ในงานครบรอบ 36 สมาคมบ้านจัดสรรไทย คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวปาฐกถาในงานถึงความสำคัญของ “ภาคอสังหาริมทรัพย์” ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ พร้อมเผยแผนปลดล็อคกฏหมายปล่อยเช่าต่างชาติ กระตุ้นเม็ดเงินลงทุน
“อสังหาริมทรัพย์ เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากที่สุดในระบบเศรษฐกิจ โดยมีปัจจัยจากความเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่นๆค่อนข้างมาก เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงธุรกิจธนาคารด้วย ซึ่งจะรวมอยู่ในธุรกิจบ้านจัดสรร ถ้าเรามองในแง่เศรษฐกิจ นี้จะเป็นหนึ่งปัจจัยที่จะบอกว่าดีหรือไม่ดี เวลาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ อสังหาริมทรัพย์จะแย่ ในทางกลับกัน เวลาฟื้นตัว อสังหาจะเป็นตัวชี้ตัวแรกที่จะบอกว่าเศรษฐกิจฟื้น ซึ่งทุกๆรัฐบาลก็จะให้ความสำคัญ ในการช่วยแก้ปัญหาออกมาตรการเพื่อให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เดินหน้าต่อไปได้ เช่น มาตรการโอน และ ลดหย่อนภาษี”
ในอนาคตที่กำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กระทรวงการคลังได้พยายามผลักดัน และติดต่อขอความร่วมมือกับโรงพยาบาลหลายๆ แห่ง เริ่มต้นจากรพ.รามาธิบดี โดยอาศัยที่จากธนารักษ์ เพื่อจัดทำเป็น Senior Complex สังคมผู้สูงอายุแบบครบวงจร
ส่วนร่างพรบ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่เพิ่มผ่านเข้าครม. ไปนั้น แม้จะใช้เวลาพิจารณานานถึง 8 เดือน แต่ก็เป็นการปรับเพื่อให้ง่ายและสอดคล้องกับหลักความเป็นจริงมากขึ้น โดยแบ่งเป็น 4 ประเภทตามสิ่งปลูกสร้าง อาทิ ที่ดินเกษตร 0.2% ที่อยู่อาศัย 0.5% อื่นๆ 2% และที่ดินว่างเปล่าที่ไม่ได้ใช้งาน 5%
นอกจากนี้ ยังมีแผน 2 ข้อที่คลังคิดๆ อยู่ (แต่เท่าที่ฟังคร่าวๆ ก็แอบงงใช้ได้) ได้แก่
- แผนพิจารณากฏหมาย Lease Hold ซึ่งจะเป็นการปลดล็อคให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยได้ง่ายขึ้น หลังการเบื้องต้นคือกฏหมายตัวนี้จะสามารถทำให้คนไทย (เจ้าของที่ดิน) สามารถนำที่ดินไปปล่อยให้ชาวต่างชาติเช่าได้ สูงสุด 50 ปี ซึ่งระหว่างนั้นผู้เช่า (ชาวต่างชาติ) จะสามารถครอบครองได้ในฐานะเจ้าของคนหนึ่ง จะนำไปปล่อยเช่าหรือขายสิทธิ์ต่อก็ได้
- Wind for Tax การเก็บภาษีจากส่วนต่างของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเริ่มคิดหลังจากทรัพย์สินมีการเปลี่ยนมือ เช่น คอนโด A ตอนเปิดขายราคานึง แต่นานไปราคาขึ้น แล้วเกิดขายได้ ผู้ขายก็จะต้องรับผิดชอบเสียภาษีส่วนต่างตรงนี้
เพิ่มเติม สำหรับคนอ่าน ใครฟัง 2 ข้อนี้แล้วก็อย่าเพิ่งตกใจไป ทุกอย่างเป็นแค่แผน จะทำได้แค่ไหน เราคงต้องดูกันอีกที