นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทสามารถสร้างยอดขายจากการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ในเดือนพฤษภาคม 2559 ได้ถึง 2,500 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดขายที่นับว่าสูงกว่าปกติในระยะเวลาหนึ่งเดือน มาจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับที่อยู่อาศัยของแสนสิริทั้งในแนวราบและแนวสูงเป็นอย่างดี ทั้งทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวโครงการต่างๆ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างยอดขายจากคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการ ดีคอนโด แคมปัส รังสิตและโครงการ ดีคอนโด นิม เชียงใหม่ ร่วมกับการสร้างยอดขายจากตลาดต่างชาติ จากการโรดโชว์คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ “โมริ เฮาส์” ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุดในพื้นที่ T77 บนถนนสุขุมวิท77 ซึ่งสามารถสร้างยอดขายในวันพรีเซลส์ในประเทศฮ่องกง ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ไปกว่า 700 ล้านบาทหรือคิดเป็น 95% ของโควต้าที่ต่างชาติสามารถซื้อได้จากความเชื่อถือในแบรนด์แสนสิริในตลาดต่างชาตินับเป็นความสำเร็จจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆของกลุ่มบริษัทแสนสิริเป็นอย่างดีทั้งในไทยและต่างประเทศ
“ความสำเร็จของยอดขายที่เติบโตพุ่งสูงขึ้นมากในเดือนพฤษภาคม มาจากความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์ตอกย้ำจุดเด่นของแบรนด์บ้านเดี่ยว ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “แสนสิริ บ้านที่ใช่ในทุกความรู้สึก” เพื่อชูความโดดเด่นของ 5 แบรนด์ “นาราสิริ–เศรษฐสิริ–บุราสิริ–สราญสิริ –คณาสิริ” ซึ่งปรากฎว่าลูกค้าให้การตอบรับที่ดี โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริ ได้แก่ เศรษฐสิริ จรัญ ปิ่นเกล้า – เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑาและเศรษฐสิริ พัฒนาการที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดที่มียอดขายสูง นอกจากนี้ยังสามารถสร้างยอดขายจากคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการ ดีคอนโด แคมปัส รังสิต มูลค่าโครงการ 800ล้านบาท และโครงการ ดีคอนโด นิม เชียงใหม่ มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทยังสามารถขยายฐานรายได้จากตลาดต่างชาติ โดยล่าสุดบริษัทได้ส่งโครงการโมริ เฮาส์ (Mori HAUS) คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ทใจกลางเมืองบนพื้นที่ T77 ของถนนสุขุมวิท 77 ภายใต้แนวคิด Trees of Life ที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวไปโรดโชว์ใน 3 ประเทศ ทั้งฮ่องกง ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ซึ่งปรากฎว่าได้รับความนิยมสูงสุด โดยมียอดขายไปถึง 700 ล้านบาทภายในเวลา 2 วันของวันพรีเซลส์หรือคิดเป็น 95% ของสัดส่วนโครงการที่ชาวต่างชาติสามารถถือครองได้ ซึ่งบริษัทคาดว่าโครงการนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยในวันพรีเซลส์ในเมืองไทยในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากพื้นที่ T77 เป็นทำเลที่ทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจอย่างมากจากทำเลที่ตั้งและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงเรียนนานาชาติ คอมมูนิตี้มอลล์ ทางด่วน รถไฟฟ้า ฯลฯ เป็นต้น ” นายเศรษฐากล่าว
สำหรับโครงการดีคอนโด แคมปัส รังสิต เป็นคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่จำนวนทั้งสิ้น 462 ยูนิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ บนถนนเชียงราก ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท และโครงการดีคอนโด นิม เชียงใหม่ เป็นคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ จำนวนทั้งสิ้น 514 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 8 ไร่ บนทำเลใจกลางเมืองเชียงใหม่ ใกล้ห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล เพียง 200 เมตรและสามารถเดินทางไปย่านนิมมานเหมินทร์ เชียงใหม่ได้อย่างสะดวก ซึ่งนับเป็นคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ดีคอนโด โครงการล่าสุดในจังหวัดเชียงใหม่ โดยโครงการดีคอนโด นิม เป็นหนึ่งในโครงการที่มีแนวโน้มที่ดีในตลาดต่างชาติ จากการนำไปออกโรดโชว์ครั้งล่าสุดในประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกงด้วยเช่นกัน