รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.193 – รีวิวทาวน์โฮม Arden พระราม 3

25 กุมภาพันธ์ 2016

อ่านรีวิวล่าสุด

ปก Arden RAMA3

รีวิวฉบับที่ 970 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ Arden พระราม 3 Urban Town Home รูปแบบใหม่ในตระกูล Arden จาก Ananda Development ที่เปิดตัวพร้อมกันไปทั้ง 3 โครงการ คือ Arden ลาดพร้าว 71, Arden พระราม 3 และ Arden พัฒนาการ ที่นำเอางานศิลปะและความร่มรื่นของสวนสวรรค์อาเดนมารวมเข้าด้วยกัน ที่ตั้งของโครงการอยู่บนถนนยานนาวา (ตัดใหม่) สามารถเข้าได้ทั้งจากถนนสาธุประดิษฐ์, ถนนพระราม 3 และถนนเลียบวงเแหวนอุตสาหกรรม ตัวโครงการมีให้เลือก 2 แบบ คือ Town Home 3.5 และ 4.5 ชั้น ในราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ 🙂

Fact @ 17 Nov 2015

  • Arden Rama3 (อาร์เด้น พระราม 3)
  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
  • Segment : HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ถนนพระราม 3 (ยานนาวา) แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กทม.
  • เนื้อที่โครงการ 7-3-66.8 ไร่ จำนวน 68 ยูนิต
  • The Mist (Type M) ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 185 ตารางเมตร  หน้ากว้าง 5 เมตร แบบ 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และชั้นลอยยกระดับด้านหน้า ที่จอดรถ 2 คัน
  • The Green River (Type L) ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 330 ตารางเมตร หน้ากว้าง 6.6 เมตร แบบ 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ชั้นลอย ห้องแม่บ้าน ที่จอดรถ 3 คัน
  • ที่ดินแปลงมาตรฐาน  21.70 – 35.30 ตร.วา
  • ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท
  • Update  26 June 2017 ราคาเริ่มต้น 15.9 ล้านบาท
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่  
  • Call Center : 02-316-2222

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.679431, 100.543836

17_th

โครงการ Arden พระราม 3 ตั้งอยู่บนถนนยานนาวา ที่เป็นถนนตัดใหม่ สามารถเข้าได้จากถนนสาธุประดิษฐ์, ถนนพระราม 3 และถนนเลียบวงแหวนอุตสาหกรรม ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนและสามารถเชื่อมต่อถนนสาทร สีลมได้ง่าย

map overview Arden

โครงการ Arden พระราม 3 ตั้งอยู่บนยานนาว (ตัดใหม่) หรือคนในละแวกนี้จะรู้จักกันในชื่อ สาธุประดิษฐ์ตัดใหม่ เนื่องจากยังเป็นถนนที่เพิ่งสร้างได้ไม่นานนัก บนถนนเส้นนี้จึงยังไม่มีความอุดมสมบูรณ์มากเท่าใดนัก ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย หมู่บ้าน ทาวน์โฮม อย่างเช่น บ้านกลางกรุง พระราม 3, โครงการ Jade สาทร พระราม 3 เป็นต้น มีร้านอาหารกระจายอยู่เป็นช่วงๆและมีร้านขายของชำที่อยู่ติดโครงการ ก็ดูจะสะดวกที่สุดในระยะใกล้

ถ้าจะออกมาหาแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้ ก็จะมีถนนสาธุประดิษฐ์ ที่มีร้านอาหารในตึกแถวที่ขายมาเก่าแก่ให้เลือกหลากหลาย หรือไม่ก็ไปบนถนนพระราม 3 นี่เรียกได้ว่าเป็นทำเลของอาคารพักอาศัย ประเภทคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำ High Rise ขนาดใหญ่มากมาย เนื่องด้วยถนนพระราม 3 ตลอดแนวเส้นทางจะเป็นพื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทั้งยังจัดเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญย่านหนึ่ง สังเกตในจากอาคารสำนักงานมากมายที่กระจายตัวกันอยู่ในพื้นที่ถนนพระราม 3 ตลอดแนวเส้นทาง ส่วนในด้านของความอุดมสมบูรณ์ในภาพกว้างแล้ว บริเวณในย่านนี้ก็มีทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาด คอมมูนิตี้มอลล์ สามารถเดินทางไปถนนเจริญกรุง เพื่อไปเดินเล่นช็อปปิงที่ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ASIATIQUE The Riverfront แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และความบันเทิงริมน้ำที่เป็นที่นิยมของคนไทยและชาวต่างชาติได้

การเดินทางมายังโครงการสามารถมาได้หลายเส้นทางที่เชื่อมกับถนนยานนาวา เช่น ถนนพระราม 3, ถนนสาธุประดิษฐ์, ถนนเลียบวงแหวนอุตสาหกรรม  หากใครต้องการขึ้นทางด่วนก็มีจุดขึ้นลงทางด่วนให้เลือกใช้ ตามจุดหมายปลายทางถึง 3 ตำแหน่ง  อีกทั้งยังสามารถข้ามไปฝั่งธนบุรี โดยใช้สะพานวงแหวนอุตสาหกรรมวิ่งข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจุดขึ้นลงสะพานก็อยู่ไม่ห่างจากโครงการ

การเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ  สามารถไปขึ้นรถเมล์ที่ถนนสาธุประดิษฐ์ไม่ก็ถนนพระราม 3 บนถนนยานนาวาจะมีแท๊กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง ขับผ่านไม่ขาดสาย นอกจากนี้ก็จะมีเส้นทางรถโดยสาร BRT สถานีวัดด่าน (บนถนนพระราม 3) ที่อยู่ห่างจากโครงการ 1.1 กิโลเมตรให้เลือกใช้ แล้วขึ้นไปลงที่ BRT สาทร จะสามารถ Interchange กับ BTS สถานีช่องนนทรีได้ ก็เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและไม่ต้องเสียเวลารอรถติดค่ะ

map zoom Arden

ลองดูความอุดมสมบูรณ์บริเวณพื้นที่โดยรอบใกล้กับที่ตั้งโครงการ Arden พระราม 3 โดยรอบก็จะพบว่าพื้นที่ในบริเวณถนนพระราม 3 บริเวณนี้ จะประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ เช่น อาคารธนาคารกรุงศรีอยุธยาสำนักงานใหญ่ อาคาร SV City ตลอดจนอาคารบ้านพักอาศัยหลากหลายประเภท แต่ที่เห็นเด่นชัดจะเป็นคอนโดมิเนียม High Rise ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้พื้นที่ในย่านนี้จัดเป็นพื้นที่ชุมชนพักอาศัยที่ผสมรวมกับพื้นที่เชิงพาณิชย์ธุรกิจไปพร้อมกัน ในด้านความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ จะเห็นว่าตลอดแนวเส้นทางถนนพระราม 3 มาจนถึง ถนนด้านหน้าโครงการ ก็จะมีทั้งตลาด ตลาดนัด ร้านสะดวกซื้อ และไลฟ์สไตล์มอลล์ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ในส่วนของการเดินทางก็จะมีเส้นทางรถโดยสาร BRT สถานีวัดด่าน ที่อยู่ห่างจากโครงการ 1.1 กิโลเมตรให้เลือกใช้ แล้วขึ้นไปลงที่ BRT สาทร จะสามารถ Interchange กับ BTS สถานีช่องนนทรีได้ ก็เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและไม่ต้องเสียเวลารอรถติดค่ะ

map walk 2

การเดินทางจะเริ่มจาก บริเวณใต้เส้นทางยกระดับวงแหวนอุตสาหกรรม เดินมาตามเส้นทาง ถนนยานนาวา เพื่อไปเชื่อมต่อเข้าสู่ ถนนพระราม 3 ระยะทางประมาณ 850 ม. เดี่ยวลองไปดูกันว่าตลอดแนวเส้นทางในบริเวณนี้จะมีอะไรน่าสนใจกันบ้างค่ะ

2bDSCF0951 a

บรรยากาศบริเวณถนนยานนาวา ฝั่งที่จะมุ่งหน้าไปเชื่อมต่อกับถนนพระราม 3 จะเป็นถนน 6 เลน แบ่งช่องทางจราจรข้างละ 3 เลน และมีเกาะกลางปลุกต้มไม้ไว้ตรงกลางถนน

เมื่อเดินตามแนวทางเท้ามาเรื่อยๆจะพบกับร้านล้างรถและร้านกาแฟเล็กๆ อยู่ติดกับถนนยานนาวา

บริเวณถนนยานนาวาในช่วงนี้ จะสังเกตว่ามีรถบัสโดยสาร ขนาดใหญ่หลายคันมาจอดเรียงรายกันหลายคันมากตลอดแนวเส้นทาง ส่วนใหญ่จะจอดพักและนอนหลับของคนขับรถ

2bDSCF0956-vert

เดินต่อมาเรื่อยๆจะเจอกับโครงการ บ้านกลางกรุง พระราม 3 ของ AP เป็นโครงการ ทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิส 3 และ 4 ชั้น

สังเกตว่า ถนนยานนาวาในช่วงบริเวณนี้บรรยากาศจะค่อนข้างเงียบเหงา มีร้านอาหารริมทางบ้างบางส่วน

เดินตรงมาเรื่อยๆจะเจอกับร้านขายวัสดุก่อสร้างและจัดสวน

เดินมาถึงตรงช่วงนี้ก็ไม่สามารถใช้ทางเท้าต่อได้ค่ะ เนื่องจากอู่ซ้อมรถใช้พื้นที่ด้านหน้าบริเวณทางเดินเท้าสำหรับจอดรถที่มาซ่อมแทน

ฝั่งตรงข้ามจะเป็น อพาร์ทเม้นท์ สูง 5 ชั้น และบ้านพักอาศัย

เดินตรงถัดมาจะมีร้านอาหารขายอาหารนิวดินเผาซีฟู๊ด

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโครงการ Arden พระราม  3  แล้วด้านหน้าที่อยู่ติดกันจะมีร้านขายของชำอยู่ค่ะ

2bDSCF0967 a

เดินตรงไปมุ่งหน้าถนนพระราม 3 จากจุดนี้จะเริ่มมองเห็นสิ่งก่อสร้างที่จะเป้นโครงการ ศุภาลัย ริวา แกรนด์ ในอนาคต กับอาคารธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่

2bDSCF0968 a

เดินมาจนสุดเส้นทางถนนยานนาวา จะมาเจอกับสามแยก บรรจบกับถนนพระราม 3

Map Zoom**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร บ้านพักอาศัย และโรงเรียนซะเป็นส่วนใหญ่ โดยทาง

ทิศเหนือ ติดกับ ถนนยานนาวา ซึ่งเป้นถนนที่เป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการ ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารอย่าง นิวดินเผาซีฟู๊ด, พิณริมโขง และแซ่บพระนคร

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับร้าน T(h)ree และทิศตะวันตก ติดกับโรงงานทำ Dunkin Donut

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับร้านขายของชำที่ติดกับทางเข้าโครงการ และทิศตะวันออก ติดกับที่ดินว่างเปล่า ถัดไปเป็นวัดคลองใหม่  เวลาที่มองจากส่วนกลางของโครงการจะเห็นหลังคาวัด เมรุเผาศพ ซึ่งอาจจะเป็นมุมมองที่บางคนไม่ชอบ แต่ถ้าในวัดไม่มีพิธีการ ไม่มีเสียงสวด หรือควันเผาอะไรก็เป็นมุมมองที่ไม่ได้แย่มากนักค่ะ

ทิศใต้ ติดกับคลองใหม่ บ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และอาคาร หจก.เอกทอง กรุงเทพฯ

Arden III (3)

ทิศเหนือ ติดกับถนนยานนาวา ฝั่งตรงข้ามร้านสีส้มๆนั้นคือร้านนิวดินเผาซีฟู๊ดค่ะ

Arden III (2)

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นร้านขายของชำที่ติดกับทางเข้าโครงการ สามารถมาซื้อของกินของใช้เล็กๆน้อยๆได้

Arden III (5)

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะเป็นร้าน T(h)ree ร้านกินข้าวนั่งชิลที่อยู่ข้างๆโครงการ

Update  26 June 2017 ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะเป็นร้านกาแฟ หูกระจงคาเฟ่

Arden III (6)

ทิศใต้ จะมองเห็นตึกเล็กตึกใหญ่มากมาย ทั้งบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และอาคารสำนักงาน

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • วัดคลองใหม่ ~600 เมตร
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยาสำนักงานใหญ่ ~900 เมตร
  • ตลาดนัดครูหวี ~750 เมตร
  • The Up Rama3 ~3.1 กิโลเมตร
  • ห้างโลตัส พระราม 3 ~3.2 กิโลเมตร
  • ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล พระราม 3 ~3.9 กิโลเมตร
  • Makro สาทร  ~4.3 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ~4.7 กิโลเมตร
  • เอเชียทีค ~8 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

1489

มาทำความรู้จัก Arden กันก่อนนะคะ

จากแนวคิดที่ต้องการสร้างบริบทใหม่ให้ชีวิตคนเมือง ที่ต้องการให้ที่นี่เป็นอีกโลกที่เข้ามาแล้วรู้สึกได้พักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวาย รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อยู่อาศัย โครงการจึงหยิบเอาคำว่า Art(ศิลปะ)+Eden(สวนเอเดน) มารวมไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นคำว่า  “Arden” โดยโครงการมาพร้อมกับสโลแกนว่า “Arden Live Imagination” คือเป็นพื้นที่ที่มีต้นไม้ร่มรื่นสไตล์สวนเอเดน ที่เป็นสวนสวรรค์ในยุคบรรพกาลเกี่ยวกับกำเนิดของอดัมและอีฟ(มนุษย์ชายหญิงคู่แรกของโลก) ผสมผสานกับความสุนทรีทางศิลปะ เพื่อสร้างสถานที่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็นโลกใหม่ที่มีความร่มรื่นหลีกหนีจากสังคมเมือง

Arden III (1)

การออกแบบอาคารเป็นแบบ Borderless คือ การออกแบบที่ไร้ขอบเขต มีการใช้งานพื้นที่ที่มีอย่างไม่รู้จบอย่างเช่น การเล่นระดับของพื้นที่ให้กว้างเพื่อการใช้งานที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนง่าย ตัวบ้านที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจบมุมทรงแหลม (Taper Facade) เป็นรูปทรงที่เรียบง่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Time less Iconic Form) มีการใช้โทนสีเทาและสีไม้ตัดกัน เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติเข้ากันได้กับต้นไม้รอบๆโครงการที่ร่มรื่น จุดเด่นอย่างหนึ่งของโครงการคือ การจัดงานระบบวิศกรรมไฟฟ้าให้เดินสายไฟลงใต้ดินทั้งหมด เพื่อทัศนียภาพที่ดี โล่งตา ไม่มีเสาและสายไฟฟ้าให้เกะกะ

วีดีโอ Presentation  ที่แสดง Concept ภาพรวมของโครงการค่ะ

Master Plan

จาก Master Plan จำลองผังโครงการ จะเห็นว่าโครงการมีทางเข้า-ออก ทางเดียว คือจากถนนยานนาวา หน้าโครงการจะมีซุ้มประตูทางเข้า-ออก ที่มีพื้นที่สีเขียวเป็นสวนหย่อมทั้งสองข้าง ถนน Main ของโครงการกว้าง 12 เมตร ส่วนถนนในซอยย่อย 9 เมตร ยูนิตพักอาศัยในโครงการเป็นทาวน์โฮม มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ Type M ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และชั้นลอยยกระดับด้านหน้า และทาวน์โฮม 4.5 ชั้น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ชั้นลอย ห้องแม่บ้าน + ระบบกันขโมยอัตโนมัติ ส่วนกลางจะมี 1 จุด ประกอบด้วย Clubhouse ที่ปัจจุบันเป็นสำนักงานขาย, Fitness, สระว่ายน้ำ และสวนหย่อมให้เดินเล่น

ทางเข้าโครงการเข้ากับ Concept โครงการที่จัดเป็นสวนเอเดน มีการเลือกพันธุ์ไม้อย่างสนฉัตร เฟิร์น รวมทั้งสวนแนวตั้งเพิ่มความร่มรื่น ป้ายโครงการทำด้วยวัสดุทาสีเลียนแบบลายไม้ ติดคำว่า “ARDEN RAMA III” ชัดเจน ข้างบนคำว่า ARDEN ตกแต่งด้วยเขากวางเรนเดียร์ ซึ่งโครงการนี้จะมีแต่เขาไม่มีตัวกวางมาเหมือน Arden ลาดพร้าว 71 นะ ก่อนจะเข้าโครงการต้องผ่านซุ้มที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจบมุมทรงแหลม (Taper Facade)ตาม Concept โครงการ สื่อถึงโลกใหม่ที่เมื่อผ่านซุ้มนี้ไปแล้วจะเข้าไปอยู่ในโลกของอาเดนที่ร่มรื่น

ตรงซุ้มโครงการมี รปภ. 1 ป้อมทางซ้ายมือ มีซุ้มเล็กๆให้คนเดินเท้าผ่านเข้าไปได้ ส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีที่ตอนกลางคืนประตูใหญ่ปิดแล้ว ลูกบ้านที่เดินมาก็เข้าทางประตูเล็กนี้ได้

โครงการนี้ไม่มีรั้วกั้นไม้กระดก จะมีแต่พี่ยาม 1-2 คนคอยดูแลตรวจสอบคนเข้า-ออกเท่านั้น หากเดินทางมาด้วยรถยนต์ก็สามารถผ่านได้เลย ทางซ้ายมือมีป้อมยาม1 ป้อม มีระบบ CCTV ที่หน้าป้อมยาม และระบบ Smart Pass Access วิ่งผ่านโดยไม่ต้องแตะบัตร(จะเป็นระบบคล้ายๆ Easy Pass บนทางด่วนเลยค่ะ คือ วางคีย์การ์ดไว้ในรถแล้วสามารถผ่านเข้าไปได้เลยเป็น Sensor ระยะไกล) ประตูทางเข้าโครงการเป็นประตูอัตโนมัติ ซึ่งจะเปิดในเวลา 06.00 น. และปิดในเวลา 18.00 น. ค่ะ

เข้ามาในโครงการเราจะเจอกับถนน Main กว้าง 12 เมตร พื้นเป็นพื้นปูนธรรมดา เข้ามาจะไม่รู้สึกว่ามีสายไฟเกะกะสายตาเลยเพราะเค้านำสายไฟลงดินหมดแล้ว ทางซ้ายมือเป็นรั้วปูนสูง 3  เมตร มีการปลูกต้นไม้เป็น Green Wall และต่อระแนงไม้สีขาวเพิ่ม 2  เมตร รวมเป็น 5 เมตร ปูสนามหญ้า ไม้พุ่ม และปลูกสนฉัตรเพิ่มตลอดแนว ส่วนทางซ้ายมือเป็นรั้วคล้ายๆกัน แต่เป็นฟุตบาทปูนสำหรับคนเดินค่อนข้างกว้าง

ตรงริมทางเดินจะติดตั้งโคมไฟทางเดินเพื่อให้แสงสว่างในยามค่ำคืน

Gimmick เล็กๆในโครงการจะมีป้ายที่ Design ตาม Concept ติดอยู่เรื่อยๆในจุดสำคัญๆ จากตรงนี้จะเห็นว่าอาคารจั่วข้างหน้าเป็น Sale Gallery ของโครงการ เปิดเวลา 08.00-18.00 น. ซึ่งในอนาคต Sale Gallery ก็จะกลายเป็น Clubhouse ของโครงการ

ซ้ายมือเป็นทางแยกไปยังทาวน์โฮม The Green River (Type L) แบบ 4.5 ชั้น ส่วนถ้าตรงไปจะสามารถไปยังส่วนกลางและทาวน์โฮม The Mist (Type M) แบบ 3.5 ชั้นได้

เลี้ยวซ้ายเข้ามาจะเจอกับทาวน์โฮม 4.5 ชั้น จำนวน 6 ยูนิต ไม่มีทาวน์โฮมยูนิตฝั่งตรงข้าม วิวที่มองออกมาจากตัวบ้านจึงเป็นวิวโล่งๆไม่จ๊ะเอ๋กับยูนิตอื่น ถนนหน้าบ้านกว้าง 11 เมตร สามารถจอดรถหน้าบ้านแล้วยังวิ่งสวนกันหรือกลับรถได้อยู่นะคะ

Arden III 12

มองกลับมาจะเห็น Clubhouse ของโครงการ ที่มีบันไดทางเข้าต่อเนื่องกับฟุตบาททางเดิน ด้านหน้าบันไดทางขึ้นเป็น Green Wall เตี้ยๆที่ดูร่มรื่น เข้ากับ Facade ของ Clubhouse ที่เป็นสีไม้ธรรมชาติอย่างพอดี

ถัดไปเป็นจะมีป้ายบอกทางไปยัง Garden, Clubhouse, Swimming pool ที่อยู่ข้างหน้าทางซ้ายมือ ข้างหลังป้ายเป็นที่จอดรถจักรยานยนต์

ป้ายบอกทางก็ยังมี Design Gimmick เล็กๆที่ไม่หลุดธีม รวมทั้งน้องกวางที่โผล่มาจากต้นไม้ พร้อมที่สนฉัตรด้านหลังที่เป็น Background ยังสื่อถึงสวนเอเดนได้เป็นอย่างดีเลย

ถัดไปเป็นทางเข้าอีกทางของ Clubhouse ที่จะต่อเนื่องไปยังสระว่ายน้ำ อาคารทรงจั่วด้านหน้าที่เราเห็นนี้ด้านบนจะเป็น Fitness Facade เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจบมุมทรงแหลม (Taper Facade) ด้านล่างเป็นทางเข้า 2 ทางคือ

-ทางซ้ายจะเป็นบันได เดินขึ้นไปเพื่อจะเลี้ยวซ้ายเข้า Clubhouse ตรงไปเป็นสระว่ายน้ำ หรือจะขึ้นบันไดเพื่อเข้า Fitness ก็ได้

-ทางขวามือสุดจะเป็นทางเดินตรงไปสู่สวนสาธารณะ หรือจะเดินเข้า Clubhouse ก็ได้อีกทาง โดยทางนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการไปเดินเล่นในสวนหย่อม หรือผู้สูงอายุที่ไม่ถนัดการเดินขึ้นบันไดและต้องการเดินบนทางลาด เพราะทางนี้จะมีทางลาดเอียงรองรับอยู่

บันไดทางขึ้นจะเป็นทรายล้างทั้งหมด ป้องกันการเดินลื่น ส่วนทั้งสองข้างของบันไดจะเป็น Over flow ของสระว่ายน้ำไหลลงมา โดยทางลาดจะปูด้วยกระเบื้องหินธรรมชาติที่มีการสร้างเหลี่ยมมุมต่อกันเป็นขั้นๆด้านล่างโรยกรวดหินธรรมชาติ มีน้องกวางที่มาจากการดัดด้วยขดลวดวิ่งเล่นอยู่

ทำให้นอกจากเราจะเห็นน้ำไหลกระเซ็นลงมาเป็นทางแล้ว เราก็จะได้ยินเสียงน้ำดังกระทบกันตลอดทั้งวันอีกด้วย

ต่อไปเราจะพาขึ้นบันไดไปดูข้างบนกัน พื้นทางเดินหน้า Clubhouse เป็นทรายล้างทั้งหมด

เมื่อเดินเข้ามาแล้ว มองกลับไปจะเห็นทางเข้า Clubhouse ทางขวามือที่ติดกันเป็นส่วนอาบน้ำกลางแจ้ง

พื้นที่หน้า Clubhouse จะมี Sunken Seat ที่เป็นนั่งเล่นลดระดับลงไป นั่งได้ประมาณ 4 คน

จาก Sunken Seat มองออกไปจะเห็นสระว่ายน้ำและสวนหย่อมทั้งหมด ด้านหน้ามีชิงช้าขนาดนอนได้ไว้บริการด้วย

พื้นที่รอบสระว่ายน้ำปูด้วยแผ่นไม้สำเร็จรูป ตรงนี้มีบันไดลงสระ รวมทั้งมี Step ใต้น้ำตื้นๆให้นั่งเล่นแช่น้ำได้

สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ ยาว 41.5 เมตร กระเบื้องสระว่ายน้ำเป็นกระเบื้องโมเสกเวลาโดนแสงแดดจะระยิบระยับเป็นพิเศษ

ถัดไปเป็นบันไดทางขึ้น  Fitness โดยโครงการทำเป็นบันไดวนขึ้นไป

ตรงนี้เราถ่ายจากมุมมองของบ้านข้างๆ พอเราขึ้นบันไดวนมาจะมีชานพักและราวกันตก ผนังอาคารจะ Drop เข้าไปเป็นประตูทางเข้าห้อง Fitness ที่เป็นประตูกระจกบานเลื่อนคู่ ความโดดเด่นของมุมนี้ที่อดพูดถึงไม่ได้คือความต่อเนื่องของสระว่ายน้ำที่ลอดใต้ทางเดินรอบสระเป็น Overflow น้ำไหลลงมาด้านล่าง เป็นการออกแบบที่ต่อเนื่องและลงตัวดี สวยค่ะ

เข้ามาในห้อง Fitness ที่จุเครื่องเล่นประมาณ 7 เครื่อง โทนห้องจะใช้สีไม้อ่อนทั้งหมด ฝ้าเพดานค่อนข้างสูงโปร่ง เนื่องจากฝ้าเพดานเลียบไปตามรูปทรงหลังคาที่เป็นทรงจั่ว มองตรงไปจะเห็นว่าที่ผนังทั้งสองด้านติดตั้งกระจกเงาเพื่อให้ห้องดูโปร่งขึ้นและยังให้ผู้ใช้งาน Fitness ส่องดูความเรียบร้อยของตัวเองได้ ตรงกลางเป็นประตูกระจกบานเลื่อนคู่ที่สามารถเปิดออกไปรับลมด้านนอกได้

หันมาอีกด้านทางซ้ายมือจะเป็นประตูเข้าห้องน้ำ ส่วนมองตรงไปจะเป็นกระจกสีชาทรงจั่วถึงฝ้าเพดาน สามารถวิ่งออกกำลังกายไปแล้วมองวิวไปได้เต็มที่

มุมมองที่เรามองออกไปจะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำและสวนหย่อมทั้งหมด บรรยากาศร่มรื่นมาก ทางซ้ายมือเป็นหลังบ้านของทาวน์โฮม Green Liver(Type L) 4.5 ชั้น ส่วนทางขวามือเป็นทาวน์โฮม The Mist (Type M) 3.5 ชั้น เป็นโครงการที่บรรยากาศหลังบ้านสวยและน่าอยู่มากกว่าหน้าบ้านอีกนะเนี่ย

แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งคือมองตรงไปจะเห็นวัดเต็มๆ ซึ่งวัดนี้ชื่อว่าวัดคลองใหม่ค่ะ มองผ่านต้นไม้ไปเราก็จะเห็นหลังคาวัดสลับซับซ้อนพอสวยงาม แต่ที่โผล่มาคือยอดเมรุ ที่เวลามีการงานเผาอาจจะมีควันหรือมีเสียงสวดดังมาบ้างนะ ซึ่งในวันธรรมดาก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่รบกวน หรือมีความน่ากลัวอะไรค่ะ

เราออกมานอก Clubhouse จะเห็นภาพรวมของ Facilities ทั้งหมด สระว่ายน้ำที่ยาว 41.5 เมตร กินพื้นที่เต็มหน้าทาวน์โฮม Type L ทั้ง 6 ยูนิตเลย ซึ่งทางหลังบ้านนนี้ก็มีการปลูกต้นไม้เพื่อเป็น Buffer กั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีช่องเล็กๆ เพื่อให้ออกมายังสระว่ายน้ำได้ด้วย

ซึ่งพอซูมเข้าไปใกล้ๆจะเห็นว่าตรงพื้นที่ที่บ้านต่อเนื่องกับริมขอบสระว่ายน้ำ จะมีการทำประตูรั้วเปิด-ปิด ให้คนในบ้านสามารถมานั่งเล่นริมสระ หรือห้อยขาได้ หรือจะวางเก้าอี้นั่งจิบกาแฟที่เฉลียง แลัวนั่งมองสระว่ายน้ำก็ได้ แต่ตรงนี้จะสามารถลงได้อย่างเดียว แต่ไม่มีบันไดทางขึ้นนะคะ หากจะขึ้นต้องไปขึ้นตรงบันไดริมขอบสระเท่านั้น

ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ ข้อดีคือทาวน์โฮม type L ทั้ง 6 หลังที่อยู่ริมสระว่ายน้ำนี้ จะเสมือนกับมีวิลล่าส่วนตัว อยากจะมานั่งเล่นริมสระ(ในบ้านตัวเอง) ก็ได้ หรือแค่เปิดรั้วมาก็ลงน้ำได้แล้ว มันสะดวกและดีงามมากสำหรับคนที่ชอบเล่นน้ำ แต่ข้อเสียคือทั้ง 68 ยูนิตในหมู่บ้าน ก็จะมาเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำนี้เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือเสียงดังวุ่นวาย และรั้วที่กั้นมาให้มีระยะที่ไม่ได้สูงนัก หากไม่ระวังดีๆอาจถูกมิจฉาชีพในคราบเพื่อนร่วมหมู่บ้านเข้าบ้านได้ง่ายๆ

ต่อมาเราจะพาเดินลงทางลาดเพื่อไปดูสวนหย่อมกัน ข้อดีของการทำทางลาดในสวนสาธารณะแบบนี้คือ เวลาที่เรามีคุณตาคุณยายที่เดินไม่ค่อยไหว ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่ผู้สูงอายุจะเดินได้ง่ายๆ ยิ่งบ้านไหนที่มีคนต้องนั่งรถเข็น ก็เป็นการเพิ่มพื้นที่ๆที่เราจะพาเค้ามารับลมเล่นได้สบายๆค่ะ ข้างๆเป็นทางเดินที่เดินเข้ามาได้จากถนน Main ดังนั้นก็แสดงว่า หากคนที่ต้องนั่งรถเข็น คนแก่ หรือใครที่มาแล้วไม่สะดวกการสัญจรที่ต้องขึ้นบันได ทางนี้ก็เป็นทางเข้าที่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก

ลงจากทางลาดมา เราจะเจอสนามหญ้า ที่มีการปลูกไม้ยืนต้นให้ร่มเงาดีทีเดียว ตรงกลางสนามหญ้ามีเมล็ดของต้นสนขนาดยักษ์อยู่

พอเข้ามาดูใกล้ๆก็จะเห็นว่าไม่ใช่เมล็ดสนยักษ์พันธุ์หายากอะไรหรอกค่ะ แต่มันคือรูปปั้นจำลองเมล็ดสนขนาดใหญ่ ที่โครงการทำไว้ตกแต่งสวนนั่นเอง มีการยิงไฟสี่มุมให้แสงสว่างในยามค่ำคืนด้วย

เราเดินต่อมาจะเจอทางสามแยก

โดยหากแยกซ้ายไปจะเป็นทางเดินไปสู่ทาวน์โฮม the Mist (Type M) สองข้างทางร่มรื่นมากจริงๆ

ส่วนหากแยกซ้ายไปจะเป็นทางเดินไปสู่บันไดทางขึ้น Pool Deck ริมสระว่ายน้ำ ตรงนี้มีป้ายบอกอัตรการออกกำลังกายแต่ละชนิด ว่าสามารถเผาผลาญได้กี่ Kcal อย่างเช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง 30 นาที เผาผลาญ 260-335 Kcal, Hula Hoop 10 นาที เผาผลาญ 420 Kcal เป็นต้น เป็น Gimmick เล็กๆที่น่ารักดี

ต่อไปเราจะพาขึ้นบันไดไปบน Pool Deck ริมสระกัน ด้านบนโครงการจะวาง Day Bed ไว้ให้ทั้งหมด 6 ตัว พร้อมจุดวางร่มสนาม

พอขึ้นมาบน Pool Deck แล้วมองไปยังสวนด้านหน้า จะเห็นบรรยากาศทั้งหมด ร่มรื่นมากจริงๆ มองไปที่สระว่ายน้ำจะเห็นว่าด้านนี้มีบันไดให้ลงสระอีก 1 จุด

ทางขวามือจะเป็นทาวน์โฮม Type L ที่มีทางออกมายังสระว่ายน้ำเหมือนยูนิตอื่นๆ แต่ยูนิตสุดท้ายติดรั้วโครงการ จะมองออกมาไม่ตรงกับสระว่ายน้ำ แต่จะเจอ Pool Deck แทน

มองกลับไปที่สวนฝั่งตรงข้าม ที่ตรงนี้อนาคตจะเอาต้นไม้ออกและสร้างนิติบุคคลขึ้นมาแทนที่ค่ะ

เราพาเดินกลับไปยังถนน Main

มายื่นถ่ายด้านหน้าให้ดูว่า ทางที่สักครู่ที่เราเดินออกมา คือทางเข้าทางนี้นั่นเอง

หากเลี้ยวขวาไปก็จะเป็นทางเดินเลียบอาคาร ที่มีต้นไม้ให้ร่มเงาร่มรื่น

เดินตรงไปเรื่อยๆจะเจอกำแพงโครงการ ที่ตรงนี้เป็นซอยทางเข้าบ้าน The Mist (TypeM) 3.5  ชั้น จำนวน 2 ยูนิต ซึ่งตอนนี้โครงการให้เป็นที่จอดรถชั่วคราว หลังรั้วโครงการไปเป็นบ้านพักอาศัยของบุคคลอื่น

หากเลี้ยวซ้ายไปจะเป็นซอยทางเข้าบ้าน The Mist (Type M) อีกทาง

หน้าตาบ้าน The Mist (Type M) ค่ะ หน้าตาของบ้านจะเหมือนที่ Arden ลาดพร้าว 71 เป๊ะๆเลย

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Clubhouse
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ยาว 41.5 เมตร และ Sunken Seat
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร
  • Smart Pass Access
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า 1 ตอน
  • ถนนหลักกว้าง 12 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร

 

 


Product Walkthrough

โครงการ Arden พระราม 3 มีแบบบ้านให้เลือก 2 Type คือ

  • The Mist (Type M) ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 185 ตารางเมตร  หน้ากว้าง 5 เมตร แบบ 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน จำนวน 62 ยูนิต
  • The Green River (Type L) ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 330 ตารางเมตร หน้ากว้าง 6.6 เมตร แบบ 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน ที่จอดรถ 3 คัน จำนวน 6 ยูนิต

โดยทาวน์โฮม The Mist (Type M) จะมีหน้าตาและฟังก์ชั่นเหมือนกับโครงการ Arden ลาดพร้าว 71 เราจึงจะพาไปชมบ้าน The Green River (Type L) เพียงหลังเดียวนะคะ โครงการขายแบบ fully Fitted โดยของที่โครงการติดตั้งมาให้ คือ Wallpaper ทั้งหลัง , แอร์ 7 ตัว , ชุดครัว(ชั้น Ground) , เตาไฟฟ้า , เครื่องดูดควัน ,  สุขภัณฑ์ , ฉากกั้นอาบน้ำทุกห้อง , จัดสวนหลังบ้านและทำบันไดให้ในส่วน Outdoor หลังบ้าน,ตัวบ้านติดตั้งไฟ 3 เฟสเพื่อความเสถียรของกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน และติดตั้งระบบ Home Automotion ระบบควบคุมการทำงานของจุดต่างๆในบ้านผ่าน Smartphone เช่น หลังคาบ้านเปิด-ปิดได้, เปิด-ปิดแอร์, ไฟฟ้าในบ้าน เป็นต้น
plan Arden

มาเริ่มที่ผังของโครงการกันก่อนนะคะ บ้าน Type L (The Green River) ทาวน์โฮม 4 ชั้นครึ่ง พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ หน้ากว้าง 6.6 เมตร สามารถจอดรถได้ 3 คัน ที่ในโครงการมีทั้งหมด 6 ยูนิตเท่านั้น และควบคุมด้วยระบบ Home Automation ทั้งหลัง

รั้วหน้าบ้านเป็นบานพับ ทางซ้ายเป็นประตูเล็กสำหรับเดินเข้าบ้าน ที่พื้นก่อฟุตบาทเป็นทางเดินเข้าสู่ประตูเข้าบ้าน โดยมีทางเข้า 2 ทาง คือประตูใหญ่ที่เป็นประตูทางเข้าหลัก และประตูทางขวามือซึ่งเป็นประตูทางเข้าห้องนอนแม่บ้านและห้องครัว เหมาะกับกรณีที่แม่บ้านซื้อของมาปุ๊บก็เข้าประตูนี้แล้วทะลุเข้าห้องครัวได้เลยไม่ต้องไปเปิดประตูใหญ่ โดยห้องครัวจะเป็นครัวไทยที่เป็นครัวปิด ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นอาหารจะไปรบกวนส่วนอื่นๆของบ้าน

หากเข้าทางประตูหลักของบ้านจะเจอโถงที่เรียกได้ว่าเป็นโถง Service เหมาะสำหรับการเตรียมเข้า-ออก บ้าน เพราะมีฟังก์ชั่นอย่างตู้เก็บของ ชั้นวางรองเท้า ห้องเก็บของใต้บันได หากนำกระจกยาวมาแขวนไว้สักด้านของผนัง ก็เหมาะมากสำหรับที่จะเป็นพื้นที่เช็คลุคก่อนออกจากบ้าน  ซึ่งห้องโถงนี้จะมีประตูออกไปยังห้องครัวและส่วนหลังบ้านได้ ออกไปหลังบ้านจะเป็นลานซักล้าง และเป็นสวนที่โครงการทำบันไดขึ้นไปยังเฉลียง Outdoor Space ให้นั่งเล่น มองวิวสระว่ายน้ำหลังบ้าน

ขึ้นมาที่ชั้นหนึ่งจะเจอกับโถงที่เป็น Double Space ฝ้าเพดานสูง 5.4 เมตร  สามารถจัดพื้นที่เป็นห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก หรือห้องทำงาน จัดฟังก์ชั่นได้ค่อนข้างเยอะและยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ง่าย มีห้องน้ำในตัวแยกพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้ง มีฉากกั้นอาบน้ำ และมีโถปัสสาวะชาย-หญิงให้ ถัดไปเป็นระเบียงที่สามารถออกไปนั่งเล่นรับลมและชมวิวสระว่ายน้ำได้ ชั้นถัดมาเป้นชั้นลอยที่เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ที่โครงการกั้นประตูบานเลื่อนสามตอนมาให้ สามารถทำเป็นห้องทำงาน ห้องดูหนัง ห้องนั่งเล่นชั้นบนของบ้าน หรือ Studio ทำงานเล็กๆก็ได้ตามใจชอบ จากชั้นลอยจะสามารถมองลงมาเห็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งได้ด้วยค่ะ

plan2

ขึ้นมาที่ชั้นสองจะเป็นส่วนของ Master Bedroom ที่มีห้องนอน, พื้นที่ Semi-outdoor ให้ออกไปนั่งเล่นได้, Walk-in closed และมีห้องน้ำในตัวที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งและมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย ขึ้นมาที่ชั้นสาม จะเป็นพื้นที่ของห้องนอนมีห้องน้ำในตัวให้ทั้งสองห้อง

บ้าน TYPE จะเรียงหน้ากระดาน 6 ยูนิตแค่นี้เท่านั้น ออกแบบอาคารโดยใช้รูปทรงสี่เหลี่ยมจบมุมทรงแหลม (Taper Facade) ทำให้เกิดเป็นรูปทรงเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใช้โทนสีเทาและสีไม้ตัดกัน เพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติ หน้าต่างบ้านเป็นหน้าต่างบานใหญ่สามารถเปิดรับแสงได้เต็มที่ มีการตกแต่งด้วยระแนงที่เป็นตัวที่ช่วยบังความไม่เรียบร้อยของ Compressor แอร์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัว Compressor แอร์สีเทาที่เห็นวางอยู่ด้านนอกนี้ โครงการเอาออกมาทาสีเทาเพื่อให้เข้ากับผนัง แล้วจะนำไปไว้วางที่หลังระแนงเพื่อความเรียบร้อยของหน้าตาอาคาร และมีการทำพื้นยื่นออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมแหลมตั้งแต่หน้าต่างจนถึง Compressor แอร์เพื่อให้ช่างสามารถปีนออกมาจากหน้าต่างเพื่อซ่อมแซมได้ เป็นการเพิ่มลูกเล่นให้หน้าตาอาคารพร้อมทั้งเกิดฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้จริงด้วย

ตัวบ้านจริง 1 หลังจะได้แบบนี้ ส่วนของชั้น Ground เป็นพื้นที่เต็มชั้น ส่วนชั้นหนึ่ง เป็น Double Space ที่มีชั้นลอยอยู่ ส่วนชั้นสอง และชั้นสาม จะเป็นพื้นที่เต็มชั้น จากหน้าตาอาคารในด้านนี้แทบดูไม่ออกเลยว่าตัวบ้านมี Double Space หรือเล่นระดับยกชั้นตรงไหน การออกแบบทำได้เนียนดี

 

ทางเข้าบ้านจะเป็นพื้นคอนกรีตสแตมป์ที่ลาดเอียง ตัวบ้านสูงกว่าพื้นถนนปกติ และมีทางน้ำไหลที่ระดับพื้นถนน ป้องกันน้ำท่วมเข้าบ้านในกรณีฝนตกหนักหรือระบายน้ำไม่ทัน ประตูรั้วหน้าบ้านเป็นประตูเหล็กทาสีดำบานพับ เวลาเปิดจะพับออก 2 ด้าน พื้นที่หน้าบ้านค่อนข้างกว้างจอดรถได้ 3 คัน

ส่วนทางคนเดินเข้าจะมีประตูรั้วเล็กๆแยกออกมาทางซ้ายมือ เป็นบานพับเข้า มีการติดตั้งกริ่งกดเรียก และมีไฟดาวน์ไลท์ที่เหนือทางเข้า 1 ดวง เพื่อให้แสงสว่างเล็กๆในตอนกลางคืน

รั้วด้านที่ติดกับเพื่อนบ้านจะเป็นรั้วก่อปูนทึบ และต่อเหล็กโปร่งด้านบน หากใครชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ก็หาต้นไม้มาแขวนเพื่อตกแต่งและพรางสายตาอย่างเช่น ต้นหนวดฤาษี หรือไม้ที่ใช้จัดสวนแนวตั้งอื่นๆก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานที่ตอนนี้จะเป็นหลังคาโล่งๆ แต่เดี๋ยวโครงการจะติดตั้งหลังคาเปิด-ปิดได้ ที่ควบคุมด้วยระบบ Home Automotion สั่งงานผ่าน Smartphone ได้ค่ะ

Compressor แอร์ ที่เดี๋ยวโครงการจะเลื่อนเอาไปซ่อนไว้ที่หลังระแนง หน้าตาบ้านก็จะเรียบร้อยขึ้น

เข้ามาในบ้าน ตรงนี้เป็นพื้นที่จอดรถได้ 3 คัน ข้อดีคือจอดได้เยอะดีนะ แต่พื้นที่จอดทางซ้ายมือจะเป็นการจอดซ้อนคันกัน ดังนั้นหากรถด้านในจะออกรถที่จอดอยู่ด้านนอกก็ต้องถอยออกให้ด้วย คนที่มีรถ 3 คัน อาจจะต้องมีการถอยรถเคลื่อนย้ายให้กันอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับคนที่มีรถสองคนนี่สบายๆมากเลย พื้นที่ด้านนอกใช้จอดรถ ส่วนด้านในใช้วางของเพิ่มได้อีก หรือใช้เป็นที่จอดสำรองเผื่อเพื่อนมาก็สบายๆไม่ลำบากอะไร

ทางขวามือทางโครงการได้ Built-in ชั้นวางของมาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งของจริงจะมีผนังยื่นออกมาให้เผื่อการต่อเติมเท่านั้น ถ้า Built-in ออกมาแบบนี้ก็เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้เยอะเลยนะ

เดินเข้ามาด้านในจะเป็นทางเข้าหลักของบ้าน ทางซ้ายมือเป็นตู้เก็บของ Built-in ที่โครงการติดตั้งมาให้ดูเป็นไอเดีย ของจริงจะเป็นผนังปูนทาสีธรรมดา ถัดมาเป็นประตูเข้าบ้านหลัก ส่วนทางซ้ายมือเป็นประตูทางเข้าห้องนอนแม่บ้านและห้องครัว และหน้าต่างห้องแม่บ้านค่ะ

Arden III

ลองเปิดตู Built-in ออกมาให้ดู สามารถทำออกมาแล้วเก็บของเล็กๆน้อยๆได้

มือจับประตูบ้านเป็นแบบสแตนเลสก้านโยก ด้านล่างมีตัวล็อกให้

พอเปิดประตูออกมาทั้งหมด เราก็จะเห็นว่าตรงส่วนนี้มีประตูค่อนข้างเยอะและทุกประตูสามารถทะลุผ่านกันหมด

พื้นจะมี 3 ระดับ คือพื้นลานจอดรถที่ปูด้วยกระเบื้องผิวด้านสีเทาเข้ม ขนาด 30 x 60 เมตร  พื้นที่เดินเข้ามาจากประตูเล็กหน้าบ้านปูด้วยกระเบื้องผิวด้านสีครีม ขนาด 30 x 60 เมตร และระดับพื้นในบ้านปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อน ขนาด  60 x 60 เมตร

เราจะเริ่มเข้าบ้านทางประตูหลัก เมื่อเข้ามาจะเจอห้องโถงขนาด 3 x 2.77 เมตร ซึ่งเป็นเสมือน Service Zone ของบ้าน และส่วนต้อนรับของบ้านไปในคราวเดียว  มองตรงไปจะเห็นประตูกระจกที่สามารถเปิดออกไปยังสวนหลังบ้านได้ ทางซ้ายมือเป็นโถงบันไดขึ้นไปยังชั้นหนึ่ง ส่วนทางขวามือเป็นตู้รองเท้าและประตูทางเข้าห้องครัว

โดยตู้รองเท้า Built-in นี้โครงการไม่ได้มีให้ แต่จะมีการก่อกำแพงไว้ให้เผื่อการ Built-in เมื่อเปิดตู้ออกมาแล้วจะเห็นว่าสามารถทำตู้ที่จุรองเท้าได้เยอะทีเดียว แนะนำว่าให้ built-in สูงถึงฝ้าเพดานแบบนี้ และทำหน้าบานเป็นกระกระจกเต็มบาน เวลาแต่งตัวเสร็จแล้วก่อนออกจากบ้านก็เปลี่ยนรองเท้า และส่องดูความเรียบร้อย แค่นี้ก็ออกจากบ้านได้อย่างมั่นใจแล้วค่ะ 🙂  ข้างๆกันเป็นทางเข้าห้องครัวไทยที่เป็นครัวปิด ข้อดีคือถ้าทำอาหารแล้วปิดประตู เราก็ไม่ต้องกลัวกลิ่นจะไปรบกวนส่วนอื่นๆของบ้านใช้ประตูสำเร็จรูปลายไม้ มองตรงไปจะมีพื้นที่ให้วางตู้เย็นได้พอดีๆ

เข้ามาในห้องครัวที่มีพื้นที่ 2.6 x 3  เมตร ซึ่งโครงการได้ Built-in Pantry ครัวทั้งสองด้านมาให้แล้วหน้าตาแบบนี้เลย โดยจะเหลือทางเดินในห้องครัวอยู่ที่ 90 เซนติเมตร ก็ไม่แคบจนเกินไปนัก เป็นระยะที่หันซ้ายหันขวาทำกับข้าวสบายๆ

ทางซ้ายมือ Built-in มาให้ทั้งเคาท์เตอร์ครัวด้านล่าง และตู้เก็บของด้านบน บานพับเป็นแบบ Soft closed ทั้งหมด ท็อปเคาท์เตอร์เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำ ที่ผนังท็อปเคาท์เตอร์เป็นผนังปูนทาสีธรรมดา แนะนำให้บุด้วยกระเบื้องหรือกระจกเพิ่มเติมนะคะ เวลาเราล้างจานแล้วคราบกระเด็นจะได้ทำความสะอาดได้ง่ายๆ

ซิ้งค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยมแบบมีที่พักจาน พร้อมก็อกน้ำสแตนเลสทรงโค้ง

ตรงข้ามกันเป็นเคาท์เตอร์ครัวที่ Built-in มาให้ทั้งเคาท์เตอร์ด้านล่างและตู้ด้านบน ท็อปเคาท์เตอร์บุด้วนกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำ ผนังเคาท์เตอร์เป็นผนังปูนทาสีธรรมดาเช่นกัน ตรงนี้โครงการติดตั้งเตาและที่ดูดควันของ Teka มาให้ด้วย

ถัดไปเป็นประตูห้องครัวที่ใช้บานประตูสำเร็จรูปลายไม้ เปิดออกมาจะเจอส่วนของพื้นที่วางเครื่องซักผ้าทางซ้ายมือ  ทางขวามือจะเป็นประตูออกไปยังลานจอดรถ ส่วนตรงไปจะเป็นห้องนอนแม่บ้านค่ะ

ห้องแม่บ้านมีขนาด 2.6 x 2.9 เมตร สามารถวางเตียงเล็กๆขนาด 3 ฟุตได้พอดีๆ ปลายเตียงมีเต้ารับและที่เสียบสายเคเบิล เผื่อติดตั้งทีวีให้แม่บ้านนอนดูละครหลังข่าวได้ แนะนำว่าควรเป็นทีวีติดผนังนะคะ เพราะเหลือพื้นที่ค่อนข้างน้อย หากหาตู้มาวางปลายเตียงแล้วค่อยตั้งทีวีนี่ก็จะกินพื้นที่ทำให้ไม่มีทางเดิน และทำให้ระยะดูทีวีใกล้เกินไป จะทำให้เสียสายตา

ที่หัวเตียงห้องแม่บ้านจะมีหน้าต่างบานเลื่อนคู่ เป็นกระจกฝ้าที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากห้องแม่บ้านอยู่ชั้น Ground หากเป็นกระจกใสและอยู่ในระดับเตี้ยกว่านี้จะเสียความเป็นส่วนตัวได้ แน่นอนว่าหน้าต่างเล็กๆสูงๆแบบนี้ไม่ได้มีเพื่อให้มองวิว แต่จะช่วยในเรื่องการระบายอากาศค่ะ

มองกลับไปที่ประตูทางเข้าจะเห็นประตูทางเข้าห้องและประตูห้องน้ำ ซึ่งเป็นบาน HDF แบบมีเกร็ดระบายอากาศทั้งคู่

เวลาเปิดประตูออกมาพร้อมกันก็จะมีกระทบกระทั่งกันบ้างแบบนี้

ห้องน้ำแม่บ้านจะมีอ่างล้างหน้าทรงกลมๆเล็กๆ กระจกติดผนัง และฝักบัวอาบน้ำติดตั้งมาให้ ที่วางสบู่ไม่มีต้องหามาติดตั้งเอง รวมทั้งไม่ได้มีการลดระดับพื้นหรือกั้นแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง ดังนั้นเวลาอาบน้ำเสร็จอาจจะเปียกไปรอบๆได้

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นโถสุขภัณฑ์ของ Cotto พร้อมที่แขวนกระดาษทิชชู่และสายชำระ ด้านบนเป็นราวแขวนผ้าเช็ดตัว เอาไว้ด้านนี้เวลาอาบน้ำจะได้ไม่กระเด็นเปียก

ออกจากห้องนอนแม่บ้านมา ต่อไปเราจะพาไปดูสวนหลังบ้าน โดยใช้ทางออกจากประตูหลังครัวค่ะ

ออกมาที่สวนหลังบ้าน เราจะเห็นว่ามีทางเลือกให้ออกได้ 2 ทาง คือทางประตูห้องครัวและจากโถงทางเข้าหลัก โดยพื้นที่หลังบ้านโครงการจะจัดสวนให้แบบนี้เลย มีการเทพื้นลานซักล้าง โรยกรวดทางเดิน และทำบันไดทางขึ้นไปยังส่วนนั่งเล่น Outdoor ให้ รั้วรอบๆจะเป็นผนังปูนทาสี และก่อระแนงเหล็กสีดำเพิ่ม

เราพาขึ้นบันไดมายังพื้นที่ส่วนนั่งเล่น Outdoor ที่บ้านจริงจะไม่มีเก้าอี้นั่งเล่นให้นะคะ โครงการเอามาวางเป็นไอเดียเฉยๆ พื้นเป็นไม้สำเร็จรูป รั้วรอบๆจะเป็นระแนงเหล็กโปร่งทั้งหมด เวลานั่งเล่นอาจจะจ้องตาจ๊ะเอ๋กับเพื่อนบ้านกันอยู่บ้าง ไม่ก็ช่วยให้สานสัมพันธ์กันไปเลย หุหุ 🙂 ถ้ามองจากในภาพจะเห็นได้ชัดเลยว่าแดดดี๊ดี เนื่องจากทิศนี้เป็นทิศตะวันตก ออกมานั่งตอนบ่ายนี่จะร้อนเข้าขั้นไหม้  แนะนำว่าเหมาะกับมานั่งจิบกาแฟตอนเช้ามองสระว่ายน้ำ หรือนั่งรับลมในเวลาแดดร่มลมตกจะเหมาะกว่า

มุมมองที่นั่งอยู่ที่เฉลียงนี้จะมองเห็นสวนและสระว่ายน้ำได้แบบชิวมาก ข้างหน้ามีประตูทางออกไปเราออกไปนั่งเล่นริมสระ หรือว่ายนั่งเล่นจากหน้าบ้านได้เลยเสมือนมีวิลล่าส่วนตัว

ออกมาเล่นน้ำกันนเถอะ 🙂

นี่เป็นภาพถ่ายจากบ้านฝั่งตรงข้าม เพื่อจะได้เห็นอาคารด้านนี้ชัดๆ จะเห็นว่าหลังบ้านนี้บรรยากาศดีมากๆ มีสระว่ายน้ำพาดผ่านทั้ง 6 ยูนิต ยกเว้นยูนิตสุดท้ายที่หน้าบ้านจะตรงกับ Pool Deck เท่านั้น แต่ถ้ามองลงมาจากบ้านก็จะยังได้วิวสวนและสระว่ายน้ำอยู่

Arden III 3

หน้าตาอาคารต่อ 1 ยูนิตก็มีการใช้ระแนงกันแดด และมีการใช้ลูกเล่นเดิมคือรูปทรงสี่เหลี่ยมจบมุมทรงแหลม (Taper Facade) แต่มีการเปลี่ยน Pattern เป็นการใช้ไม้สำเร็จรูปทำเสาไม้เล็กๆที่จะเป็นตัวช่วยบังแดดที่สาดเข้าไปในบ้านได้ส่วนหนึ่ง

พื้นที่สวนหลังบ้านทั้งหมดค่ะ

เราพากลับเข้ามาที่โถงทางเข้าบ้าน พื้นที่ข้างบันไดด้านหลังกระจกเงาบานนนี้จะเป็นประตูห้องเก็บของใต้บันไดที่ใช้เก็บของได้เยอะทีเดียวค่ะ จากตรงนี้เราจะพาขึ้นบันไดไปยังชั้นหนึ่ง ซึ่งบันไดทั้งลูกตั้งและลูกนอนจะใช้ไม้สำเร็จรูป ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ ระยะกว้างของบันไดประมาณ 0.85 เมตร

ขึ้นบันไดมาเราจะรู้สึกได้ทันทีว่า ชั้นบนนี่โล๊งโล่ง และเพดานสู๊งสูงง

เข้ามาถึงพื้นที่ Living ในชั้นหนึ่ง ขนาด 6.6 x 8.8 เมตร จะเป็นห้องโล่งๆที่เป็น Double space ความสูงฝ้าเพดาน 5.4 เมตร ด้านบนเป็นชั้นลอย ส่วนด้านล่างสามารถทำเป็นห้องรับประทานอาหารได้ ผนังจะติดวอลเปเปอร์สีพื้นให้ทั้งหมด ส่วนพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

พื้นที่เฉพาะส่วนรับประทานอาหารมีขนาด 4.2 x 5.2 เมตร สามารถทำ Pantry รูปตัว L และวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6 ที่นั่งแบบนี้ได้ มองตรงไปจะมีหน้าต่างให้ 1 บานเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้าและระบายอากาศ

โดยหน้าต่างจะเป็นกระจกบานเลื่อนคู่ แบบตัวล็อค 2 ชั้น โดยตัวล็อคชั้นหนึ่งจะเป็นตัวล็อคเปิด-ปิดที่บานประตูเอง  ส่วนการล็อคอีกชั้นหนึ่งที่อยู่ตรงกลางจะเป็นตัวหมุนล็อคเพื่อไม่ให้หน้าต่างทั้งสองบานขยับ เป็นความปลอดภัยที่เพิ่มมาให้อีกขั้นหนึ่ง

ในห้องนี้จะมีห้องน้ำให้ 1 จุด

โดยห้องน้ำมีพื้นที่ 1.8 x 2.1 เมตร มีฟังก์ชั่นค่อนข้างครบ ทั้งอ่างล้างหน้า ฉากกั้นอาบน้ำ ที่มีการลดระดับ แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน รวมทั้งโถสุขภัณฑ์ชายและหญิง พื้นห้องน้ำจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อน ผนังก็เช่นกัน

พื้นห้องน้ำมีการลดระดับลงมาประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้น้ำนองไปเปียกส่วนอื่นๆของบ้าน

เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าของ Cotto เป็นแบบลอยตัวเปิด-ปิดได้ ที่ผนังมีการติดตั้งกระจกเงาให้ ส่วนผนังด้านข้างติดตั้งราวแขวนผ้าและเต้ารับแบบกันน้ำมาให้เผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างไดร์เป่าผม ที่โกนหนวดไฟฟ้า เป็นต้น

ลิ้นชักเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า สามารถเปิดออกได้เพื่อเก็บของที่ใช้ในห้องน้ำ บานพับเป็นแบบ Soft Closed ทั้งหมด

อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มาก  และก็อกน้ำสแตนเลสของ Cotto

ฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยรูปทรง 5 เหลี่ยม ประตูฉากกั้นจะเปิดออกที่มุมตู้ซึ่งรัศมีการเปิดประตูจะผ่านโถสุขภัณฑ์ที่อยู่ด้านข้างพอดี ไม่ติดกับ มือจับประตูเป็นสแตนเลสค่อนข้างใหญ่ ที่ขอบประตูมีการติดยางกันกระแทกมาให้เรียบร้อย พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1  x 1 เมตร อาบได้สบายๆไม่คับแคบ

พื้นส่วนอาบน้ำมีการลดระดับลงมา โดยมุมที่ลดระดับจะเป็นมุมลาดเอียง ไม่ใช่มุมฉากอย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ ข้อดีคือเวลาเดินเข้าเดินออกจะลดโอกาสในการสะดุดหรือเตะมุมที่พื้นลดระดับ และช่วยในเรื่องความสวยงามให้พื้นดูเนียนเรียบขึ้นด้วย

โครงการติดตั้งชุดฝักบัว พร้อมที่วางสบู่มาให้ของ Kohlor

ฝักบัวขนาดใหญ่ดี

ข้างๆกันเป็นโถสุขภัณฑ์ที่ติดตั้งมาให้ทั้งของผู้ชายและผู้หญิง พร้อมสายชำระกับที่แขวนกระดาษทิชชู่ ด้านหลังโถสุขภัณฑ์ของผู้หญิงจะมี Low wall ให้สามารถวางของได้

เหนือโถสุขภัณฑ์ขึ้นไปจะมีหน้าต่างบานเลื่อนคู่ให้ 1 บาน เพื่อช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าและเปิดระบายอากาศได้ ตัวล็อคหน้าต่าง 2 ชั้น เหมือนกับหน้าต่างห้องรับประทานอาหาร

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน โครงการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยมมาให้ 2 ดวง พร้อมพัดลมระบายอากาศ

โถงง

ถัดมาเป็นห้องนั่งเล่น ขนาด 3.6 x 6.6 เมตร สามารถวางโซฟาครบชุดแบบนี้ หรือจะวางโซฟาเป็นรูปตัว L แล้ววางโต๊ะวางทีวีติดผนังก็ได้ ผนังด้านนี้เป็นกระจกเต็มบานตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดาน ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากๆ โดยกระจกด้านบนจะเป็นบาน Fix ทั้งหมด ส่วนด้านล่างจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนคู่

ตัวล็อคประตูหน้าตาแบบนี้ บุสักหลาดกันกระแทกให้เรียบร้อย

พื้นมีการยกธรณีขึ้น เนื่องมาจากวงกบและรางเลื่อนของประตูที่ค่อนข้างสูง

 

พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร สามารถวางเก้าอี้นั่งเล่นแบบ Outdoor ได้ ราวกันตกเป็นกระจกนิรภัย กรอบอลูมิเนียมสีดำ ด้านบนเป็นระแนงไม้สำเร็จรูป สามารถบังแดดและกันฝนสาดได้บางส่วน

มองไปทางขวามือ ผนังด้านนี้จะเป็นผนังทึบทั้งหมด ความสูงตามระดับห้องด้านในคือ 5.4 เมตร

ซึ่งที่ผนังด้านนี้จะติดตั้งโคมไฟให้ 2 ดวง พร้อมเต้ารับแบบกันน้ำ เผื่อใครอยากมานั่งเล่นชิวๆมองวิวสระว่ายน้ำ พร้อมเสียบโน๊ตบุคนั่งทำงานไปด้วยก็ได้

ส่วนผนังอีกด้านจะเป็นผนังกระจก Bay Window สูงถึงฝ้าเพดาน มองไปเห็นโถงทางขึ้นบันไดที่มาจากชั้น Ground ค่ะ

วิวสระว่ายน้ำจากระเบียงชั้นหนึ่ง

มองกลับเข้าไปในบ้าน ก็จะเห็นพื้นที่ส่วน Living ทั้งหมด

 

ผนังทางด้านซ้ายมือจะมีช่องเปิด 2 จุด (เฉพาะหลังมุม) ด้านบนเป็นกระจกบาน Fix ส่วนด้านล่างเป็นหน้าต่างบานเปิด

หน้าต่างบานเปิดแบบนี้นอกจากจะช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดี ยังช่วยระบายอากาศได้ดีอีกด้วย

