ทางด่วนแก้หนี้

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) ส่งผลให้รายได้ของประชาชนและภาคธุรกิจปรับลดลงอย่างมาก ดังนั้น การที่ผู้ให้บริการทางการเงิน (ผู้ให้บริการ) และลูกค้าสามารถตกลงและได้ข้อสรุปร่วมกัน ในเรื่องการผ่อนชำระหนี้ที่สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ในการนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงเปิดช่องทาง “ทางด่วนแก้หนี้” ขึ้น เพื่อเป็นช่องทางเสริมสำหรับให้ประชาชนหรือธุรกิจแจ้งขอความช่วยเหลือด้านการผ่อนชำระหนี้ โดย ธปท. จะส่งข้อมูลที่ได้รับไปยังผู้ให้บริการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป

สำหรับขั้นตอนการขอยื่นคำขอแก้หนี้มีดังนี้

  • 1. ผู้ที่ต้องการใช้บริการให้เข้าไปที่นี่ (คลิก) จากนั้นระบบ ก็จะแสดงให้เห็นหน้าหลักของเว็บไซต์ทางด่วนแก้หนี้
    2.  อ่านข้อรายละเอียด ข้อตกลงและเงื่อนไขให้เรียบร้อยก่อน กดยอมรับการใช้งานทางด่วนแก้หนี้
  • กรอกชื่อ-นามสกุล / ชื่อนิติบุคคล (บริษัท ห้างหุ้นส่วน องค์กร)
  • กรอกรหัสอ้างอิงบุคคล / นิติบุคคล ได้แก่ เลขประจำตัวประชาชน, เลขทีหนังสือเดินทาง และเลขที่จดทะเบียนนิติบุคคล เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้เลื่อนมากรอกข้อมูลในช่อง “เลขประจำตัวบุคคล และนิติบุคคล”
  • ใส่เบอร์โทรศัพท์มือถือ
  • กรอก e-mail
  • กรอกเหตุผล หรือคำอธิบายประกอบคำขอ โดยใส่ข้อมูลสำคัญที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการทางการเงิน เช่น ถูกพักงานในช่วงโควิด-19 ทำให้ขาดรายได้ และไม่สามารถชำระหนี้สินได้ตามเดิม รวมถึงข้อมูลการค้างชำระนานเท่าไร หรือมีสถานะทางคดีหรือไม่
  • เลือกผู้ให้บริการทางการเงินที่เราต้องการขอความช่วยเหลือ
  • เลือกแนวทางที่ต้องการเสนอให้ผู้บริการทางการเงินพิจารณา (เลือกได้ 3 ข้อ) ได้แก่

-ยืดระยะเวลาชำระหนี้
-พักชำระเงินต้น
-ลดอัตราดอกเบี้ย
-ยกเว้นหรือผ่อนปรนดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้
-ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม
-เปลี่ยนประเภทหนี้ เพื่อให้ดอกเบี้ยถูกลง
-ปิด/ชำระหนี้เร็วขึ้น

  • เลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นหนี้ ได้แก่ บัตรเครดิต, บัตรกดเงินสด, สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อจำนำทะเบียน, สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย, สินเชื่อเช่าซื้อ ลิสซิ่ง เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์, สินเชื่อประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)
  • ระบุสาขาที่ทำสัญญา

เมื่อใส่ข้อมูลครบถ้วนแล้วให้คลิกที่ “กดเพื่อขอรหัสติดตามเรื่อง” จากนั้นรหัสติดตามเรื่องจะถูกส่งมาที่ SMS ให้นำรหัสนั้นมาใส่ข้อมูลในช่อง “กรอกรหัสติดตามเรื่อง” จากนั้นกดส่งข้อมูลเพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นกระบวนการยื่นคำขอผ่านทางด่วนแก้หนี้

ดูคลิปเพื่ออธิบายการใช้งานเพิ่มเติม คลิก ที่นี่

คำถามเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานทางด่วนแก้หนี้ 

ทางด่วนแก้หนี้ ทางด่วนแก้หนี้ ทางด่วนแก้หนี้ ทางด่วนแก้หนี้ ทางด่วนแก้หนี้ ทางด่วนแก้หนี้

อย่างไรก็ตาม หากท่านประสงค์จะร้องเรียน แจ้งเบาะแส หรือสอบถามเรื่องอื่น สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 1213 อีเมล [email protected] หรือหน้าเว็บไซต์ www.1213.or.th

สำหรับคนที่เจอปัญหาหนี้ส่วนอื่นๆ ล่าสุดเรามี คลินิกแก้หนี้ปรับยา 2 สูตรใหม่ “ลดดอกและพักหนี้” ใช้ถึงกลางปี 64 เพื่อลดผลกระทบ Covid-19

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ประชุมเพื่อประเมินผลมาตรการช่วยเหลือที่เรียกว่า “ยา 2 สูตร” คือ การลดดอกเบี้ยและการพักชำระหนี้ ซึ่งได้ดำเนินการใน 6 เดือนที่ผ่านมา (เม.ย. – ก.ย. 2563) ผลที่ออกมาโดยรวมถืออยู่ในระดับที่น่าพอใจ ลูกหนี้ของคลินิกแก้หนี้ส่วนใหญ่ประมาณ 94% ยังที่จ่ายชำระค่างวดอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบและพักชำระหนี้มีเพียง 6% เท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มที่ไม่แจ่มใสนักและยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก คณะกรรมการฯ จึงขยายมาตรการช่วยเหลือออกไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2564 แต่ได้ปรับปรุงแนวทางการช่วยเหลือให้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งจะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ และผลกระทบที่จะมีต่อความสามารถชำระหนี้ของลูกหนี้ในโครงการคลินิกแก้หนี้อย่างใกล้ชิด

ยา 2 สูตรใหม่ที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพจะช่วยรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต

นางธัญญนิตย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการฯ ประเมินว่า มองไปข้างหน้า แนวโน้มของเศรษฐกิจไทยยังไม่แจ่มใสนัก และอาจจะใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่จะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ระดับปกติ จึงเห็นควรให้ปรับปรุงและขยายมาตรการความช่วยเหลือออกไปอีก 9 เดือนจนถึงมิถุนายน 2564 เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของลูกหนี้ในช่วงที่ยากลำบาก

ทั้งนี้ การขยายมาตรการ ยา 2 ขนาน เนื่องจากเห็นว่ามีประสิทธิผลสามารถตอบโจทย์ทั้งฝั่งลูกหนี้และเจ้าหนี้ operation การดำเนินการไม่ยุ่งยากซับซ้อน และแนวทางการปรับปรุงก็มาจากข้อมูลผลของมาตรการที่เราเห็น (evidence based) ซึ่งโครงการมีลูกหนี้ 2 กลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือแตกต่างกัน

กลุ่มแรก คือ ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ มีรายได้และสภาพคล่องลดลง บางรายตกงาน ซึ่งหากไม่ได้รับความช่วยเหลือก็อาจต้องออกโครงการ กลับเข้าสู่วงจรหนี้เสียเช่นเดิม กลุ่มนี้จะได้รับยาขนานแรก โดยโครงการได้ปรับปรุงแนวทางโดยลูกค้าต้องลงทะเบียนเพื่อขอใช้สิทธิตามมาตรการนี้ (opt in) จากเดิมให้สิทธิแก่ลูกหนี้ทุกรายเป็นการทั่วไป ลูกหนี้สามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ได้ง่ายๆ เพียงเข้าไปในเวปไซค์ www.คลินิกแก้หนี้.com และกรอกข้อมูลแสดงความจำนงผ่านเข้ามา อยากจะขอย้ำว่า ลูกหนี้ที่สนใจจะเข้ามาตรการนี้จะต้องกรอกข้อมูลขอเข้ามาตรการซึ่งไม่เหมือนช่วงแรก

กลุ่มที่สอง คือ ลูกหนี้ที่ยังพอชำระค่างวดได้ โครงการจะกระตุ้นให้ลูกหนี้กลุ่มนี้ชำระค่างวดเข้ามาตามกำลังความสามารถ โดยจะได้รับยาขนานที่สอง คือ ลดดอกเบี้ยให้ 1-2% หากลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้ในช่วงนี้ แต่จะมีการแบ่งกลุ่มที่จะให้ความช่วยเหลือออกเป็นดังนี้
1. กลุ่มที่จ่ายค่างวดเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 80 ในช่วง 9 เดือนข้างหน้าจะได้รับการลดดอกเบี้ย 2%
2. กลุ่มที่จ่ายค่างวดเฉลี่ยร้อยละ 40-79.99 ในช่วง 9 เดือนข้างหน้าจะได้รับการลดดอกเบี้ย 1%

ดอกเบี้ยที่ทางคลินิกแก้หนี้ได้ลดให้ลูกหนี้ในโครงการเพิ่มเติมจะถูกนำไปตัดเงินต้น ซึ่งจะทำให้ยอดหนี้ทั้งหมดลดลงเร็วขึ้นด้วย

ลูกหนี้ในอนาคตจะได้ประโยชน์

ประชาชนที่มีหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล ที่สมัครเข้าโครงการคลินิกแก้หนี้ในช่วงนี้จนถึงมิถุนายน 2564 จะได้รับสิทธิลดดอกเบี้ย 1-2 % จากโครงการเช่นเดียวกัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่จ่ายจริงอยู่ที่ 2-3% ถือว่าผ่อนปรนมากเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดทั่วไป