รีวิวฉบับที่ 2166 … วันนี้จะพาไปชมโครงการโฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น กับ Headquarters วิภาวดี บอกก่อนว่าโครงการมีจุดเด่นที่โลเคชั่นติดริมถนน ในซอยวิภาวดี-รังสิต 62 ที่เป็นทางลัดออกได้ทั้งแจ้งวัฒนะ, พหลโยธินและวิภาวดี-รังสิต ใกล้ทางด่วน รถไฟฟ้า ตลาดใหญ่ จึงเหมาะกับกิจการที่ต้องการหน้าร้าน ซึ่งโครงการก็ให้ที่จอดรถมาเยอะ 4 – 6 คันเลยทีเดียว แต่ด้วยโครงการมีจำนวนเพียง 6 ยูนิต จึงไม่ได้มี Facilities ส่วนกลางให้ใช้ ดีไซน์ตัวอาคารมีลูกเล่น ดูหรูหรา มีราคาเริ่มต้นที่ 15.99 ล้านบาท จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

24 November 2020

  • Headquarters Vibhavadi (เฮดควอเทอร์ส วิภาวดี)
  • บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านปี 2020 ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่
  • เนื้อที่โครงการ 0-2-31 ไร่ จำนวน 6 ยูนิต
  • โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น มี 2 แบบให้เลือก ดังนี้

  • แบบ HQ-M : หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 31.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 350 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 15.99 ล้านบาท
  • แบบ HQ-L (หลังมุม) : หน้ากว้าง 7.8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 52.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 448 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ / พื้นที่รองรับการติดตั้งลิฟต์
    – ราคาเริ่มต้น 25.9 ล้านบาท

  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าชั้น 1 และชั้นลอย – 2.60 เมตร / ชั้น 2 และชั้น 3 – 2.8 เมตร
  • ทีดินเพิ่มลดตารางวาละ 350,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง เดือนธันวาคม ปี 2562
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ n/a
  • เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1749
  • ทำเลที่ตั้ง

    พิกัด Google Maps : 13.871339, 100.578696
    หรือสามารถ : คลิกที่นี่

    แผนที่จากทางโครงการ Headquarters วิภาวดี ค่ะ

    โครงการ Headquarters วิภาวดี อยู่ติดริมถนนซอยวิภาวดี-รังสิต 62 เป็นซอยที่มีการใช้ประโยชน์เป็นทั้งที่บ้านพักอาศัยและออฟฟิศปะปนกัน จึงไม่ต้องแปลกใจที่ซอยนี้จะมีความคึกคัก มีร้านค้า, ร้านอาหาร, 7-11 และช่วงพักเที่ยงก็จะเห็นพนักงานเดินกันขวักไขว่

    ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้โครงการที่สุดก็คงจะไม่พ้นตลาด Market Today ในซอยวิภาวดี-รังสิต 64 ที่ลัดจากโครงการไปได้แบบไม่ไกล ประมาณ 400 m. เท่านั้น เป็นตลาดใหญ่ให้ซื้อของสด, อาหารสำเร็จรูปก็มีให้เลือกหลากหลาย หรือร้านอาหารเปิดให้นั่งทานเลยก็เพียบ, มี CP Fresh Mart, Cafe Amezon, คลินิกทำฟัน, ธนาคารกรุงไทย แต่อาจจะหาที่จอดรถยากสักหน่อย เพราะคนในย่านนี้ก็มาช้อปปิ้งที่นี่กันเป็นประจำ ต้องลองวนๆ ในซอยดูค่ะ

    ทำเลนี้จึงมีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอที่จะรองรับการเป็นโฮมออฟฟิศของโครงการ ทำให้พนักงานมีแหล่งให้ซื้อหาอาหาร หรือเอาจริงๆ ในปัจจุบันก็นิยมสั่งผ่าน Application กันมากขึ้น ซึ่งโซนนี้ก็มีห้างใกล้ๆ อย่างเซ็นทรัลรามอินทราเป็นร้านอาหารในห้างให้เลือกด้วย

    ทำเลของโครงการ Headquarters วิภาวดี อยู่ในซอยวิภาวดี-รังสิต 62 เข้าจากทางหน้าปากซอยประมาณ 400 m. เป็นทำเลที่เข้าจากถนนใหญ่ได้หลายเส้นทางทั้งทางถนนแจ้งวัฒนะ, ถนนวิภาวดีรังสิต และถนนพหลโยธิน ใกล้ทางด่วนและไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าที่มีเส้นทางตามถนนสำคัญรอบๆโครงการ ใกล้ที่สุดก็จะเป็นสถานีราชภัฏพระนคร (สายสีชมพู) ซึ่งต้องรอเปิดให้บริการในอนาคต หรือถามถึงสถานีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วก็จะมีสถานีบางบัว (สายสีเขียว) ที่วิ่งเข้าเมืองโดยตรงได้เลย มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 3  km. ค่ะ

    อย่างที่อธิบายไปว่าโครงการเข้าออกได้หลายเส้นทาง ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนหลักเส้นใหญ่ๆ ทั้งนั้น ได้แก่

    ถนนแจ้งวัฒนะ ที่เข้าออกผ่านทางแจ้งวัฒนะซอย 1 ได้ เส้นทางนี้เป็นประโยชน์สำหรับการวิ่งไปทางแจ้งวัฒนะได้สะดวก
    ถนนพหลโยธิน สามารถใช้ซอยพหลโยธิน 49/1 เป็นทางลัดในการทะลุออกถนนพหลโยธินได้ ซึ่งจะไปออกบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบางบัว (สายสีเขียว) ได้ด้วย
    ถนนวิภาวดี – รังสิต ถนนเส้นหลักที่มีช่องการจราจรใหญ่สุดในโซนนี้ที่มีทางขึ้นลงทั้งทางด่วนและโทลล์เวย์ ใช้วิ่งไปทางจตุจักร และตรงเข้าสู่อนุสาวรีย์ชัยฯ ได้ไม่ยาก และเป็นทางหลักที่ใช้วิ่งไปรังสิต – อยุธยาได้ ซึ่งสามารถเข้าได้จากทั้งซอยวิภาวดี-รังสิต 62 และ 64 เลยค่ะ

    สำหรับตัวช่วยในการเดินทางอีกอย่างก็คือ โทลล์เวย์ (ทางยกระดับอุตราภิมุข) ที่มีทางขึ้นอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.4 km. ซึ่งสามารถใช้ทางลัดผ่านซอยแจ้งวัฒนะ 1 ไปออกถนนแจ้งวัฒนะ และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดี – รังสิตได้เลย โดยที่ไม่ต้องไปกลับรถเลยนะคะ

    อีกตัวช่วยหนึ่งในการเดินทางคือ ทางด่วนศรีรัช แต่จะอยู่ห่างจากโครงการมาอีกสักหน่อย มีจุดขึ้นทางด่วนห่างจากโครงการประมาณ 7.7 km. สามารถใช้วิ่งไปแถวพระราม 9, เอกมัย ได้ในเวลาราว ๆ ครึ่งชม. หรือจะไปทางสาทรก็สะดวกค่ะ

    สำหรับเส้นทางมาโครงการในวันนี้เราเลือกใช้โทลล์เวย์ ซึ่งมีทางลงไม่ไกลจากโครงการเลย แค่ประมาณ 5 km. ก็ถึงโครงการ Headquarters วิภาวดี แล้วค่ะ

    Image 1/12
    วันนี้เราใช้โทลล์เวย์เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรด้านล่าง โดยทางออกที่ใกล้โครงการคือป้ายดอนเมืองค่ะ

    วันนี้เราใช้โทลล์เวย์เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรด้านล่าง โดยทางออกที่ใกล้โครงการคือป้ายดอนเมืองค่ะ

    สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    สภาพแวดล้อมของโครงการส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยแนวราบและที่ดินเปล่า จึงไม่ได้มีประเด็นอะไรที่ส่งผลต่อการพักอาศัย

    โดยทางทิศตะวันออก ตะวันตก และทิศใต้ จะถูกโอบล้อมด้วยโครงการบ้านเดี่ยว The Gentry วิภาวดีทั้งหมด ส่วนทิศเหนือจะติดกับถนนซอยวิภาวดี-รังสิต 62 ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่าของบุคคลอื่น ซึ่งเคยเป็นสนามโกคาร์ทเก่า จึงได้วิวโล่งๆ อยู่ในปัจจุบันนะคะ

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    ศูนย์การค้า

    • Central Plaza รามอินทรา ~ 4.9 km.
    • Central Plaza ลาดพร้าว ~ 6.9 km.
    • Central Plaza แจ้งวัฒนะ ~ 8.9 km.

    สถานศึกษา

    • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 2.9 km.
    • มหาวิทยาลัยศรีปทุม ~ 6.2 km.
    • International School Bangkok ~ 10.2 km.

    สถานพยาบาล

    • โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 3.7 km.
    • โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ~ 3.8 km.
    • โรงพยาบาลเปาโล เกษตร ~ 5.8 km.
    • โรงพยาบาลนนทเวช ~ 9.2 km.

    รายละเอียดโครงการ

    ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะคะว่าโครงการ Headquarters วิภาวดี นี้ไม่ได้เข้ากฎหมายบ้านจัดสรรแบบโครงการทั่วไป เนื่องจากโฮมออฟฟิศของที่นี้จะมีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งไม่เข้าข่ายกฎหมายจัดสรรที่ดิน ที่ต้องมีแปลงยูนิตรวมกันอย่างน้อย 10 แปลงขึ้นไป

    ดังนั้นบ้านเหล่านี้จึงอยู่ติดกับถนนสาธารณะ และไม่มีการจัดตั้งนิติบุคคล รวมถึงไม่มีป้อม รปภ. ดูแลความปลอดภัย ข้อดีคือพอซื้อเสร็จเราจะได้เป็นกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล ที่ไม่ต้องมานั่งเสียค่าส่วนกลางรายปีเลยนะ >< ส่วนความปลอดภัยเค้าจะมีการติดระบบ CCTV และ Magnetic&Shock Sensor มาให้ทุกหลังเป็นมาตรฐานค่ะ

    โครงการ Headquarters วิภาวดี มีที่ดินโครงการประมาณ 2 งานกว่าๆ โครงการติดถนนสาธารณะวิภาวดี-รังสิต 62 รูปแบบโฮมออฟฟิศเป็น “ทาวน์เฮ้าส์สูง 3.5 ชั้น” ซึ่งลักษณะเป็นแปลนเป็นแนวยาว มีแปลงมุม 2 หลัง(ที่มีพื้นที่สวนข้างบ้าน) และแปลงกลางอีก 4 หลัง ทั้งหมดมีเพียง 6 ยูนิต มีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ ซึ่งบ้านทุกหลังจะหันออกทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมในการเลือกซื้อบ้านอยู่แล้วนะคะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • ระบบ CCTV ที่ชั้น 1 ด้านหน้าและหลังอาคาร
    • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor ที่หน้าต่างและประตูทุกชั้น

    แบบบ้าน

    โครงการ Headquarters วิภาวดี เป็นโฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง สร้างด้วยระบบ Conventional ข้อดีของระบบนี้คือสามารถต่อเติมได้สะดวก ซึ่งที่นี่คือเค้าเลือกใช้อิฐมวลเบาที่มีความหนา 20 cm. จึงช่วยกันเสียงเข้าบ้านได้ดีกว่าโครงการส่วนใหญ่ที่เลือกใช้อิฐหนา 7.5 – 10 cm. ตัวบ้านมีให้เลือก 2 แบบ ดังนี้

    • แบบ HQ-M : หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 31.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 350 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่มต้น 15.99 ล้านบาท
    • แบบ HQ-L (หลังมุม) : หน้ากว้าง 7.8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 52.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 448 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ / พื้นที่รองรับการติดตั้งลิฟต์
      – ราคาเริ่มต้น 25.9 ล้านบาท

    ตอนนี้โครงการมีบ้านให้ชมทั้ง 2 แบบ ขายแบบบ้านเปล่าไม่มีการแถมเฟอร์นิเจอร์ การจัดบ้านตัวอย่างจึงเป็นเพียงแนวทางในการจัดพื้นที่ใช้สอยเท่านั้น จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ

    แบบ HQ-M คือบ้านหลังกลางของโครงการมีทั้งหมด 4 ยูนิต สูง 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 m. จุดเด่นของโฮมออฟฟิศโครงการนี้ที่เราเห็นชัดๆ เลยคือ เรื่องที่จอดรถที่ให้มาเยอะถึง 4 คัน ซึ่งโครงการส่วนใหญ่จะไม่ได้ให้มาเยอะขนาดนี้แต่ก็แลกมากับพื้นที่ใช้สอยในบ้านที่ลดลงไปนะคะ ตัวอาคารของที่นี่อยู่ติดถนนซอยเลย จึงไม่ได้มีรั้วมาให้ เหมาะกับสำนักงาน คลินิก ร้านค้าที่ต้องการโชว์หน้าร้านโดยแท้จริง ส่วนชั้นบนก็สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวขนาด 3-4 คน

    เข้าไปภายในพื้นที่ชั้น 1 มีขนาดพอให้จัดฟังก์ชันเป็น Reception Area เอาไว้รับรองแขกเบื้องต้น โดยพื้นที่สามารถวางเคาน์เตอร์สำหรับติดต่อ และชุดโซฟาขนาดเล็กประมาณ 4-5 ที่นั่ง และมีห้องเก็บของใต้บันไดให้ 1 ตำแหน่งในโซนนี้ ถัดเข้าไปเป็นห้องน้ำ Powder Room สำหรับรับรองลูกค้าและพนักงาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่หลังบ้านเป็นพื้นที่ซักล้างสำหรับวาง Tank น้ำ, ปั๊มน้ำ และเหลือพื้นที่ให้ต่อเติมครัวหรือใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนในสวนได้อีกนิดหน่อยนะคะ

    ขึ้นมาที่ชั้นลอย เป็นชั้นที่สามารถจัดเป็นโซนออฟฟิศ ตั้งโต๊ะพนักงานได้ 5-6 ที่นั่ง ส่วนที่น่าสนใจคือ มีระเบียงขนาดใหญ่ ที่จัดเป็นมุมพักผ่อนแบบ Semi-outdoor ได้

    ส่วนชั้น 2-3 เป็นพื้นที่ที่เตรียมไว้เป็นชั้นอยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน จึงมีการกั้นห้องนอนเอาไว้ พร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง เป็น Master Bedroom 1 ห้องที่ชั้น 2 และห้องนอนของลูกๆ อีก 2 ห้องบนชั้น 3

    ส่วนที่แตกต่างกันของชั้น 2 และ 3 คือ Family Area ที่ชั้น 2 จะมีขนาดใหญ่กว่า สามารถใช้เป็นมุมพักผ่อนดูทีวี นั่งทานอาหาร พร้อมจัดครัวเปิดแบบ Pantry ครัวฝรั่งได้ เพราะพื้นที่จะอยู่ติดกับระเบียงจึงเปิดระบายอากาศได้สะดวก และชั้นนี้ยังมี Laundry Room ให้ใช้เตรียมอาหาร วางตู้เย็น เครื่องซักผ้า ต่างๆ ที่เป็นของใช้ภายในบ้านได้อีกด้วย ส่วน Family Area ที่ชั้น 3 จะเหมาะเป็นโซนนั่งเล่นของเด็กๆ หรือเอาไว้ทำงานอดิเรกที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นมาจะเหมาะกว่า และที่ชั้น 3 ยังมีชั้นลอยเล็กๆ ไว้ให้ใช้งานได้อีกจุดหนึ่งด้วย