ต่อไปเราจะพาขึ้นบันไดไปดูชั้นลอยกัน โดยความน่าสนใจอย่างอย่างหนึ่งของทาวน์โฮมหลังนี้คือบันไดที่มีระดับค่อนข้างเยอะ จากทุกชั้นสามารถมองลงมาแล้วเห็น Space ชั้นล่างได้หมด

ลองมองขึ้นไปด้านบนจะเห็นว่า เราสามารถมองทะลุขึ้นไปได้ถึงพื้นบันไดชั้นสาม แสดงว่า จากชั้นบนไปจนถึงชั้นสอง สามารถมองลงมาเห็นพื้นที่ Living ได้ ซึ่งการดีไซน์เหล่านี้ส่งผลกับวิถีชีวิตของคนในบ้านทั้งหมดนะคะ ถ้าอยู่ในบ้านที่มีการออกแบบให้สามารถมองเห็นกันได้ง่ายขึ้น ก็จะทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ พูดคุยกันมากขึ้น เพราะมีโอกาสได้เจอหน้ากัน ไม่เหมือนบ้านผนังทึบๆ ออกแบบพื้นที่ปิดมากเกินไปและด้วยชีวิตที่เร่งรีบของคนเมืองในปัจจุบันก็อาจทำให้คนที่อยู่บ้านเดียวกัน แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยก็ได้

ขึ้นบันไดมาจะเจอชานพักเล็กๆที่มีการเล่นระดับกัน

ตรงชานพักจะมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนคู่ให้ 1 บาน กรอบอลูมิเนียมสีดำ ตัวล็อคประตูแบบ 2 ชั้น

เข้ามายังพื้นที่ชั้นลอย พื้นของห้องนี้จะเป็น Engineering Wood ข้างหน้าจะเป็นทางขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ส่วนทางซ้ายมือเป็นห้องอเนกประสงค์(Extra Space)

โดยห้องนี้โครงการจะติดตั้งประตูบานเลื่อน 3 ตอนมาให้ ข้อดีคือเวลาเราเลื่อนเปิดจะได้พื้นที่เปิดที่กว้างมากกว่าแบบบานเลื่อนคู่ปกติ รางเลื่อนประตูจะติดตั้งไว้ด้านบน ทำให้พื้นห้องไม่มีรางเลื่อนมากวนใจ

ห้องอเนกประสงค์ (Extra Space) มีขนาด 3.6 x 4 เมตร ขนาดกลางๆเหมาะกับเป็นพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัว อย่างห้องดูหนัง ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน เป็นต้น มองตรงไปจะเป็นผนังทึบที่โครงการติดตั้งแอร์แบบลอยตัวมาให้ เราสามารถ Built-in โต๊ะทำงานแบบในห้องตัวอย่างก็เป็นการฟังก์ชั่นการใช้งานที่ดีสำหรับผนังทึบ  โดยรวมจะเห็นได้ว่าห้องนี้มีบรรยากาศค่อนข้างโปร่ง เนื่องจากผนังด้านซ้าย-ขวา เป็นกระจกทั้งหมด

ฝั่งนี้จะเป็นผนังกระจกเต็มบานด้านล่างเป็นบาน Fix ส่วนด้านบนเป็นบานเปิดสลับกับบาน Fix

พอชะโงกหน้าลงไปก็จะเห็นพื้นที่ส่วน Living ด้านล่างทั้งห้องเลย

ผนังฝั่งตรงข้ามกันก็มีกระจกบานเลื่อนคู่ ตัวล็อค 2 ชั้น แสงเข้าค่อนข้างดี

พอชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างจะเห็นพื้นที่ที่ให้ช่างสามารถปีนออกไปนอกหน้าต่างเพื่อออกไป Service ตัว Compressor แอร์ได้

ถัดไปเราจะพาขึ้นบันไดไปดูชั้นสอง กัน

พอเราขึ้นบันไดมาแล้วมองลงไปจะเห็นว่าข้างล่างมีชานพัก 2 ขั้น ตรงชานพักขั้นที่ 1 จะมีราวกันตกกระจกที่แค่ยืนมองจากตรงนี้ก็เห็นลงไปถึงส่วน Living ข้างล่างแล้ว ถือเป็นจุดที่หวาดเสียวเหมือนกันนะสำหรับคนที่กลัวความสูงและก็เป็นจุดที่ต้องระวังมากๆเลยสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็ก แต่ถ้าพุดถึงการออกแบบโดยรวมแล้วกเช่วยให้โถงบันไดดูโปร่งและมีลูกเล่นดี

ขั้นมาที่ชั้นสอง แล้วมองกลับไปที่โถงบันไดจะมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนคู่เต็มบาน แสงเข้าดีมาก ข้างหน้ากระจกเป็นราวกันตกที่เป็นทั้งกระจกและบานทึบ ธีมเดียวกับราวกันตกด้านล่าง

แต่จุดแปลกอย่างหนึ่งคือโครงสร้างบันไดตรงนี้จะไม่ได้ยึดติดกับคานที่อยู่ด้านหลัง แต่จะ Set ให้ห่างออกมา เพื่อเหลือเป็นช่องให้มองไปด้านล่างได้ ซึ่งด้านล่างก็ไม่มีอะไรและเป็นช่องเล็กๆนิดเดียวเท่านั้น แถมราวกันตกทึบๆนี้ก็บังช่องแสงที่อุตส่าห์ทำไว้เต็มบานด้วย ที่พื้นตรงนี้ก็ยังคงมีการเล่นระดับชานพัก

เราเข้ามาที่โถงทางเดินชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นของ Master Bedroom ตรงไปจะเป็นบันไดขึ้นไปชั้นสาม ข้างหน้าเป็นราวกันตกกระจกเห็นไปถึงในห้องเลย เดี๋ยวเราจะพาเลี้ยวซ้ายเข้าไปดูห้อง Master Bedroom กัน

เดินเข้ามาในห้อง Master Bedroom แล้ว จะมองกลับไปเพื่อให้เห็นภาพนิดนึงว่า ทางที่เราเดินเข้ามาจะเป็นโถงเล็กๆที่มีสวิตซ์ไฟและเต้ารับให้พร้อม เราสามารถหาโคมไฟเก๋ๆมาติดเพื่อตกแต่งโถงเข้าห้องให้ดูแกรนด์ได้ หรือจะเป็นโต๊ะคลาสสิคสักตัว พร้อมโคมไฟสวยๆ หรือรูปปั้นเก๋ๆสักอัน ก็ทำให้โถงเข้าห้องดูดีขึ้นมามากแล้ว

เข้ามาในห้องกัน เราจะเจอฟังก์ชั่นสองส่วน คือ ทางซ้ายมือจะเป็นห้องแต่งตัว ส่วนตรงไปจะเป็นส่วนห้องนอน

เฉพาะส่วนห้องนอน Master Bedroom  มีขนาด  4 x 6.3 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.3 เมตร สามารถแบ่งพื้นที่เป็นห้องนอนและส่วนนั่งเล่นได้ ห้องนี้มีประตูกระจกยาวเต็มช่อง โดยเดี๋ยวเราพาไปดูเป็นส่วนๆกันนะคะ

เฉพาะส่วนห้องนอนมีขนาด 3.8 x 4 เมตร ห้องกว้างดี สามารถวางเตียง King Size ขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ พร้อมโต๊ะหัวเตียงทั้งสองด้าน

ช่องเปิดข้างๆเตียงนอนเป็นประตูบานเลื่อนคู่ เวลาเปิดแล้วก็จะได้ช่องเปิดที่ค่อนข้างกว้างค่ะ พื้นระเบียงมีการลดระดับเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้องสีเทาขนาด 30 x 60 เมตร ราวกันตกเป็นกระจกที่ยึดติดกับเสาไม้สำเร็จรูป

ที่ผนังด้านนอกระเบียงมีการติดตั้งโคมไฟให้  1 จุด ไฟจะยิงขึ้นด้านบนนะคะ

ซึ่ง Pattern ของระเบียงห้อง Master Bedroom เมื่อมองจากด้านนอกจะเห็นมุมมองแบบนี้

มองกลับเข้ามาในห้อง จะเห็นพื้นที่หลังทีวีที่เป็นพี้นที่นั่งเล่นปลายเตียงซึ่งถ้าดูดีๆเราจะเห็นประตูกระจกบานเลื่อนที่แอบอยู่ทางซ้ายมือ เราสามารถเลื่อนมาเพื่อปิดพื้นที่ แล้วทำให้ที่นั่งเล่นปลายเตียงกลายเป็นพื้นที่ Semi-outdoor เปิดประตูรับลมได้ ซึ่งเชื่อว่าเปิดประตูไปโล่งๆแบบนี้สบายกว่าเลื่อนปิดห้องเยอะเลยค่ะ เพียงแต่ว่าการมีประตูบานเลื่อนกั้นพื้นที่ให้แบบนี้จะเหมาะกับการอยู่ 2 คนที่มีความต้องการใช้พื้นที่ต่างกันในบางช่วงเวลา เช่น คุณแม่ต้องการนอนอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ แต่คุณพ่อต้องการพื้นที่ชิวๆนั่งอ่านนิตยสารไปพร้อมกับสูบบุหรี่จึงต้องการ Semi-outdoor โล่งๆเปิดประตูออกไปได้ กลิ่นก็ไม่รบกวนคนอื่น และไม่ติดห้องนอนด้วย เป็นต้น

โดยพื้นที่นั่งเล่นปลายเตียงหรือ Semi-outdoor นี้ มีพื้นที่ขนาด 2.5 x 4 เมตร สามารถวางโซฟาลักษณะพร้อมโต๊ะกลางก็ยังได้

ประตูของห้องนี้จะเป็นบานเลื่อน 3 ตอน เมื่อเปิดออกมาแล้วจะค่อนข้างกว้างเลยหละ ภายนอกระเบียงโดยรวมเหมือนกับห้องนอนเพราะเป็นพื้นที่ที่ต่อเนื่องกันมา

เมื่อมองกลับไปจะเห็นช่องเปิดกระจกเกือบเต็มบาน ด้านล่างเป็นกระจกบาน Fix ส่วนด้านบนเป็นหน้าต่างบานเลื่อนคู่

จากระเบียงตรงกลาง มองกลับไปจะเห็นบรรยากาศของทั้งห้อง ที่ฝ้าเพดานมีการติดแอร์ฝังฝ้าเพดานมาแบบนี้เลย เดวเราจะเลี้ยวขวาไปดู Walk-in closed กันนะคะ

ห้องแต่งตัวมีขนาด 2.7 x 3.8 เมตร ซึ่งบ้านจริงจะให้เป็นห้องเปล่าเราสามารถนำไอเดียแบบบ้านตัวอย่างมาปรับใช้ได้ค่ะ ถัดไปเดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องน้ำที่อยู่ทางซ้ายมือกัน

ห้องน้ำมีขนาด 2.5 x 3.7 เมตร  พื้นปูด้วยกระเบื้องผิวด้านลายหินอ่อน ส่วนผนังห้องก็เป็นกระเบื้องผิวมันหินอ่อนลายเดียวกัน พื้นที่มีการแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน ทางซ้ายมือเป็นอ่างล้างหน้า ส่วนทางขวามือเป็นห้องส้วมและห้องอาบน้ำ ตรงไปมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนคู่ ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดีมาก ข้างหน้าเป็นอ่างอาบน้ำแบบวาบหวิวเพราะอยู่ข้างหน้าต่าง ควรหาผ้าม่านกันน้ำมาติดเป็นอย่างยิ่งนะคะ

อ่างอาบน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก ข้างๆมีราวให้จับกันลื่นด้วย ก็อกน้ำสแตนเลสติดตั้งกับพื้นพร้อมฝักบัว

ฝักบัวขนาดพอดีมือ

อ่างล้างหน้า3

เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่มีให้ 2 อ่าง ที่ผนังติดตั้งกระจกเงามาให้ ทั้งเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าและที่กระจกมีลิ้นชักสามารถเก็บของใช้ในห้องน้ำได้ ไฟซ่อนที่ตกแต่งมาโครงการไม่ได้ให้ เป็นเพียง Prop ตกแต่งห้องตัวอย่างนะคะ

อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมและก็อกน้ำสแตนเลสของ  Cotto

ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องอาบน้ำและห้องส้วมที่กั้นห้องด้วยกระจกนิรภัยบานเปลือย โดยพื้นที่ห้องอาบน้ำมี ขนาด  0.95 x 1 เมตร และห้องส้วม 1 x 1 เมตร ขนาดมาตรฐานเป็นระยะที่กำลังสบาย

พื้นห้องอาบน้ำและห้องส้วมมีการลดระดับแบบลาดเอียงเหมือนห้องน้ำในชั้น  1

ห้องอาบน้ำมีการติดตั้งชุดฝักบัวของ Kohlor ทั้งชุดพร้อมที่วางสบู่มาให้

ฝักบัวใหญ่ดีค่ะ

ส่วนโถสุขภัณฑ์ให้ของ Kohlor พร้อมที่แขวนกระดาษทิชชู่และสายชำระ

ที่แขวนกระดาษทิชชู่และสายชำระ

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน มีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้  2  ดวง คือที่ส่วนอาบน้ำและส่วนห้องส้วมอย่างละจุด พร้อมพัดลมระบายอากาศ

ออกจากห้อง Master Bedroom มา เราจะพาขึ้นบันไดไปชั้นสาม ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายกันแล้วนะคะ

พอขึ้นบันไดมาแล้วมองกลับลงไปเราจะเห็นชานพักที่เล่นระดับและราวกันตกกระจกด้านหนึ่ง เป็นผนังปูนด้านหนึ่งเหมือนชั้นอื่นๆ มองตรงไปจะเห็นห้องนั่งเล่นในห้อง Master Bedroom เต็มๆเนื่องจากเปเนกระจกใส และหากชะโงกหน้าลงไปก็จะมองเห็นชั้น Living ค่ะ

เดินขึ้นมาถึงชั้น  4 กันแล้ว ผนังทางซ้ายมือในบ้านจริงจะเป็นผนังทึบที่ติดวอลเปเปอร์สีพื้นนะคะ มองตรงไปที่สุดทางเดินจะเป็น Foyer ที่ด้านซ้ายมือสามารถวางหิ้งพระเล็กๆ หรือโต๊ะวางของโชว์รูปปั้นสวยๆก็เหมาะ ส่วนถ้าเลี้ยวไปทางซ้ายมือจะเป็นโถงทางเข้าห้องนอนเล็กทั้งสองห้อง

เราเลี้ยวซ้ายมาเจอกับโถงทางเข้าห้องนอน บนฝ้าเพดานติดตั้งไฟดาวน์ไลท์สีส้มมาให้ 1 ดวง ถ้าหาภาพวาดสวยๆมาติดจะเพิ่มสเน่ห์ให้มุมนี้ได้เยอะเลยค่ะ

เราเลี้ยวซ้ายเข้ามาในห้องนอนขนาดกลางของบ้าน ขนาด 4 x 6.6 เมตร โครงการจัดพื้นที่ให้เป็นห้องนอน, มุมทำงาน, Walk-in closed  และห้องน้ำในตัว

ข้างเตียงมีช่องเปิดกระจกเต็มบาน ที่มีหน้าต่างบานเลื่อนคู่ให้ 2 บาน นอกนั้นเป็นบาน Fix มุมมองจากตรงนี้จะเห็นวิวเมืองแล้ว เพราะชั้นนี้จะสูงกว่าทาวน์โฮม The Mist (typeM)

มองกลับเข้ามาในห้อง พื้นที่ข้างเตียงอีกด้านสามารถวางโต๊ะทำงานได้ ส่วนพื้นที่ปลายเตียงสามารถกั้นห้องเพื่อทำเป็น Walk-in closed  แบบนี้ก็เป็นไอเดียที่ดีโดยบ้านจริงเราจะได้ห้องเปล่า ไม่มีการกั้นห้องและเฟอร์นิเจอร์แบบนี้นะคะ

พอเดินเข้ามาที่ walk-in closed มองไปทางซ้ายมือจะช่องเปิดกระจกเต็มบาน หน้าต่างบานเลื่อนคู่เหมือนในห้องนอน

พื้นที่เมื่อ Built-in ตู้ Walk-in closed แล้วจะมีทางเดินกว้าง 1.3 เมตร เป็นระยะที่ยืนแต่งตัวได้สบายๆ

ถัดไปเป็นห้องน้ำขนาด 1.6 x 1.73 เมตร เเบ่งเป็น ส่วนแห้ง และ ส่วนเปียกชัดเจน วัสดุพื้นเป็นประเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านลายสีเทา ส่วนผนังห้องน้ำเป็นแบบผิวมันลายหินอ่อนสีน้ำตาล เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นแบบลอยตัว มีการ Built-in ชั้นวางของ และตู้เก็บของให้เหมือนกับห้องอื่นๆ ท็อปเคาท์เตอร์เป็นหินแกรนิตโต้สีดำ มีการติดตั้งกระจกเงาติดผนังและเต้ารับแบบกันน้ำให้

อ่างล้างมือทรงสีเหลี่ยมและก็อกน้ำสแตนเลสของ  Cotto เล็กกว่าของห้อง Master Bedroom เล็กน้อย

พื้นห้องน้ำมีการลดระดับลงไป 2  Step คือจากพื้นห้องนอน 1 Step และลดระดับที่ส่วนอาบน้ำอีก 1 Step

พื้นที่ข้างๆกับเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า จะเป็นพื้นที่วางโถสุขภัณฑ์ของ Cotto พร้อมที่แขวนกระดาษทิชชู่และสายชำระ

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นพื้นที่อาบน้ำ ขนาด 0.90 x 1.35 เมตร มีการกั้นฉากอาบน้ำให้ด้วยกระจกนิรภัยบานเปลือย

ด้านในติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำมาให้ ของ Kohlor ค่ะ

ฝักบัวขนาดใหญ่ดี

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน จะเห็นว่าโครงการติดตั้งไฟดาวน์ไลน์มาให้ 2 จุด คือส่วนเปียกและส่วนแห้ง รวมทั้งยังติดตั้งพัดลมระบายอากาศมาให้อีกด้วย

ออกจากห้องนอนขนาดกลางแล้วเดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องนอนเล็กกันต่อนะคะ

มาถึงห้องนอนเล็กที่ห้องสุดท้ายแล้ว ห้องนี้มีขนาด 3.9 x 4.2 เมตร สามารถวางเตียง King size ขนาด 6 ฟุตได้สบายๆอยู่

ห้องนี้จะมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อน แบบล็อค 2 ชั้น ส่วนด้านล่างเป็นกระจกบาน Fix โดยรวมแล้วช่องแสงกระจกเต็มบานทำให้แสงธรรมชาติเข้าดี ซึ่งจากหน้าต่างตรงนี้ สามารถให้ช่างปีนออกไปซ่อม Compressor แอร์ข้างนอกได้

มองไปบนฝ้าเพดานโครงการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 4 ดวง พร้อมเครื่องปรับอากาศ 1 ตัว

ผนังฝั่งปลายเตียงในบ้านตัวอย่างจะเป็นกระจก แต่ที่บ้านจริงจะเป็นผนังปูนติดวอลเปเปอร์ลายพื้นมาให้นะคะ ปลายเตียงมีน้องหมานอนอยู่ด้วย

นอนเหงาเชียว

ถัดไปเป็นพื้นที่หน้าห้องน้ำที่สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบนี้ได้

ห้องน้ำขนาดเข้ามาในห้องน้ำ ขนาด  1.4 x 2.74 เมตร ห้องนี้มีฟังก์ชั่นครบทั้งโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และส่วนอาบน้ำ แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน วัสดุพื้นเป็นประเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านลายสีเทา ส่วนผนังห้องน้ำเป็นแบบผิวมันลายหินอ่อนสีน้ำตาล เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นแบบลอยตัว มีการ Built-in ชั้นวางของ และตู้เก็บของให้เหมือนกับห้องอื่นๆ ท็อปเคาท์เตอร์เป็นหินแกรนิตโต้สีดำ มีการติดตั้งกระจกเงาติดผนังและเต้ารับแบบกันน้ำให้

ส่วนโถสุขภัณฑ์ให้ของ Cotto พร้อมที่แขวนกระดาษทิชชู่และสายชำระ

พื้นส่วนอาบน้ำมีการลดระดับเป็นมุมลาดเอียงเหมือนกับห้องอื่นๆ

โครงการติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำ พร้อมที่วางสบู่มาให้ของ kohlor

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน จะเห็นว่าโครงการติดตั้งไฟดาวน์ไลน์มาให้ 2 จุด คือส่วนเปียกและส่วนแห้ง รวมทั้งยังติดตั้งพัดลมระบายอากาศมาให้อีกด้วย

Arden Ladprao 71 _ Plan1

The Mist (TypeM) เป็นบ้านหน้ากว้าง 5 เมตร  3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ 185 ตารางเมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 20 ตารางวา โดยรายการของแถมที่โครงการให้ คือ Wallpaper ทั้งหลัง , แอร์ 3 ตัว , ชุดครัว , เตาไฟฟ้า , เครื่องดูดควัน ,  สุขภัณฑ์ , ฉากกั้นอาบน้ำทุกห้อง , เครื่องทำน้ำร้อนห้อง Master Bedroom

จากแปลนบ้าน บ้านเป็นบ้านหน้ากว้าง 5 เมตร รั้วหน้าบ้านเป็นแบบบานพับ จอดรถได้ 2 คัน หน้าบ้านมีห้องเก็บของเล็กๆอยู่  ขึ้นมาที่ชั้นหนึ่ง เป็นส่วนของโถง และ ห้องทานข้าว มีพื้นที่กว้างพอสมควร สามารถจัดพื้นที่เป็นโซนนั่งเล่นอ่านหนังสือเล็กๆ ได้ ถัดมาเป็น ครัว โดยครัวเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ซึ่งเวลาประกอบอาหารกลิ่นจะไม่ลอยออกไปนอกห้อง และ สามารถเปิดหน้าต่างระบายอากาศออกไปที่หลังบ้านได้ มีห้องน้ำหนึ่งห้องอยู่บริเวณครัว หลังบ้านมีพื้นที่ ประมาณ 5.00 x 2.40 เมตร แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับจัดสวนและซักล้าง  ขึ้นมาที่ชั้นลอยจะเป็นพื้นที่ สำหรับนั่งเล่น รับแขก วางโซฟาได้ 3 ที่นั่ง และจัดพื้นที่เป็นโต๊ะทำงานเล็กๆได้

Arden Ladprao 71 _ Plan2

ขึ้นมาที่ชั้นสอง จะแบ่งเป็น ห้องนอน 2 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว  ในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนแห้งและส่วนเปียก โดยห้องนอนสามารถเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยเป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้ อย่างเช่นบ้านตัวอย่างหลังนี้จัดพื้นที่เป็นห้องทำงาน ชั้นสาม มีจุดเด่นคือ ห้อง Master Bedroom ที่เป็นห้องแบบ Penthouse ทั้ง Floor โดยมี Semi out door ด้านนอกเพื่อให้นั่งเล่นหรือชิว out ได้ และมีห้องน้ำในตัวให้อีก 1 ห้องพร้อมกับพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าแบบ  Walk In Closet

หน้าตาบ้าน Type M เป็นบ้านของ Arden ลาดพร้าว 71 ซึ่งทาง Think of Living ได้เคยพาไปรีวิวแล้ว สามารถไปดูรายละเอียดได้ คลิกที่นี่ ค่ะ

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 17 Nov, 2015 

  • The Mist ( Type M)  ยูนิต 33/28 พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ที่ดิน 21.70 ตร.วา ราคา 12.9 ล้านบาทหรือ  594,470 บาท/ตร.วา
  • The Mist ( Type M)  ยูนิต 33/11 พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ที่ดิน 20.00 ตร.วา ราคา 14.9 ล้านบาทหรือ  745,000 บาท/ตร.วา
  • The Mist ( Type M)  ยูนิต 33/13 พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ที่ดิน 20.30 ตร.วา ราคา 15.5 ล้านบาทหรือ 738,916 บาท/ตร.วา
  • The Mist ( Type M)  ยูนิต 33/18 พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ที่ดิน 35.30 ตร.วา ราคา 18.5 ล้านบาทหรือ 524,079 บาท/ตร.วา
  • The Green River ( Type L)  ยูนิต 33/2 พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม. ที่ดิน 28.5 ตร.วา ราคา 29.9 ล้านบาทหรือ 1,049,122 บาท/ตร.วา  (โปรโมชั่น : ส่วนลดพิเศษ  2,000,000 บาท)

 

  • The Mist ( Type M) : จอง  100,000 บาทและทำสัญญา 500,000 บาท
  • The Green River ( Type L)  : จอง  500,000 บาทและทำสัญญา 2,000,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 130 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

Arden พระราม 3 ตั้งอยู่บนถนนยานนาวา (ตัดใหม่) หรือที่คนแถวนั้นรู้จักกันในชื่อ ถนนสาธุประดิษฐ์ตัดใหม่ ซึ่งเป็นทางเข้าออกเดียวของโครงการ  ถนนยานนาวาเป็นถนนที่ค่อนข้างใหม่ จึงไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความอุดมสมบูรณ์มากนัก จะมีก็แต่ร้านอาหาร ร้านค้าที่พอมีกระจายอยู่บ้างบนนถนนเส้นนี้ นอกนั้นก็เป็นบ้านพักอาศัย หมู่บ้าน และทาวน์โฮม อย่างเช่นโครงการบ้านกลางกรุง พระราม 3, โครงการ Jade สาทร-พระราม 3 เป็นต้น ซึ่งบ้านกลางกรุง พระราม 3 เป็นหมู่บ้านที่เก่าแล้ว จะมีก็แต่โครงการ Jade สาทร-พระราม 3 ที่น่าจะเป็นอีกตัวเลือกในระดับราคาเดียวกัน แต่ในเรื่องของทำเล Arden พระราม 3 จะสะดวกในการเดินทางมากกว่า เนื่องจากเข้ามาจากถนนพระราม 3 ซึ่งเป็นถนนใหญ่ได้ในไม่กี่ร้อยเมตร หากมาจากสาธุประดิษฐ์ก็ใกล้กับจุดกลับรถนิดเดียว ในขณะที่โครงการ Jade สาทร-พระราม 3 อยู่ฝั่งถนนด้านที่ต้องเข้ามาจากถนนสาธุประดิษฐ์ หากมาจากถนนพระราม 3 ก็ต้องไปหาที่กลับรถไกลกว่า แต่เรื่องของทำเลความอุดมสมบูรณ์โดยรวมก็คล้ายๆกันค่ะ

จากโครงการสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนที่มีความเจริญมากกว่าหน่อย อย่างเช่นถนนพระราม 3 ที่มีอาคารสำนักงานมากมาย มีห้างสรรพสินค้า ตลาด คอมมูนิตี้มอลล์ สามารถเดินทางไปถนนเจริญกรุง เพื่อไปเดินเล่นช็อปปิงที่ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ASIATIQUE The Riverfront แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และความบันเทิงริมน้ำที่เป็นที่นิยมของคนไทยและชาวต่างชาติได้ หรือจะไปยังถนนสาธุประดิษฐ์ก็มีของกินของขาย ตามอาคารพาณิชย์ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะช่วงถนนสาธุประดิษฐ์ซอยต้นๆใกล้แยกจันทน์-สาธุ จะมีของกินขายค่อนข้างเยอะ

การเดินทางหลักๆจะสามารถมาได้จากถนนพระราม 3, ถนนสาธุประดิษฐ์ หรือถนนเลียบวงแหวนอุตสาหกรรม หากต้องการเข้าเมืองก็สามารถวิ่งไปบนถนนพระราม 3 ผ่านถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ก็จะสามารถไปทะลุถนนสีลมสาทรได้ไม่ไกลเลย แต่พอไปทางฝั่งสีลมสาทรแล้ว ก็ต้องทำใจเรื่องรถติดกันหน่อยนะคะ หรือหากใครต้องการออกนอกเมืองก็สามารถไปยังสะพานภูมิพลข้ามไปยังพระราม 2 หรือใครอยากใช้ทางด่วน ก็มีทางด่วนสาธุประดิษฐ์ 1, ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ 3, จุดขึ้นลงทางด่วนบางโคล่ เป็นต้น

การเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ จะไม่มีรถเมล์วิ่งผ่าน ต้องไปขึ้นที่ถนนสาธุประดิษฐ์ไม่ก็ถนนพระราม 3 แต่จะมีแท๊กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง และก็จะมีเส้นทางรถโดยสาร BRT สถานีวัดด่าน (บนถนนพระราม 3) ที่อยู่ห่างจากโครงการ 1.1 กิโลเมตรให้เลือกใช้ แล้วขึ้นไปลงที่ BRT สาทร จะสามารถ Interchange กับ BTS สถานีช่องนนทรีได้ ก็เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและไม่ต้องเสียเวลารอรถติดค่ะ
วัสดุ ขายแบบ Fully Fitted ให้ตามมาตรฐานทั่วๆไปค่อนข้างไปทางดี คือ เครื่องปรับอากาศ 7 ให้ตัวทั้งแบบฝังฝ้าและแบบลอยตัว, พื้น Engineering Wood, กระเบื้องแกรนิตโต้,  ชุดครัวไทยที่ให้มาค่อนข้างเต็ม มีเตาไฟฟ้า และ เครื่องดูดควันมาให้, Wallpaper ติดผนัง มีการจัดสวนหลังบ้านพร้อมทำ Step บันไดให้ด้วย, สุขภัณฑ์ในห้องนอนเล็ก ให้โถสุขภัณฑ์ ชุดฝักบัวของ Cotto ส่วนห้องนอนใหญ่จะให้ Kohlor พร้อมทั้งมีอ่างอาบน้ำติดตั้งให้ด้วย ห้องน้ำทุกห้องมีการกั้นฉากอาบน้ำกระจกนิรภัยให้ ตัวบ้านติดตั้งไฟ 3 เฟสเพื่อความเสถียรของกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน และติดตั้งระบบ Home Automotion ระบบควบคุมการทำงานของจุดต่างๆในบ้านผ่าน Smartphone เช่น หลังคาบ้านเปิด-ปิดได้, เปิด-ปิดแอร์, ไฟฟ้าในบ้าน เป็นต้น

การออกแบบ โครงการนี้เป็นโครงการที่ออกแบบได้ดี มีการวางแนวคิดโดยรวมของโครงการ และ สามารถคุม Theme ของการออกแบบให้สอดคล้องกับตัวบ้าน และ การจัด Space ภายในบ้านได้ดี รวมถึงการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางด้วย โดยแนวความคิดของโครงการนี้เกิดขึ้นมาจากการอยากพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับคนเมือง โดยใช้ Concept  สวน Eden อันร่มรื่น เน้นการปลูกต้นไม้ประเภทยืนต้น เพื่อที่จะได้เติบโตและให้ความร่มรื่นกับโครงการในระยะยาว การออกแบบตัวบ้าน เน้นรูปทรงสี่เหลี่ยม จบมุมทรงแหลม ทำให้เกิดเป็นรูปทรงเรียบง่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะลักษณะ มีการใช้โทนสีเทาและสีไม้ตัดกัน  นอกจากนั้น การออกแบบยัง มีความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น มีการวางงานวิศวกรรม เสาไฟ และ โทรศัพท์ โครงการทั้งหมดลงใต้ดินเพื่อทัศนียภาพที่ปลอดโปร่ง , การจัดพื้นที่ส่วนกลางอยู่กลางโครงการเพื่อที่ลูกบ้านจะได้ใช้พื้นที่ร่วมกัน กลายเป็นวิลล่าส่วนตัวให้กับบ้าน Type L และมุมมองสวยๆให้บ้าน type Mที่อยู่ตรงกลาง

โดยบ้าน  Type L เหมาะกับครอบครัวใหญ่ 4-6 คน และแม่บ้าน 1 คน มีพื้นที่ Service Zone ในชั้น Ground ไม่ว่าจะเป็นห้องแม่บ้าน ครัวปิด โถงบันไดที่มีที่ว่างให้เช็คตัวเองก่อนออกจากบ้านได้ ส่วนถ้าออกไปหลังบ้านก็เป็นลานซักล้างและโซนนั่งเล่นมองสระว่ายน้ำ พื้นที่ชั้นหนึ่งเป็น living เพียวๆทั้งนั่งเล่นและรับประทานอาหาร ส่วนชั้นลอยเป็น Family Area ได้ดี ชั้นสองเป็น Master Bedroom ทั้ง Floor ที่มีห้องน้ำในตัวและ Walk-in closed ส่วนชั้นสาม จะเป็นห้องนอนเล็ก 2 ห้องที่มีห้องน้ำในตัว ส่วนบ้าน type M จะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กประมาณ 3-4 คน จัดพื้นที่โถงตรงกลางอยู่กลางเพื่อที่สมาชิกในบ้านจะได้ใช้พื้นที่ร่วมกัน มีพื้นที่ชั้นลอยเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว และจัดพื้นที่ชั้นบนเป็น Penthouse เพื่อให้ใช้พื้นที่ได้เต็มที่

บ้านของโครงการทั้งสองแบบจะมีการเล่น Step มีชั้นลอย คล้ายๆกัน เพียงแต่พื้นที่ใช้สอยของบ้าน type L จะเยอะกว่า พื้นที่ชั้นลอยก็กั้นห้องเป็นสัดเป็นส่วนมากกว่า และพื้นที่ด้านหลังบ้านกลายเป็นพื้นที่พิเศษที่สามารถออกมามองวิวได้  ซึ่งจะเห็นได้ไม่มากนักในโครงการทั่วไป

สาธารณูปโภค มีให้ตามมาตรฐานค่อนข้างไปทางดี  มีระบบรักษาความปลอดภัย Smart Pass Aceess ระบบ Bluetooth และ CCTV รอบโครงการ รวมถึง รปภ. รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง, รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร สิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วย Clubhouse, สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ยาว 41.5 เมตร และ Sunken Seat, ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง, สวนและต้นไม้รอบโครงการที่ค่อนข้างเยอะ ต้องใช้การดูแลตลอดเวลาให้อยู่ในสภาพดี สำหรับค่าส่วนกลาง 130 บาท/ตารางวา เป็นราคาที่เรียกว่าแพงได้เลยนะ แต่ถ้าเราต้องการคงทัศนียภาพสวยๆไว้ ก็เป็นค่าใช้จ่ายสมน้ำสมเนื้อเพื่อให้ความร่มรื่นอยู่กับเราไปนานๆค่ะ

 

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 12.9-29.9 ล้านบาท, 17 Nov, 2015 

เนื่องจากโครงการมีทาวน์โฮม 2 แบบ ซึ่งราคาค่อนข้างต่างกันมาก เราจึงขอแบ่งช่วงราคาเป็น 2 ช่วง โดยคะแนนของทั้งสอง Type นี้เราประเมินจากความคุ้มค่าของราคาที่จ่ายไป เพื่อนๆสามารถบวกลบคูณหารคะแนนในใจได้ด้วยตัวเองนะคะ 🙂

คะแนนสำหรับทาวน์โฮม The Mist (Type M) ราคา  12.9 – 20.5 ล้านบาท

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – ติดถนนยานนาวา (ตัดใหม่)
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – ระบบ Smart Pass Access, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, รั้วโครงการสูง 3 เมตร รั่วต่อเพิ่ม 2 เมตร และ CCTV รอบโครงการ
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.25/10 –ออกแบบได้สวย มีเอกลักษณ์ ตรง Concept
  • วัสดุ 7.5/10 –มาตรฐานของระดับนี้
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.5/10 –มีพื้นที่สีเขียวมาก เน้นการปลูกต้นไม้ใหญ่ และ การจัดสวนให้ โครงการร่มรื่น
  • สาธารณูปโภค 8.25/10 – Clubhouse, Fitness, สระว่ายน้ำ, สวนหย่อม
  • 7.87 / 10.00 

คะแนนสำหรับทาวน์โฮม The Green River (type L) ราคา 29.90 ล้านบาท (ส่วนลด 2 ล้านบาท)

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.50/10 –ติดถนนยานนาวา (ตัดใหม่)
  • ความปลอดภัย 7.5/10 –ระบบ Smart Pass Access, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, รั้วโครงการสูง 3 เมตร รั่วต่อเพิ่ม 2 เมตร และ CCTV รอบโครงการ
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 –Concept ดี มีเอกลักษณ์ พื้นที่ใช้สอยยืดหยุ่นได้ง่าย มีพื้นที่พิเศษหลังบ้านให้ออกไปใช้สระว่ายน้ำส่วนกลางได้สะดวกมาก
  • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้ค่อนไปทางดี,ระบบไฟฟ้า 3 เฟส, Home Automotion
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.25/10 –มีพื้นที่สีเขียวมาก เน้นการปลูกต้นไม้ใหญ่ และ การจัดสวนให้ โครงการร่มรื่น
  • สาธารณูปโภค 8.25/10 –Clubhouse, Fitness, สวนหย่อม,สระว่ายน้ำ ที่สามารถเดินไปใช้พื้นที่ได้แค่นั่งอยู่หลังบ้าน
  • 7.72 / 10.00 

 

BOTTOM LINE

Arden พระราม 3 เหมาะกับคนที่ชอบโครงการที่มีการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ และมีแบรนด์ ต้องการความสงบ ร่มรื่น และเป็นส่วนตัว ทำงานอยู่ในย่านพระราม 3 หรือใกล้เคียง อยากได้ทำเลที่เข้า-ออกเมืองง่าย ใกล้ทางด่วน เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก ทำเลดี หาของกินไม่ยากนัก  มีงบประมาณในการซื้อ 12.9-29.9 ล้านบาท   

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )