บิ๊กสมาคมอสังหาฯ ประสานเสียงตลาดอสังหาฯ ยังเติบโต “อธิป พีชานนท์” ระบุ 7 เดือนยอดโอนบวก 11.3% คอนโดฯนำโด่งบวกกว่า 64% ด้านนายกสมาคมอาคารชุด ฟันธงอสังหาฯ ช่วง 4 เดือน ส่งท้ายปีดุเดือดเลือดพล่าน เปิดใหม่แตะ 1.5 แสนล้านบาท ชี้เฉพาะเดือน ส.ค.ยอดเปิดโครงการอสังหาฯ สูงสุด 30,000 ล้านบาท จับตากลุ่มอุตฯ อื่นกระโจนเข้าสู่ธุรกิจอสังหาฯมากขึ้น ด้านประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ มั่นใจยอดคนเดินเข้าชมงานทะลุหลักแสน ยอดขายในงานและ ต่อเนื่องกว่า 10,000 ล้านบาท
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลบวกจากมาตรกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ โดยพบว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2559 ยอดการโอนกรรมสิทธิ์บวกมา 11.3% แยกเป็นห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมยอดโอนดี บวกกว่า 64% ซึ่งได้รับผลดีจากมาตรการรัฐ ขณะที่โครงการแนวราบ ประเภททาวน์เฮาส์ ลดลง 11% บ้านเดี่ยวลดลง 28%
ขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่ช่วง 5 เดือนแรกของปี 59 เป็นไปตามภาวะตลาด เนื่องจากช่วงก่อนหมดมาตรการ ภาคเอกชนต่างเร่งระบายสินค้า (สต๊อก) ส่งผลให้ตัวเลขเปิดโครงการใหม่ของบ้านจัดสรรลดลง 30% ห้องชุด ลดลง 16% ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลัง ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์จะเร่งเปิดตัวโครงการใหม่
“ปัจจัยบวกที่อยู่ในตลาด คือ ผู้เล่น รายใหญ่และรายกลางที่ยังมีสถานการณ์ทางการเงินที่มั่นคง และคาดว่าจะโหมเปิด โครงการใหม่ในช่วงเดือนสุดของปี และตลาดอสังหาฯยังคงเติบโต ทั้งปัจจัยบวกจาก เรื่องอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในแนวโน้มต่ำ ต้นทุน บ้านใหม่ขยับขึ้นไม่มาก โดยบ้านจัดสรรปรับขึ้นมา 2% คอนโดมิเนียมปรับขึ้น 3%”
ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า อาคารสูงถือว่าเป็นพอร์ตที่มีจำนวนมากที่สุดของอุตสาหกรรมอสังหาฯมีสัดส่วนถึง 55% โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 มีการเปิดตัวโครงการแนวสูง-แนวราบในเขต กทม.-ปริมณฑล ทั้งสิ้นจำนวน 40,600 ยูนิต ลดลง 26% รวมมูลค่า 144,000 ล้านบาท ลดลง33% เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มีการเปิดตัวโครงการถึงจำนวน 108,000 ยูนิต มูลค่า 412,000 ล้าน บาท ถือว่าเป็นปีที่มีการเปิดตัวมากที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ คาดว่าทั้งปี 2559 จะมีการเปิดตัวโครงการใน กทม.-ปริมณฑล มูลค่ารวมทั้งสิ้น 300,000-350,000 ล้านบาท รวมประมาณ 100,000 ยูนิต
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 59 (สิงหาคม-ธันวาคม) จะเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการเปิดตัวโครง การมากขึ้น โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคม (เดือน 8) ที่ผ่านมามีโครงการใหม่ทั้งแนวสูงและแนวราบ เปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุด คิดเป็นมูลค่า 20,000-30,000 ล้านบาท แต่ละโครงการมีมูลค่าตั้งแต่ 2,000-3,000 ล้านบาท คาดว่า 4 เดือนน่าจะมีการเปิดตัวโครงการรวมสูงถึง100,000- 150,000 ล้านบาท
“ครึ่งปีแรกมีโครงการเปิดใหม่แค่ 33% และสัดส่วนที่เหลือจะเปิดในครึ่งปีหลัง เชื่อว่าสัดส่วนครึ่งหนึ่งจะมีการเปิดตัวในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 เชื่อว่าในงานมหกรรมฯ จะได้ดอกเบี้ยดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะแบงก์ต้อง การปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ที่มีกำลังซื้อ ส่วนคอนโดฯไฮเอนด์ จะมีผู้ประกอบการจากธุรกิจอื่นขยายไลน์มาพัฒนามากขึ้น และจะเป็นรูปแบบมิกซ์ยูสมากขึ้น และแต่ละอาคารจะมีความทันสมัยมากขึ้น เชื่อว่าจะ ทำให้ กทม.เปลี่ยนแปลงด้านแลนด์สเคปได้ในทศวรรษหน้า” นายประเสริฐกล่าว
สำหรับทำเลที่อยู่อาศัยในแนวรถ ไฟฟ้าในบางทำเลอาจจะมีโอเวอร์ซัปพลายบ้าง แต่บางทำเลก็ยังมีดีมานด์ต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มตลาดระดับบน ทำเลที่มีการอยู่อาศัยมากที่สุดคือช่วงต้นสุขุมวิท โดยเฉพาะย่านทองหล่อ เอกมัย ที่ในปี 2560 ยังมีผู้ประกอบการ รอเปิดโครง การใหม่อีกหลายราย เนื่องจากดีมานด์ตลาดบนยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง และด้วยราคาที่ดินที่ปรับสูงขึ้นทุกปี เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เปลี่ยนพฤติกรรมการอยู่อาศัยของผู้บริโภคในการยอมรับคอนโดฯในระบบรางมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนทำเลที่จะมีผู้ประกอบการไปเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าระดับกลางคือ แนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงถนนจรัญสนิทวงศ์ ตลอดทั้งเส้น โดยราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท/ตารางเมตรบวกลบงานมหกรรมบ้านฯกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี
นายสมนึก ตัณฑเทอดธรรม ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 กล่าวว่า ทาง 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ร่วมกันจัดงาน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “NEW ERA ก้าวใหม่ ครบคุ้ม ทุกพื้นที่” เพื่อตอกย้ำว่านี้คือโอกาสทองครั้งสุดท้าของปีนี้ ซึ่งในงานจะมีบริษัทพัฒนาอสังหาฯกว่า 200 บริษัท นำโครงการกว่า 1,000 โครงการมานำเสนอให้แก่ลูกค้า ซึ่งยังมีสินค้าคงค้าง(สต๊อก) คอนโดมิเนียมในปีที่ผ่านมาและโครงการแนวราบที่เปิดตัวต้นที่เป็นต้นทุนเดิมมานำเสนอในงานนี้
ทั้งนี้ งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคม 2559 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยคาดว่าตลอดการ จัดงาน 4 วัน จะมียอดคนเดินชมงานมากกว่า 100,000 คน และมียอดขายตลอดงาน มากกว่า 4,000 ล้านบาท และยอดขายต่อเนื่องหลังงานฯ อีกไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านบาท รวมแล้วมากกว่า 11,000 ล้านบาท
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา