CENTRO เพชรเกษม 69 บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ 4 ห้องนอน ใกล้ถนนเพชรเกษม จาก AP [รีวิวฉบับที่ 2437]

CENTRO เพชรเกษม 69 ณ วันที่ 26 September 2022

พิกัด Google Maps : 13.6885844 , 100.3508611
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

CENTRO เพชรเกษม 69 ตั้งอยู่ในซอยเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ 20 ซึ่งเข้าได้จากทั้งถนนเพชรเกษม 69 และ ถนนมาเจริญ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อระหว่างถนนเพชรเกษมและถนนเอกชัยค่ะ

ทำเลโครงการนี้จะเป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยที่คึกคัก มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น มีร้านอาหาร ตลาด เป็นระยะทั้งถนนเลียบคลองภาษีเจริญเอง ถนนเพชรเกษม 69 และถนนมาเจริญ รวมไปถึงการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถสองแถว หรือวินมอเตอร์ไซค์ก็มีให้เรียกใช้อีกด้วย นับเป็นทำเลที่สามารถใช้ชีวิตได้สะดวกสบายค่ะ

ในแง่โครงการจัดสรรที่เกิดขึ้น ถ้ามองในโซนเพชรเกษม 69 นี้จะมีอยู่ 2 กลุ่มหลักๆ คือ โครงการบ้านแฝดบ้านเดี่ยวที่ราคาไม่ถึง 10 ล้าน และโครงการบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านขึ้น (ได้ที่ดินใหญ่) สำหรับโครงการ CENTRO เพชรเกษม 69 จะเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ช่วงราคา 7-12 ล้าน โดย Product ส่วนใหญ่ในโครงการจะเป็นบ้านที่ราคาไม่ถึง 10 ล้านบาทค่ะ ซึ่งในเงื่อนไขเดียวกันนี้ ถ้ายังอยากได้บ้านเดี่ยวงบไม่เกิน 10 ล้านใกล้ถนนเพชรเกษมนอกจากโครงการนี้ก็อาจจะต้องไปดูแถวถนนพุทธมณฑลสาย 4 เพิ่มเติม แต่ในแง่ความอุดมสมบูรณ์เรามองว่าตรงเพชรเกษม 69 จะมีความคึกคักมากกว่าค่ะ

ในแง่ความอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะเกาะตามถนนเส้นหลักอย่างถนนเพชรเกษม ถนนเพชรเกษม 69 เป็นหลักค่ะ โดย node สำคัญของคนโซนนี้จะอยู่ที่ถนนเพชรเกษมแถว The Mall บางแค และ ซีคอนบางแค ซึ่งเป็นห้างใหญ่ มีตลาดบางแคใกล้ๆ และมีรถไฟฟ้า MRT เปิดใช้งานเรียบร้อยสถานีปลายทางคือสถานีหลักสอง ถือว่าเป็นโซนที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านความเจริญสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

เส้นทางคมนาคม

• ถ.เลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ ~ 450 เมตร
• ถ.เพชรเกษม ~ 2.2 กม.
• ถ.พุทธสาคร ~ 4.6 กม.
• ถ.พุทธมณฑล สาย 3 ~ 5.7 กม.
• ถ.เอกชัย ~ 8.2 กม.
• ถ.พุทธมณฑล สาย 2 ~ 8.5 กม.
• ถ.กาญจนาภิเษก ~ 8.5 กม.
• ถ.พระราม 2 ~ 12 กม.
• ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอก (ด่านบางขุนเทียน) ~ 14.7 กม.
• รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีพุทธมณฑล สาย 3) ~ 3.4 กม.
• รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีทวีวัฒนา) ~ 5.7 กม.
• รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีพุทธมณฑล สาย 4) ~ 6 กม.
• รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีหลักสอง) ~ 9.5 กม.

สถานศึกษา

• ร.ร. สารสาสน์วิเทศหนองแขม ~ 2.8 กม.
• ร.ร. เลิศหล้า ~ 4 กม.
• ร.ร. กรพิทักษ์ศึกษา ~ 5 กม.
• ร.ร. สารสาสน์วิเทศพัชรมลฑล ~ 5.5 กม.
• ร.ร. อนุบาลเด่นหล้า ~ 6.5 กม.
• ร.ร. สารสาสน์วิเทศบางบอน ~ 8.9 กม.
• ม. เอเชียอาคเนย์ ~ 5.5 กม.
• ม. ธนบุรี ~ 6 กม.
• รร. อัสสัมชัญ ธนบุรี ~ 9.2 กม.
• รร. สารสาสน์วิเทศน์ ธนบุรี ~ 9.5 กม.
• รร. กสิณธร อาคาเดมี่ ~ 11 กม.

ห้างสรรพสินค้า

• BIG-C เพชรเกษม ~ 5.7 กม.
• THE MALL บางแค ~ 9.5 กม.
• THE EXPLACE MALL ~ 11 กม.
• MAKRO บางบอน ~ 13.5 กม.
• ซีคอน บางแค ~ 14 กม.

สถานพยาบาล

• รพ.วิชัยเวช อินเตอร์ฯ ~ 7 กม.
• รพ.เกษมราษฎร์ บางแค ~ 8 กม.
• รพ.บางประกอก 8 ~ 13.6 กม.

โครงการ CENTRO เพชรเกษม 69 เป็นหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ รวมแล้ว 285 หลัง บนที่ดินขนาดเกือบ 66 ไร่ค่ะ โดยโครงการของ Centro นี้จะเป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ เน้นความคุ้มค่า และก็ยังเป็นโครงการที่มีระบบรักษาความปลอดภัยให้ทั้งตัวโครงการ/ตัวบ้าน พร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางฟังก์ชันครบครันมาให้ใช้งานอีกด้วย

ทางเข้า-ออกโครงการจะอยู่ภายในซอยเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ 20 เมื่อเข้ามาจะมี Clubhouse ตั้งอยู่ทางขวามือ แต่ว่าส่วนกลางอื่นๆ ก็จะมีพื้นที่สวนสาธารณะกระจายอยู่ในซอยย่อยอื่นๆ อีกด้วยค่ะ ในวันที่เราไปรีวิวส่วนที่เป็นสวนยังสร้างไม่เสร็จนะ แต่เราลองมาดูบรรยากาศทางเข้าโครงการไปพร้อมๆ กับ Clubhouse กันก่อนได้เลยค่ะ

เริ่มต้นที่ทางเข้าโครงการนะคะ ตรงนี้จะเป็นถนนเส้นเล็กๆ ใช้เข้า-ออกเฉพาะโครงการเราเท่านั้น ฝั่งหนึ่งเป็นป้ายชื่อโครงการ อีกฝั่งเป็นแนวพุ่มไม้เรียงรายเป็นกำแพงสีเขียว เพิ่มความร่มรื่นให้กับทางเข้าโครงการ

ซุ้มประตูทางเข้า

ระบบรักษาความปลอดภัย KATSAN 

KATSAN เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่พัฒนาขึ้นมาจาก AP เรามองว่าทาง AP ต้องการสร้างระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการของ AP ทุกโครงการให้มีมาตรฐานเดียวกัน โดยมีการประยุกต์ใช้รวมกับเทคโนโลยีต่างๆ เอาไว้ จุดที่น่าสนใจ เช่น เวลาที่ลูกบ้านมีแขกมาเยี่ยม สามารถแจ้งทะเบียนรถของผู้มาติดต่อล่วงหน้าเอาไว้ได้ผ่าน Application พร้อมกับมี E-stamp ที่สะดวก ลดการใช้กระดาษได้ นอกจากนี้ CCTV ที่ติดตั้งเอาไว้ก็สามารถบันทึกเลขทะเบียนรถของคนที่เข้ามาภายในโครงการได้ ทำให้ทราบว่ารถคันนี้มาบ้านใคร ในกรณีที่รถของแขกจอดขวางทางบ้านใครอยู่ก็สามารถสืบหาตัวคนขับได้ง่ายค่ะ

** ข้อมูลเพิ่มเติม Application KATSAN >> Katsan.co

การออกแบบทางเข้าโครงการนี้จะมี gimmick อยู่ด้วยค่ะ โดยจุดสีขาวที่เราเห็นบริเวณกำแพงและซุ้มประตูทางเข้าจะเป็นไฟ ดังนั้นพอตกเย็นหรือช่วงเวลากลางคืนก็จะมีการส่องสว่างระยิบระยับ สร้างบรรยากาศอีกแบบให้กับคนที่ขับรถกลับบ้านมาตอนกลางคืนด้วยนะ

เมื่อเข้ามาภายในโครงการจะเจอกับสำนักงานขายและบ้านตัวอย่างทางขวามือ เป็นโซนแรกๆ ที่สร้างเสร็จค่ะ อยู่ใกล้กับอาคาร Clubhouse นะ โดยถนนหลักของโครงการนี้จะกว้างถึง 16 เมตร ส่วนถนนรองกว้าง 9, 12 เมตร ถือว่าเป็นระยะที่ขับสวนกันสบายๆ สองข้างทางก็จะมีต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่ ทำให้บรรยากาศภายในโครงการดูร่มรื่น ไม่แห้งแล้งจนเกินไปค่ะ

สำหรับ Clubhouse จะถูกออกแบบให้เป็นส่วนเดียวกับซุ้มประตูทางเข้าโครงการเลยค่ะ

ตัว Clubhouse จะมีทั้งฟังก์ชัน indoor ที่อยู่ในอาคาร และ outdoor อย่างสระว่ายน้ำ วางขนานไปกับถนนเลย

ขึ้น Clubhouse ไปทางซ้ายมือจะเป็นสระว่ายน้ำเลยค่ะ โดยมีห้องน้ำอยู่ตรงกลางอาคารชั้น 1 นี้เลย

ห้องน้ำ

ภายใน Clubhouse จะออกแบบให้มีห้องน้ำรวมอยู่จุดเดียวที่ชั้น 1 ค่ะ แยกชาย-หญิงเอาไว้ให้ ด้านในก็จะมีทั้งห้องสุขาและห้องอาบน้ำ รองรับการใช้งานของคนที่มาว่ายน้ำหรือออกกำลังกายนะ

Lobby

ที่ชั้น 1 นี้จะมี Lobby อยู่ค่ะ มีการเลือกใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่งภายใน ให้บรรยากาศอบอุ่น ดูญี่ปุ่นนิดๆ ด้านในก็มีมุมสำหรับนั่งหลากหลาย ทั้ง Sofa ชุดใหญ่และมุมนั่ง 2-3 คน เหมาะสำหรับนัดแขกมาคุยธุระ (ในกรณีที่ไม่สะดวกพาไปที่บ้านตรงนี้ก็เหมาะเลย)

Co-working Space

ขึ้นมาชั้น 2 จะมี Co-working Space ฝ้าเพดานสูง บรรยากาศโปร่งโล่งค่ะ รูปแบบเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ในห้องนี้จะมีอยู่ 2 แบบ เป็นโต๊ะ+เก้าอี้ที่เหมาะสำหรับนั่งทำงาน/อ่านหนังสือ กับโซฟานั่งพักผ่อน

มุมสำหรับนั่งทำงานก็จะมีโต๊ะใหญ่ตรงกลางที่เราสามารถนัดเพื่อนมาคุยงานกลุ่มกันได้ หรือหากต้องการสมาธิก็เลือกฝั่งที่นั่งหันหน้าเข้าหากำแพงแทนก็จะได้ความสงบ ส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

ส่วนที่เป็นโซฟาจะอยู่ติดกับกระจกบานใหญ่ บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น

สามารถมานั่งพักผ่อน ผ่อนคลายได้ มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำด้วยค่ะ

Fitness และ Play Room

อีกห้องจะเป็น Play Room และ Fitness ค่ะ โดยจะกั้นโซนด้วย Partition ที่เป็นชั้นวางของ คุณแม่ที่อยากออกกำลังกายก็พาลูกมานั่งอ่านนิทาน วาดรูปเล่นได้ ระหว่างที่เราได้ออกกำลังกายไปด้วยค่ะ

ส่วนฟิตเนสที่อยู่ด้านในก็มีเครื่องเล่นให้ใช้งานตามที่เห็นเลย โดยมีพื้นที่โล่งตรงกลางเหมาะกับการปูเสื่อโยคะ Body Weight ตรงนี้ได้ด้วย

ชนิดเครื่องออกกำลังกายก็ให้มาตามมาตรฐานเลยค่ะ แต่จำนวนเรามองว่าไม่เยอะมาก เมื่อเทียบกับโครงการขนาดเกือบ 300 ยูนิตนะ ต้องมารอดูว่าจะมีคนมาใช้งานกันเยอะหรือไม่? เพราะปกติแล้วฟิตเนสในหมู่บ้านคนไม่ค่อยมาใช้กันหนาแน่นเหมือนฟิตเนสตามคอนโดนะ

สวนสาธารณะ

นอกจากฟังก์ชันที่เราเห็นใน Clubhouse แล้ว จะมีสวนสาธารณะอยู่อีก ขนาดมากกว่า 2 ไร่ แต่วันที่เราเข้าไปรีวิวยังสร้างไม่เสร็จค่ะ เราเลยขอเอา Perspective มาให้ดูแทนนะ จากภาพเราจะเห็นเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง สนามเด็กเล่น และมี Jogging Track อยู่รอบๆ สวนด้วยค่ะ น่าจะเป็นอีกโซนที่คึกคักในช่วงเช้าหรือเย็นเลยนะ

ภายในสวนมีการปลูกไม้ใหญ่รอบๆ ช่วยสร้างความร่มรื่นให้กับเด็กๆ ที่มาวิ่งเล่น และพ่อแม่ก็สามารถนั่งรอเด็กๆ ใต้ร่มของต้นไม้ได้ค่ะ

ค่าส่วนกลาง

สำหรับค่าส่วนกลางของโครงการนี้ถือว่าราคาค่อนข้างดีเลยค่ะ อยู่ที่ 24 บาท/ตร.วา/เดือน ในขณะที่ที่ดินบ้านเริ่มต้นแต่ละแบบอยู่ในช่วง 50-60 ตร.วา ลองคิดคร่าวๆ ค่าส่วนกลางก็จะตกอยู่ที่ 1,200 – 1,500 ต่อเดือนเท่านั้น (แปลงที่ดินไม่เกิน 60 ตร.วานะ) ส่วนตัวเรามองว่าค่อนข้างคุ้มค่าสำหรับค่าใช้จ่ายในการดูแลสภาพแวดล้อม ระบบรักษาความปลอดภัย หรือค่าส่วนกลางต่างๆ เช่น ฟิตเนส สนามเด็กเล่น Co-working Space ที่สมาชิกทุกวัยในครอบครัวสามารถมาใช้ได้ค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

• Clubhouse ประกอบด้วย
  – Lobby
  – Fitness
  – Play Room (มีจอ Projector สำหรับดูหนังได้)
  – Co-Working Space
  – สระว่ายน้ำ Lap Pool ระบบเกลือ สำหรับออกกำลังกายโดยเฉพาะ ยาว 22.5 เมตร (สระผู้ใหญ่ กว้าง 8 เมตร ยาว 22 เมตร / สระเด็ก กว้าง 5.2 เมตร ยาว 4.4 เมตร)
• สวนสีเขียวบนพื้นที่ส่วนกลาง 885.27 ตร.วา ประกอบด้วย
  – สนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็กและเครื่องออกกำลังกาย
  – แทมโบลีน
  – Bike Lane
  – Jogging Track
  – พื้นที่ outdoor สำหรับนั่งพักผ่อน

ระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการ

• เข้า-ออกโครงการด้วย Keycard Access / Bluetooth ระยะไกล / จดจำป้ายทะเบียน / สติกเกอร์ ในการเข้า-ออก
• เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
• ระบบ CCTV 45 ตัวรอบโครงการ
• รั้วทึบสูง 2.5 เมตร
• ระบบ KATSAN สำหรับเข้า-ออกโครงการ

แบบบ้านภายในโครงการ CENTRO เพชรเกษม 69 ถือว่ามีให้เลือกเยอะมาก คือมีถึง 6 แบบเลย ฟังก์ชัน 3-4 ห้องนอน ที่จอดรถ 2-3 คัน โดยเป็นบ้านที่เหมาะกับครอบครัว 2-3 generation อยู่กันพ่อแม่ลูก หรือจะพาปู่ย่าตายายมาอยู่ด้วยกันก็ดี แต่ละแบบบ้านมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

1. ALEXIA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 51 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 154 ตร.ม.
   – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องนั่งเล่น / 2 ที่จอดรถ
2. STARRY บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 51 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม.
   – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องนั่งเล่น / 2 ที่จอดรถ
3. MAGNITUDE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม.
   – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องนั่งเล่น / 2 ที่จอดรถ
4. LATITUDE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 61 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 225 ตร.ม.
   – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ห้องนั่งเล่น / 2 ที่จอดรถ
5. CAPELLA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 56 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 252 ตร.ม.
   – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องนั่งเล่น / 3 ที่จอดรถ
6. DOUBLE BLISS บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 274 ตร.ม.
   – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ

ปล. ณ วันที่เราไปรีวิวจะมีบ้านตัวอย่างอยู่แบบเดียวคือ LATITUDE ค่ะ แบบ STARRY และ MAGNITUDE จะมีบ้านมาตรฐาน(บ้านเปล่า) ให้ดู ส่วนอีก 3 แบบที่เหลือยังไม่มีตัวอย่างให้ดูนะคะ

ส่วนบ้านที่มีจำนวนเยอะที่สุดจะเป็นแบบ LATITUDE ที่เราจะมารีวิวกันวันนี้ รองลงมาจะเป็นแบบ MAGNITUDE โดย 2 แบบนี้มีจำนวนรวมกันแล้วมากกว่าครึ่งของจำนวนยูนิตทั้งหมดในโครงการเลยทีเดียว > เราสามารถมองได้ว่าโครงการ CENTRO เพชรเกษม 69 เน้น บ้าน 4 ห้องนอน เหมาะกับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ หรือ ครอบครัว 3 Generation

ในส่วนของราคาบ้าน 5 ใน 6 แบบภายในโครงการนี้ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 10 ล้านค่ะ ถือว่าหายากในทำเลเพชรเกษมช่วงนี้อยู่นะคะ อย่างแบบ CAPELLA ที่ราคา 9.9 ล้านบาท ก็เป็นบ้าน 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ ถือว่าหลังใหญ่เลยทีเดียว

โครงสร้างและวัสดุที่ใช้ภายในบ้าน

• โครงสร้างบ้านก่ออิฐฉาบปูน
• โครงสร้างบันได เหล็กสำเร็จรูป
• พื้นชั้น 1 กระเบื้องแกรนิตโต้
• พื้นชั้น 2 ลามิเนต
• ผนังติดวอลเปเปอร์
• ฝ้าเพดาน ฉาบเรียบทาสี
• สุขภัณฑ์ COTTO / PREMA

ระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน

• Digital Door Lock
• Magnetic Sensor
• Shock Sensor
• CCTV แบบเดินสายไฟ และ มีกล่องบันทึกย้อนหลัง

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

LATITUDE

บ้านตัวอย่างที่จะพาไปดูเป็นแบบที่มีชื่อว่า LATITUDE ค่ะ เป็นแบบที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการเลย เป็นแบบบ้านหน้ากว้าง พื้นที่ใช้สอยภายในใหญ่พอสมควร จุดที่น่าสนใจของบ้านหลังนี้สำหรับเรามีดังนี้ค่ะ

• ชั้น 1 ห้องนอนและส่วน Living area ที่เป็นห้องกินข้าว ห้องรับแขกจะแยกฝั่งกัน – ในกรณีที่มีผู้สูงวัยอยู่ด้วย เสียงจากทีวีที่ลูกหลานดูตอนดึกๆ ก็จะไม่รบกวนคุณย่าที่พักผ่อนอยู่ค่ะ
• ครัวปิดภายในบ้าน พร้อมพื้นที่ทำ Pantry – โดยส่วน Pantry นี้อาจจะจัดเป็นมุม Breakfast หรือ coffee station ได้ด้วยค่ะ เป็นอีกมุมที่เราสามารถวางขนมขบเคี้ยวเตรียมไว้ เหมาะกับบ้านไหนที่ลูกๆ เรียนออนไลน์ หรือต้องทำงาน WFH มุมนี้น่าจะเป็นมุมโปรดเลยค่ะ
• ชั้น 2 ห้องนอนได้ห้องน้ำในตัวทุกห้อง
• ห้องนอนรองทางฝั่งหน้าบ้านถือว่ามีขนาดใหญ่ วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายและมีมุมวางตู้เสื้อผ้าแยกเป็นสัดส่วน
• Master Bedroom มีโซนสำหรับทำ Walk-in closet ส่วนภายในห้องน้ำได้อ่างอาบน้ำ

ดีไซน์บ้านในโครงการ CENTRO เพชรเกษม 69 เป็นสไตล์ Modern สีขาว เทา ส่วนผนังทึบก็จะมีการเซาะร่องผนัง เกิดเป็นลายที่ช่วยไม่ให้บ้านเรียบเกินไป และยังช่วยป้องกันรอยร้าวของบ้านได้อีกด้วยค่ะ

ในบ้านมาตรฐานที่ขายจริงจะมีรายละเอียดอย่างถังขยะที่ซ่อนอยู่ในผนัง รวมไปถึงกริ่งบ้าน ตู้จดหมาย และไฟส่องสว่างให้มาพร้อมกับรั้วบ้านเลยค่ะ การออกแบบถังขยะแบบนี้ก็น่าสนใจเพราะจะช่วยให้หน้าบ้านแต่ละหลังดูเรียบร้อย สวยงาม ไม่มีถังขยะหลากสีวางเกะกะที่ทางเท้าหน้าบ้านด้วยค่ะ

รอบๆ ตัวบ้าน

ก่อนจะเข้าไปดูภายในบ้านตัวอย่างเราขอพาไปดูรอบๆ บ้านมาตรฐานที่ขายจริงกันก่อนนะคะ แต่จะขอบอกก่อนว่าแปลงที่พาไปดูจะเป็นแปลงมุมที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าปกติ แปลงที่ได้ที่ดินเยอะแบบนี้ก็จะเหมาะกับคนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ชอบปลูกต้นไม้ จะได้พื้นที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งที่เยอะขึ้นนั่นเองค่ะ

ที่จอดรถของบ้านแบบ LATITUDE นี้จะจอดได้ 2 คันในร่มค่ะความกว้างอยู่ที่ 5.15 เมตร ลึก 4.5 เมตร ด้วยความกว้างแล้ว รถที่นำมาจอดอาจจะต้องเป็นรถเล็กแบบ ECO Car ซักคัน จะจอดได้ง่าย และเปิดประตูสบายมากขึ้นนะ

อ่านบทความเพิ่มเติม > หน้ากว้างบ้านเท่าไหร่ จอดรถขนาดไหนได้บ้าง?

จากที่จอดรถจะมีทางเข้าบ้านอยู่ค่ะ ตรงนี้เป็นประตูทึบ ติดตั้ง DIGITAL Door Lock มาให้ และจะมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ที่บริเวณโรงรถ 1 ตัว

ส่วนทางเข้าหลักของบ้านจะอยู่อีกฝั่งค่ะ ตัวพื้นจะค่อยๆ ยกระดับขึ้นมาจากที่จอดรถ เราอาจจะหามานั่ง หรือไม้กระถางมาวางตกแต่งได้นะคะ นอกจากนี้ทางด้านบนจะมีแนวกันสาดเป็นระแนงโปร่งอยู่ มองดูแล้วจะแขวนไม้กระถางหรือปลูกต้นไม้เลื้อยก็น่าจะได้อยู่ คนที่ชอบปลูกต้นไม้น่าจะถูกใจนะ

Living and Dining area

เข้ามาภายในบ้านจะเป็น Open plan พื้นที่โล่งต่อเนื่องที่จัดเป็นมุมนั่งเล่น รับแขก และกินข้าวได้ค่ะ พื้นตรงนี้เราจะได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังติดวอลล์เปเปอร์มาให้ ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ติดไฟดาวน์ไลท์ ความสูงของพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.6 เมตร

ส่วนที่อยู่ติดกับทางเข้ามีหน้ากว้าง 3.5 เมตร ลึก 3.6 เมตร เป็นขนาดที่จัดโซฟาขนาดใหญ่ได้เลย และมีประตู-หน้าต่างอยู่ 2 ฝั่งผนัง ได้แสงธรรมชาติเต็มที่ วันไหนอากาศดีก็เปิดให้ลมพัดผ่าน อากาศถ่ายเทได้สบาย

ถัดเข้ามาทางด้านในจะเป็นพื้นที่กินข้าว โดยพื้นที่ตรงนี้จะลึกถึง 4.1 เมตรเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับโซน Pantry และ ห้องครัวทางขวามือ เป็นการจัดเรียงฟังก์ชันที่ใช้งานได้สะดวกเลยทีเดียว โดยขนาดโต๊ะกินข้าวเรามองว่าเลือกแบบ 6 ที่นั่งเหมือนบ้านตัวอย่างกำลังดี อาจจะเพิ่มเก้าอี้ที่ปลายโต๊ะได้อีก 2 ตัวเป็น 8 ที่นั่ง จำนวนเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการกินข้าวพร้อมหน้าทั้งครอบครัวหรือจัดงานเลี้ยงเล็กๆ กับเพื่อนค่ะ

อีกฝั่งของบ้านจะเป็นส่วนของ Pantry, ครัว, ห้องน้ำ, ห้องนอนชั้นล่าง โดยห้องน้ำที่ชั้น 1 นี้จะมีอยู่ห้องเดียวค่ะ

Pantry

หน้าห้องครัวจะมีพื้นที่จัดเป็น Pantry ได้ โดยพื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 2.8×2.0 เมตร ซึ่งเราสามารถออกแบบได้ตามใจเลยค่ะ อย่างที่บอก สามารถจัดเป็น Snack bar หรือว่า Coffee Station เป็น Breakfast corner ปิ้งขนมปังกินง่ายๆ ก็เหมาะนะคะ

ห้องครัว

ในส่วนของห้องครัว ที่นี่จะได้เป็นครัวปิดค่ะ โดยโครงการจะก่อเคาน์เตอร์มาให้ตามรูปล่าง พร้อมอ่างล้างจานมาด้วย โดยภายในครัวจะมีขนาดประมาณ 2.8×2 เมตร สิ่งที่ต้องต่อเติมเพิ่มก็เช่น เตา เครื่องดูดควัน หน้าบานตู้ ชั้นวางของด้านบน อาจจะติดกระเบื้องเป็น Backsplach กันคราบเลอะได้นะคะ

อ่านเพิ่มเติม > ต่อเติมครัวในงบ 1-2 แสนบาท
>> เคาน์เตอร์ครัว “ก่อปูน-บิวท์อิน-สำเร็จรูป” เลือกแบบไหนให้เหมาะกับบ้าน

บันไดขึ้นชั้นสองจะอยู่ที่กลางบ้านค่ะ ค่อนข้างใกล้กับประตูทางเข้าจากที่จอดรถนะ เวลาขับรถกลับบ้านมาก็สามารถใช้ประตูนี้เข้าบ้านขึ้นไปเก็บของในห้องส่วนตัวได้เลย

สุดทางเดินจะเป็นห้องน้ำและห้องนอนค่ะ

ห้องน้ำ

ชั้น 1 จะมีห้องน้ำอยู่จุดเดียวค่ะ เป็นห้องน้ำที่มีส่วนพื้นที่อาบน้ำอยู่ด้วย ใช้ร่วมกันระหว่างพื้นที่นั่งเล่น และ ห้องนอนที่ชั้นล่าง โดยภายในจะแยกพื้นที่ส่วนแห้ง-เปียกเอาไว้ให้ แต่ไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมา ดังนั้นถ้าใครคิดว่าได้ใช้ห้องน้ำนี้เป็นห้องอาบน้ำด้วยแน่ๆ เราแนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำ หรือ ม่านอาบน้ำเพิ่มนะคะ

ห้องนอนชั้นล่าง

ห้องนอนที่ 4 ของบ้านหลังนี้จะอยู่ที่ชั้น 1 ค่ะ รองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงวัยที่อาจจะเดินขึ้นลงบันไดไม่สะดวก โดยวัสดุปูพื้นในห้องก็จะเปลี่ยนจากกระเบื้องมาเป็นลามิเนตลายไม้ ดูอบอุ่นมากขึ้น โดยห้องนี้จะมีขนาดประมาณ 3×4 เมตร ถือว่าใหญ่พอสมควร สามารถวางเตียง Queen size ได้สบายเลยนะ

สำหรับห้องนี้เรามองว่าเป็นห้องอเนกประสงค์ได้ด้วยค่ะ อาจจะเป็นห้องที่เหมาะสำหรับทำงานอดิเรก เช่น ห้องออกกำลังกาย , ห้องเล่นดนตรี หรือจะใช้เป็นห้องทำงาน , อ่านหนังสือเวลาที่จะต้อง Work from home หรือว่าเรียนออนไลน์ ตรงนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์นะคะ

บันได

โครงสร้างบันไดของที่นี่จะเป็นบันไดเหล็กสำเร็จรูปค่ะ ลูกนอนและมือจับที่ราวบันไดจะเป็นไม้ที่ดูแล้วอบอุ่นแสดงถึงความเป็นบ้านดี ระยะเดินต่างๆ ถือว่าออกแบบมาได้เดินสบายเลย

ห้องนั่งเล่นชั้นบน

ที่ชั้น 2 นอกจากห้องนอน 3 ห้องแล้ว ใจกลางบ้านจะมีพื้นที่นั่งเล่นอยู่ด้วยค่ะ โดยจะมีหน้ากว้างอยู่ประมาณ 2.7 เมตร ลึก 2.3 เมตร (ผนังทางฝั่งขวามือ) ซึ่งตรงนี้เราสามารถกั้นเป็นห้องได้นะคะ

สามารถจัดเป็นมุมพักผ่อน เล่นเกมส์สำหรับครอบครัว จะกั้นเป็นห้องพระ หรือวางเครื่องออกกำลังกายตรงนี้ก็ได้เช่นกันค่ะ

โดยห้องนอนรองกับห้องนอนใหญ่จะแยกฝั่งกันนะ

หน้าห้องนอนรองฝั่งหน้าบ้านจะมีพื้นที่ว่างอยู่ เรามองว่าหาชั้นวางของเล็กๆ มาตั้งไว้ตรงนี้ได้ค่ะ อาจจะเป็นชั้นวางหนังสือ ชั้นวางของตกแต่งก็ได้นะ เผื่อใครไม่ชอบเก็บของในห้องนอนเยอะ กลัวฝุ่นและภูมิแพ้ พื้นที่ริมทางเดินหน้าห้องก็จะมีประโยชน์แบบนี้ค่ะ

ห้องนอนรองชั้นสอง ฝั่งหน้าบ้าน

ห้องนอนรองทางฝั่งหน้าบ้านเป็นอีกห้องที่มีขนาดใหญ่เลยค่ะ ขนาดประมาณ 3.8×3.45 เมตร ในบ้านตัวอย่างจะหันหัวเตียงไปทางฝั่งหน้าบ้าน แต่เวลาจัดจริงเราแนะนำว่าหันหัวเตียงไปทางขวามือจะดีกว่านะคะ เวลานอนจะได้เย็นสบายไม่รับไอร้อนจากแดด และไม่ใกล้ผ้าม่านมากเกินไปค่ะ

หน้าห้องน้ำมีพื้นที่แบ่งเป็นสัดส่วนเหมาะสำหรับวางตู้เสื้อผ้า

ในห้องนอนรองจะมีห้องน้ำในตัว การจัดฟังก์ชันและชนิดของสุขภัณฑ์จะเหมือนกับห้องน้ำที่อยู่ด้านล่างเลยค่ะ ลวดลายและโทนสีภายในห้องน้ำแต่ละห้องอาจจะมีแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยนะ

ห้องนอนรองฝั่งหลังบ้าน

สำหรับห้องนี้จะมีขนาดเล็กลงมาอยู่ที่ประมาณ 3×3.2 เมตร เหมาะสำหรับอยู่คนเดียว สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้ค่ะ

จุดที่น่าสนใจคือตำแหน่งตู้เสื้อผ้าที่สามารถเลือกซื้อหรือทำ Built-in ให้พอดีกับพื้นที่ข้างประตูเลย โดยพื้นที่ตรงนี้มีหน้ากว้างประมาณ 1.5 เมตรค่ะ

ห้องนอนนี้เราก็จะได้ห้องน้ำในตัวเช่นกันค่ะ

Master Bedroom

ห้องนอนใหญ่กินพื้นที่เกือบครึ่งชั้นเอาไว้เลยค่ะ ยาวตัวแต่ฝั่งหน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้าน พอเข้ามาภายในห้องก็จะเจอกับพื้นที่ตรงกลางแบบนี้

Walk-in Closet

สำหรับ Walk-in Closet เราจะได้พื้นที่ขนาดค่อนข้างใหญ่เลย กว้าง 2 เมตร แต่ลึก 3.8 เมตร เราสามารถแบ่งวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ภายในพื้นที่เดียวกัน และสามารถกั้นเป็นห้องปิดก็ได้นะคะ

ในบ้านตัวอย่างจะแยกพื้นที่โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าออกจากกัน วางโต๊ะเครื่องแป้งไว้ใกล้กับหน้าต่าง เวลาแต่งหน้าได้แสงธรรมชาติจะแต่งได้ดีกว่าด้วยค่ะ หน้าไม่ลอยนะ

ตู้เสื้อผ้าเราก็ Built-in เข้ามุมเป็นรูปตัว L ได้เลยค่ะ

ส่วนห้องน้ำใน master bedroom นี้จะพิเศษกว่าห้องอื่นๆ คือจะเป็นห้องที่ใหญ่ ได้อ่างอาบน้ำภายในตัว อ่างล้างหน้าก็จะ built-in counter ใต้อ่างไว้เป็นพื้นที่เก็บของเล็กๆ สุขภัณฑ์ภายในห้องจะเป็นของ COTTO เหมือนเดิมแต่เป็นรุ่นที่ upgrade ขึ้นมาค่ะ

LATITUDE บ้านแบบนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9.09 ล้านบาทค่ะ เหมาะกับคนที่มีงบประมาณ 10 ล้านเลยนะ ถือเป็นบ้านที่เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ทุกสมาชิกในครอบครัวมีห้องอยู่สบายตั้งแต่เล็กยันโตเลยค่ะ

MAGNITUDE

บ้านอีกแบบที่มีจำนวนเยอะรองลงมาคือแบบบ้านที่มีชื่อว่า MAGNITUDE ค่ะ เป็นบ้านที่ขนาดเล็กกว่า LATITUDE ที่เราพาไปดูก่อนหน้าเล็กน้อย ทำให้ฟังก์ชันบางอย่างหายไป เช่น ส่วน Pantry หน้าห้องครัวภายในบ้านไม่มี (แต่จะได้ครัวที่ใหญ่ขึ้น มีเคาน์เตอร์ครัว 2 ฝั่งแทน) / ห้องนอนรองที่ชั้นบน จะใช้ห้องน้ำร่วมกันแทน / และห้องน้ำใน Master Bedroom จะไม่มีอ่างอาบน้ำค่ะ

โดยแบบบ้านนี้ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 8.25 ล้านบาท* หรือต่ำลงมาเกือบ 1 ล้านนะ แปลว่าใครมีงบประมาณ 10 ล้านไม่เกิน และอยากเผื่อเงินค่าตกแต่งภายในหรือจ้าง interior มาช่วยออกแบบ เลือกซื้อบ้านแบบนี้ก็อาจจะควบคุมงบได้คล่องตัวขึ้นค่ะ

บ้านที่เราจะพาไปดูเป็นบ้านแปลงมาตรฐานที่ขายจริง ไม่ได้ตกแต่งนะ คือของจริงเราก็จะได้แบบที่เห็นเลยค่ะ ดูจากหน้าบ้านก็เป็นบ้านหน้ากว้างดูแล้วหลังใหญ่เลย

รอบๆ ตัวบ้าน

ภายในตัวบ้าน

STARRY

บ้านแบบสุดท้ายที่มีบ้านมาตรฐานหรือบ้านเปล่าให้ดู เป็นแบบบ้านที่มีชื่อว่า STARRY ค่ะ สำหรับแบบนี้เรามองว่าเป็นอีกแบบที่น่าสนใจเลย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 7.15 ล้านบาท* ในแง่ฟังก์ชันถือว่าได้ครบครัน – ได้ห้องนอนชั้นล่าง / มีครัวในบ้าน / มีพื้นที่ทำ Pantry / ได้พื้นที่สวนที่มุมของบ้าน – เป็นบ้าน 4 ห้องนอนที่รองรับครอบครัวขนาดใหญ่ 3 Generation ได้ เพียงแต่ขนาดในแต่ละฟังก์ชันอาจจะเล็กลงมากกว่า 2 แบบที่เราได้ไปดูก่อนหน้าค่ะ

ด้วยแปลนบ้านที่ดูจะเป็นรูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทำให้บ้านจะไม่ได้เป็นบ้านหน้ากว้างนะ แต่ดีเทลต่างๆ ทั้งรั้ว ถังขยะ ระบบรักษาความปลอดภัยยังครบครันเหมือนเดิมค่ะ

รอบๆ ตัวบ้าน

ภายในตัวบ้าน

รวมหน้าบ้านและแปลนบ้านภายในโครงการ

ALEXIA

แบบบ้านเริ่มต้นภายในโครงการค่ะ

ตัวบ้านจะเป็นบ้านตอนลึก ที่ภายในบ้านชั้น 1 สามารถกั้นห้องเป็นห้องนอนเพิ่มได้อีก 1 ห้อง ส่วนชั้น 2 ทุกห้องนอนก็จะได้ห้องน้ำในตัวด้วยค่ะ

STARRY

ที่ดินของบ้านแบบ Starry จะมีหน้ากว้างมากกว่าแบบ Alexia นะคะ โดยจะมีจุดเด่นที่พื้นที่สวนมุมบ้านหน้าห้องอเนกประสงค์

MAGNITUDE

บ้านหน้ากว้างภายในโครงการค่ะ เมื่อมองจากภายนอกดูแล้วจะได้บ้านหลังใหญ่เลยทีเดียว

LATITUDE

แบบบ้านตัวอย่างที่เราพาไปดูกัน และเป็นแบบที่มีจำนวนเยอะที่สุดของโครงการด้วยค่ะ

CAPELLA

แบบบ้านหลังใหญ่ที่ได้ที่จอดรถถึง 3 คัน ในราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาทนะ

ในส่วนของบ้านแบบใหญ่สุดหรือ Double Bliss ณ วันที่เราไปโครงการยังไม่เปิดขายบ้านแบบนี้นะ และเรายังไม่ได้ข้อมูลมาด้วยค่ะ ใครสนใจลองไปสอบถามกับทางสำนักงานขายดูอีกทีได้เลย

CENTRO เพชรเกษม 69 ณ วันที่ 26 September 2022

• ALEXIA  ที่ดินเริ่มต้น 51 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 154 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท
• STARRY  ที่ดินเริ่มต้น 51 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.15 ล้านบาท
• MAGNITUDE ที่ดินเริ่มต้น 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.25 ล้านบาท
• LATITUDE ที่ดินเริ่มต้น 61 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 225 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.09 ล้านบาท
• CAPELLA ที่ดินเริ่มต้น 56 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 252 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท
• DOUBLE BLISS ที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 274 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11.48 ล้านบาท
• จองและทำสัญญา n/a บาท
• ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
• ค่าส่วนกลาง 24 บาท/ตร.วา/เดือน
• ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
• ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
• ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
โครงการ CENTRO เพชรเกษม 69 ตั้งอยู่ในซอยเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ ซึ่งเป็นซอยที่เข้า-ออกได้จากทั้งถนนเพชรเกษม 69 และถนนมาเจริญ เป็นทำเลที่ไปใช้งานถนนเพชรเกษม ถนนเอกชัย และเลียบวงแหวนกาญจนาฯ สะดวก // โดยตัวทำเลที่อยู่ค่อนมาทางถนนเพชรเกษมนั้น ถือว่ามีความเป็นชุมชนสูง คือมีผู้คนอยู่อาศัยหนาแน่น ทำให้ในแง่การหาอาหารการกิน หรือการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็ค่อนข้างสะดวกค่ะ // นอกจากนั้นบนถนนเพชรเกษม โซนบางแค ที่ไม่ไกลจากโครงการมาก เป็นอีกพื้นที่ที่มีการเจริญเติบโตสูง ห้างสรรพสินค้าเพิ่งมีการปรับปรุงใหม่ และยังมีรถไฟฟ้า MRT ให้ใช้งาน ปัจจุบันจะสิ้นสุดที่สถานีหลักสองหน้า The Mall บางแคค่ะ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
ที่นี่เป็นโครงการจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยว ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยให้มาทั้งตัวโครงการและภายในบ้าน โดยตัวโครงการนั้นจะมีระบบ KATSAN ของ AP ที่พัฒนาระบบและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ส่วนภายในตัวบ้านก็มี Magnetic Sensor , Shock sensor และ CCTV ติดตั้งมาให้อีกด้วย

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
หลายๆ แบรนด์ของ AP ถือว่ามีจุดเด่นเรื่องพื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาบ้านที่จ่ายไป โดยโครงการนี้ก็เช่นกันค่ะ แบบบ้านที่มีในโครงการและเปิดขายในปัจจุบันจะเป็นบ้านราคาเริ่มต้นไม่ถึง 10 ล้าน แต่ได้ถึง 4 ห้องนอน ซึ่งขนาดของแต่ละฟังก์ชันนั้นก็จะออกแบบเพื่อให้อยู่อาศัยได้สบาย ไม่ใช่กั้นเพื่อให้ได้จำนวนห้องเยอะๆ เท่านั้นค่ะ ซึ่งตรงนี้เรามองว่าการออกแบบพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างดีเลย

วัสดุ :
โครงสร้างของที่นี่จะใช้ระบบ Conventional หรือโครงสร้างก่ออิฐ ซึ่งสะดวกในการทุบ ต่อเติมภายหลัง ในส่วนวัสดุที่ให้ก็จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน พื้นได้กระเบื้องและลามิเนต ผนังภายในติดวอลล์เปเปอร์ ไฟดาวน์ไลท์ ภายในครัวจะก่อเคาน์เตอร์มาให้แต่ไม่มีหน้าบ้าน ส่วนในห้องน้ำก็จะได้สุขภัณฑ์ของ COTTO / Prema แต่ไม่ได้ฉากกั้นอาบน้ำค่ะ อาจจะต้องเผื่องบตกแต่งสำหรับครัว ฉากกั้นอาบน้ำ เพิ่มจาก interior อื่นๆ ด้วยนะ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
การออกแบบพื้นที่สีเขียวถือว่าดีตามมาตรฐานของ AP เลยค่ะ ด้านในโครงการก็จะมีสวนหย่อมกระจายอยู่อีก 2 จุด ส่วนหน้าบ้านก็จะมีทางเท้าที่ปูหญ้า และ มีต้นไม่ใหญ่ลงไว้ให้เป็นระยะสองฝั่งถนน ประกอบกับภายในที่ดินบ้านซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวก็จะมีต้นไม่ใหญ่ลงไว้ให้ด้วยทุกหลัง น่าจะช่วยให้บรรยากาศภายในโครงการดูร่มรื่น มองเห็นต้นไม้สีเขียวทั้งโครงการเลยนะ

สาธารณูปโภค :
ส่วนกลางของที่นี่นอกจากสวนสาธารณะภายในที่มีอีก 2 จุดแล้ว ก็จะมีอาคาร Clubhouse ที่ตั้งอยู่ทางด้านหน้าติดกับทางเข้าโครงการ โดยภายในก็จะมีทั้ง Lobby , Co-working space , Fitness , Play room และที่น่าสนใจคือสระว่ายน้ำที่ได้เป็น lap pool ยาว 22 เมตร ว่ายน้ำออกกำลังกายได้สบายค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพ็กเกจ 7 – 11 ล้านบาท, 26 September 2022

• ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – อยู่บนทำเลที่เดินทางสะดวก ความอุดมสมบูรณ์สูง
• ความปลอดภัย 8/10 – ระบบ KATSAN และภายในตัวบ้าน
• การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.75/10 – แบบบ้านมีให้เลือกถึง 6 แบบ ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน
• วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้
• พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – มีสวนอยู่ 2 จุด
• สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มาถือว่าครบครัน อยู่ด้านหน้าโครงการ
• 7.99 / 10.00

CENTRO เพชรเกษม 69 เหมาะกับใคร?

CENTRO เพชรเกษม 69 เหมาะกับคนที่มองหาบ้านย่านเพชรเกษม งบประมาณ 10 ล้านบาท อยากได้บ้านเดี่ยว เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในมากกว่าขนาดที่ดิน ชอบทำเลเพชรเกษมช่วงนี้เพราะความสะดวกสบายเรื่องอาหารการกินและการเดินทาง อยู่กันเป็นครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ มีกำลังผ่อนประมาณ 49,000-70,000 บาทต่อเดือน