นครอบครัวสามารถลงมาใช้พื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันที่ชั้นล่างได้

    พื้นที่นั่งเล่นระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตรกว่าๆ วางโซฟาได้ประมาณ 2-3 ที่นั่ง ถ้ามีสมาชิกมากกว่านี้ก็หาเก้าอี้มาวางเสริมได้ ข้างๆเป็นบานหน้าต่างบานใหญ่มองเห็นวิวได้เต็มๆ

    หน้าต่างจะเป็นบานใหญ่สูงจากพื้นถึงเพดานเลยค่ะ ด้านล่างเป็นประตูทางออกไประเบียง

    ระเบียงขนาดกว้างอยู่ พอเอาเก้าอี้ออกไปวางนั่งเล่นได้ ห้องฝั่งนี้จะเป็นวิวป่าและภูเขา

    เราใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่เพราะ Condensing unit ของแอร์มีพื้นที่แยกต่างห่าง และมีทำระเบียงกั้นเอาไว้เพื่อคามเป็นระเบียบเรียบร้อย

    กลับเข้ามาดูอีกฝั่งหนึ่งของห้อง ชั้นล่างจะมีห้องนอนและห้องน้ำ ส่วนชั้นลอยมีห้องนอนอีกห้องหนึ่ง ซึ่งชั้นลอยนี้เป็นเนื้อที่ใช้สอยพิเศษภายใต้คอนเซปต์ “Extra Space”ของทางโครงการ ที่สามารถตกแต่งห้องได้ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง คือถ้าไม่ใช้เป็นห้องนอนก็ปรับเป็นห้องนั่งเล่น หรือ ห้องทำงานได้

    ห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน บานเป็นอลูมิเนียมเคลือบ Hi-Gloss สีขาว สาเหตุที่เขาใช้ผนังกระจก เพื่อให้เกิดความโปร่ง ให้แสงธรรมชาติส่องผ่านได้ และให้เราสามารถมองวิวภายนอกห้องได้ในมุมที่กว้างขึ้น ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวๆก็ให้หาม่านหรือมู่ลี่มาติดเพิ่มได้ค่ะ

    ข้างๆเตียงห้องนี้ก็มีหน้าต่างให้เรานอนชมวิวได้

    อีกฝั่งเป็นทางเข้าห้องน้ำ โต๊ะเครื่องแป้ง และ ตู้เสื้อผ้า

    ในห้องน้ำมีทั้งส่วนแห้งส่วนเปียกกั้นเป็นสัดส่วน ผนังและพื้นกรุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ค่ะ

    ชุดเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าและกระจกเงา เราจะได้แบบนี้ค่ะ

    อ่างล้างมือขนาดใหญ่ดี มีช่องเก็บของด้านล่าง สำหรับเก็บอุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำ

    โถสุขภัณฑ์หน้าตาแบบนี้ ยี่ห้อ Cotto

    ห้องน้ำห้องนี้สามารถเข้าได้ 2 ทางทั้งจากในห้องนอนและห้องนั่งเล่น

    ออกจากห้องน้ำมาจะเป็นทางขึ้นไปที่ชั้นบน

    มีชานพักเพื่อเปลี่ยนทิศทางของบันได

    ก่อนที่จะยิงยาวขึ้นไปที่ชั้นบน

    ชั้นบนจะมีลักษณะเป็นชั้นลอยแบบนี้ มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร ไม่ได้กั้นผนังทึบซึ่งจะทำให้ดูโปร่ง โล่ง พื้นที่เชื่อมต่อกับชั้นล่าง แต่ความเป็นส่วนตัวจะได้ไม่เท่าห้องที่กั้นผนังทึบนะ

    มีพื้นที่วางเก้าอี้อาร์มแชร์สำหรับนั่งอ่านหนังสือหรือนั่งพักผ่อนได้

    ข้างๆเตียงมีพื้นที่วางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้

    เตียงก็วางได้ 5-6 ฟุตค่ะ ผนังข้างเตียงเป็นหน้าต่าง นอนไปชมวิวไปได้

    พื้นที่ข้างเตียงทั้งสองฝั่ง มีระยะเหลือสบายๆ ไม่อึดอัด

    จากชั้นบนมองลงมาก็จะเจอกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นแบบนี้

    ต่อไปเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 60-62 ตารางเมตร ห้องนี้จะเป็นห้องมุม ผนังห้องติดกับผนังภายนอกสองด้าน เข้าห้องมาจะเจอกับครัว ถัดไปเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะอาหาร จะมีห้องน้ำอยู่บริเวณหน้าห้องเอาไว้ใช้ร่วมกัน ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นอยู่ข้างๆทางออกไปที่ระเบียง ระเบียงมีพื้นที่วาง Condensing unit แยกมาให้เช่นเดียวกัน อีกฝั่งจัดเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ขนาดพอๆกัน ห้องนอนใหญ่ขนาดใหญ่กว่าหน่อยและจะมีห้องน้ำในตัว ข้างเตียงมีพื้นที่วางเตียงเสริมได้

    เข้าห้องมาจะเจอกับครัวเปิดเช่นเดียวกับห้องก่อนหน้าค่ะ แต่ห้องนี้ความสูงของฝ้าเพดานเป็นแบบปกติแล้ว ด้านในคือห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียง ห้องนอนจะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

    บริเวณหน้าห้องทางโครงการทำตู้เก็บรองเท้ามาให้ ซึ่งในการอยู่อาศัยตู้นี้ค่อนข้างสำคัญเพราะจะช่วยให้การจัดเก็บรองเป็นระเบียบไม่วางเกะกะ ทำให้ห้องไม่รก น่าอยู่มากขึ้น

    เคาน์เตอร์ครัวได้มาแบบนี้เลย ตู้ด้านล่างมีช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ (เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้แถมให้นะ) มีพื้นที่วางตู้เย็นอยู่ข้างๆ

    ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งทานข้าวแลพื้นที่นั่งเล่น ทางฝั่งขวาเป็นห้องนอนอีก 2 ห้อง

    โต๊ะกินข้าวถูกวางอยู่ในตำแหน่งเยื้องๆกับส่วนครัว ซ้ายเป็นทางเข้าห้อง Master Bedroom ทางขวาเป็นประตูเข้าห้องนอนเล็ก สามารถนั่งกินได้ 5-6 คนสบายๆ แต่เนื่องจากยังมีพื้นที่เหลือ เราจะใส่โต๊ะใหญ่กว่านี้นิดนึงก็พอทำได้

    พื้นที่นั่งเล่นจะต่อเนื่องกันกับครัว จริงๆยังพอมีพื้นที่เหลือสำหรับขยายโซฟาให้ใหญ่ขึ้นได้

    ถัดจากโต๊ะกินข้าวเป็นส่วนโซฟานั่งดูทีวี ที่ต้องเอาทีวีไปวางไว้มุมห้อง เพราะถ้าวางตรงๆ มันจะขวางทางเข้าห้องนอนใหญ่ และต้องเป็นทีวีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก พื้นที่ดูทีวีตรงนี้สามารถจัดใหม่ได้ เช่นเราอาจจะนำทีวีไปแขวนผนังไว้ใต้แอร์แทน เพื่อให้สามารถขยายขนาดทีวีได้ด้วย ให้สัมพันธ์กับระยะดูทีวี แล้วขยับโซฟาออกมา หันหลังให้โต๊ะกินข้าว แล้วหันหน้าไปทางหน้าต่าง สามารถดูวิวข้างนอก พร้อมกับดูทีวีได้พร้อมกันด้วย และนอกจากนั้นก็จะทำให้ใส่โซฟาได้ตัวใหญ่ขึ้นอีก ทั้งหมดนี้ทำได้เพราะพื้นที่ยังเหลือค่ะ

    ข้างๆโซฟาเป็นประตูกระจกเปิดออกไปที่ระเบียง

    พื้นที่ระเบียงมีเฉียงออกไปเล็กน้อยตามการออกแบบภายนอกของตัวอาคาร

    ระเบียงค่อนข้างกว้างมีแยกพื้นที่วาง Condensing unit มาให้เช่นเดียวกันกับห้องอื่นๆ

    มุมมองย้อนกลับไปที่หน้าห้อง จะเห็นทางเข้าห้องน้ำอยู่ด้านหลังชุดโต๊ะทานข้าว

    เรามาดูห้องที่เหลือกันไล่จากขวาไปซ้าย คือ ห้องน้ำรวม >> ห้องนอนเล็ก >> ห้องนอนใหญ่

    เริ่มจากห้องน้ำ ห้องนี้อยู่หลังโต๊ะกินข้าว เป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กกับห้องรับแขก ให้มาแบบ Full-Function คือสามารถอาบน้ำได้ด้วย ไม่ใช่แค่ห้องสุขาธรรมดา ผนังบริเวณส่วนแห้งเป็นแบบทาสีและปูด้วยกระเบื้องเซรามิค

    อ่างล้างหน้าได้เหมือนๆกันค่ะ ขนาดเท่ากับห้องที่แล้ว ติดกระจกเงาให้เรียบร้อย

    ตู้ด้านล่างอ่างล้างหน้าเปิดออกมาเก็บของได้

    สุขภัณฑ์เป็นของ Cotto ค่ะ

    ส่วนเปียกมีกั้นฉากกั้นอาบน้ำมาให้เป็นสัดส่วน

    ชุดฝักบัวอาบน้ำมีทั้ง Rain Shower และแบบมือจับ

    ถัดมาคือห้องนอนเล็กใส่เตียงขนาด 5 ฟุตได้ ข้างเตียงเป็นหน้าต่าง ห้องนี้จะกั้นผนังทึบเป็นสัดส่วน

    พื้นที่ข้างเตียงทั้งสองฝั่งมีระยะพอสำหรับการเดินโดยรอบและวางโต๊ะข้างเตียง

    พื้นที่ปลายเตียงยังเหลือให้เดินผ่านสบายๆ แต่ไม่ควรเอาอะไรมาวาง ถ้าจะติดทีวีแนะนำให้เอาแขวนผนังดีกว่า ไม่เปลืองที่และไม่ต้องกลัวเดินชน

    ข้างเตียงฝั่งที่ใกล้กับประตู สามารถวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้

    ถัดมาเราจะเข้าไปดูในห้องนอนใหญ่กัน ซึ่งกั้นห้องด้วยประตูกระจกบาน Slide แบบ 3 ตอน เมื่อเปิดประตูห้องนอนใหญ่ออก จะทำให้ได้พื้นที่เปิดโล่งที่เชื่อมต่อมายังห้องนั่งเล่นแบบนี้ บริเวณที่ติดกับโต๊ะกินข้าวตรงนี้จะมีส่วนเว้าของผนังอยู่ช่องหนึ่ง ที่ในห้องตัวอย่างเค้าใส่ตู้ Built-in ให้ดู ทำเป็นตู้เก็บของได้

    พื้นที่ในห้องนอนใหญ่ถือว่าค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับห้องนอนเล็ก ใส่เตียง 5 ฟุตมาเหมือนกัน ซึ่งพอจะมีพื้นที่ให้ขยายเป็น 6 ฟุตได้

    มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือทั้งสองฝั่ง

    ผนังข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานใหญ่ ที่ทำให้เราสามารถนอนอยู่บนเตียงและมองออกไปเห็นวิวภายนอกได้ และได้วิวที่กว้างขึ้นเพราะเป็นผนังกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window

    ในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวด้วย โดยพื้นที่หน้าห้องน้ำจะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า

    ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะมีขนาดใหญ่กว่าหน่อยและวัสดุจะถูกอัพเกรดขึ้นมาให้ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เช่นกระเบื้องเปลี่ยนเป็นขนาด 60×60 cm. บริเวณพื้นที่อาบน้ำจะพิเศษหน่อยคือมีช่องแสง Skylight ด้วย

    สุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าเป็นแบบเดิมค่ะ

    บริเวณพื้นที่อาบน้ำห้องนี้จะมี Skylight ทำให้มีแสงเข้ามาในบริเวณห้องน้ำ อีกทั้งยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งไว้เปิดระบายอากาศอีกด้วย

    skylight และ หน้าต่างบานกระทุ้งเปิดรับแสงเข้ามาในห้อง

    ชุดฝักบัวได้เหมือนกับห้องอื่นๆค่ะ

    ส่วนห้องอื่นๆก็จะมี 1 Bedroom  ขนาด 48 ตารางเมตร ฟังก์ชั่นของห้องนี้วางครัวไว้ด้านหน้าห้อง โดยเป็นครัวแบบเปิดไม่มีผนังกั้น ถัดไปเป็นโต๊ะทานข้าว นำส่วนโซฟาดูทีวีกับเตียงนอนไปอยู่ใกล้หน้าต่างเพื่อให้รับวิวทะเลง่ายๆ นอนดูทะเลได้ นั่งดูทะเลได้ และใช้ผนังกระจกบานเลื่อน กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน เพื่อให้เกิด Space ที่เชื่อมกันระหว่างสองห้องให้มากที่สุด และให้มองเห็นวิวภายนอกห้องได้เยอะๆ ไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของห้องก็ตาม เหมาะกับห้องสไตล์รีสอร์ทแต่ถ้าคนที่ชอบให้ห้องนอนเป็นผนังทึบกั้นเป็นสัดส่วนไปเลยอาจจะไม่ชอบ ห้องน้ำถูกนำไปไว้ในห้องนอน มีประตูเข้าได้จากทางฝั่งห้องนอนอย่างเดียว ไม่มีช่องระบายอากาศเพราะไม่ได้อยู่ติดกับผนังภายนอกต้องใช้พัดลมดูดอากาศแทน

    สุดท้าย 3 Bedroom ขนาด 78 ตารางเมตร เข้าห้องมาจะเจอกับครัวเปิดเช่นเดียวกัน การจัดฟังก์ชั่นของห้องคล้ายๆกับแบบ 1 Bedroom แต่จะมีห้องนอนอีก 2 ห้อง ขนาดพอๆกัน ที่ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันเพิ่มเข้ามาค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 April 2017

    • 1 Bedroom 45-55 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท
    • 1 Bedroom Duplex 62.50-81.50 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 7.19 ล้านบาท
    • 2 Bedrooms 60-67 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท
    • 3 Bedrooms+ 78-96 ตารางเมตร  ราคาเริ่มต้น 10.99 ล้านบาท

    • Fully Furnished / Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.53 เมตร / ห้อง MOFF สูง 5 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ 


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล ที่ตั้งของ Bella Costa หัวหิน นั้นถือว่าอยู่ไกลออกมาจากตัวเมืองหัวหินประมาณ 20 กิโลเมตร อยู่ในโซนที่เลยเขาเต่ามานิดหน่อยและเข้ามาในเขตของปราณบุรีแล้ว ดังนั้นย่อมเหมาะกับคนที่อยากจะได้ทำเลสงบๆ ที่อยู่ปลีกวิเวกออกมาหน่อย เน้นความเป็นส่วนตัวของทำเลเป็นสำคัญ เนื่องจากหาดทรายแถวนี้ไม่ค่อยมีคนมาใช้ และย่อมจะให้ความรู้สึกของหาดส่วนตัวที่ดีกว่า ลักษณะหาดก็ถือว่าดีใช้ได้ หาดทรายกว้าง น้ำทะเลไม่ลึก ลงเล่นได้ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็จะไม่เหมาะกับคนที่อยากจะได้ทำเลที่อยู่ใกล้เมืองหัวหิน ที่ไปไหนมาไหนสะดวก เพราะว่าต้องใช้เวลาในการขับรถเข้ามาในเมืองพอสมควร หรือบางคนที่อยากจะได้ความคึกคักของหาดหัวหินก็จะไม่เหมาะเช่นเดียวกัน ถ้าเปรียบเทียบกับฝั่งชะอำ ที่ต้องขับรถเป็นระยะทางไกลมาที่หัวหินเหมือนกัน ก็ต้องบอกว่า ชะอำนั้นจะอยู่ใกล้กรุงเทพมากกว่า ขาขับรถกลับบ้าน ไม่ต้องผ่านเมืองหัวหิน ซึ่งในช่วง Long Weekend หรือช่วงวันหยุดยาว รถอาจจะติดได้ แต่ข้อเสียของหาดฝั่งชะอำ คือจะมีถนนเลียบหาด ไม่มีโครงการที่อยู่ติดหาดแบบจริงๆจังๆ

    การเดินทาง ตัวที่ดินของโครงการอยู่ลึกเข้าไปจากถนนเพชรเกษม เข้าซอยหัวหิน 105 เข้าไปเป็นระยะทาง 4 กิโลกว่าๆ แต่โครงการก็มีการติดป้ายบอกทางเป็นระยะๆ การเดินทางในบริเวณนี้ควรจะต้องมีรถอยู่แล้ว ไม่ว่าจะรถเก๋งหรือมอเตอร์ไซค์ก็ตาม เพราะแทบจะหาแท็กซี่หรือระบบขนส่งมวลชนอื่นๆไม่ได้เลย ต้องพึ่งรถส่วนตัวเป็นหลัก ที่จอดรถก็มีประมาณ 30% แบบจอดในช่องทั้งหมด น่าจะเพียงพอสำหรับคอนโดตากอากาศ เป็นที่จอดรถกลางแจ้ง

    การออกแบบ โครงการ จัดมาค่อนข้างเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะมียูนิตน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดที่ดิน คือ 323 ยูนิต กับที่ดิน 11 ไร่ ใส่ตึกลงไป 6 ตึก ส่วนใหญ่เป็นตึกเตี้ย  ในแต่ละชั้นก็มีห้องค่อนข้างน้อยถึงน้อยมาก อย่างตึก F นี่มีแค่ชั้นละ 5 ห้องเอง ลิฟต์โดยสารในแต่ละตึกก็จัดมาสัดส่วนอยู่ในเกณฑ์ดี ถือว่าโดยรวมแล้วตอบโจทย์ในเรื่อง Privacy ได้ดี แต่ด้วยความที่ที่ดินเป็นที่หน้าแคบ มีหน้ากว้างติดหาดประมาณ 50 เมตร ทำให้ต้องวางตึกเรียงๆกันเป็นเส้นตรง และต้องมีการบังวิวกันของแต่ละตึกบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งนี้ทั้งนั้นโครงการเขาก็ยังจัดให้ผนังตึกของทุกตึกมีความเอียง เพื่อให้แต่ละห้องสามารถมองเห็นวิวได้เยอะที่สุดเท่าที่แต่ละห้องจะพอทำได้ ซึ่งนับว่าโครงการก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้พอสมควร อย่างไรก็ดี ห้องที่เห็นวิวทะเลเต็มๆก็มีไม่มาก เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนของยูนิตทั้งหมดของโครงการ และทุกตึกก็เป็นอาคาร Low Rise ซึ่งถ้าเปรียบเทียบเรื่องวิวกับคอนโด High Rise ก็คงจะสู้ไม่ได้นะ อย่าเอาไปเทียบกัน ส่วนขนาดห้องเริ่มต้นที่ 45 ตารางเมตร ถือว่าขนาดค่อนข้างใหญ่เลย จัดวางเฟอร์นิเจอร์ง่าย และแม้แต่ในห้อง สามารถใส่เตียงเสริมได้ และตั้งใจวางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่ง เพราะคาดว่าผู้ที่มาพักอาศัยจะเป็นแนวครอบครัวขนาด 3-4 คนขึ้นไปค่ะ

    วัสดุ บางห้องขายแบบ Fully Fitted บางห้องขายแบบ Fully Furnished แล้วแต่ Type และขนาด วัสดุที่จัดมาให้ก็อยู่ในเกณฑ์ที่มาตรฐานครับ พื้นลามิเนต, ฝ้าสูง 2.53 เมตร, ให้แอร์ Mitsubishi, ให้ครัวครบชุด, ห้องน้ำ Cotto การจัดวางห้อง และ Flow การใช้งานส่วนใหญ่ก็อยู่ในเกณฑ์ดีใช้ได้ มีติดขัดนิดหน่อยในเรื่องของฉากกั้นอาบน้ำในห้องน้ำและพื้นที่โซฟานั่งดูทีวีที่ยังสามารถจัดให้ดีกว่าเดิมได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะในห้องเราจัดเองได้

    สาธารณูปโภค ถึงแม้ว่าห้องบางห้องจะไม่ได้วิวทะเล โครงการนี้เขาก็อยู่ติดทะเลและย่อมจะทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยได้บรรยากาศของคอนโดริมทะเลแน่นอน และมันคือบ้านของเรา เราจะเดินไปใช้ Facilities จะไปเดินเล่น นอนกลิ้งริมหาด เราก็ทำได้ ซึ่งที่นี่เขาก็จัด Facilities ทั้งรอบตึกและริมหาด มาให้เยอะพอสมควร มีสระว่ายน้ำถึง 3 สระ มีสวนสาธารณะ และพื้นที่สีเขียวในโครงการค่อนข้างเยอะ และยังมี Facilities ย่อยๆกระจายไปยังส่วนอื่นๆของโครงการอีก ถือว่าให้มาค่อนข้างดี ส่วนใหญ่ มากระจุกตัวอยู่ที่ตึก A กับ B และอยู่ที่ท้ายโครงการบริเวณริมหาดอีกจุดหนึ่ง ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว การดูแลรักษาและสภาพโครงการทำออกมาได้ดีค่ะ

    Judgement

    สำหรับโครงการบ้านพักตากอากาศ จะเป็นโครงการที่ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าทางการเงินและความชอบส่วนบุคคลในการตัดสินใจเลือกซื้อควบคู่กันไป ดังนั้นทาง ThinkofLiving.com เห็นว่าจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่ากับโครงการลักษณะนี้ค่ะ

    BOTTOM LINE

    คอนโด Bella Costa หัวหิน เหมาะสมกับคนที่มองหาบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน โซนนอกเมืองหน่อย ยอมเสียเวลาขับรถไกลขึ้นมาอีกหน่อยระดับ 15-20 นาที เพื่อแลกกับความสงบ และความเป็นส่วนตัวของหาดฝั่งปราณบุรี และมองหาโครงการที่มียูนิตน้อยๆ อยู่ติดทะเล และไม่เน้นวิวทะเลเป็นสำคัญ แต่มี Facilities สิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้งานได้จริง

    ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะจะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )