รีวิวฉบับที่ 2020 … ถ้าใครยังจำกันได้ เมื่อปีก่อนโครงการ The Rich เอกมัย จาก Richy Place เปิดตัวกันมาแล้ว แต่ปัจจุบัน โครงการนี้มีการปรับปรุงรูปแบบโครงการใหม่ เช่นจำนวนชั้นที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงรูปแบบห้องที่มีห้อง Loft เพิ่มเข้ามาในโครงการด้วย ในขณะที่ราคายังไม่หนีไปจากเดิมมาก เริ่มต้นที่ 4.79 ล้านบาท ดังนั้นสำหรับโครงการนี้เราจึงขอทำรีวิวกันอีกสักรอบ เพื่ออัพเดทรูปแบบโครงการกันทั้งหมดอีกครั้งนะคะ 

ข้อมูลโครงการ

25 December 2019

  • The Rich Ekkamai ( เดอะ ริช เอกมัย)
  • Richy Place Ekkamai Co,Ltd.
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนเอกมัย (สุขุมวิท63) คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา
  • ที่ดินประมาณ 1-3-67 ไร่
  • คอนโด High Rise 45 ชั้น 1 อาคาร 492 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 15 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ n/a คัน คิดเป็น 45% (Automated)
  • เริ่มก่อสร้าง :  n/a
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4 2022
  • MONO

  • 1 Bedroom 28 – 32 sq.m.
  • 1 Bedroom Plus 34 – 36 sq.m.
  • 2 Bedroom 51 – 60 sq.m.

  • Loft (นับตร.ม.เฉพาะชั้นล่าง)
    • 1 Bedroom Plus 28-37 sq.m.
    • 2 Bedroom Plus 51 – 60 sq.m.

  • ฝ้าเพดานสูง 2.70 – 2.80 เมตร (MONO) และ 4.40 เมตร (LOFT)
  • ราคาห้องเริ่มต้น 4.79 ล้านบาท (ห้อง 1 Bedroom 28.7 ตร.ม.) / หรือตร.ม.ละ 166,898 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 180,000 บาท/ตร.ม.
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ 16x,xxx – 2xx,xxx บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • ว็บไซต์โครงการ : https://therich-ekkamai.com
  • Call Center : 1343 #8
  • ทำเลที่ตั้ง

    พิกัด Google Maps : 13.727676, 100.585662
    หรือสามารถ :  คลิกที่นี่ 

    แผนที่จากทางโครงการค่ะ The Rich เอกมัย ถือว่าอยู่ในทำเลเอกมัยตำแหน่งที่น่าสนใจเลย เพราะอยู่ข้างกับ Big-C เอกมัย ซึ่งเรามองว่าเป็นตำแหน่งที่ยังใช้งานรถไฟฟ้าสะดวกนะคะ ทางโครงการจะมี Shuttle Service ให้บริการรับ – ส่งที่สถานีเอกมัยด้วย วันไหนที่รถติด ก็ยังพอเดินไปหรือกลับรถไฟฟ้าเอกมัยได้อยู่ (ผู้เขียนเดินเป็นประจำเลยค่ะ เพราะช่วงเวลาเช้าหรือเย็นแม้จะมีรถสองแถวหรือวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้บริการ แต่ว่าคิวยาวเหยียดเลยนะ) และยังเป็นตำแหน่งที่ใกล้กับ Big-C เอกมัยที่ถือว่าเป็นหนึ่งใน Hypermarket ที่เหมาะกับผู้อยู่อาศัยย่านเอกมัย ทองหล่อมาใช้งานเป็นประจำ มี Starbucks ใกล้ๆกัน มี Healthland และมีเวิ้งโบราณที่มีทั้งคาเฟ่ และร้านนั่งชิวยามดึก ใกล้ดองกี้ที่เพิ่งเปิดด้วย ถือว่าทำเลใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกแบบเดินสบายเลยนะคะ ส่วนถ้าใครขับรถก็ถือว่าสะดวกเช่นกัน เพราะตรง Big-C นี้จะเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถใช้ถนนเอกมัยทั้งขาเข้าและขาออกได้สบาย ไม่ต้องเสียเวลาหาจุดกลับรถที่ไหนเลย (ถ้าใครใช้ถนนเอกมัยบ่อยๆจะรู้เลยว่าถึงแม้ซอยนี้จะเลี้ยวซ้ายขวาเข้าซอยต่างๆได้ง่าย แต่จุดกลับรถไม่ได้มีเยอะเลยค่ะ แถมรถติดทั้งขาเข้าและขาออกด้วย ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดีของทำเลโครงการ The Rich เอกมัย อีกข้อนะคะ)

    ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมของทำเล ในรีวิวเก่าเราทำเอาไว้ค่อนข้างละเอียดเลย ลองกลับไปอ่านต่อได้ที่ > ทำเล The Rich เอกมัย

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • Big C เอกมัย ~ 50 เมตร
    • Health Land ~ 180 เมตร
    • DONKI Mall Thonglor ~ 450 เมตร
    • อาคารสำนักงานสรชัย ~ 450 เมตร
    • Arena 10 ~ 700 เมตร
    • Major Cineplex เอกมัย ~ 1.0 กิโลเมตร
    • Seenspace ~ 1.1 กิโลเมตร
    • Gateway เอกมัย ~ 1.1 กิโลเมตร
    • J Avenue ~ 1.2 กิโลเมตร
    • Park Lane ~ 1.2 กิโลเมตร
    • Ekkamai International School ~ 1.2 กิโลเมตร
    • The Commons ~1.3 กิโลเมตร
    • อาคารสำนักงาน S.S.P. Tower ~ 1.3 กิโลเมตร
    • โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ~ 1.6 กิโลเมตร
    • ตลาดเอกมัย ~ 1.6 กิโลเมตร
    • Charn Issara Tower 2 ~ 2.0 กิโลเมตร

    รายละเอียดโครงการ

    มาดูที่ตัวโครงการกันบ้างค่ะ The Rich เอกมัย เป็นคอนโด High Rise สูง 45 ชั้น 492 ยูนิต  มีแบบห้องทั้งห้องที่มีความสูงระดับปกติ และห้องแบบฝ้าเพดานสูง (LOFT) มีทางเข้า-ออกโครงการติดกับถนนเอกมัยเลย ตัวอาคารจะมีอยู่ 1 อาคาร ออกแบบด้วย Atom เป็นบริษัทสถาปนิกที่มีผลงานออกแบบอาคารสูงที่เป็นคอนโดมิเนียมหลายโปรเจคแล้วค่ะ โดยโครงการนี้จะตั้งอยู่บนที่ดินขนาดเกือบๆ 2 ไร่ โดยที่ตัวอาคารจะถูก Set เข้าไปห่างจากถนน ทำให้พื้นที่ตัวอาคารได้ความเป็นส่วนตัวพอสมควรเลยค่ะ (รถและคนที่ผ่านไป-มาบนถนนเอกมัยจะไม่สามารถมองเข้าไปเห็นภายในอาคารได้)

    โครงการนี้มีแนวความคิดในการออกแบบคือ “Intensify Your Passion” โดยต้องการสร้างพื้นที่ที่ผู้อยู่อาศัยสามารถอยู่อาศัยและทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเต็มที่กับสิ่งที่มี Passion หรือ สิ่งที่หลงใหลนั่นเองค่ะ ซึ่งภายในโครงการจะออกแบบพื้นที่ส่วนกลางมาให้หลากหลายและมีหลายชั้น

    มาดูการแบ่งพื้นที่การใช้งานของอาคารกันนะคะ
    ชั้น 1 : พื้นที่ส่วนกลาง
    ชั้น 2-9 : ที่จอดรถระบบ Automated Parking จอดได้ 45%
    ชั้น 10-43 : ห้องพักอาศัย (ชั้น 26-30 เป็นห้องแบบ Loft)
    ชั้น 44-45 : พื้นที่ส่วนกลาง
    ชั้นดาดฟ้า : พื้นที่ส่วนกลาง
    โดยแต่ละชั้นจะเป็นอย่างไรบ้างไปดูพร้อมกันดีกว่า

    มาดูโมเดลและ Perspective กันค่ะ ตัวอาคารจะอยู่ถอยเข้าไปจากถนนเอกมัยพอสมควร แต่ทางเข้า-ออกจะติดกับถนนเอกมัยนะคะ โดยที่ด้านหน้าของอาคารจะถูกจัดเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เลย

    เท่าที่สังเกตดู เราจะเห็นได้ว่าโครงการ The Rich เอกมัย จัดพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสวนหรือพื้นที่สีเขียวไว้ค่อนข้างเยอะเลย ทั้งชั้น 1 , ชั้น 10 (ด้านหน้าและด้านหลังอาคาร) , ชั้น 36 และ Rooftop

    ที่ชั้น 1 จะมีพื้นที่ Lobby อยู่ค่ะ เป็นส่วนต้อนรับที่ดูโอ่อ่าอยู่ค่ะ มีการจัดมุมโซฟานั่งเล่นได้หลายที่นั่ง และมีการเลือกใช้เส้นสายโค้งมาเป็น Patten ของลายพื้นและไฟที่ฝ้าเพดาน สร้าง Movement ให้กับพื้นที่ส่วนนี้

    ส่วนที่จอดรถจะอยู่ที่ชั้น 2 – 9 การออกแบบพื้นที่ส่วนนี้เรายังไม่แน่ใจว่าใช้เป็นวัสดุอะไรนะคะ ดูแล้วจะเป็นผนังทึบ เนื่องจากเป็นที่จอดรถระบบ Automated Parking ด้วย อาจจะไม่ต้องคำนึงเรื่องแสงและการระบายอากาศเหมือนที่จอดรถระบบปกติค่ะ แต่การออกแบบที่ดูก็จะเน้นเส้นสายพันรอบอาคาร เล่นกับ Pattern ที่ห่างและถี่สลับกัน ให้ความรู้สึก Active ได้อยู่นะคะ เข้ากับ Concept โครงการ

    โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ยกเอาพื้นที่ส่วนกลางหลักไว้ที่ชั้นดาดฟ้า ซึ่งมีข้อดีในเรื่องมุมมองหรือวิวที่ดีที่สุดของอาคาร จะเป็นพื้นที่ที่ผู้อยู่อาศัยทุกคนสามารถขึ้นมาใช้งานได้ค่ะ

    เริ่มที่ชั้น 44 จะเป็นชั้นที่มีฟังก์ชันทั้ง Indoor และ Outdoor นะคะ โดยส่วนที่เป็น Indoor หรืออยู่ในอาคารก็จะมีบางพื้นที่ที่ได้ฝ้าเพดานสูง เป็นพื้นที่แบบ Double Volume เช่น ส่วนนี้ที่เราเห็น จะเป็น Kid’s Playzone หรือพื้นที่เล่นของเด็กค่ะ ความสูงที่เห็นก็ทำให้จากพื้นที่ภายใน สามารถมองออกไปเห็นพื้นที่สระว่ายน้ำด้านนอกได้ และเห็นวิวเมืองได้แบบเต็มตา สำหรับห้อง Kid’s Playzone มีจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ จากรูปเราเห็นผนังด้านหนึ่งจะบุวัสดุที่เหมือนนวม ลดการกระแทกเวลาเด็กวิ่งเล่นนั่นเอง หวังว่าของจริงจะทำแบบนี้นะคะ

    ส่วนต่อมาคือ Active Fitness หรือห้องฟิตเนสที่สามารถเล่นไปด้วย ชมวิวรอบๆได้ด้วยค่ะ จากรูปน่าจะให้เครื่องเล่นมาหลากหลายแบบอยู่นะคะ ทั้งบอลบีบ เครื่องเล่นต่างๆ รวมไปถึงดัมเบล

    ห้องต่อมาจะเรียกว่า Active Sphere ภายในห้องนี้จะมีเครื่องปั่นจักรยานอยู่ แต่ด้วยคำว่า Sphere เดาว่าหมายถึงสิ่งแวดล้อมหรือบรรยากาศ ห้องนี้จึงสามารถเปลี่ยนแสงภายในห้องได้ เพื่อให้ได้อารมณ์ออกกำลังกายที่แตกต่างออกไปค่ะ (เหมือนคลาสปั่นจักรยานที่ฮิตๆกัน Studio เหล่านี้จะสร้างบรรยากาศในห้องเหมือนเป็นผับเลยค่ะ เปิดเพลงดังๆทำให้คนที่มาออกกำลังกายตื่นตัว สนุก และไม่อายเวลาออกท่าทางไปด้วยขณะปั่นจักรยาน)

    ส่วนต่อมาจะเป็นห้อง Double Volume Lobby ส่วนนี้ที่เราบอกไปว่าเหมือนเป็น Passive Space ที่เราสามารถนั่งเล่น ผ่อนคลาย เติมพลังงานได้กับบรรยากาศที่ดูสบายมากขึ้นค่ะ ภายในห้องนี้สามารถมองออกไปเห็นวิวสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนอกได้ด้วย และมีบันไดที่สามารถเดินขึ้นไปใช้งานห้อง Co-working Space ที่อยู่ชั้น 45 ได้เช่นกัน

    มี Perspective ที่ทำออกมาเหมือนถ่ายรูปแบบ Panorama 360 องศา มาให้ดูประกอบอีกรูปค่ะ ส่วนนี้ยังคงเล่นกับเส้นสายโค้ง เป็น Movement บนฝ้าเพดานอยู่ ในขณะที่พื้นจะเป็นสีเรียบๆ ดูนิ่งขึ้น

    ด้านหลังของ Lobby จะมีห้อง Game zone อยู่ซ้ายมือ และห้อง Ambient Lounge อยู่ทางขวามือ สองห้องนี้จะมีความสูงของห้องในระดับปกติ พื้นที่เลยดูปิดล้อม รู้สึกส่วนตัวมากขึ้น

    ที่ชั้น 44 แน่นอนว่าเราเห็นพื้นที่ส่วนกลางหลากหลายมากนะคะ ดังนั้นที่ชั้นนี้จึงมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงไว้ให้ด้วย และภายในห้องน้ำก็จะมี Locker เอาไว้ให้เก็บสัมภาระ มีห้องสุขา ห้องอาบน้ำไว้ให้บริการพร้อม แถม…ชมวิวได้ด้วยนะ

    ขึ้นมาที่ชั้น 45 จะมีห้อง Co-Working Space ที่ต่อเนื่องไปกับ Co-kitchen & Dining พื้นที่ชั้นนี้จะมีขนาดเล็กลง ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สามารถนัดเพื่อนมาทำงานกลุ่มหรือประชุมได้นะคะ

    ส่วนที่เป็น Co-kitchen & Dining ก็จะมีเคาน์เตอร์สำหรับทำอาหารไว้ให้ มีเตาอบ ตู้เย็นและอุปกรณ์ครัวต่างๆให้มาพร้อมนะคะ(เดาจากรูป) และมีที่นั่งทานอาหารไว้ให้ด้วย

    อีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่าสนใจของโครงการนี้คือ Private Onsen ค่ะ ใครที่ชอบแช่ออนเซนอยู่แล้ว อาจจะดีใจมากขึ้น เพราะเป็นออนเซนที่ได้แช่ไปชม City View ไปด้วย

    เหตุผลหนึ่งที่มีฟังก์ชันนี้คงเป็นเพราะย่านทองหล่อ-เอกมัยเป็นอีกโซนที่มีชาวญี่ปุ่นที่เป็น EXPAT (มาทำงานที่ประเทศไทย) อาศัยกันอยู่เยอะด้วย โครงการที่สร้างในโซนนี้จึงเห็นการออกแบบแนว Japanese Style บ่อยๆค่ะ

    ชั้นดาดฟ้าหรือ Rooftop จะเป็นพื้นที่สวนอีกชั้นค่ะ มีพื้นที่นั่งเล่นและ Sky Jogging ให้มาเดินเล่น ออกกำลังกาย และชมวิวได้ด้วย

    ผังชั้นที่ 1 : ทางเข้า-ออกโครงการจะมีอยู่ทางเดียว ติดกับถนนสุขุมวิท 63 หรือซอยเอกมัยค่ะ จากทางเข้าโครงการมายังตัวอาคารจะมีพื้นที่สวนขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง ตรงนี้เป็นการช่วยกรองฝุ่น ควันจากถนนใหญ่ และเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากความวุ่นวายภายนอก เข้ามายังภายในโครงการที่ร่มรื่นและสงบมากขึ้นไปในตัว โดยทางเดินรถจะเป็นแบบ one-way รอบอาคาร แต่สามารถวนมา Drop-off ผู้โดยสารที่หน้าอาคารได้นะคะ ซึ่งระบบการจอดรถของที่นี่จะเป็นแบบ Automated Parking หรือระบบอัตโนมัติค่ะ ซึ่งจะมีให้อยู่ 2 Lots เข้าจอดด้านหน้า ออกด้านหลังอาคารเลย ส่วนภายในอาคารจะมีฟังก์ชันที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางอยู่คือ Lobby , Smart Locker & Mail Room และมีพื้นที่สำหรับร้านค้าอยู่ด้วยค่ะ แต่วันที่ไปโครงการยังไม่ระบุว่าจะเป็นร้านอะไรหรือให้บริการประเภทไหนนะคะ?

    ชั้นพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 10 ค่ะ โดยที่ชั้นนี้จะมีสวนเล็กๆอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของอาคาร ผู้ที่อยู่อาศัยที่ชั้นนี้ ก็จะได้ข้อดีที่เดินมาใช้งานสวนได้ง่าย และบางห้องก็จะได้วิวเป็นพื้นที่สีเขียวไปเลยด้วยค่ะ

    ต่อที่ชั้น 11 – 25 จะเป็น Typical Floor ค่ะ โดยอาคารนี้จะมีลิฟต์โดยสารหลักอยู่ 3 ตัว ทำให้อัตราส่วนการใช้งานลิฟต์จะอยู่ที่ 164 : 1 ถือว่าหนาแน่นอยู่นะคะ อาจรอนานได้ในช่วงที่คนใช้งานพร้อมกันเยอะๆ ส่วนจำนวนห้องพักอาศัยจะอยู่ที่ 15 ยูนิตต่อชั้น ไม่มากไม่น้อยค่ะ แต่สิ่งที่แปลกตาของแปลนห้องพักโครงการนี้คือทางเดินหน้าห้องพักค่ะ โดยปกติเราจะเห็นหน้าห้องพักเป็นทางเดินยาวๆ มีห้องอยู่ด้านหนึ่งหรือสองด้านของทางเดิน แต่โครงการนี้ทางเดินจะมีแกนหลักยาวๆอยู่หนึ่งทางหน้าโถงลิฟต์ และมีทางเดินย่อยที่เหมือนซอยย่อยอยู่ค่ะ ซึ่งห้องที่อยู่ตรงกับโถงลิฟต์เลยอาจจะรู้สึกวุ่นวายมากหน่อย เพราะสามารถมีคนเดินผ่าน / ยืนรอ / พูดคุยกันหน้าประตูห้องนอนของเราได้ตลอดเวลาเลย แต่ก็จะได้ความสะดวกคือระยะการเดินที่ใกล้ลิฟต์มากที่สุดด้วย ส่วนห้องที่อยู่ตำแหน่งซอยย่อยก็จะได้ข้อดีที่ได้ความเป็นส่วนตัว แต่ก็อาจจะมีข้อเสียเช่นความสว่างบริเวณทางเดินหน้าห้อง เผื่อวันไหนไฟทางเดินหน้าห้องดับก็อาจจะมืดไปเลยได้นะคะ เพราะเป็นทางเดินตันอยู่กลางอาคาร มีจุดระบายอากาศอยู่จุดเดียวคือปลายทางเดินตรงทิศใต้ ที่พอให้แสงสว่างและระบายอากาศบริเวณทางเดินได้บ้างค่ะ

    ส่วนการจัดวางรูปแบบห้องพัก ห้องแบบ 2 Bedroom จะถูกวางอยู่ที่ตำแหน่งมุมอาคาร ส่วนห้อง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus จะอยู่ที่กลางอาคารค่ะ ที่สังเกตได้อีกอย่างคือห้องพักอาศัยของที่นี่จะได้ห้องหน้ากว้างหมดเลย คือจะมีฟังก์ชันอย่างน้อย 2 ฟังก์ชันที่มีหน้าต่างและช่องแสง ทำให้ภายในห้องดูสว่างและโปร่งมากขึ้นค่ะ

    ที่ชั้น 26-30 จะเป็นชั้นสำหรับห้องพักแบบ Loft โดยจะมีผังห้องเหมือนกันกับชั้นปกติเลย แต่จะมีความสูงของชั้นอยู่ที่ 4.4 เมตร ทำให้ภายในห้องที่มีฝ้าเพดานสูง สามารถมีชั้นลอยเพิ่มขึ้นได้ โดยในแต่ละห้องจะได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นประมาณ 10 ตร.ม.ค่ะ

    ที่ชั้น 31-35 จะเป็นชั้น Typical Floor เช่นกัน โดยจะมีรูปแบบผังเหมือนกับชั้น 11-25 เลย แต่ว่าจะมีความสูงของชั้นจาก 2.7 เมตรเป็น 2.8 เมตรค่ะ

    ที่ชั้น 36 จะเป็นชั้นที่มีความพิเศษอยู่คือจำนวนห้องพักจะเริ่มลดลงเหลือ 13 ยูนิตต่อชั้น และจะมีสวนที่เรียกว่า Sky Garden อยู่ที่ชั้นนี้ด้วย โดยพื้นที่สวนตรงนี้จะเป็นสวนที่ได้ความเป็นส่วนตัวหน่อย ผู้อยู่อาศัยที่ชั้นนี้สามารถมาใช้งานสวนได้สะดวกค่ะ

    Image 1/2
    ชั้น 37-40

    ชั้น 37-40

    ส่วนชั้น 37-43 จะเป็น Typical Floor ที่มีจำนวนห้องพักและการจัดวางเหมือนกันกับชั้น 36 ค่ะ เพียงแต่ไม่มีสวนนั่นเอง

    ชั้นที่ 44 จะเป็นชั้นของพื้นที่ส่วนกลางค่ะ มีขนาดเต็มพื้นที่ทั้งชั้นเลย โดยลูกบ้านทุกคนสามารถใช้งานได้ แปลว่าในแง่ของวิวจากมุมสูง ไม่ว่าจะอยู่ที่ชั้นล่างๆก็จะขึ้นมามองวิวได้รอบอาคารทุกคนเลย ซึ่งฟังก์ชันของพื้นที่ส่วนกลางชั้นนี้จะมีทั้งส่วนที่เป็น Active Space, Passive Space และ Entertaining Space ค่ะ ส่วนที่ Active จะมีให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จะเป็นพื้นที่ออกกำลังกายต่างๆเช่น สระว่ายน้ำ , พื้นที่เล่นของเด็ก , ห้องฟิตเนส ส่วนที่เป็น Passive ก็เช่น Massage Room , Lobby หรือ Ambient Lounge (ส่วนนี้ผู้เขียนเรียกเอง เพราะมองว่าเป็นพื้นที่ที่เราสามารถผ่อนคลายได้ โดยที่เราไม่ต้องขยับร่างกาย เช่น นอนนวด นั่งเล่น เป็นต้น) และพื้นที่ส่วน Entertain เช่น Game Room ที่จัดไว้ให้ที่ชั้นนี้เช่นกัน โดยที่ชั้นนี้จะมีห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ และ Locker ไว้ให้ใช้งานด้วยค่ะ

    ส่วนชั้น 25 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกเช่นกัน โดยจะมีฟังก์ชัน Co-kitchen & Dining, Co-working Space และ Private Onsen ที่ดูจะเป็นพื้นที่ที่สงบขึ้นมาจากชั้นล่างค่ะ

    ส่วนที่ชั้นดาดฟ้าจะถูกจัดเป็นพื้นที่สีเขียวทั้งชั้นเลย มีทั้ง Sky Track ที่ใช้เดินเล่นออกกำลังกายได้ และมีจุดชมวิว ที่มองเข้าไปยัง City View หรือฝั่งทองหล่อได้ด้วยค่ะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • ชั้น 1

    • Cityscape Garden
    • Bicycle Parking & Tire Inflator
    • Kid’s Playground
    • Smart Locker & Mail Room
    • Lobby
    • EV Charging Station
    • Shuttle Service (ไม่มีค่าใช้จ่าย 2 ปีแรก)
    • Shop

  • ชั้น 2 – 9
    • Automated Parking

  • ชั้น 36
    • Sky Garden (Private เข้าได้เฉพาะลูกบ้านที่อาศัยอยู่ชั้นนี้เท่านั้น)

  • ชั้น 44
    • Kid’s Play Zone
    • Active Fitness
    • Active Sphere
    • Massage Room
    • Laundry Room
    • Game Zone
    • Ambient Sky Lounge
    • Double Volume Lobby
    • Sky Terrace
    • Vivid Spectrum Pool (สระว่ายน้ำขนาด 4.5 x 31 เมตร ลึก 1.2 เมตร
    • Jacuzzi
    • Kid’s Pool
    • Sunken Deck
    • Fitness Locker Room

  • ชั้น 45
    • Co-working Space
    • Co-kitchen & Dining
    • Private Onsen
    • Workshop Space

  •  Rooftop
    • Rooftop Garden
    • Observation Deck
    • Sky Track

  • Smart Home
    • กล้องวงจรปิด
    • ระบบเปิด – ปิด แอร์
    • Censor บริเวณประตู และแจ้งเตือนผ่าน Application
    • Censor บริเวณประตู เพื่อเปิด – ปิด ไฟ

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 164 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ n/a คันคิดเป็น 45% (Automated)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card
  • รปภ. 24 ชั่วโมง
  • แบบห้อง

    โครงการ The Rich เอกมัย นี้จะมีห้องทั้งแบบที่เป็นฝ้าเพดานปกติ (เรียกว่าแบบ Mono) และแบบที่เป็นฝ้าเพดานสูง (เรียกว่าแบบ Loft) โดยในรีวิวนี้เราจะพาไปดูห้อง 1 Bedroom Loft กับห้อง 1 Bedroom แบบ Mono นะคะ นอกจากนี้จะมีภาพบรรยากาศห้อง 2 Bedroom มาให้ดูด้วย ขอเริ่มจากห้อง Loft ที่ถือว่าเป็นห้องที่เพิ่มขึ้นมาจากการปรับปรุงแบบโครงการครั้งนี้ค่ะ

    เข้าใจห้องแบบ Loft มากขึ้นผ่านบทความ  LOFT vs DUPLEX ต่างกันอย่างไร

    1 Bedroom Loft

    ห้องแบบ Loft จะอยู่ที่ชั้น 26-30 ค่ะ เป็นห้องที่มีความสูง 4.4 เมตร เลยจะแบ่งครึ่งหนึ่งของห้องเป็นชั้นลอย โดยห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูจะมีพื้นที่ชั้นล่าง 31.3 ตร.ม. และพื้นที่ชั้นลอย 11.87 ตร.ม. รวมแล้วห้องนี้จะมีพื้นที่ใช้สอย 43.17 ตร.ม.ค่ะ

    ฟังก์ชันใช้สอยภายในห้องถือว่ามีพื้นที่ครบทุกฟังก์ชันนะคะ แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารหรือกินอาหารเองที่บ้านเท่าไหร่ เนื่องจากพื้นที่ครัวที่ได้เป็นครัวเปิดด้วย และพื้นที่ส่วนครัวที่เป็นฝ้าเพดานสูง ถ้าทำอาหารที่ควันเยอะๆแบบผัดกระเพรา รับรองว่าควันคลุ้งรอบห้องแน่ และพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารจะไม่ได้เป็นชุดใหญ่ อาจจะวางชิดผนังได้ นั่งกินได้ 1-2 ที่นั่งเท่านั้น โชคดีว่าที่เอกมัยถือเป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีอาหารการกินเพียบ บะหมี่และข้าวต้มหลังเที่ยงคืนก็ไม่เคยขาด ฟังก์ชันแบบนี้เลยเหมาะกับคนที่ชอบกินข้าวนอกบ้านมากกว่านะคะ แต่นอกเหนือจากครัวและพื้นที่กินข้าวแล้ว ภายในห้องถือว่ามีพื้นที่ใช้สอยดีเลย ชั้นล่างสามารถจัดพื้นที่นั่งเล่นได้ และมีห้องกั้นปิดอยู่ด้วย ส่วนชั้นลอยก็มีพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้นอีก และด้วยรูปแบบการขายของที่นี่ที่เป็นแบบ Fully Fitted ทำให้ง่ายต่อการปรับรูปแบบห้องเพื่อการใช้งานนะคะ เช่น อยู่กัน 1-2 คนจะเอาห้องข้างล่างเป็นห้องนอนก็ได้ ตอนกลางคืนจะลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำก็ทำได้ง่าย ส่วนชั้นลอยก็เป็นพื้นที่นั่งทำงาน เก็บข้าวของ หรือดูทีวีแทนก็ได้ พื้นที่ส่วนนั่งเล่นข้างล่างก็อาจจะเป็นโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งสบายๆเลย หรือว่าถ้าครอบครัวไหนสมาชิกเยอะ เช่นพี่น้องอยู่ด้วยกัน 3-4 คน จะทำเป็นห้องนอนทั้งชั้นล่างและชั้นลอยเลยก็ได้ค่ะ ถือว่าเป็นผังห้องที่เหมาะกับคนหลากหลายนะคะ และที่น่าสนใจอีกจุดคือการที่กั้นพื้นที่ใต้บันไดให้เป็นห้องเก็บของจุดนี้เราไม่ค่อยเห็นห้องเก็บของใต้บันไดบ่อยนักในคอนโด ซึ่งถือว่าดีเลยเพราะเป็นพื้นที่เก็บรองเท้า เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆได้ด้วย ภายในห้องก็จะได้ดูเรียบร้อย

    เข้ามาภายดูภายในห้องกันค่ะ โครงการ The Rich เอกมัยห้องที่ขายจะขายเป็นแบบ Fully Fitted นะคะ โดยเมื่อเข้ามาในห้อง เราจะไม่ได้เฟอร์นิเจอร์ตามที่เห็นทั้งหมดนะคะ จะมีวัสดุพื้น ชุดครัว ห้องน้ำ และตู้เสื้อผ้าที่ให้มาเท่านั้นค่ะ ภายในห้องจะมีความสูง 4.40 เมตร เมื่อเข้ามาเราจะเห็นพื้นที่ห้องครึ่งหนึ่งมีความสูงแบบ Double Volume ส่วนอีกครึ่งทางขวามือจะถูกแบ่งเป็น 2 ชั้นค่ะ

    จากประตูห้องเข้ามาจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวทางซ้ายมือและมีบันไดขึ้นไปชั้นลอยอยู่ทางขวามือเลย ตรงนี้จะมีทำชั้นลอยให้ในทุกห้องที่เป็นแบบ Loft

    เคาน์เตอร์ครัวจะยาว 1.5 เมตร มีตู้และอุปกรณ์ครัวต่างๆให้มาเหมือนในรูปเลยค่ะ

    ตู้บนเอาไว้เก็บจานชาม ช้อนส้อมได้ ส่วนไมโครเวฟก็จะมีช่องเก็บให้ที่ตู้ล่าง เตาจะได้เป็นเตาไฟฟ้าพร้อมกับเครื่องดูดควันของ TEKA

    ผนังด้านหลังเคาน์เตอร์หรือ Backsplash จะติดกระจกฝ้ามาให้ เวลาทำอาหารหรือมีคราบเลอะอะไรก็ทำความสะอาดได้ง่าย

    จุดที่น่าสนใจคืออ่างล้างจาน ที่จะมีฝาครอบปิดอ่างเอาไว้ ข้อดีคือนอกจากจะเพิ่มพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารแล้วเวลาเรากองจานชามหรือเเก้วน้ำที่ใช้เเล้วไว้ในอ่างก็เอาฝามาครอบปิด ดูเรียบร้อยขึ้นค่ะ

    ที่เคาน์เตอร์ล่างจะเป็นตู้แบบบานเปิดสวิง และมีลิ้นชักสำหรับเก็บช้อน ส้อม มีด มีถังขยะอยู่ใต้อ่างล้างจาน และมีตะแกรงติดอยู่ที่หน้าบานด้านใน เผื่อเเขวนตากผ้าเช็ดโต๊ะได้ด้วยนะคะ

    ส่วนตู้บนไม่ได้เป็นตู้โล่งธรรมดา แต่จะมีช่องวางจานต่างๆ เช่น ทางซ้ายมือจะมีถาดด้านล่างที่รองน้ำเอาไว้ เวลาเราล้างจานเสร็จก็ตากให้เเห้งได้ น้ำก็หยดมาที่ถาดรอง เราสามารถดึงถาดมาเทน้ำทิ้งได้ ลดปัญหาชั้นวางบวมน้ำได้ด้วยค่ะ ส่วนทางขวามือจะเป็นชั้นวางของที่เราสามารถดึงลงมาได้ สะดวกกับคนที่ความสูงไม่มาก ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น แต่อย่าวางของที่หนักเกินไปนะคะ ครกอะไรแบบนี้ไม่น่าไหว เดี๋ยวฟังก์ชันนี้จะพังเร็วซะเปล่าๆ

    เมื่อสักครู่ที่ดูครัวกันไปเรายังไม่เห็นตู้เย็นเลย เพราะตำแหน่งวางตู้เย็นจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ ข้างๆกับบันไดขึ้นชั้นลอยค่ะ ผนังตรงนี้จะกว้าง 60 ซม.นะ

    ยังไม่ขึ้นชั้น 2 นะคะ ขอเข้ามาดูพื้นที่ส่วนอื่นๆที่ชั้น 1 กันก่อน ถัดจากครัวเข้ามาจะเป็นส่วน Common Area ของห้องค่ะ ความสูงตรงนี้จะเท่าเดิมอยู่นะคะ อยู่ที่ 4.4 เมตร พื้นจะเป็นกระเบื้องยาง ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว ไฟเป็นดาวน์ไลท์ค่ะ

    ตัวห้องจากประตูหน้าถึงประตูระเบียงจะมีความลึกอยู่ 5 เมตรโดยประมาณ แต่ส่วนที่เป็น Common Area จะอยู่ที่ 3.5 x 2.25 เมตร ตรงนี้จะได้รับแสงสว่างเยอะอยู่นะคะจากผนังส่วนระเบียงที่เป็นกระจกสูงขึ้นไปตามความสูงของห้อง

    อันที่จริงแล้วเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์และจัดวางได้หลากหลายแบบนะคะ แต่ห้องตัวอย่างให้เป็นไอเดียมา เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเน้นเรื่องการทำอาหารและกินอาหารเท่าไหร่ โต๊ะกินข้าวก็เลยเลือกแบบกะทัดรัด 2 ที่นั่ง วางไว้ชิดผนังข้างเคาน์เตอร์ครัวแบบนี้

    ส่วนขนาดโซฟาที่เหมาะสม ควรเลือกที่ไม่เกิน 2 เมตรนะคะ ส่วนขนาดทีวี ซื้อแบบ 40 นิ้วกำลังดี

    ติดกันจะป็นพื้นที่ระเบียงห้องค่ะ ส่วนนี้จะมีประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนกั้นอยู่ ช่องเปิดตรงนี้จะไม่กว้างเต็มหน้ากว้างของห้อง แต่จะเน้นสูงเเทน

    ระเบียงนี้จะเป็นตำแหน่งสำหรับวาง Condensing Unit ของแอร์และเครื่องซักผ้าค่ะ โดยระเบียงในห้องตัวอย่างดูแล้วไม่น่าจะวางเครื่องซักผ้าได้ แต่ทางเซลล์บอกมาว่าในห้องจริงจะกว้างกว่านี้และวางเครื่องซักผ้าได้จ้ะ

    มาดูอีกฝั่งของชั้นล่างกันบ้างค่ะ ซ้ายมือจะกั้นเป็นห้องไว้ให้ ตรงไปจะเป็นห้องน้ำค่ะ ส่วนขวามือจะเป็นห้องเก็บของใต้บันได (ส่วนที่เป็นห้องน้ำของห้องนี้จะไม่มีให้ดูนะคะ เนื่องจากข้อจำกัดทางโครงสร้างของ Sale Gallery ดังนั้นถ้าใครอยากเห็นว่าห้องน้ำจะเป็นแบบไหนลองเลื่อนไปดูจากรีวิวห้องถัดไปได้ค่ะ วัสดุ ดีไซน์ และสุขภัณฑ์จะเหมือนกัน)

    อีกจุดที่ชอบของห้อง Type นี้คือห้องเก็บของใต้บันได เรามองว่าตรงนี้จะกลายเป็นตำแหน่งให้เราเก็บรองเท้า อุปกรณ์ทำความสะอาด หรือกระเป๋าเดินทางได้ด้วยนะคะ

    ส่วนห้องที่กั้นไว้ให้จะถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก เลื่อนมาเข้ามุมเป็นห้องปิดได้ หรือจะเปิดเพื่อเชื่อมพื้นที่ให้ต่อเนื่องกันก็ได้ค่ะ

    ห้องนี้จะมีขนาด 2.9 x 2.4 เมตร สามารถทำเป็นห้องนอนได้ค่ะ วางเตียง Queen size สบายเลย

    ห้องนี้จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้มาพร้อมกับช่องแสงกว้างเกือบเต็มความกว้างของห้องค่ะ

    ส่วนตัวเราชอบห้องนอนที่สูงไม่มากนะคะ พื้นที่ดูโอบล้อมให้ความรู้สึกปลอดภัยดีค่ะ ใครที่ลุกขึ้นมากลางดึกเข้าห้องน้ำบ่อยๆเลือกอยู่ที่ห้องนี้ก็ดีเลยค่ะ

    ขึ้นไปดูที่ชั้นลอยกันบ้างค่ะ ตำแหน่งของบันไดจะอยู่ติดกับประตูทางเข้าอย่างที่บอกไปนะคะ ด้วยความที่เป็นห้อง Loft ชั้นลอยตามกฏหมายแล้วจะถือว่าเป็นโครงสร้างชั่วคราว ดังนั้นลูกตั้งและลูกนอนของบันไดจึงอาจไม่ใช่ขนาดที่เดินสบายค่ะ แต่ของที่นี่ลูกตั้งอาจจะดูสูงไปหน่อย แต่ลูกนอนถือว่ากว้างเดินได้ไม่ลำบากนะคะ บันไดนี้ก็มีติดตั้งราวกันตกมาให้ด้วยเป็นเหล็กและกระจกค่ะ ทำให้บันไดดูโปร่ง

    จากชั้นบนมองลงมาจะเจอกับพื้นที่ที่เป็น Common Area ของห้องแบบนี้ค่ะ

    ที่ชั้นลอยจะได้ราวกันตกที่ต่อเนื่องมาจากบันไดนะคะ ดังนั้นพื้นที่ชั้นนี้กับพื้นที่ Common Area ที่ชั้น 1 จะเชื่อมต่อกัน ถ้าเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ดังนั้นตรงพื้นที่นั่งเล่นที่เป็นห้อง Loft จะติดตั้งแอร์ที่มีขนาด 24,000 BTU ไว้ให้ เพราะ Volume หรือพื้นที่ที่แอร์ตัวนี้จะผลิตความเย็นมีมากกว่าห้องปกตินั่นเองค่ะ

    พื้นที่ชั้น 2 นี้จะมีขนาด 3.6×2.4 เมตรค่ะ สามารถวางเตียงใหญ่ได้เหมือนกัน หรือจะทำเป็นห้องทำงานก็ได้นะคะ ดูเป็นพื้นที่เข้ามุมได้ความสงบดีค่ะ ตรงนี้จะมีหน้าต่างเล็กๆไว้ให้ด้วย เป็นแสงสว่างเล็กๆและเอาไว้ระบายอากาศค่ะ

    ถึงแม้ว่ารูปแบบการขายของที่นี่จะเป็นแบบ Fully Fitted แต่ว่าทุกห้องนอนของทุกแบบห้องจะมี Built-in ตู้เสื้อผ้าให้มาด้วยนะคะ ต่างกันเล็กน้อยในแต่ละรูปแบบและขนาดของห้องโดยวัสดุที่ให้จะโทนเดียวกันกับชุดครัวนะ ใช้หน้าบานเป็นกระจกสีชาเหมือนกันค่ะ

    1 Bedroom Plus

    และห้องตัวอย่างอีกห้องที่จะพาไปดูคือห้อง 1 Bedroom Plus ขนาดประมาณ 34 ตร.ม.ค่ะ ห้องนี้จะได้เป็นห้องหน้ากว้าง และมีห้องนอนที่เป็นห้องนอนปิดแยกเป็นสัดส่วน สมมุติว่าอยู่กัน 2 คน คนหนึ่งนอน อีกคนดูทีวีก็ไม่รบกวนกันด้วยค่ะ ส่วนครัวที่ให้มาจะเป็นครัวเปิดเหมือนเดิม แต่ก็สามารถติดตั้งประตูบานเลื่อนกั้นให้เป็นครัวปิดได้นะคะแบบนี้ แต่อาจจะเสียพื้นที่นั่งกินข้าวไปหน่อย ซึ่งทางเลือกคือการนั่งกินบนโซฟา หรือนำห้องอเนกประสงค์ที่เพิ่มขึ้นมาเป็นห้องกินข้าวแทน มาดูที่ห้องอเนกประสงค์กันสักนิด ห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่และรูปร่างของห้องที่เป็นสี่เหลี่ยมคางหมู ทำให้ไม่เหมาะกับการเป็นห้องนอนเท่าไหร่นัก คือวางเตียงไปก็เต็มห้องแล้ว แต่ว่าถ้าใครอยากได้พื้นที่ทำงานเล็กๆ มุมนี้ก็พอทำเป็นห้องทำงานหรือห้องอ่านหนังสือได้นะคะ

    สำหรับห้อง 1 Bedroom Plus นี้วัสดุต่างๆภายในห้องยังคงเหมือนเดิมค่ะ พื้นเป็นกระเบื้องยาง ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีและติดไฟดาวน์ไลท์ แต่ความสูงภายในห้องที่เป็นแบบ MONO ชั้น 10 -25 จะสูง 2.7 เมตร แต่ชั้น 31 – 43 จะสูง 2.8 เมตรค่ะ

    ตำแหน่งของฟังก์ชันต่างๆภายในห้องจะคล้ายกันกับแบบที่แล้วนะคะ  คือเข้ามาจะเจอกับครัวก่อนเลย ที่ต่อเนื่องไปกับ Common Area แต่จะมีความแตกต่างที่ตำแหน่งระเบียงจะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่ Plus หรือเพิ่มเข้ามาค่ะ

    มองย้อนออกไปทางประตูห้องจะมีพื้นที่ผนังอยู่นะคะ สามารถวางตู้เย็นและชั้นวางของ เอาไว้เก็บของหรือวางรองเท้าได้ ผนังตรงนี้จะกว้าง 1.35 เมตร

    มาดูครัวกันค่ะ เคาน์เตอร์ครัวจะเหมือนกันกับห้องที่แล้วทุกประการ กว้าง 1.50 เมตร

    เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานของ TEKA มีฝาปิดอ่างด้วย ได้ Back Splash เป็นกระจกฝ้า ท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินเทียม

    ตู้ล่างมีที่วางช้อน ส้อม ถึงขยะ ไมโครเวฟและพื้นที่เก็บของ

    ตู้บนจะมีชั้นวางจานพร้อมถาดรองน้ำ

    และมีชั้นวางของแบบที่ดึงลงมาได้ ใช้งานหยิบเก็บข้าวของเครื่องใช้สะดวก

    ส่วนที่เป็น Common Area จะมีขนาด 2.9 x 2.5 เมตร

    วางชุดโต๊ะกินข้าวขนาด 2 ที่นั่งเข้ามุมแบบนี้ได้

    ระยะดูทีวีประมาณ 2 – 2.2 เมตร เลือกทีวี 40-44 นิ้วได้พอดี

    ระหว่างพื้นที่นั่งเล่นที่เป็น Common Area กับห้องอเนกประสงค์จะแยกออกจากกันด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน ทำให้แสงสว่างจากภายนอกอาคารยังสามารถส่องเข้ามาถึงตัวห้องด้านในได้ และสามารถเปิดประตูระบายอากาศได้อยู่ค่ะ

    ห้องอเนกประสงค์มีขนาด 2.25 x 1.5 เมตรโดยประมาณ หน้าต่างกว้างเกือบสุดหน้ากว้างของห้อง ช่องแสงได้ขนาดใหญ่

    พื้นที่ตรงนี้สามารถจัดเป็นมุมทำงานหรือหาโซฟาจัดเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือเล็กๆได้ แต่ถ้าจะวางเตียง ลำพังเตียงขนาด 3.5 ฟุตวางลงไปก็เต็มห้องแล้วนะคะ

    อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะเป็นตำแหน่งของห้องนอนและห้องน้ำค่ะ

    ห้องนอนนี้เป็นห้องนอนปิด คือมีผนังทึบทำให้ภายในห้องนอนเป็นสัดส่วนค่ะ

    ภายในห้องนอนจะกว้าง 3.4 x 2.8 เมตร วางเตียง King Size ได้เลยนะ

    แต่ในห้องตัวอย่างจะเลือกวางเตียง Queen size เอาไว้ให้ ทำให้เหลือทางเดินรอบๆเตียงเดินสบาย ด้านข้างของเตียงเหลือฝั่งละ 70 ซม. และปลายเตียงเหลือ 80 ซม. ดังนั้นปลายเตียงอาจวางชั้นวางของเล็กๆ 20-30 ซม.ได้ หรือเลือกติดตั้งเป็นชั้นแบบแขวนผนังก็ได้ค่ะ

    ที่ห้องนี้จะมีระเบียงภายในห้องนอนนะคะ ตัวระเบียงจะเชื่อมกับภายในห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอน

    ตัวระเบียงจะมีราวกันตกแนวตั้งและระแนงบังแดด และบังตำแหน่งเครื่องซักผ้ากับ Condensing Unit เอาไว้ให้ ขนาดระเบียงจะอยู่ที่ 3.2 เมตร และความกว้างจะเฉลี่ยประมาณ 1 เมตรค่ะ (รูปร่างระเบียงจะเฉียงนะคะ)

    และภายในห้องนอนจะมีตู้เสื้อผ้าที่ Built-in มาให้พร้อมกับห้องเลย

    ตัวตู้ก็จะเป็นบานเลื่อน หน้าบานเป็นกระจกสีชา และมีชั้นวางของข้างๆให้มา

    ภายในห้องนอนจะให้แอร์มา 1 ตัวนะคะ

    มาดูที่ห้องน้ำกันค่ะ ตัวห้องน้ำจะแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งมาให้ ให้ตัวสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำมาโอเคเลย พื้นและผนังจะกรุกระเบื้องมาให้ค่ะ

    พื้นที่ส่วนแห้งจะอยู่ที่ 1.5 x 1.45 เมตร

    มีกระจกเงากว้างเต็มความกว้างของพื้นที่ส่วนนี้เลย ได้อ่างล้างหน้าของ Charmer มี Built-in ตู้วางของใต้อ่างและมีขอบอ่างที่สามารถวางข้าวของเครื่องใช้ได้ ส่วนโถสุขภัณฑ์จะให้แบบระบบอัตโนมัติของ KASCH

    ห้องอาบน้ำ หรือที่เราเรียกว่าพื้นที่ส่วนเปียกจะได้มาทั้งฝักบัวอาบน้ำและ Rain Shower ของ Hafele

    มีฉากกั้นกระจกให้มา และมีพื้นที่ภายในห้องอาบน้ำที่ 90 x 95 ซม. ถือว่าเป็นระยะที่ยืนหมุนตัวสะดวกอยู่นะคะ แต่ตอนเปิดปิดอาจจะต้องยืนหลบมุมมากหน่อย

    ดีไซน์ฝักบัวก็ดูจับพอดีมือค่ะ
    ** รุ่นและยี่ห้อของสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำยังไม่คอนเฟิร์มนะคะ เป็นรุ่นและยี่ห้อที่ใช้ในห้องตัวอย่างเท่านั้น

    2 Bedroom

    อีกหนึ่งห้องตัวอย่างที่ไปดูมาจะเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาดประมาณ 58 ตร.ม. ถือว่าเป็นห้องที่จัดออกมาดีอีกห้องหนึ่งเลยค่ะ สิ่งที่ชอบคือทุกพื้นที่แยกออกจากกันเป็นสัดส่วน ห้องเป็นห้องหน้ากว้างทำให้ฟังก์ชันอย่างห้องนอน ห้องนั่งเล่นอยู่ชิดหน้าต่างได้แสงสว่างด้วย ห้องนี้จะได้เป็นครัวปิด ห้องนอนทั้ง 2 ห้องมีพื้นที่ภายในขนาดพอๆกัน คือวางเตียงแบบ Queen Size ได้ด้วย เพียงแต่ห้องที่เป็น Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว เป็นแบบ Sexy Bath มีอ่างอาบน้ำและผนังกระจก และก็มีพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk-in Closet เล็กๆหน้าห้องน้ำค่ะ ห้องแบบนี้สามารถอยู่อาศัยได้ 3-4 คนสบาย หรือจะอยู่ 2 คนก็จะได้พื้นที่ใช้สอยทำกิจกรรมอื่นๆมากขึ้นด้วยค่ะ สำหรับห้องนี้เรามีบรรยากาศภายในห้องคร่าวๆมาให้ดูนะคะ คลิกเลื่อนที่รูปเพื่อดูรูปอื่นๆได้เลย

    Image 1/14
    จากประตูห้องเข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นโล่งๆต่อเนื่องไปยังระเบียงก่อนค่ะ ถือเป็น Common Area ของห้อง

    จากประตูห้องเข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นโล่งๆต่อเนื่องไปยังระเบียงก่อนค่ะ ถือเป็น Common Area ของห้อง

    *Spec ของสุขภัณฑ์ เช่น ยี่ห้อ ต่างๆ ยังไม่คอนเฟิร์มนะคะ ที่ระบุด้านบนเป็น Spec ที่ปรากฎในห้องตัวอย่างค่ะ
    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคา

    25 December 2019

    • 1 Bedroom ชั้น 11 ขนาด  28.75 ตร.. ราคา 4.79 ล้านบาท หรือ 166,609 บาทต่อตร..
    • 1 Bedroom ชั้น 40 ขนาด 28.96 ตร.. ราคา 5.58 ล้านบาท หรือ 192,680 บาทต่อตร..
    • (Loft) 1 Bedroom ชั้น 26 ขนาด 28.75 + 10.84 = 39.59 ตร.. ราคา 6.31 ล้านบาท หรือ 159,384 บาทต่อตร..
    • 1 Bedroom Plus ชั้น 14 ขนาด 35.97 ตร.. ราคา 6.52 ล้านบาท หรือ 181,262 บาทต่อตร..
    • 1 Bedroom Plus ชั้น 43 ขนาด 34.60 ตร.. ราคา 7.05 ล้านบาท หรือ 203,757 บาทต่อตร..
    • (Loft) 1 Bedroom plus ชั้น 29 ขนาด 32.4 + 11.95 = 44.35 ตร..ราคา 7.14 ล้านบาท หรือ 160,992 บาทต่อตร..
    • 2 Bedrooms ชั้น 10 ขนาด 51.30 ตร.. ราคา 9.34 ล้านบาท หรือ 182,066 บาทต่อตร..
    • 2 Bedrooms ชั้น 41 ขนาด 51.75 ตร.. ราคา 10.43 ล้านบาท หรือ 201,545 บาทต่อตร..
    • (Loft) 2 Bedrooms ชั้น 28 ขนาด 55.9 + 10.43 = 66.33 ตร.. ราคา 12.21 ล้านบาท หรือ 184,080 บาทต่อตร..
    • รูปแบบการขาย Fully Fitted 
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 – 2.80 เมตร (MONO) , 4.40 เมตร (LOFT)
    • Kitchen & Sink ของ TEKA ท็อปหินเทียม
    • Hob & Hood ของ TEKA
    • ชุดครัว Panasonic
    • มีรถ Shuttle Bus ไปกลับ BTS เอกมัย (ฟรี 2 ปีแรก)
    • จอง + ดาวน์ + สัญญา = 25%
    • ผ่อนดาวน์ 35 งวด 
    • ค่ากองทุน ห้อง MONO 800 บาท/ตร.ม., ห้อง LOFT 900 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง ห้อง MONO 75 บาท/ตร.ม./เดือน, ห้อง LOFT 85 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเล : อยู่บนถนนเอกมัยช่วงต้นซอยติดกับ Big-C เอกมัย ทำให้มีข้อดีที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ Hypermarket และมีสถานที่อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งร้านกาแฟ ร้านนวด คาเฟ่  ร้านอาหาร แหล่ง Shopping ไปจนถึงสถานบันเทิงในช่วงเวลากลางคืน เป็นทำเลที่อยู่ในย่าน Lifestyle ที่สามารถเข้าถึงแหล่ง Lifestyle เด่นๆบนถนนเอกมัยได้ง่ายในแบบที่เดินถึงเลยค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถ :  ด้วยทำเลที่ติดกับถนนใหญ่และใกล้กับ Big-C เอกมัย ทำให้ได้ประโยชน์เรื่องเส้นทางการเดินรถเรื่องจะขับเข้าเมืองไปถนนสุขุมวิทก็ได้ หรือขับออกนอกเมืองไปทางถนนเพชรบุรีก็สะดวก และยังใกล้กับซอยเอกมัย 5 ที่เชื่อมกับซอยทองหล่อ 10 (ซอยอารีน่า 10) ที่เป็นอีกถนนหลักไว้เชื่อมกับทองหล่อได้ หรือจะเป็นซอยเอกมัย 12 ที่ใช้เชื่อมกับซอยสุขุมวิท 71 ได้อีกค่ะ ส่วนเรื่องจำนวนที่จอดรถนั้น โครงการให้มาอยู่ที่ 45% ซึ่งถือว่าไม่มากเท่าไหร่นะคะ อาจจะต้องภาวนาให้เพื่อนร่วมโครงการใช้รถไฟฟ้ากันเป็นหลักแทนค่ะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ตัวเลือกมีเยอะมากค่ะ ภายในซอยเอกมัยจะมีรถสาธารณะทั้งรถสองแถว, วินมอเตอร์ไซค์และรถเมล์ให้บริการอยู่แล้ว ส่วนรถ Taxi ก็เรียกได้ไม่ยากเลย เพราะเป็นเส้นที่เรียกได้ว่า All Day All Night ตื่นตัวกันตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ตัวโครงการยังใกล้กับรถไฟฟ้าเอกมัย โดยมี Shuttle Service ให้บริการรับ-ส่งที่สถานีฟรี 2 ปีด้วยค่ะ แต่ถ้าจะเดินไปรถไฟฟ้าก็พอเดินได้นะคะ มีทางเท้าได้เดินตลอดทาง แต่ช่วงกลางวันก็มีเหงื่อตกได้เหมือนกันค่ะ

    วัสดุ : The Rich เอกมัยมีรูปแบบการขายเป็นแบบ Fully Fitted ที่จะให้ครัวและตู้เสื้อผ้ามาด้วย พื้นห้องเป็นกระเบื้องยางลายไม้ ผนังฉาบเรียบ และติดไฟดาวน์ไลท์ ส่วนพื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังห้องน้ำใช้กระเบื้องเซรามิค สุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำรุ่นและยี่ห้อยังไม่ Confirm ภายในครัว อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันจะได้ของ TEKA โดย Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินเทียม และ Detail ชุดครัวของ Panasonic ตู้บนหน้าบานจะเป็นกระจกสีชา ส่วนตู้ล่างบานจะเป็นผิวลามิเนต นอกจากนี้จะให้เครื่องปรับอากาศ 2 – 4 ตัว (ขึ้นอยู่กับรูปแบบห้องพักอาศัย)และมีระบบ Smart Home ให้มาด้วยค่ะ

    การออกแบบ : โครงการออกแบบมาดูเรียบหรู แต่ไม่นิ่ง เน้นเส้นสายโค้งในการออกแบบสร้างบรรยากาศภายในโครงการให้ดูเคลื่อนไหว มี Movement ตรงกับแนวความคิดของโครงการที่วางไว้ โดยแบ่งชั้นที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางและชั้นพักอาศัยได้เข้าใจง่ายแยก Function การใช้งานชัดเจน ส่วนของห้องพักมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายแบบ เป็นห้องหน้ากว้าง และฝ้าเพดานระดับปกติก็ดูสูงโปร่งอยู่แล้ว (2.70 และ 2.80 เมตร) แต่มีห้องแบบ Loft เพิ่มขึ้นมาเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่ภายในห้องเพิ่มด้วยค่ะ

    สาธารณูปโภค : พื้นที่ส่วนกลางทำออกมาได้ทั้งความหลากหลายและมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เลย เริ่มจากสวนที่มีมาเยอะหลายจุด ทั้งชั้น 1, ชั้น 10, ชั้น 36 และชั้นดาดฟ้า มีพื้นที่ส่วนกลางมาตรฐานที่ชั้น 1 อย่าง Lobby, Smart Locker and Mail room และยกพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆไว้ที่ 2 ชั้นบนสุดของอาคารไปเลย ทำให้บรรยากาศและวิวที่ได้เป็น City View ค่ะ ส่วนฟังก์ชันที่ให้ก็มีเยอะเลย บางพื้นที่อย่าง Kid’s Playzone หรือ Lobby ก็ได้ความสูงแบบ Double Volume ชมวิวเมืองและเห็นสระว่ายน้ำไปด้วยขณะใช้งาน มีฟังก์ชันที่ไม่ค่อยเห็นที่ไหนอย่าง Private Onsen ด้วยค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับเรื่องค่าส่วนกลางที่ถือว่าสูงพอดู อยู่ที่ 75 บาทสำหรับห้อง Mono และ 85 บาทสำหรับห้อง Loft นะคะ


    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 180,000 บาท/ตร.ม., 25 Decemner 2019

    • ทำเล 7.75/10 – อยู่ช่วงเอกมัยตอนต้น
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – มีเส้นทางลัดเลาะหลากหลาย
    • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – มี Shuttle Service ส่งที่รถไฟฟ้าเอกมัย
    • วัสดุ 7.25/10 – ได้เป็น Fully Fitted
    • แบบ 8.25/10 – ฟังก์ชันใช้งานดี มีห้องให้เลือกหลากหลาย
    • สาธารณูปโภค 8/10 – มีส่วนกลางให้เยอะ

    • LUXURY CLASS
    • 7.75 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The Rich เอกมัย ถือว่าเป็นคอนโดในย่านเอกมัยที่ทำมาเน้นฟังก์ชันที่เหมาะกับคนที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลางเยอะๆและรักความสะดวกสบายใกล้รถไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่เชิง Lifestyle ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน ชอบพักแบบหน้ากว้าง สูงโปร่ง หรืออยากได้แบบห้องที่เป็น Loft โดยโครงการนี้ตั้งราคาอยู่ที่ 4.79 – 13.xx ล้านบาท และห้องที่ได้ยังไม่รวมค่าตกแต่ง ทำให้คนที่สนใจโครงการนี้อย่างน้อยต้องมีเงินในมืออยู่ 5 ล้านบาทอย่างต่ำ หรือมีกำลังผ่อนอย่างต่ำ 35,000 บาทต่อเดือนค่ะ


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving