รีวิวโครงการ

The Sneak EP.48 – SIAMESE พระราม 9

26 ตุลาคม 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1880 … เปิดตัวกันแล้วกับโครงการ Mixed Use ขนาดใหญ่ 3 อาคาร บนทำเลพระราม 9 กับโครงการ Siamese พระราม 9 จาก SIAMESE ซึ่งภายในโครงการนี้มีครบเกือบทุกอย่างทั้ง Commercial , Office , Hotel, Service Residence และ Residence โดยมีการเลือกใช้บริษัท Chain โรงแรมจากต่างประเทศมาบริหารในส่วนของ Service Residence และเพิ่ม Siamese Technology  มาให้ เรียกได้ว่าออกแบบโครงการมาได้น่าสนใจและมีรายละเอียดเยอะทีเดียว ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรกันบ้างไปดูกันค่ะ

ข้อมูลโครงการ

Fact @ 5 JUNE 2019

  • Siamese Rama 9 (ไซมิส พระราม 9)
  • บริษัท ไซมิส พระรามเก้า จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนพระราม 9 เขตห้วยขว้าง
  • ที่ดินประมาณ 13-1-63.5 ไร่ (21,454 ตารางเมตร)
  • โครงการ Mixed-use 4 อาคาร

  • Tower A : Hotel (ด้านหน้า) High Rise 18 ชั้น 1 อาคาร “อยู่ในระหว่างการพัฒนา”
  • Tower B : Siamese Tower (ตรงกลาง) High Rise 38 ชั้น

  • ชั้น 1-3 : Commercial 33 ยูนิต
  • ชั้น 4-5 : Office 46 ยูนิต
  • ชั้น 6-37 : Service Residence 1,143 ยูนิต

  • Tower C : Siamese Residence (ด้านหลัง) High Rise 29 ชั้น
    • ชั้น 1 : Commercial 8 ยูนิต
    • ชั้น 2-4 : Office 15 ยูนิต
    • ชั้น 5-27 : Residence 561 ยูนิต

  • Tower D : เป็นอาคารซ่อมบำรุงสูง 2 ชั้น
  • รวมยูนิตทั้งตึก B+C 1,704 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 49 ยูนิตที่อาคาร B
  • ที่จอดรถประมาณ 898 คัน คิดเป็น 43% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
    • Auto Parking 654 คัน
    • Conventional Parking 244 คัน

  • เริ่มก่อสร้าง : Q1 / 2563
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2 / 2565
  • 1 Bedroom 27-43 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Duplex 38-45 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 40-46 ตร.ม.
  • 2 Bedroom Duplex 38-74 ตร.ม.
  • 2 Bedroom Plus 62-63 ตร.ม.
  • Villa Duplex 162-205 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 4.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 105,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1306
  • ทำเลที่ตั้ง

    พิกัด Google Maps : 13.713492, 100.600415
    หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

    แผนที่จากทางโครงการค่ะ

    โครงการ Siamese พระราม 9 ตั้งอยู่บนถนนเลียบถนนพระราม 9 ซึ่งอยู่ระหว่างแยกรัชดา-พระราม 9 และแยกเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ทำให้เข้าถึงได้จากทั้ง 2 ทางหลัก ซึ่งถนนเส้นนี้จะสามารถเชื่อมเข้า Tollway กรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ ที่ไปสนามบินสุวรรณภูมิได้ง่ายอีกด้วย

    สภาพแวดล้อม ยังไม่เห็นอาคารสูงมากนัก ที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ ทำให้ได้วิวรอบโครงการค่อนข้างเปิดโล่ง รวมถึงยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก เมื่อเทียบกับย่านข้างเคียงอย่าง ย่านรัชดา รามคำแหง และเอกมัย ซึ่งมองดูแล้วถ้าโครงการนี้เปิดสร้างเสร็จ จะเป็นความอุดมสมบูรณ์หลักของคนในย่านนี้ทีเดียวนะคะ นอกจากนี้ยังใกล้สวนสาธารณะขนาดใหญ่ของรฟม. ที่สามารถไปเดิน-วิ่งออกกำลังกายได้อีกด้วย

    อีกข้อได้เปรียบคือ ในอนาคตจะใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีรฟม. ที่อยู่บริเวณหน้าสวนรฟม. ที่คาดว่าน่าจะห่างจากโครงการประมาณ 500 เมตร 350 เมตร (Update 21/08/2019) แต่อาจจะต้องรอกันสักพักใหญ่ๆเลยนะคะ

    โครงการ Siamese พระราม 9 ตั้งอยู่กึ่งกลางความอุดมสมบูรณ์ของทั้ง 2 ย่าน

    ย่านรัชดาภิเษก : เป็นย่านคนทำงาน ที่มีคอนโดใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายในย่านนี้ ซึ่งเกาะกลุ่มประมาณแสนกลางๆ เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์สูง ทั้งอาคารสำนักงานต่างๆที่มีชื่อเสียง และห้างสรรพสินค้า เช่น เซ็นทรัลพระราม 9, Esplanade รัชดา, Big C รัชดา และ The Street เป็นต้น เรียงรายกันไปตลอดเส้นทาง ทำให้การจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วน หนาแน่นพอสมควรค่ะ

    ย่านเอกมัย-ทองหล่อ : เป็นย่านคนทำงาน + แหล่ง Hang out ซึ่งย่านนี้จะคึกคักตลอด 24 ชม. กลางวันเป็นแหล่งงาน ส่วนกลางคืนเป็นย่านของนักท่องราตรี เรียกได้ว่าทำให้ย่านนี้มีความเป็น Hi-end สูงทีเดียว เนื่องจากมีคนต้องการอยู่อาศัยกันมาก ทำให้ราคาคอนโดพุ่งขึ้นไปถึง แสนปลายๆแล้วนะคะ

    สำหรับตัวโครงการ Siamese พระราม 9 ราคาเฉลี่ยประมาณ 105,000 บาท/ตร.ม. ถ้าเทียบกับทั้ง 2 ย่านจะได้ราคาที่ถูกกว่าทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับโครงการข้างเคียงในทำเลเดียวกัน ก็ถือว่ามีราคาสูงกว่านิดหน่อย เพราะโครงการคอนโดจะอยู่ในกลุ่มโครงการ  Mixed-use ขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมากกว่า อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนชอบด้วยนะคะ

    สำหรับทำเลโครงการทางทีม Think of Living เราเคยได้ไปรีวิวทำเลแบบเจาะลึกกันมาแล้วนะคะ สามารถอ่านข้อมูลแบบละเอียดและเจาะลึกกันได้โดย (คลิกที่นี่)

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้ ไปเดินดูรอบๆพื้นที่โครงการกันค่ะ

    บริเวณโดยรอบโครงการ Siamese พระราม9 เรียกได้ว่าออกแบบอาคารมาได้ค่อนข้างดี โดยมีการหันบิดเอียงอาคาร เพื่อไม่ให้ห้องประชันโดยตรงกับโครงการ Supalai Veranda ที่เป็นอาคารสูงประมาณ 31 ชั้น ในทางทิศตะวันตก นอกนั้นในทิศอื่นยังไม่มีอาคารสูงในระยะประชิดนะคะ แต่ก็ต้องมารอลุ้นกันอีกทีว่าจะมีโครงการในอนาคตอีกมั้ย เนื่องจากทางทิศตะวันออกยังมีพื้นที่เปล่ารอการพัฒนาขนาดใหญ่ทีเดียวเลย

    ส่วนตัวมองว่านอกจากวิวโดยรอบแล้ว เรายังได้วิวจากภายในโครงการอีกด้วย เนื่องจากด้านล่างโครงการทำเป็นลักษณะ Commercial ขนาดใหญ่ ที่ได้จัดและออกแบบ Landscape มาให้เรียบร้อย สวยงามดีค่ะ

    จากภาพแสดงตำแหน่งของอาคารข้างเคียงที่ติดกับโครงการ ตามทิศได้ดังนี้

    • ทิศเหนือ ติดกับ ชุมชนและบ้านพักอาศัย
    • ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนพระราม 9 ซอย 11 ถัดออกไปมี KPN Tower ห่าง 300 เมตร
    • ทิศใต้ ติดกับ ทางคู่ขนานถนนพระราม 9 ซึ่งจะมีทางด่วนสูง 12 เมตร
    • ทิศตะวันตก ติดกับ โครงการ Supalai Veranda ที่เป็นอาคารสูง 31 ชั้น

    ทิศตะวันตก : เป็นโครงการ Supalai Veranda ที่สร้างอาคารเกือบ 100% แล้วจะเห็นได้ว่าอาคารจะหันขนานกับ SITE ของโครงการเลยนะคะ ซึ่งการบิดเอียงของอาคารในโครงการก็จะสามารถช่วยให้ผู้พักอาศัย มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

    ทิศเหนือ : สำหรับวิวฝั่งนี้ยังเป็นชุมชมและบ้านพักอาศัย ทำให้ได้วิวค่อนข้างโล่งทีเดียว ซึ่งจะสามารถมองออกไปไกลๆบริเวณสวนสาธารณะรฟม.ได้อีกด้วย

    ทิศตะวันออก : ติดกับถนนพระราม 9 ซอย 11 ที่มีอาคารพาณิชย์สูงไม่เกิน 8 ชั้นอยู่ แต่จะไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากชั้นล่างๆยังไม่ใช้ที่อยู่อาศัย รวมถึงโครงการของเรามีเพดานสูงมากกว่าอาคารอื่นๆค่ะ

    ทิศใต้ : ติดกับทางคู่ขนานถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นทางบังคับเดินรถทางเดียว โดยจะติดกับทางด่วนพิเศษศรีรัชค่ะ

    ปัจจุบันโครงการมี Sale Gallery และห้องตัวอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่สนใจโครงการสามารถเข้าไปดูห้องตัวอย่าง และสอบถามรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมกันได้เลยค่ะ

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • รถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานี รฟม. ~500 เมตร 350 เมตร (Update 21/08/2019)
    • KPN Tower ~ 400 ม.
    • ร.พ. พระราม9 ~ 1.8 กม.
    • ร.พ. ปิยะเวท ~ 2.0 กม.
    • เซ็นทรัลพระราม 9 ~ 2.0 กม.
    • Fortune ~ 2.0 กม.
    • MRT สถานีพระราม 9 ~ 2.0 กม.
    • ทางด่วนศรีรัช ด่านรามคำแหง ~ 2.0 กม.
    • โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 2.6 กม. (รวมกลับรถ)
    • Esplanade รัชดาภิเษก ~ 3.0 กม.
    • Show DC ~ 3.3 กม.(รวมกลับรถ)
    • Big C รัชดาภิเษก ~ 3.5 กม.
    • The Street รัชดาภิเษก ~ 3.6 กม.
    • The Mall รามคำแหง ~ 4.2 กม.

    รายละเอียดโครงการ

    โครงการ Siamese พระราม 9 เป็นโครงการ Mixed-use ขนาดใหญ่มูลค่า 10,000 ล้านบาทของทาง SIAMESE บนทำเลย่านพระราม 9 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “WHY CHOOSE, WHEN YOU CAN HAVE IT ALL” รวมทุกความสะดวกสบายไว้ภายในโครงการ โดยโครงการจะแบ่งออก High Rise ทั้งหมด 3 อาคาร เริ่ม

    • Hotel (ตึกซ้าย ติดกับถนน พระราม 9 )
    • Siamese Tower (ตึกกลาง) ที่มี Service Residence
    • Siamese Residence (ตึกขวา อยู่ด้านในสุดของโครงการ) เป็น Residence เท่านั้น

    โดยชั้นล่างๆของทุกอาคารจะมี Retail Store และ Office ที่ส่งผลให้ตัวโครงการมีอุดมสมบูรณ์ครบครัน สำหรับโครงการนี้ จะเน้นพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ ทั้งกลุ่มผู้อยู่อาศัยและกลุ่มนักลงทุนด้วยนะคะ

    สำหรับการออกแบบหน้าตาอาคาร จะเน้นเรียบง่ายแต่โดดเด่นและทันสมัย โดยโครงการเลือกใช้ กระจก Low E ทั้งหมด ที่ช่วยสะท้อนความร้อน ทำให้อุณหภูมิภายในลดลง และเป็นลดการใช้ไฟฟ้า และค่าไฟไปในตัวอีกด้วย นอกจากนี้ทาง Siamese ยังให้ความสำคัญกับสภาพอากาศในโดยเฉพาะเรื่องฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นประเด็นไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยโครงการจะมีเครื่องฟอกอากาศภายใน โดยจะเปลี่ยนเป็น Fresh Air ก่อนปล่อยเข้ามาภายในอาคาร

    ต่อมาที่ Master Plan รวมของโครงการกันก่อนนะคะ โครงการได้จ้างสถาปนิกจากต่างประเทศมาออกแบบให้ โดยชั้นล่างได้จัดพื้นที่ Landscape มาค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวค่ะ มีพื้นที่สีเขียวสอดแทรกไปกับที่จอดรถรอบโครงการ โดยมีการกระจายอยู่ทั่วโครงการ เพื่อให้เข้าถึงการใช้งานส่วนต่างๆได้ง่าย ส่วนแต่ละตึกจะแตกต่างกันอย่างไรบ้างไปดูกันค่ะ

    • Tower A : Hotel โครงการยื่นจดทะเบียนเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Hospitality Service โดยอาคารนี้จะไม่มีนโยบายขายทั้งอาคารนะคะ
    • Tower B : Siamese Tower เข้ามาประมาณ 60 เมตร เป็นคอนโดมิเนียมสูง 38 ชั้น ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับลูกค้าที่สนใจซื้อห้องชุดเพื่อปล่อยเช่า พร้อม Hospitality Service ที่จะเตรียมบริหารการเช่าให้กับทางลูกค้า นอกจากนี้ยังมีบริการเสริมแบบ Concierge phone services, Housekeeping, Laundry, Room Service ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางอาจจะมากขึ้น ตามสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้นด้วย
    • Tower C : Siamese Residence เข้ามาประมาณ 200 เมตร เป็นคอนโดมิเนียมสูง 29 ชั้น เป็นอาคารเพื่อพักอาศัยแบบส่วนตัว พร้อม Facilities ภายในครบตามมาตรฐาน

    เรามาดูในส่วน Perspective เพื่อดูบรรยากาศโครงการจริงกันนะคะ สำหรับด้านล่างโครงการนี้จะเป็นพื้นที่เปิดนะคะ เนื่องจากได้ออกแบบเป็น Commercial Zone โดยจะมีร้านค้ามากกว่า 60 ร้าน ดังนั้นก็จะได้บรรยากาศคึกคัก หาของกินง่าย รวมถึงมีลานกว้างขนาดใหญ่ ที่สามารถจัดกิจกรรมในอนาคตได้อีกด้วย

    ส่วนลักษณะการออกแบบ Exterior โครงการจะเน้นความเรียบหรู โดยแต่ละชั้นจะสูงกว่าคอนโดทั่วไป เนื่องจากโครงการขายเป็นห้องเพดานสูงทั้งหมด

    ส่วน Sky Facilities ของ Tower B ที่เปิดเป็น Sky Bar ให้คนนอกเข้ามาใช้บริการได้

    ส่วน Sky Pool จะเปิดให้เฉพาะคนที่พักอาศัยใน Tower B เท่านั้นได้ โดยจะได้เป็นสระแบบ Infinity Edge Pool ที่สามารถมองวิวมุมสูงได้ขณะว่ายน้ำค่ะ

    สำหรับวันนี้เราจะขอเจาะลึกไปที่ Tower C เท่านั้นนะคะ เริ่มกันที่ตำแหน่งตึก C จะอยู่ด้านในสุดของอาคาร ที่ห่างจากด้านหน้าโครงการประมาณ 200 เมตร ซึ่งอาจจะต้องเดินไกลสักหน่อย แต่ระหว่างทางไปก็เต็มไปด้วยร้านค้า ทำให้รู้สึกว่าไม่ไกลมากนัก นอกจากนี้ตำแหน่งอาคารยังได้ความเป็นส่วนตัวทีเดียว เนื่องจากไม่มีผู้คนจากภายนอกรบกวนมากนัก ถัดมาเราจะขอพามาดูที่ Section อาคารกันต่อ โดยอาคารนี้มีความสูง 29 ชั้น โดยแบ่งออกเป็น

    • Retail Store : ที่ชั้น 1 เป็นส่วนพื้นที่ให้เช่าเพื่อการค้า จำนวน 8 ยูนิต ระหว่างร้านค้าและล็อบบี้ของคอนโดมิเนียมมี Access control เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัย
    • Office Zone : ที่ชั้น 2-4 เป็นส่วนพื้นที่ออฟฟิศให้เช่า
    • Residence Zone : ที่ชั้น 5-27 เป็นโซนเพื่ออยู่พักอาศัยทั้งหมด โดยโซนนี้จะขายให้ทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย จำนวน 561 ยูนิต
    • Villa Zone : ที่ชั้น 28-29 เป็นห้องชุด Villa ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นห้องแบบ Duplex มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง พร้อมวิวมุมสูงของอาคาร จำนวน 5 ยูนิต

    ขึ้นมาชั้น Typical Floor Plan สังเกตว่าตำแหน่งทิศห้องส่วนใหญ่หันไปทางทิศเหนือและใต้ ที่ทั้ง 2 ฝั่งยังได้วิวค่อนข้างเปิดโล่งทีเดียว สำหรับชั้นนี้มีจำนวน 30 ยูนิต ก็ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นทีเดียว ส่วนโถงทางเดินได้เป็นแบบ Double Corridor ซึ่งเวลาใช้งานอาจจะเปิดมาเจอเพื่อนบ้านได้ ส่วนช่องเปิดให้มาเต็มที่ ทำให้ภายในโถงทางเดินไม่มืด ซึ่งเป็นการประหยัดไฟค่าส่วนกลางได้ดีค่ะ

    สำหรับตำแหน่งลิฟต์จะอยู่ไม่ไกลจากริมอาคารทั้ง 3 ฝั่งมากนัก ทำให้เดินใช้งานได้สะดวก ซึ่งอาคารนี้จะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 4 ตัว พร้อมลิฟต์ Service อีก  1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 140 : 1 ที่ถือว่าค่อนข้างมากทีเดียว

    ส่วนตัวมองว่ามีตำแหน่งห้องที่น่าสนใจมีอยู่หลายห้องนะคะ อย่าง D2-M(มุมขวา) ที่ผนังติดกับบันไดหนีไฟ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยไม่ต้องมีเสียงรบกวนจากห้องข้างเคียง รวมถึงเป็นห้องมุม ทำให้รับวิวได้ทั้ว 2 ฝั่ง หรือถ้าใครชอบระเบียงขนาดใหญ่แนะนำห้อง Type C ที่จะได้ระเบียงกว้าง พร้อมวิว Roof Garden อีกด้วยค่ะ

    ขึ้นมาที่ชั้น 12 จะมีบางห้องที่ได้ทางเดินแบบ Single Corridor ข้อดีคือไม่ต้องเปิดมาเจอกับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม แต่เนื่องจากเปลี่ยนเป็นงานระบบแทน ต้องมาดูกันอีกทีว่าจะมีเสียงรบกวนไหมนะคะ โดยชั้นนี้จะมีจำนวนยูนิตลดลงเหลือ 23 ยูนิต

    ถัดมาที่ชั้น 13 เป็น Main Facilities ของอาคาร โดยมีสระว่ายน้ำแบบ Semi Outdoor ที่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องตากแดด ตากฝน แถมได้วิวภายนอกอีกด้วย ซึ่งสระว่ายน้ำจะหันออกทางทิศใต้ ที่เป็นวิวเปิดโล่ง พร้อมขนาดสระที่ยาวถึง 20 เมตร ก็ทำให้สามารถว่ายน้ำจริงจังได้  นอกจากนี้ยังมี Fitness และ Co-working Space ให้ลูกบ้านได้ใช้งานอีกด้วย

    สำหรับส่วนที่เป็นห้องพักอาศัย จะมีประตูกั้นอีกชั้นนึง เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในชั้นนี้ แต่จะมีห้อง B1-2M ที่เข้าได้เลยจากโถงลิฟต์ ซึ่งตำแหน่งนี้จะมีเดินผ่านไปผ่านมาเยอะ เนื่องจากเป็นห้องก่อนเข้า Facilities แต่ก็แลกกับการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ง่าย อันนี้แล้วแต่คนชอบเลยนะคะ

    นอกจากนี้ทางเดินของชั้นนี้เป็นแบบ Single Corridor ที่เหลือเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น ข้อดีคือคนผ่านหน้าห้องน้อย และไม่ต้องเปิดไปเจอเพื่อนบ้าน รวมถึงยังมีพื้นที่สวนหย่อมส่วนตัว ให้ออกไปใช้งานสำหรับคนที่พักอาศัยในชั้นนี้อีกด้วย

    ถัดมาที่ส่วน Perspective เพื่อดูบรรยากาศ Semi Outdoor Pool กันนะคะ จากสระว่ายน้ำจะได้วิวฝั่งทิศใต้ ที่ยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิด ส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนและที่อยู่อาศัยแนวราบค่ะ

    หลังจากชั้น 15 ขึ้นไป จะมีชั้นละ 22 ยูนิต ที่ถือว่ายังค่อนข้างเยอะอยู่ แต่ห้องจะหันออกไปทางทิศเหนือและใต้เท่านั้น

    • ห้องที่หันออกทิศใต้ : จะได้ลมพัดเย็นสบาย เนื่องจากทิศนี้เป็นทิศที่รับลม และไม่โดนแสงแดดโดยตรงนัก อาจโดนแดดบ้างในช่วงบ่าย จึงทำให้ห้องค่อนข้างเย็นตามธรรมชาติ
    • ห้องที่หันออกทิศเหนือ : จะเป็นห้องที่ไม่ได้โดนแสงแดดตรงๆ เนื่องจากแสงแดดจะไม่ส่องเข้าห้องทางทิศเหนือ ดังนั้นหากต้องใช้เวลาอยู่ในห้องค่อนข้างมากในหนึ่งวัน ห้องทางทิศเหนือก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว แต่จะไม่มีลมพัดผ่านมากนัก รวมไปถึงไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบปลูกต้นไม้ที่ต้องการแดดจัดด้วยนะคะ

    ถัดมาที่ Model ของ Tower C กันต่อ เป็นอาคารสูง 29 ชั้น พร้อม Facilities ที่ชั้น 13 ส่วนห้องพักอาศัยที่นี้ จะเป็นห้องเพดานสูงทั้งหมด ความสูงพื้นถึงฝ้า 4.50 เมตร ซึ่งจะสูงมากกว่าอาคารทั่วไปที่มีจำนวนชั้นเท่ากัน ส่วนชั้นที่ 28-29 จะพิเศษกว่าชั้นอื่น เนื่องจากตัวห้องจะเป็นแบบ Duplex ที่มีเพียง 5 ยูนิตเท่านั้น

    ด้านล่างเป็นส่วนของ Commercial ที่เปิดให้คนภายนอกเข้าถึงได้ ส่วนการใช้งานจะแยกออกจากส่วนพักอาศัยชัดเจน เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านค่ะ

    ด้านหลังอาคารจะมีที่จอดแบบ Auto Parking โดยจะมีทั้งหมด 4 เครื่อง ทำให้ใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องต่อแถวรอกันนานๆนะคะ

    สำหรับ Main Facilities ของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 13 ค่ะ นอกนั้นจะมีพื้นที่สวนหย่อมกระจายไปยังส่วนต่างๆของอาคารค่ะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • สวนหย่อมรอบโครงการ
    • สระว่ายน้ำระบบเกลือ

    • Tower A : ขนาด 6 x 23 เมตร
    • Tower B : ขนาด 7 x 25 เมตร
    • Tower C :  ขนาด 6 x 20 เมตร

  • Tower B : Siamese Tower < Facilities >
    • Sky High Ceiling Lobby
    • Fitness
    • Co-Working Space
    • Napping area
    • Mini Theaters
    • Private Meeting room
    • Swimming Pool
    • EV Charging
    • Sky Bar
    • Sky Lounge
    • Sky Jogging
    • Sky Garden
    • Concierge Service
    • Party room

  • Tower C : Siamese Residence Tower < Facilities >
    • Swimming Pool
    • Fitness
    • Stream & Suana
    • Yoga Room
    • Library
    • Meeting Room
    • Co-Working Space

  •  ลิฟต์โดยสาร
    • Tower A : ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว Service Lift 1 ตัว
    • Tower B : ลิฟต์โดยสาร 8 ตัว Service Lift 2 ตัว
    • Tower C : ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว Service Lift 2 ตัว

  • อัตราส่วนลิฟต์ของ Tower C 140 :  1 หนาแน่นพอสมควร
  • ที่จอดรถประมาณ 898 คันคิดเป็น 43% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Access Card
  • แบบบ้าน

    ก่อนไปชมห้องตัวอย่างกัน จะขอเกริ่นจุดเด่นของห้องพักอาศัยของ Siamese พระราม 9 ที่จะมีในทุกห้องเป็นมาตรฐานเลยคือ การนำ Siamese Technology มาใส่เพื่อช่วยส่งเสริมการอยู่อาศัยให้ดีมากยิ่งขึ้น โดยจะมีอะไรบ้างเดี๋ยวเราไปดูกันค่ะ

    • Air Ventilation Technology : ระบบหมุนเวียนอากาศภายในห้องพักอาศัย ซึ่งจะมีการเดินท่อ และงานระบบที่กรองฝุ่น PM 2.5 ก่อนปล่อยเข้ามาในห้องพักอาศัย ช่วยให้อากาศในห้องถ่ายเท + ลดกลิ่นต่างๆ ในห้อง เช่น กลิ่นอับ เป็นต้น
    • Smell Protection Technology : มีการออกแบบให้แยกท่อน้ำเสียจากชักโครกและอ่างล้างหน้าออกจากกัน จะช่วยป้องกันไม่ให้มีกลิ่นย้อนกลับขึ้นมา โดยต่างจากโครงการอื่นที่ใช้ท่อระบายน้ำท่อเดียวกัน
    • Soundproof Technology : ระบบกันเสียงรบกวนจากภายนอก เริ่มตั้งแต่ประตูกันเสียง ที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็งพร้อมระบบ Door Seal ที่สามารถกันเสียงและฝุ่นได้ดี ส่วนผนังจะเป็น Insulated Wall โดยจะใช้วัสดุเป็นแผ่น Fiber Cement ที่สามารถกันเสียง และแดดได้
    • Heart Resistant Technology : ใช้หน้าต่าง Low-E Glass ทั้งโครงการ โดยคุณสมบัติของกระจกชนิดนี้คือจะมีการเคลือบสารฉนวนกันรังสี UV ได้ ซึ่งรูปแบบเป็นกระจก 2 ชิ้น ประกบกัน โดยมีช่องว่างอากาศตรงกลาง ช่วยลดความร้อนต่างๆ เข้าสู่ภายในห้องได้ดีมากขึ้น

    ห้องพักอาศัยของโครงการ Siamese Rama 9 มีแบบห้องเพดานสูง 4.5 เมตรทั้งหมด โดยทางโครงการได้แบ่งแบบห้องต่างๆ ตามชื่อเมืองหลวงที่สำคัญต่างๆ ได้แก่

    • Tokyo Blizz เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน มีห้องน้ำ 1 ห้อง มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 37.5 ตารางเมตร โดยแบ่งออกเป็นพื้นที่หน้าโฉนดประมาณ 27.5 ตารางเมตร และพื้นที่ชั้นลอย 10 ตารางเมตร

    • Paris Blizz เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน มีห้องน้ำ 1 ห้องมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 46.0 ตารางเมตร โดยแบ่งออกเป็นพื้นที่หน้าโฉนดประมาณ 34 ตารางเมตร และพื้นที่ชั้นลอย 12 ตารางเมตร

    • Bangkok Blizz เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน มีห้องน้ำ 1 ห้อง และ Powder room ในส่วนบริเวณชั้นลอยเพื่ออำนวยความสะดวกให้อีก 1 จุด มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 72 ตารางเมตร โดยแบ่งออกเป็นพื้นที่หน้าโฉนดประมาณ 53 ตารางเมตร และพื้นที่ชั้นลอย 19 ตารางเมตร

    • New York Blizz เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน มีห้องน้ำ 1 ห้อง และ Powder room ในส่วนบริเวณชั้นลอยเพื่ออำนวยความสะดวกให้อีก 1 จุดมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 68.5 ตารางเมตร โดยแบ่งออกเป็นพื้นที่หน้าโฉนดประมาณ 50.5 ตารางเมตร และพื้นที่ชั้นลอย 18 ตารางเมตร


    สำหรับวันนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างทั้งหมด 2 ห้องคือแบบ Paris Blizz ขนาด 45 ตร.ม. และ New York Blizz ขนาด 68.50 ตร.ม. ค่ะ

    ส่วนรูปแบบการตกแต่งที่นี่จะเป็น Fully Fitted มีให้ในส่วนชุดครัว พร้อม Hob & Hood, ตู้เสื้อผ้า, ตู้รองเท้า และสุขภัณฑ์ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    สำหรับวันนี้เราพามาชมห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะห้อง Paris Blizz พื้นที่ใช้สอยประมาณ 46 ตร.ม. โดยยกห้องนอนไปไว้ชั้นลอย เพื่อแยกส่วนใช้งานทั่วไปชัดเจน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้เป็นห้องครัวปิด ที่เราสามารถทำอาหารจริงจังได้ ส่วนห้องน้ำแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน ซึ่งภายในมีอ่างอาบน้ำแบบนั่งแช่มาให้ด้วย สำหรับบริเวณ Common Area จะมีความสูงถึง 4.5 เมตร ที่ทำให้ห้องโล่งทีเดียว โดยได้จัดเป็นห้องนั่งเล่น+พื้นที่รับประทานอาหารไว้ด้วยกัน ติดกับระเบียงและหน้าต่างด้านนอก ทำให้ได้รับแสงและวิวได้เต็มที่ บริเวณระเบียงจะไม่มี Condensing Unit แขวนด้านบน เนื่องจากโครงการได้ซ่อนมาให้แล้ว จะได้ไม่รบกวนการใช้งานพื้นที่ระเบียงค่ะ

    ส่วนห้องนอนชั้นลอยมีความสูงพื้นถึงฝ้า 1.9 เมตร ซึ่งเราสามารถเดินได้หัวไม่ชนเพดาน ชั้นลอยกว้าง วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยมีพื้นที่ด้านข้างเหลือวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องสำอางได้ ซึ่งพอเวลาใช้งานจริงๆอาจจะไม่สะดวกนัก เพราะเราต้องอาบน้ำที่ชั้นล่างและขึ้นมาแต่งตัวที่ด้านบน ซึ่งต้องเดินผ่านส่วนอื่นก่อนนะคะ

    เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องครัวก่อน โดยฝ้าเพดานบริเวณนี้สูง 2.3 เมตร พร้อมผนังของห้องจะเป็นแบบ Insulated Wall ที่ช่วยเก็บเสียงได้ดี แม้ห้องครัวจะอยู่ด้านในแต่ก็ไม่ได้มืดทึบ ยังได้แสงสว่างจากห้องนั่งเล่นอยู่ค่ะ / พื้นในห้องปูด้วย Synthetic wood (ไม้สังเคราะห์) ที่ทำมาจาก PVC ผสมเศษไม้ ที่ทนรอยขีดข่วน และความชื้นมากกว่าพื้นลามิเนตทั่วไป นอกจากนี้ยังปูเป็นลายก้างปลา ทำให้ห้องดูหรูมากยิ่งขึ้น

    เรามาดูส่วนครัวกันก่อนนะคะ ซึ่งได้เป็นครัวแบบปิด ที่สามารถทำอาหารจริงจังได้สบายๆ เนื่องจากทางโครงการติดตั้ง Hob & Hood มาให้เรียบร้อย โดยจะดูดควันออกด้านนอกอาคาร (Exhausted)

    สำหรับชุดเคาน์เตอร์ครัวที่ลูกค้าจะได้นั้นจะเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ ยกเว้นเตาอบด้านล่าง ซึ่งของจริงจะเป็นช่องว่างเปล่าๆ ที่เราสามารถมาติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมเองได้

    เรามาดูดีเทลกันนะคะ สำหรับตู้เก็บของด้านบนจะซอยชั้นให้ถึง 3 ชั้นด้วยกัน ที่สามารถวางอุปกรณ์ครัวได้ตามใจชอบ โดยตู้นี้จะมีความสูงถึงฝ้าเพดานเลย ส่วนหน้าบานจะปิดผิวด้วยลามิเนต พร้อม Soft Close ภายในตู้

    ถัดมาที่ Top เคาน์เตอร์ ออกแบบให้มีพื้นที่รอบเตาไฟฟ้าเยอะ ทำให้สามารถเตรียมอาหารได้เต็มที่ ส่วนวัสดุเป็นหินสังเคราะห์ ที่ทนความร้อนและน้ำได้ดี ผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ (Back Splash) จะเป็นกระจกที่เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

    ทางโครงการให้ Sink ยี่ห้อ MEX ขนาด 39 x 39 ซม. พร้อมก๊อกน้ำล้างจานโครเมียมทรงสูง ปรับโยกขึ้น-บนได้ ส่วนเตาไฟฟ้าเซรามิคจะได้ 2 หัว + เครื่องดูดควันจาก MEX

    ด้านล่างเคาน์เตอร์จะเป็นออกเป็น 4 ส่วน ที่สามารถเลือกเก็บของได้ตามใจชอบ ส่วนฝั่งขวาใต้ Sink จะเป็นช่องวางของชิ้นใหญ่ได้ ที่ภายในมีถังขยะแบบยึดกับบานเปิด ซึ่งจะเปิด-ปิด ตามหน้าบาน ทำให้ใช้งานได้สะดวก

    นอกจากนี้ยังมีตู้วางรองเท้ามาให้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดปัญหากลิ่นรองเท้า ที่จะกระจายเข้ามาในฟังก์ชันอื่นๆ ของห้องได้อีกด้วย

    ฝั่งตรงข้ามชุดครัวเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ

    สำหรับห้องน้ำของโครงการ จะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปทั้งหมด คือในตอนก่อสร้างจะเป็นแบบยกห้องน้ำมาใส่ทั้งอันเลย ซึ่งทาง Think ได้เคยทำบทความห้องน้ำสำเร็จรูปไว้แล้ว สามารถอ่านรายละเอียดเจาะลึกเพิ่มเติมได้ (คลิกที่นี่)

    ภายในห้องน้ำแบ่งโซนเปียกและแห้งชัดเจนเป็นสัดส่วน เข้ามาก็จะเจอกับโถสุขภัณฑ์ก่อน และแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ซ้ายของรูปคือพื้นที่อาบน้ำ ส่วนฝั่งขวานั้นเป็นส่วนอ่างล่างหน้า

    ชุดอ่างล้างหน้ายี่ห้อ Hafele พร้อม Top เคาน์เตอร์ แบบหินสังเคราะห์ (Solid Surface)

    อ่างล้างมือจาก Hafele ขนาดประมาณ 60 x 35 ซม. ที่ดีไซน์มาได้น่าใช้งาน โดยจะออกแบบให้ตัวอ่างลาดเอียงไปอีกฝั่ง ทำให้ไม่มีน้ำขังในอ่างนะคะ

    สำหรับกระจกที่ได้ในห้องน้ำ จะเปิดให้มีช่องเก็บของได้ด้วยนะคะ ส่วนด้านล่างจะมีตู้ที่เก็บอุปกรณ์ห้องน้ำใต้อ่างได้

    ภายในห้องน้ำมีปลั๊กกันน้ำมาให้อีกด้วยค่ะ

    โถสุขภัณฑ์ที่นี่ให้ของดีนะคะ โดยให้เป็น Washlet จาก Hafele ติดผนังเดินท่อภายใน Low Wall ซึ่งของจริงจะติดตั้งที่ใส่กระดาษทิชชู่มาให้ด้วย

    อีกฝั่งเป็นพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อย ในส่วนฟังก์ชันการใช้งานส่วนพื้นที่อาบน้ำนี้แบ่งออกเป็น 2 โซนคือโซนยืนอาบน้ำ และแช่ในอ่างอาบน้ำนะคะ

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 87 x 82 ซม. พร้อมยกขอบกั้นขึ้นมาประมาณ 10 ซม. ป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกไปด้านนอก รวมถึงมีจุดระบายน้ำอยู่ที่มุมด้วยค่ะ

    ฝักบัวมีทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower จาก Hafele นอกจากนี้ยังมีจุด Junction มาให้ เราสามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มเติมเองได้

    มือจับขนาดพอดีมือ บริเวณหัวมีขนาดใหญ่อาบได้สะใจทีเดียว นอกจากนี้ยังปรับรูปแบบการไหลของน้ำได้หลากหลายอีกด้วย

    ส่วนอ่างอาบน้ำลักษณะจะเป็นอ่างทรงสี่เหลี่ยมขนาด 82 x 1.10 เมตร ซึ่งจะไม่สามารถนอนแช่ตัวได้ แต่สามารถนั่งแช่ได้สบายๆ อยู่นะคะ ส่วนวัสดุอ่างเป็นหินสังเคราะห์ (Solid Surface) เหมือนกับอ่านล่างมือเลยค่ะ

    ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง และสังเกตที่ด้านบนของโถสุขภัณฑ์จะมีช่องดูดอากาศซึ่งช่องนี้แหละค่ะ ที่จะเป็นตัวดูดอากาศภายในห้องออกไปด้านนอก เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนอากาศใหม่เข้ามาภายนอก + ระบายกลิ่นต่างๆ ภายในห้องได้อีกด้วย

    กลับมาด้านนอกจะเจอฉากกั้นประตูห้องครัว ที่เป็นบานเลื่อน 3 ตอน ข้อดีคือเปิดได้มากกว่าบานเลื่อน 2 ตอน ส่วนวัสดุจะเป็นขอบอลูมิเนียมสีดำ พร้อมกระจกสีใส / ได้เป็นแบบรางบน ไม่ต้องกลัวสะดุดนะคะ

    หันกลับมาฝั่งครัว หลังจากกระจกบานเลื่อนจะมีตู้ Built in มาให้อีก 1 จุด ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ

    ห้องเก็บของใต้บันไดจะกลืนไปกับผนังเลย ถ้าใครไม่สังเกตก็จะไม่เห็นนะคะ ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นตู้ Built in ที่ทางโครงการเตรียมช่องไว้ สำหรับวางตู้เย็นขนาด 10.9 คิวบิก ได้พอดี นอกจากนี้ด้านบนยังมีตู้ที่สามารถเก็บของเพิ่มเติมเองได้

    ถัดมาที่ Common Area ออกแบบตรงนี้ไม่ได้โล่งทีเดียว โดยมีความสูงถึง 4.5 เมตร โดยฟังก์ชันจะทำเป็นห้อง Living + Dining ได้ ซึ่งจะติดกับระเบียง และหน้าต่างข้างนอก ทำให้ได้รับแสงและวิวเต็มที่ค่ะ

    ห้องตัวอย่าง มีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 3.72 เมตร สามารถเลือกทีวีขนาดใหญ่ได้สบาย โดยทางโครงการได้เตรียมช่องเสียบสัญญาณทีวีไว้ให้เรียบร้อย

    ชุดวางทีวีโครงการได้ตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ของจริงจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์มาให้ ส่วนผนังจะได้เป็นฉาบเรียบติด Wallpaper มาให้ค่ะ

    ห้องนั่งเล่นวางโซฟาเป็นรูปตัว L ตามพื้นที่ห้อง โดยจะได้ที่นั่งแบบ Window Seat เลย ทำให้สามารถนั่งชมวิวได้เต็มที่อีกด้วย

    ทางโครงการให้หน้าต่างบานกระทุ้งมา 1 บาน ไว้ระบายอากาศภายในห้องได้ นอกจากนี้ยังได้เป็นกระจก Low-E ที่สะท้อนแสงแดด ทำให้ความร้อนไม่เข้ามาภายในห้องค่ะ

    บริเวณด้านจับเป็นก้านโยกสามารถเปิดใช้งานได้ง่าย พร้อมตัวล็อคที่ไม่สามารถเปิดกว้างได้มากนัก เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานค่ะ

    ฝ้าเพดานสูง 4.5 เมตร โดยจะฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight 2 จุด ของจริงจะไม่มี Chandelier ให้นะคะ

    พื้นที่ระเบียงกว้าง 1.70 x 1.05 เมตร ที่วางเครื่องซักผ้าได้ โดยจะได้พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิค 30 x 30 ซม. ที่ทนทั้งน้ำและแดดได้ดี ส่วนราวกันตกเป็นเหล็กสีดำ พร้อมกระจก Tempered Glass  ค่ะ

    โดยทางโครงการวางท่อมาให้เรียบร้อย พร้อมปลั๊กสำหรับวางเครื่องซักผ้าค่ะ

    โครงการซ่อน CDU ไว้ด้านบน ซึ่งเวลามองจากตรงนี้ จะเห็นเป็นฝ้าเพดานเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมไฟ Downlight 1 จุด

    หันกลับมาด้านในจะเห็นชั้นลอย ที่เป็นตำแหน่งห้องนอน ที่แยกใช้งานกับส่วนอื่นๆของห้อง โดยเราสามารถติดตั้งผ้าม่าน หรือกั้นห้องเพิ่มเองได้ เพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ

    บันไดเป็นรูปตัว U ที่บันไดได้ลูกตั้ง 23 ซม. ที่ถือว่าค่อนข้างชันไปนิด แต่ได้ลูกนอนขนาด 24.5 ซม. ที่วางได้เต็มเท้าเลย ส่วนความกว้างประมาณ 83 ซม. พร้อมราบจับตลอดทาง ทำให้เดินใช้งานได้สบายค่ะ

    ชั้นลอยเป็นห้องนอน ที่วางเตียง 5 ฟุตได้ โดยมีพื้นที่เหลือวางโต๊ะหัวเตียง และชุด Built in ได้ 2 ฝั่งสบายๆ ซึ่งตรงนี้มีความสูง 1.90 เมตร เป็นระยะที่เดินใช้งานได้

    ผนังข้างเตียง จะมี Smart Ventilation Fresh Air ให้ด้วยนะคะ ที่จะเป็นตัวดูดอากาศภายในห้องออกไปด้านนอก เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนอากาศใหม่เข้ามาภายนอก ช่วยระบายกลิ่นต่างๆ ภายในห้องได้ดี

    สำหรับฝั่งขวามือ เราสามารถ Built in เป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องสำอางได้ ซึ่งของจริงจะไม่มีมาให้นะคะ

    หลังจากวางเตียงแล้ว จะเหลือพื้นที่ทางเดินรอบข้าง ที่สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้สบายๆ โดยมีความกว้างประมาณ 65 ซม.

    บริเวณปลายเตียงมีความกว้างประมาณ 1.20 เมตร สามารถเดินใช้งานได้สะดวกค่ะ

    นอกจากนี้ทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าตามห้องตัวอย่างให้เป็นมาตรฐานเลยนะคะ หน้าบานซ้ายมือสุดจะเป็นกระจกเงาสำหรับแต่งตัวได้ ส่วนบานอื่นจะเป็นกระจกใสสีชา พร้อมกรอบอะลูมิเนียมสีดำ

    ภายในตู้เสื้อผ้าแบ่งโซนการจัดเก็บเสื้อผ้าได้เป็นสัดส่วนดี นอกจากนี้เมื่อเปิดตู้ไฟจะเปิดโดยอัตโนมัติเลยนะคะ นอกจากนี้ยังมีลิ้นชักภายในตู้ ที่สามารถใส่เสื้อผ้าชิ้นเล็กๆได้ค่ะ

    มือจับมีขอบยืนออกมา ทำให้เปิดใช้งานได้ง่าย พร้อม Soft-close ภายในตู้ เพื่อป้องกันการกระทบรุนแรงของการเปิด-ปิดตู้ได้ค่ะ

    ชั้นลอยตรงนี้จะมีราวกันตก+กระจก Tempered Glass ที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ถ้าใครต้องการเป็นส่วนตัวแนะนำให้ติดผ้าม่านเพิ่มตรงราวระเบียง ซึ่งจะช่วยจำกัดพื้นที่ในการเปิดเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย แต่แอบเสียดายนิดนึง ที่เวลานอนจะไม่สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้นะคะ

    จากชั้นลอย เราจะมองลงเป็นเห็นพื้นที่ Common Area ชั้นล่างได้

    สวิตช์ไฟของห้องได้หน้าตาแบบนี้เลยนะคะ

    ถัดมาคือห้อง New York Blizz พื้นที่ใช้สอยประมาณ 68.50 ตร.ม. ซึ่งตำแหน่งห้องนี้จะเป็นห้องมุม ที่ได้วิวจากทั้ง 2 ฝั่งเลย

    ส่วนการจัดวางฟังก์ชันภายในทำออกมาได้น่าสนใจดี โดยจะได้ Common Area ขนาดใหญ่ เชื่อม Living+Dining+Kitchen ไว้โซนเดียวกัน พร้อมความสูง 4.5 เมตร และหน้าต่างรอบ ที่ทำให้ภายในค่อนข้างโล่ง พร้อมรับวิวและแดดได้เต็มที่ แต่บริเวณนี้จะได้เป็นครัวเปิดนะคะ ซึ่งจะไม่เน้นทำอาหารจริงจัง แต่ก็สามารถกั้นเป็นครัวปิดเพิ่มเติมเองได้

    ส่วนห้องนอนเล็กจะอยู่ด้านล่าง พร้อมประตูกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว พร้อมหน้าต่างดูวิวด้านนอกได้ ส่วนห้องนอนใหญ่จะเป็นแบบเปิด ซึ่งจะไม่ส่วนตัวมากนัก เน้นเปิดโล่ง เพื่อเชื่อมต่อไปยังฟังก์ชันอื่นๆ ซึ่งชั้นลอยค่อนข้างกว้าง สามารถทำเป็นพื้นที่ทำงานเพิ่มเติมได้ด้วย สำหรับห้องน้ำในกรณีที่ต้องการอาบน้ำต้องไปใช้ร่วมกันที่ด้านล่าง แต่ถ้าจะใช้ห้องน้ำในส่วนแห้งเท่านั้น ชั้นลอยจะมีห้อง Powder Room มาให้ ทำให้ไม่ต้องเดินลงไปใช้งานด้านล่างเวลาดึกๆนะคะ

    เข้ามาภายในห้องจะเป็นทางเดินยาวเข้าไปถึง Common Area ระหว่างทางไป ประตูฝั่งขวาเป็นห้องน้ำ ส่วนประตูฝั่งซ้ายเป็นห้องนอนเล็ก

    สำหรับพื้นห้องภายในปูด้วย Synthetic wood (ไม้สังเคราะห์) เช่นเดียวกับห้องที่แล้วเลย แต่ห้องนี้จะไม่ได้ปูเป็นลายก้างปลาแล้วนะคะ

    ก่อนที่จะไปจุดอื่น ทางโครงการ Built in ตู้รองเท้ามาให้เรียบร้อยค่ะ

    บริเวณฝ้าเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมไฟ Downlight 1 ดวง

    สำหรับห้องน้ำนี้จะมีขนาดใหญ่มากขึ้น ซึ่งภายในห้องแบ่งโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อย

    พื้นและผนังเป็นกระเบื้องเซรามิค ทำให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ (แต่ละห้องจะได้สีกระเบื้องไม่เหมือนกัน)

    ชุด Built in อ่างล้างหน้ายี่ห้อ Hafele เหมือนกับห้องที่แล้ว แต่จะมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย

    โถสุขภัณฑ์จะให้เป็น Washlet จาก Hafele ติดผนังเดินท่อภายใน Low Wall พร้อมที่ใส่กระดาษทิชชู่ด้านข้าง

    อีกฝั่งเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบเดียวกับห้องที่แล้วเลย แต่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าน่าใช้งาน

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.41 x 81 ซม. พร้อมยกขอบกั้นขึ้นมาประมาณ 10 ซม. ป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกด้านนอก พร้อมจุดระบายน้ำที่มุมค่ะ

    ฝักบัวให้ทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower จาก Hafele นอกจากนี้ยังจุด Junction มาให้ เราสามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มเติมเองได้

    อ่างอาบน้ำเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาด 82 x 1.10 เมตร ซึ่งจะเหมือนกับห้องที่แล้วเลย แต่จะหันคนละด้าน โดยเป็นลักษณะอ่างที่นั่งแช่ตัวค่ะ

    ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง มีช่องดูดอากาศเหมือนกับห้องที่แล้วเลยนะคะ

    ถัดมาเป็นทางเข้าประตูห้องนอนเล็กค่ะ

    ห้องนอนเล็ก วางเตียง 5 ฟุตได้ พร้อมวางโต๊ะหัวเตียงได้สบายๆ นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างที่สามารถนอนดูวิวด้านนอกได้อีกด้วย

    บริเวณด้านข้าง มีพื้นที่เหลือวางตู้เสื้อผ้าได้ ซึ่งแบ่งชั้นวางของให้เป็นสัดส่วนดี พร้อมไฟส่องสว่างภายในตู้

    เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตไปแล้ว จะเหลือพื้นที่ทางเดินรอบข้างกว้างประมาณ 50 ซม. ซึ่งหน้าตู้อาจจะไม่พอแต่งตัว แนะนำให้ผลักเตียงชิดริมหน้าต่างค่ะ

    บริเวณปลายเตียงกว้างประมาณ 50 ซม. ที่สามารถเดินได้พอดี ถ้าใครชอบดูทีวี แนะนำให้แขวนทีวีติดกับผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่ทางเดินค่ะ

    บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ 2 ดวง

    ส่วนผนังอีกฝั่งจะมีห้องเก็บของใต้บันได เช่นเดียวกับห้องที่แล้วค่ะ

    เข้ามาภายในจะเป็น Common Area ขนาดใหญ่ ที่มีความสูงถึง 4.50 เมตร พร้อมกระจก 2 ชั้น ที่จะได้รับแสงและวิวเต็มที่ โดยหน้าต่างที่นี่จะไม่ได้สูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้า ทำให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลยนะคะ

    ห้องตัวอย่าง มีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 3.65 เมตร สามารถเลือกทีวีขนาดใหญ่ได้สบาย โดยทางโครงการได้เตรียมช่องเสียบสัญญาณทีวีไว้ให้เรียบร้อย

    ชุดวางทีวีโครงการได้ตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ของจริงจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์มาให้ ส่วนผนังจะได้เป็นฉาบเรียบติด Wallpaper เรียบร้อย

    หันกลับมาอีกฝั่งจะเป็นส่วน Kitchen+Dining ซึ่งจะได้เป็นครัวเปิด ทำให้ไม่สามารถทำอาหารจริงจังมากนัก สำหรับใครที่จะกั้นครัวปิดเอง ก็สามารถทำได้ แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงสักหน่อย เนื่องจากบริเวณนี้เป็นฝ้าเพดานสูงค่ะ

    บริเวณนี้จะวางโต๊ะรับประทานอาหาร 4-6 ที่นั่งได้ โดยหลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วจะมีพื้นที่เหลือรอบโต๊ะค่อนข้างเยอะทีเดียว

    ชุดครัวให้ช่องเก็บของมาเยอะ โดยห้องนี้จัดพื้นที่วางตู้เย็นมาให้ใหญ่ สามารถขนาด 23.8 คิวบิก ตามห้องตัวอย่างเลย

    ตู้เก็บของด้านบนได้จะซอยชั้นให้ถึง 3 ชั้น ที่สามารถวางอุปกรณ์ครัวได้ตามใจชอบ ส่วนหน้าบานจะปิดผิวด้วยลามิเนต พร้อม Soft Close ภายในตู้

    Top เคาน์เตอร์นี้ออกแบบให้มีพื้นเหลือ สามารถเตรียมอาหารได้เต็มที่ วัสดุเป็นหินสังเคราะห์ ที่ทนความร้อนและน้ำได้ดี ส่วนผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ เป็นกระจกที่เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

    ทางโครงการให้ Sink ยี่ห้อ MEX ขนาด 39 x 39 ซม. พร้อมก๊อกน้ำล้างจานโครเมียมทรงสูง ปรับโยกขึ้น-บนได้ ส่วนเตาไฟฟ้าเซรามิคจะได้ 2 หัว + เครื่องดูดควันจาก MEX

    เคาน์เตอร์ด้านล่างแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ที่สามารถเลือกเก็บของได้ตามใจชอบ ส่วนฝั่งซ้ายใต้ Sink จะเป็นช่องวางของชิ้นใหญ่ได้ พร้อมถังขยะแบบยึดกับบานเปิด ซึ่งจะเปิด-ปิด ตามหน้าบาน ทำให้ใช้งานได้สะดวก

    ด้านบนตู้เย็นจะมีช่องเก็บของมาให้เช่นเดียวกันค่ะ

    หันกลับมาด้านข้างชุดครัวจะมีหน้าต่างบานกระทุ้ง ที่สามารถช่วยระบายกลิ่นได้ระดับนึงค่ะ

    พื้นที่ระเบียงกว้าง  1.70 x 1.05 เมตร ที่สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ โดยปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม. ส่วนราวกันตกเป็นเหล็กสีดำ พร้อมกระจก Tempered Glass

    ด้านบนทางโครงการได้แขวน CDU มาให้เรียบร้อยค่ะ

    ฝ้าเพดานสูง 4.5 เมตร โดยจะฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight 2 จุด ของจริงจะไม่มี Chandelier ให้นะคะ

    หันกลับมาด้านใน จะเห็นชั้นลอยที่เป็นตำแหน่งห้องนอนใหญ่ ซึ่งสามารถนอน Take View ตอนกลางคืนได้ด้วย

    บันไดเป็นรูปตัว U เช่นเดียวกับห้องที่แล้ว โดยจะมีราวจับตลอดทาง เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานค่ะ

    ภายในห้องนอนใหญ่นี้ จะกว้างมาก สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ รวมถึงมีพื้นที่เหลือริมหน้าต่าง ที่วางเป็นโต๊ะทำงานเพิ่มเติมเองได้ โดยชั้นนี้จะมีพื้นถึงฝ้า 1.90 เมตร เป็นระยะที่เดินได้สบายๆ

    ซึ่งด้านบริเวณผนังข้างเตียง จะมี Smart Ventilation Fresh Air ให้ด้วยนะคะ

    สำหรับพื้นที่รอบเตียง ฝั่งริมหน้าต่างกว้างประมาณ 1.77 เมตร ซึ่งจัดเป็นพื้นที่ทำงานได้สบายๆ ส่วนอีกฝั่งกว้างประมาณ 1.20 เมตร ที่สามารถวาง Sofa เพิ่มเติมได้นะคะ

    บริเวณปลายเตียงมีพื้นที่เหลือประมาณ 1.51 เมตร วางชุดวางทีวีเพิ่มเติมเองได้

    ชั้นลอยตรงนี้จะมีราวกันตก+กระจก Tempered Glass ที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ถ้าใครต้องการเป็นส่วนตัวแนะนำ ให้ติดผ้าม่านเพิ่มตรงราวระเบียง เพื่อช่วยจำกัดพื้นที่ในการเปิดเครื่องปรับอากาศได้ โดยห้องนี้จะมีหน้าต่างมาให้สามารถนอนชมวิวได้เลยค่ะ

    จากชั้นลอยเราจะมองลงเป็นเห็นพื้นที่ Common Area ชั้นล่างได้

    สำหรับตู้เสื้อผ้าจะถูกซ่อนเข้าไปข้างใน ซึ่งภายในจะมีห้อง Powder Room สำหรับห้องนอนใหญ่ด้วย ข้อดีคือสามารถแต่งตัวจากด้านในได้เลยนะคะ

    โดยตู้เสื้อผ้าจะไม่มีหน้าบานมาให้ เวลาใช้งานอาจจะต้องระวังเรื่องฝุ่นกันด้วย นอกจากนี้ยังมีลิ้นชัก ที่สามารถเก็บของเพิ่มเติมเองได้

    พื้นภายในกว้างพอใช้งานสำหรับ 1-2 คนได้ค่ะ

    ห้องน้ำแบบ Powder Room คือไม่มีส่วนอาบน้ำจะมีให้เฉพาะโถสุขภัณฑ์กับอ่างล้างหน้าเท่านั้น ซึ่งของจริงจะมีประตูมาให้ เพื่อความเป็นส่วนตัว ส่วนพื้นห้องน้ำเป็นแบบ Synthetic wood เช่นเดียวกับพื้นห้องนอนค่ะ

    ราคา

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 5 JUNE 2019

    • เนื่องจากทางโครงการยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่มีรายละเอียดราคาทั้งหมด มีเฉพาะราคาของห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 – 43 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 2.9x ล้านบาท

    • รูปแบบการขาย Fully Fitted
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้า

    • ขั้นล่างสูง 2.30 เมตร
    • บริเวณ Common Area เพดานสูง 4.50 เมตร
    • ชั้นลอยสูง 1.90 เมตร

  • Kitchen & Sink / ท๊อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อง MEX
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 700 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเล : Siamese Rama 9 ตั้งอยู่ติดถนนพระราม 9 ที่อยู่ระหว่างแยกรัชดา-พระราม 9 และแยกเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ทำให้เข้าถึงได้จากทั้ง 2 ทางหลัก ซึ่งถ้าอิงไปทั้งรัชดาภิเษก จะมีความอุดมสมบูรณ์ครบ เนื่องจากเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และห้างสรรพสินค้า ส่วนตำแหน่งของโครงการยังไม่มีความอุดมสมบูรณ์มากนัก ถ้าโครงการสร้างเสร็จเมื่อไหร่ ก็เป็นเสมือน New Hub ของคนในละแวกนี้เลยค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถ :  ติดถนนพระราม 9 ที่สามารถใช้เข้า-ออกเมืองได้ง่าย รวมถึงยังใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน ทั้งด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์และทางด่วนศรีรัช โดยจะสามารถเชื่อมเข้า Toll way ที่ตรงไปสนามสุวรรณภูมิได้อีกด้วย สำหรับที่จอดรถภายในโครงการสามารถจอดได้ 43% ไม่รวมซ้อนคัน ซึ่งให้มาน้อยถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตในโครงการค่ะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :  ใกล้ Airport Rail Link รามคำแหง ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2 กม. ที่จะเชื่อมไป BTS พญาไทได้ หรือสามารถออกเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ได้ หรือถ้าใครต้องการขึ้นใต้ดิน ปัจจุบันใกล้ที่สุดจะเป็น MRT พระราม9 ได้ ห่างจากโครงการ 2 กม. เช่นกัน แต่ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มที่คาดว่าจะอยู่ไม่ไกลจากโครงการมากนัก ซึ่งต้องมารอลุ้นตอนเสร็จแล้วอีกทีนะคะ ส่วน Taxi และพี่วินมอเตอร์ไซค์ก็เรียกง่าย เนื่องจากติดถนนใหญ่ มีรถขับผ่านไปมาตลอดเวลาค่ะ

    การออกแบบโครงการ : เนื่องจากเป็นโครงการ Mixed Use ทำให้มีการออกแบบแตกต่างจากโครงการทั่วไปพอสมควร เพราะในพื้นที่จะมีทั้ง Hotel, Retail Stores, Office, Service Residence และ Residence โดยโครงการได้จัด Residence หรือลูกบ้านที่ซื้ออยู่เองไว้ที่ Tower C ด้านหลัง เพื่อความเป็นส่วนตัว ซึ่งจะแยกความวุ่นวายออกจาก Tower A+B ที่มีลักษณะเป็น Commercial โดยเฉพาะ Tower B ที่เป็น Service Residence รูปแบบห้องที่ซื้อลงทุนโดยทางโครงการจะจ้าง Chain จากต่างประเทศมาเป็นผู้บริหารดูแล ดังนั้นกลุ่มคนซื้อจึงแบบออกเป็น 2 กลุ่มชัดเจนนะคะ 

    สำหรับ Tower C เป็นคอนโดมิเนียมสูง 29 ชั้น มีจำนวนยูนิต 561 ยูนิต ซึ่งจะอยู่ด้านในสุดของโครงการ ห่างจากประตูทางเข้าประมาณ 200 เมตร แม้ว่าจะต้องเดินไกลสักหน่อย แต่จะได้ความเป็นส่วนตัวเข้ามาแทนนะคะ ส่วนชั้นพักอาศัย มีจำนวนยูนิตสูงสุดที่ 30 ยูนิต ที่ถือว่าค่อนข้างหนาแน่น ส่วนโถงทางเดินเป็นแบบ Double Corridor ที่ภายในมีช่องแสงส่องเข้ามาได้เต็มที่ ส่วนบริเวณ Facilities มีการกั้นประตูกับส่วนพักอาศัยเพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ

    การออกแบบห้อง : เหมาะสำหรับคนที่ชอบห้องเพดานสูง ยังไม่ค่อยได้เห็นมากนักกับคอนโดในละแวกนี้ โดยจะได้ความสูงถึง 4.5 เมตร ทำให้ภายในห้องโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น ฟังก์ชันจัดออกมาได้ดี มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนชัดเจน

    สำหรับห้องแรก จะได้ครัวปิด ที่ทำให้สามารถทำอาหารจริงจังได้ รวมถึง Common Area ติดกับระเบียงด้านนอก ทำให้เห็นรับวิวและแสงได้เต็มที่ ส่วนชั้นลอยจะเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ ที่วางตู้เสื้อผ้า, เตียง 5 ฟุต และ โต๊ะเครื่องสำอางได้สบายๆ แต่เวลาใช้งานห้องน้ำอาจจะลำบากหน่อย เพราะต้องเดินมาใช้ที่ด้านล่าง

    ส่วนห้องที่สอง จะเป็นห้องหัวมุม ที่มีลักษณะเป็นหน้ากว้าง ทำให้ได้รับแสงได้เต็มที่ ซึ่งบริเวณ Common Area จะมีขนาดใหญ่ โดยเชื่อม Living + Dining + Kitchen เข้าด้วยกัน เน้นใช้งานต่อเนื่อง แต่ห้องนี้จะเป็นห้องครัวเปิด ทำให้ไม่สามารถทำอาหารกลิ่นแรงๆได้มากนัก ส่วนห้องนอนชั้นบนจะมีขนาดใหญ่ ที่นอกจากวางเตียงแล้ว ก็วางโต๊ะทำงานเพิ่มได้อีกด้วย

    วัสดุ :  เรื่องวัสดุได้ตามมาตรฐาน สมราคาดี โดยโครงการขายแบบ Fully Fitted ที่ให้ชุดครัวครบพร้อม Hob & Hood แบบดูดกลิ่นออกด้านนอกอาคาร รวมถึง Built in ตู้รองเท้ามาไว้ที่หน้าห้องให้อีกด้วย พื้นในห้องเป็น Synthetic wood ที่ทนน้ำได้ดี ส่วนห้องน้ำได้สุขภัณฑ์ทั้งหมดของ Hafele ส่วนสำหรับ Type B ขึ้นไปจะมีอ่างอาบน้ำยี่ห้อ Lavenz มาให้อีกด้วย รวมถึงตู้เสื้อผ้าได้ตามมาตรฐานเลย นอกจากนี้ยังมี Siamese Technology มาไว้ในห้อง ทำให้น่าอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น  

    สาธารณูปโภค : มีให้มาใช้งานครบที่ชั้น 13 ทั้งสระว่ายน้ำที่มีความยาวประมาณ 20 เมตร สามารถว่ายน้ำจริงจังได้ รวมถึง Facilities อื่นๆ ทั้ง Fitness และ Co-working Space ให้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งให้ตามมาตรฐานคอนโดทั่วไป สำหรับลิฟต์โดยสารมีทั้งหมด 4 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 140 : 1 ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นทีเดียวค่ะ


    สำหรับคนที่ต้องการอยู่อาศัย : โครงการนี้ตอบโจทย์คนที่ต้องการคอนโด High Rise ทำเลติดถนนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์ครบครันภายในโครงการ

    สำหรับคนที่ต้องการลงทุน : เหมาะกับคนที่ต้องการลงทุนโดยการซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบปล่อยเช่า แต่ไม่อยากต้องมานั่งดูแลเองให้เสียเวลา โดยโครงการจะมี Chain ผู้บริหารจากต่างประเทศเข้ามาช่วยดูแล  ซึ่งโครงการนี้จะค่อนข้างตอบโจทย์ทีเดียว ส่วนในเรื่องของผลตอบแทนนี้เราอยากให้ผู้ลงทุนพิจารณาเองว่าค่า Rental Yield ที่เราจะได้รับประมาณนี้เราพอใจไหม


    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 105,000 บาท/ตร.ม., 5 JUNE 2019

    • ทำเล 7.75/10 – ติดถนนพระราม 9 ไปเชื่อมถนนได้หลายเส้นทาง มีความอุดมสมบูรณ์ในตัวครบครัน
    • เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – เข้าออกเมืองได้สะดวก รวมถึงใกล้จุดขึ้นลงด่วนหลายเส้น
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ เรียกรถสาธารณะง่าย อนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีส้มใกล้โครงการ
    • วัสดุ 8/10 – เหมาะสมตามมาตรฐานและการใช้งาน แต่ต้องแต่งห้องเพิ่มเองนะคะ
    • แบบ 8/10 – โครงการแบบ Mixed Use มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จัดวางฟังก์ชันในห้องได้ดี เป็นห้องแบบเพดานสูงทั้งหมด
    • สาธารณูปโภค 7/10 – ให้มาครบตามมาตราฐานทั่วไป น่าใช้งานดี

    • UPPER CLASS
    • 7.81 / 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ Siamese Rama 9 เหมาะกับคนที่มองหาที่คอนโดย่านพระราม 9 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้มในอนาคต โครงการเป็นตึก Mixed-Use ที่มีความอุดมสมบูรณ์ครบครัน ส่วน Tower C จะเน้นอยู่อาศัยเองเป็นหลัก รูปแบบห้องพักอาศัยจะเป็นแบบเพดานสูงทั้งหมด มาพร้อมวัสดุที่ดี + Siamese Technology ที่ทำให้การอยู่อาศัยดีขึ้น โดยต้องมีงบประมาณเริ่มต้น 2.9x บาท