ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2560 ที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติมีผลการดำเนินงานที่ดีจนทำให้มีผลกำไรสุทธิเบื้องต้น 1,250 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกำไรจากการดำเนินงานของการเคหะแห่งชาติที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี พร้อมจะเร่งจัดสร้างที่อยู่อาศัยตามแผนแม่บท การพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579) โดยมีเป้าหมาย 2,271,080 หน่วย
การดำเนินงานดังกล่าวเป็นผลมาจากการควบคุมและลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กร รวมถึง การเพิ่มรายได้จากการดำเนินงาน โดยการบริหารจัดการกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่ยังไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งการเคหะแห่งชาติได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยให้ลูกค้ากู้สินเชื่อเช่าซื้อกับการเคหะแห่งชาติโดยตรง เมื่อลูกค้ามีประวัติการผ่อนชำระที่ดีติดต่อกันในระยะหนึ่ง การเคหะแห่งชาติจะเปิดโอกาสให้ลูกค้ายื่นขอสินเชื่อกับสถาบันเงินต่อไป ในปีที่ผ่านมามีลูกค้าสนใจโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติเพิ่มมากขึ้น และลูกค้าส่วนใหญ่ยังไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน จึงทำให้มีลูกค้ากลุ่มดังกล่าวผ่อนชำระกับการเคหะแห่งชาติเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การเคหะแห่งชาติมีกำไรจากการดำเนินงานที่ดีและสูงที่สุดในรอบ 10 ปี และขณะนี้การเคหะแห่งชาติยังเร่งดำเนินการจัดตั้งกองทุนพัฒนา
ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อเป็นแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและให้บริการค้ำประกันสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองโดยถ้วนทั่วตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติแล้ว อยู่ระหว่างการนำเสนอขอความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอ รมว.พม. ต่อไป นอกจากนี้ยังมีแนวคิดในการจัดตั้งLeasing Agency โดยนำ Model ทางการเงินสมัยใหม่มาใช้ในการดำเนินงาน เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอีกทางหนึ่งด้วย
ส่วนความคืบหน้าของโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติที่จะดำเนินการ ได้แก่
- โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (แปลง G) ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้า27.25 % และอยู่ระหว่างหาเอกชนร่วมลงทุน (PPP) ระยะต่อไป
- โครงการบ้านสวัสดิการข้าราชการ จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งจะขยายพื้นที่ไปยังหัวเมืองต่างๆ เช่น จ.อุดรธานี และ จ.นครพนม
- โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้า (TOD) ได้แก่ โครงการประชานิเวศน์ 3 (เฟส 1) ขณะนี้มีผู้สนใจจองกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ โดยจะขยายโครงการใน พื้นที่อื่นๆ
- โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex) จะดำเนินการในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พื้นที่ ต.ท่าตำหนัก จ.นครปฐม และ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมทั้งจะเร่งศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย (PPP) ต่อไป
นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติจัดสร้างโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน จ.ชลบุรี(ห้วยกะปิ) จำนวน 1,104 หน่วยอีกด้วย