นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลฯ ได้สำรวจตลาดที่อยู่อาศัย เมืองชายทะเลภาคใต้ พบว่า อสังหาริมทรัพย์ที่จ.ภูเก็ต และสงขลา ยังเติบโตได้ดีอยู่ แม้ว่าจะยังมีสต๊อกสินค้าเหลืออยู่บ้างก็ตาม จากการที่เป็นทั้งเมืองท่องเที่ยว และเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ทำให้มีทั้งนักลงทุน นักท่องเที่ยวเข้ามาต่อเนื่อง อีกทั้งผู้ที่อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ขึ้นมาซื้ออสังหาฯ ในสงขลาไว้ให้ลูกหลาน หลังจากที่ราคายางพาราเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยพื้นที่ที่ยังน่าจับตามองของภูเก็ตคือ เส้นทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองแต่อย่างไรก็ดี เห็นว่าการคมนาคมในภาคใต้ยังมีข้อจำกัดอยู่ จังทำให้ตลาดอสังหาฯ ไม่เติบโตสูงมากเหมือนจ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ ภูมิภาคยังสวนทางกับตลาดกทม.โดยในภาคใต้นั้น ยังชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ที่อาจประสบปัญหาขายแล้ว แต่ลูกค้าไม่ไปโอน หรือที่ขายได้แล้วลูกค้าก็ยังคืน เป็นต้น ขณะที่ตลาดหัวหิน กับชะอำนั้นตลาดยังไปได้ โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้าน แต่ตลาดบ้านจัดสรรยังชะลอตัว ขณะที่คอนโดฯ นั้นมีสต๊อกเหลือค้างจำนวนมาก แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา จะมีมาตรการรัฐออกมา แต่ก็ระบายสต๊อกไปได้ไม่มากนัก ทำให้ตลาดเปิดใหม่น่าจะชะลอตัวลง จนกว่าจะระบายสต๊อกได้มากกว่านี้
สำหรับจ.ภูเก็ต มีหน่วยที่อยู่อาศัยในผังของโครงการของผู้ประกอบการ ที่อยู่ระหว่างการขายทั้งสิ้น 37,900 หน่วย เป็นบ้านจัดสรร 91 โครงการ รวม 15,500 หน่วย มูลค่า 61,800 ล้านบาท เหลือขาย 3,400 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 14,600 ล้านบาท เป็นคอนโดฯ 99 โครงการ รวม 21,300 หน่วย มูลค่า 73,300 ล้านบาท เหลือขาย 4,300 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 16,600 ล้านบาท และเป็นบ้านพักตากอากาศ ที่มีราคา 15 ล้านบาทขึ้นไปมากถึง 56 โครงการ รวม 1,100 หน่วย
ส่วนบ้านพักตากอากาศหรือวิลล่านั้น นับเฉพาะโครงการแนวราบริมทะเลหรือเชิงเขาที่มีราคา 15 ล้านบาทขึ้นไปเกินกว่าร้อยละ 50 ของหน่วยในผัง และโครงการมีหน่วยเหลือขายอย่างน้อย 1 หน่วย พบว่าภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีโครงการบ้านพักตากอากาศมาก รวมประมาณ 1,100 หน่วย มีเหลือขายเพียง 80 หน่วย
ขณะที่จ.สงขลา มีทั้งสิ้น 15,400 หน่วย เป็นบ้านจัดสรร 174 โครงการ รวม 9,800 หน่วย มูลค่า 39,200 ล้านบาท เหลือขาย 3,200 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 13,300 ล้านบาท เป็นคอนโดฯ 21 โครงการ รวม 5,600 หน่วย มูลค่า 13,200 ล้านบาท เหลือขาย 1,100 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 3,000 ล้านบาท
นายสัมมา กล่าวว่า สำหรับอสังหาฯ ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีหน่วยที่อยู่อาศัยระหว่างการขายทั้งสิ้น 12,400 หน่วย เป็นบ้านจัดสรร 91 โครงการ รวม 5,300 หน่วย มูลค่า22,300 ล้านบาท เหลือขาย 1,800 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 8,800 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 30 โครงการ รวม 6,800 หน่วย มูลค่า 28,100 ล้านบาท เหลือขาย 1,600 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 6,400 ล้านบาท และบ้านพักตากอากาศ 8 โครงการ รวม 300 หน่วย ที่จ.เพชรบุรี มี 42 โครงการ รวม 16,965 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 3,050 หน่วย มูลค่า 11,700 ล้านบาท เหลือขาย 1,000 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 3,500 ล้านบาท เป็นคอนโดฯ 23 โครงการ รวม 13,850 หน่วย มูลค่า 45,800 ล้านบาท เหลือขาย 2,500 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 7,700 ล้านบาทและบ้านพักตากอากาศ 4 โครงการ รวม 65 หน่วย