    ตัวบ้านจะออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น ใช้โทนสีขาว เทา น้ำตาล โครงการดีไซน์ให้หน้าบ้านดูหรูหราเป็นพิเศษด้วยการเปิดพื้นที่ชั้น 1 และชั้นลอยเชื่อมต่อกันแบบ Double Volume ลักษณะจะเป็น Semi-outdoor ที่มีฝ้าเพดานคลุมกันแดดกันฝน

    แบบบ้านมาตรฐานจะได้ตามแบบบ้านหลังมุมฝั่งซ้าย แต่หากอยากกั้นกระจกเพิ่มขึ้นมาแบบบ้านหลังทางขวา ตอนนี้โครงการมีโปรโมชัน กั้นห้องฉากกระจกเพิ่มให้ฟรี พร้อมหุ้มเสาด้วยกระเบื้องลายหินให้ตามแบบบ้านตัวอย่างด้วยค่ะ

    ส่วนที่เป็น Gimmick ของหน้าตาอาคารเลยก็คือ เจ้าฉากกั้นบังแดด ซึ่งจริงๆ ทำออกมาเพื่อเพิ่มความสวยงาน และช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยเสียมากกว่าการบังแดด เพราะหน้าอาคารหันไปทางทิศเหนือ ซึ่งไม่ได้มีปัญหาเรื่องแดดร้อนในช่วงบ่ายอยู่แล้วนะคะ

    ด้านหน้าอาคารส่วนที่เคลมเป็นพื้นที่ของโครงการจริงๆ ก็คือส่วนที่ปูกระเบื้องไว้ (ตามแนวเส้นประสีเหลือง) ตามบ้านมาตรฐานสามารถจอดรถได้ 4 คัน แต่หากกั้นฉากกระจกเพิ่มแบบบ้านตัวอย่าง ก็แน่นอนว่าพื้นที่จอดรถจะสั้นลงด้วย และทางโครงการก็ลงเสาเข็มในส่วนด้านหน้าเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะ

    และเนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่ติดถนนเลย จึงจะไม่ได้มีประตูรั้วกั้น แต่จะได้เป็นเหล็กกั้นรถสีดำ ที่มีป้ายบ้านเลขที่ติดไว้ของแต่ละยูนิตอย่างชัดเจน

    ส่วนที่ต้องคำนึงถึงของโฮมออฟฟิศเลยก็คือตำแหน่งติดป้าย ซึ่งบ้านตัวอย่างได้ติดโชว์ตำแหน่งที่เหมาะสมเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว นอกจากนี้ด้านหน้าอาคารก็จะมีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ที่ทางโครงการติดตั้งมาให้อย่างบ้านเลขที่ กล่องไปรษณีย์ ออดประตู ไฟกิ่งทั้ง 2 ฝั่ง และกล้องวงจรปิด

    หากใครเลือกต่อเติมประตูกระจกเพิ่มแบบบ้านตัวอย่างหลังนี้ ก็จะได้เป็นประตูกระจกบานใหญ่ที่เปิดได้ 2 ฝั่ง เข้าออกได้สะดวก

    สังเกตดีเทลคือมีขอบยางซีลไว้เรียบร้อย เพื่อช่วยกันเสียงจากรถราที่วิ่งผ่านไปมาในซอยได้ มือจับเป็นไม้ชิ้นใหญ่ดูหนาแน่น แข็งแรง

    ด้านบนประตูมีการติดตั้งระบบกันขโมย Magnetic&Shock Sensor ไว้ให้ทุกบานหน้าต่างและประตูทุกชั้น อย่างตอนที่เราไปถ่ายรูปรีวิว ก็จะมีเสียงเตือนตลอดเวลามีการเปิด-ปิดประตูหน้าต่าง เหมาะกับอาคารที่มีการใช้ประโยชน์ทั้งเป็นที่ทำงานและอยู่อาศัยแบบนี้นะคะ

    ชั้น 1

    อย่างที่อธิบายไว้ว่าบ้านตัวอย่าง Type นี้โครงการจะทำฉากกั้นเพิ่มมาให้ฟรี ทำให้พื้นที่ Double Volume ด้านหน้าบ้านกลายเป็นพื้นที่ใช้สอยในบ้าน เหมาะจะทำเป็น Reception Area สำหรับใช้รับรองลูกค้า หรือจัดเป็นพื้นที่ Showcase ก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้อยากทำฉากกั้นหน้าบ้านเพิ่ม ตัวบ้านมาตรฐานก็จะเริ่มตั้งแต่ช่วงที่มีชั้นลอย (ตามแนวเส้นประสีเหลืองนะคะ)

    สเปกของวัสดุในชั้นนี้คือ พื้นปูกระเบื้องลายหินอ่อน ส่วนผนังจะติด Wallpaper ไว้ให้ทั้งหลัง ฝ้าเพดานชั้น 1 และชั้นลอยสูง 2.6 m. ค่ะ

    เนื่องจากหน้าบ้านกว้าง 6 m. ทำให้พื้นที่โซนแรกมีความกว้างพอสมควรให้ติดตั้งเคาน์เตอร์ และวางชุดโซฟาขนาด 5-6 ที่นั่ง ขนาดพื้นที่เหมาะสม ไม่อึดอัด

    ด้านในก็จะมีพื้นที่ให้จัดเป็นมุมรับรองที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งพอเค้าให้มาเป็นบ้านเปล่า เราก็ออกแบบฟังก์ชันการใช้งานให้เหมาะกับแต่ละออฟฟิศ แต่ละกิจการได้เลย

    ด้านในสุดของอาคารจะได้แสงธรรมชาติที่ผ่านประตูบานเลื่อนกระจกเข้ามา ซึ่งหากจัดหลังบ้านไว้เป็นสวน พื้นที่ส่วนนี้ก็จะได้วิวสวนไปด้วย ส่วนฝั่งขวาจะเป็นตู้ Main ระบบไฟที่แยกออกไว้เป็นสัดส่วนและติดกันคือ ห้องน้ำค่ะ

    ภายในห้องน้ำเป็นแบบ Powder Room ใช้สำหรับรับรองลูกค้าและพนักงาน จึงไม่ได้มีพื้นที่อาบน้ำ ทำให้พื้นที่ในห้องดูกว้างขวาง ภายในจะติดตั้งสุขภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ครบถ้วน

    อ่างล้างมือได้ของ Cotto มีพื้นที่ให้วางของบน Low Wall หลังอ่างล้างมือได้อีกนิดหน่อย ส่วนสุขภัณฑ์ก็จะได้ของ Cotto เช่นกัน

    จากตำแหน่งของห้องน้ำที่ติดกับด้านหลังบ้าน จึงมีหน้าต่างระบายอากาศมาให้ด้วยนะ จึงช่วยลดเรื่องกลิ่นอับในห้องน้ำไปได้

    ประตูที่เปิดออกไปด้านหลังบ้าน เป็นประตูกระจกบานเลื่อน เปิดประตูได้กว้างใช้งานเข้าออกได้สะดวก ดีเทลของมือจับมีขนาดใหญ่จับได้ถนันมือ และมีตัวล็อกแบบก้นหอยติดตั้งมาให้อีกตำแหน่งหนึ่ง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น

    ลานซักล้างด้านหลังบ้านจะลงเสาเข็มมาให้เช่นเดียวกับตัวอาคาร ทำให้ต่อเติมง่ายขึ้น ไม่ต้องลงเสาเข็มเพิ่ม จึงช่วยประหยัดเงินในส่วนนี้ไปได้ แต่บ้านมาตรฐานที่ส่งมอบจะไม่ได้ติดหลังคามาให้ เราต้องมาต่อเติมเพิ่มเอง ซึ่งการต่อเติมก็ต้องคำนึงเรื่องข้อกฎหมายด้วยเช่นกันนะคะ

    ส่วนที่อยากให้สังเกตคือ โครงการจะติดกล้องวงจรปิดที่ด้านหลังบ้านมาให้เป็นมาตรฐานด้วยเช่นกันค่ะ

    เราจะพาขึ้นไปชมพื้นที่ชั้นลอยของบ้านกันต่อ ซึ่งแบบบ้าน HQ-M จะไม่ได้มีพื้นที่รองรับการติดตั้งลิฟต์เหมือนแบบ HQ-L จะมีเฉพาะบันไดนะคะ ส่วนพื้นที่ใต้บันไดทำไว้เป็นห้องเก็บของ ซึ่งเป็นอีกฟังก์ชันที่จำเป็นมากๆ เลย สำหรับการทำเป็นโฮมออฟฟิศ จะได้พื้นที่ใต้บันไดทั้งหมด เก็บของได้เยอะอยู่นะคะ

    ตัวบันไดของโครงการเป็นโครงสร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็กตามมาตรฐานของระดับราคา ปิดผิวด้วยไม้จริง จึงได้เรื่องความสวยงามมากกว่าไม้เทียม แต่ก็ต้องหมั่นดูแลรักษา และป้องกันปลวก แมลงด้วยเช่นกัน ซึ่งโครงการก็จัดการเดินระบบท่อกันปลวกไว้ให้เรียบร้อย ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของผู้อยู่อาศัยที่จะต้องติดต่อบริษัทฉีดปลวกอย่างเป็นประจำทุกปี

    เนื่องจากโครงการต้องการประหยัดพื้นที่บันได ทำให้ชานพักต้องซอยขั้นเพิ่ม จะมีชานพักบางช่วงที่ไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมตามที่ควรจะเป็นทั้งหมด เวลาใช้งานเดินขึ้นลงต้องระวังหน่อยนะคะ

    ตัวบันไดมีความกว้างและมีราวจับมาให้ตลอดทางใช้งานได้สะดวกดีค่ะ

    ชั้นลอย

    พื้นที่ชั้นลอยในบ้านตัวอย่างตกแต่งมาเป็นห้องรับรอง หรือใช้ประชุมก็ได้ พื้นที่รองรับการทำงานสำหรับสมาชิกประมาณ 10 คนได้สบายๆ ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่ให้เข้ากับออฟฟิศของเราได้เลย

    บ้านมาตรฐานที่ให้มาจะมีกระจกกั้นให้เต็มพื้นที่ตามเส้นประสีเหลืองนะคะ

    ด้านในสุดของพื้นที่ชั้นนี้จะได้แสงธรรมชาติผ่านผนังกระจกบานใหญ่ ที่เค้าให้มาแบบสูงจากพื้นถึงฝ้าเลย และเชื่อมต่อกับระเบียงด้วย

    กรอบประตูบานเลื่อนกระจกจะถูกยกขึ้นไว้บนธรณีประตูอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากระเบียงไหลเข้ามาในตัวบ้านได้

    ระเบียงบนชั้นนี้ค่อนข้างกว้างทีเดียวนะคะ สามารถจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆ ให้พนักงานได้ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศได้ แต่ก็ต้องจัดการเรื่อง Condensing Unit ดีๆ ไม่ให้รบกวนการใช้งานของพื้นที่ระเบียง

    บริเวณชานพักของบันไดชั้นลอยจะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างบริเวณระเบียงเข้ามาเช่นกัน ทำให้พื้นที่ในบ้านดูโปร่งขึ้น

    ชั้น 2

    พื้นที่ชั้น 2 จัดไว้ให้เหมาะกับการใช้เป็นพื้นที่พักอาศัยของครอบครัวเจ้าของบ้านแล้วนะคะ ทำให้วัสดุพื้นถูกเปลี่ยนให้ดู Homey ขึ้น ได้เป็น Engineering Wood ฝ้าเพดานสูงขึ้นเป็น 2.8 m. และฟังก์ชันหลักๆ ก็จะเป็น Family Area และ Master Bedroom

    Family Area ได้พื้นที่ขนาดใหญ่พอสมควร เพียงพอสำหรับการวางชุดโซฟานั่งเล่น โต๊ะทานอาหาร และ Pantry ครัวฝรั่ง ได้แสงธรรมชาติจากผนังกระจกบานใหญ่ด้านในสุด ที่สามารถเปิดออกไประเบียงได้ด้วย ส่วนทางขวาจะมี Laundry Room อีกหนึ่งห้อง ที่สามารถใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ วางเครื่องซักผ้า ตู้เย็น ได้ด้วย

    ถ้าจัดพื้นที่ตามแบบในบ้านตัวอย่าง เราจะสามารถวางชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้ มีระยะดูทีวีที่สามารถติดทีวี Size 55 – 60 นิ้วได้

    ด้านหลังชุดโซฟามีพื้นที่ให้วางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ถ้าอยากได้ Pantry ครัวฝรั่งก็ทำตามแบบบ้านตัวอย่างได้ แต่ก็แนะนำให้ติด Hood ดูดควันเพิ่ม เพื่อช่วยระบายกลิ่นควัน ซึ่งข้อดีอย่างหนึ่งของพื้นที่ตรงนี้คือ สามารถเปิดประตูระเบียงให้ช่วยระบายอากาศได้ดีขึ้น

    ระเบียงในชั้นนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้ออกไปยืนสูดอากาศเหมือนชั้นอื่นๆ สังเกตจากพื้นที่ที่ให้มาไม่กว้างนัก ซึ่งประโยชน์ที่แท้จริงของระเบียงนี้ก็เพื่อให้สามารถเปิดประตูให้อากาศภายนอกผ่านเข้าออกได้ และใช้วางกระถางต้นไม้เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่นขึ้น

    ภายใน Laundry Room มีพื้นที่กะทัดรัด เราแนะนำให้ Built-in ตู้ในห้องนี้เยอะๆ ใช้เก็บของและอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ เพื่อไม่ให้ออกไปรบกวนสายตาในพื้นที่พักผ่อน ถึงพื้นที่จะกะทัดรัดแต่ก็พอให้วางเครื่องซักผ้า ซิงค์ล้างจาน และใช้เป็นพื้นที่ให้แม่บ้านมายืนรีดผ้า เตรียมอาหารได้

    พื้นที่อีกประมาณครึ่งหนึ่งของชั้นนี้ถูกกั้นไว้เป็นห้องนอนใหญ่ ซึ่งโครงการก็ได้ติดตั้ง Key Pad ควบคุมระบบกันขโมยไว้ที่หน้าห้องนอนนี้ด้วย

    ระบบกันขโมยแบบ Magnetic&Shock Sensor ที่นี่จะให้ของ inim ซึ่งสามารถควบคุมผ่าน Key Pad บริเวณหน้าห้องนอนใหญ่ได้

    พื้นที่ภายในห้องนอนใหญ่ได้มากว้างทีเดียว จึงได้ฟังก์ชันครบแบบที่มี Walk-in closet, ห้องน้ำในตัว,  มุมนั่งเล่น, พื้นที่วางเตียง และระเบียงแบบครบถ้วน

    หากต้องการ Walk-in closet ก็สามารถจัดไว้ในโซนหน้าห้องตามแบบในบ้านตัวอย่าง อยู่ใกล้กับห้องน้ำดีด้วย จึงใช้งานต่อเนื่องกันได้สะดวก

    ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ค่อนข้างกว้างอีกเช่นกัน ใช้งานได้สบายๆ ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกแห้งไว้เป็นสัดส่วน

    พื้นห้องน้ำจะถูกลดระดับลงมานิดหน่อย ทำให้น้ำไม่ไหลออกไปยังส่วนอื่นๆ

    สเปกของสุขภัณฑ์ในห้องนี้ถูกอัพเกรดขึ้นให้ดีกว่าห้องอื่นๆ เลยนะคะ จะได้เป็นแบบอัตโนมัติของ American Stabndard

    ให้ Shower Box มาด้วย ซึ่งมือจับสามารถแขวนเสื้อผ้าได้ และมีการเก็บดีเทลของประตูด้วยขอบยางไว้เป็นมาตรฐาน

    ภายในพื้นที่อาบน้ำจะติดตั้งฝักบัวแบบ Rain Shower ไว้ให้ มาพร้อมชั้นวางของด้านข้าง ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดที่หมุนตัวอาบน้ำได้สบายๆ และจะลดระดับลงไปอีกนิดหน่อย ทำให้ใช้งานได้เป็นสัดส่วน

    ตำแหน่งวางเตียงนอนสามารถวางเตียง King Size แล้วยังมีพื้นที่หัวเตียงทั้ง 2 ฝั่ง เราชอบที่ตำแหน่งวางเตียงนอนอยู่ข้างหน้าต่าง ทำให้สามารถเห็นวิวด้านนอกได้ แต่ในการใช้งานจริงก็แนะนำให้ติดม่านโปร่งเพื่อความเป็นส่วนตัวนะคะ

    ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้จัดเป็นมุมนั่งเล่น ดูทีวี ของเจ้าของบ้าน ตอบโจทย์ช่วงเวลาที่ต้องการพักผ่อนแบบเป็นส่วนตัว

    จากพื้นที่นั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับระเบียง ซึ่งสามารถเปิดประตูกระจกบานเลื่อนได้กว้าง ทำให้เปิดระบายอากาศได้สะดวก ระเบียงห้องนี้ไม่ได้กว้างมากแต่ก็พอให้ออกมายืนสูดอากาศได้ และเป็นระเบียงตำแหน่งเดียวของบ้านที่ได้ฉากบังสายตา

    เจ้าฉากกั้นสายตานี้สามารถเปิดปิดได้ด้วยนะคะ เวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็ปิดฉากกั้นเข้ามาได้ หรือเวลาที่ต้องการรับวิวก็เปิดออกไปได้เช่นกัน

    ชั้น 3

    ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของอาคารจะมี Gimmick น่ารักๆ เป็นชั้นลอยที่ได้แสงจาก Sun Roof เหมาะจะจัดเป็นพื้นที่วางหิ้งพระ หรือเป็นมุมโชว์ของสะสมสวยๆ ก็ดูลงตัว

    เจ้า Sun Roof จะเป็นแนวหลังคาแบบใส ที่แสงสามารถส่องลงมาได้ โครงการทำไว้เป็นมาตรฐานให้กับบ้าน Type นี้ เพื่อช่วยเพิ่มช่องแสงให้กับบ้านหลังกลาง

    พื้นที่ที่ติดกับบันไดจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้จัดฟังก์ชันได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลย ซึ่งจะจัดเป็นมุมทำการบ้าน หรือ ทำงานอดิเรกของลูกๆ ก็เหมาะดีนะคะ

    พื้นที่หลักๆ บนชั้นนี้จะแบ่งออกเป็นห้องนอนของลูกๆ  2 ห้อง และมี Family Area อยู่ตรงกลาง เรามองว่าพื้นที่บริเวณนี้จะกลายเป็นพื้นที่ให้สมาชิกในบ้านได้พบปะกันบ่อยขึ้น มากกว่าที่ต่างคนจะอยู่ในห้องของตัวเอง และยังได้ความสงบที่มากกว่า Family Area ที่ชั้น 2 ด้วยค่ะ

    ห้องนอนลูกทางฝั่งหลังบ้านได้พื้นที่ค่อนข้างกว้างแบบที่ลูกๆ สามารถอยู่อาศัยได้ตั้งแต่เด็กยันโต และได้กระจกบานใหญ่ตลอดแนวผนังด้านหลัง เป็นช่องให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาได้แบบเต็มที่ และมีห้องน้ำในตัวด้วย

    พื้นที่ภายในห้องก็เพียงพอให้วางเตียงขนาดใหญ่ ซึ่งจะวางเตียงใหญ่แบบ King Size เลยก็ได้ รวมถึงตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือได้ครบถ้วน

    ห้องน้ำในห้องนอนของลูกๆ มีความกว้างให้ใช้งานได้สบาย เช่นเดียวกับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ แต่ส่วนที่แตกต่างไปบ้างคือสเปกของวัสดุ

    อย่างเช่นส่วนของสุขภัณฑ์ที่จะได้เป็นแบบระบบกดน้ำตามปกติ

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดเหมาะสมให้อาบน้ำได้สะดวก แต่จะไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ภายในติดตั้งฝักบัวอาบน้ำและมีช่องวางของไว้ให้เช่นกัน

    ห้องนอนลูกอีกห้องหนึ่งจะอยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นกว่าห้องที่แล้ว ทำให้ได้ฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้นอย่าง ระเบียงและ Walk-in Closet

    ประตูระเบียงของห้องนี้ได้บานใหญ่ และกลายเป็นช่องแสงของห้องไปด้วย

    พื้นที่ระเบียงมีความยาวตลอดแนวห้องนอนเลย ไม่ได้กว้างมากนักแต่ก็พอให้วางกระถางต้นไม้เพื่อสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นได้ หรือจะวางชุดโต๊ะสนามเล็กๆ ไว้นั่งชิลยาวเช้าก็ได้

    พื้นที่สำหรับ Walk-in Closet จะอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำพอดี สามารถ Built-in ตู้ได้ตลอดแนวกำแพงฝั่งหนึ่ง ซึ่งก็กว้างอยู่นะคะ

    ภายใน Walk-in closet จะมีประตูบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียงด้วย เรามองว่าประโยชน์ของประตูบานนี้คือเป็นช่องแสงให้กับพื้นที่แต่งตัวนี่แหละ เพราะหากเราทำโต๊ะเครื่องแป้งไว้ในโซนนี้ก็ทำให้เราได้แสงธรรมชาติที่เหมาะกับการแต่งหน้าด้วย

    ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันไว้เหมาะสม มีการแยกพื้นที่โซนเปียกแห้ง และให้สเปกวัสดุเหมือนกับห้องน้ำเมื่อสักครู่ เราแนะนำให้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมอีกสักนิด ก็จะใช้งานได้สะดวกเลยค่ะ


    แบบบ้าน HQ-L จะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าแบบแรก และมีราคาที่สูงขึ้นประมาณ 10 ล้านบาท ถามว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมานี้แลกกับอะไรบ้าง เราลิสต์ออกมาให้ดังนี้นะคะ

    • พื้นที่ดินที่ใหญ่ขึ้นเป็น 52.5 ตร.วา ซึ่งเป็นขนาดที่ดินมาตรฐานระดับบ้านเดี่ยวเลย และได้เป็นบ้านแปลงมุม มีพื้นที่สวนข้างบ้านช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ร่มรื่นขึ้นด้วย
    • หน้ากว้างของอาคารที่เพิ่มขึ้นเป็น 7.8 m. ทำให้สามารถจอดรถด้านหน้าบ้านได้เป็น 6 คัน
    • มีพื้นที่รองรับการติดตั้งลิฟต์ที่ชั้น 1 ถึง ชั้นลอย
    • จำนวนของห้องนอนที่เพิ่มขึ้นเป็น 4 ห้อง

    ส่วนในเรื่องของหน้าตาอาคาร รายการวัสดุต่างๆ จะไม่ต่างกัน ..ไปชมกันต่อเลยค่ะ

    หน้าตาของโฮมออฟฟิศแบบ HQ-L เป็นหลังมุมที่จะได้พื้นที่สวนด้านข้าง

    ด้านหน้าอาคารจะมีการจัดสวนลงต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มเอาไว้ให้ด้วยนะคะ

    ดีเทลก่อนเข้าในตัวบ้านก็จะมีการติดป้ายบอกบ้านเลขที่ ตู้จดหมาย ออดประตูบ้าน กล้องวงจรปิดที่ให้มาเป็นมาตรฐานกับบ้านทุกหลัง ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาคือ ประตูเหล็กที่ใช้เปิดเข้าสวนข้างบ้านได้

    ประตูเหล็กทำดีเทลออกมาเป็นแบบโปร่ง แต่ก็ช่วยบังสายตาได้พอสมควรเลยนะ ส่วนของพื้นที่สวนข้างบ้านก็จะเป็นแนวยาวไปตลอดตัวบ้านเลย ถ้าเป็นคนชอบต้นไม้ก็จะลงไม้พุ่มตลอดแนวช่วยให้ร่มรื่นดี หรืออีกไอเดียนึงคือ ต่อเติมเป็นเฉลียงข้างบ้าน ให้ออกมานั่งเล่นในบรรยากาศสวนก็ทำให้ใช้ประโยชน์ข้างบ้านได้ด้วย

    หน้าบ้านตามแบบมาตรฐานจะได้เป็นผนังกระจกยาวๆ และมีช่องที่เป็นประตูบานเลื่อนอยู่ 2 ช่องทางฝั่งขวา แต่เปิดได้ทีละบานนะคะ

    ชั้น 1

    พอเป็นบ้านหลังมุมจะได้ช่องแสงค่อนข้างเยอะ ซึ่งบ้านหลังนี้จะได้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่เปิดออกไปสวนด้านข้างและหลังบ้านได้ พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางจึงจัดฟังก์ชัน หรือกั้นโซนต่างๆ ได้ตามการใช้งานของออฟฟิศแต่ละที่ได้เลย

    พื้นที่หลังบ้านจะลงเสาเข็มมาให้เช่นเดียวกับตัวบ้าน และจะปูกระเบื้องไว้ให้เป็นมาตรฐาน

    มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ให้เช่นกันกับบ้านแบบแรก

    ห้องน้ำชั้นล่างจะมีฟังก์ชันครบถ้วนคือสามารถอาบน้ำได้ด้วย

    ภายในแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนเปียกแห้ง พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ไว้เรียบร้อย

    อีกฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับแบบหลังใหญ่ก็คือ พื้นที่รองรับการติดตั้งลิฟต์

    โครงการเตรียมไว้ให้เป็นห้องที่มีประตูปิดเรียบร้อย ภายในเป็นพื้นที่โล่งๆ เหมือนห้องปกติ หากไม่ได้มีการติดลิฟต์ก็สามารถใช้เป็นห้องเก็บของได้

    สิ่งที่ต่างจากห้องอื่นก็คือ พื้นห้องที่ไม่ได้เทคอนกรีตไว้แบบห้องปกติ แต่ด้านล่างจะเป็นพื้นกลวงที่เตรียมไว้ติดตั้งระบบลิฟต์ จึงไม่ได้ออกแบบมาให้วางของที่มีน้ำหนักมากๆ นะคะ

    ตัวบันไดจะได้สเปกเดียวกับแบบแรก ได้มาตรฐานดี

    พื้นที่ชานพักบันไดได้ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ช่วงกลางวันไม่ต้องเปิดไฟก็ขึ้นลงได้สะดวกนะคะ จึงช่วยประหยัดไฟในอาคารได้

    ชั้นลอย

    ขึ้นมาที่ชั้นลอยจะมีพื้นที่รองรับการติดตั้งลิฟต์ แต่โครงการเตรียมพื้นที่ติดตั้งลิฟต์ไว้แค่ถึงชั้นลอย ที่คาดว่าจะมีการใช้งานรองรับลูกค้า ส่วนพื้นที่พักอาศัยชั้น 2-3 จะต้องขึ้นบันไดไปนะคะ

    พื้นที่ชั้นลอยดูโปร่ง และกว้าง มีช่องหน้าต่างหลายด้านให้ลมสามารถผ่านเข้า-ออกได้

    ส่วนที่เป็น Highlight อย่างหนึ่งของแบบบ้านที่นี่คือ พื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่บนชั้นลอยนี่แหละค่ะ

    ระเบียงเป็นแบบ Semi-Outdoor ที่ออกมาใช้งานได้จริงแบบไม่โดนแดด แต่ส่วนที่อยากให้ระวังคือการติดตั้ง Condensing Unit ที่ต้องพิถีพิถันสักหน่อย เพื่อไม่ให้รบกวนการใช้งานของพื้นที่ระเบียงได้

    ประตูระเบียงเปิดได้กว้างเลย ทำให้พื้นที่ภายในและภายนอกอาคารใช้งานเชื่อมต่อกันได้ ยิ่งทำให้บ้านดูกว้างขึ้นค่ะ

    อีกส่วนที่เราว่าดูมี Gimmick ดีก็มีระเบียงเล็กๆ ที่ชานพักบันไดระหว่างชั้น 2 กับชั้น 3 ด้วย ทำให้บริเวณบันไดได้แสงตลอดทั้งวัน

    จากระเบียงจะหันออกทางทิศใต้ ซึ่งวิวที่ได้จะเป็นบรรยากาศภายในโครงการ The Gentry เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรู ยูนิตไม่เยอะ จึงไม่ได้รบกวนการอยู่อาศัยมากนัก ซึ่งมีแนวยอดไม้ริมรั้วของโครงการ The Gentry ที่ช่วยบังสายตาให้ทั้ง 2 โครงการอยู่เหมือนกันค่ะ

    พื้นที่ระเบียงตรงชานพักนี้ไม่ได้กว้างนัก แต่ก็พอให้วางแนวกระถางต้นไม้ ให้ช่วยบังแดดตอนบ่ายจากทางทิศใต้และบังสายตาจากอาคารข้างเคียงได้ค่ะ

    ชั้น 2

    ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นมาวัสดุปูพื้นจะถูกเปลี่ยนให้เป็น Engineering Wood เพื่อให้เข้ากับการอยู่อาศัยมากขึ้น นอกจากนั้นบนชั้นนี้ยังมีการแบ่งพื้นที่ให้มี Privacy ขึ้นด้วยฉากกั้นกระจก ซึ่งให้ไว้เป็นมาตรฐานได้ตามนี้เลยค่ะ

    พื้นที่ใช้สอยหลักๆ ก็จะเป็น Family Area ที่ได้พื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ สามารถกั้นพื้นที่ให้เป็นมุมนั่งเล่น ทานอาหาร ครัว ได้หมด และได้ระเบียงยาวตลอดแนวด้านหลังอาคารอีกด้วย

    ระเบียงที่เชื่อมกับ Family Area สามารถเปิดประตูได้กว้าง จึงไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ตลอดทั้งวันนะคะ จะเปิดพัดลมและประตูระเบียงเพื่อรับอากาศธรรมชาติก็ได้ และพื้นที่ระเบียงก็มีความกว้างพอให้วางกระถางต้นไม้เพื่อบังสายตา หรือจะวางโต๊ะสนามเล็กๆ ไว้นั่งชิลริมระเบียงก็ได้

    พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งบนชั้นนี้จะเป็นตำแหน่งของห้องนอนใหญ่

    ภายในห้องนอนใหญ่ให้พื้นที่มาใหญ่มากๆ แบบที่สามารถจัดวางฟังก์ชันได้ครบถ้วน ทั้งมุมเตียงนอน นั่งเล่น Walk-in closet และได้หน้าต่างพร้อมระเบียงมาด้วย

    พื้นที่ระเบียงในห้องนอนใหญ่วางตำแหน่งไว้ให้อยู่ด้านหน้าห้องน้ำ ทำให้ห้องน้ำของห้องนอนนี้สามารถใช้กระจกบานใหญ่ได้ แบบที่ไม่ต้องกลัวโป๊ เพราะมีระเบียงและฉากบังสายตาช่วยกันไว้อีกชั้นหนึ่ง

    สำหรับพื้นที่ระเบียงไม่ได้กว้างมากนัก แต่ก็พอให้ตั้งราวตากผ้าเล็กๆ และกระถางต้นไม้ได้อยู่เหมือนกันค่ะ

    บริเวณหน้าห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ก็จะมีพื้นที่กว้างๆ ให้ทำ Walk-in closet ได้ ก็จะได้ตำแหน่งที่ต่อเนื่องกับห้องน้ำ ดูลงตัวพอดีเลย แต่หากวางโต๊ะเครื่องแป้งไว้ในโซนนี้ก็จะไม่ได้แสงธรรมชาติมาช่วยในการแต่งหน้าของสาวๆ นะคะ เพราะโซนนี้ไม่มีหน้าต่างต้องพึ่งพาแสงไฟเท่านั้นค่ะ

    ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันไว้ครบ แต่ก็แอบเสียดายนิดนึงที่ห้องน้ำของ Master Bedroom น่าจะมีขนาดใหญ่กว่านี้สักหน่อย ให้พอใส่อ่างล้างหน้ามาแบบ His&Her อีกสักนิด >< ส่วนสเปกของสุขภัณฑ์จะให้เป็นแบบอัตโนมัติมาเป็นเฉพาะในห้องนอนใหญ่นี้แหละค่ะ

    บรรยากาศในห้องน้ำนี้จะดูโปร่งกว่าห้องอื่นๆ เพราะอยู่ติดกับระเบียงจึงสามารถใช้กระจกบานใหญ่ แบบที่เกือบจะสูงจากพื้นถึงฝ้าได้โดยที่ไม่ต้องกลัวโป๊ ให้ Shower Box มาเรียบร้อย ภายในติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ไว้ครบ ได้ทั้ง Rain Shower และฝักบัวอาบน้ำ พร้อมชั้นวางของค่ะ

    พื้นที่อาบน้ำของห้องนี้ได้มาแบบกว้างๆ หมุนตัวอาบน้ำได้สะดวก

    ชั้น 3

    ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดจะมี Gimmick แบบพื้นที่ชั้นลอยให้ไว้เช่นเดียวกับบ้านแบบแรก

    พื้นที่ชั้นลอยนี้มีความกว้างพอสมควรให้ใช้งานพร้อมกันได้สัก 3 – 4 คน จะจัดเป็นมุมโต๊ะหมู่บูชา หรือมุมทำงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวก็ดูลงตัวดี แต่หากจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นของเด็กๆ ต้องระวังสักหน่อย เพราะพื้นที่อยู่ติดบันไดและราวกันตกเลยนะคะ

    ชั้น 3 – 4 จะมี Void (ช่องเปิดทะลุที่เชื่อมถึงกัน) ซึ่งสมัยเราเป็นเด็กๆ จะชอบช่องเปิดแบบนี้มากเลย เพราะเราสามารถพูดคุยกับพี่น้องๆ ที่อยู่คนละชั้นได้ โดยไม่ต้องขึ้นลงบันไดไปหาเลยนะ

    ชั้น 3 จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นห้องนอนย่อยๆ ทั้งหมด 3 ห้อง โดยที่ห้องนอน 2 และห้อง 4 จะต้องแชร์ห้องน้ำส่วนกลางร่วมกันบนชั้นนี้ ส่วนห้องนอน 3 นั้นจะเป็นเหมือนห้องนอนลูกคนโปรดที่มีห้องน้ำในตัวเลยค่ะ

    มาดูห้องน้ำส่วนกลางบนชั้นนี้กันก่อน จัดฟังก์ชันไว้ครบถ้วน ที่ต้องติดตั้งเพิ่มก็มีเฉพาะฉากกั้นอาบน้ำเท่านั้นค่ะ

    ภายในห้องนอน 2 จะมีตำแหน่งอยู่ด้านหลังบ้าน จุดเด่นของห้องนอนนี้คือ ได้ระเบียงขนาดใหญ่

    ประตูระเบียงสามารถเปิดออกได้กว้างๆ ระบายอากาศได้ดี และได้แสงธรรมชาติเข้ามาเยอะ แต่พอเป็นห้องทางทิศใต้ก็จะโดนแสงในช่วงบ่ายสักหน่อย แต่ก็ได้ลมดีทีเดียว

    ระเบียงของห้องนี้เน้นความยาวตลอดแนวห้องแต่จะไม่ได้กว้างมากนัก แค่พอให้ใช้งานวางกระถางต้นไม้ ราวตากผ้า และชุดโต๊ะสนามเล็กๆ ได้

    ถัดมาที่ห้องนอน 2 ที่เราขอยกให้เป็นห้องนอนของลูกคนโปรด เพราะนอกจากพื้นที่ใช้สอยจะมีขนาดใหญ่พอๆ กับห้องเมื่อสักครู่แล้ว ก็ยังมีห้องน้ำในตัวด้วย

    แต่ห้องนี้จะได้ระเบียงที่เล็กลงมาหน่อย อยู่ในตำแหน่งด้านหน้าของตัวบ้านคือทางทิศเหนือ จึงได้แดดเช้า บ่ายๆ ก็ไม่ร้อนแล้วค่ะ

    ประตูทางเข้าห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุดของห้อง ตรงข้ามกับระเบียงเลย สังเกตดูจะเห็นมีหน้าต่างบานยาวที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ทำให้ลมมีช่องทางเข้าออก ห้องนี้จึงระบายอากาศได้ดี

    ห้องน้ำในตัวของห้องนอน 3 จะได้พื้นที่ใหญ่กว่าห้องน้ำส่วนกลางขึ้นมาอีกหน่อย ได้บรรยากาศที่ดูโปร่งโล่งกว่า ภายในให้ฟังก์ชันมาครบ ขาดแค่ต้องติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเท่านั้นค่ะ

    สิ่งที่ทำให้ห้องน้ำในห้องนอน 3 ดูโปร่งก็มาจากเจ้าประตูกระจกบานนี้ ที่สามารถเปิดระบายอากาศ รับแดด รับลม ช่วยให้ห้องน้ำแห้งเร็วขึ้น และยังสามารถวางราวตากผ้าเล็กๆ เพิ่มได้ด้วย

    ปิดท้ายกันที่ห้องนอน 4 ที่มีตำแหน่งอยู่ด้านหน้าบ้านเหมือนกัน จุดเด่นของห้องนอนนี้คือ ได้ระเบียงฝั่งหน้าบ้านที่หันออกทางทิศเหนือ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องแสงแดดช่วงบ่าย

    ระเบียงดูน่าใช้งาน ได้วิวของพื้นที่ฝั่งตรงข้ามที่เคยเป็นสนามโกคาร์ท ทำให้เราได้อานิสงค์ของบรรยากาศสีเขียวๆ อยู่ แต่ในอนาคตก็สามารถกันตีวิวได้นะคะ

    แต่พื้นที่ของห้องนอนนี้จะไม่ได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนห้องอื่น เพราะพื้นที่ส่วนหนึ่งถูกกันไว้เป็นทางเดิน ทำให้มุม Walk-in Closet จะเล็กลงหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็ยังมีพื้นที่พอให้จัดฟังก์ชันได้ครบเช่นเดียวกับห้องนอนอื่นๆ ค่ะ

    หน้าตาของสวิตซ์ไฟที่ให้ของ Panasonic และติดตั้ง Fire Alarm ไว้ให้ทุกชั้นของอาคารค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคา

    24 November 2020

    • โฮมออฟฟิศ แบบ HQ-M 3.5 ชั้น  ที่ดิน 31.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 350 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่มต้น 15.99 ล้านบาท
    • โฮมออฟฟิศ แบบ HQ-L 3.5 ชั้น (หลังมุม) ที่ดิน 52.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 448 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ / พื้นที่รองรับการติดตั้งลิฟต์
      – ราคาเริ่มต้น 25.9 ล้านบาท
    • จอง 100,000 บาท
    • ทำสัญญา 20%
    • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
    • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
    • โปรโมชัน : ฟรี!! กั้นประตูหน้าต่างหน้าบ้านฟรีอีก 1 ชั้นและหุ้มเสาด้วยกระเบื้อง (เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยชั้นล่างหรือเปิดชั้นล่างเป็นร้านค้า คลินิก)

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : นับเป็นจุดเด่นของโครงการเลย เพราะเป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับโฮมออฟฟิศ มีความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการครบถ้วนในราคาย่อมเยาที่เหมาะกับพนักงาน ซึ่งสามารถเดินจากโครงการไปได้เลย ไม่เกิน 500 m. ค่ะ หรือหากจะสั่งอาหารผ่าน Application ก็มีตัวเลือกเยอะเพราะอยู่ใกล้ห้างเซ็นทรัล รามอินทราด้วยเช่นกัน

    ส่วนการเดินทางนั้นเข้าออกได้หลายเส้นทางและเป็นถนนหลักทั้งนั้นเลยคือ ถนนแจ้งวัฒนะ, ถนนพหลโยธิน และถนนวิภาวดี-รังสิต มีตัวช่วยในการเดินทางทั้งโทลล์เวย์ และทางด่วนศรีรัช แถมปัจจุบันมีรถไฟฟ้าให้ใช้แล้วนะ อยู่ใกล้โครงการในระยะ 3 km. คือรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีบางบัว ซึ่งในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ให้ใช้เพิ่มอีกด้วยทั้งสายสีชมพูและสายสีแดงค่ะ

    ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : เนื่องจากเป็นโครงการขนาดเล็กที่ติดถนนสาธารณะ เป็นลักษณะโครงการเปิด จึงไม่มีการจ้างรปภ.เข้ามาให้บริการนะ แต่โครงการก็ติดตั้ง Magnetic Sensor มาให้ที่ประตูหน้าบ้าน และประตูหนีไฟ และติดกล้อง CCTV ให้ 3 จุด บริเวณหน้าบ้าน พื้นที่ต้อนรับ และโซนหลังบ้าน

    การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย : ส่วนที่เป็นจุดเด่นของโครงการนี้เรามองว่าคือหน้าบ้านที่กว้าง 6 และ 7.8 เมตร นั่นทำให้โครงการจอดรถได้เยอะ 4-6 คัน ออกแบบหน้าตาอาคารออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น ที่มีลูกเล่นเป็น Fin (ฉากกั้นบังแดด) และเพิ่มความหรูหราด้วยฝ้าเพดานแบบ Double Volume ที่บริเวณหน้าบ้าน ดูสะดุดตา เข้ากับรูปแบบโครงการที่เป็นอาคารติดริมถนน เหมาะกับกิจการที่ต้องการหน้าร้าน ให้ลูกค้าสามารถ Walk-in ได้สะดวก

    ในส่วนของพื้นที่พักอาศัยจะถูกจัดไว้ที่ชั้น 2-3 ได้พื้นที่กว้างแบบเต็มชั้น ซึ่งหากเป็นแบบบ้าน HQ-M จะได้ห้องนอน 3 ห้อง มีห้องน้ำและระเบียงในห้องนอนทุกห้องเลย เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 3-4 คน ส่วนแบบบ้านใหญ่ HQ-L จะมีห้องนอนเพิ่มขึ้นมาเป็น 4 ห้อง ได้พื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ทุกห้อง แต่จะมีบางห้องนอนที่ต้องแชร์ห้องน้ำกัน รองรับครอบครัวขนาด 4-5 คน

    วัสดุ : โดยปกติโครงการ Home Office ส่วนใหญ่มักจะขายในรูปแบบ Bare Shell ซึ่งลูกค้าต้องติดต่อทางผู้ออกแบบเพิ่มเติมเองเพื่อทำการตกแต่งภายในตามสไตล์ของธุรกิจนั้นๆ ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องเสียเพิ่มเติม สำหรับโครงการนี้ตกแต่งมาให้พร้อมทั้งพื้น ฝ้า ห้องน้ำ ซึ่งง่ายมากสำหรับออฟฟิศเพียงแค่กั้นพื้นที่เพิ่มเองตามใจชอบ

    ในส่วนของเกรดวัสดุถือว่าให้มาสมราคา และจะมีความพิเศษเพิ่มมาตรงที่เค้าเลือกใช้อิฐมวลเบาที่มีความหนา 20 cm. ที่มากกว่าโครงการทั่วๆ ไปจะเลือกใช้ นอกจากนี้สิ่งที่ได้เพิ่มมาคือ CCTV , Magnetic Sensor, Downlight ค่ะ

    พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : บรรยากาศของโครงการดูเรียบร้อยดี ถึงแม้ว่าโครงการจะไม่ได้มีรั้วแบบหมู่บ้านปกติ แต่โครงการก็จะให้รั้วเหล็กกั้นรถมาเพิ่มค่ะ

    สาธารณูปโภค : เนื่องจากโครงการนี้ไม่ใช่โครงการจัดสรร จึงไม่มีพื้นที่ส่วนกลาง ดังนั้นทาง Think of living จึงจะไม่มีการวิเคราะห์และให้คะแนนในส่วนนี้นะคะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%

    เทียบกับแพคเกจ 15.99-25.9 ล้านบาท, 24 November 2020

    • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 9/10 – เชื่อมต่อถนนหลักได้ 3 เส้นทาง ใกล้ทางด่วน รถไฟฟ้า มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินถึง
    • ความปลอดภัย 7/10 – Magnetic & Shock Sensor และ CCTV ด้านหน้าและหลังบ้าน
    • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.75/10 – สวย พื้นที่เหมาะสมกับการใช้งาน
    • วัสดุ 7.5/10 – ได้ตามมาตรฐาน
    • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – ดูเรียบร้อยดีตามการใช้งาน
    • 8.29 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Headquarters วิภาวดี เหมาะครอบครัวที่มองหา Home Office ให้กับธุรกิจที่ต้องการหน้าร้านให้ลูกค้าสามารถเข้ามาติดต่อได้ง่าย มีที่จอดรถเยอะ ทำเลบนถนนวิภาวดี-รังสิต มีทางด่วนและรถไฟฟ้าเป็นตัวช่วยในการเดินทาง เข้าออกได้หลายเส้นทางทั้งแจ้งวัฒนะ, รามอินทรา, พหลโยธิน มีงบประมาณ 15.99 – 25.9 ล้านบาท  และต้องมีงบเผื่อไว้ใสำหรับตกแต่งเพิ่มด้วย หรือมีเงินผ่อนต่อเดือนประมาณ 112,000 – 182,000 บาท


    ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะคะ
    ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc