ปกพฤกษาวิลล

รีวิวฉบับที่ 928 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการพฤกษาวิลล์ 73 พัฒนาการ อยู่ในโครงการ Pruksa Avenue ซอยพัฒนาการ 38 ซึ่งตัวโครงการจะอยู่ในช่วงท้ายโครงการ Pruksa Avenue ที่สามารถมีทางลัดเลาะไปได้หลายเส้นทาง ใกล้จุดขึ้น-ลง ทางด่วน ตัวโครงการเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น มีให้เลือก 2 แบบ คือแบบ 1 ที่จอดรถและ 2 ที่จอดรถ ขนาด 18 และ 20.8 ตารางวา และเฟส 2 เป็นบ้านแฝด ขนาด 38.5 ตารางวา ซึ่งในส่วนของทาวน์โฮมเฟสแรกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราไปดูหน้าตาโครงการกันดีกว่าค่ะว่าเป็นอย่างไรบ้าง

Fact @ 17 Sep 2015

  • พฤกษาวิลล์ 73 พัฒนาการ (Pruksa Ville 73 Patthanakan)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในซอยพัฒนาการ 38 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร
  • เนื้อที่โครงการ 52-1-81.8ไร่ จำนวน 470 ยูนิต (แบ่งเป็นทาวน์โฮม 380 ยูนิต และ บ้านแฝด 90 ยูนิต)
  • ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร
  • ทาวน์โฮม แบบ BV3  ขนาด 18 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 95 ตร.ม. แบบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
  • ทาวน์โฮม แบบ BV4  ขนาด 20.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 120 ตร.ม. แบบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • บ้านแฝด แบบ TWBV ขนาด 38.5ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 135 ตร.ม. แบบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ (ยังไม่เปิดขาย)
  • ที่ดินแปลงมาตรฐาน ทาวน์โฮมขนาด 18 และ 20.8 ตร.วา 
  • ราคาเริ่มต้น 2.87 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยของทั้งโครงการ  159,444  บาท/ตร.วา
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง มกราคม ปี 2558
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ธันวาคม 2558 (บางส่วน)
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่  
  • Call Center : 1739

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด :13.719895, 100.630421

แผนที่-ทาวน์โฮม-พฤกษาวิลล์-73-พัฒนาการ

จากแผนที่โครงการพฤกษาวิลล์ 73 พัฒนาการ  ตั้งอยู่ในซอย พัฒนาการ 38 ระยะทางจากหน้าปากซอยเข้ามาถึงตัวโครงการลึกพอสมควร การเข้าถึงโครงการหลักๆแล้ว ถ้าพึ่งพารถยนต์จะสะดวกกว่า เนื่องจากซอยนี้เป็นซอยที่สามารถใช้เป็นทางลัดเลาะได้หลายเส้นทาง  และไม่ไกลจากทางด่วนมากนัก สำหรับรถไฟฟ้าบริเวณใกล้โครงการที่สุดคือ สถานีอ่อนนุช ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 5.7 กิโลเมตร ซึ่งไกลพอสมควร ไม่ได้อยู่ในระยะที่เดินถึง โดยสามารถนั่งไปเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า MRT ได้ที่สถานีอโศก และบริเวณทิศเหนือของถนนศรีนครินทร์ ใกล้สี่แยกพัฒนาการยังมี Airport link สถานีหัวหมากเป็นทางเลือกสำหรับการเดินทางอีกช่องทางหนึ่งค่ะ

พฤกษา วิลล์_MapArea

ตำเเหน่งที่ตั้งของโครงการพฤกษาวิลล์ 73 พัฒนาการ ตั้งอยู่ใน Pruksa Avenue ที่เป็นพื้นที่ของโครงการแนวราบหลายๆโครงการของพฤกษามาอยู่รวมกัน และแชร์ถนนหลักของโครงการร่วมกัน ตัว Pruksa Avenue อยู่ในซอยพัฒนาการ 38 เข้ามาจากถนนพัฒนาการประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งหากใครเคยอ่านรีวิวบางโครงการใน Pruksa Avenue ก็คงพอจะทราบกันบ้างแล้ว ส่วนตัวโครงการพฤกษาวิลล์ 73 พัฒนาการ เองอยู่ห่างจากถนนพัฒนาการ 2.8 กิโลเมตรค่ะ โดยถนนพัฒนาการจะเป็นถนนที่วิ่งต่อมาจากถนนเพชรบุรีตรงๆเลย จุดเริ่มต้นของเส้นพัฒนาการก็คือข้ามแยกคลองตันมาแล้วและยาวไปจนถึงอ่อนนุช(สุขุมวิท 77) บนถนนพัฒนาการมีทางลัดที่สามารถทะลุไปได้หลายเส้นทาง เช่น จากซอย พัฒนาการ 38 เองก็สามารถลัดไปยัง ซอยพัฒนาการ 32 ซึ่งใช้ไปทะลุอ่อนนุชได้ และ ซอยพัฒนาการ 25 ไปทะลุหลังรามคำแหง หรือซอย รามคำแหง 24 และถนน พระราม9

สภาพแวดล้อมบนถนนพัฒนาการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ และ ตึกแถว มีโครงการประเภทคอนโดตั้งอยู่บ้างแต่ไม่มาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบซะหมด สำหรับเเหล่ง Shopping ที่ใกล้ที่สุดคือ Tesco Lotus ที่อยู่ระหว่างซอย พัฒนาการ 43 กับ 45  และ Max Value ส่วนถ้าจะเดินห้างก็มีให้เลือกระหว่าง The Nine ที่อยู่บนถนนพระราม9 กับ Thanya Park, Paradise และ Seacon Square บนถนนศรีนครินทร์  หรือถ้าอยากจะไปเดินเล่นห้างในเมืองก็ไปได้ไม่ยาก

The Connect pattanakarn-เส้นทาง 2

สำหรับการเดินทาง ถ้าวิ่งจากในเมืองเข้ามาถึงตัวโครงการหลักๆแล้วน่าจะใช้อยู่ 2 เส้นทางคือ เส้นทางแรกใช้เส้นพระราม 9 ผ่านแยกรามคำแหง เลี้ยวขวาเพื่อเข้าถนนรามคำแหงตรงมาเรื่อยๆจนเจอแยกคลองตัน เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนพัฒนาการ (หรือจะใช้เส้นพระราม 9 วิ่งตรงมาเข้าถนน ศรีนครินทร์แล้วมาเลี้ยวเข้าถนนพัฒนาการก็ได้ ) จากนั้นเราถึงกลับรถใต้อุโมงค์แล้วเข้าซอยพัฒนาการ 38 ค่ะ  ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางการเดินทางของโครงการ ภัสสร เพรสทีจ และ The Connect พัฒนาการ 38 ที่ตั้งอยู่ใน Pruksa Avenue เช่นกันนะคะ ลองเข้าไปอ่านกันดูนะ

พฤกษา วิลล์ 73-เส้นทาง-1v2

เส้นทางที่ 2 ซึ่งเป็นเส้นทางที่เราจะพาไปดูกันในวันนี้  จะเริ่มต้นที่แยกอโศกเข้าเส้นเพชรบุรี ขับตรงมาเรื่อยๆจนถึงแยกคลองตัน และวิ่งยาวต่อไปจนเข้าถนนพัฒนาการ แล้วค่อยกลับรถใต้อุโมงค์ เพื่อเข้าซอยพัฒนาการ 38 ค่ะ

การเดินทางขอเริ่มจากบริเวณแยกอโศก เลี้ยวเข้าถนนเพชรบุรี

จากแยกอโศกมาถนนเพชรบุรีเราขับตรงไปเลย ตึกเหลืองๆที่เห็นด้านขวามือคือ My Resort Bangkok Condo ค่ะ

ตรงมาประมาณ 500 เมตร ฝั่งซ้ายมือเป็นถนนเพชรอุทัยเป็นทางลัดไปถนนพระราม 9 แต่เราตรงไปเรื่อยๆนะ

ตรงมาสักพักก็จะเจอสะพานข้ามคลองบางกะปิ ก็ตรงต่อไป

ตรงมาอีกจะเจอโรงแรม  Atrium Hotel ฝั่งขวามือ

ตรงมาอีกก่อนถึงโรงพยาบาลกรุงเทพ  ฝั่งขวามือจะเป็นซอยชื่อ ซอยพร้อมพงษ์หรือซอยเพชรบุรี 38/1 ใช้ทะลุไปออกเส้นสุขุมวิทโซนพร้อมพงษ์ได้  จุดสังเกตของซอยคือหน้าปากซอยจะมีตึกสูงๆนั่นก็คือตึกอิตาเลี่ยน-ไทยค่ะ แต่เราตรงไปอย่างเดียวเหมือนเดิมนะ

The Connect pattanakarn การเดินทาง (7)_1

ตรงไปอีกหน่อยจะผ่านโรงพยาบาลกรุงเทพอยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนฝั่งขวามือจะเห็นตึก KPN ตึกชาญอิสระ บริเวณแยกด้านข้างตึก KPN จะเป็นซอยสุขุมวิท 55 หรือ ซอยทองหล่อ

The Connect pattanakarn การเดินทาง (33)

ถัดมาจะเจอกับแยกไฟแดง 2 อันติดๆกัน อันแรกไว้เลี้ยวกลับอย่างเดียวไม่สามารถเลี้ยวขวาเพื่อไปเส้นประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วน-รามอินทรา)ได้ ส่วนไฟแดงอันถัดไปสามารถเลี้ยวขวาเพื่อเข้าเส้นเอกมัย(สุขุมวิท 63)ได้

ตรงไปอีกจะเจอป้ายบอกทาง ตรงไปเป็นคลองตัน,พัฒนาการ เลี้ยวซ้ายไปพระราม 9

พอถึงตรงแยกนี้จะมีทางเลี้ยวซ้ายไปพระราม 9 ส่วนช่องทางที่ตรงไปเราจะเห็นว่าไปได้สองช่องทาง ถ้าวิ่งขึ้นฝั่งขวาจะตรงไปพัฒนาการเลยโดยไม่ต้องไปรถติดที่แยกคลองตัน แต่วันนี้เราจะตรงไปแยกคลองตันเพื่อให้เห็นสภาพแวดล้อมรวมๆก่อนนะคะ

สะพานนี้เป็นสะพานข้ามคลองแสนแสบ

แยกคลองตันถ้าเลี้ยวซ้ายเข้ารามคำแหง เลี้ยวขวาเข้าซอยปรีดี พนมยงค์(ถนนสุขุมวิท 71) ตรงไปก็เข้าเส้นพัฒนาการ

เลยแยกคลองตันมาได้ไม่ไกลจะเจอ 4 แยกอีกครั้งแต่แยกนี้สัญญาณไฟจราจรไม่ได้เปิดใช้งานให้รถที่สัญจรไปมาระวังกันเอง แยกนี้จะเป็นแยกที่ไว้ขึ้นทางด่วนโดยเฉพาะแล้วก็เป็นจุดขึ้นลงทางด่วนที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดด้วยค่ะ เลี้ยวซ้ายสำหรับไปทาง พระราม 9 และรามอินทรา ส่วนเลี้ยวขวาจะไปบางนา-ดาวคะนอง และดินแดง-แจ้งวัฒนะ

แยกนี้ถ้าเลี้ยวซ้ายก็ไปออกรามคำแหงได้ค่ะ  แต่เราตรงต่อไปนะ

านแยกคลองตันมาก็จะเป็นถนนพัฒนาการแล้วค่ะ ตรงมาสังเกตธนาคาร Standard Chatered ทางด้านขวา ด้านข้างจะเป็นซอยพัฒนาการ 28 ใช้ลัดไปออกซอยอ่อนนุช 17 ได้

ถัดมาจะเห็นป้าย ถ้าวิ่งตรงๆไปเรื่อยๆจะไปออกถนนศรีนครินทร์และอ่อนนุช ถ้าเลี้ยวซ้ายไปออกสุขุมวิท หรือสามารถกลับรถแล้วเลี้ยวเข้าซอยพัฒนาการ 32 เพื่อลัดไปออกอ่อนนุชได้

วิ่งตรงไปกลับรถใต้อุโมงค์ค่ะ

ลงอุโมงค์ไปค่ะ

กลับรถขึ้นมาตรงมาซักระยะ พอสังเกตเห็นสะพานลอยก็เลี้ยวเข้าซอยพัฒนาการ 38 ได้เลย หน้าปากซอยจะมี Family mart อยู่

พฤกษาวิลล์ 73-ซอย

ภายในซอยพัฒนาการ 38  จากต้นซอยจนถึงโครงการ Pruksa Avenue มีระยะทางประมาณ 2 กม. จากแผนที่จะเห็นว่า จากต้นซอยจนก่อนถึงหัวโค้งที่เป็นร้านอาหารปักษ์ใต้ จะมีร้านสะดวกซื้อ แฟมิลี่มาร์ท ร้านขายของชำหลายร้าน ที่มีแผงขายผัก อาหารสดตอนเช้าด้วย ถัดจากหัวโค้งนั้นมาก็จะเป็นอาคารที่พักอาศัยแทบทั้งหมด มีโกดังเก็บสินค้าก่อนถึงสะพานเข้าโครงการ ในซอยพัฒนาการ 38 จะมีชุมชนมุสลิมที่อยู่อาศัยกันมานานแล้ว ดังนั้นจะสังเกตเห็นว่ามีมัสยิดชื่อ อันวารุ้ล อับร้อล และอพาร์ทเม้นท์ชื่อแบบมุสลิมหลายแห่งเลย ซึ่งโครงการทั้งหมดในพฤกษาอเวนิวก็จะอยู่ในระยะได้ยินเสียงมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ตำแหน่งของแต่ละโครงการ

หน้าปากซอยจะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ให้บริการอยู่ ถัดไปจะเป็นเต็นท์ขายอาหาร และ ร้านขายของชำ ซอยนี้จะค่อนข้างคึกคักมีรถเข้าออกตลอด เนื่องจากสามารถใช้เป็นเส้นทางลัดได้ค่ะ

เต็นท์ขายอาหาร มีอาหาร ของสด ของแห้งขายเยอะอยู่ พอพึ่งพาได้

ถัดมาสองฝั่งข้างทางช่วงต้นซอยจะเป็นร้านขายของชำ มีแผงขายของหน้าร้าน

ตรงตามทางมาจะเจอมัสยิดอันวารุ้ลอับร้อจอยู่ทางซ้ายมือ  ซึ่งโครงการทั้งหมดในพฤกษาอเวนิวก็จะอยู่ในระยะได้ยินเสียงเรียกสวดเวลาละหมาด ไปด้วยนะคะ  ฝั่งตรงข้ามมีแผงขายของ ร้านอาหารตามสั่งอยู่

ตามทางไปเรื่อยๆ บริเวณกลางๆซอย ก็เป็นย่านที่พักอาศัยสูง 2-3 ชั้น มีวินมอเตอร์ไซค์อยู่อีกจุดหนึ่ง มาถึงแถวนี้ไม่เห็นร้านอาหารอะไรแล้วค่ะ เห็นแผงรถเข็นขายอาหาร อย่างส้มตำ ไก่ย่างบ้าง 2-3 ร้าน บรรยากาศสงบและเป็นส่วนตัวมากกว่าช่วงต้นซอย

ถัดมาก่อนถึงพฤกษา อเวนิวจะเป็นทาวน์เฮ้าส์สูง 2-3 ชั้น และบ้านพักอาศัย

ตรงมาเรื่อยๆจะเจอ พฤกษา อเวนิว ให้ตรงเข้าไปตามทาง  ฝั่งขวาของสะพานจะมีชื่อโครงการต่างๆปักอยู่

จากหน้าโครงการพฤกษา อเวนิวตรงเข้ามาจะผ่าน Patio และ The Plant

The-Plan-Ex-28 (1)

พอเจอวงเวียนให้เลี้ยวไปทางขวาเพื่อไป Pruksa Ville 73 พัฒนาการ โครงการที่อยู่หน้าวงเวียนคือ The Plant

พอเลี้ยวมาจะเจอกับโครงการ Passorn Prestige

ถัดมาเป็นโครงการ Villette Lite อยู่เยื้องๆกัน

the plam

ตรงมาจะถึงวงเวียนที่ 2 ให้เราเลี้ยวซ้าย เพื่อไปโครงการ Pruksa Ville 73 พัฒนาการค่ะ โดยโครงการที่อยู้หน้าวงเวียนคือ  The Palm ซึ่งจะเป็นโครงการที่อยู่ติดกับ Pruksa Ville 73 พัฒนาการนั่นเอง

ตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอกับโครงการ Pruksa Ville 73 พัฒนาการแล้ว โดยทาวน์โฮม  2 ชั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการนี้คือโครงการ Villette Lite ค่ะ

ข้างๆโครงการจะเป็นถนนทางเข้าบ้านคลองจวญ โดยส่วนที่ติดกับโครงการจะเป็นที่ดินของบุคคลอื่น

ไปศรีนครินทร์

ซึ่งจากตรงนี้หากตรงไปเรื่อยๆจะเป็นสะพานข้ามคลองซึ่งมีทางลัดให้ไปถนนศรีนครินทร์และถนนอ่อนนุชได้ค่ะ

Pruksa ville 73 ทางลัด 2

โดยจากโครงการ Pruksa Ville 73 พัฒนาการนี้จะมีเส้นทางลัดด้านหลัง ซึ่งสามารถไปทะลุถนนใหญ่ได้อีก 2 เส้น นั่นก็คือ ซอยถวัลย์นครที่อยู่ติดกันกับซอยอ่อนนุช 35 จากโครงการสามารถเลี้ยวซ้ายออกทางประตูด้านหลังโครงการได้เลย เส้นนี้จะลัดไปถนนศรีนครินทร์ ส่วนถ้าอยากเข้าเส้นอ่อนนุชก็เลี้ยวขวาเข้าซอยอ่อนนุช 39 จะสามารถลัดไปถนนสุขุมวิท 77 หรืออ่อนนุชได้ค่ะ

โครงการ พฤกษา อเวนิว

โครงการพฤกษาวิลล์ 73 พัฒนาการ 38 อยู่ใน Pruksa Avenue ที่เป็นโครงการรูปแบบ Cluster เป็นกลุ่มหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่มีถนนภายในโครงการเชื่อมถึงกันหมด โดยขอบเขตถนนของโครงการจะสิ้นสุดที่สะพานข้ามคลองจุดต่อซอยพฤกษา 32, 38 และ 44 ซึ่งซอยพัฒนาการ 38 คือเส้นทางหลักที่จะเข้าถึงพฤกษาอเวนิวค่ะ ส่วนซอยพัฒนาการ 38 และ 44  เป็นถนนที่ต้องผ่านพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งตอนนี้ยังสามารถใช้เข้าออกจากโครงการได้ แต่ในอนาคตก็ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของที่ดินว่าจะมีการจัดสรรยังไงต่อนะคะ

ส่วนบริบทที่ติดต่อกับโครงการ ทางทิศเหนือ จะติดกับถนนหลักของโครงการ Pruksa Avenue กว้าง 16 เมตร ซึ่งเป็นถนนทางเข้า-ออกหลักด้วย ส่วนฝั่งตรงข้ามถนนเป็นด้านหลังของโครงการ Villette Lite ซึ่งเป็นทาวน์โฮม 2  ชั้น ทางทิศตะวันออกติดกับถนนลูกรังทางเข้าบ้านคลองจวญ ซึ่งส่วนที่ติดกับโครงการจะเป็นที่ดินว่างเปล่าของบุคคลอื่น ทางทิศใต้ ก็ติดกับที่ดินว่างเปล่าของบุคคลอื่นเช่นกัน แต่หากอยู่ที่โครงการ มองออกไปไกลๆจะเห็นคอนโดตึกสูงแถวๆอ่อนนุชอยู่ไกลๆ ส่วนทางทิศตะวันตก จะติดกับโครงการ The Palm ซึ่งเป็นโครงการใน Pruksa Avenue ค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงเรียนนานาชาติคริสเตียนกรุงเทพ ~2.1 กิโลเมตร
  • Thanya Shopping Park – 4.6 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ – 4.7 กิโลเมตร
  • ตลาดสดพัฒนาการ – 5.1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสุเหร่าใหม่ ~ประมาณ 5.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ – 6 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus – 6.4 กิโลเมตร
  • The Nine พระราม 9 – 6.4 กิโลเมตร
  • Seacon Square – 8.0 กิโลเมตร
  • Paradise Park – 8.7 กิโลเมตร

 

 


เจาะลึกตัวโครงการ

Pruksa ville73 pattanakarn-รวมหมู่บ้าน

ด้านบนเป็นแผนที่ภาพรวมของโครงการต่างๆในพฤกษาอเวนิวค่ะ เมื่อเข้ามาจากซอยพัฒนาการ 38 มาประมาณ 1.2 กิโลเมตรจะเห็น พฤกษา อเวนิว  ข้ามสะพานมาจะเจอโครงการ Patio เป็นโครงการแรกฝั่งซ้ายมือ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโครงการ The Plant   จะเห็นว่าด้านล่างของแผนที่ จะมีมัสยิด อัล กู๊บรอ ด้านหลังพื้นที่โครงการ The Palm ซึ่งอยู่ข้างๆกับโครงการ Pruksa Ville 73 พัฒนาการ เลย ซึ่งโครงการทั้งหมดในพฤกษาอเวนิวก็จะอยู่ในระยะได้ยินเสียงเรียกสวดเวลาละหมาดด้วยนะคะ แต่จะมากน้อยก็แล้วแต่ตำแหน่งของแต่ละโครงการ

โดยโครงการในพฤกษา อเวนิว ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว  ได้แก่

และทาวน์เฮาส์  ได้แก่

ผังโครงการ พฤกษาวิลล์ 73

จาก Master Plan จำลองผังโครงการจะเห็นว่าโครงการมีทางเข้า-ออกทางเดียว คือจากถนนหลักของโครงการ Pruksa Avenue หน้าโครงการจะมีประตูทางเข้า-ออกเป็นระบบประตูล็อค 2 ชั้น คือประตูรั้วไม้กระดก และประตูบานใหญ่อีกชั้นหนึ่ง มีการสร้างบรรยากาศด้วยสวนหย่อมทั้งสองข้างทำให้ดูร่มรื่น เข้ามาในโครงการจะเจอถนน Main ของโครงการกว้าง 16 เมตร ส่วนถนนในซอยย่อย 9 เมตร ด้านหน้าโครงการทางขวามือของผังจะเป็นส่วนของ Bale’ House(อาคารอเนกประสงค์) ที่ประกอบด้วยออฟฟิศของนิติบุคคล สระว่ายน้ำ ห้องน้ำสาธารณะ 1 ห้องและสวน 2 จุด คือสวนหย่อมขนาด 1-2-93.5 และขนาด 0-0-68.2 ไร่ โดยพื้นที่ในเฟสแรกนี้จะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ Type BV3  แบบจอดรถได้ 1 คัน และแบบ BV4 แบบจอดรถได้ 2 คัน ซึ่งตอนนี้โครงการทาวน์โฮมในเฟสแรกเรียบร้อยแล้ว เหลือโครงการเฟสสองซึ่งเป็นบ้านแฝดและทาวน์โฮมบางส่วน ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปในอนาคตค่ะ

เรามาเริ่มที่ทางเข้าโครงการกันเลยนะคะ ทางเข้าจะอยู่ติดกับถนนหลักของโครงการ Pruksa Avenue มีการออกแบบสไตล์บาหลี โทนสีน้ำตาล ทั้งสองข้างมีการจัดสวนหย่อมเล็กๆ และป้ายโครงการ “Pruksa Ville 73 Patthanakan”  สีน้ำตาลเป็นส่วนหนึ่งของกำแพง

ตรงซุ้มทางเข้าโครงการมีป้อมยามอยู่ตรงกลางระหว่างถนน ซึ่งมี 2 เลน คือเลนรถเข้าและรถออกเท่านั้น โดยทางเข้า-ออกโครงการจะเป็นแบบระบบประตูล็อค 2 ชั้น คือนอกจากมีประตูรั้วไม้กระดกกั้นแล้ว ยังมีประตูรั้วใหญ่ที่เป็นเหล็กโปร่งกั้นให้อีกชั้นหนึ่งค่ะ

เวลารถเข้า-ออก ครั้งหนึ่งก็จะค่อยเปิดทีหนึ่งแบบนี้ เพื่อสแกนคนเข้า-ออก และเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน

ลูกบ้านจะผ่านทางเข้า-ออกโดยใช้ Access Card แบบระยะใกล้ คือเปิดกระจกรถ ยื่นบัตรแตะ ผ่านรั้วไม้กระดก โดยมีกล้อง CCTV ส่องหน้าคนขับและส่องป้ายทะเบียนอยู่บริเวณนี้ด้วย ส่วนถ้าเป็นผู้มาติดต่อจะต้องแลกบัตรกับพี่ รปภ.ก่อนค่ะ

เข้ามาในโครงการเราจะเจอกับถนน Main กว้าง 16 เมตร ส่วนถนนรองจะกว้าง 9  เมตร พื้นเป็นคอนกรีตแสตมป์ แบบพิมพ์ลาย และพื้นปูนธรรมดา มองตรงไปเราจะเห็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการเฟสถัดไป และซอยที่เข้าไปด้านในโครงการ

โดยจุดที่กำลังปรับพื้นที่เพื่อเตรียมก่อสร้างอยู่ทางซ้ายมือจะเป็นบ้านแฝดซึ่งเป็นโครงการเฟสถัดไปและจะมีทาวน์โฮมบางส่วน ส่วนทางขวามือเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้นพร้อมโอน จะเห็นว่าริมทางมีการปลูกทั้งไม้พุ่ม และไม้ยืนต้นสร้างบรรยากาศร่มรื่นดี ซึ่งพอโครงการทางซ้ายมือสร้างเสร็จก็จะมีการปลูกต้นไม้ให้แบบนี้เหมือนกันค่ะ

ทางขวามือ

จากประตูทางเข้าโครงการ เรามองไปทางขวามือ จะเห็นบ้านตัวอย่างของบ้านแฝด(เฟสถัดไป)อยู่ด้านหน้าเลย ถัดมาเป็นบ้านตัวอย่างของทาวน์โฮมทั้ง Type BV4 แบบ 2 ที่จอดรถ และ Type BV3 แบบ 1 ที่จอดรถ

ในซอยด้านขวา

เข้ามายืนอยู่ที่หน้าซอย ซึ่งจะแตกแขนงซอยบ้านออกไปอีก ซึ่งซอยหลักนี้จะมีความกว้าง 9 เมตร มองตรงไปจะเห็นโครงการ The Palm ซึ่งเป็นโครงการข้างเคียงที่อยู่ใน Pruksa Avenue เช่นกัน

ส่วนในซอยย่อย ถนนก็มีความกว้าง 9 เมตรเช่น แบบบ้านที่เห็นในซอยนี้จะเป็นทาวน์โฮม Type BV4 แบบ 2 ที่จอดรถทั้งสองข้างทาง มองไปสุดทางจะเห็นด้านหลังของโครงการ  Villete Lite ซึ่งเป็นโครงการใน Pruksa Avenue เช่นกัน

ส่วนทางด้านซ้ายมือของประตูทางเข้า จะเป็นอาคารอเนกประสงค์ที่เรียกว่า Bale’ House ที่ออกแบบมาในสไตล์บาหลี มีต้นไม้ปลูกเยอะมาก ค่อนข้างร่มรื่น บรรยากาศเหมือนอยู่รีสอร์ท

เข้ามาดูใกล้ๆจะเห็นสวนด้านหน้า Bale’ House (อาคารอเนกประสงค์) ที่ถูกจัดวางแบบสวนเมืองร้อน ตัวอาคารสไตล์บาหลี โทนสีขรึมๆเทา-น้ำตาล หลังคาปั้นหยา ซึ่งตัว Bale’ House (อาคารอเนกประสงค์) นี้ปัจจุบันจะเป็น Sales Gallery ส่วนในอนาคตจะเป็นสำนักงานของนิติบุคคลที่มาดูแลต่อ

มองไปทางขวามือจะเห็นสระว่ายน้ำ ที่มีการปลูกต้นไม้รอบๆเป็นเหมือน Green wall ค่อนข้างเป็นส่วนตัว

โดยมีทางเข้าทางเดียวคือเข้าจากทาง Bale’ House (อาคารอเนกประสงค์) นี้เองค่ะ

พอเดินเข้ามาเราจะเจอกับ Pool Deck ที่มีทั้งโต๊ะ-เก้าอี้ 2 ชุด ให้นั่งคุยหรือกินขนมกันได้  อีกมุมเป็น Day Bed 4 ตัวให้นอนเล่นริมสระ พร้อมร่มสนามกันฝนและแดด

สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 7 x 15  เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กขนาด 2.5 x 5.4 เมตร ลึก 0.4 เมตร

โดยจะมีพื้นที่ล้างตัวและห้องน้ำสาธารณะให้ด้วยติดกับ Bale’ House (อาคารอเนกประสงค์)

ที่ล้างตัวแบบ Outdoor เป็นพื้นทรายล้าง และโรยหินกรวด มีจุดล้างตัวให้ 2 จุด ข้างๆกันเป็นห้องน้ำสาธารณะ

โดยเข้ามาจะเจอกับอ่างล้างหน้า ที่อยู่หน้าห้องน้ำ 1 ห้องค่ะ

อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาติดผนัง และโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ

ข้างๆกับ Bale’ House (อาคารอเนกประสงค์) จะเป็นสวนหย่อม ขนาด 1-2-93.5 ไร่ เป็นสนามหญ้ากว้างๆ ปลูกไม้พุ่มสร้างบรรยากาศและไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงา รวมทั้งมีการปูทางเดินให้เดินเล่นในสวนได้

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 7 x 15 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.3 เมตร
  • สวนหย่อม 2 จุด ขนาด  1-2-9.3 ไร่ และ 0-0-68.2 ไร่
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 2  เมตร
  • Key Card Access ระยะใกล้
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบระบบประตูล็อค 2 ชั้น คือ รั้วกั้นไม้กระดกและเลื่อนไฟฟ้า
  • ถนนหลักกว้าง 16 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.

 


Product Walkthrough

BV3-Mo1-73

แบบแรกที่จะพาไปดูคือ Type BV3 แบบ 1 ที่จอดรถ ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดิน 18 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 100 ตร.ม. แบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนรับประทานอาหาร 1 ห้องครัว โดยเข้ามาในบ้านจะเจอพื้นที่ลานจอดรถขนาด 1 คัน ด้านข้างที่จอดรถจัดเป็นพื้นที่สวนเล็กๆได้ หรือจะปรับพื้นที่ไปใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์วางที่นั่งซักชุด 2 ชุดก็ได้ เข้ามาภายในตัวบ้านจะเจอกับห้องรับแขก ต่อเนื่องกับห้องรับประทานอาหารที่มีประตูเปิดออกไปสู่หลังบ้านเป็นที่สามารถจัดสวนหรือเป็นพื้นที่ซักล้างได้ ทางด้านขวาของตัวบ้านจะเป็นครัวกับห้องน้ำที่มีส่วนอาบน้ำอยู่ด้วย แต่ไม่ได้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้เวลาอาบน้ำเลยจะเลอะหน่อย ส่วนห้องครัวจัดพื้นที่มาเป็นครัวเปิด ซึ่งเราสามารถทำประตูกั้นเป็นครัวปิดได้ เวลาประกอบอาหารกลิ่นจะได้ไม่ลอยฟุ้งไปทั่วบ้าน

ขึ้นไปที่ชั้น 2 บ้าน Type นี้จะแบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน โดยแบ่งเป็น Master Room 1 ห้อง ขนาดค่อนข้างใหญ่สามารถจัดพื้นที่ปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Walk -in Closet หรือเป็นพื้นที่นั่งทำงานได้ ส่วนห้องนอนขนาดกลาง และขนาดเล็ก ขนาดก็จะลดหลั่นกันลงมา ทั้ง 3 ห้องนอนใช้ห้องน้ำร่วมกัน ในชั่วโมงเร่งด่วนสามารถลงไปใช้ห้องน้ำและอาบน้ำชั้นล่างได้

เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องตัวอย่างกัน แต่บอกไว้ก่อนว่า ห้องตัวอย่างกับบ้านเปล่าของทาวน์โฮม Type นี้จะกลับด้านกัน บอกกันไว้ก่อนกันงงนะคะ 🙂

หน้าตาทาวน์โฮม 2 ชั้นแบบจอดรถได้ 1 คัน ดีไซน์บาหลีกึ่งโมเดิร์น ใช้โทนเทา-ขาว-น้ำตาล มีการตกแต่งอาคารด้วยระแนงเพื่อพราง Compressor แอร์ และไม้ค้ำยันที่เสาชั้น 2 เวลาที่อยู่รวมกันก็จะมีหน้าตา Facade อาคารแบบนี้ ตัวบ้านของจริงจะมีรั้วเหล็กโปร่งสีดำ สูง 1.5 เมตร เป็นประตูบานเลื่อนให้ แต่เนื่องจากวันที่เราไปเก็บข้อมูลบ้าน type นี้ยังก่อสร้างไม่เสร็จ จึงยังไม่มีรั้วบ้านจริงมาตรฐานให้ดูนะคะ (แต่สามารถดูได้จากบ้าน Type บ้านอีกแบบหนึ่งที่เราจะพาไปดูในช่วงท้ายนะ เหมือนกันเลย)

หากซื้อทาวน์โฮม 1 หลัง เราจะได้หน้าตาแบบนี้ค่ะ พื้นลานจอดรถของจริงจะเป็นพื้นคอนกรีตธรรมดา ทางขวามือจะเป็นลานจอดรถ ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นทางเข้าหลักของบ้าน พื้นหน้าบ้านด้านนี้จะปูสนามหญ้ามาให้ เผื่อเราใช้พื้นที่จัดสวนหรือวางม้านั่งพักผ่อนได้

ส่วนลานจอดรถของบ้านมีประตูสีขาวเป็นห้องเก็บของเล็กๆให้ด้วย ทางซ้ายมือเป็นหน้าต่างกระจกฝ้าบาน Fix ที่เป็นช่องแสงให้แสงธรรมชาติเข้าโถงบันได

เปิดประตูห้องเก็บของออกมาจะเป็นห้องใต้บันได เผื่อเก็บอุปกรณ์ล้างรถ หรืออุปกรณ์เซอร์วิสต่างๆได้

ตัวล็อกประตูหน้าตาแบบนี้

เข้ามาในบ้านจะเจอกับห้องรับแขกที่ต่อเนื่องกับส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหาร พื้นที่รวมประมาณ 3.00 x 6.46 เมตร ค่อนข้างกว้างและปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้หลากหลาย วัสดุพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ สีขาวขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

ลองหันกลับไปที่ส่วนทางเข้าห้องรับแขกให้เห็นชัดๆเมื่อจัดวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว ระยะดูทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 2.20 เมตร เหมาะกับการวางทีวี 42″-56″ จะเป็นขนาดที่พอดีกับสายตาค่ะ โดยในบ้านตัวอย่างจะเป็นทาวน์โฮมแปลงมุมที่มีหน้าต่างด้านข้างให้ แต่หากเป็นบ้านแปลงกลางจะไม่มีหน้าต่างนะคะ (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

ออกไปนอกระเบียงของจริงจะมีการต่อท่องานระบบไว้ให้ รั้วระหว่างบ้านเป็นรั้วปูนฉาบเรียบธรรมดาทาสีขาวทึบ สูง 2 เมตร

ถัดไปเป็นพื้นที่ครัว ขนาด 1.80 x 1.85 เมตร จะได้เป็นห้องโล่งๆ มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนคู่ให้ 1 บาน โคมไฟเป็น LED ทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งเราสามารถ Built-in ชุดครัวรูปตัว L แบบในห้องตัวอย่าง และกั้นห้องเพิ่มเติมเพื่อทำเป็นครัวปิดได้ ป้องกันกลิ่นที่มาจากการประกอบอาหาร (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

ถัดไปเป็นห้องน้ำรวมชั้น 1 ที่อยู่ในพื้นที่ห้องครัวเลย บานประตูห้องน้ำเป็น UPVC สีขาว ลูกบิดเป็นแบบหัวกลม ด้านล่างมีเกร็ดระบายอากาศ ข้างๆมีสวิตซ์ไฟเปิด-ปิดห้องน้ำให้

พื้นห้องน้ำมีการลดระดับเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้าน ขนาด 60 x 60  เซนติเมตร

อ่างล้างหน้าทรงรีขนาดไม่ใหญ่มาก

ก็อกน้ำสแตนเลส บิดไปทางขวามือได้ทางเดียว ของ Hasland

ข้างๆกันเป็นพื้นที่นั่งส้วมและพื้นที่อาบน้ำซึ่งไม่มีฉากกั้นและไม่มีการลดระดับแยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้ด้วย ก็แสดงว่า เวลาเราอาบน้ำก็จะกระเด็นเปียกโถส้วม และเปียกกระดาษทิชชู่ที่แขวนอยู่ด้วย ถ้าใครไม่คิดมากก็โอเค โถสุขภัณฑ์ให้ของ Karat

ติดตั้งที่แขวนกระดาษทิชชู่กับสายฉีดชำระมาให้ครบ

ชุดฝักบัวอาบน้ำของ Karat พร้อมที่วางสบู่ให้

ฝักบัวใหญ่ดี

แหงนมองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน ของจริงจะมีพัดลมดูดอากาศให้และติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ LED ทรงสี่เหลี่ยมมาให้ดวงเดียว สว่างน้อยไปหน่อย น่าจะเพิ่มให้อีกสักดวง

ถัดไปเป็นบันไดขึ้นชั้น 2  พื้นที่ข้างบันไดบ้านของจริงจะเป็นผนังว่างๆ เราสามารถวางโซฟานั่งเล่นแบบนี้, Built-in เป็นโต๊ะเขียนหนังสือ, วางตู้ Built-in เก็บของ หรือตู้โชว์ก็ได้ตามใจชอบนะคะ ความกว้างบันไดประมาณ 90 เซนติเมตร วัสดุลูกตั้งเป็นไม้เฌอร่า ลูกนอนเป็นไม้ยางพาราประสาน พื้นที่ข้างบันไดมีช่องแสงให้ด้วย (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

โดยช่องแสงจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กระจกผ้า กรอบอลูมิเนียมอบสีน้ำตาล

โถงบันไดด้านบนไม่มีช่องแสง หากขึ้น-ลงบันไดในตอนกลางวันจะค่อนข้างมืด ซึ่งบ้านของจริงโครงการจะติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ LED มาให้ หรือใครจะติดโคมไฟสวยๆแบบในห้องตัวอย่างก็เป็นไอเดียที่ดี เพิ่มความสวยงามให้กับโถงบันไดของเราค่ะ

มองกลับลงไปจะเห็นว่าบันไดเป็นลักษณะบันไดวน ก่อนขึ้นมาถึงชานพักรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งต้องระวังนิดนึงตรงช่วงโค้ง อาจจะสะดุดล้มได้ พื้นห้องชั้น 2  เป็นพื้นลามิเนตลายไม้ สีใกล้เคียงกับลูกนอนบันไดค่ะ

พอขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นโถงเล็กๆที่เชื่อมต่อกับห้องนอนทั้งสามห้องและห้องน้ำ โดยเราจะพาเดินดูไล่ตั้งแต่ห้องนอนเล็ก ทางขวามือ >ห้องนอนขนาดกลาง > ห้องน้ำ ไล่มาจนถึง Master Bedroom ทางขวามือนะคะ

ทางเข้าห้องนอนเล็กและห้องนอนขนาดกลางจะอยู่ข้างกัน พื้นห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. เหมือนส่วนโถงบันได ที่พื้นจะราบเรียบไม่มีคิ้วปิดรอยต่อพื้นใดๆ ประตูห้องของจริงของทั้งสองห้องนี้จะเป็นประตู HDF สีขาวนะคะ

เราเข้ามาที่ห้องนอนเล็กทางด้านขวามือสุดกันก่อน ห้องนี้มีขนาด 2.30 x 2.70 เมตร  ซึ่งจริงๆแล้วห้องนี้เป็นห้องที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก เราสามารถปรับเปลี่ยนได้อเนกประสงค์ เช่น ทำเป็นห้องทำงาน ห้องดูหนัง ห้องนั่งเล่น ที่สามารถ Built-in โซฟาติดผนังแบบนี้ได้ หรือใครอยากทำเป็นห้องนอนเล็ก ก็พอจะวางเตียงขนาด 3 ฟุตครึ่งได้พอดีๆโดยห้องจริงจะเป็นห้องโล่งๆ มีหน้าต่างบานเลื่อนคู่ให้ 1 บาน พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้ ฝ้าเพดานเรียบๆติดไฟดาวน์ไลท์ LED ทรงสี่เหลี่ยมมาให้ 1 ดวง

พิ้นที่อีกด้าน สามารถทำเป็นโต๊ะเขียนหนังสือและ Built-in ตู้เก็บของด้านบนได้ ซึ่งทั้งหมดนี้โครงการไม่ได้ให้ แต่เราสามารถเอามาปรับใช้เป็นไอเดียแต่งห้องได้ค่ะ

พอมองออกไปที่ประตูทางเข้า จะได้มุมมองประมาณนี้ (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

ถัดไปเป็นห้องนอนขนาดกลาง พื้นที่ 3.00 x 2.70 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตครึ่งได้โดยห้องจริงจะเป็นห้องโล่งๆมีหน้าต่างบานเลื่อนคู่มาให้ 1 บาน  แต่ถ้าเป็นแปลงมุมก็จะมีหน้าต่างทางซ้ายมือมาให้เพิ่มอีก 1 บาน พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้  ติดตั้งไฟมาให้ 1 ดวง เป็นไฟเป็นดาวน์ไลท์ LED เหมือนห้องแรก (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

พิ้นที่ผนังข้างเตียง สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าสูงถึงฝ้าเพดานและโต๊ะเครื่องแป้งแบบติดผนังเล็กๆแบบนี้ได้ ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้ห้องนอน ซึ่งทั้งหมดนี้โครงการไม่ได้ให้ แต่เราสามารถเอามาปรับใช้เป็นไอเดียแต่งห้องได้ค่ะ

ส่วนพื้นที่ปลายเตียงก็สามารถวางโต๊ะวางของเล็กๆหรือจะเป็นโต๊ะวางทีวีก็ได้ แต่ขนาดต้องไม่ใหญ่มากนะ เพราะเดี๋ยวปลายเตียงจะไม่เหลือที่เดิน

ออกจากห้องนอนขนาดกลางมา ฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำและห้อง Master Bedroom เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูที่ห้อง Master Bedroom ก่อน แล้วปิดท้ายที่ห้องน้ำนะคะ

ห้อง Master Bedroom ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของบ้านจะค่อนข้างสว่าง แสงธรรมชาติเข้าดี มีทั้งช่องแสงที่เป็นประตูและหน้าต่าง พื้นที่ห้องนี้มีขนาด 2.70 x 5.70 เมตร โดยโครงการสามารถจัดฟังก์ชันให้ทางขวามือเป็นห้องนอนส่วนทางซ้ายมือกั้นพื้นที่เป็น Walk-in Closed

พื้นที่ปลายเตียง จะเป็นพื้นที่ห้องโล่งๆ กว้างประมาณ 2.00 x 2.70 เมตร สามารถกั้นห้องและ Built-in ส่วน Walk-in closed แบบนี้ได้ (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

ที่ผนังด้านนี้จะมีช่องเปิดให้ 1 บาน เป็นหน้าต่างบานเลื่อน กระจกใสเขียนตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีชา

พฤกษาวิลล์ 3

อีกด้านจะเป็นห้องว่างๆโล่งๆ สามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ ผนังด้านขวามือเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ที่เชื่อมต่อกับระเบียงห้อง (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

ระหว่างพื้นห้องนอนกับระเบียงมีการยกธรณีประตูกันน้ำ ส่วนพื้นระเบียงเป็นพื้นปูนฉาบเรียบทาสีขาวธรรมดา ซึ่งจริงๆแล้วระเบียงนี้แคบมาก ไม่ได้เหมาะกับการออกไปยืนรับลม หรือนั่งเล่น (เพราะที่ไม่พอ นั่งไม่ได้) แต่เหมาะกับการวางกระถางต้นไม้ สร้างมุมมองสีเขียว หรือเป็นแค่ระเบียงตกแต่งอาคารเท่านั้น

ระเบียงเป็นรูปเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ค่อนข้างแคบ ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งทาสีน้ำตาลสูง 0.90 เมตร และมีไม้ค้ำยันระหว่างเสากับหลังคาเป็นส่วนหนึ่งของ Facade ตกแต่งอาคาร ที่พื้นระเบียงไม่มีท่อระบายน้ำ แต่หากน้ำสาดลงมานองที่ระเบียง ก็จะไหลจากพื้นลงสู่เบื้องล่างเองค่ะ

จากระเบียง มองกลับเข้าไปในห้อง ก็จะเห็นประตูห้องนอน และประตูห้องน้ำ ซึ่งจริงๆแล้ว ถ้าเราสลับฟังก์ชั่นของเตียงนอนให้ไปอยู่ทางขวามือ แล้วน้ำ Walk-in Closed มาไว้ตรงเตียงนอนนี้แทน การใช้พื้นที่จะดูคล่องตัวมากขึ้นนะคะ เพราะเราสามารถอาบน้ำเสร็จแล้วออกมาแต่งตัวตรงนี้ได้เลย แล้วค่อยไปนอน

โดยประตูทางเข้าห้องน้ำจะมี 2 ทาง คือสามารถเข้าได้ทาง Master Bedroom และห้องโถงชั้น 2 ประตูเป็นบาน UPVC สีขาว มีเกร็ดระบายอากาศให้เหมือนกันทั้งสองบาน

ตรงทางเข้าห้องน้ำทั้งสองทางมีการก่อธรณีประตูและมีการลดระดับพื้นลงมาเล็กน้อย เพื่อกันน้ำไหลออกไปสู่พื้นห้องนอนและห้องโถงที่เป็นพื้นไม้ลามิเนต

โดยห้องน้ำชั้นมีฟังก์ชั้นครบ ทั้งอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำ โดยห้องนี้จะเป็นสัดส่วนมากกว่าห้องน้ำชั้น 1 เพราะมีฉากกั้นอาบน้ำให้ ผนังห้องใช้กระเบื้องแกรนิตสีเทา และกระเบื้องสีน้ำตาลเลียนแบบสีไม้ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ

อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ดี ของ Parazzo

ข้อดีของห้องน้ำนี้คือมีการกั้นห้องอาบน้ำมาให้เป็นสัดส่วน ประตูเป็นบานเลื่อนเปิดจากมุม พื้นที่อาบน้ำ 0.90 x 0.90 เมตร ขนาดสบายๆสำหรับ 1 คน พื้นไม่มีการลดระดับให้ แต่เนื่องจากการติดตั้งฉากอาบน้ำแบบนี้ ทำให้มีตัวรางเลื่อนเป็นธรณีประตูช่วยกันน้ำให้แทน

ชุดฝักบัวอาบน้ำพร้อมที่วางสบู่ เหมือนห้องชั้น 1

ฝักบัวก็เหมือนกัน ขนาดใหญ่ดี

ตรงพื้นที่อาบน้ำมีหน้าต่างบานเลื่อนคู่มาให้ 1 บาน เป็นกระจกฝ้า กรอบอลูมิเนียมอบสีน้ำตาล

ส่วนโถสุขภัณฑ์จะอยู่ตรงข้ามกับส่วนอาบน้ำ พื้นที่ประมาณ 90 x 90 เซนติเมตร พอดีๆไม่อึดอัด โถสุขภัณฑ์ให้ของ Karat รวมทั้งสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ด้วย

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ LED มาให้ 1 ดวง ไม่มีพัดลมดูดอากาศให้ เพราะมีหน้าต่างที่ช่วยให้แสงธรรมชาติ และอากาศถ่ายเทให้แล้ว

สวิตซ์ไฟและเต้ารับของบ้านจะได้หน้าตาแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดค่ะ

ถัดไปเป็นทาวน์โฮมแบบที่สองคือ Type BV4 แบบ 2 ที่จอดรถ ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดิน 20.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 120 ตร.ม. แบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนรับประทานอาหาร 1 ห้องครัว โดยเข้ามาในบ้านจะเจอพื้นที่ลานจอดรถขนาด 2 คัน เต็มพื้นที่หน้าบ้าน เข้ามาภายในตัวบ้านจะเจอกับห้องรับแขก ต่อเนื่องกับ ห้องรับประทานอาหารที่มีประตูเปิดออกไปสู่หลังบ้านเป็นที่สามารถจัดสวนหรือเป็นพื้นที่ซักล้างได้ ทางด้านขวาของตัวบ้านจะเป็นครัวกับห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำจัดให้มีส่วนอาบน้ำอยู่ด้วย แต่ไม่ได้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้เวลาอาบน้ำเลยจะเลอะหน่อย ส่วนห้องครัวจัดพื้นที่มาเป็นครัวเปิด ซึ่งเราสามารถทำประตูกั้นเป็นครัวปิดได้ เวลาประกอบอาหารกลิ่นจะได้ไม่ลอยฟุ้งไปทั่วบ้าน

ขึ้นไปที่ชั้น 2 บ้าน Type นี้จะแบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน โดยแบ่งเป็น Master Room 1 ห้อง ขนาดค่อนข้างใหญ่สามารถจัดพื้นที่ปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Walk -in Closet หรือเป็นพื้นที่นั่งทำงานได้ ส่วนห้องนอนขนาดกลาง และขนาดเล็ก ขนาดก็จะลดหลั่นกันลงมา ทั้ง 3 ห้องนอนใช้ห้องน้ำร่วมกัน โดยห้องน้ำชั้นสองนี้คือจะมีประตูทางเข้า 2 ทางคือจาก Master Bedroom และโถงบันได สะดวกต่อการเข้าใช้งาน รวมทั้งมีประตูกั้นระหว่างส่วนเปียกส่วนแห้งให้อีก จึงสามารถใช้ฟังก์ชั่นการใช้งานทั้งสองส่วนในช่วงเวลาเดียวกันได้ ส่วนกรณีชั่วโมงเร่งด่วนสามารถลงไปใช้ห้องน้ำและอาบน้ำชั้นล่างก็ได้ค่ะ

ซึ่งห้องตัวอย่างกับบ้านเปล่าของทาวน์โฮม Type นี้จะสลับด้านเช่นกัน บอกกันไว้ก่อนกันงงนะคะ 🙂

หน้าตาทาวน์โฮม 2 ชั้นแบบจอดรถได้ 1 คัน ดีไซน์บาหลีกึ่งๆโมเดิร์น ใช้โทนเทา-ขาว-น้ำตาล มีการตกแต่งอาคารด้วยระแนงเและไม้ค้ำยันที่เสาชั้น 2 เหมือนบ้านแบบแรกค่ะ

ตัวบ้านของจริงจะมีรั้วเหล็กโปร่งสีดำ สูง 1.5 เมตร ประตูหน้าบ้านเป็นประตูบานพับ 3 ตอนแบบเปิดออกด้านนอกนะคะ หากพับเข้าด้านในจะติดพื้นลานจอดรถเพราะเป็นพื้นลาดเอียงที่ระดับสูงกว่าพื้นถนน โดยบ้านแปลงมุมจะมีพื้นที่ด้านข้างมากกว่าแปลงกลาง 2 เมตร  พื้นลานจอดรถหน้าบ้านจะเป็นพื้นคอนกรีตขัดมันธรรมดา สามารถจอดรถที่หน้าบ้านได้ 2 คัน

มีการติดตั้งโคมไฟหน้าบ้าน และกริ่งสัญญาณให้

มาดูที่บ้านตัวอย่างกัน โดยบ้านตัวอย่างของโครงการจัดสวนหน้าบ้านมาให้ดูเป็นไอเดีย

โดยทางเข้าบ้านเป็นประตูไม้ มีโคมไฟสีดำติดตั้งมาให้ด้วย ข้างๆกันเป็นหน้าต่างกระจกบานเลื่อน รับแสงธรรมชาติจากหน้าบ้านได้ ตรงทางเข้าบ้านมีการยื่นเฉลียงออกมาประมาณ 0.60 x 5.70 เมตร เต็มพื้นที่หน้าบ้าน

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟ LED ทรงสี่เหลี่ยมมาให้ 1 ดวง

เปิดประตูเข้ามาในบ้านเราจะเจอพื้นที่โถงบันไดทางขึ้นชั้น 2

ที่พอมองกลับไปที่ประตูทางเข้า จะเป็นโถงเล็กๆขนาด 1.50 x 1.90 เมตร พื้นที่ไม่ใหญ่มากแต่ค่อนข้างอเนกประสงค์ โดยเราสามารถวางโต๊ะวางของสวยๆเป็นตัวโชว์หน้าบ้าน หรือจะปรับให้เป็นเหมือนพื้นที่สำหรับเตรียมตัวเข้า-ออกบ้าน โดยผนังด้านข้างประตูสามารถ Built-in ตู้วางรองเท้า และเก็บของเต็มผนังได้ (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

เมื่อมองไปทางซ้ายมือจะเจอกับห้องรับแขกที่เชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหาร หากเป็นทาวน์โฮมหลังมุมก็จะมีหน้าต่างให้ 2 บานแบบนี้ แต่ถ้าเป็นแปลงกลางผนังด้านนี้จะทึบ เราสามารถหากรอบรูปหรือของตกแต่งสวยๆมาติดผนังตกแต่งบ้านได้

เรามาดูที่ห้องรับแขก ซึ่งเป็นส่วนแรกของบ้าน เมื่อวางโซฟานั่งเล่นสักชุด เพิ่มเฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง และติดตั้งผ้าม่านสักหน่อย ห้องนี้ก็ดูเป็นสัดเป็นส่วนขึ้น เนื่องจากหน้าต่างกระจกบานเลื่อนคู่ที่ค่อนข้างกว้าง แสงธรรมชาติจึงเข้าดีมาก ตรงนี้จึงค่อนข้างโปร่งในตอนกลางวัน (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

โดยพื้นที่ระหว่างห้องรับแขกกับห้องรับประทานอาหาร สามารถหาฉากมากั้นห้อง แล้ววางตู้วางของหรือวางทีวีแบบนี้ได้ โดยจะมีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร เหมาะกับการวางทีวี 46″ จะเป็นขนาดของทีวีที่พอดีกับสายตาค่ะ

จากห้องรับแขกมองไปที่หลังบ้าน ของจริงจะเป็นห้องโปร่งๆ มองออกไปมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนให้แสงเข้า และมีประตู HDF สีขาวให้สามารถเปิดออกไปที่หลังบ้านได้ โดยหากเราติดตั้งฉากโปร่งๆ หรือฉากฉลุแบบในห้องตัวอย่างมาวางกั้นพื้นที่ ก็จะได้มุมมองแบบนี้ ซึ่งจะสามารถมองเห็นห้องส่วนถัดไปที่จัดให้เป็นส่วนรับประทานอาหารได้ค่ะ โดยระยะทางเดินจากผนังถึงฉากกั้นจะอยู่ที่ประมาณ  1.5  เมตร (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

พื้นที่ส่วนรับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง หรือจะนำเก้าอี้มาวางเพิ่มที่หัว-ท้ายโต๊ะ อีกสัก 2 ที่นั่งก็ไม่คับแคบเกินไป

พฤกษาวิลล์ 1

ถัดไปเป็นพื้นที่ครัว ขนาด 1.80 x 1.85 เมตร จะได้เป็นห้องโล่งๆ มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนคู่ให้ 1 บาน โคมไฟเป็น LED ทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งเราสามารถ Built-in ชุดครัวรูปตัว L แบบในห้องตัวอย่าง และกั้นห้องเพิ่มเติมเพื่อทำเป็นครัวปิดได้ ทางซ้ายมือมีประตู HDF บานสีขาวสามารถเปิดออกไปยังลานซักล้างได้เหมือนทาวน์โฮมแบบแรก (บ้านเปล่ากลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ**)

ถัดไปเป็นห้องน้ำชั้นล่างมีขนาด 1.30 x 1.80 เมตร ขนาดห้องไม่ใหญ่มากแต่มีฟังชั่นครบ คืออ่างล้างหน้าแบบลอยตัวของ Englefiled by Kohler, โถสุขภัณฑ์ของ Karat พร้อมสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ มีพื้นที่อาบน้ำเล็กๆ และมีสเปควัสดุให้เหมือนกับทาวน์โฮมแบบแรกทุกประการค่ะ

ถัดไปเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 ความกว้างของบันได 90 เซนติเมตร วัสดุลูกนอนเป็นไม้ยางพารา ซึ่งพื้นที่ใต้บันไดมีห้องเก็บของให้ด้วย เป็นประตูเล็กๆสีขาว

ตัวบานประตูเป็นบาน HDF สีขาวบานเล็ก ไม่มีเกร็ดระบายอากาศ หากเก็บของเยอะๆไปนานเข้าอาจจะอับได้เหมือนกันนะ พอเปิดออกมาก็มีพื้นที่ไม่มากนัก พอเก็บของกระจุกกระจิกที่รกหูรกตาได้ อย่างเช่นพวกไม้ม็อบถูพื้น ที่ตักขยะ หรือพวกลัง กล่องเก็บอุปกรณ์เครื่องมือซ่อมบำรุงบ้านเล็กๆ

เราขึ้นบันไดมาด้านบน มองกลับลงไปจะเห็นว่าบันไดเป็นลักษณะบันไดวน มีชานพัก 1 ครั้ง เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นห้องชั้น 2 เป็นพื้นลามิเนตลายไม้ สีใกล้เคียงกับลูกนอนบันได โถงบันไดของหลังนี้จะรู้สึกโปร่งกว่าของ Type แรกเล็กน้อย

แต่ถึงจะดูโปร่งแต่ไม่มีช่องเปิดที่โถงบันได ต้องอาศัยแสงสว่างจากไฟจากในบ้านเท่านั้น ซึ่งบ้านมาตรฐานจะให้ไฟดาวน์ไลท์ LED มานะคะ แต่เราก็สามารถติดตั้งโคมไฟแบบบ้านตัวอย่างก็ได้เพื่อให้แสงสว่างและเป็นของตกแต่งบ้านไปในตัว

ขึ้นบันไดมา เราก็จะเจอกับห้องนอนเล็ก และห้องนอนขนาดกลางจะอยู่ข้างกัน พื้นห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. เหมือนส่วนโถงบันได ที่พื้นจะราบเรียบไม่มีคิ้วปิดรอยต่อพื้นใดๆ ประตูห้องของจริงของทั้งสองห้องนี้จะเป็นประตู HDF สีขาวนะคะ

เราเข้ามาที่ห้องนอนเล็กทางด้านขวามือสุดกันก่อน ห้องนี้มี ขนาด 2.30 x 2.70 เมตร ขนาดค่อนข้างเล็ก เราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานเหมือนห้องตัวอย่างได้ โดยห้องมาตรฐานของจริงจะเป็นห้องโล่งๆ มีหน้าต่างบานเลื่อนคู่ให้ 1 บาน พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้ ฝ้าเพดานเรียบๆติดไฟดาวน์ไลท์ LED ทรงสี่เหลี่ยมมาให้ 1 ดวง

พิ้นที่อีกด้าน สามารถวางโต๊ะเขียนหนังสือแบบนี้ได้

ถัดไปเป็นห้องนอนขนาดกลาง พื้นที่ 3.00 x 2.70 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตครึ่งได้โดยห้องจริงจะเป็นห้องโล่งๆมีหน้าต่างบานเลื่อนคู่มาให้ 1 บาน  แต่ถ้าเป็นแปลงมุมก็จะมีหน้าต่างทางซ้ายมือมาให้เพิ่มอีก 1 บาน พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้  ติดตั้งไฟมาให้ 1 ดวง เป็นไฟเป็นดาวน์ไลท์ LED เหมือนห้องแรก

พิ้นที่ผนังข้างเตียง สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าสูงถึงฝ้าเพดานและโต๊ะเครื่องแป้งแบบติดผนังเล็กๆแบบนี้ได้ ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้ห้องนอน ซึ่งทั้งหมดนี้โครงการไม่ได้ให้ แต่เราสามารถเอามาปรับใช้เป็นไอเดียแต่งห้องได้ค่ะ

ถัดไปเป็นห้องน้ำที่มีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง โดยห้องนี้จะเป็นสัดส่วนมากกว่าห้องน้ำชั้น 1 เพราะมีฉากกั้นอาบน้ำและแบ่งพื้นที่ใช้งานให้ 2 ส่วน โดยส่วนแรกเมื่อเรามองเข้าไปจะเจอกับส่วนนั่งส้วม ที่ติดตั้งโถสุขภัณฑ์ของ Karat ที่แขวนกระดาษทิชชู่และสายชำระมาให้ ผนังด้านบนติดตั้งหน้าต่างกระจกบานเลื่อนช่วยระบายอากาศและเพิ่มช่องแสง

พอเราเดินเข้ามาจะเจอกับประตูบานเลื่อนที่เป็นฉากกั้น หน้าบานเป็นกระจกฝ้านิรภัย ส่วนรางเลื่อนจะอยู่ด้านบนทำให้ไม่ต้องกลัวเดินสะดุดรางเลื่อน ซึ่งฉากนี้จะกั้นพื้นที่ระหว่างส่วนอาบน้ำกับส่วนนั่งส้วม ทำให้สามารถใช้งานทั้ง 2 ฟังก์ชั่นพร้อมๆกันได้

พอเดินเข้ามาก็จะเจอส่วนอาบน้ำทางขวามือ และอ่างล้างหน้าทางซ้ายมือ มองตรงไปจะมีประตูทะลุสู่ Master Bedroom แปลว่าคนจาก Master Bedroom ก็สามารถใช้ห้องน้ำนี้ได้เลย ไม่ต้องเดินมาเปิดที่ห้องโถงบันได

เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นเคาท์เตอร์ไม้แบบลอยตัว มีพื้นที่วางของข้างๆได้เล็กน้อย ที่ผนังติดกระจกเงาเรียบๆมาให้

อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ดี ของ Parazzo

อีกฝั่งทางขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำขนาด 0.90 x 1.20 เมตร ขนาดสบายๆสำหรับ 1 คน มีการกั้นพื้นที่ให้ด้วยกระจกนิรภัย บานเลื่อน 3 ตอน ทำให้ช่องเปิดเวลาเลื่อนเข้า-ออก ค่อนข้างกว้างดี

พื้นไม่มีการลดระดับให้ แต่เนื่องจากการติดตั้งฉากอาบน้ำแบบนี้ ทำให้มีตัวรางเลื่อนเป็นธรณีประตูช่วยกันน้ำให้แทน

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน มีไฟดาวน์ไลท์ติดตั้งมาให้ 2 ดวง และหน้าต่างบานเลื่อน 2 บาน คือตรงส่วนอาบจุดหนึ่ง และส่วนนั่งส้วมอีกจุดหนึ่ง ถือว่าแสงภายในห้องน้ำจะได้จากทั้งจากการเปิดไฟและแสงธรรมชาติทั้งสองจุด รวมทั้งมีการระบายอากาศตามธรรมชาติได้โดยการเปิดหน้าต่าง

ออกจากห้องน้ำ เราจะมาเข้า Master Bedroom ทางประตูโถงชั้น 2 กัน โดยประตูของจริงจะเป็น HDF

พื้นที่ปลายเตียง จะเป็นพื้นที่ห้องโล่งๆ กว้างประมาณ 2.00 x 2.70 เมตร สามารถกั้นห้องและ Built-in แบบนี้ ก็จะได้ทั้งตู้ด้านหน้าที่สามารถวางทีวี และพื้นที่ด้านหลังฉากกั้นที่เป็น Walk-in closed ได้

โดยเมื่อเข้ามาดูในพื้นที่ Wal-in closed ที่โครงการ Built-in มาให้ดูเป็นตัวอย่าง จะเห็นว่าทางขวามือจะเป็นผนังของฉากกั้นที่สามารถใช้แขวนเครื่องประดับ หรือของกระจกกระจิกได้ ส่วนทางซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ได้เต็มผนัง และโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ริมหน้าต่าง สามารถแต่งหน้าโดยรับแสงธรรมชาติได้

ระหว่างพื้นห้องนอนกับระเบียงมีการยกธรณีประตูกันน้ำ ส่วนพื้นระเบียงเป็นพื้นปูนฉาบเรียบทาสีขาวธรรมดา เหมาะกับการวางกระถางต้นไม้ สร้างมุมมองสีเขียวเหมือนทาวน์โฮมแบบแรก

วิวจาก Master Bedroom ชั้นสองของบ้านตัวอย่าง มองไปทางซ้ายมือจะเห็นซอยทางเข้ายูนิตพักอาศัย ซึ่งเป็นทาวน์โฮม Type BV4 แบบ 2 ที่จอดรถทั้งหมด

ส่วนถ้ามองไปทางขวามือจะเห็นทางเข้าโครงการและส่วน Bale’ House (อาคารอเนกประสงค์) บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างร่มรื่น

ถัดมาเป็นบ้านแฝด  Type TWBV  เป็นบ้านแฝด บนที่ดิน 38.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 135 ตร.ม. แบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนรับประทานอาหาร 1 ห้องครัว โดยเข้ามาในบ้านจะเจอพื้นที่ลานจอดรถขนาด 2 คัน จอดอยู่ด้านหนึ่งของอาคาร ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นประตูทางเข้า ซึ่งเป็นกระจกบานเลื่อน ค่อนข้างโปร่ง เข้ามาภายในตัวบ้านจะเจอกับห้องรับแขก ต่อเนื่องกับ ห้องรับประทานอาหารที่มีประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกไปสู่หลังบ้านเป็นที่สามารถจัดสวนหรือเป็นพื้นที่ซักล้างได้ ทางด้านขวาของตัวบ้านจะเป็นครัวที่มีประตูเล็กออกไปยังลานซักได้เช่นกัน ห้องครัวจัดพื้นที่มาเป็นครัวเปิด ซึ่งเราสามารถทำประตูกั้นเป็นครัวปิดได้ เวลาประกอบอาหารกลิ่นจะได้ไม่ลอยฟุ้งไปทั่วบ้าน ส่วนห้องน้ำอยู่ใต้บันไดที่ประตูจะอยู่ข้างๆบันไดทางขึ้นบ้าน โดยพื้นที่ห้องน้ำจัดให้มีส่วนอาบน้ำอยู่ด้วย แต่ไม่ได้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้เวลาอาบน้ำเลยจะเลอะหน่อย

ขึ้นไปที่ชั้น 2 บ้าน Type นี้จะแบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน โดยแบ่งเป็น Master Room 1 ห้อง ขนาดค่อนข้างใหญ่สามารถจัดพื้นที่ปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Walk -in Closet หรือเป็นพื้นที่นั่งทำงานได้ ส่วนห้องนอนขนาดกลาง และขนาดเล็ก ขนาดก็จะลดหลั่นกันลงมา ทั้ง 3 ห้องนอนใช้ห้องน้ำร่วมกัน แต่ความพิเศษของห้องน้ำชั้นสองนี้คือจะมีประตูทางเข้า 2 ทางคือจาก Master Bedroom และโถงบันได สะดวกต่อการเข้าใช้งาน ในชั่วโมงเร่งด่วนสามารถลงไปใช้ห้องน้ำและอาบน้ำชั้นล่างได้

หน้าตาบ้านแฝดจะเป็นสไตล์บาหลี ใช้โทนสีขรึมๆอย่างน้ำตาล-เทา-ขาว มีการตกแต่ง Facade อาคารด้วยระแนงและไม้ค้ำยัน วัสดุโดยรวมไม่ต่างกับทาวน์โฮมไม่มากนัก จะต่างกันก็แต่เพียงการเว้นระยะห่างระหว่างตึก ช่องเปิดในอาคารและได้พื้นที่บ้านที่มากกว่า

สำหรับบ้าน 1 หลังจะได้บ้านหน้าตาแบบนี้ค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @17 Sep 2015 

  • TH แบบ BV3 มุมถนน 9/4 ม.(ไม่มีหน้าต่าง) แปลง 143  ที่ดิน 21.7 ตร.วา ราคา 3,099,000 บาทหรือ x บาท/ตร.วา (ราคาพิเศษ 2,799,000 บาท)
  • TH แบบ BV3 มุมถนน 9/4 ม. แปลง 132,138 ที่ดิน 24.1 ตร.วา ราคา 3,499,000 บาทหรือ x บาท/ตร.วา (ราคาพิเศษ 3,199,000 บาท)
  • TH แบบ BV3 มุมถนน 9/4 ม. แปลง 87 ที่ดิน 24.2 ตร.วา ราคา 3,559,000 บาทหรือ x บาท/ตร.วา (ราคาพิเศษ 3,259,000 บาท)
  • TH แบบ BV3 มุมถนน 9/4 ม. แปลง 83 ที่ดิน 34.7 ตร.วา ราคา 4,399,000 บาทหรือ x บาท/ตร.วา (ราคาพิเศษ 4,099,000 บาท)
  • TH แบบ BV4 มาตรฐาน แปลง 208-211 ที่ดิน 20.8 ตร.วา ราคา 3,150,000 บาทหรือ x บาท/ตร.วา (ราคาพิเศษ 2,900,000 บาท)
  • TH แบบ BV4 มุมถนน แปลง 47 ที่ดิน 28.1 ตร.วา ราคา 3,999,000 บาทหรือ x บาท/ตร.วา (ราคาพิเศษ 3,599,000 บาท)
  • TH แบบ BV4 มุมถนน 9/16 ม. แปลง 104 ที่ดิน 42.2 ตร.วา ราคา 4,699,000 บาทหรือ x บาท/ตร.วา (ราคาพิเศษ 4,299,000 บาท)

 

  • จองและทำสัญญา 20,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 77,000 บาท
  • ค่าบริการสาธารณะชำระวันโอน 30 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าบริการสาธารณะส่วนกลาง 5 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • โปรโมชั่น : จอง+ทำสัญญา 20,000 บาท บ้านพร้อมอยู่

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการพฤกษาวิลล์  73 พัฒนาการ ตั้งอยู่ใน Pruksa Avenue อาณาจักรหมู่บ้านของพฤกษาที่รวมบ้านและทาวน์โฮมหลายๆโครงการไว้ด้วยกันในซอยพัฒนาการ 38 ห่างจากถนนพัฒนาการประมาณ 2.8 กม. โดยหากโฟกัสในซอยพัฒนาการ 38 เองนั้นจะมีชาวมุสลิมและคนใต้อยู่ค่อนข้างเยอะ ช่วงต้นซอยจะมีมัสยิดชื่อ อันวารุ้ล อับร้อล รวมทั้งอพาร์ทเม้นต์ที่เป็นชื่อมุสลิมก็จะมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ จึงเป็นตัวบ่งบอกว่าถิ่นนี้เป็นถิ่นเค้าเลย จากต้นซอยจนก่อนถึงหัวโค้งที่จะมีร้านอาหารปักษ์ใต้ ร้านสะดวกซื้อ แฟมิลี่มาร์ท ร้านขายของชำหลายร้าน ที่มีแผงขายผัก รวมทั้งอาหารสดตอนเช้า มีของให้เลือกหลากหลาย เนื่องจากในซอยนี้มีทั้งอพาร์ทเม้นต์ ทาวเฮาท์ และบ้านพักอาศัยค่อนข้างเยอะ ความอุดมสมบูรณ์ต่างๆจึงตามมา สำหรับเเหล่ง Shopping ที่ใกล้ที่สุดคือ Tesco Lotus ที่อยู่ระหว่างซอยพัฒนาการ 43 กับ 45  และ Max Value หรือถ้าจะไปห้างจะมี The Nine บนเส้นพระราม 9 นอกจากนี้หากจะไปบนถนนศรีนครินทร์ก็มี Thanya Park, Seacon Square กับ Paradise Park ส่วนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจจะมีสวนสาธารณะใหญ่ ๆ อย่าง สวนหลวงร.9 อยู่หลัง Paradise Park แต่เส้นทางการเดินรถอาจจะต้องไปกลับรถไกลหน่อย

ส่วนสภาพแวดล้อมโครงการ จะมีด้านที่อยู่ในโครงการ Pruksa Avenue คือทางทิศเหนือและทิศตะวันตกซึ่งหากมองทางทิศนั้นทั้งหมดจะเป็นบ้านพักอาศัยประมาณ  2-3 ชั้นอยู่แล้ว ส่วนทางทิศใต้ติดกับที่ดินว่าเปล่า แต่มองไปไกลๆจะเห็นหมู่ตึกคอนโด อพาร์ทเม้นต์ในย่านอ่อนนุช เรียงรายหนาตา ส่วนทางทิศตะวันออกก็เป็นที่ดินว่างเปล่า ที่มองออกไปจะเป็นบ้านพักอาศัยซะส่วนใหญ่ มุมมองโดยรวมจึงไม่อึดอัด รวมทั้งในโครงการ Pruksa Avenue เองมีถนนหลักในโครงการกว้า 16 เมตร และมีการจัดทัศนียภาพค่อนข้างร่มรื่น จึงได้สภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างโอเค

การเดินทางด้วยรถยนต์  ทำเลที่ตั้งโครงการถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลเมืองออกมาหน่อย และไม่มีรถไฟฟ้าในระยะที่เดินได้ แต่ก็สามารถใช้เส้นทางเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก เช่นใช้ถนนเพชรบุรี หรือ ถนน พระราม 9 เชื่อมไปยัง ซอย ทองหล่อ , พร้อมพงษ์ , เอกมัย หรือ อโศกได้ และยังมีเส้นทางลัดให้ใช้เลี่ยงรถติดได้หลายทาง เช่น ซอยถาวรนครด้านหลังโครงการที่สามารถลัดไปถนนศรีนครินทร์ได้ และซอยอ่อนนุช 39 ที่สามารถเป็นทางลัดไปถนนอ่อนนนุช(สุขุมวิท 77)ได้ นอกจากนั้นยังมี ตรงสามแยกพัฒนาการ 25 เป็นอุโมงค์ไปออกหลังรามคำแหง เอาไว้ไปเที่ยว The Nine ได้ หรือซอยพัฒนาการ 30 ทะลุที่ไปยังอ่อนนุชได้  ดังนั้นการเดินทางโดยใช้รถจึงค่อนข้างจะสะดวกกว่า แต่ปัญหาคือการจราจรในช่วงเวลาเร่งรีบที่มักจะหนาแน่นมาก ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะอยู่ทำเลไหนในกรุงเทพฯรถก็น่าจะติดไม่แพ้กัน ดังนั้นทำเลที่มีเส้นทางลัดหรือใกล้ทางด่วนจึงได้เปรียบกว่า โดยโครงการนี้มีเส้นทางลัดหลายเส้นทาง เดินทางเข้าออกนอกเมืองก็สะดวกดีค่ะ

สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถ จริงๆมีสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือสถานีอ่อนนุช รวมถึงมี Airport Link หัวหมาก ใกล้ๆกับสี่แยกพัฒนาการ แต่การจะเดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าเหล่านี้ก็ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากตัวโครงการอยู่ท้ายๆโครงการ Pruksa Avenue ไม่ว่าทางลัดทางไหนก็ยังไม่ได้ใกล้ถนนใหญ่ และยังลึกอยู่ดี  หากจะเดินคงมีหอบกันเลยทีเดียว ยิ่งตอนกลางคืนในซอยมืดๆยิ่งลำบากและในละแวกนั้นไม่ค่อยมีรถสาธารณะวิ่งผ่านเข้ามาในโครงการสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้เรียกแท็กซี่เข้ามาจากหน้าปากซอยก็ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามา ซึ่งพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่กลางซอยก็อยู่ห่างออกไปพอสมควร  ดูแล้วจะลำบากทุกทาง จึงแนะนำสำหรับคนที่สนใจโครงการนี้ว่าเหมาะกับคนที่มีรถส่วนตัวมากกว่าค่ะ

โครงสร้างชั้นล่างหล่อในที่ ส่วนชั้นบนเป็น Pre-Cast ส่วนวัสดุที่โครงการให้มาตามมาตรฐานทั่วๆไปคือ ผนังฉาบเรียบทาสี ประตู-หน้าต่างเป็นวงกบอลูมิเนียมอบน้ำตาล กระจกเขียวตัดแสง  บันไดโครงสร้างเหล็ก ลูกนอนเป็นพื้นไม้ยางพารา มีห้องเก็บของใต้บันได ชุดโคมไฟLED พื้นทั่วไปใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 cm. และชั้นสองเป็นลามิเนต ส่วนกระเบื้องห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านขนาด 60 x 60 cm. ฉากกั้นอาบน้ำติดให้ที่ชั้นสอง, อ่างล้างหน้าชั้นหนึ่งของ Englefiled by Kohler ส่วนอ่างล้างหน้าชั้นสองของ Parazzo และโถสุขภัณฑ์ของ Karat

สภาพโครงการค่อนข้างร่มรื่นออกแบบมาในสไตล์บาหลี การเลือกใช้ต้นไม้และโทนสีของอาคารจึงได้บรรยากาศเหมือนรีสอร์ท โดยเฉพาะในส่วน Bale’ House (อาคารอเนกประสงค์) ส่วนสภาพแวดล้อมโดยรวมค่อนข้างกว้างขวาง ตัวถนนหลักกว้าง 16 เมตร และถนนรอง 9 เมตร เป็นระยะที่ไม่แออัด สัญจรสบาย มีต้นไม้ปลูกเป็นทิวตลอดแนวถนน รวมทั้งการวางผังที่คำนึงถึงทิศของแดด ช่วยให้การอยู่อาศัยในบ้านไม่ร้อน

ตัวบ้านออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น ในที่นี้จะขอเน้นไปที่ทาวน์โฮมก่อนนะคะ เพราะตัวบ้านแฝดยังไม่มีการเจาะลึกและยังไม่เปิดขาย โดยทาวน์โฮมทั้ง 2 Type จะมีหน้าตาคล้ายๆกัน ต่างกันแค่เพียงฟังก์ชั่นเล็กน้อยในตัวบ้าน โดยบ้าน Type BV3 จะเป็นแบบ 1 ที่จอดรถ ส่วนบ้าน Type BV4 จะเป็นแบบ 2 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5.7 เท่ากัน ดังนั้นจึงพิจารณาได้จากการใช้รถเลยว่าเรามีรถกี่คัน เหมาะกับบ้านแบบไหน ตัวบ้านใช้โทนขรึม สีน้ำตาล-เทา- ขาว ส่วนการจัดวาง Function ในบ้านค่อนข้างดีสำหรับพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มาก เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก มีการใช้งานครบทุกส่วน พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ง่าย และมีการจัดวางพื้นที่และช่องเปิดให้ห้อง Master Bedroom สามารถจัดตู้เสื้อผ้าแบบ Walk -in Closet หรือปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่อเนกประสงค์เช่น นั่งเล่น หรือนั่งทำงานได้

สาธารณูปโภค พื้นที่ส่วนกลางมี Bale’ House (อาคารอเนกประสงค์) ซึ่งประกอบด้วยสำนักงานนิติบุคคล สระว่ายน้ำ 1 สระระบบเกลือ ขนาด 7 x 15 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.4 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร มีสวนหย่อม 2 จุด ขนาด  1-2-9.3 ไร่ และ 0-0-68.2 ไร่ ส่วนเรื่องความปลอดภัยจะมีระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ รั้วรอบโครงการสูง 2  เมตร มี Key Card Access ระยะใกล้ให้ลูกบ้านสแกนได้เลย ส่วนผู้มาติดต่อจะรับบัตรจาก รปภ.โดยประตูรั้วโครงการเป็นแบบระบบประตูล็อค 2 ชั้น คือ รั้วกั้นไม้กระดกและเลื่อนไฟฟ้า เพื่อเพิ่มระบบความปลอดภัยให่สามารถสแกนคนเข้าออกได้ 2  ชั้น ซึ่งสำหรับโครงการ 400 กว่ายูนิต สำหรับพื้นที่ส่วนกลางเท่านี้ก็ดูให้มาไม่มากเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกับค่าส่วนกลาง 30 บาท ต่อตารางวา และส่วนกลางใหญ่อีกตารางวาละ 5 บาท ที่บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะกลายเป็นว่าต้องเสีย 2 ต่อ แต่สำหรับการดูแลทั้งความเรียบร้อยและความปลอดภัยในอาณาจักรโครงการที่ใหญ่แบบนี้แล้วก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อนะคะ เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่ชอบฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ ไม่เน้นส่วนกลางมาก แต่ได้บ้านในราคาสมเหตุสมผล

 

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 2.8-4.6  ล้านบาท, 17 Sep 2015 

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.25/10 – อยู่ในซอยลึก แต่มีทางลัดออกได้หลายเส้นทาง เหมาะกับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว
  • ความปลอดภัย 7.5/10 –ระบบประตูล็อค 2 ชั้น รั้วกั้นไม้กระดกและประตูใหญ่ ใช้สแกนคนเข้า-ออกดี แต่รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร เตี้ยไปหน่อย มี รปภ.ดูแล 24 ชั่วโมง
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย   7.75/10 –ทาวน์โฮมสไตล์บาหลี แบบสวย จัดฟังก์ชั่นการใช้งานเหมาะสม
  • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 –ถนน Main 16 เมตร ถนนย่อย 9 เมตร ค่อนข้างกว้างไม่อึดอัด และมีการปลูกต้นไม้เป็นทิวริมทางดูร่มรื่น
  • สาธารณูปโภค 7.25/10 – มี Bale’ House (อาคารอเนกประสงค์)และสระว่ายน้ำเล็กๆแบ่งเป็นสระเด็กกับผู้ใหญ่
  • 7.41 / 10.00 

BOTTOM LINE

พฤกษาวิลล์  73 พัฒนาการ เหมาะกับคนที่กำลังมองหาทาวน์โฮมในย่านพัฒนาการ ศรีนครินทร์ อ่อนนุช ทองหล่อ รามคำแหง ที่เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก เดินทางเข้า-ออกเมืองง่าย มีทางลัดเข้า-ออกโครงการได้หลายทาง ชอบบ้านที่มีฟังก์ชั่นครบ ปรับเปลี่ยนได้ง่ายในราคาไม่แพง ไม่ได้เน้นใช้ Facilities มากนัก แต่ชอบโครงการที่มีสไตล์และบรรยากาศร่มรื่น มีงบประมาณ 2.8-4.6 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 19,600-32,200 บาท/เดือน

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )