รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.205 – รีวิวบ้านเดี่ยว The Honor

24 เมษายน 2016

อ่านรีวิวล่าสุด

รูปเปิด

รีวิวฉบับที่ 1045 … สวัสดีครับ วันนี้จะขอพาไปชมบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury Class ซึ่งนานๆจะมาให้ชมกันนะครับ โครงการนี้ชื่อว่า THE HONOR (ดิ ออเนอร์) ตั้งอยู่ในซอยซอยลาดพร้าว 81 หรือ ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 8 ซึ่งเชื่อมต่อกันสามารถออกถนนหลักได้อย่างถนนลาดพร้าวและถนนประดิษฐ์มนูธรรม อยู่ใกล้กับแหล่งห้างดังและคอมมูนิตี้มอลล์ในย่านนี้บนถนนเลียบด่วนรามอินทรา และใกล้ทางด่วนอีกด้วย โครงการนี้เป็นโครงการขนาดเล็กเพียง 12 ยูนิต เท่านั้น ถือว่าเป็นโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวสูงระดับนึงเลย ตัวบ้านมีเพียง 2 แบบเท่านั้น บนเนื้อที่ดินเริ่มต้น 55-87 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 438-543 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นประมาณ 25 ล้านบาท รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ผมจะค่อยๆพาไปดูครับ

Facts @ 22 March 2016

  • THE HONOR (ดิ ออเนอร์)
  • กลุ่มบริษัท ASSETWISE
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : เขตวังทองหลาง ซอยลาดพร้าว 81 ถนนลาดพร้าว
  • เนื้อที่โครงการ : 2-3-85 ไร่ จำนวน 12 ยูนิต
  • บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 2 แบบ
    Apex จำนวน 1o ยูนิต ที่ดิน 55-67 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 438-469 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
    Zenith จำนวน 2 ยูนิต ที่ดิน 86-87 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 538-543 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
  • เพดานชั้น 1 สูง 3.0 เมตร, ชั้น 2-3 สูง 2.60 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น : 25 ล้านบาทหรือ 453,720 บาท/ตร.วา
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : พฤษภาคม 2558
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ปลายปี 2559
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • สำนักงานขาย : 081-650-7272

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.792978, 100.613244

แผนที่จากทางโครงการ

แผนที่จากโครงการครับแสดงให้เห็นถึงที่ตั้งอย่างง่ายๆ คือตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 81 หรือซอยแยกที่เชื่อมกับซอยประดิษฐ์มนูธรรม 10 ในแผนที่ยังบอกถึงห้างและคอมมูนิตี้มอลล์ที่เด่นๆบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบด่วนรามอินทรา)ให้เห็น อีกทั้งจุดเด่นของโครงการนี้คือการเดินทางที่ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ได้ทั้งเข้าและออกเมือง และในอนาคตยังมีในส่วนของระบบรางมาเสริมคือรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดคืออยู่ปากซอยลาดพร้าว 81 สถานีฉลองรัช ระยะห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตรเศษๆ

1-แผนที่ระยะไกลกดคลิกที่แผนที่เพื่อขยายขนาดใหญ่

ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยประดิษฐ์มนูธรรม 8 ห่างจากถนนหลักประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนเอกมัยรามอินทรา)ประมาณ 190 เมตร หรือซอยลาดพร้าว 81 ซึ่งห่างจากปากซอยประมาณ 1 กม. หน้าปากซอยจะเป็นห้าง BigC Supermarket และร้านค้าอาหารรถเข็นริมทาง เลยไปหน่อยก็จะมี Foodland ที่มีฟู๊ดคอร์ทเปิด 24 ชม.ด้วย, Makro และ The Mall บางกะปิ แต่ความอุดมสมบูณ์หลักๆจะอยู่อิงไปทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบด่วนเอกมัยรามอินทรา)มากกว่า จะมีห้างใหญ่ๆ และ Community ได้แก่  Homepro, The Walk, CDC, Crystal Park, Tesco Lotus และ Chic Republic เป็นต้น และในย่านนี้ก็ถือว่าเป็นเขตชุมชนที่มีโรงแรม ตลาด ร้านอาหาร ธนาคาร โรงเรียน โรงพยาบาล ในรัศมีใกล้ๆอีกด้วยถือว่าอุดมสมบูรณ์ครบครัน

ส่วนใครที่พึ่งพิงระบบสาธารณะ แม้ที่ตั้งโครงการจะเป็นถนนซอยที่ทะลุไปไหนมาไหนได้สะดวกแต่ก็ไม่ใช่ถนนหลักอาจจะต้องลำบากนิดนึง เนื่องด้วยที่ว่าซอยหน้าโครงการเนี่ยเป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยอย่างเดียว จะไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่านนะครับ มีพี่วินมอเตอรไซค์อยู่บริเวณหน้าปากซอยลาดพร้าว 81 หรือจะเรียกแท็กซี่จากหน้าโครงการเลยก็ยังพอมีวิ่งบ้างแต่ไม่ค่อยเยอะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ปัญหาเราแค่เอาเทคโนโลยีมาช่วย เรียก Grab Taxi หรือ Uber ก็ช่วยเราได้เพราะอยู่ไม่ไกลจากถนนหลักด้วย

2-แผนที่ทางด่วน(แก้ไข)

แผนที่แสดงให้เห็นถึงจุดขึ้นและลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์(หรือที่เรียกกันบ่อยๆว่าเอกมัย รามอินทรานั่นเอง) ซึ่งระยะทางขึ้นทางด่วนนั้นใช้ระยะทางประมาณ 1.8-2.9 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ถือว่าทำเลที่ตั้งโครงการสะดวกสบายในการใช้ทางด่วนมาก

แผนที่รถไฟฟ้า(แก้ไข)

ในอนาคตจะมีส่วนของแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองตัดผ่านบนถนนหลักลาดพร้าว ซึ่งปัจจุบันในระยะใกล้สุดตอนนี้จะเป็น MRT ลาดพร้าว ระยะห่างประมาณ 5.7 กม. ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง) โดนโรคเลื่อนไปคงจะเสร็จไม่ทันภายในปี 2562 ตามแผนการแน่นอน แต่ถ้าเสร็จแล้วจะมีสถานีฉลองรัช อยู่บริเวณปากซอยลาดพร้าว 81 เลย ซึ่งคาดว่าน่าจะห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตรเศษๆเท่านั้น

แผนที่ซ.ลาดพร้าว81(แก้ไข)

การเดินทางด้วยรถถือว่าสะดวกดีเพราะมีทางลัดซอยเล็กซอยน้อยให้ออกได้หลายทางเส้นทาง จากแผนที่ผมทำให้ดูคือเจ้าซอยลาดพร้าว 81 เนี่ย มันสามารถเชื่อมกับซอยประดิษฐ์มนูธรรม 6, 8 และ 10 ได้ ซึ่งทั้งสามซอยนี้ก็สามารถออกถนนหลักอย่างประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วน)ได้ทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันในละแวกนี้ถือว่าเป็นเขตชุมชนที่อยู่อาศัยจำนวนมากนะ เพราะว่าสะดวกแหล่งอาหารการกินอุดมสมบูรณ์และใกล้ทางด่วน จึงต้องทำใจและเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์ด้วย เพราะรถบนถนนค่อนข้างหนาแน่นตลอดทั้งวัน และยิ่งโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน

สภาพแวดล้อมภายในซอยนี้จากที่สังเกตจะเป็นบ้านเดี่ยวที่ปลูกสร้างเอง สลับกับอพาร์ทเมนท์เยอะมากตอนกลางคืนก็ถือว่าไม่ได้เปลี่ยวเท่าไรเพราะอย่างที่บอกว่าแถวนี้อพาร์ทเมนท์เยอะมาก จึงมีรปภ.และกล้องวงจรปิดตามหน้าอพาร์ทเมนท์ต่างๆใกล้ๆช่วยกันสอดส่องกันระดับนึง

การเดินทางวันนี้

เส้นทางที่ 1 : ถ้ามาจากถนนลาดพร้าวบริเวณแยกรัชดาลาดพร้าวมุ่งหน้าบางกะปิ ตรงมาจนถึงแยกที่ตัดกับทางด่วยเอกมัยรามอินทรา พอผ่านแยกมาแล้วให้ชิดซ้ายเอาไว้ เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาดพร้าว 81 ปากซอยติดกับ Big C Supermarket เลย หลังจากนั้นตรงไปตามทางประมาณ 1 กิโลเมตร โครงการจะอยู่ทางขวามือ

เส้นทางที่ 2 : ถ้ามาจากถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์) มุ่งหน้าขาออกไปยังรามอินทรา ให้กลับรถบริเวณหน้า Tesco Lotus พอดีเลย หลังจากนั้นตรงอีกประมาณ 700 เมตรแล้วเจอป้ายที่ปากซอยว่า​ “ประดิษฐ์มนูธรรม 10” หรือคนแถวนี้เรียกว่าซอยสระบุรีสเต็ก หลังจากนั้นจะมีทางเชื่อมเข้าสู่ซอยเล็กคือ ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 8 วิ่งไปแค่ประมาณ 180 เมตรก็ถึงที่ตั้งโครงการทางซ้ายมือแล้ว

**การเดินทางในวันนี้ผมใช้เส้นทางที่ 1 นะครับ 😀

เดินทางจาก 5 แยกลาดพร้าว เพราะเป็นแหล่งที่มีห้างใหญ่ๆให้เดินกัน เริ่มจากหน้า Union Mall บนถนนพหลโยธินวนขึ้นสะพานเพื่อเข้าเส้นลาดพร้าวการเดินทาง

ชิดซ้ายเพื่อเตรียมม้วนเข้าสู่ถนนลาดพร้าว

พอเริ่มเข้าถนนหลักลาดพร้าว ทางซ้ายมือจะเป็นเป็นห้างแหล่งช้อปในราคาไม่แพงอย่าง Union Mall และติดกับ MRT สถานีพหลโยธินด้วย

ถัดมาอีกหน่อยทางซ้ายมือจะเป็นห้าง Big C Extra (คาร์ฟูร์เก่า)

มาถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปศาลอาญา, แยกรัชโยธิน ถ้าเลี้ยวขวาจะไปถนนรัชดา, สุทธิสาร, ห้วยขวาง ส่วนเราตรงไปครับผม

ขับต่อมาอีกหน่อยจะเจอกับแยกภาวนา ซึ่งถ้าเลี้ยวซ้ายไปซอยลาดพร้าว 41 จะสามารถลัดเลาะไปถนนลาดพร้าววังหินได้

เลยแยกภาวนามานิดเดียวจะเจอกับตลาดสดทรัพย์จันผันทางซ้ายมือ

ถัดมาก็จะเจอกับแยกโชคชัย 4 เรายังตรงต่อไปนะครับ

ตรงมาอีกหน่อยจะเจอกับตลาดโชคชัย 4

ทางแยกข้างหน้าที่เห็นจะเป็นทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เราตรงลอดใต้ทางด่วนไปเลย

พอผ่านแยกมาแล้วให้ชิดซ้ายเอาไว้ เดี๋ยวเราจะเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาดพร้าว 81 ปากซอยติดกับ Big C Supermarket เลย

เลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาดพร้าว 81 ปากซอยจะเป็น 7-11 กับ BigC

พอเลี้ยวเข้าซอยมาแล้ว ช่วงต้นซอยข้างๆกับ BigC จะเป็นพวกร้านค้าร้านอาหารรถเข็นแบบนี้ครับ หลังจากนั้นตรงไปตามทางประมาณ 1 กิโลเมตร โครงการจะอยู่ทางขวามือ

สภาพถนนซอยลาดพร้าว 81 ค่อนข้างแคบหน่อยเป็นถนนคอนกรีต รถสวนทางกันได้แต่ว่าต้องขับช้าๆหน่อยครับ

จากที่สังเกตระหว่างขับไปกลางทางจะเจอพวกอพาร์ทเมนท์เกือบสิบเจ้าได้เลยนะ แสดงว่ามีกลุ่มผู้คนที่ต้องการอยู่อาศัยในละแวกนี้ระดับนึงพอสมควร

หลังจากขับมานิดนึงจะเจอแยกที่ตัดกับซอยประดิษฐ์มนูธรรม 6 คือถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะสามารถไปออกถนนประดิษฐ์มนูธรรมได้เลย แต่เราจะเลี้ยวขวาให้อยู่ในซอยลาดพร้าว 81 ก่อนครับ

เจออพาร์ทเมนท์อีกแล้ว มีเยอะดีจริงๆ ข้อดีคืออย่างที่บอกไปว่าตามอพาร์ทเมนท์พวกนี้ด้านหน้าก็จะมีรปภ.ประจำของใครของมัน บางเจ้าก็มีกล้องด้านหน้าโครงการอยู่ด้วยถือว่าช่วยเป็นหูเป็นตาให้คนในซอยระดับนึงนะ

ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับทางขวามือ จะเห็นรั้วโครงการเป็นโทนสีเทากรุหินสลักตกแต่งเอาไว้

แผนที่ระยะประชิด

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

ภาพประกอบระยะประชิดภาพมุมสูงจากโดรน ประกอบสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ

มาดูสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการกันหน่อย ฝั่งด้านหน้าของโครงการที่ติดซอยลาดพร้าว 81 คือฝั่งทิศตะวันตก ที่ตรงข้ามกับซุ้มทางเข้าโครงการจะเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ถัดไปทางฝั่งทิศเหนือช่วงต้นๆติดกับรั้วโครงการจะเป็นบ้านเดี่ยวสูง 3 ชั้น และช่วงติดกับรั้วท้ายโครงการจะเป็นทาวน์เฮ้าส์ 3 ส่วนด้านหลังโครงการฝั่งทิศตะวันออกถ้าติดกับรั้วโครงการเลยจะเป็นที่ดินเปล่าบุคคลอื่นและก็เป็นซอยประดิษฐ์มนูธรรม 10 สุดท้ายทางฝั่งทิศใต้ช่วงติดกับท้ายๆรั้วโครงการ จะเป็นบ้านอยู่อาศัย 2 ชั้น แต่ช่วงหน้าๆหน่อยจะเป็นบ้านแนวตึกแถวที่สูงประมาณ 3-4 ชั้น จากแผนที่ประกอบนี้จะเห็นว่าสภาพแวดล้อมโดยรวมส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยทั้งบ้านเดี่ยวปลูกเอง ทาวน์โฮม และอพาร์ทเมนท์ แต่ก็ยังมีผืนที่ดินเปล่ามาปะปนอยู่บ้างนิดหน่อยไม่ได้หนาแน่นจนเกินไป

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Big C Supermarket ~ 1 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus ~ 1.1 กิโลเมตร
  • Crystal Design Center (CDC) ~ 1.2 กิโลเมตร
  • Home Pro ~ 1.4 กิโลเมตร
  • CHIC Republic ~ 2 กิโลเมตร
  • The Crystal Park ~ 2.5 กิโลเมตร
  • Foodland ~ 2.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลลาดพร้าว ~ 3 กิโลเมตร
  • Central Festival East Ville ~ 3.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลเวชธานี ~ 4.5 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเลิศหล้า(เกษตร-นวมินทร์) ~ 5.5 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติ NIVA ~ 5.8 กิโลเมตร
  • The Walk เกษตรนวมินทร์ ~ 6 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

Master Plan ของโครงการครับ โครงการ The Honor เป็นโครงการขนาดเล็กที่มีจำนวนแค่ 12 ยูนิตเท่านั้น โดยสวนส่วนกลางจะอยู่ด้านหน้าโครงการทางขวามือเลย พื้นที่สีเขียวประมาณ 55 ตร.วา และมี Club House อยู่ด้วย ภายใน Club House ปัจจุบันเป็น Sale Office อยู่นะ ชั้นล่างจะเป็นโถงรับแขก ในอนาคตสามารถเป็นพื้นที่อเนกประงสงค์สำหรับลูกบ้าน ชั้น 1 ยังมีห้องนิติบุคคลและห้องน้ำอยู่ ระหว่างทางเดินขึ้นไปชั้น 2 จะมีชั้นลอยส่วนที่ยื่นออกมาเล็กเป็น Library Room สำหรับนั่งอ่านหนังสือ นั่งได้ประมาณ 4-5 คน และก็เจอกับห้อง Fitness ที่ชั้นบน

ถนนเมนของโครงการกว้างประมาณ 9 เมตร มีจุดกลับรถภายในโครงการ 3 จุด ซุ้มทางเข้าโครงการประตู Gate จะเป็นแบบเหล็กโปร่ง 3 ตอน วิ่งบนรางเลื่อนไฟฟ้า ควบคุมด้วยรีโมทเฉพาะลูกบ้านเท่านั้น และจะมี CCTV ติดตั้งที่ซุ้มทางเข้านี้ประมาณ 3 ตัว แต่รวมหมดทั้งโครงการจะเป็น 8 ตัว ส่วนรั้วโครงการบริเวณด้านหน้าความสูงประมาณ 3 เมตร แต่รอบๆด้านที่เหลือจะต่อเติมเติมรั้วโปร่งเพิ่มอีก 1 เมตร รวมเป็น 4 เมตร

ที่ Club House จะไม่มีสระว่ายน้ำนะครับ เนื่องด้วยตัวบ้านทุกยูนิตนั้นมีสระว่ายน้ำอยู่ในตัว ที่เหลือเป็นบ้านที่สร้างเกือบจะเต็มพื้นที่ ไม่เน้นพื้นที่สวนในบ้านนะ รูปแบบบ้านและโครงการที่มี Unit น้อยแบบนี้ มีลูกค้าที่ชอบเฉพาะกลุ่มครับ เพราะมีความเป็นส่วนตัวสูงระดับนึงเลย

ภาพประกอบระยะประชิด2

ให้ดูภาพมุมสูงจากโดรนประกอบให้เห็นภาพของจริงครับ จะเห็นว่าตัวบ้านเกือบทั้งหมดออกแบบเป็นรูปตัว U เพื่อหันและรับช่องแสงเข้ามาในตัวบ้านได้ทิศทางเดียว และเป็น Privacy ในการมองเห็นกันและกันของบ้านแต่ละหลัง

รั้วโครงการบริเวณด้านหน้าเป็นคอนกรีตกรุด้วยหินสลักตกแต่งโทนสีเทาแบบนี้ ความสูงประมาณ 3 เมตร

ด้านข้างเป็นทางเข้า-ออกแบบเดินเท้า ซึ่งเดี๋ยวจะมีบานเหล็กโปร่งมาติดตั้งทีหลัง บริเวณนี้จะมีรปภ.ยืนอยู่ประจำด้วย 1 นาย

ซุ้มทางเข้าโครงการมีหลังคาบังแดดและฝนและไฟส่องสว่างพอสมควร ซึ่งวันที่ไปสำรวจ ทางโครงการยังไม่ได้สร้าง Gate ประตูกั้นเข้าออก เพราะจะรอให้บ้านทุกหลังเสร็จก่อน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่โครงการแจ้งว่า ประตู Gate จะเป็นแบบเหล็กโปร่ง 3 ตอน วิ่งบนรางเลื่อนไฟฟ้า ควบคุมด้วยรีโมทเฉพาะลูกบ้านเท่านั้น และจะมี CCTV ติดตั้งที่ซุ้มทางเข้านี้ประมาณ 3 ตัว

พอเข้ามาในโครงการแล้วถนนหลักของโครงการนั้นกว้างประมาณ 9 เมตร ช่วงแรกยังปูพื้นด้วยสแตมป์คอนกรีตอยู่นะครับ พอพ้นไปอีกหน่อยถึงจะเป็นคอนกรีตธรรมดา จุดนี้ถ้าสังเกตดีๆโครงการนี้ ไม่มีเสาไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล ซึ่งทางโครงการเค้าฝังลงดินให้ทั้งหมดดูสวยงามขึ้นมาก ซึ่งการฝังสายไฟลงใต้ดินนี่ถือว่าเป็นอะไรที่ต้นทุนสูงพอสมควร

หันมาทางขวานิดนึง จะเป็นซุ้มป้อมรปภ.ชั่วคราว ที่เห็นประตูห้องนั้นเป็นห้องน้ำของรปภ.เช่นกันครับ

มองไปทางขวามือจะเป็นส่วนของพื้นที่สีเขียวของโครงการซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 57 ตร.วา โดยโครงการมี Concept ว่าต้นไม้เปรียบเหมือนหมุดเริ่มต้นของโครงการ อยากให้มีความร่มรื่นที่ยั่งยืน จึงเก็บต้นไม้เดิมเอาไว้ เป็นต้นใหญ่ทั้ง 3 ต้นแบบนี้ ทางซ้ายที่เป็นช่องนั้นเป็นจุดกลับรถภายในโครงการครับ

ภายในส่วนปลูกแนวพุ่มไม้สลับกับหินตกแต่งตามทางเดิน และมีเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อน เอาไว้ให้นั่งยามเย็นประมาณ 4 ตัว

จะเห็นว่าตามใต้ต้นไม้ใหญ่จะมีการใช้ไฟส่องสว่างไปที่ตัวต้นไม้ จะเปิดช่วงกลางคืนทำให้เห็นต้นไม้ใหญ่เด่นตามคอนเซ็ปท์ที่โครงการวางไว้

มุมนี้มองไปบริเวณใจกลางสวนหย่อม จะเห็นต้นไม้ใหญ่อีก 2 ต้น ซึ่งถ้าต้นไม้ออกใบมากกว่านี้คงร่มรื่นน่าดู

ผนังบริเวณนี้ตกแต่งด้วยหินเช่นเดียวกัน ติดโลโก้ชื่อโครงการเอาไว้ บริเวณพื้นเป็นจุดน้ำพุเล็กขึ้นมา พื้นที่ทางเดินเชื่อมต่อกับส่วนของอาคาร Club House

Club House ถูกจัดวางในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นสวนสาธารณะในมุมกว้าง ตกแต่งผนังกระจกเงาที่ผนังด้านหลังเพื่อดึงเงาสะท้อนของต้นไม้เข้ามายังพื้นที่ภายใน เพิ่มฟังค์ชั่นห้องสมุดที่ชั้นลอย เชื่อมต่อไปยังส่วน Fitness ชั้น 2 ที่สามารถมองร่มไม้ได้ในมุมกว้างได้

ทางเดินก่อนเข้าอาคาร Club House ตกแต่งด้วยหินโรยรอบๆทางเดิน และมีระแนงไม้เชื่อมต่อกับพื้นเฉลียงทางเดินด้านนอก

เข้ามาในอาคาร Club House พื้นปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน เป็น Double Space ผนังมองตรงไปติดกระจกเงาและซ่อนไฟด้านหลังเป็นส่วนตกแต่ง ปัจจุบันพื้นที่นี้เป็น Sale Office อยู่ ในอนาคตถ้าปิดโครงการก็จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ให้ลูกบ้าน อาจจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น coworking space ก็ได้

หันมามองทางขวาเป็นชุดโซฟารับแขกขนาดใหญ่นั่งได้หลายคนอยู่ ด้านหัลงผนังเป็นกระจกทั้งหมด แต่มีบางส่วนทำเป็นระแนงเหล็กบังแสงแดดได้นิดหน่อย เป็นส่วนนึงของ Facade

มองออกไปประตูทางเข้า ที่สามารถมองร่มไม้จากพื้นที่สีเขียวในมุมกว้างได้

ด้านล่างเป็นเคาน์เตอร์ reception ของ Sale โครงการครับ มีบันไดทางขึ้นชั้นบนอยู่ทางขวามือ ด้านบนจะเป็นส่วนของชั้นลอยก่อนเข้าโครงการเป็นพื้นที่ห้องอ่านหนังสือและ Fitness

ห้องอ่านหนังสือ ตำแหน่งอยู่ด้านบนของเคาน์เตอร์ reception ครับ พื้นที่ขนาดไม่ใหญ่มาก นั่งได้ประมาณ 4-5 ที่นั่ง

ขึ้นมาชั้นบนแล้ว เป็นส่วนของห้อง Fitness ขนาดปานกลาง แต่ผนังรอบๆติดกระจกเงาเอาไว้ ทำให้ดูกว้างขึ้นไม่อึดอัด เพดานใช้ไฟแบบเป็นเส้นลวดลาย ทำให้ดูทันสมัยหน่อย ภายในห้องวางเครื่องออกกำลังกายเอาไว้ประมาณ 5 อย่าง(รวมบาร์ดัมเบล)

ผนังห้องเป็นกระจกได้แสงจากด้านนอกส่องเข้ามาได้มาก มีระแนงเหล็กที่เป็นส่วน Facade ของอาคารช่วยบังแดดและสายตาจากคนภายนอกระดับนึง

เวลาออกกำลังกายจากเครื่องเล่นก็ยังมองเห็นสีเขียวจากสวนและต้นไม้ได้บางส่วน

มุมนี้มองย้อนกลับไปทางเดินที่เข้ามาครับ

ขออนุญาติกลับมาที่ชั้นล่างอีกที ด้านหลังเคาน์เตอร์ Reception นั้นมีประตูทางออก จะมีส่วนของห้องนิติบุคคล และห้องน้ำแยกชายหญิงให้

ภายในห้องน้ำชายขนาดปานกลาง ชุดอ่างล้างมือ โถสุขภัณฑ์ ทั้งหลายเป็นของ TOTO ทั้งหมดครับ

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนสาธารณะด้านหน้า Clubhouse ประมาณ 55 ตร.วา
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการรวมทั้งหมด 8 จุด
  • รั้วด้านหน้าโครงการสูง 3 เมตรกรุหินสลัก และรอบโครงการสูง 3 ม.และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 1 ม.
  • Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
  • โครงการแจ้งว่า Main Gate บานประตูเป็นบานเหล็กโปร่ง รางเลื่อนไฟฟ้า 3 ตอน แบบกดรีโมทเฉพาะลูกบ้าน
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • สัญญาณกันขโมยยี่ห้อ GE ระบบ Magnetic Sensor ทุกประตูและหน้าต่างบริเวณชั้น 1-2
  • ถนนหลักกว้าง 9 ม. มีจุดกลับรถให้ 3 จุด


Product Walkthrough

Apex-F1

มาเริ่มกันที่ แบบบ้าน Apex พื้นที่ใช้สอย 438-469 ตร.ม. เริ่มที่ชั้น 1 ของตัวบ้านกัน ด้านหน้าบ้านถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือฝั่งขวาเป็นพื้นที่โรงจอดรถสำหรับจอดรถได้ 3 คัน ด้านหลังโรงจอดรถเป็นพื้นที่สำหรับเก็บจักรยานและอุปกรณ์ต่างๆในโรงรถ ส่วนพื้นที่ฝั่งซ้ายเป็นห้องนอนแม่บ้านเข้าออกจากด้านนอกตัวบ้านซึ่งในส่วนนี้จะมีห้องน้ำแม่บ้านแยกไว้ต่างหาก ประตูเข้าบ้านจะตรงอยู่ตรงกลางระหว่างพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งนี้นะครับ เข้ามาในตัวบ้านจะพบพื้นที่นั่งเล่นรับแขกเป็นส่วนแรก ทีวีของห้องนั่งเล่นถูกวางตำแหน่งให้ติดกับบันไดทางขึ้นชั้น 2 สำหรับพื้นที่ใต้บันไดจะเป็นห้องเก็บของ ติดกันกับห้องเก็บของเป็นห้องน้ำแขก (Powder Room) ถัดเข้าไปจากพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารซึ่งพื้นที่ด้านในสุดของส่วนนี้เป็นเคาน์เตอร์ครัว (Pantry) สำหรับใช้เป็นพื้นที่ตั้งเครื่องทำกาแฟ เครื่องปิ้งขนมปัง ทำอาหารฝรั่งง่ายๆ หากต้องการทำครัวไทยหนักๆ จะมีห้องครัวแยกไว้ทางซ้ายมือ(ครัวไทยเชื่อมต่อทางเดินกับส่วนของห้องแม่บ้าน) เป็นห้องครัวที่มีประตูปิดเพื่อช่วยป้องกันกลิ่นและควันจากการประกอบอาหารเข้ามาในตัวบ้าน จากพื้นที่นั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารสามารถมองผ่านประตูกระจกบานสไลด์ออกมาได้เห็นเฉลียงทางฝั่งขวาของตัวบ้านซึ่งเป็นตำแหน่งของสระว่ายน้ำ โดยพื้นที่ข้างสระมีพื้นที่เหลือพอวางโต๊ะทานอาหาร เตาปิ้งบาร์บีคิว สำหรับจัดปาร์ตี้เล็กๆได้ หรือสามารถวางเก้าอี้ Deck ไม้ไว้นอนเล่นข้างสระน้ำได้ครับ

Apex-F2

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ของตัวบ้าน ประกอบด้วยห้องนอนใหญ่ (Master Beroom) ที่ถูกจัดไว้บนชั้นนี้ ซึ่งจะเป็นห้องนอนแบบมีห้องน้ำและ Walk-in Closet ในตัว นอกจากนี้ยังมีมีห้อง Home Theater และ Family Room ด้วย ขึ้นมาจากบันไดฝั่งซ้ายมือจะเป็นโถงขนาดเล็กเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เชื่อมต่อห้อง Laundry, ห้องน้ำส่วนกลาง และห้อง Home Theater เอาไว้ ส่วนฝั่งขวาของบันไดจะเป็นโถงทางเดินบนชั้น 2 ซึ่งฝั่งหนึ่งของทางเดินนี้จะติดกับ Family Room  ส่วนห้อง Master Bedroom จะอยู่ด้านในสุดของชั้นบน ภายในจัดให้มีห้อง Walk in closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวของห้อง Master Bedroom

Apex-F3

ขึ้นมาที่ชั้น 3 ของตัวบ้าน จะจัดแบ่งพื้นที่ห้องไว้เป็นห้องนอนแบบมีห้องน้ำในตัว 2 ห้อง และห้องพระ 1 ห้องทุกห้องมีประตูปิดเป็นสัดส่วนเรียบร้อย ขึ้นมาจากบันไดจะพบห้องนอนแรกทางฝั่งซ้ายเป็นห้องนอนขนาดกลางของบ้าน ติดกับห้องนอนขนาดกลางเป็นโถงทางเดินบนชั้น 3 ซึ่งฝั่งหนึ่งของทางเดินนี้จะติดกับพื้นที่ระเบียงตลอดแนว ถูกกั้นส่วนกันด้วยประตูกระกบานสไลด์จึงสามารถเดินเชื่อมจากโถงทางเดินออกไปยังพื้นที่ระเบียงได้นะครับ ฝั่งตรงข้ามของห้องนอนขนาดกลางเป็นห้องนอนที่มีขนาดเท่าๆกันอีกห้องหนึ่งที่อยู่คนละฝั่งของโถงทางเดิน สำหรับห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดของชั้นนี้คือห้องพระ มีตำแหน่งอยู่ติดกับบันไดด้านใน และมีประตูปิดเป็นสัดส่วนเรียบร้อย

Apex-บ้านจริง

แบบบ้าน Apex ตัวบ้านออกแบบออกแนวโมเดิร์นหน่อย ใช้โทนสีที่เรียบง่ายโทนสีเทา อยู่ได้นาน ไม่ฉูดฉาดมาก โดยใช้วัสดุธรรมชาติอย่างเช่นไม้และหินกรุสลักปิดผิวตกแต่ง และทำระแนงเหล็กบังผนังอาคารที่เป็นกระจกเอาไว้เป็นส่วนนึงของ Facade โครงสร้างหลักของบ้านเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก/พื้นคอนกรีตอัดแรงกำลังสูง ( Post Tension) ส่วนหลังคาเป็นโครงสร้างเหล็ก ทาสีกันสนิม มุง Metle Sheet บุฉนวนกันความร้อน

รั้วกำแพงหน้าบ้านกรุด้วยหินสลัก ช่องทางซ้ายสุดเป็นส่วนของงานระบบไฟ ช่องเล็กๆที่อยู่ข้างๆคือที่เก็บขยะ ใกล้ๆกับประตูทางส่วนของทางเดินมีติดไฟกิ่งส่องสว่างเอาไว้ให้เห็นบ้านเลขที่

จะเห็นว่าตัวเนื้อที่ดินบ้านถูกยกสูงกว่าระดับถนนภายในโครงการ ตัวอาคารบ้านเสาเข็มเจาะ ไดมิเตอร์ 30 ซม. ลึก 20 เมตร พอเข้าเขตรั้วบ้านไปพื้นจะเป็นกระเบื้องพอร์ชเลนผิวด้านสีเทาแทน ตัวบ้านสามารถจอดรถได้ 3 คัน

ที่จอดรถจอด เป็นแบบ Slab on Beam ฝั่งที่ใกล้กับประตูสามารถจอดได้ 2 คัน ด้านบนมีโคมไฟดาวน์ไลท์ส่องสว่างบริเวณนี้ประมาณ 8 จุด

ฝั่งนี้สามารถจอดรถได้อีกคันนึง จะเห็นว่าตัวเสาส่วนที่จอดรถก็กรุหินตกแต่งด้วยเช่นเดียวกัน

มองจากจุดที่จอดรถจะเห็นระแนงไม้ที่ด้านหลังบริเวณนี้จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำกลางบ้าน

ตัวระแนงไม้นี้คือ WPC (Wood Plastic Composite)  คุณสมบัติของไม้ WPC คือ เหมือนไม้จริง แต่มีความแข็งแรงกว่าพลาสติก, ทนทานต่อแสง UV, ทนปลวก และไม่ซึมน้ำ ที่สำคัญคือบริเวณนี้สามารถปรับองศาได้ เอาไว้สำหรับให้ลม Flow เข้าไปในตัวบ้าน เวลาเราไม่ใช้งานก็เลื่อนปิดได้

ให้ดูใกล้ๆจะเป็นแบบนี้ครับ

มองไปทางซ้าย จะเป็นบานประตูเหล็กเป็นทางเดินไปด้านข้างบ้าน และเป็นส่วนของห้องนอนแม่บ้านด้วย เข้าออกฝั่งนี้

เปิดประตูเข้ามาจะเป็นพื้นทางเดินข้างส่วนนึงปูพื้นด้วยกระเบื้องเคลือบ มีบ่อเกรอะและถังเก็บน้ำบนดิน COTTO รุ่น ORCHID จุ 2,000 ลิตร

ทางซ้ายเป็นที่ทิ้งขยะแบบมีฝาเปิด-ปิด ส่วนทางขวาเป็นตู้ของงานระบบไฟ เนื่องด้วยถนนโครงการเป็นแบบสายไฟลงใต้ดินทั้งหมด

ทางเดินปูกระเบื้องจะสิ้นสุดที่แถวทางเข้าห้องส่วนแม่บ้านนะครับ ห้องแม่บ้านอยู่ทางขวามือ ติดกันมีห้องน้ำให้

ภายในห้องน้ำแม่บ้าน ถึงแม้จะเล็กหน่อย แต่ก็มีมีอุปกรณ์ในการใช้ให้ครบ ของ TOTO เช่นเดียวกันแต่เกรดจะไม่ใช่แบบในบ้าน ในส่วนของห้องนอนจะวางเตียงไซส์ 3 ฟุตและเหลือพื้นที่ให้เดินรอบด้านได้ พอวางตู้เสื้อผ้าได้ หน้าต่างช่องแสงเป็นกระจกบานเลื่อน มองออกไปเป็นบริเวณถังเก็บน้ำและสวนหย่อมติดกับรั้วหน้าบ้าน

ออกมาจากส่วนของห้องแม่บ้านและ ทางเดินจะโรยด้วยหินตกแต่ง และพอเข้าช่วงหลังบ้านจะกลับมาปูกระเบื้องอีกครั้ง จะเห็นว่ารั้วกำแพงระหว่างเพื่อนบ้านค่อนข้างสูงพอสมควรประมาณ 2.7 เมตร

ด้านหลังเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ครัว แบบเปิดผนังโล่งถ้าอยากทำอาหารหนักก็ติดตั้งเพิ่มเอาได้ พื้นปูด้วยกระเบื้องเคลือบ มีประตูทางเข้าออกได้ในจุดนี้ หน้าต่างทางซ้ายเชื่อกับโซนอ่างล้างจานในบ้าน และหน้าต่างทางขวาเป็นส่วนของในห้องน้ำชั้นล่าง

อ่างล้างจานและหัวก๊อกได้ของ MEX หน้าตาแบบนี้ ด้นหลังมีปลั๊กไฟมาให้หนึ่งจุด Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีดำ

ด้านหลังบ้านสุดนี่จริงๆสามารถเดินเชื่อมต่อไปยังอีกฝั่งได้นะครับ แต่บ้านตัวอย่างวางคอมแอร์ขนาดใหญ่เอาไว้ เลยเดินไปได้ลำบากหน่อย พื้นบริเวณนี้เป็นคอนกรีตธรรมดา

กลับมาที่ทางประตูหน้าบ้านอีกครั้ง ด้านข้างบานประตูจะเป็นส่วนของที่เก็บของ Built-In เอาไว้ให้ สามารถเก็บรองเท้าก็ได้ หรือไอเดียจากบ้านตัวอย่างเก๋ๆคือเก็บจักรยาน

ลองเปิดตู้ให้ดูภายในแบ่งเป็นชั้นๆครับ

บานประตูหน้าบ้านเป็นบานไม้สักสูงจากพื้นจรดเพดาน สามารถเปิดออกได้ทั้ง 2 ด้าน ฝั่งขวามีเจาะช่องแสงเอาไว้ กลอนประตูได้ Digital Door Lock ของ Samsung รุ่น SHS-H505 เป็นแบบ 2in1 ทั้งกดรหัสและแตะคีย์การ์ดได้ พื้นในตัวบ้านจะถูกยกสูงขึ้นอีกนิดนึงจากเฉลียงหน้าบ้าน

ชุดสวิทช์และปลั๊กไฟภายในบ้านทั้งหมดเป็นของ ไฟ Siemens ระบบไฟฟ้า Automation ของ Schneider เฉพาะชั้น 1 และทุกห้องนอน (ควบคุมแสงสว่างและคอนโทรลแอร์จาก Mobile App) / สัญญาณกันขโมยยี่ห้อ GE ระบบ Magnetic Sensor ทุกประตูและหน้าต่างบริเวณชั้น 1-2

เข้ามาในบ้านจะเจอกับ Living Room ก่อน พื้นภายในบ้านชั้นล่างจะเป็นกระเบื้องพอร์ชเลน ขนาด 24″ x 48″  Cotto Italia ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้นนี้อยู่ที่ 3 เมตร ส่วนชั้น 2-3 จะอยู่ที่ 2.60 เมตร โคมไฟภายในบ้านจะเป็นดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยมทั้งหมดติดตั้งมาให้หลายจุดดี

Tips : กระเบื้องพอร์ซเลน (Porcelain tile) เรียกได้หลายชื่อ Granite tile, Granito tile, Homogeneous tile หรือที่นิยมเรียกว่า กระเบื้องแกรนิตโต้  กระเบื้องพอร์ซเลนเป็นกระเบื้องที่มีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั้งแผ่น เนื้อกระเบื้องมีความทนทาน มีความพรุนตัวการดูดซึมน้ำต่ำ คงทนเป็นพิเศษ รองรับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อการเสียดสีและขูดขีด

พื้นที่วางโซฟาบริเวณ Living Room นั้ค่อนข้างกว้างมาก ทีนี้ก็อยู่ที่เจ้าของบ้านแล้วว่ามีสมาชิกภายในบ้านมากน้อยเท่าไหน ในการเลือกโซฟาเข้ามาจัดวางบริเวณนี้ ด้านหลังจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่เป็นแบบ 3 ตอนครับ เชื่อมต่อไปยังพื้นที่อเนกประสงค์ใจกลางบ้านที่ติดกับสระว่ายน้ำ

ระยะห่างในการดูทีวีค่อนข้างกว้างประมาณ 3 เมตรกว่า ระยะขนาดนี้แนะนำถ้าจะดูทีวีจริงจังต้องเป็นไซส์ 60 นิ้วขึ้นไปนะครับ

ชั้นวางทีวีจะถูกติดตั้งเพิ่มกับผนังฝั่งทางบันไดแบบนี้ ด้านข้างๆเป็นส่วนของห้องเก็บของใต้บันได และติดกันเป็นห้องน้ำชั้นล่างครับ

ห้องเก็บของใต้บันได พื้นภายในห้องยังเป็นแบบเเดียวกับภายในตัวบ้านต่อเนื่องกัน และเป็นที่เก็บตู้งานระบบไฟภายในบ้านด้วย

ภายในห้องน้ำเป็นแบบ Powder Room คือไม่มีฟังก์ชั่นส่วนของอาบน้ำ เข้ามาจะเจอกับอ่างล่างมือขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยม และมีเคาน์เตอร์รอบๆและชุดตู้ใต้อ่างมาให้ ติดกันถัดไปเป็นส่วนของสุขภัณฑ์ อุปกรณ์ต่างๆของห้องน้ำภายในบ้านนี้จะใช้ของ TOTO ทั้งหมดเลยนะครับ

ผนังห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องเป็นลวดลายไม้สลับกับโมเสคโทนสีอ่อน ด้านบนเหนือสุขภัณฑ์มีหน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศ ไปบริเวณครัวไทยด้านนอก

หน้าตาชุดอ่างล้างมือชัดๆ ด้านหลังมีไฟหลุบซ่อนอยู่ใต้กระจกส่องสว่างเวลาใช้งานครับ

สุขภัณฑ์ขนาดค่อนข้างเล็กนิดนึงสำหรับผู้ชายตัวใหญ่ เป็นแบบติดผนังเอาไว้ เวลากดใช้น้ำก็ที่ผนังด้านหลังเลยครับ ด้านใต้สายฉีดชำระมีเดรนระบายน้ำอยู่

ถัดมาจะเป็นพื้นที่ของโซน Dining Area ที่เชื่อมต่อกับ Living Room จะเห็นที่ฝ้าเพดานด้านบนว่าแอร์ชั้นล่างเป็นแบบฝังฝ้าเพดานนะครับ ถ้าเป็นชั้นบนขึ้นไปจะเป็นแบบติดตั้งเป็นตัวเป็นจุดๆไป

ชุดครัวนี่เราจะได้ตามนี้เลยนะครับ ตรงกลางเป็น ISLAND สำหรับจัดเตรียมอาหารหรือของว่างเบาๆ สิ่งที่ไม่ได้คือ โต๊ะรับประทานอาหาร และชั้นเก็บไวน์

  • ชุดครัว KUCHE / BURRINI หน้าบานลายหิน กรอบเงิน
  • TOP หินสีขาว White Platinum
  • บัวกันน้ำและผนังด้านหลังสีขาว White Platinum
  • ISLAND ขาว White Platinum
  • Sink หลุมใต้ท็อปของ MEX
  • ก๊อกผสมน้ำเย็นและน้ำร้อน ของ MEX
  • HOOD built-in (ตู้ 80-90 ซม.) BEST P780
  • HOB ไฟฟ้าฐานกระจกเซรามิค Schott Ceran ของ MEX
  • ไมโครเวฟของ SME รุ่น MM625 BX
  • เตาอบของ MEX รุ่น BX817X

*แต่ทางโครงการเค้าก็มี Option เสริมสำหรับคนที่อยากจะออกแบบครัวเอง โดยถ้าไม่เอาครัวสามารถปรับเปลี่ยนเป็นส่วนลดแทนได้ครับ

ชุดครัว KUCHE / BURRINI หน้าบานลายหิน กรอบเงิน , TOP ISLAND หินสีขาว White Platinum

บริเวณซ้ายมือเป็นตำแหน่งที่ตั้งตู้เย็น ด้านบนเป็นชุดตู้ Built-In หน้าบานกระจกสีชาดำ ติดกันทางขวามือจะเป็นที่ล้างจานล้างมือ ติดกันจะเป็นประตูทางออกไปส่วนครัวไทยทำงานอาหารหนักบริเวณหลังบ้าน

เคาน์เตอร์รอบๆอ่างล้างจาน Top จะเป็นแบบเดียวกับ Island ด้านหลังมีหน้าต่างช่องแสงส่องเข้ามาพอดี สามารถเปิดระบายอากาศและความความชื้นเวลาใช้งานได้ ตัวอ่างและหัวก๊อกเป็นของ MEX ทั้งคู่

HOB ไฟฟ้าฐานกระจกเซรามิค Schott Ceran ของ MEX / HOOD built-in (ตู้ 80-90 ซม.) BEST P780

ทางด้านขวาที่ทำเป็นชั้นเก็บไวน์กั้นด้วยประตูกระจก เป็นไอเดียจากบ้านตัวอย่างเท่านั้นเราไม่ได้นะครับ

ซูมให้เห็นชัดๆไมโครเวฟและเตาอบที่ได้เป็นแบบนี้

มองไปบริเวณโต๊ะรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับ Island จะเห็นผนังรอบเป็นประตูกระจกบานเลื่อนทั้งหมด ทำให้ได้แสงส่องเข้ามามากเวลากลางวัน ดูโปร่งไม่อึดอัด

พื้นที่รับประทานอาหาร ถ้าเราเลือกจักวางไซส์และรูปแบบโต๊ะใกล้เคียงบ้านตัวอย่าง คือ 6 ที่นั่งก็จะได้ทางเดินรอบด้านที่ไม่อึดอัดเดินไปมายังสะดวกอยู่

ฝั่งที่ติดกับโต๊ะรับประทานอาหารสามารถเปิดประตูออกไปยังรอบๆสระได้เลย ประตูเป็นกระจกบานเลื่อนวงกบอลูมิเนียมสี Sahara silver sparkle กระจกสี Euro grey

ทีนี้กลับมาที่ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนบริเวณด้านหลังโซฟานิดนึงอยากจะลองเปิดให้ดูแบบเต็มๆ

พอเปิดออกแล้วเป็นแบบนี้ครับ จะเห็นว่ากระจกที่โครงการเลือกมาค่อนข้างกรองแสงจากนอกบ้านได้ระดับนึงเลยนะ

มือจับและตัวล็อกแบบเซาะร่องแบบนี้ มีซีลด้วยสักหลาดช่วยเพิ่มเก็บเสียงและฝุ่น วงกบอลูมิเนียมสี Sahara silver sparkle กระจกสี Euro grey บ้านนี้จะใช้แบบนี้ทั้งหมด

มุมที่เด็ดของที่นี่ ก็คือมุมห้องนั่งเล่นต่อเชื่อมสระว่ายน้ำหลังบ้านนี่แหละ ที่เชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน โดยจะเห็นสระว่ายน้ำ และระหว่างกลางจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่เลือกชุดโต๊ะเก้าอี้ที่เหมาะกับสไตล์เจ้าของบ้านมาจัดวาง พื้นที่นี้สามารถจัด Pool Party ได้สบายๆเลย ขอบสระว่ายน้ำที่นี่ทำไว้เป็นระยะที่พอดีกับการนั่ง วางขาวางก้นได้ สามารถนั่งชนแก้วกันได้

ที่สำคัญคืออย่างที่บอกไปตอนต้นว่าตัวบ้านถูกออกแบบมาเป็นรูปตัว U และหันไปในทิศทางเดียวกัน จะทำให้บริเวณสระวายน้ำนี้เป็น Private เลยละ แต่บางคนอาจจะมองว่าทึบทั้งหมดรอบด้าน โครงการเลยคิดเรื่องฟินระแนงไม้หน้าบ้านที่หันองศาเปิดปิดได้มาทำให้ดูไม่อึดอัด

ภายในบ้านต้องการให้เกิดความเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ใช้สอยภายในและภายนอก และสามารถปรับเปลี่ยนใช้งานได้สะดวกในการจัดงานสังสรรค์ สามารถเลือกหาชุดโต๊ะมาจัดวางตามใจชอบได้แล้วแต่สไตล์เจ้าของบ้าน

จะเห็นว่ารอบๆสระน้ำมีรางระบายน้ำที่ลดสเต็ปอยู่ และมีเดรนระบายน้ำอยู่ที่ปลายราง ภายในสระฝั่งที่ใกล้กับหน้าบ้านจะเป็นจากุชชี่พ่นน้ำได้ 3 จุด

สระว่ายน้ำจะยาวตั้งแต่หน้าบ้านสุดไปจนด้านหลังบ้านซึ่งจะเหลือระยะห่างจากรั้วกำแพงประมาณ 1 เมตรนิดๆ โดยจากการที่สอบถามมาบ้านแต่ละหลังของ Type Apex มีเนื้อที่ดินไม่เท่ากันทำให้สระไม่เท่ากันทุกหลังต่างกันเล็กน้อย โดยส่วนที่กว้างจะอยู่ที่ประมาณ 2-2.40 เมตร (ไม่นับขอบสระ และส่วนที่ยาวจะอยู่ที่ประมาณ 7.90-8.20 เมตร ครับผม

จากมุมนี้จะเห็นความสูงของรั้วด้านหลังบ้านที่รั้วเดิมเป็นคอนกรีตทึบทาสีขาวสูง 3 เมตร และต่อยืดเพิ่มเป็นไม้ระแนงทาสีขาวอีก 1 เมตร

มุมนี้อยู่บริเวณปลายสระชิดกับหลังบ้าน มองไปทางหน้าบ้านจะเห็นได้ว่าสระเป็นแบบค่อยๆสโลปลึกลงเรื่อย จนความลึกสุดจะอยู่ที่ 1.30 เมตรครับ สระว่ายน้ำเนี่ยสามารถไปตกแต่งเพิ่มพวกติดตั้งน้ำตก ไฟภายรอบสระในสระ อะไรแบบนี้เพิ่มบรรยากาศได้นะ

ถ้าอยู่ในสระแล้วแหงนมองขึ้นไปตัวบ้านจะเห็นว่าภายในบ้าน พยายามใช้แสงธรรมชาติและวิวจากสระว่ายน้ำส่วนตัวให้เกิดมุมมองและประโยชน์สูงสุด

กลับมาที่บันไดทางขึ้นชั้น 2 กันบ้าง ตัวบันไดทั้งหมดเป็นระยะ Human Scale ที่ไม่มีขั้นสามเหลี่ยม และใช้ชานพักขนาดใหญ่ บันไดกว้างขนาดเดินสวนทางขึ้นลงไม่ต้องเอี้ยวตัวหลบกัน จุดที่ชอบคือราวกันตกเป็นกระจกนิรภัยและมือจับเป็นไม้เนื้อแข็งดูสวยงามและลงตัวดี จุดที่ต้องระวังคือเวลายกของเฟอร์นิเจอร์ใหญ่เข้าบ้านระวังการกระแทกโดนกระจกครับ

มุมนี้ยืนจากบริเวณชานพักบันไดช่วงแรกที่ขึ้นมาสามก้าวแล้วเงยหน้ามองไปจนถึงชั้น 3 ครับ จะเห็นว่าเป็นช่อง Void การที่ทำแบบนี้คือมันจะโปร่งโล่งแสงส่องผ่านถึงกันได้หมดทุกชั้น แต่จะเสียพื้นที่ใช้สอยไปพอสมควร แต่ออกมาสวยแบบนี้ถูกใจก็ยอม 😀

ก่อนถึงชั้นสองจะเจอชานพักอีกจุดนึงหักเลี้ยวขวาก่อนขึ้นไปชั้นบน จะเห็นว่าราวกระจกกันตกและมือจับยังต่อเนื่องไปยังพื้นชั้น 2

ขึ้นมาชั้นบนแล้ว ชั้น 2-3 จะเป็น พื้นไม้ Engineering Wood (สี Siberian Oak) โทนสีจะใกล้เคียงกับพื้นบันไดครับ

ขึ้นมาถึงที่ชั้น 2 จะเจอกับ Family Room ก่อนเลยอยู่บริเวณใจกลางของบ้าน โดยมีการกั้นห้องนี้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ floor to ceiling สูง 2.60 เมตรเป็นแบบ 3 ตอน ทำให้ดูโปร่งโล่งสบายตา และเหมือนเชื่อมต่อกับทุกฟังก์ชั่นในชั้นนี้

ลองเปิดบาน 3 ตอนให้ดูครับ เวลาไม่ได้ใช้งานห้องนี้ก็เปิดให้เชื่อมต่อกันแบบนี้ก็ดีนะ

ชอบตรงที่โครงการเค้าทำรางเลื่อนเอาไว้ด้านบนนี่ละ ทำให้ด้านล่างมันเดินได้แบบต่อเนื่องพื้นผิวเดียวกันไม่ต้องกลัวสะดุด

เข้ามาใน Family Room แล้วเนื่องด้วยห้องมีขนาดที่กว้างพอสมควร ห้องนี้เลยถูกจัดเป็น 2 in 1 โดยที่ฝั่งนึงเป็นโซนนั่งเล่นดูทีวีเผื่อกลางคืนไม่ต้องลงไปดูถึงข้างล่าง ระยะดูทีวีก็อยู่ที่ประมาณ 2.40 เมตร วางโต๊ะกลางได้ ส่วนด้านหลังของโซฟานั้นทำเป็นมุมโต๊ะนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือได้ และผนังด้านหลังสามารถ Built-In เป็นชั้นวางหนังสือได้ด้วย

เวลาดูทีวีจะประมาณนี้ ตำแหน่งแอร์จะอยู่เหนื่อทีวีพอดี ทางซ้ายมือเป็นกระจกบาน Fix นะครับ เปิดออกไม่ได้ แค่ให้แสงธรรมชาติจากห้องนี้เชื่อมต่อไปยังห้องด้านหลัง

ด้านหลังของโซฟาอย่างที่บอกนั้นทำเป็นมุมโต๊ะนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือ และผนังด้านหลังสามารถ Built-In เป็นชั้นวางหนังสือ ด้านข้างทางขวาเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เชื่อมต่อไปยังห้อง Master Bedroom

หน้าต่างช่องแสงห้องนี้เป็นบาน Fix เกือบทั้งหมด จะมีแค่บานกระทุ้ง(ขวาบน)ที่สามารถเปิดออกได้บานเดียว

มองลงไปเป็นตำแหน่งสระว่ายน้ำพอดี

ในบ้านตัวอย่างเนี่ยจะไม่มีบานประตูใส่มาให้เห็นนะครับ แต่ของจริงประตูตามห้องต่างๆจะวงกบไม้แดง บานโครงไม้ กรุผิวลามิเนต ส่วนของห้องน้ำจะได้วงกบไม้แดงและบานไม้ครับ พื้นที่บริเวณนี้เป็นฝั่งด้านหลังบ้านซึ่งห้องขวามือสุดที่มืดๆเป็น Theater Room ตรงกลางเป็นห้องน้ำ และซ้ายมือสุดเป็น Laundry & Terrace

ห้อง Home Theater บ้านตัวอย่างแต่งมาได้ถูกใจคอหนังเหลือเกิน ระยะนั่งดูห่างจากจอฉายหนังประมาณ 3 เมตร ซึ่งห้องนี้ถ้าเจ้าบ้านไม่ชอบดูหนังก็สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นเป็นห้องนอนหรือห้องทำงานเพิ่มได้อีกห้อง

 

มุมนี้ถ่ายย้อนไปทางประตูทางเข้า ซึ่งสามารถเลือกโซฟาแบบ 3 ที่นั่งได้นะครับ แค่ทางเดินจะแคบลงหน่อย

ในห้องนี้ก็มีช่องแสงมาให้เหมือนกันเวลาไม่ได้ใช้งานก็เปิดม่านเอา

ออกมาดูห้องน้ำด้านนอกกัน พื้นและผนังของห้องน้ำ เป็นกระเบื้องพอร์ชเลน ขนาด 30×60 ซม. ตกแต่งลวดลายและได้แสงไฟจากใต้บานกระจกยิ่งทำให้ดูสวยไปอีก ตัวห้องน้ำลดระดับจากโถงทางเดินประมาณ 3 ซม. ห้องนี้มีฟังก์ชั่นใช้งานมาตรฐานครบ

อ่างล้างมือขนาดเล็กกว่าห้องชั้นล่าง แต่มีเคาน์เตอร์รอบๆมาให้วางของได้และมีชุดตู้ใต้อ่างเอาไว้เก็บของเพิ่มได้เช่นกัน

สุขภัณฑ์เป็นไซส์ใหญ่กว่าชั้นล่างเช่นกัน และมีระยะในการเอื้อมมือไปหยิบจับอุปกรณ์ด้านหลังได้มากพอสมควร

ติดกันทางขวาเป็นกระจกฉากกั้นส่วนของพื้นที่อาบน้ำซึ่งเราได้มาแค่ส่วนเดียว แนะนำให้ติดเป็นบานประตูเพิ่มไปเลยให้แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ทีนี้ในส่วนของพื้นอาบน้ำลดระดับมาให้แค่ประมาณ 2 ซม. แต่ระดับพื้นลโลปไปทางเดรนระบายน้ำ พื้นที่อาบน้ำระยะประมาณ 1.1 x 1.55 ซม. รูปทางขวามือเป็นหน้าตาชุดฝักบัวของ TOTO เช่นเดียวกันครับ

ตัวหัวฝักบัวสามารถปรับรูปแบบน้ำได้

ถัดมาห้อง Laundry และ Terrace พื้นจะเปลี่ยนจาก Engineer Wood ที่ Corridor มาเป็นกระเบื้องพอร์ชเลนลายไม้โทนสีอ่อนแทน ปกติฟังก์ชั่นห้องนี้โดยทั่วไปจะอยู่แต่ชั้น 1 ใกล้ๆห้องแม่บ้าน แต่ไม่เคยเห็นที่ไหนเอาขึ้นมาไว้ชั้น 2 นอกจากบ้านสไตล์อเมริกันต่างประเทศ เนื่องเพราะพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดถูกใช้งานไปกับความสวยความงาม ห้องซักรีดก็หนีไม่พ้นที่จะต้องถูกยกขึ้นมาไว้ชั้น 2 ซึ่งก็มีเหตุผลที่ดีๆอีกหลายประการก็คือ

  1. ห้องนอนอยู่ชั้น 2-3 เช่นเดียวกับตู้เสื้อผ้า ถ้าต้องซักรีดที่ชั้นล่างก็ต้องแบกเสื้อผ้าขึ้นลง ทำให้เปลืองแรงเปล่าๆ
  2. ชั้นล่างพื้นที่ไม่พอ และการตากผ้าข้างล่างก็จะทำให้สระว่ายน้ำดูไม่จืดเลย
  3. Terrace ที่ติดกันด้านหลัง สามารถตากผ้าได้อย่างสบายใจ โดยมีการทำเป็นระแนงเหล็กบังสายตาเอาไว้ให้

หน้าตาชุดตู้บนล่างจะเป็นเช่นนี้

จุดตากผ้าก็เป็นระเบียงอยู่ด้านนอก มีการทำเป็นระแนงเหล็กบังสายตาเอาไว้ให้ เพื่อความเป็นส่วนตัวและถือเป็นช่องระบายอากาศให้ลมพัดเข้าออกได้ บริเวณนี้มีจุดระบายน้ำเอาไว้ให้เผื่องานซักมือก็ได้ครับ

กลับมาที่ Corridor เราไปดูห้อง Master Bedroom ฝั่งหน้าบ้านกันบ้าง อยู่ก่อนทางเดินขึ้นบันไดไปชั้น 3

เข้ามาแล้วจะเจอกับส่วนของ Walk in Closet ก่อนบริเวณใจกลางห้อง หันมองมาทางซ้ายนิดนึง จะเป็นพื้นที่ทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังเตียงนอน

มุมนี้เป็นประตูที่เชื่อมกับห้อง Family Room ที่พาไปดูก่อนหน้า ผนังด้านข้างเหลือพอที่จะ Built-In เป็นตู้โชว์ ชั้นวางหนังสือได้ ทำเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือเล็กๆแบบนี้ก็ได้ครับ

โครงการวางเตียงแบบ Kingsize เอาไว้ เหลือทางเดินไปยังโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองฝั่งข้างละประมาณ 60 ซม. รอบๆเตียงมีช่องแสงส่องผ่านถึงกันตลอดทำให้ดูสบายตา

หน้าต่างช่องแสงฝั่งเข้าไปตัวบ้าน เวลานอนอยู่บนเตียงจะเห็นสระว่ายน้ำด้วย

ระยะทางเดินจากปลายเตียงไปยังผนังห่างพอสมควร คือถ้าใครเป็นคนชอบนอนดูทีวีระยะห่างขนาดนี้คงต้องเลือกจอทีวีไซส์ 60 นิ้ว+ ไม่งั้นจะต้องเพ่งเอา

ผนังปลายเตียงตกแต่งเป็นชั้นวางของได้ตามใจชอบ ถ้าเอาทีวีแขวนผนังแบบนี้ก็จะได้ที่วางของเพิ่มขึ้นมา

ช่องแสงฝั่งติดกับระเบียงหน้าบ้านเริ่มจากบานซ้ายมือสุดใกล้หัวเตียง จะเป็นบาน Fix นะครับ ส่วนทางขวาจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน จะเห็นว่าบ้านตัวอย่างมีการตกแต่งบริเวณรางผ้าม่านด้านบนเก็บงานให้เป็นสัดส่วน

ตัวระเบียงมีความกว้างประมาณ 60 ซม. ราวกันตกเป็นกระจกนิรภัยเพื่อให้แสงส่องผ่านเข้ามาในตัวบ้านได้ สูงประมาณ 1 เมตรครับ

ออกมายืนที่ระเบียงมองไปยังส่วนนึงของ Facade บ้าน ที่ใช้วัสดุไม้มาปิดผิว และมีการเล่นมุมให้เฉียงองศาลงเข้าหาตัวบ้าน

กลับเข้ามาให้ตัวห้องอีกที ตรงกลางห้องที่เป็นพื้นที่ Walk in Closet มีขนาดกว้างพอสมควรใส่เสื้อผ้าได้เยอะน่าจะเพียงพอต่อ 2 คนนะครับ

จะเห็นว่าห้องน้ำมีการเจาะผนังเป็นหน้าต่างกระจกบาน Fix เอาไว้ ถ้าเวลาใช้งานไม่อยากให้ใครเห็นก็สามารถปิดเปิดม่านเอาได้ ติดกันจะเป็นการเลือกชุดโต๊ะมาวางเอาไว้เผื่อเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ โดยที่เค้าใช้ไอดเดียวติดกระจกเงาที่ผนังด้านหลัง

เข้ามาในห้องน้ำแล้วบริเวณอ่างล้างมือเป็นแบบ His & Her มีเคาน์เตอร์ยาวด้านหลังของอ่างเอาไว้วางของได้ แต่จะไม่มีชุดตู้ใต้อ่างนะครับเป็นที่แขวนผ้าราวสแตนเลสแทน พื้นในห้องน้ำนี่ก็เป็นกระเบื้องพอร์ชเลนเช่นเดียวกันแต่เลือกลายให้เหมือนกับหินอ่อนสีขาว

ตรงกลางของห้องน้ำเป็นที่ตั้งของอ่างอาบน้ำแบบนี้มีชุดฝักบัวติดตั้งมาให้ ด้านหลังแยกส่วนมีฉากกระจกกั้นเอาไว้ ทางขวาเป็นส่วนของการใช้งานสุขภัณฑ์ และทางซ้ายเป็นส่วนพื้นที่อาบน้ำไม่ให้มองเห็นกันเวลาใช้งาน เผื่อคู่สามีภรรยาใช้งานร่วมกันครับ

หน้าตาชุดฝักบัวของจุดอ่างอาบน้ำ

ชุดสุขภัณฑ์เหมือนกับชั้น 1 ด้านข้างทางขวามีจุดระบายน้ำ

ภายในห้องน้ำมีประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดได้แต่ออกไปไม่ได้เพราะติดที่เป็นส่วนของ Facade ระแนงเหล็กหน้าบ้าน เต้าทำมาเพื่อให้แสงส่องผ่านเข้ามาได้มากๆและระบายความชื้นนั่นเอง ส่วนของพื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.1 x 1.2 เมตร ตัวพื้นลดสเต็ปลงเล็กน้อยประมาณ 2 ซม.

หน้าตาชุดฝักบัวบริเวณที่อาบน้ำจะเหมือนกับจุดที่ใช้งานที่อ่างอาบน้ำ มีที่วางสบู่ก้อนมาให้จุดเดียว ผนังด้านหลังกรุกระเบื้องโมเสคเวลากระทบแสงแดดออกมุกๆหน่อย

กลับมาที่ Corridor ก่อนทางขึ้นชั้น 3 มุมนี้สวยนะ เวลากลางวันแสงส่องผ่านถึงกัน ขอเสริมเวลากลางคืนแสงสว่างอาจจะไม่เพียงพอ อาจจะติดตั้งไฟส่องสว่างตามทางเดินไปเลย และเพิ่มความสวยงามด้วยนะ

ตัวราวกันตกของบันไดรวมมือจับความสูงจะอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร มุมนี้มองไปจะเห็นช่องทะลุถึงกันไม่ได้เป็นทึบแบบชั้นล่าง

ขึ้นมาถึงชานพักก่อนถึงชั้น 3 พึ่งสังเกตเห็นว่าผนังด้านนี้เหมือนเป็นช่องอะไรสักอย่าง

ลองเปิดออกดู เป็นช่องของงานระบบไฟที่เชื่อมถึงกันจากชั้นล่าง และมีตู้คัทเอาต์สำหรับปิดแยกเป็นชั้นๆได้

ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดแล้ว จะเจอกับ Terrace ขนาดใหญ่อยู่ใจกลางบ้าน ซึ่งตำแหน่งของมันอยู่เหนือกับห้อง Family Room ที่ชั้น 2 นั่นเอง โดยกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกจากตรงกลาง

ลองเปิดบานเลื่อนออกให้ดูครับได้ความกว้างประมาณนี้

พื้นที่ Terrace ขนาดใหญ่นี้จะเป็นแบบ Indoor แค่ส่วนนึงเท่านั้น ถ้าเลือกชุดโต๊ะเก้าอี้มาวางบริเวณนี้ควนหาแบบที่กันน้ำเอาไว้ด้วยเผื่อเวลาฝนกตกแล้วน้ำสาดเข้ามา จะเห็นที่บริเวณมุมซ้ายมีเดรนระบายน้ำเอาไว้ให้

ฝั่งนี้สามารถจัดเป็นสวนกระถางได้นะถ้าใครอยากให้สีเขียวของต้นไม้เพิ่มขึ้น ที่เห็นประตูกระจกบานเลื่อนนั้นเป็นส่วนของห้องนอนฝั่งหลังบ้าน สามารถเปิดเข้า-ออก มายังพื้นที่ระเบียงได้

เราไปดูในห้องนอนฝั่งหลังบ้านที่บอกไปเมื่อกี้กัน

เข้ามาแล้วไปดูฝั่งขวามือก่อน ระหว่างทางเดินไปยังเตียงนอน ค่อนข้างกว้างมาก โ๕รงการเลยจัดไอเดียวทำเป็นโต๊ะทำงานอ่านหนังสือแบบนี้ และผนังติดตั้งกระจกและชั้นวางหนังสือเอาไว้ดูเหมาะสมดี

ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับดูทีวีหรือ่านหนังสือได้ ติดกับเป็นเตียงซึ่งมีระยะพอจะวางได้ตั้ง 5-6 ฟุตครับ

ด้านข้างของหัวเตียงมีพื้นที่สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองฝั่ง

ตำแหน่งการติดตั้งทีวีของห้องนอนนี้คงจะต้องแขวนผนังแบบนี้ละครับ เพื่อจะได้ไม่เกะกะทางเดินปลายเตียง ข้อเสียของมันคืออยู่ระหว่างบานช่องแสงทั้งสองฝั่งซ้ายขวา เวลาจะดูทีวีจะต้องปิดม่านเท่านั้นไม่งั้นแสงจะแยงตาเอา

มาดูอีกฝั่งซึ่งเป็นพื้นที่ของ Walk in Closet ก่อนทางเข้าห้องน้ำกันบ้าง จัดวางเป็นรูปทรงตัว L ซึ่งรวมถึงพื้นที่ของโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ด้วย

มีพื้นที่น่าจะเพียงพอต่อสาวๆที่มีเสื้อผ้าเยอะพอสมควรนะครับ

ฝั่งตรงข้ามช่องแสงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนแบบนี้ ด้านนอกเป็นพื้นที่สำหรับวางคอมแอร์ได้ 2 เครื่อง และสามารถออกไปดูแลสำหรับงานซ่อมบำรุงได้ด้วย

ห้องน้ำห้องนี้รูปแบบ ฟังก์ชั่น และตำแหน่งของอุปกรณ์จะเหมือนกับห้องข้างล่างที่ติดกับห้องดูหนังเลยเป๊ะๆเลย ไม่ขออธิบายซ้ำนะครับ

มาดูอีกฝั่งกันบ้าง ก่อนที่จะถึงห้องนอนฝั่งด้านหน้าบ้าน จะเจอกับห้องกระจกเล็กเอาไว้ก่อน ห้องนี้คือส่วนของห้องพระนั้นเอง มีแสงสว่างส่องเข้าไปได้มากพอสมควร

ภายในห้องพระสามารถตั้งหิ้งบูชาแล้วแต่ตามความชอบของแท่ละท่าน มีพื้นที่ให้พอสมควร แต่ถ้านั่งสมาธิด้วยคงเต็มที่แค่ 2 คนนะครับ

เข้ามาในห้องนอนฝั่งหน้าบ้านแล้ว เปิดเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ Walk in Closet เหมือนกันกับห้องชั้นล่าง

แต่ห้องนี้จัดมุมโต๊ะเครื่องแป้งหันหน้าไปทางฝั่งเตียงนอนแทน มีทางเดินไปยังพื้นที่เตียงนอนแยกเป็นสัดส่วนเอาไว้

เข้ามาในส่วนพื้นที่วางเตียงนอนแล้ว บ้านตัวอย่างจัดแบบเป็นแบบเตียงเตี้ย แต่ก็ยังมีทางเดินรอบๆเตียงซ้ายขวาได้ ห้องนี้จะได้หน้าต่างช่องแสงมากกว่าห้องข้างล่างอีกหน่อยนะครับ เลยดูโปร่งโล่งสบายๆแบบนี้

ฝั่งซ้ายมือเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ที่มองออกไปด้านนอกจัดสวนเล็กๆเอาไว้ที่เชื่อมต่อกับลาน Terrace

ระยะทางเดินปลานเตียงกว้างประมาณ 1.2 เมตร และมีผนังสำหรับติดตั้งชั้นวางและแขวนทีวีได้

ช่องแสงเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้ ออกไปยังระเบียงฝั่งหน้าบ้าน

ระเบียงห้องนี้จะกว้างกว่าชั้นล่างคือประมาณ 80 ซม. มีราวกันตกเป็นกระจกนิรภัยเช่นเดิม พื้นที่นี้เพียงพอสามารจัดสวนกระถางเก๋ๆได้นะเวลานอนอนอยู่ในห้องมองออกไปได้สีเขียวด้วย

วิวจากระเบียงของห้องนี้ ตำแหน่ง A2 ของโครงการ จะมองเห็นต้นไม้ใหญ่และ Club House ภายในโครงการ ซึ่งจะเห็นแบบนี้ได้มีแค่ 2 แปลงเท่านั้นครับ

สุดท้ายในส่วนของห้องน้ำห้องนี้มีฟังก์ชั่นครบอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำ(พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1 x 1.65 เมตร ลดระดับลง 2 ซม.) สิ่งที่สะดุดตาพอเข้ามาในห้องน้ำนี้คือ แสงธรรมชาติเยอะดีแหะ

หน้าตาชุดฝักบัว ผนังด้านหลังกรุด้วยกระเบื้องพอร์ชเลนลายไม้ไซส์ 30 x 60 ซม.

ถัดจากพื้นที่อาบน้ำ จะมีฟังก์ชั่นห้องนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์อาทิเช่นจะจัดสวนเล็กๆเอามาบังสายตาเพิ่มจากภายนอก นอกเหนือจากระแนง Facade หน้าบ้าน มีประตูกระจกสามารถเปิดออกไปได้ หรือถ้าไม่เปิดประตูก็เปิดเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งด้านบนแทน

ความกว้างประมาณ 60 ซม. มีเดรนระบายน้ำติดตั้งเอาไว้ให้

ต่อไปมาดูแบบบ้าน Zenith พื้นที่ใช้สอย 538-543 ตร.ม. แบบบ้านจะคล้ายกับแบบ Apex เลยแตกต่างกันที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยในบ้านมากกว่า ซึ่งพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นนี้จะเพิ่มในส่วนพื้นที่ใช้สอยด้านหน้าตัวบ้าน ชั้น 1 จะมีห้องนอนเล็กเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้องบริเวณด้านหน้าบ้าน ที่ชั้น 2 ห้อง Master Bedroom จะมีขนาดใหญ่ขึ้น และที่ชั้น 3 ห้องนอนขนาดกลางฝั่งด้านหน้าบ้านจะมีระเบียงขนาดใหญ่เพิ่มเข้ามา

เริ่มที่ชั้น 1 ของตัวบ้านกันครับ ด้านหน้าบ้านถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือฝั่งขวาเป็นพื้นที่โรงจอดรถสำหรับจอดรถได้ 3 คัน ด้านหลังโรงจอดรถเป็นพื้นที่สำหรับเก็บจักรยานและอุปกรณ์ต่างๆในโรงรถเหมือนแบบ Apex แต่พื้นที่ฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่จัดสวนเล็กๆหน้าบ้าน ห้องนอนแม่บ้านถูกจัดตำแหน่งให้ถัดจากสวนเข้าไปด้านในเข้าออกจากด้านนอกตัวบ้าน ซึ่งในส่วนนี้จะมีห้องน้ำแม่บ้านแยกไว้ต่างหาก ประตูเข้าบ้านจะตรงอยู่ตรงกลางระหว่างพื้นที่สวนและโรงรถ เข้ามาในตัวบ้านฝั่งขวาจะเป็นห้องนอนเล็กที่เพิ่มเข้ามาในพื้นที่ชั้น 1 ถัดเข้าไปด้านในจะพบพื้นที่นั่งเล่นรับแขก ทีวีของห้องนั่งเล่นถูกวางตำแหน่งให้ติดกับบันไดทางขึ้นชั้น 2 สำหรับพื้นที่ใต้บันไดจะเป็นห้องเก็บของ ติดกันกับห้องเก็บของเป็นห้องน้ำแขก (Powder Room) ถัดเข้าไปจากพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารซึ่งพื้นที่ด้านในสุดของส่วนนี้เป็นเคาน์เตอร์ครัว (Pantry) สำหรับใช้เป็นพื้นที่ตั้งเครื่องทำกาแฟ เครื่องปิ้งขนมปัง และมีครัวไทยเป็นห้องที่มีประตูปิดแยกไว้ทางซ้ายมือเหมือนแบบบ้าน Apex นอกจากนี้พื้นที่นั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารจะติดกับพื้นที่เฉลียงทางฝั่งขวาของตัวบ้านซึ่งเป็นตำแหน่งของสระว่ายน้ำ โดยพื้นที่ข้างสระมีพื้นที่เหลือสำหรับจัดปาร์ตี้เล็กๆได้ หรือสามารถวางเก้าอี้ Deck ไม้ไว้นอนเล่นข้างสระน้ำได้เหมือนแบบบ้าน Apex เช่นกัน

ขึ้นมาจากบันไดชั้น 2 ฝั่งซ้ายมือจะเป็นโถงขนาดเล็กเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เชื่อมต่อห้อง Laundry, ห้องน้ำส่วนกลาง และห้อง Home Theater เอาไว้ ส่วนฝั่งขวาของบันไดจะเป็นโถงทางเดินบนชั้น 2 ซึ่งฝั่งหนึ่งของทางเดินนี้จะติดกับ Family Room  ส่วนห้อง Master Bedroom ถูกจัดตำแหน่งไว้ด้านในสุดของชั้นนี้ ภายในจัดให้มีห้อง Walk in closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวของห้อง Master Bedroom เช่นเดียวกับแบบ Apex แต่จะมีขนาดห้องที่ใหญ่กว่า

ขึ้นมาที่ชั้น 3 ของบ้าน จะแตกต่างกับแบบ Apex คือแบบนี้จะจัด Family Room และห้องเก็บของ เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างละ 1 ห้อง และยังจัดแบ่งห้องนอนแบบมีห้องน้ำในตัว 2 ห้อง และห้องพระ 1 ห้องไว้เหมือนเดิม ขึ้นมาจากบันไดฝั่งซ้ายจะพบโถงส่วนกลางขนาดเล็กสำหรับเชื่อมห้องพระและห้องนอนเล็กไว้ด้วยกัน ส่วนทางฝั่งขวาจะเป็นโถงทางเดินบนชั้น 3 ซึ่งฝั่งหนึ่งของทางเดินนี้จะติดกับพื้นที่ Family Room ที่ถูกกั้นส่วนกันด้วยประตูกระกบานสไลด์จึงสามารถเดินเชื่อมจากโถงทางเดินออกไปยังพื้นที่ระเบียงได้นะครับ ด้านในสุดของพื้นที่ชั้นนี้เป็นห้องนอนขนาดกลางที่มีขนาดใหญ่อีกห้องหนึ่งที่อยู่คนละฝั่งของโถงทางเดิน สำหรับห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดของชั้นนี้คือห้องเก็บของ มีตำแหน่งอยู่ติดกับบันไดด้านใน และมีระตูปิดเป็นสัดส่วนเรียบร้อยครับ

Ze-บ้านจริง

หน้าตาภายนอกแบบบ้าน Zenith เป็นแบบนี้ครับ โทนสีและวัสดุจะเหมือนกับหลังเล็กแบบ Apex แต่มีส่วนของกระจกช่องแสงเยอะกว่านิดหน่อย เนื่องจากขนาดหน้ากว้างกว่า และพื้นที่ระเบียงชั้นบนสุดมีขนาดใหญ่และกว้างมาก กั้นด้วยกระจก Templer Glass ทำให้แสงยังส่องเข้ามาในตัวบ้านได้และสวยงามด้วย

**เนื่องจากวันที่เข้าไปสำรวจทำรีวิว ภายในบ้าน Type Zenith ยังตกแต่งภายในไม่เสร็จจึงไม่สามารถเข้าถ่ายภาพภายในได้ครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 March 2016

  • Type A แปลง 4 ที่ดิน 56.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 438 ตร.ม. ราคา 33.02 ล้านบาทหรือ 581,338 บาท/ตร.วา
  • Type A แปลง 8 ที่ดิน 65.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 445 ตร.ม. ราคา 34.37 ล้านบาทหรือ 522,340 บาท/ตร.วา
  • Type A แปลง 11 ที่ดิน 55.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 439 ตร.ม. ราคา 25 ล้านบาทหรือ 453,720 บาท/ตร.วา
  • Type Z แปลง 7 ที่ดิน 87.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 543 ตร.ม. ราคา 46.15 ล้านบาทหรือ 526,282 บาท/ตร.วา

  • แอร์ยี่ห้อ Daikin Ceiling Type 2 เครื่อง (เฉพาะชั้น 1)
  • ปั๊มน้ำยี่ห้อ Mitsubishi EP-305QS แรงดันคงที่ 300 Watt
  • ถังเก็บน้ำ ยี่ห้อ Cotto ขนาด 2,000 ลิตร
  • ถังบำบัดน้ำเสียยี่ห้อ P.P ขนาด 2,120 ลิตร
  • Digital Door Lock ของ Samsung
  • ครัวไทยตามมาตรฐานโครงการ
  • สัญญาณกันขโมยยี่ห้อ GE ระบบ Magnetic Sensor ทุกประตูและหน้าต่างบริเวณชั้น 1-2
  • ระบบไฟฟ้า Automation เฉพาะชั้น 1 และทุกห้องนอน (ควบคุมแสงสว่างจาก Mobile App)
  • **เครื่องปรับอากาศ และ ชุดbuilt-in ครัวตามแบบบ้านตัวอย่างถ้าไม่เอาโครงการแจ้งเป็นส่วนลดมูลค่ารวม 1,000,000 บาท

  • จอง 200,000 บาท
  • ทำสัญญา 1,000,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตร.วาละประมาณ 150,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 155 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของโครงการ The Honor ตั้งอยู่ในซอยประดิษฐ์มนูธรรม 8 ห่างจากถนนหลักประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนเอกมัยรามอินทรา)ประมาณ 190 เมตร หรือซอยลาดพร้าว 81 ซึ่งห่างจากปากซอยประมาณ 1 กม. หน้าปากซอยจะเป็นห้าง BigC Supermarket และร้านค้าอาหารรถเข็นริมทาง เลยไปหน่อยก็จะมี Foodland ที่มีฟู๊ดคอร์ทเปิด 24 ชม.ด้วย, Makro และ The Mall บางกะปิ แต่ความอุดมสมบูณ์หลักๆจะอยู่อิงไปทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบด่วนเอกมัยรามอินทรา)มากกว่า จะมีห้างใหญ่ๆ และ Community ได้แก่ Homepro, The Walk, CDC, Crystal Park, Tesco Lotus และ Chic Republic เป็นต้น ตรงนี้ถือเป็น Prime Location ของย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราเลยละ และในละแวกใกล้ๆยังมีทั้งโรงแรม ตลาด ร้านอาหาร ธนาคาร โรงเรียน โรงพยาบาลอีกด้วยถือว่าอุดมสมบูรณ์ครบครัน แต่มันเหมาะกับคนใช้รถนะ เพราะแต่ละอย่างอยู่ห่างกันพอสมควร สภาพแวดล้อมในซอยกำลังจะเต็มไปด้วยหมู่บ้านและโครงการที่อยู่อาศัยที่เริ่มจะเข้ามาทำในทำเลนี้เพิ่มมากขึ้น และบ้านชุดใหม่ๆแต่ละหลัง ระดับสิบล้าน Up ทั้งนั้น ดังนั้น เพื่อนบ้านใกล้เคียงแถวนี้ ที่กำลังทยอยเข้ามา จะเป็นสังคมอีกแบบนะ

การเดินทางด้วยรถถือว่าสะดวกดีเพราะมีทางลัดซอยเล็กซอยน้อยให้ออกได้หลายทางเส้นทาง จากแผนที่ผมทำให้ดูคือเจ้าซอยลาดพร้าว 81 เนี่ย มันสามารถเชื่อมกับซอยประดิษฐ์มนูธรรม 6, 8 และ 10 ได้ ซึ่งทั้งสามซอยนี้ก็สามารถออกถนนหลักอย่างประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วน)ได้ทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันในละแวกนี้ถือว่าเป็นเขตชุมชนที่อยู่อาศัยจำนวนมากนะ เพราะว่าสะดวกแหล่งอาหารการกินอุดมสมบูรณ์และใกล้ทางด่วน จึงต้องทำใจและเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์ด้วย เพราะรถบนถนนค่อนข้างหนาแน่นตลอดทั้งวัน และยิ่งโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน บวกกับปัจจุบัน Central Festival East Ville เปิดแล้วบวกความติดเพิ่มไปอีกหน่อย ทำเลตรงนี้จึงเหมาะกับคนที่อาจจะเข้าออกจากบ้านไม่ค่อยจะเป็นเวลาเดียวกันกับคนทำงานปกติทั่วไป

ส่วนใครที่พึ่งพิงระบบสาธารณะ แม้ที่ตั้งโครงการจะเป็นถนนซอยที่ทะลุไปไหนมาไหนได้สะดวกแต่ก็ไม่ใช่ถนนหลักอาจจะต้องลำบากนิดนึง เนื่องด้วยที่ว่าซอยหน้าโครงการเนี่ยเป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยอย่างเดียว จะไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่านนะครับ มีพี่วินมอเตอรไซต์อยู่บริเวณหน้าปากซอยลาดพร้าว 81 หรือจะเรียกแท็กซี่จากหน้าโครงการเลยก็ยังพอมีวิ่งบ้างแต่ไม่ค่อยเยอะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ปัญหาเราแค่เอาเทคโนโลยีมาช่วย เรียก Grab Taxi หรือ Uber ก็ช่วยเราได้เพราะอยู่ไม่ไกลจากถนนหลักด้วย ในอนาคตจะมีส่วนของแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง) ซึ่งโดนโรคเลื่อนไปคงจะเสร็จไม่ทันภายในปี 2562 ตามแผนการแน่นอน แต่ถ้าเสร็จแล้วจะมีสถานีฉลองรัช อยู่บริเวณปากซอยลาดพร้าว 81 เลย ซึ่งคาดว่าน่าจะห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตรเศษๆเท่านั้น

การออกแบบตัวโครงการ เป็นบ้านแค่ 12 หลัง ในพื้นที่โครงการที่เล็ก มีดีมีเสีย ข้อเสียคือ ทำให้ Facility จัดมาได้น้อยนิด เพราะมีบ้านแค่นี้เอง แต่ข้อดีคือดูแลง่าย และมี Privacy สูง ไม่พลุกพล่านวุ่นวาย ส่วนตัวบ้านออกแบบเน้นพื้นที่ใช้สอยด้านในบ้านไม่เน้นสวน พื้นที่ในบ้านออกแบบมาได้ดีมาก ฟังก์ชั่นครบ ไม่อึดอัดและโล่งเกินไปและมี Privacy จากการแยกส่วนของห้องต่างๆ เอาไปตกแต่งภายในต่อได้ง่ายและมีพื้นที่ทำบ้านเยอะดี ชุดห้องแม่บ้านและฟังค์ชั่นที่เขาต้องใช้งานถูกแยกไปรวมกันต่างหาก ช่องแสงของบ้านที่หันไปในทิศทางเดียวกันทำให้ลูกบ้านมองไม่เห็นกันได้ Privacy ดีเยี่ยม และช่องแสงภายในบ้านส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อกันเกือบทุกฟังก์ชั่นด้วย

วัสดุอุปกรณ์ของที่นี่ถือว่าได้ของดีระดับนึง โดยใช้วัสดุธรรมชาติอย่างเช่นไม้และหินกรุสลักปิดผิวตกแต่ง และทำระแนงเหล็กบังผนังอาคารที่เป็นกระจกเอาไว้เป็นส่วนนึงของ Facade โครงสร้างหลักของบ้านเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก/พื้นคอนกรีตอัดแรงกำลังสูง ( Post Tension) ส่วนหลังคาเป็นโครงสร้างเหล็ก ทาสีกันสนิม มุง Metle Sheet บุฉนวนกันความร้อน ตัวอาคารบ้านเสาเข็มเจาะ ไดมิเตอร์ 30 ซม. ลึก 20 เมตร ที่จอดรถจอด เป็นแบบ Slab on Beam / พื้นภายในบ้านชั้นล่างจะเป็นกระเบื้องพอร์ชเลน ขนาด 24″ x 48″  Cotto Italia ส่วนชั้น 2-3 จะเป็น Engineering Wood (สี Siberian Oak) / สุขภัณฑ์ ห้องน้ำในได้ TOTO เป็นหลักมีแตกต่างบ้างห้องที่ไม่เหมือนกัน / ประตูหน้าไม้สักทำสีธรรมชาติ ส่วนประตูตามห้องต่างๆจะวงกบไม้แดง บานโครงไม้ กรุผิวลามิเนต ส่วนของห้องน้ำจะได้วงกบไม้แดงและบานไม้ครับ / ระบบไฟฟ้า Automation เฉพาะชั้น 1 และทุกห้องนอน (ควบคุมแสงสว่างจาก Mobile App) / สัญญาณกันขโมยยี่ห้อ GE ระบบ Magnetic Sensor ทุกประตูและหน้าต่างบริเวณชั้น 1-2 / แอร์ยี่ห้อ Daikin Ceiling Type 2 เครื่อง (เฉพาะชั้น 1) / **เครื่องปรับอากาศ และ ชุด built-in ครัวฝรั่งตามแบบบ้านตัวอย่างถ้าไม่เอาโครงการแจ้งเป็นส่วนลดมูลค่ารวม 1,000,000 บาท

พื้นที่สีเขียวในโครงการ มีพอสมควร มีแค่ต้นไม้ที่สวนส่วนกลางโครงการ แต่ตัวบ้านมีพื้นที่ปลูกต้นไม้น้อย อันถือเป็นข้อด้อยอย่างมากสำหรับคนที่มีความใฝ่ฝันว่าอยากได้บ้านที่มีสวนมีต้นไม้ มีที่ให้น้องหมาวิ่งเล่น เพราะจ่ายเงินระดับ 25 ล้านขึ้นไป ซึ่งราคาระดับนี้ สามารถหาบ้านพื้นที่ระดับ 200 ตารางวา เนื้อที่สวนเยอะๆได้ไม่ยาก แต่ต้องเป็นในทำเลถัดๆออกไปนะครับ ถือว่าบ้านของโครงการ The Hor ออกแบบมาไม่เน้นสวนจริงๆ เน้นพื้นที่ใช้สอยเป็นหลักมากกว่านะ

สาธารณูปโภคโครงการมี Club House มาให้ซึ่งอนาคตจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับลูกบ้านที่ชั้นล่าง เป็น Double Space ส่วนชั้นบนเป็นห้องอ่านหนังสือและ Fitness สวนด้านหน้า Club House ขนาดไม่ใหญ่มากแต่จุดเด่นคือเก็บต้นไม้ใหญ่เดิมเอาไว้ประมาณ 3 ต้น ถ้ารอออกใบมากกว่านี้คงจะดูร่มรื่นมากๆ และที่นี่นำสายไฟลงดินนะครับ ระบบ Security ในบ้านมีให้มีเดินระบบไฟและสายสัญญาณต่างๆในบ้านและเชื่อมต่อกับส่วนกลางให้ค่อนข้างดี ซุ้มประตูทางเข้าและในโครงการมี CCTV 8 จุด และเข้าออกด้วระบบรีโมทเฉพาะลูกบ้าน

Judgement

โครงการนี้ เป็นโครงการระดับ SUPER LUXURY CLASS ที่ขายราคาประมาณ 25-46 ล้านบาท การตัดสินใจซื้อของบ้านระดับนี้ ไม่ได้มองแง่ความคุ้มค่าเทียบกับเงินที่จ่ายไป หากแต่ดูความชอบและความพอใจส่วนตัวเป็นสำคัญ เรายังไม่มีมาตรฐานการให้คะแนนที่เหมาะสมสำหรับโครงการระดับ SUPER LUXURY CLASS ที่ใช้ความพอใจเป็นตัวตัดสินครับ จึงไม่มีการให้คะแนน ผมแนะนำให้ไปดูโครงการและใช้ใจให้คะแนนด้วยตัวเองครับ

 

BOTTOM LINE

The Honor เหมาะกับคนมองหาบ้านย่านเลียบทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา ที่อยู่ใกล้กับกลุ่มห้างและคอมมูนิตี้มอลล์เด่นในละแวกนี้ เช่น CDC, Central East Ville ชอบลักษณะโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูงระดับนึง ซื้อบ้านเน้นความชอบและงานออกแบบที่ถูกใจตัวเอง ไม่เน้น Facility ส่วนกลาง มีงบประมาณระดับ 25-46 ล้านบาท ไม่รวมงบตกแต่งบ้านที่น่าจะต้องเตรียมระดับ 5 ล้านขึ้นไป

 

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )