…วันนี้พามาชมบ้านเดี่ยวสุดหรูระดับ 185 – 310 ล้านบาท กับโครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas หนึ่งในโครงการของเมกะโปรเจกต์อย่าง The Forestias ที่นับว่าเป็นบ้านที่มีราคาขายสูงที่สุดในรอบ 5 – 10 ปีเลยก็ว่าได้ครับ ปัจจุบันบ้านตัวอย่างสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมเองก็โชคดีที่มีโอกาสเข้าไปชมโครงการในรอบสื่อพอดี ก็เลยเก็บข้อมูลมาทำรีวิวให้ทุกคนได้ชมกันด้วย โดยจะมีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้

  • ทำเลอยู่ในย่านบางนา-ตราด มีความอุดมสมบูรณ์ ใกล้ห้างเซ็นทรัลและเมกะบางนา รวมถึงเป็นทำเลยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลายแห่ง
  • เป็นโครงการจัดสรรขนาดเล็กเพียง 37 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัว และออกแบบผังบ้านให้จับกลุ่มเป็น Cluster เดียวกันได้ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตของคนไทยสมัยก่อน เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่ต้องการมีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้ๆกัน และสามารถไปมา-หาสู่กันได้ง่าย
  • บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยมากกว่า 1,000 ตร.ม. สามารถอยู่ร่วมกันได้หลาย Generation ออกแบบโดย Foster + Partner ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านเรือนไทยสมัยก่อน เช่น การยกใต้ถุนสูง และมีชานพักขนาดใหญ่ เป็นต้น
  • เป็นบ้านประหยัดพลังงานที่ได้ LEED Home Certificate ระดับ Silver โดยจะมีการออกแบบด้วยหลัก Universal Design และใช้วัสดุ+งานระบบต่างๆที่ช่วยประหยัดพลังงาน และทำให้บ้านเย็นสบาย

ข้อมูลโครงการ

Mulberry Grove The Forestias Villas (มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า) ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565

 ชื่อโครงการ   Mulberry Grove The Forestias Villas (มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
 SEGMENT CLASS   SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนน บางนา-ตราด กม.7 อำเภอ บางพลี จังหวัด สมุทรปราการ
 ที่ดิน 26-0-77.75 ไร่
 จำนวนยูนิต 37 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • ROSEBERRY บ้านเดี่ยว 3 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ที่ดินเริ่มต้น 140 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,203 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร /4 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 7 คัน หากรวมจอดซ้อนคัน)
  • VISIONBERRY บ้านเดี่ยว 3 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ที่ดินเริ่มต้น 165 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,246 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร / 1 สระว่ายน้ำ / 5 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 10 คัน หากรวมจอดซ้อนคัน)
  • LEGENDBERRY บ้านเดี่ยว 4 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 255 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,724 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 6 ห้องนอน / 10 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร / 1 สระว่ายน้ำ / 6 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 10 กว่าคัน หากรวมจอดซ้อนคัน)

 ราคาเริ่มต้น   185 ล้านบาท
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ   N/A บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2564
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2566
 เว็บไซต์โครงการ   https://mqdc.com/th/our-business/discover-project/mulberrygrove/forestias/villas
 Call Center   1265

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด ใกล้ห้างเซ็นทรัลและเมกะบางนา มีความอุดมสมบูรณ์สูง
  • มีทางด่วนให้ใช้เข้า-ออกเมืองได้หลายเส้นทาง ทั้งทางด่วนบูรพาวิถี ทางด่วนเฉลิมมหานคร และถนนกาญจนาภิเษก
  • เป็นทำเลที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่เกิดขึ้นเยอะ

พิกัด Google Maps : 13.653637, 100.662206
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas เป็นส่วนหนึ่งในเมกะโปรเจกต์ของ The Forestias ซึ่งตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด ช่วงกม.7 หรืออยู่ระหว่างห้างเซ็นทรัลบางนา และเมกะบางนานั่นเองครับ ทำเลมีความคึกคักและอุดมสมบูรณ์สูง มีห้างสรรพสินค้าต่างๆมากมาย และเต็มไปด้วยโรงเรียนนานาชาติชื่อดังอีกด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีทางด่วนให้ใช้เข้า-ออกเมืองได้สะดวก รวมถึงยังเป็นย่านที่มีการพัฒนามาตลอดอย่างต่อเนื่อง สังเกตจากในพื้นที่จะมีเมกะโปรเจกต์อื่นๆเกิดขึ้นเยอะเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น Mega City Bangna และ Bangkok Mall ที่หากสร้างเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดเมื่อไหร่ ก็จะทำให้ทำเลย่านนี้เติบโตและคึกคักมากขึ้นอย่างแน่นอนครับ

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

Image 1/3
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ถนนกาญจนาภิเษกที่ขึ้นตรงเมกาบางนาครับ ห่างจากโครงการประมาณ 6.6 m. สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 2 - พระราม 3 และออกเมืองไปทางลาดกระบัง-รามอินทรา-บางปะอินได้ครับ

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ถนนกาญจนาภิเษกที่ขึ้นตรงเมกาบางนาครับ ห่างจากโครงการประมาณ 6.6 m. สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 2 - พระราม 3 และออกเมืองไปทางลาดกระบัง-รามอินทรา-บางปะอินได้ครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

โครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas เป็นส่วนหนึ่งของเมกะโปรเจกต์ The Forestias และมีถนนเส้นหลักที่จะใช้ร่วมกันแต่เฉพาะคนในโครงการเท่านั้น โดยมีระยะทางจากถนนใหญ่ลึกเข้ามาประมาณ 1.4 km. จึงมีความเงียบสงบ เป็นส่วนตัว และไม่พลุกพล่าน สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่างที่อยู่ภายนอกโครงการ The Forestias
  • ทิศใต้ : ติดกับ Mulberry Grove คอนโด Low Rise
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ Whizedom คอนโด High Rise และผืนป่าขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่
  • ทิศตะวันตก : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับถนนภายในโครงการ The Forestias และภายนอกก็จะเป็นที่ว่างกับโกดังสินค้า

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Mega Bangna & IKEA ~ 4.5 กิโลเมตร
  • Index Living Mall บางนา ~ 6 กิโลเมตร
  • Central บางนา ~ 6.3 กิโลเมตร
  • Seacon Square ~ 7.1 กิโลเมตร
  • Paradise Park ~ 8.2 กิโลเมตร
  • Market Village สุวรรณภูมิ ~ 10.8 กิโลเมตร
  • Central Village ~ 14.8 กิโลเมตร
  • King Power ศรีวารี ~ 20 กิโลเมตร
  • Bangkok Mall ~ 21.1 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ~ 350 เมตร
  • โรงพยาบาลไทยศรีนครินทร์ ~ 4.3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสิรินธร ~ 14.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 23.2 กิโลเมตร

โรงเรียน

  • Thai-Singapore International School ~ 5.2 กิโลเมตร
  • Bangkok Patana School ~ 6.2 กิโลเมตร
  • International Community School (ICS) ~ 6.2 กิโลเมตร
  • Concordian International School ~ 6.4 กิโลเมตร
  • Raffles American School (RAS) ~ 7.1 กิโลเมตร
  • Berkeley International School ~ 7.7 กิโลเมตร
  • St. Andrews International School ~ 8.8 กิโลเมตร
  • Wells International School ~ 15 กิโลเมตร
  • The American School of Bangkok ~ 15.6 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • อยู่ภายในโปรเจคยักษ์ใหญ่อย่าง The Forestias ภายในมีที่อยู่อาศัยหลากหลายโครงการ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครัน
  • The Forestias มีพื้นที่สวนป่าขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ ให้ออกไปใช้งานเดินเล่นใกล้ๆได้ทุกวัน
  • Mulberry Grove The Forestias Villas เป็นโครงการบ้านเดี่ยวจัดสรรขนาดเล็ก ที่มีอยู่เพียง 37 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวสูง
  • ออกแบบผังโครงการเป็นกลุ่ม Cluster ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ ที่ต้องการมีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้ๆกัน และสามารถไปมา-หาสู่กันได้ง่าย โดยได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตของคนไทยสมัยก่อน

The Forestias เป็นโปรเจคจักรยักษ์ใหญ่ของ MQDC ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 398 ไร่ และภายในก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล โรงแรม และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีที่อยู่อาศัยรวมกว่า 4 แบรนด์ด้วยกันครับ ประกอบด้วย

  • Whizdom (คอนโดมิเนียม High Rise)
  • The Aspen Tree Residences (คอนโดสำหรับผู้สูงอายุ)
  • Mulberry Grove (คอนโดมิเนียม Low Rise และบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury)
  • Six Senses Residences (บ้านเดี่ยวหรูระดับ Super Luxury)

ผืนป่าขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ :

ถือเป็นหัวใจสำคัญของโปรเจคแห่งนี้เลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งเราสามารถมาวิ่งออกกำลังกาย พาเด็กๆมาเดินเล่นศึกษาระบบนิเวศน์ในธรรมชาติ หรือพาผู้สูงอายุมาเดินพักผ่อนที่สวนใกล้ๆได้ทุกวัน โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาขับรถไปสวนสาธารณะใหญ่ๆด้านนอกเลย ทำให้ช่วยประหยัดเวลาชีวิต และทำให้เราได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ที่มีความร่มรื่น และมีอากาศที่สดชื่นตลอดทั้งปีอีกด้วย

Master Plan :

โครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas เป็นบ้านเดี่ยวจัดสรรขนาดเล็กที่มีอยู่เพียง 37 ยูนิตเท่านั้นครับ ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวมากๆเลยทีเดียว โดยบริเวณตรงกลางจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางอย่างอาคาร Clubhouse และสวนสาธารณะส่วนตัวขนาดประมาณ 2 ไร่ ให้ลูกบ้านสามารถมาใช้งานได้สะดวก อีกทั้งบ้านหลังที่อยู่ติดกับสวนแห่งนี้ก็จะพลอยได้วิวพื้นที่สีเขียวไปด้วยนั่นเอง

และหากลองสังเกตดีๆจะเห็นว่า โครงการนี้จะมีการวางผังบ้านส่วนใหญ่เป็นลักษณะแบบ Cluster แยกออกเป็นกลุ่มๆ ซึ่งจะมีเพียงไม่กี่หลังเท่านั้นที่จะเป็นบ้านอยู่แยกแบบเดี่ยวๆ เพราะเค้าจะมีคอนเซ็ปต์ในการเชื่อมต่อบ้านแต่ละหลังเข้าด้วยกัน ให้เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเป็นครอบครัวใหญ่ได้นั่นเองครับ

**อัพเดตปัจจุบันโครงการขายไปแล้วกว่า 30 หลัง ซึ่งตอนนี้ก็เหลืออยู่เพียง 2 หลังเท่านั้น ไม่รวมบ้านตัวอย่าง 5 หลังที่เค้าจะยังเก็บไว้ให้เข้าชมและขายเป็นลำดับสุดท้ายนะครับ

Cluster Home :

การออกแบบบ้าน Cluster Home เป็นแนวคิดที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “..วิถีชีวิตของครอบครัวคนไทยแบบดั้งเดิม ที่คนหลายเจเนอเรชั่นในครอบครัวมักจะปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆกัน” ซึ่งสังเกตได้จาก Master Plan ของโครงการ ที่จะมีการวางแปลนบ้านเป็นกลุ่มก้อน ให้สามารถเชื่อมต่อเป็นคลัสเตอร์เดียวกันได้

นั่นเลยทำให้ Mulberry Grove The Forestias Villas มีบ้านที่ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ ที่ต้องการมีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้ๆกัน และสามารถไปมา-หาสู่กันได้ง่าย ด้วยการเดินเชื่อมต่อถึงกันเพียงไม่กี่นาที ทำให้ครอบครัวสามารถช่วยกันเลี้ยงดูเด็กๆ หรือดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่สูงอายุแล้วได้สะดวกมากขึ้น

บรรยากาศทางเข้าโครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas จะใช้เป็นประตูเหล็กรางเลื่อนที่มีความปลอดภัย และช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ภายในโครงการได้ดี เข้าออกด้วยระบบ RFID โดยใช้สัญญาณ Bluetooth ให้ประตูเปิดอัตโนมัติเหมือน Easy Pass บนทางด่วน

รวมถึงยังมีกล้อง CCTV ที่ได้รับการ Review จาก Restrata ซึ่งเป็น Security Consultant ชื่อดัง และมี Access Control ตรงบริเวณประตูคนเดิน ที่ใช้ระบบ Face scan, Card และ Pin Code เพื่อเข้าสู่โครงการครับ

เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับถนน Main ที่ทอดยาวตรงไปสู่อาคาร Clubhouse โดยสองข้างทางก็จะเป็นบ้านพักอาศัย และมีการปลูกต้นไม้ให้ดูสดชื่นดีทีเดียวครับ อีกทั้งยังมีการเดินสายไฟลงใต้ดิน จึงทำให้ไม่มีเสาไฟหรือสายไฟมาบดบังทัศนียภาพที่สวยงามเลยนั่นเอง

Mulberry Reserve Club หรืออาคาร Clubhouse มีลักษณะเป็นอาคารทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ดูแปลกตา ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากศาลาทรงไทย ที่ถูกลดทอนลงมาให้มีความทันสมัยมากขึ้นครับ

เข้ามาภายในอาคารเราจะเจอกับ โครงสร้างของสถาปัตยกรรมพิเศษที่เรียกว่า Glulam หรือ Glued Laminated Timber เป็นไม้ลามิเนตขนาดใหญ่ที่บีบอัดจนมีความหนาและแข็งแรง สามารถดัดโค้งจนเป็นลวดลายที่สวยงามได้แบบนี้เลยครับ

สำหรับพื้นที่ภายในชั้นนี้ก็จะเป็นเหมือน Lobby ให้ลูกบ้านได้มานั่งเล่นพักผ่อนกันได้ รวมถึงยังมีบาร์ที่คอยให้บริการเครื่องดื่มและของหวานอีกด้วย (ปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขายอยู่ครับ)

สำหรับชั้นใต้ดินเราสามารถเดินลงมาจากบันได หรือจะมาด้วยลิฟต์โดยสารก็ได้ ซึ่งก็จะเจอกับส่วนต้อนรับที่อาจมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการอยู่ตรงนี้ ก่อนที่จะแยกไปสู่ฟังก์ชันต่างๆ

จุดแรกที่เราจะพามาดูก็คือห้องน้ำครับ ภายในมีขนาดใหญ่มากเหมือนตามโรงแรมใหญ่ๆเลย มีทั้งอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และตู้ล็อคเกอร์คอยให้บริการพร้อม

จุดที่ผมชอบอีกอย่างคือ เค้าจะมีการแบ่งพื้นที่ใช้งานอย่างเป็นสัดส่วน โดยการแยกพื้นที่อาบน้ำและส่วนอื่นๆออกไปครับ

โดยหากเราเปิดประตูถัดเข้ามาอีกห้องหนึ่ง ก็จะเป็นโซนอาบน้ำ สตรีม และซาวน่า รวมถึงยังมีทางเดินเชื่อมต่อไปยัง Facilities อื่นๆ และสระว่ายน้ำด้านหลังได้อีกด้วย

Image 1/3
Sauna

Sauna

Fitness มีขนาดใหญ่ มาพร้อมกับอุปกรณ์รุ่นใหม่ Artist Series จาก Techno Gym ซึ่งหากใครมี Account ก็สามารถ Login เพื่อบันทึกข้อมูลการออกกำลังกายส่วนตัวได้เลย โดยอุปกรณ์ต่างๆก็มีให้ใช้งานครบทั้ง Cardio และ Weight Training ที่หันหน้าออกไปรับวิวสวนและสระว่ายน้ำภายนอกแบบนี้ครับ

Image 1/4

ห้องทางด้านขวาจะเป็น Yoga Room ที่ภายในจะมีเสื่อและบอลโยคะให้ได้ใช้งานครบ

ส่วนห้องทางด้านซ้ายมือจะเป็น Kids Room ซึ่งน้องๆหนูๆที่ติดตามพ่อแม่มาออกกำลังกาย ก็สามารถเข้ามาเล่นคอยอยู่ในห้องนี้ได้อย่างปลอดภัยครับ

บริเวณด้านข้างของอาคารจะมีทางเดิน ที่เชื่อมต่อมาจากห้องน้ำ ออกมาเจอจุดล้างตัว และบรรจบกันที่สระว่ายน้ำด้านหลัง (ห้องน้ำชาย-หญิง จะมีทางเดินออกแยกออกมาด้านนอกซ้าย-ขวาของอาคารคนละฝั่ง)

บริเวณริมสระจะมี Day Bed ให้มานั่ง/นอนเล่นในร่มกันได้แบบนี้ครับ

ส่วนสระว่ายน้ำก็จะเป็นแบบกลางแจ้งรูปทรงสามเหลี่ยม มีการแยกโซนการใช้งานเป็น Kids Pool / Lap Pool และ Jacuzzi ซึ่งผมก็แนะนำให้มาใช้งานตอนเย็นแดดร่มๆจะดีกว่าครับ

โดยเวลาที่เราว่ายน้ำอยู่ก็จะสามารถมองเห็น “สวนสาธารณะ” ที่อยู่ด้านหลังไปได้ด้วยแบบนี้ ซึ่งถ้าต้นไม้เติบโตเต็มที่ก็คงจะสวยงามและดูสดชื่นดีไม่น้อยเลยทีเดียวนะครับ ซึ่งหายากมากๆสำหรับโครงการที่จะมีสระว่ายน้ำได้วิวแบบนี้

นอกจากนี้เรายังสามารถไปเดินเล่นที่สวนด้านหลังนี้ได้ด้วยนะครับ โดยจะมีทางเดินอยู่ข้างๆอาคาร Clubhouse สามารถมาเดินเล่นพักผ่อนกันได้แบบส่วนตัวชิลๆ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Mulberry Reserve Club
  • The Play Room (Kids Room)
  • The Studio (Exercise Area)
  • Yoga Room
  • Swimming Pool
  • Kids Pool
  • Jacuzzi
  • Stream and Sauna (ทั้งชายและหญิง)
  • พื้นที่สวนสาธารณะในโครงการ 1 จุด รวมประมาณ 2.25 ไร่
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 80 จุด (ด้รับการ Review จาก Restrata (https://www.restrata.com/) ซึ่งเป็น Security Consultant ชื่อดัง)
  • รั้วรอบโครงการสูง 1.8 เมตร และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 0.4 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 8 ม. และถนนภายในกว้าง 6 ม.
  • เดินสายไฟฟ้าลงใต้ดินทั้งโครงการ
  • Key Card Access ระยะไกล ระบบ RFID เปิดอัตโนมัติด้วยสัญญาณ Bluetooth
  • ระบบ Access control โดยใช้ Face scan, Card และ Pin Code เพื่อเข้าสู่โครงการ
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วเลื่อนไฟฟ้าเปิดอัตโนมัติ
  • บริการลูกบ้านเหนือมาตรฐานแบบ Premium Service Residences จากนิติบุคคลโดยบริษัทในเครือ

แบบบ้าน

Highlights :

  • บ้านหลังใหญ่พื้นที่ใช้สอยเยอะ ออกแบบโดย Foster + Partner ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านเรือนไทยสมัยก่อน ที่มีการยกพื้นใต้ถุนสูง และมีชานพักขนาดใหญ่ให้ใช้งาน
  • เป็นบ้านที่ได้รับ LEED Home Certificate ระดับ Silver ออกแบบด้วยหลัก Universal Design มีการใช้วัสดุต่างๆที่ช่วยประหยัดพลังงานและทำให้บ้านเย็น ไม่ว่าจะเป็นผนังฉนวนกันความร้อน / กระจก IGU / ระบบ Floor Radiant Cooling และ Solar Energy เป็นต้น
  • แปลนบ้านโอบล้อมพื้นที่ Court Yard ตรงกลาง ช่วยเพิ่มปริมาณช่องแสงภายในบ้านทำให้สว่าง อากาศถ่ายเทได้ดี แถมยังมีความเป็นส่วนตัวสูงอีกด้วย
  • เป็นบ้านที่ออกแบบเพื่อการอยู่อาศัยแบบหลาย Generation โดยเฉพาะห้องผู้สูงอายุที่อยู่บนชั้น 2 ซึ่งนอกจากจะอยู่ใกล้กับ Common Area ที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับลูกๆหลานๆได้ง่ายแล้ว ยังออกแบบให้เชื่อมต่อกับห้องนอนเล็กข้างๆ ที่อาจใช้เป็นห้องพักพยาบาล/พี่เลี้ยงได้อีกด้วย
  • ทุกห้องนอนจะได้ช่องแสงถึง 3 ด้าน ซึ่งทำให้มีความโปร่งโล่ง สามารถชมวิวได้ 180 องศา รวมถึงยังมีพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำเป็นส่วนตัวทั้งหมดอีกด้วย

โครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas ได้รับการออกแบบโดย Foster + Partner บริษัทออกแบบชื่อดังระดับโลก ที่มีผลงานต่างๆมาแล้วมากมาย แต่ที่น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับคนไทยล่าสุดก็คือ Apple Store สาขา ICONSIAM นั่นเองครับ

สำหรับแบบบ้านของโครงการนี้ ทางผู้ออกแบบก็ได้หยิบเอาแนวคิดของบ้านไทยสมัยก่อน มาพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นสไตล์ Modern Thai Traditional ซึ่งมีความโดดเด่นของฟังก์ชันบ้านอย่างการยกใต้ถุนสูง และมีชานพักขนาดใหญ่ โดยจะมีอยู่เพียง 37 ยูนิตเท่านั้นครับ และมีแบบบ้าน 3 แบบให้เลือกคือ

  • ROSEBERRY บ้านเดี่ยว 3 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ที่ดินเริ่มต้น 140 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,203 ตร.ม.
    – 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร /4 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 7 คัน หากรวมจอดซ้อนคัน)
  • VISIONBERRY บ้านเดี่ยว 3 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ที่ดินเริ่มต้น 165 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,246 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร / 1 สระว่ายน้ำ / 5 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 10 คัน หากรวมจอดซ้อนคัน)
  • LEGENDBERRY บ้านเดี่ยว 4ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 210 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,724 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 6 ห้องนอน / 10 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร / 1 สระว่ายน้ำ / 6 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 10 กว่าคัน หากรวมจอดซ้อนคัน)

LEED Home Certificate :

บ้านของโครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas ได้รับการรับรองให้เป็นอาคารสีเขียว LEED Home Certificate ระดับ Silver ย่อมาจาก Leadership in Energy & Environmental Design (ความเป็นผู้นำด้านการออกแบบที่อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม) เป็นแห่งแรกๆของเมืองไทยเลยก็ว่าได้

โดยในบ้านก็จะมีการออกแบบด้วยหลัก Universal Design พร้อมมีระบบต่างๆ เช่น Solar Energy และระบบปรับอากาศ Chilled-Water AC ที่จะช่วยประหยัดพลังงานของบ้าน รวมถึงยังมีระบบพื้นและผนังต่างๆ ที่จะช่วยทำให้บ้านเย็น และมีการระบายอากาศที่ดีอีกด้วย

  • VISIONBERRY บ้านเดี่ยว 3 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ที่ดินเริ่มต้น 165 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,246 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร / 1 สระว่ายน้ำ / 5 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 10 คัน หากรวมจอดซ้อนคัน)

Facade ที่เป็นมากกว่าแค่เปลือกนอก :

บ้านของโครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas ก่อสร้างด้วยระบบเสา-คาน และมีผนังหนาถึง 2 ชั้น โดยผนังที่ว่านี้จะไม่ใช่แค่ผนังธรรมดา แต่ภายในจะเต็มไปด้วยฉนวนกันความร้อนและท่องานระบบต่างๆ ก่อนที่จะปิดทับด้วย Aluminum Composite สี Copper ดูเผินๆก็คล้ายวัสดุประเภทไม้ ที่คนไทยนิยมนำมาทำบ้านในสมัยก่อนครับ

ที่น่าสนใจจริงๆของ Aluminum Facade รอบๆตัวบ้านคือ เค้าจะเปิด-ปิดตรงส่วนที่เป็นงานระบบได้ด้วย เพื่อที่ช่างจะสามารถปีนขึ้นไปยืน Maintainance ตรงบริเวณขอบพื้นปูนที่อยู่รอบๆบ้านได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในบ้านให้เสียความเป็นส่วนตัว รวมถึงตัวแผง Grill บางจุดยังสามารถเลื่อนขยับเพื่อบังแสงแดดได้อย่างอิสระ ทำให้เกิดเป็นลูกเล่นของ Facade บ้านแต่ละหลังที่มองดูแล้วก็จะไม่น่าเบื่อนั่นเองครับ

นอกจากนี้ยังมีการทำหลังคาแบบ 2 ชั้น โดยชั้นแรกจะเป็นพื้นคอนกรีตและเคลือบด้วยกันซึม ส่วนอีกชั้นจะเป็นหลังคาอลูมิเนียมชีต ที่ใช้เทคนิคการพับรีดเก็บเข้าไปด้านใน ทำให้ไม่เกิดรอยต่อ และป้องกันการรั่วซึมได้อีกชั้นหนึ่ง รวมถึงยังมีชายหลังคาขนาดใหญ่ยื่นออกมา เพื่อช่วยให้ร่มเงาและป้องกันฝนสาดได้ดีครับ

เริ่มกันที่แปลนชั้นใต้ดินของบ้านจะเป็นชั้นจอดรถทั้งหมดครับ ซึ่งปกติเราจะไม่ค่อยได้เห็นบ้านในเมืองไทยทำชั้นใต้ดินแบบนี้กันสักเท่าไหร่ เนื่องจากมีต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูง และยังต้องเตรียมงานระบบต่างๆรองรับอีกมากมาย

..แต่ผลที่ได้คือ จะทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น โดยช่องจอดมาตรฐานที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้คือประมาณ 5 คัน แต่เรายังสามารถจอดซ้อนคันเพิ่มได้สูงสุดรวมเกือบ 10 คันเลยทีเดียวครับ

ที่จอดรถชั้นใต้ดินจะมีทางลาดลงไปแบบนี้ ซึ่งเป็นความตั้งใจของโครงการที่ไม่อยากให้มีรถจอดหน้าบ้าน เพราะจะดูไม่สวยงามและไม่ต้องจอดรถตากแดดตากฝนอีกด้วยครับ

ชั้นใต้ดินมีขนาดใหญ่มากครับ สามารถจอดรถแบบซ้อนคันได้สูงสุดเกือบ 10 คันเลยทีเดียว ยิ่งถ้าใครมีรถ Super Car ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษก็คงจะถูกใจไม่น้อย เพราะเราจะไม่ต้องจอดรถกลางแจ้งอีกต่อไป โดยที่ทางเข้าก็จะมีประตูไฟฟ้าเปิด-ปิดให้แบบอัตโนมัติด้วย

พื้นเป็นอีพ็อกซี่ที่มีลักษณะมันเงา ซึ่งมักจะเห็นได้ตามห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทั่วไป มีความแข็นแรงทนทาน เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนบนฝ้าเพดานก็จะโชว์ท่องานระบบต่างๆแบบเดินลอยเอาไว้ เพื่อที่เวลาช่างเข้ามาซ่อมบำรุงก็จะได้ง่ายต่อการทำงานครับ

ชั้นใต้ดินแบบนี้จะมีปัญหาเรื่องความอับชื้นหรือเปล่า?

…หายห่วงได้เลยครับ เพราะเค้าจะมีระบบระบายอากาศและความชื้นเตรียมเอาไว้ให้ รวมถึงยังติดตั้ง Tesla Power Wall แบตเตอรี่สำรองไฟฉุกเฉิน ที่สามารถสำรองไฟจากแผง Solar Cell ที่ติดอยู่บนหลังคา เพื่อเอาไว้ใช้ภายในบ้านได้อีกด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีมุมให้สามารถล้างรถที่ใช้ล่างได้อีกด้วย ซึ่งทางโครงการก็ได้เตรียมรางระบายน้ำเอาไว้โดยรอบ สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดรถได้เต็มที่

อีกด้านหนึ่งของชั้นใต้ดิน นอกจากจะมีบันไดและลิฟต์โดยสารแล้ว ยังมีมุมอเนกประสงค์ให้เราทำเป็นตู้เก็บของ และที่เก็บรองเท้าต่างๆได้แบบจุใจอีกด้วย (ของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ สามารถ Built-in ได้เองตามต้องการ)

แปลนชั้น 1 หลักๆจะเป็นโซนพื้นที่ทำงานของ Maid และคนขับรถ ซึ่งจะมีห้องพักผ่อนส่วนตัวขนาดใหญ่ สามารถอยู่กันเป็นครอบครัวได้แบบสบายๆไม่อึดอัด (แปลนสีน้ำเงิน) และส่วนอื่นๆก็จะเป็นพื้นที่ทำงานของเค้าครับ อย่างเช่น ครัว ห้องซักล้าง และสวน

แต่ถ้าเป็นฟังก์ชันสำหรับเจ้าของบ้านก็จะมีห้องอเนกประสงค์ต่างๆ และสระว่ายน้ำส่วนตัว ที่เป็นเหมือน Facilities หลักของบ้านให้ลงมาใช้งานได้นั่นเองครับ

สำหรับบ้านของโครงการนี้จะ “ไม่มีรั้วหน้าบ้าน” ที่จะมาบดบังความสวยงามของตัวบ้านเลยครับ บรรยากาศก็จะคล้ายๆกับบ้านที่อยู่เมืองนอกเลย ซึ่งเราอาจต้องสนิทกับเพื่อนบ้านพอสมควรเลยทีเดียว

โดยในเรื่องความปลอดภัยก็จะอาศัยกล้อง CCTV ของส่วนกลาง และมี รปภ. คอยตรวจตราให้อยู่สม่ำเสมอ หรือใครจะติดตั้งเพิ่มเองก็ได้นะครับ ส่วนพวกตู้จดหมายและถังขยะต่างๆ จะซ่อนอยู่ในกล่องไม้ตรงสวนหน้าบ้านแบบนี้ ดูสวยงามและกลมกลืนกับบ้านดีทีเดียว

คอนเซ็ปต์บ้านไทยที่หยิบมาใช้อย่างแรกก็คือ “การยกใต้ถุนสูง” จึงทำให้เกิดพื้นที่ใช้สอยแบบ Semi-Outdoor ให้ใช้งานได้แบบนี้

โดยทางโครงการก็ได้จัดเป็นพื้นที่สวนสีเขียวมาให้ครับ ซึ่งจะเป็นต้นไม้ขนาดเล็กที่ไม่ต้องการแสงแดดมากนัก ทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับและเพิ่มความสดชื่น ทดแทนพื้นที่รอบๆบ้านได้เป็นอย่างดี

นอกจากสวนและทางเดินแล้ว ทางโครงการก็ยังมีการกั้นประตูไม้ เพื่อช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับภายในบ้าน รวมถึงยังเป็นการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ระหว่างเจ้าของบ้าน และทีมงานแม่บ้านให้ออกจากกันเป็นสัดส่วนได้ดีด้วยครับ

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ที่เราสามารถนำโต๊ะเก้าอี้มาวางนั่งพักผ่อนรับลมเย็นๆได้ตลอดทั้งวัน และมีการปูเป็นพื้นไม้สวยงาม

รวมถึงด้านในสุดก็จะมีห้องอเนกประสงค์เล็กๆ พร้อมห้องน้ำในตัวให้เราได้ใช้งานด้วย ซึ่งบ้านตัวอย่างก็จัดมาเป็นห้องออกกำลังกายส่วนตัวในบ้านแบบนี้ครับ

ติดกันจะเป็นสระว่ายน้ำแบบกลางแจ้ง ซึ่งบ้านไซส์ M จะมีขนาดกว้าง 2.6 x 9.1 m. เปรียบเสมือนว่าเรามี Facilities ในบ้านให้ใช้งานได้เป็นส่วนตัวเลยทีเดียว

ซึ่งหากใครที่ซื้อบ้าน 2 หลังติดกันแบบนี้ ก็จะสามารถเดินเชื่อมต่อเพื่อมาใช้งานร่วมกันได้ หรือจะมาจัดปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำก็น่าสนใจนะครับ

เข้ามาภายในบ้านชั้น 1 บริเวณนี้จะเป็นทางเข้ารองของตัวบ้าน ซึ่งหลักๆจะเป็นโซนพื้นที่ทำงานของแม่ที่อยู่ทางด้านหลัง ส่วนเจ้าของบ้านก็อาจใช้เพื่อขึ้น-ลงลิฟต์ ในตอนที่จะมาใช้สวนและสระว่ายน้ำนั่นเองครับ

ถัดเข้ามาจะเป็นห้อง Laundry ที่อยู่ใต้บันได และทางไปห้องครัวขนาดใหญ่ โดยจุดที่ผมชอบคือการใช้ผนังเป็นกระจกฝ้า ซึ่งช่วยทำให้บรรยากาศดูสว่างโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ

สำหรับห้องครัวจะมีขนาดใหญ่มาก และเราจะได้ชุดครัว Stainless จาก Bertazzoni แบรนด์นำเข้าจากอิตาลี แบบนี้ครบเซ็ตทั้งหมดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเตาอบ ตู้เย็น ไมโครเวฟ เตาไฟฟ้า และเครื่องล้างจาน เรียกได้ว่าเป็นครัวหลักของร้านอาหารใหญ่ๆได้เลยทีเดียว

สามารถคลิกดูรายละเอียดได้จากภาพใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/5

ที่น่าสนใจจริงๆก็คือ เค้าจะมี “ลิฟต์ส่งอาหาร” ให้ใช้งานด้วยครับ ซึ่งปกติเราจะเห็นเฉพาะตามร้านอาหารหรือภัตตาคารใหญ่ๆเท่านั้น

โดยสิ่งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวก เวลาขนส่งอาหารขึ้น-ลงชั้นบนได้ดี และยังช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจทำให้คนบาดเจ็บ/อาหารเสียหายระหว่างทางได้อีกด้วย

ประตูห้องครัวจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ข้างบ้าน ซึ่งจะเป็นทางเดินไปยังห้องพักของ Maid ที่อยู่ด้านหลังได้ครับ

ภายในห้องพักแม่บ้านมีขนาดใหญ่มาก (ใหญ่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย) เรียกได้ว่าใครเป็นแม่บ้านที่นี่ จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวได้สบายๆเลยครับ เพราะภายในนอกจากจะมีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่แล้ว ยังมีห้องน้ำที่สวยมากๆให้ใช้งาน และมีห้องนอนแยกเป็นส่วนตัวอีก 2 ห้องด้วย

สามารถคลิกดูรายละเอียดได้จากภาพใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/3

แปลนชั้น 2 จะเป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับเจ้าของบ้าน โดยลักษณะผังบ้านจะคล้ายรูปตัว E ที่มีการเว้าพื้นที่เข้ามาด้านใน ทำให้เกิด Court Yard ตรงกลางบ้านถึง 2 จุด ซึ่งเชื่อมต่อมุมมองระหว่างฟังก์ชัน และเพิ่มพื้นที่ช่องแสงให้มีความสว่างโปร่งโล่ง รวมถึงสามารถเปิดหน้าต่างระบายอากาศได้ดีมากขึ้นอีกด้วยครับ

สำหรับฟังก์ชันหลักๆของชั้นนี้ก็จะประกอบด้วย พื้นที่รับแขก ห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร ชานพักนอกบ้านขนาดใหญ่ และมีห้องนอน 2 ห้องที่อยู่ด้านหลังบ้าน เหมาะมากสำหรับใช้เป็นห้องผู้สูงอายุ ซึ่งลูกๆหลานๆจะสามารถแวะมาหาได้ตลอด ทำให้ท่านไม่เหงาครับ

แต่ที่น่าสนใจจริงๆก็คือ เค้าจะออกแบบห้องนอนให้มีประตูเชื่อมต่อกันได้ด้วย นั่นหมายความว่าเราอาจใช้ห้องนอนเล็กเป็นห้องพักพยาบาล/พี่เลี้ยง ที่อาจต้องมาคอยดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิดได้ตลอด 24 ชม. หรือถ้าใครที่ไม่ได้ต้องการฟังก์ชันแบบนี้ ก็ยังสามารถปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้หลากหลาย เช่น ห้องนอนแขก ห้องดูหนังเล่นเกมส์ เป็นต้น

บ้านชั้น 2 เราจะสามารถใช้ลิฟต์หรือเดินขึ้นบันไดมาก็ได้ครับ ซึ่งก็จะมีบันไดอยู่ 2 จุดคือ บันไดหลักที่อยู่ภายในบ้าน และบันไดรับแขกที่อยู่หน้าบ้านแบบนี้นั่นเอง

ด้านบนเราจะเจอกับชานพักขนาดใหญ่ ที่สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ด้วย แต่ที่ชอบก็คือเค้าจะมีประตูกั้นแยกออกจาก Court Yard ที่อยู่ด้านในบ้านครับ จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นประตูไม้ขนาดใหญ่ที่เป็นทางเข้าหลักของบ้าน

ภายในเราจะเจอกับพื้นที่รับแขกขนาดใหญ่ หรือใครจะจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัวก็ได้ครับ สิ่งที่ชอบอย่างแรกคือช่องแสงทั้ง 3 ด้าน ซึ่งช่วยทำให้ภายในบ้านมีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่ง และเปิดรับวิวได้ทั้ง 3 ทิศทางเลยทีเดียว

โดยเฉพาะช่องแสงทางขวามือจะสามารถมองเห็น Court Yard ที่อยู่ตรงกลางบ้านได้ด้วยครับ และที่ผมชอบเป็นพิเศษอีกอย่างคือ เค้ามีการออกแบบฟังก์ชันห้องน้ำให้หลบอยู่หลังผนังแบบนี้ ซึ่งทำให้ดูเรียบร้อยและเป็นสัดส่วนมากเลยทีเดียว

ภายในห้องน้ำจะแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนอ่างล้างมืออยู่ด้านนอก และโถสุขภัณฑ์ต่างๆจะอยู่ด้านใน ทำให้สามารถใช้งานพร้อมๆกันได้สบายๆเลยครับ โดยเราจะได้ทั้งโถปัสสาวะและโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ (TOTO Washlet) แบบนี้เลย

และถ้าหากเรากำลังใช้ห้องนี้ในการรับแขกอยู่ ก็จะสามารถเลื่อนประตูบานทึบมาปิด เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับภายในบ้านได้ด้วยนะครับ

ถัดเข้ามาในบ้านตัวอย่างจะจัดเป็นมุม Pantry สำหรับเตรียมอาหารและเครื่องดื่มเป็นไอเดีย ซึ่งของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆที่เราอาจต้อง Built เพิ่มเติมเองนะครับ รวมถึงอาจจัดเป็นฟังก์ชันอื่นๆได้ตามต้องการ เช่น พื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร พื้นที่นั่งเล่น เป็นต้น

จุดเด่นของพื้นที่ส่วนนี้คือ ช่องแสงที่สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ด้าน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นพื้นที่ Semi-Outdoor ที่ลมธรรมชาติสามารถพัดผ่านได้ดี

และมีพื้นที่เชื่อมต่อกับ Court Yard หรือชานพักขนาดใหญ่ภายนอก เหมาะที่จะใช้เป็นพื้นที่จัด Party หรืองานสังสรรค์สำหรับคนหลายคนได้สบายๆเลยครับ

หมดห่วงเรื่องแมลงรบกวน ด้วยระบบ “มุ้งลวดไฟฟ้า” ภายในตัวบ้าน :

ทางโครงการจะมีการติดตั้งมุ้งลวดไฟฟ้า มาให้เกือบทุกจุดของตัวบ้านเลยครับ จึงทำให้สามารถเปิดรับลมและระบายอากาศได้ตลอดเวลา

บ้านเย็นไม่กลัวแดด ด้วยกระจก IGU ทั้งหลัง :

ประตูหน้าต่างของบ้านทั้งหมดจะเป็นกระจก IGU (Insulated Glass Unit) ซึ่งเป็นกระจก 2 ชั้นที่มีช่องอากาศตรงกลาง ทำหน้าที่ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนเข้ามาภายในอาคาร และช่วยสะท้อนความร้อนได้ดี

ซึ่งเป็นกระจกที่มักนิยมใช้กับอาคารสูง และอาคารประหยัดพลังงานต่างๆ อีกทั้งยังช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีอีกด้วย โดยวันที่ผมเข้ามาถ่ายรีวิวก็ยังคงมีเสียงก่อสร้างดังอยู่ แต่พอปิดประตูแล้วก็จะค่อนข้างเงียบเลยครับ

Court Yard หรือชานพักตรงกลางบ้านมีขนาดใหญ่มากครับ พร้อมทั้งยังปลูกไม้ยืนต้นที่ช่วยเพิ่มร่มเงาและความสดชื่นได้ดี

ซึ่งทุกฟังก์ชันของบ้านจะสามารถมองเห็นต้นไม้สีเขียวนี้ได้ทั้งหมดเลย รวมถึงเรายังสามารถใช้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรม Outdoor ร่วมกันของคนในครอบครัวได้อีกด้วย

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume ซึ่งผนังทั้ง 2 ด้านจะเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ทั้งหมดเลย ส่วนช่องกลางจะเป็นผนังทึบ เพราะต้องการให้เกิดความเป็นส่วนตัวจากบ้านหลังที่อยู่ข้างๆกันนั่นเอง

หากมองขึ้นไปก็จะเชื่อมต่อกับโถงทางเดินชั้นบนได้ด้วย และถึงแม้ว่าบริเวณนี้จะโดนแสงแดดส่องลงมาแบบนี้ก็ตาม แต่กระจก Insulated Glass ก็จะช่วยป้องกันความร้อนได้ดี ดังนั้นผมก็จะรู้สึกแค่เพียงไอแดดอุ่นๆเท่านั้นเองครับ

Floor Radiant Cooling ระบบพื้นเย็นแบบไม่ต้องเปิดแอร์ :

ความพิเศษอย่างหนึ่งของฟังก์ชันนี้ก็คือ ที่ใต้พื้นจะมีสิ่งที่เรียกว่า Floor Radiant Cooling เป็นนวัตกรรมของระบบปรับอากาศที่จะทำให้พื้นเย็น โดยใต้พื้นจะมีท่อน้ำเย็นที่มากับระบบปรับอากาศของตัวบ้าน

ซึ่งถ้าเราเดินด้วยเท้าเปล่าๆ ก็จะรู้สึกถึงไอเย็นที่แผ่ขึ้นมาได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้พื้นที่ส่วนนี้มีอากาศที่เย็นสบายได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์ (มีผลประมาณ 2 – 3 m. จากพื้นห้อง) และในประเทศไทยก็รู้สึกว่าจะมีการใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแห่งแรกด้วยครับ

ระบบปรับอากาศแบบ All in one ที่ส่งผ่านมาตามอุโมงค์น้ำเย็นใต้ดิน :

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ภายในโครงการ The Forestias จะมีอาคาร CUP (Central Utility Plant) ที่เป็นอาคารส่วนกลางของงานระบบควบคุมการจ่ายไฟ และจ่ายน้ำเย็นไปยังโครงการต่างๆ โดยจะส่งผ่านมาใน Trench ที่เป็นอุโมงค์ท่อน้ำเย็นใต้ดินที่อยู่ใต้ถนนอีกทีหนึ่ง

อย่างตัวโครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas ศูนย์รวมของงานระบบทั้งหมดจะมารวมตัวกันอยู่ที่อาคาร Clubhouse ก่อนจะแจกจ่ายไปตามบ้านแต่ละหลัง โดยน้ำอุณหภูมิประมาณ 5 องศา จะวิ่งไปตามท่อผ่านระบบโครงสร้างต่างๆ ซึ่งส่งผลทำให้ช่วยลดอุณหภูมิของตัวบ้านได้ด้วย

ตัวบ้านจะใช้ระบบแอร์แบบ Chiller ที่มีส่วนช่วยในการลดใช้พลังงานไฟฟ้าได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ค่อยนิยมนำมาใช้ในบ้านพักอาศัยเท่าไหร่นัก เพราะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง แต่ในระยะยาวจะมีประสิทธิภาพที่ดีและยั่งยืน

ส่วนน้ำเย็นที่ผ่านการใช้งานแล้ว ทางโครงการก็จะนำไปบำบัดใช้กับสวนป่าต่อไป (ค่าแอร์จะคิดจากค่าน้ำเย็น โดยมีมิเตอร์น้ำเย็นติดตั้งแยกอีกทีนะครับ แต่เท่าที่ลองสอบถามมาราคาต่อยูนิตจะพอๆกับค่าไฟปกติ หรืออาจถูกกว่านิดหน่อยด้วย)

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็น Pantry ที่จะ Built-in มาให้แบบนี้เลยครับ สามารถใช้อุ่นอาหารเบาๆ หรือล้างจานล้างมือนิดๆหน่อยๆได้ด้วย

รวมถึงยังมีโถงบันไดหลักของบ้านอยู่ทางด้านหลัง และมีลิฟต์โดยสารอยู่ขวามือ ซึ่งติดกันก็จะเป็นลิฟต์ส่งอาหารที่เราได้เห็นกันในห้องครัวก่อนหน้านี้นั่นเองครับ

ถัดมาทางขวามือจะมีโถงทางเดินเชื่อมต่อมายังห้องนอน 2 ห้องที่อยู่ด้านหลังบ้าน โดยของจริงจะมีประตูที่เปิดเชื่อมกันตรงกลางได้ด้วยนะครับ แต่บ้านตัวอย่างเค้าจะทำผนังปิดทึบ แยกเป็นส่วนตัวออกจากกันมาให้ดูเป็นไอเดียแบบนี้

เริ่มที่ห้องซ้ายมือจะเป็นห้องนอนเล็ก ที่เราสามารถจัดเป็นห้องนอนเด็ก ห้องนอนแขก หรือห้องพักของพยาบาลที่จะมาคอยช่วยดูแลผู้สูงอายุที่ห้องข้างๆนี้ก็ได้ครับ

ภายในก็จะมีมุมแต่งตัวและห้องน้ำให้ใช้งานครบเลยทีเดียว เพียงแต่ห้องนอนเล็กทั้งหลายเราจะได้เป็นโถสุขภัณฑ์แบบปกติ ไม่ได้เป็นแบบอัตโนมัติเหมือนห้องอื่นๆนะครับ

ถัดมาจะเป็นห้องนอนใหญ่ของชั้นนี้ ที่อาจเป็นห้องของผู้สูงอายุหรือคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนระหว่าง Walk-in Closet และเตียงนอน

เริ่มกันที่เตียงนอนจะมีจุดเด่นคือ ผนังทั้ง 3 ด้านจะเป็นกระจกทั้งหมด จึงทำให้มีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่งมากๆ แถมยังเปิดประตูเพื่อสูดอากาศ และออกไปเดินเล่นที่ระเบียงภายนอกได้อีกด้วย

ส่วนพื้นที่ Walk-in Closet ของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆที่กั้นผนังทึบให้เรา Built-in เพิ่มเองนะครับ

และภายในห้องน้ำก็กว้างมากๆครับ เพราะเค้าออกแบบด้วยหลัก Universal Design ผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ก็ยังสามารถใช้งานได้สะดวก และมีการกั้น Shower Box มาให้เป็นสัดส่วนเรียบร้อยด้วยนะครับ

พื้นห้องน้ำหลักจะราบเรียบ ไม่มีการลดระดับเหมือนห้องน้ำทั่วไป แต่ถ้าเป็นพื้นที่ยืนอาบน้ำจะยังมีการลดระดับนะครับ โดยจะทำเป็นทางลาดให้ใช้งานง่าย เพื่อที่น้ำจะได้ไม่ไหลออกมาด้านนอกนั่นเอง

แปลนชั้น 3 จะเป็นชั้นพักผ่อนสำหรับเจ้าของบ้านและลูกๆ มีทั้งห้อง Master Bedroom และห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง รวมถึงยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ปรับใช้ตามต้องการได้อีกด้วย

แต่จุดเด่นจริงๆก็คือ ห้อง Master Bedroom และห้องนอนที่ 2 (แปลนสีน้ำเงิน) ซึ่งจะเป็นห้องมุมที่ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ถึง 3 ด้าน บรรยากาศจึงโปร่งโล่งเป็นพิเศษ และสามารถชมวิวได้เต็มที่เลยครับ

ขึ้นมาบนชั้น 3 เราจะเจอกับโถงทางเดินหน้าบันได ที่มีความกว้างมากพอจะทำเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนเล็ก รวมถึงยังสามารถมองเชื่อมต่อ Double Volume ลงไปยังชั้นล่างก่อนหน้านี้ได้ด้วย

พื้นชั้นนี้ทั้งหมดก็จะเปลี่ยนเป็นพื้นไม้ Engineered Wood มีความสวยงามและทนความชื้น/รอยชีดข่วยได้ดีทีเดียว

เรามาเริ่มกันที่โซนด้านหลังบ้านก่อนนะครับ โดยจะมีพื้นที่อเนกประสงค์และ Master Bedroom ซึ่งอยู่ใกล้กับลิฟต์โดยสารพอดี จึงทำให้สามารถมาใช้งานได้สะดวก

สำหรับพื้นที่อเนกประสงค์ของจริงจะเป็นห้องโล่งๆ แต่ก็จะมีการติดตั้งประตูไม้บานเฟี้ยมมาให้ด้วยแบบนี้ สามารถเลื่อนปิดเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ ซึ่งเราอาจทำเป็นโซนนั่งทำงานแบบนี้ หรือจะทำเป็น Family Area เพิ่มก็ได้

ถัดมาจะเป็นห้อง Master Bedroom พอเดินเข้ามาเราจะเจอกับ Walk-in Closet ซึ่งจะยังมองไม่เห็นเตียงนอนทันทีนะครับ จึงทำให้คนที่พักผ่อนอยู่ด้านในได้ความเป็นส่วนตัว ส่วนบริเวณนี้ของจริงก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆ สามารถ Built-in เพิ่มเองได้ตามต้องการ

ทางโครงการจะมีการเตรียมฟังก์ชันบางอย่างไว้ เพื่อรองรับการใช้งานของสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบท่อน้ำสำหรับต่อเข้าอ่างล้างมือ ซึ่งเวลาแต่งหน้า/ทาครีมเสร็จแล้วก็จะได้ล้างมือได้เลย รวมถึงยังมีการทำช่องแสง Skylight ช่วยเพิ่มแสงธรรมชาติเวลาแต่งหน้าได้ดี แถมยังช่วยประหยัดค่าไฟในตอนกลางวันด้วยครับ

ถัดมาจะเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ แถมยังได้ช่องแสงถึง 2 ด้านอีกด้วย บรรยากาศจึงสว่างและโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ โดยเราจะได้อ่างล้างหน้าแบบ His&Her ที่ใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้ รวมถึงยังมีการกั้นโซนของโถสุขภัณฑ์เป็นสัดส่วนอีกด้วย

สำหรับ Master Bedroom จะมีอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวเพิ่มเข้ามาให้เลือกใช้งานได้ด้วยครับ สามารถแช่น้ำไปและชมวิวภายนอกไปด้วยได้แบบนี้ หรือเราจะเข้าไปยืนอาบปกติใน Shower Box ก็ได้เหมือนกัน

สุขภัณฑ์ภายในบ้านทั้งหมดจะเป็นของ Gessi ซึ่งเป็นแบรนด์นำเข้าจากประเทศอิตาลี โดยจะเป็นสีแบบ Rose Gold ที่สั่งทำพิเศษสำหรับโครงการนี้เลย

นอกจากนี้ยังมีการเดินงานระบบท่อน้ำร้อนในผนังมาให้ด้วย และสามารถเลือกเปิดน้ำอุ่น/น้ำเย็นได้ทุกจุดของตัวบ้านเลยครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นโซนเตียงนอน ซึ่งผนัง 3 ด้านก็จะเป็นกระจกทั้งหมดแบบนี้ ได้ทั้งบรรยากาศที่โปร่งโล่ง และยังนอนชมวิวโดยรอบได้อีกด้วย บรรยากาศเหมือนเป็นบ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่เลยครับ

ถัดมาเราจะไปดูห้องที่เหลือที่อยู่โซนหน้าบ้านกันบ้างครับ

เริ่มที่ห้องแรกจะเป็นห้องพระครับ ซึ่งจะกั้นผนังไว้เป็นสัดส่วนดี แถมยังมีการเจาะเป็นผนังกระจก ทำให้บรรยากาศในบ้านดูโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย

ติดกันจะเป็นห้องนอนเล็กสุดของบ้านชั้นนี้ครับ ซึ่งหากใครที่มีลูกคนเดียวก็อาจปรับเป็นห้องนอนแขก หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ เช่น ห้องทำงาน ห้องดูหนัง เป็นต้น

อีกด้านหนึ่งยังมีการแบ่งพื้นที่เป็น Walk-in Closet และห้องน้ำเป็นสัดส่วนดีทีเดียวนะครับ เพียงแต่บริเวณนี้อาจต้องพึ่งแสงไฟเยอะสักหน่อย เพราะจะไม่ได้อยู่ติดกับช่องแสงเลยนั่นเอง

ส่วนภายในห้องน้ำก็จะได้ฟังก์ชันมาตรฐาน และแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนครับ

สุดท้ายจะเป็นห้องนอนที่ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่รองลงมาจาก Master Bedroom โดยจะอยู่บริเวณโซนด้านหน้าสุดของบ้าน เหมาะที่จะเป็นห้องของลูกคนโตครับ

พื้นที่ส่วนแรกทางขวามือจะเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำให้ใช้งานได้แบบส่วนตัว แต่จะเป็นพื้นที่โล่งๆที่ต้อง Built-in เพิ่มเติมเองเช่นเคยนะครับ

ส่วนบริเวณเตียงนอนเราก็จะได้ช่องแสง 3 ด้านเหมือนกับห้อง Master Bedroom บรรยากาศมีความโปร่งโล่งมากๆ ซึ่งทางโครงการก็ได้มีการวางผังบ้านให้ช่องเปิดไม่ชนกัน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากขึ้นแบบนี้ด้วย

ต่อไปเราจะพาทุกคนข้ามไปดูบ้านหลังเล็กที่อยู่ข้างๆกันบ้าง โดยหากใครที่ซื้อบ้านเป็น Cluster และต้องการเชื่อมต่อบ้านเข้าด้วยกัน ทางโครงการก็จะทำเป็นสะพานทางเชื่อมให้แบบนี้เลยครับ ทำให้สามารถเดินไปมา-หาสู่ระหว่างบ้านกันได้ง่ายมากขึ้น (ต้องแจ้งล่วงหน้า และควรตำแหน่งแปลงที่สามารถทำได้ด้วย)

  • ROSEBERRY บ้านเดี่ยว 3 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ที่ดินเริ่มต้น 140 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,203 ตร.ม.
    – 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร /4 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 7 คัน หากรวมจอดซ้อนคัน)

แปลนบ้านของไซส์ S และ M จะมีลักษณะคล้ายๆกันเลยนะครับ เริ่มจากชั้นใต้ดินจะเป็นพื้นที่จอดรถได้สูงสุดประมาณ 6 – 7 คัน ส่วนแปลนชั้น 1 ก็จะเป็นโซนห้องครัวและห้องพักของ Maid ซึ่งจะยังคงมีขนาดใหญ่ สามารถอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวได้สบายๆเหมือนเดิม

ภาพบรรยากาศของชั้นจอดรถใต้ดิน จะมีขนาดที่เล็กกว่าของหลังที่แล้วนิดหน่อยนะครับ โดยบ้านหลังนี้เค้าได้แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งทำเป็นบาร์และมุมนั่งเล่นพักผ่อน ซึ่งเป็นไอเดียที่เหมาะกับคนที่ชอบแต่งรถ หรือชอบชวนเพื่อนๆมาจัดปาร์ตี้ที่ชั้นใต้ดินลับๆแบบนี้นั่นเองครับ

Image 1/4

ชั้น 1 บริเวณใต้ถุนบ้านก็จะมีการจัดสวนพื้นที่สีเขียวไว้ให้เหมือนเดิมเลยครับ

สำหรับพื้นที่ข้างบ้านถ้าเราไม่ได้ซื้อบ้านแบบรวม Cluster เค้าก็จะมีการทำรั้วแบ่งเขตมาให้เป็นสัดส่วน (จากที่ลองสอบถามดูเห็นว่าอาจเป็นแนวรั้วต้นไม้นะครับ)

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ในร่มที่สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนได้

อีกทั้งยังมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังสวนหลังบ้านได้ด้วย หรือถ้าเป็นบ้านที่รวม Cluster กับหลังข้างๆแบบนี้ เราก็สามารถเดินไปใช้งานพวกสระว่ายน้ำร่วมกันได้ครับ

ภายในบ้านชั้น 1 ที่เป็นทางเข้าบ้านรอง จะมีพื้นที่กว้างขวางให้เราสามารถ Built-in ตู้เก็บของและตู้เก็บรองเท้าต่างๆได้เยอะเลยครับ

ส่วนด้านหลังบ้านก็จะมีทั้ง Laundry และห้องครัวให้ใช้งานครบเช่นเดิม รวมถึงจะมีส่วนของห้องพักแม่บ้านด้วยนะครับ

แปลนชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกันของสมาชิกภายในบ้าน รวมถึงยังเอาไว้ใช้รับแขกและมีห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุอยู่ด้านหลังด้วยครับ

แปลนชั้น 3 จะมีห้องนอน 2 ห้องด้วยกัน โดยห้องนอนเล็กจะอยู่ทางหน้าบ้าน และมีจุดเด่นตรงระเบียงที่มีขนาดใหญ่มาก ในขณะที่ห้อง Master Bedroom จะอยู่ทางด้านหลังบ้านและได้ความเป็นส่วนตัวสูงครับ

บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่น/ห้องรับแขกบนชั้น 2 จะยังคงมีบรรยากาศที่โปร่งโล่ง และได้ช่องแสง 3 ด้าน สามารถมองเห็น Court Yard ที่อยู่ตรงชานพักกลางบ้านได้เหมือนเดิม

รวมถึงยังมีห้องน้ำให้ใช้งานได้สะดวกใกล้ๆเลยครับ แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และมีประตูปิด 2 ชั้นดูเรียบร้อยดี

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งของจริงก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆให้จัดได้เองตามต้องการ เช่น อาจวางเป็นโต๊ะนั่งทานอาหาร หรือจะทำเป็นมุม Pantry ไว้เตรียมอาหารและเครื่องดื่มแบบบ้านตัวอย่างก็ได้

แน่นอนว่าเรายังสามารถเปิดพื้นที่เชื่อมต่อกับ Court Yard ตรงชานพักขนาดใหญ่กลางบ้านได้เหมือนเดิมเลยครับ บรรยากาศดูน่าใช้งานมากเลยทีเดียว

ต่อมาจะเป็นพื้นที่ Double Volume ซึ่งของจริงก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆนะครับ แต่บ้านตัวอย่างก็ทำเป็นบันไดเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมาให้ดูเป็นไอเดีย ว่าเราสามารถใช้พื้นที่แนวตั้งให้เกิดประโยชน์แบบนี้ได้ด้วย

ซึ่งเราอาจทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น นั่งทำงาน หรือใช้เก็บของสะสมไว้โชว์แขก เป็นต้น รวมถึงเรายังได้พื้นแบบ Floor Radiant Cooling ที่ทำความเย็นบริเวณใต้พื้นเหมือนหลังก่อนหน้านี้เลยครับ

สำหรับห้องนอนชั้นนี้ก็จะมีขนาดใหญ่ และแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนเหมือนเดิมครับ ซึ่งก็เหมาะสำหรับทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุมากๆ

หรือถ้าบ้านของใครไม่มีผู้สูงอายุ ก็อาจใช้เป็นห้องนอนแขกก็ได้ครับ รับรอบว่าแขกจะประทับใจมากๆแน่นอน เพราะเป็นห้องที่ได้ช่องแสงถึง 3 ด้านแบบนี้นั่นเอง

อีกทั้งเรายังสามารถเปิดประตูระเบียง เพื่อออกไปใช้งานด้านนอกได้ด้วยนะ โดยที่ผนังด้านหนึ่งเราจะเห็นว่ามีไอน้ำเกาะอยู่ ซึ่งมันก็คือท่อน้ำเย็นแบบเดียวกับระบบ Floor Radiant Cooling ที่อยู่ตรงใต้พื้นก่อนหน้านี้นั่นเองครับ

โดยสาเหตุที่เค้าทำผนังตรงนี้ให้มีไอเย็นออกมา เป็นเพราะต้องการให้มุมนี้ของบ้านมีความเย็นสบาย ไม่ร้อนอบอ้าว และมีความน่าออกมาใช้งานมากขึ้น รวมถึงยังมีส่วนช่วยทำให้ตัวบ้านเย็นลงได้อีกด้วย

อีกด้านหนึ่งของห้องนอนก็จะมี Walk-in Closet และห้องน้ำให้ใช้งานในตัวเหมือนเดิมครับ

แต่ที่เราจะได้เห็นเพิ่มเติมก็คือ ประตูบานเลื่อนที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนอนใหญ่ กับห้องนอนเล็กที่อยู่ด้านขวานี้ได้ด้วยนั่นเอง

โดยห้องนอนเล็กนี้ก็อาจทำเป็นห้องนอนแขก หรือห้องพักพยาบาลที่จะมาดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ห้องข้างๆนี้ได้ครับ และภายในจะมีห้องน้ำในตัวให้ใช้งานได้สะดวกเลย

คราวนี้เราจะขึ้นไปชั้นสุดท้ายของตัวบ้านด้วยลิฟต์โดยสารกันบ้างครับ โดยจะเป็นลิฟต์ระบบ Hydraulic ที่ตอนขึ้น-ลงอาจใช้เวลาอยู่สักหน่อย แต่ที่ผมชอบก็คือ เรื่องระบบความปลอดภัย ที่หากลิฟไม่ได้หยุดนิ่งอยู่ที่ชั้นนั้นๆ เราจะไม่สามารถเปิดประตูนี้ได้เด็ดขาดนั่นเอง

ขึ้นมาบนชั้น 3 ก็จะเจอกับโถงทางเดินที่บรรยากาศโปร่งโล่ง ซึ่งคราวนี้เราจะไปดูห้องนอนที่อยู่โซนหน้าบ้านทางซ้ายมือกันก่อนบ้างนะครับ

เมื่อเข้ามาภายในห้องก็จะเจอกับโถงทางเดิน ที่แยกไปยังส่วนใช้งานอย่าง Walk-in Closet และห้องน้ำก่อน ซึ่งจะยังมองไม่เห็นเตียงนอนนะครับ เลยค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวดีทีเดียว

โซนแต่งตัวนี้ของจริงก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆที่ต้อง Built-in เพิ่มเติมเอง ส่วนภายในห้องน้ำก็จะแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจนเป็นมาตรฐาน

ภายในห้องนอนมีขนาดใหญ่และได้ช่องแสงที่โปร่งโล่งมากๆครับ เหมาะที่จะเป็นห้องของลูกคนโตนั่นเอง

แต่จุดเด่นของห้องนี้จริงๆคือ พื้นที่ระเบียงที่มีขนาดใหญ่มาก สามารถออกมาใช้งานได้เต็มที่เลยครับ

ส่วนทางด้านหลังของบ้านก็จะเป็น Master Bedroom และระหว่างทางเราก็จะเจอกับห้องพระที่เหมือนกับบ้านหลังก่อนหน้านี้ด้วย

ภายในห้อง Master Bedroom ก็จะมีจุดเด่นที่เหมือนกับห้องนอนอื่นๆคือ ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ถึง 3 ด้าน บรรยากาศสว่างโปร่งโล่ง และชมวิวได้อย่างเต็มที่

รวมถึงเรายังสามารถเปิดประตูเพื่อให้อากาศถ่ายเท และออกไปยืนสูดอากาศที่ระเบียงได้แบบนี้อีกด้วย

อีกด้านหนึ่งของห้องก็จะเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำครับ โดยที่เราจะได้เป็นห้องโล่งๆ และสามารถ Built-in เองได้ตามต้องการ

ส่วนห้องน้ำก็จะมีขนาดใหญ่เช่นกัน และแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน โดยตรงกลางจะเป็นอ่างล้างหน้าแบบ His&Her สามารถใช้งานพร้อมๆกันได้สบาย

ซ้ายมือเป็นอ่างอาบน้ำแบบลอยตัว ซึ่งตั้งอยู่ติดกับหน้าต่างที่สามารถแช่น้ำไป และชมวิวไปด้วยได้สบายๆเลยครับ

ส่วนอีกด้านจะเป็นโถสุขภัณฑ์และ Shower Box ที่มีการกั้นกระจกแยกเป็นสัดส่วนแบบนี้ครับ

สำหรับภาพบ้านเปล่าแบบมาตรฐาน สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/20

  • LEGENDBERRY บ้านเดี่ยว 4 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 210 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,724 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 6 ห้องนอน / 10 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร / 1 สระว่ายน้ำ / 6 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 10 กว่าคัน หากรวมจอดซ้อนคัน)

Image 1/4
แปลนชั้น 1

แปลนชั้น 1

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

Mulberry Grove The Forestias Villas ราคา ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565

  • ROSEBERRY บ้านเดี่ยว 3 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ที่ดินเริ่มต้น 140 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,203 ตร.ม.
    – 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร /4 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 7 คัน หากรวมจอดซ้อนคัน)
    – ราคาเริ่มต้น 185 ล้านบาท
  • VISIONBERRY บ้านเดี่ยว 3 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ที่ดินเริ่มต้น 165 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,246 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร / 1 สระว่ายน้ำ / 5 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 10 คัน หากรวมจอดซ้อนคัน)
    – ราคาเริ่มต้น 220 ล้านบาท
  • LEGENDBERRY บ้านเดี่ยว 4 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 210 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,724 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 6 ห้องนอน / 10 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร / 1 สระว่ายน้ำ / 6 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 10 กว่าคัน หากรวมจอดซ้อนคัน)
    – ราคาเริ่มต้น 310 ล้านบาท
  • ค่าจอง ROSEBERRY = 3 ล้านบาท / VISIONBERRY = 4 ล้านบาท / LEGENDBERRY = 6 ล้านบาท
  • ค่าทำสัญญา 5% ของราคาบ้าน (หรือประมาณ 9 – 15 ล้านบาท)
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
  • ค่าส่วนกลาง 200 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ด้วยระดับราคาของตัวโปรดักส์แบบนี้ แน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มที่ปลดล็อคทุกข้อจำกัดด้านการเงิน และสามารถที่จะซื้อที่อยู่อาศัยที่ไหนในประเทศไทยก็ได้ แต่ทำไมจะต้องซื้อที่นี่ด้วยล่ะ..? ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่า “ย่านบางนา-ตราด” เป็นหนึ่งในทำเลที่มักจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ มีความอุดมสมบูรณ์สูง ใกล้ห้างเซ็นทรัลและเมกะบางนา แถมยังมีทางด่วนให้ใช้เข้า-ออกเมืองได้สะดวกอีกด้วย

รวมถึงอนาคตก็กำลังจะมีเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Mega City Bangna / Bangkok Mall ซึ่งตัวโครงการ The Forestias ก็เป็นหนึ่งในเมกะโปรเจกต์เหล่านั้น ที่ภายในจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ส่งผลให้การใช้ชีวิตมีความสะดวกสบาย และหากโปรเจกต์ต่างๆสร้างเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดเมื่อไหร่ ก็คงจะทำให้ย่านบางนา-ตราดแห่งนี้คึกคัก และเติบโตมากขึ้นอีกเยอะเลยครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : บริเวณด้านหน้าจะมีประตูเหล็กรางเลื่อน ที่เปิด-ปิดแบบอัตโนมัติด้วยระบบ RFID โดยใช้สัญญาณ Bluetooth เหมือน Easy Pass บนทางด่วน รวมถึงยังมีระบบ Access control โดยใช้ Face scan, Card และ Pin Code เพื่อเข้าสู่ตรงบริเวณประตูคนเดินด้วยครับ ส่วนระบบกล้อง CCTV ภายในโครงการทั้ง 80 จุด จะได้รับการ Review จาก Restrata ซึ่งเป็น Security Consultant ชื่อดัง ส่วนภายในบ้านพักอาศัยเราสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้เองตามต้องการนะครับ

การออกแบบโครงการ : ตั้งอยู่ภายในเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่อย่าง The Forestias ซึ่งภายในมีที่พักอาศัยหลายโครงการ และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันมาก ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์ โรงแรม โรงพยาบาล และยังมีผืนป่าขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ ที่เราจะสามารถมาใช้ประโยชน์เดินเล่นได้ทุกวัน หรือจะมาวิ่งออกกำลังกาย และใช้เป็นพื้นที่ศึกษาระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติของน้องๆหนูๆได้ด้วยครับ

ส่วนภายใน Mulberry Grove The Forestias Villas จะเป็นโครงการจัดสรรขนาดเล็กที่มีเพียง 37 ยูนิตเท่านั้น ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวมากๆ อีกทั้งยังมีการจัดผังให้บ้านแยกเป็นกลุ่มแบบ Cluster ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ ที่ต้องการมีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้ๆกัน และสามารถไปมา-หาสู่กันได้ง่าย นับว่าเป็นแนวคิดที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครเลยครับ

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : ออกแบบโดย Foster + Partner ซึ่งตัวบ้านได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านเรือนไทยสมัยก่อน มีการยกพื้นใต้ถุนสูง และมีชานพักขนาดใหญ่บนชั้น 2 ทำให้เกิดพื้นที่ใช้สอยที่น่าใช้งานหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทำสวนปลูกต้นไม้ตรงใต้ถุนบ้าน หรือพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆด้านบน อีกทั้งยังมีการออกแบบด้วยหลัก Universal Design ทำให้เป็นบ้านที่เหมาะกับการอยู่อาศัยร่วมกันแบบหลาย Generation สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์โครงการที่ตั้งใจให้เป็นบ้านสำหรับครอบครัวใหญ่ และมาปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆกันหลายหลังได้นั่นเอง

ลักษณะของแปลนจะมีการโอบล้อมพื้นที่ Court Yard ตรงกลางเอาไว้ ซึ่งทำให้เกิดมุมมองเชื่อมต่อพื้นที่แต่ละฟังก์ชัน ช่วยเพิ่มปริมาณช่องแสงและช่องเปิดระบายอากาศได้ดี มีชั้นใต้ดินที่เอาไว้จอดรถได้หลายคัน และช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้เยอะมากๆอีกด้วยครับ ที่ชอบอีกอย่างก็คือห้องนอนผู้สูงอายุ ที่สามารถเชื่อมต่อกับห้องนอนเล็กข้างๆได้ ซึ่งเราอาจใช้เป็นห้องพักพยาบาล/ห้องพี่เลี้ยง ที่จะมาคอยช่วยดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชม.ได้สบายๆ รวมถึงห้องนอนแต่ละห้องก็จะได้ช่องแสงถึง 3 ด้านอีกด้วย แต่ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ห้องพักแม่บ้านที่มีขนาดใหญ่มาก และสามารถอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวได้สบายๆเลยจริงๆ

วัสดุ : ถือว่าให้มาดีเลยครับ โดยจะมีการใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงาน และลดความร้อนของตัวบ้านหลายอย่าง จนได้การรับรอง LEED Home Certificate ระดับ Silver ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่ผนัง / การทำหลังคาแบบ 2 ชั้น / Solar Energy / Tesla Power Wall / กระจก IGU / Floor Radiant Cooling และระบบปรับอากาศแบบ Chiller ที่จะส่งความเย็นผ่านมาตามท่อในอุโมงค์ใต้ดิน อีกทั้งวัสดุส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบรนด์นำเข้ามาจากอิตาลีด้วยครับ ทั้งชุดครัวจาก Bertazzoni และสุขภัณฑ์จาก Gessi ซึ่งมีการสั่งทำสีพิเศษโดยเฉพาะอีกด้วย

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ตั้งแต่ประตูทางเข้าโครงการเราจะเห็นการปลูกต้นไม้ทั้ง 2 ข้างทาง และบ้านแต่ละหลังก็จะมีการปลูกต้นไม้เป็นมาตรฐาน รวมถึงยังมีการเดินสายไฟลงใต้ดิน ทำให้ไม่มีอะไรมาบดบังทัศนียภาพที่สวยงาม และมีพื้นที่สวนสาธารณะกว่า 2 ไร่ ให้ไปเดินเล่นพักผ่อนกันแบบส่วนตัวด้วยนะครับ นี่ยังไม่รวมพื้นที่สวนป่าของ The Forestias ขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ ที่เราสามารถออกไปใช้งาน และได้สัมผัสถึงความร่มรื่นในระหว่างทางที่เข้ามายังตัวโครงการได้ด้วยเช่นกัน โดยภาพรวมก็ถือว่าให้พื้นที่สีเขียวมาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ / Fitness / Yoga Room / Kids Room และ Stream&Sauna รวมถึงยังมีพื้นที่สวนสาธารณะขนาดกว่า 2 ไร่ให้ใช้งานอีกด้วยครับ แต่จุดที่น่าสนใจจริงๆก็คือ ตัวอาคาร Clubhouse ที่มีสถาปัตยกรรมน่าสนใจ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากศาลาทรงไทย เมื่อรวมกับนวัตกรรมการออกแบบโครงสร้างอาคารที่น่าทึ่ง ก็ทำให้ภาพรวมดูสวยงามและน่าสนใจมากๆครับ

Judgement

ราคาของโครงการนี้ถือเป็นระดับ SUPER LUXURY CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะครับ เพราะมีตัวเปรียบเทียบน้อย เป็นสินค้าประเภท Unique เสียส่วนใหญ่ และเราก็เชื่อว่าลูกค้าที่พร้อมจะซื้อบ้านระดับนี้ ไม่ตัดสินง่ายๆด้วยคะแนนแน่นอน

Mulberry Grove The Forestias Villas เหมาะกับใคร

โครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas เหมาะกับคนที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวหรูสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่สามารถเชื่อมต่อบ้านให้กลายเป็น Cluster เดียวกัน และเดินไปมา-หาสู่กันได้ง่าย เหมาะกับการอยู่แบบหลาย Generation และเป็นบ้านที่ประหยัดพลังงาน เน้นความยั่งยืนในการอยู่อาศัย ตั้งอยู่ในเมกะโปรเจคขนาดใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และอยู่ใกล้ผืนป่าขนาดใหญ่ให้ไปใช้งานได้ง่าย โดยมีงบประมาณของบ้านอยู่ที่ 185 – 310 ล้านบาทขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc