รีวิวฉบับที่ 1746 … สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาไปชม Pleno รามอินทรา เป็นโครงการแห่งที่ 3 จากตระกูล AP แล้วนะครับ ที่มาเปิดตัวในทำเลย่านรามอินทราในช่วงนี้ โครงการนี้เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น อยู่ในซอยกาญจนาภิเษก 6/1 ที่อยู่เลียบวงแหวนกาญจนาฯ เดินทางสะดวกเข้าออกเมืองง่าย ออกแบบส่วนกลางแบบ Universal Design เพื่อคนทุกช่วงวัย ตัวบ้านหน้ากว้าง 5.5 m. จอดรถได้ 2 คัน ดีไซน์ใหม่ สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันห้องชั้นบนได้ ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท

Fact @ 27 November 2018

  • Pleno Ramintra (พลีโน่ รามอินทรา)
  • บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
  • ECONOMY – MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : บางเขน
  • เนื้อที่โครงการ 29–1–27.8 ไร่ จำนวน 287 ยูนิต
  • ทาวน์โฮม 2 ชั้น Type A ที่ดิน 18.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 106.8 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • เพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 86,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : 16 มีนาคม 2561
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ธันวาคม 2563
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1623

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.860439, 100.673871

แผนที่จากทางโครงการครับ

โครงการ Pleno รามอินทรา ตั้งอยู่ในซอยกาญจนาภิเษก 6/1  ที่มีทางเข้าหลักมาจากถนนเลียบด่วนกาญจนาภิเษก หรือจะเข้าจากทางซอยคู้บอน 27 ก็ได้ครับ ซึ่งซอยคู้บอนโดยเฉพาะซอย 27 จะมีปัญหาน้ำท่วมขังอยู่บ่อยๆในช่วงฝนตกหนัก แต่ถนนก็ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงระบบระบายน้ำมาโดยตลอด ปัจจุบันเริ่มดีขึ้นตามลำดับแล้วล่ะครับ แม้จะเป็นทำเลชานเมืองกรุงเทพฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ แต่โดยทำเลที่ตั้งโครงการถือว่าสะดวกสำหรับรถยนต์มากๆนะ มีถนนรามอินทราเป็นถนนเส้นหลักเชื่อมต่อถนนสายต่างๆเข้าด้วยกัน รวมถึงมีทางด่วนให้ใช้ 2 สายคือ ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์หรือทางพิเศษฉลองรัช ที่ใช้วิ่งตรงเข้าเมืองไปลาดพร้าว พระราม 9 หรือจะออกเมืองไปสายไหม ลำลูกกาได้ และยังมีวงแหวนกาญจนาภิเษกที่วิ่งรอบนอกเข้าเมืองไปทางรามคำแหง บางนา พระราม 2 หรือจะออกเมืองไปเขตอุสาหกรรมอย่างบางปะอินก็ได้ และที่ขาดไม่ได้สำหรับจุดเด่นทำเลโครงการคือมีถนนเลียบด่วนกาญจนาภิเษกให้ได้ใช้เลี่ยงรถติดกันอีกด้วย สามารถใช้ไปขึ้นทางด่วนหรือจะไปห้างสรรพสินค้าอย่าง Fashion Island ได้ง่ายๆ ไม่ต้องเสี่ยงรถติดบนถนนรามอินทราเลยครับ

ความอุดมสมบูรณ์เรียกได้ว่ามีครบไม่แพ้ในตัวเมืองกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะบนถนนรามอินทราซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของย่านนี้ มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆอย่าง Fashion Island และ Promenade หรือตลาดนัดชื่อดังอย่างตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทราก็อยู่ไม่ไกล ซุปเปอร์มาร์เก็ต Big C, Lotus และตลาดต่างๆ ก็มีครบ แต่ถ้าพูดถึงแหล่งชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้โครงการมากที่สุดหรือจะเป็นทางผ่านกลับบ้านของหลายๆคน คงต้องยกให้ถนนคู้บอนซึ่งถือเป็นถนนอีกเส้นหนึ่งที่มีความสำคัญต่อทำเลนี้มาก เนื่องจากเป็นทำเลชุมชนที่ค่อนข้างคึกคักมากครับ มีร้านค้าร้านอาหาร ตลาด ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็ก อยู่เกือบตลาดทั้งเส้น เรียกได้ว่าหาของกินได้ไม่ยากเลยครับแต่ก็ต้องใช้รถอยู่ดีนะ

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ย่านนี้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็วคือการมาของรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-แจ้งวัฒนะ-มีนบุรี) ที่วิ่งผ่านถนนรามอินทรา โดยสถานีที่ใกล้โครงการที่สุดคือ สถานีคู้บอน ห่างจากโครงการประมาณ 3.3 กม. ซึ่งเป็นระยะที่ต้องต่อรถสาธารณะอย่างวินมอไซค์มาส่งอยู่ดีครับ แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการเข้าเมืองที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น สำหรับงานก่อสร้างนั้นคาดว่าจะเริ่มประมาณปลายปี 2560 และมีกำหนดแล้วเสร็จประมาณปี 2564 ครับ ทำให้ตอนนี้ถนนรามอินทรารถติดพอสมควรเลยล่ะครับ ถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จเร็วๆคงจะดีนะ

อย่างที่บอกว่าทำเลโครงการเด่นในเรื่องการใช้รถยนต์ เพราะใกล้ทางด่วนถึง 2 เส้นทาง โดยจุดแรกคือทางพิเศษฉลองรัช หรือที่ทุกคนเรียกกันติดปากสำหรับย่านนี้ว่า ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ สามารถเข้าเมืองได้โดยใช้เส้นทางจากถนนคู้บอน ตัดเข้าถนนรามอินทราเพื่อมาขึ้นทางด่วนในระยะทางประมาณ 7.6 km. จะเห็นได้ว่าช่วงถนนรามอินทรานั้นรถติดหนักมาก นอกจากจะเป็นถนนสายสำคัญของย่านอยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอีกด้วย เราจึงควรใช้ประโยชน์จากทำเลโครงการให้เป็นประโยชน์โดยจะแนะนำอีกเส้นทางในแผนที่ถัดไปครับ

ในเมื่อโครงการสามารถออกทางซอยกาญจนาภิเษก 6/1 ได้ จึงทำให้เราสามารถวิ่งเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษกเพื่อไปขึ้นด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ได้อีกจุดหนึ่งเช่นกัน อาจจะอ้อมสำหรับการเข้าเมืองไปสักหน่อย หรืออาจต้องเสียค่าทางด่วนอีกต่อหนึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยทีเดียวครับ

และที่ขาดไม่ได้คือจุดขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งมีจุดขึ้นอยู่บริเวณแถวๆหน้า Fashion Island โดยเราสามารถวิ่งเลียบวงแหวนกาญจนาฯมาได้เรื่อยๆ เพื่อมาลัดออกถนนรามอินทราบริเวณใกล้ๆจุดขึ้นวงแหวนได้โดยไม่ต้องเสี่ยงรถติดที่ถนนคู้บอนได้ในระยะทางประมาณ 6.2 km. ใช้เวลาประมาณ 16 นาทีเท่านั้นครับ

สำหรับการเดินทางมายังโครงการวันนี้ผมแนะนำมาจากถนนรามอินทราก็แล้วกันนะ วิ่งตรงมาเรื่อยๆมุ่งหน้ามาทางมีนบุรี แล้วจึงเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนคู้บอนที่แยกนวมินทร์ วิ่งตรงเข้ามาจนสุดทางจะมาเชื่อมต่อกับถนนเลียบด่วนกาญจนาฯ แล้วจึงเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยกาญจนาภิเษก 6/1 ขับเข้าซอยมานิดหน่อยก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือครับ

หรือจะเป็นอีกเส้นทางตามรอยประสีแดง โดยเราสามารถเลี้ยวซ้ายเข้าซอยคู้บอน 27 แล้วเลี้ยวขวาอีกทีที่ซอย 10 มีจุดสังเกตคืออยู่เยื้องๆกับเซเว่นในซอย โดยซอยนี้จะเป็นซอยที่เชื่อมต่อกับซอยกาญจนาภิเษก 6/1 ที่ใช้ไปยังโครงการได้ครับ ให้ขับผ่านชุมชนเสนาวิลล่ามาทางขวา แล้วจะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ซ้ายมือครับ

เอาล่ะ…เริ่มการเดินทางบนถนนรามอินทราให้มุ่งหน้าไปทางมีนบุรี โดยเส้นทางนี้จะแสดงให้เห็นได้ว่าเราสามารถมาจากหลักสี่หรือจะมาจากทางด่วนแล้วมาลงที่ถนนรามอินทราตรงนี้ก็จะมีจุดเริ่มต้นเหมือนๆกันครับ

ขับตรงมาเรื่อยๆ สังเกตป้ายบางกะปิ ให้เราเบี่ยงซ้ายเพื่อจะไม่ขึ้นสะพานนะครับ

พอเห็นป้ายบอกทางไปถนนคู้บอนก็ให้เราเลี้ยวซ้ายที่แยกนวมินทร์เข้าสู่ถนนคู้บอนได้เลย

เมื่อเลี้ยวเข้ามาถนนคู้บอนจะเห็นได้ว่าค่อนข้างคึกคักและอุดมสมบูรณ์มากๆอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้จริงๆนะ มีทั้งเซเว่น ตลาด ร้านค้าร้านอาหาร Big C Market เต็มไปหมดเลย ให้เราขับตรงไปเรื่อยๆเลยครับ

ขับมาจนสุดทางจะเป็นทางเชื่อมต่อกับถนนเลียบด่วนกาญจนาภิเษก ให้เราเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางได้เลยครับ

ขับตรงมาเรื่อยๆ ให้สังเกตโครงการคอนโดสัมมากรที่อยู่ทางซ้ายมือนะ แสดงว่าเราใกล้ถึงซอยเป้าหมายแล้วครับ ให้เตรียมตัวชลอนะ เพราะเส้นทางนี้มีจุดสังเกตค่อนข้างน้อยครับ เดี๋ยวขับเลยจะกลับรถลำบาก

เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยกาญจนาภิเษก 6/1 เลยครับ เห็นมั๊ยว่าหน้าปากซอยไม่มีป้ายหรือจุดสังเกตอื่นๆเลย ต้องดูแผนที่กันดีๆหน่อยนะครับ เมื่อเข้ามาในซอยแล้วก็ให้ขับตรงเข้าไปตามทางเรื่อยๆประมาณ 350 m. ก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือเมื่อผ่านโค้งที่ 2 ไปครับ

บริบทโดยรอบของโครงการเป็นชุมชนแนวราบหมู่บ้านจัดสรรที่ค่อนข้างเงียบสงบเหมาะแก่การอยู่อาศัย สามารถสรุปได้ดังนี้ครับ

  • ทิศเหนือ ติดกับบ้านที่อยู่อาศัย 1-2 ชั้น
  • ทิศใต้ ติดกับซอยกาญจนาภิเษก 6/1 เป็นทางเข้าหลักโครงการ ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ว่าง
  • ทิศตะวันออก ติดกับหมู่บ้าน Pruksa Ville 89
  • ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านที่อยู่อาศัย 1-2 ชั้น

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • รร.วัดคู้บอน ~ 1.8 km.
  • Honda R&D Asia Pacific ~ 2.7 km.
  • Big C Market คู้บอน ~ 3.2 km.
  • ตลาดสายเนตร ~ 3.6 km.
  • The Promenade ~ 5 km.
  • Fashion Island ~ 5.1 km.
  • รพ.พญาไท นวมินทร์ ~ 5.4 km.
  • รพ.สินแพทย์ ~ 5.8 km.
  • Tesco Lotus สุขาภิบาล 1 ~ 5.8 km.
  • รร.นวมินทราชินูทิศ ~ 5.9 km.
  • รร.วัดพระยาสุเรนทร์ ~ 6.2 km.
  • ตลาดน้ำพระยาสุเรนทร์ ~ 6.3 km.
  • ซาฟารีเวิลด์ ~ 6.3 km.
  • ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา ~ 6.6 km.
  • รพ.นพรัตน์ ~ 7.2 km.
  • สวนสยาม ~ 8 km.
  • The Walk เกษตร-นวมินทร์ ~ 10 km.
  • ตลาดถนอมมิตร ~ 10.1 km.
  • Plearnary Mall ~ 10.3 km.
  • รพ.สายไหม ~ 10.8 km.
  • Western University ~ 11.2 km.
  • Chocolate Ville ~ 11.3 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูผังโครงการกันดีกว่าครับ Pleno รามอินทรา เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 287 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 29–1–27.8 ไร่ โดยทางเข้าโครงการจะมีถนนตรงยาวเข้ามาอีกประมาณ 50 m. จึงจะเจอกับซุ้มประตูทางเข้าหรือ Main Gate เมื่อผ่านเข้ามาแล้วก็ยังไม่เจอส่วนพักอาศัย แต่ยังคงเป็นถนนขนาด 16 m. และสวนยาวตลอดแนว 2 ข้างทาง จนกว่าจะเจอทางโค้งแล้วจะเริ่มเข้าสู่ส่วนพักอาศัย ทางเข้าลักษณะแบบนี้นอกจากช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ปรับอารมณ์ของผู้พักอาศัย และใช้เป็นส่วนต้อนรับได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัย เพิ่มภาพลักษณ์ของโครงการให้ดูดีมากขึ้นเหมือนกับโครงการบ้านราคาแพงๆ

ผังโครงการวางแบบง่ายๆ โดยมีวงเวียนต้นไม้เป็นตัวเบรคอารมณ์และแจกไปยังซอยย่อยต่างๆของโครงการ มีสวนส่วนกลางกับอาคาร Clubhouse อยู่ตรงกลางและมีถนนอยู่ล้อมรอบง่ายต่อการเข้าถึง ซึ่งโครงการก็คำนึงถึงจุดเด่นในส่วนนี้โดยหันหน้าบ้านในแปลงสีแดงที่ผมทำเอาไว้ให้หันหน้าออกมารับวิวสวนได้เต็มๆ เพิ่มมุมมองและเพิ่ม Value ให้แก่ตัวบ้านหลังนั้นๆได้ดีทีเดียวครับ ซึ่งในผังส่วนเฟสต่อไปที่ยังปิดเอาไว้อยู่ก็คาดว่าจะมีการจัดผังในลักษณะเดียวกัน เหมาะกับคนชอบใช้พื้นที่ส่วนกลางบ่อยๆ หรืออยาก Take View สวนได้จากในตัวบ้าน ส่วนยูนิตที่อยู่ด้านในโครงการก็ไม่ต้องน้อยใจนะ เพราะจะได้ความเป็นส่วนตัวไปเต็มๆ ถ้าอยากใช้ส่วนกลางเมื่อไหร่ก็แค่เดินออกมา หรือจะขับรถมาก็ได้เพราะมีที่จอดรถที่อาคาร Clubhouse ไว้คอยบริการอยู่แล้วครับ บ้านพักหลังอื่นๆส่วนมากจะหันหน้าไปทางทิศเหนือ-ใต้ โดยทิศเหนือแดดจะไม่ร้อน ส่วนทิศใต้ก็จะได้ลมดีตลอดวัน

มาเริ่มที่ทางเข้าโครงการกันเลยครับ ก่อนจะถึงซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้าโครงการจะมีถนนตรงเข้ามาประมาณ 50 m. และจัดพื้นที่ด้านข้างทำเป็นสวนสำหรับต้อนรับ(landscape link) ซึ่งในอนาคตจะมีต้นไม้มาลงเพิ่มและต้นไม้จะเติบโตให้ร่มเงาสวยงามมากกว่านี้อีกครับ ข้อดีของการทำทางเข้าลักษณะนี้คือช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ความเป็นส่วนตัว และเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีให้กับโครงการมากยิ่งขึ้น

ซุ้มประตูทางเข้าออกแบบสอดคล้องกับ Concept โครงการ Gems of Living คือมีลักษณะคล้ายรูปทรงของเพชรหรืออัญมณีแบบ Modern สะท้อนความล้ำค่าของการอยู่อาศัย เน้นความสวยงามและเรียบหรูไม่แพ้โครงการระดับ Luxury เลยทีเดียว

ประตูทางเข้าแยกออกเป็น 2 ส่วน โดยมีประตูทางเข้าคนเดินอยู่ทางซ้ายสุด และมีประตูเลื่อนไฟฟ้าแบบ 2 ตอน ที่ เปิด-ปิด ด้วยระบบ RFID หรือ Easy pass ข้อดีคือสามารถขับผ่านได้เลยโดยไม่ต้องเปิดประตูกระจกออกมาแตะบัตรตากแดดตากฝนในวันที่อากาศไม่เป็นใจ นอกจากนี้ยังมี CCTV ในส่วน Main Gate อีก 2 จุด คอยตรวจจับใบหน้าคนขับและป้ายทะเบียนรถ รวมถึงมี รปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชม. อีกด้วย

เมื่อผ่านซุมประตูทางเข้ามาภายในจะยังไม่เจอส่วนพักอาศัยหรือพื้นที่ส่วนกลางนะครับ ยังคงเป็นสวนต้อนรับยาวต่อเนื่องก่อนจะเลี้ยวซ้ายไปยังส่วนพักอาศัยที่แท้จริง อาจดูเข้ามาลึกแต่มันมีข้อดีคือช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวได้มากเลยทีเดียวนะ เพราะคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนมากใช้รถกันอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวงเรื่องระยะทางในโครงการนักหรอกครับ ส่วนบริเวณตรงนี้ผมว่าทำดีตรงที่เสาไฟส่องสว่างใช้ระบบเดินสายไฟใต้ดินซึ่งปกติเรามักจะเห็นเขาใช้กันเฉพาะโครงการแพงๆเท่านั้น จึงทำให้ภาพลักษณ์ที่ออกมาค่อนข้างดูดีและสะอาดตามากเลยทีเดียวครับ

เมื่อเลี้ยวซ้ายมาเราก็จะเจอกับอาคารพักอาศัยส่วนแรกที่มี Sale Gallery พร้อมบ้านตัวอย่างอยู่ทางซ้ายมือ ให้หาที่จอดกันได้ตามอัธยาศัยเลยครับ และถ้าใครอยากเยี่ยมชมบริเวณโดยรอบโครงการก็จะมีรถกอล์ฟไว้คอยบริการด้วยนะ

ถัดจาก Sale Gallery และบ้านตัวอย่างเข้ามาด้านในจะมีวงเวียนต้นไม้เพื่อใช้วนรถหรือแยกไปยังซอยย่อยต่างๆของโครงการได้สะดวก ถัดไปด้านในจะมองเห็นสวนส่วนกลางด้วยครับ โดยหน้างานปัจจุบันวันที่ไปถ่ายรีวิวจะมีพื้นที่บางส่วนปิดเอาไว้สำหรับการก่อสร้างอยู่นะ

พื้นที่ส่วนกลางมีสวนขนาดมากกว่า 1 ไร่ ออกแบบด้วยหลัก Universal Design เพื่อให้เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย จะสังเกตได้จากพื้นที่ทางลาดต่างๆในสวนที่สามารถใช้รถเข็นได้ โดย ณ วันที่ไปถ่ายรีวิวนั้นหน้างานสร้างแล้วเสร็จประมาณ 70% ครับ เมื่อสร้างเสร็จจริงจะมีการลงต้นไม้เพิ่มความเขียวขจีและความร่มรื่น และเพิ่มแสงไฟตามแนวต้นไม้หรือแนวหินประดับต่างๆ ซึ่งถ้าเป็นช่วงเวลากลางคืนคงจะสวยงามน่าดู ต้องรอดูตอนสร้างเสร็จนะครับว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

ใกล้ๆกับอาคาร Clubhouse มีมุมสนามเด็กเล่นเล็กๆที่ปูพื้นยางช่วยป้องกันอันตรายจากการหกล้มของเด็กๆหรือผู้สูงอายุได้บ้าง โดยตำแหน่งของฟังก์ชันนี้จะอยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำหรือที่นั่งพักผ่อนข้างสระที่ผู้ปกครองสามารถนั่งเฝ้าบุตรหลานของตนให้อยู่ในสายตาเพื่อความปลอดภัยได้ตลอดเวลา และถ้าพื้นที่ส่วนนี้สร้างเสร็จจะมีที่ปีนผาจำลองเล็กๆให้เด็กๆได้เล่นกันเพิ่มเติมด้วยครับ

ตัวอาคาร Clubhouse ออกแบบสอดคล้องกับ Concept โครงการ และซุ้มประตูทางเข้า คือ Gems of Living ลักษณะอาคารคล้ายรูปตรงเพชรหรืออัญมณีแบบ Modern สะท้อนความล้ำค่าและความหรูหราของโครงการได้เป็นอย่างดี เป็นอาคาร 2 ชั้นสีส้มเพิ่มความโดดเด่นและดูโปร่งโล่งน่ามานั่งรับลมมากครับ

มาดูด้านหน้าอาคารอีกมุมหนึ่งกันบ้าง ทางเข้าอาคารเป็นบันไดยก step ขึ้นไปด้านบน แต่ความจริงแล้วด้านขวาของอาคารจะเป็นพื้นที่จอดรถได้ประมาณ 2 – 3 คัน และยังมีที่จอดรถสำหรับผู้สูงอายุหรือคนพิการได้อีกด้วย โดยทางด้านหลังอาคารจะมีทางลาดสำหรับเข็นรถด้วยครับ เป็นการออกแบบอาคารให้สอดคล้องกับ Universal Design ของพื้นที่สวนได้เป็นอย่างดี

โถงต้อนรับเป็นแบบฝ้าเพดานสูงเพิ่มความโปร่งโล่งและดูโอ่โถงมากขึ้น มีบันไดเดินเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนกลางด้านบนได้ ซึ่งผู้สูงอายุหรือผู้พิการที่ใช้รถเข็นอาจขึ้นมาได้แค่ชั้นนี้เท่านั้น ไม่สามารถขึ้นไปชั้นบนได้นะครับ

เดินตรงต่อมาจะมีโถงทางเดินแจกไปยังส่วนต่างๆของชั้นนี้ โดยด้านซ้ายเป็นสระว่ายน้ำ ด้านขวาเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง และทางด้านหลังเป็นทางลาดที่เชื่อมต่อไปยังส่วนจอดรถข้างอาคารได้ครับ

ภายในห้องน้ำก็มาตรฐานทั่วไปครับ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ โถสุขภัณฑ์ แต่ไม่มีตู้ล็อคเกอร์ให้นะ

มาดูทางซ้ายซึ่งเป็น Facilities หลักของชั้นนี้กันบ้าง โดยสระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ ขนาดประมาณ 6.2 x 15.9 m. เวลาว่ายน้ำอยู่ก็จะ Take View สวนที่อยู่ด้านข้างได้ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นถนนและฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย ซึ่งตอนนี้โครงการยังลงต้นไม้ไม่ครบ ต้องรอดูว่าจะลงต้นไม้ประมาณไหนครับ แต่ถ้าจะให้ผมแนะนำก็ควรมีแนวต้นไม้คั่นทางด้านซ้ายสักหน่อย เพื่อความเป็นส่วนตัวของทั้งคนใช้งานสระว่ายน้ำและคนที่อาศัยอยู่ในบ้านฝั่งตรงข้ามครับ

สระว่ายน้ำนี้มีพื้นที่นั่งพักผ่อนอยู่ใต้ชายคาทางด้านขวา ซึ่งช่วยกันแดดกันฝนได้อยู่บ้าง มี Daybed อยู่ประมาณ 4 ตัว หันหน้าออกไปทางสระ ถนน และบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามครับ

สำหรับสระว่ายน้ำนี้จะมี Jacuzzi และสระเด็กอยู่ด้วยครับ โดยสระเด็กจะอยู่ส่วนปลายสุดของสระ ใกล้กับพื้นที่สนามเด็กเล่นในสวน เป็นส่วนฟังก์ชันที่เชื่อมต่อกันดีครับ

ขึ้นมาชั้นบนกันบ้าง จะมีห้องกระจกแยกออกเป็น 3 ฟังก์ชันคือ Fitness, ห้องนิติบุคคล และพื้นที่ระเบียงสำหรับใช้เป็นจุดชมวิวหรือนั่งพักผ่อนได้ครับ โดยในวันนี้จะพาไปดูส่วนของ Fitness ก่อนนะ เพราะอีก 2 ห้องทางด้านขวายังไม่เสร็จดีครับ ถ้าจัดเสร็จแล้วจะมาอัพเดทให้เพื่อนๆได้เห็นกันนะ

ภายในห้อง Fitness จะมีเครื่องเล่นอยู่ประมาณ 4 – 5 ชิ้น และในอนาคตอาจมีเพิ่มเติมได้อีกครับ ผนังทั้ง 2 ด้านเป็นกระจกเพิ่มความโปร่งโล่ง ออกกำลังกายไปก็ชมวิวโดยรอบไปได้ด้วย ถ้าวันไหนอากาศดีๆก็สามารถเปิดหน้าต่างบานกระทุ้งรับลมได้ทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งจะทำให้ลม Flow ได้ดีครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6.2 x 15.9 เมตร
  • สระเด็ก ขนาด 2.2 x 3.65 เมตร
  • Jacuzzi
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • ห้องนิติบุคคล
  • ระเบียงจุดชมวิว
  • สวนสาธารณะ 1 ไร่กว่า
  • Wi-Fi free ที่คลับเฮาส์
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate 2 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
  • Key Card Access ระยะไกล ( Easy pass)
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ เลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน
  • ถนนหลักกว้าง 16 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.


Product Walkthrough

มาเริ่มเข้าสู่ตัวบ้านกันเลยครับ โครงการนี้มีแบบบ้านแค่แบบเดียวนะคือทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาด 17.5 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 106 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ โดยพื้นที่ชั้นล่างเป็น Common area และส่วนใช้งานสำหรับทุกคนภายในบ้าน ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น พื้นที่ทานอาหาร ครัวเปิดที่ไม่สามารถกั้นห้องได้ และลานซักล้างที่อยู่ด้านหลัง มีห้องน้ำและบันไดทางขึ้นชั้น 2 อีกฝั่งของตัวบ้าน

ขึ้นมาชั้น 2 จะมีห้องนอนแยกออกเป็น 3 ห้อง และมีห้องน้ำซึ่งใช้งานร่วมกันอยู่ตรงกลาง ห้อง Master Bedroom จะอยู่ทางด้านหน้าของตัวบ้าน มีระเบียงไว้วาง Condensing unit แต่ไม่สามารถออกไปใช้งานได้ เน้นพื้นที่ใช้สอยในตัวบ้านมากกว่า ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องที่อยู่ทางหลังบ้านมีขนาดใกล้เคียงกัน โดยที่ผนังตรงกลางห้องมีฟังก์ชันสามารถทุบเพื่อเชื่อมต่อให้กลายเป็นห้องขนาดใหญ่ได้ด้วย บ้านแบบนี้จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง มีสมาชิก 3 – 4 คน เน้นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ชั้นล่างเพื่อใช้งานร่วมกัน และมีพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคนอยู่ชั้นบน แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนขนาดฟังก์ชันได้ตามต้องการ

จะพามาดูแบบบ้านมาตรฐานกันก่อนนะ เพราะจะได้เห็นหน้าบ้านของจริงว่ามีอะไรบ้าง หน้าตาของตัวบ้านจะเป็นทรง Modern ใช้สีขาว-เทา ประตูรั้วหน้าบานเป็นรั้วเหล็กเตี้ยแบบบานเฟี้ยมพับออกทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อประหยัดพื้นที่ในการเปิดประตู มีกล่องจดหมายและสัญญาณกริ่งติดตั้งให้พร้อมใช้งาน

หน้าบานแบบมาตรฐานกว้าง 5.5 m. สามารถจอดรถได้ 2 คัน พื้นที่จอดรถเป็นคอนกรีต Slab on Ground ซึ่งจะเป็นคนละโครงสร้างกันกับตัวบ้าน และที่ฝ้าเพดานจะมีไฟซาลาเปามาให้อีก 1 ดวง

ก่อนเข้าบานจะมี step บันไดยกสูงขึ้นมา 1 ขั้น เพื่อที่ว่าจะช่วยป้องกันสิ่งสกปรกหรือน้ำกระเด็นเข้าบ้านเวลาล้างทำความสะอาดหน้าบ้าน หรือจะเอาไว้วางรองเท้า จะนั่งใส่-ถอดรองเท้าก็ได้เหมือนกัน โดยเตรียมก๊อกน้ำและปลั๊กไฟไว้เผื่อใช้งานทั้งด้านซ้ายและขวา รวมถึงทำรางน้ำโดยรอบสำหรับระบายน้ำไว้แล้วอีกด้วย

กลับมาที่บ้านตัวอย่างกันครับ ประตูทางเข้าจะเป็นกระจกบานเลื่อนแบบ 2 ตอน ซึ่งทางด้านขวาสุดจะเป็นบาน Fix ทำหน้าที่เป็นช่องแสง นำแสงเข้ามาในบ้านเพิ่นขึ้น กรอบประตูเป็นอลูมิเนียมทำสี และกระจกเขียวตัดแสง

ที่เปิดประตูเป็นด้ามจับอันใหญ่ทำให้เปิดได้สะดวก สามารถล็อคด้วยรูกุญแจหรือปลดล็อคได้จากด้านใน พร้อมมีแถบผ้ากำมะหยี่ช่วยป้องกันฝุ่นและแมลงได้ด้วย

พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างครับ เป็น Common area เชื่อมต่อกันระหว่างห้องนั่งเล่น โต๊ะทานอาหาร และครัวแบบเปิด จึงทำให้ได้พื้นที่ขนาดใหญ่แบบเปิดโล่งแบบนี้ พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ฝ้าเพดานสูง 2.7 m. โดยฝ้าของจริงจะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีเรียบธรรมดา และได้ไฟเป็นโคมซาลาเปานะ

ระยะดูทีวีค่อนข้างกว้างมากครับ ประมาณ 4 m. ทำให้สามารถใช้ทีวีจอใหญ่ๆขนาด 50 – 60 นิ้วได้เลยทีเดียว และยังมีพื้นที่ด้านหน้าเหลือสามารถวางโต๊ะกลางและยังมีทางเดินให้เดินผ่านได้สบาย

ติดกันเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารซึ่งอยู่ติดกับส่วนครัว ชอบตรงทางด้านขวามีประตูกระจกบานเลื่อนอีกชุดหนึ่งที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียงข้างบ้านได้ (สำหรับแปลงมุมนะครับ) ซึ่งจะทำให้มีความโปร่งโล่งมากขึ้น แต่ระเบียงข้างบ้านนั้นโครงการจะไม่ต่อเติมให้นะ ถ้าออกไปก็จะเป็นพื้นสวนหรือหญ้าเลย แต่ถ้าเป็นแปลงมาตรฐานก็จะสามารถเลื่อนโต๊ะให้ชิดผนังด้านขวาไปได้เลยครับ ทางเดินทางด้านซ้ายจะได้กว้างๆ เดินได้สะดวก

ระยะทำครัววัดจากเคาน์เตอร์ถึงเก้าอี้ประมาณ 60 – 70 cm. สามารถใช้งานได้สะดวก โดยในส่วนของเคาน์เตอร์นั้นเราจะไม่ได้นะ จะเป็นพื้นที่โล่งๆซึ่งโครงการจะต่อท่อน้ำเอาไว้เผื่อต่อเติมไว้ให้ครับ ข้อเสียของส่วนนี้คือไม่สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ครับ ถึงแม้จะกั้นได้แต่ก็อาจทำให้สูญเสียพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารไปนะ หรืออาจจะเหลือแค่โต๊ะแบบ 2 ที่นั่ง หันหน้าเข้าผนังครัวอะไรแบบนั้น เพราะฉะนั้นพื้นที่ตรงนี้อาจเหมาะแค่เป็นส่วนเตรียมอาหารเบาๆ หรือจะไว้ล้างจาน เก็บของก็ได้ครับ ถ้าจะทำครัวจริงจังก็แนะนำให้ทำครัวไทยด้านนอกแทนจะดีกว่า

อีกจุดหนึ่งที่ชอบคือหน้าต่างกระจกบานเลื่อนนี้ สามารถเปิดระบานอากาศได้ ไม่เพียงแต่จะไว้ระบายส่วนครัวเท่านั้น แต่รวมถึงสามารถทำให้เกิดอากาศถ่ายเทภายในพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดได้อีกด้วย ถ้าเราเปิดประตูหน้าบานไว้ลมนะ ลม flow แน่นอน ด้านขวามีพื้นที่ว่างอยู่ Built เพิ่มไปครับ หรือหาชั้นมาวางของเก็บจานชามได้อีกเยอะ

ส่วนทางด้านซ้ายจะมีทางเข้าห้องน้ำ และมีประตูสามารถเปิดออกไปหลังบ้านได้ ซึ่งบ้านตัวอย่าง Built ปิดไว้ดูเรียบร้อยดี เอาไว้เป็นไอเดียแต่งบ้านได้นะครับ

ภายในห้องน้ำเราจะได้ตามนี้เลยครับ มีการแยกฟังก์ชันส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนดี

พื้นที่ส่วนแห้งขนาดประมาณ 1.6 x 1.2 m. พื้นลดระดับลงมาจากตัวบ้านประมาณ 5 cm. เพื่อป้องกันน้ำไหลออกไปเวลาล้างทำความสะอาด

อ่างล้างหน้าของ American Standard ขนาดประมาณ 45 x 50 cm. มีพื้นที่ด้านหลังวางของได้นิดหน่อย หรือจะวางบนขอบผนังที่กว้างประมาณ 10 cm. ก็ได้

ติดกันมีโถสุขภัณฑ์ของ American Standard เช่นกัน พร้อมสายฉีดและที่แขวนกระดาษชำระมาให้ในตัว

ด้านในสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำ ขนาดประมาณ 0.8 x 1.2 m. สามารถใช้งานได้สะดวก มีขอบธรณียกสูงขึ้นมา 5 cm. ป้องกันน้ำไหลซึมมาอีกฝั่งได้ ไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะ ถ้าไม่อยากให้ห้องน้ำเปียกทั้งหมดก็สามารถไปหามาติดเพิ่มเองได้เลย

ที่ผนังติดตั้ง Hand Shower มาให้พร้อมใช้งาน ก๊อกน้ำแบบก้านโยกใช้งานปรับความแรงสายน้ำได้สะดวกแม้ตอนที่มือจะกำลังเลอะสบู่ก็ตาม แต่สำหรับใครที่คิดจะติดฉากกั้นเพิ่มก็แนะนำให้ติดที่วางสบู่เพิ่มด้านในด้วยนะครับ เพราะในความเป็นจริงแล้วเราจะไม่สามารถวางตรงขอบแบบบ้านตัวอย่างแล้วเปิดประตูเอื้อมออกมาหยิบได้หรอกนะ แต่ถ้าใครไม่ติดเพิ่มก็สามารถวางที่ขอบผนังก็น่าจะโอเคแล้วครับ

ที่ผนังอีกด้านหนึ่งมีช่องหน้าต่างบาน Fix ที่ช่วยดึงแสงเข้ามาและสามารถระบายอากาศได้ แต่ข้อเสียคือเป็บรูปแบบเก่าที่ไม่สามารถเปิด-ปิดได้ตามที่เราต้องการครับ ส่วนฝ้าเพดานจะได้โคมซาลาเปา 2 ดวงแบบนี้นะ

ต่อไปคือประตูที่เปิดออกไปทางลานซักล้างด้านหลังบ้าน

ผมมาถ่ายบ้านแบบมาตรฐานมาให้ดู ซึ่งของจริงหลังบ้านจะกว้างประมาณ 2 m. หรืออาจมากกว่านั้นแล้วแต่ตำแหน่งของแปลงครับ โดยด้านหลังนี้เราจะสามารถต่อเติมเป็นครัวไทยเพื่อทำอาหารจริงจังได้ แต่อาจต้องปูพื้นและทำกันสาดเพิ่มเติมเพราะทางโครงการจะไม่ได้ต่อเติมอะไรไว้ให้ จะมีก็แต่แทงค์น้ำอันนี้แหละครับที่จะแถมมาให้ด้วย

บันไดทางขึ้นชั้น 2 จะอยู่ทางด้านหน้าของตัวบ้าน ผมมองว่าดีเพราะถ้าเรากลับบ้านมาเหนื่อยๆแล้วอยากตรงดิ่งขึ้นห้องอาบน้ำทันที ก็จะได้ไม่ต้องเดินผ่านหน้าจอทีวีให้กวนใจคนในบ้านที่กำลังดูอยู่ ส่วนใต้บันไดจะมีห้องเก็บของเล็กๆซ่อนอยู่ด้วยครับ

ซึ่งผมถ่ายภาพจากบ้านมาตรฐานมาให้ดูด้วย ภายในก็สามารถเก็บของได้ประมาณนี้ครับ

ส่วนบันไดบ้านเป็นโครงสร้างเหล็ก Top ด้านบนเป็นไม้ยางพารา ลูกตั้ง 29 cm. ลูกนอน 25 cm. มีราวเหล็กสูง 90 cm. บันไดนี้ต้องระมัดระวังในการใช้งานอยู่ 2 จุด จุดแรกคือไม่มีชานพัก(ไม่ใช้ชานพักแบบเต็มชิ้น) แต่จะมีขั้นบันไดอยู่ด้วย ส่วนจุดที่สองคือผนังด้านบนไม่มีช่องแสงทำให้โถงบันไดค่อนข้างมืดถ้าไม่เปิดไฟ และไฟที่ได้ในส่วนนี้ก็จะเป็นโคมซาลาเปา 1 ดวงนะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมีโถงบันไดที่แจกไปยังห้องต่างๆ ประกอบด้วยห้องนอน 2 ห้องทางด้านซ้ายมือที่อยู่ฝั่งด้านหลังของตัวบ้าน มีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง และห้อง Master Bedroom ทางด้านขวาที่อยู่ด้านหน้าของตัวบ้าน โดยพื้นชั้น 2 นี้จะเปลี่ยนเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 mm. ทั้งหมดครับ

มาเริ่มที่ห้องใหญ่สุดก่อนแล้วกัน ห้อง Master Bedroom ภายในค่อนข้างกว้างขวาง สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต ไว้กลางห้องได้ แล้วยังมีพื้นที่เหลือโดยรอบสามารถใช้งานได้สะดวก

ทางด้านซ้ายเหลือกว้าง 55 cm. ส่วนทางด้านขวากว้างถึง 1.25 m. สามารถจัดเป็นพื้นที่อเนกประสงค์พักผ่อนข้างเตียง โต๊ะทำงานอ่านหนังสือ หรือโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้

ทางด้านซ้ายของเตียงเป็นช่องหน้าต่างกระจก โดยชุดทางด้านซ้ายสุดหลังโต๊ะเครื่องแป้งจะเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ส่วนทางด้านขวาฝั่งของเตียงนอนจะแยกออกเป็นบาน Fix 1 บานอยู่ตรงกลาง และมีชุดบานเลื่อนอีกชุดหนึ่งทางด้านขวาสุด ซึ่งของจริงหน้าต่างจะต้องเห็นกว้างกว่านี้ครับ แต่มีผนังหัวเตียงที่บ้านตัวอย่าง Built in บังเอาไว้

ส่วนปลายเตียงตรงประตูทางเข้าจะมีพื้นที่เว้าเข้าไปอีกประมาณ 65 cm. สามารถ Built เป็นตู้หรือชั้นวางของเพิ่มเติมได้ จะติดทีวีก็ยังได้ครับ และพื้นที่ทางด้านซ้ายก็สามารถทำเป็นตู้เสื้อผ้า มีพื้นที่แต่งตัวเหลือเฟือ แล้วยังติดกับหน้าต่างได้แสงธรรมชาติช่วยส่องเข้ามาเวลาแต่งตัวได้อีกด้วย

และอีกอย่างหนึ่งคือผนังด้านบนที่ Built ตู้เสื้อผ้านั้น ของจริงจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU แถมมาให้ในตำแหน่งนี้ด้วยครับ หมายความว่าเราอาจไม่สามารถ Built ตู้เต็มผนังได้ หรือถ้าจะทำก็ต้องแจ้งโครงการล่วงหน้าที่จะไม่ติดเครื่องปรับอากาศตรงนี้ แล้วนำไปติดเองที่ตำแหน่งอื่นได้ครับ

ทางเดินปลายเตียงกว้างถึง 1.5 m. สามารถเดินผ่านได้สบายๆ ส่วนพื้นที่แต่งตัวมีขนาดประมาณ 1.7 x 1.5 m. แนะนำว่าโต๊ะเครื่องแป้งถ้าจะวางก็ไม่ควรวางทางด้านขวานะครับ เพราะนอกจากจะบังวิวหน้าต่าง บังแสงแล้ว ยังย้อนแสงอีกด้วย จะแต่งหน้าได้ลำบากนะสาวๆ

ฝั่งตรงข้ามมีห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องครับ เริ่มที่ห้องทางด้านซ้ายที่อยู่ติดกับบันไดกันก่อน ภายในจัดเป็นห้องทำงานไม่ใช่ห้องนอน มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อน 1 ชุด ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและสามารถเปิดระบายอากาศได้

พื้นที่ภายในห้องมีขนาดประมาณ 2.5 x 2.85 m. ซึ่งก็เพียงพอที่จะสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้าได้ครับ

ติดกันเป็นห้องนอนเล็กอีกห้อง ที่ภายในจัดเป็นห้องอเนกประสงค์ ถ้าเป็นบ้านแปลงมาตรฐานผนังด้านขวาจะไม่มีหน้าต่างนะ

พื้นที่ภายในห้องนี้มีขนาด 2.5 x 2.4 m. สามารถทำเป็นห้องนอนได้เช่นกัน และอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการนี้ที่ได้รับการพัฒนามาจากรุ่นพี่คือ ผนังที่กั้นระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 เป็น Solid Wall ซึ่งมันก็คือผนังทึบทั่วไปเนี่ยแหละครับ แต่สามารถทุบออกเพื่อเชื่อมต่อห้องทั้ง 2 ให้กลายเป็นห้องนอนเดียวที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้นได้ ต่างจากผนังส่วนอื่นๆของตัวบ้านที่เป็นผนัง Precast หรือผนังรับแรง ไม่สามารถทุบผนังออกได้ครับ โดยลูกบ้านจะต้องทำเองนะ โครงการไม่ได้มีบริการเอาผนังออกให้เน้อ

ส่วนสุดท้ายเป็นห้องน้ำ ซึ่งใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนทั้ง 3 ห้อง และมีขนาดหรือฟังก์ชันเหมือนกับห้องด้านล่างเลยครับ

พื้นที่ส่วนเปียกขนาด 1.2 x 1.6 m. และมีอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ของ American Standard มาให้พร้อมใช้งานเช่นเคย

ส่วนพื้นที่อาบน้ำก็มีขนาด 1.2 x 0.8 m. ธรณีสูง 5 cm. ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้เหมือนห้องชั้นล่างนั่นแหละครับ ห้องนี้กั้นมาให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น

มีจุดที่แตกต่างนิดหน่อยกับห้องชั้นล่างไม่ใช่ตัว Hand Shower แต่เป็น Junction box ที่มีให้เฉพาะชั้น 2 เท่านั้น ไว้ต่อเครื่องทำน้ำอุ่นได้ครับ

มีช่องหน้าต่างบาน Fix เหมือนกัน และได้โคมไฟซาลาเปาแบบนี้ 2 ดวงครับ

ส่วนหน้าตาของสวิตซ์และปลั๊กไฟของจริงจะเป็นแบบนี้ครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 27 November 2018

  • TH ยูนิต AF4 พื้นที่ใช้สอย 106.8 ตร.ม. ที่ดิน 19.9 ตร.วา ราคา 2.79 ล้านบาท
  • TH ยูนิต AJ1 พื้นที่ใช้สอย 106.8 ตร.ม. ที่ดิน 20.3 ตร.วา ราคา 2.89 ล้านบาท
  • TH ยูนิต AG1 พื้นที่ใช้สอย 106.8 ตร.ม. ที่ดิน 27.6 ตร.วา ราคา 3.39 ล้านบาท
  • TH ยูนิต AJ3 พื้นที่ใช้สอย 106.8 ตร.ม. ที่ดิน 29.7 ตร.วา ราคา 3.69 ล้านบาท
  • TH ยูนิต AG7 พื้นที่ใช้สอย 106.8 ตร.ม. ที่ดิน 33.6 ตร.วา ราคา 3.99 ล้านบาท

  • จองและทำสัญญา 10,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 86,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 51 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • โปรโมชั่น : เครื่องปรับอากาศ Samsung 12,000 BTU, ปั้ม แทงค์น้ำ, ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง – โครงการ Pleno รามอินทรา ตั้งอยู่ในซอยกาญจนาภิเษก 6/1  ที่มีทางเข้าหลักมาจากถนนเลียบด่วนกาญจนาภิเษก หรือจะเข้าจากทางซอยคู้บอน 27 ก็ได้ โดยทำเลถือว่าสะดวกสำหรับรถยนต์มากๆ ใกล้ทางด่วน 2 สายคือ ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์หรือทางพิเศษฉลองรัช และวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งก็มีถนนเลียบด่วนกาญจนาให้ใช้เลี่ยงรถติดบนถนนรามอินทราได้ดีทีเดียว แต่เรื่องความอุดมสมบูรณ์จะไปคึกคักในซอยคู้บอนซะส่วนใหญ่ หรือจะเป็นข้างร้านและตลาดใหญ่ๆก็จะอยู่บนถนนรามอินทราซึ่งก็ต้องใช้รถยนต์เดินทางเป็นหลัก นอกจากนี้อนาคตยังมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูวิ่งผ่านเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางอีกด้วย

ความปลอดภัย – มีตามมาตรฐานระบบรักษาความปลอดภัยทั่วไป รปภ. 24 ชม. ประตูเลื่อนไฟฟ้าระบบ RFID หรือ Easy Pass และกล้อง CCTV ที่ Main Gate อีก 2 จุด รั้วโครงการสูง 2.5 m.

การออกแบบโครงการ – Pleno รามอินทรา เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 287 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 29–1–27.8 ไร่ มีแนวคิดในการออกแบบที่น่าสนใจคือ Gems of Living คือออกแบบลักษณะ Main Gate และอาคาร Clubhouse คล้ายรูปทรงของเพชรแบบ Modern ที่มีความหรูหรา สะท้อนความล้ำค่าของการพักอาศัย รวมถึงด้วยลักษณะที่ดินของโครงการที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน จึงทำให้สามารถจัดสวนสีเขียวสวยๆเป็นส่วนต้อนรับที่ถนนบริเวณทางเข้าด้านหน้าได้ยาวต่อเนื่องกันมาตลอดทาง ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ความเป็นส่วนตัว และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่โครงการได้มากเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สายไฟลงใต้ดินในส่วนบริเวณทางเข้าซึ่งเราจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นในบ้านระดับราคานี้บ่อยนัก และพื้นที่ส่วนกลางก็อยู่ในตำแหน่งบริเวณตรงกลางของที่ดิน มีถนนล้อมรอบง่ายต่อการเข้าถึง และจัดผังบ้านโดยรอบให้หันหน้าเข้าหาสวนเพื่อ Take View ช่วยเพิ่ม Value ให้แก่บ้านเหล่านี้ได้ดี ส่วนบ้านแปลงที่อยู่ด้านในก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า หรือจะออกมาใช้งานส่วนกลางก็ไม่ยากเพราะมีที่จอดรถส่วนกลางไว้บริการด้วยครับ

การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย – ตัวบ้านพักอาศัยจะเป็นแบบ Modern จุดเด่นอยู่ที่หน้าบ้านกว้างถึง 5.5 m. ทำให้สามารถจอดรถได้ถึง 2 คัน ซึ่งหาได้ยากสำหรับโครงการทำเลนี้และระดับราคานี้ เน้นพื้นที่ใช้สอยในตัวบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ Common area ที่ชั้น 1 มีความโปร่งโล่งเชื่อมต่อกันดี ครัวในบ้านเป็นครัวเปิด ถ้ากั้นแบ่งทำครัวปิดก็จะเสียพื้นที่ใช้งาน แนะนำให้ทำครัวไทยหลังบ้านเพิ่มจะสามารถทำอารจริงจังได้ดีกว่า การที่หน้าบ้านกว้างทำระยะดูทีวีจึงกว้างตามไปด้วย ใช้ทีวีใหญ่ๆหรือวางโต๊ะกลางได้สบายๆ ส่วนชั้นบนได้รับการดีไซน์ใหม่ โดยผนังที่กั้นระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 สามารถทุบออกเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ให้กลายเป็นห้องนอนใหญ่ได้ แต่บ้านนี้มีห้องน้ำแค่ 2 ห้อง ถ้าเป็นครอบครัวเล็กก็เพียงพออยู่นะ

วัสดุ – ได้มาตรฐาน เหมาะสมกับราคา โครงสร้างบ้าน Precast, พื้นจอดรถ slab on ground, พื้นบ้านชั้นล่างกระเบื้องแกรนิตโต้, พื้นชั้นบนเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 mm., ประตูหน้าต่างกรอบอลูมิเนียมทำสี กระจกเขียวตัดแสง, สุขภัณ์ในห้องน้ำของ American standard, ไฟในบ้านเป็นโคมซาลาเปา

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – ถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับโครงการทำเลเดียวกัน จะเห็นได้จากพื้นที่สวนต้อนรับที่ยาวตั้งแต่ด้านหน้าโครงการมาจนถึงด้านใน แล้วยังมีสวนส่วนกลางบริเวณ Clubhouse ที่มีพื้นที่รวมมากกว่า 1 ไร่ ซึ่งออกแบบด้วยหลัก Universal Design ให้เหมาะกับคนทุกช่วงวัยได้อีกด้วย

สาธารณูปโภค – ออกแบบอาคาร Clubhouse ได้สวยงามน่าใช้งาน ฟังก์ชันครบ สระว่ายน้ำ Fitness จุดชมวิว และพื้นที่สวนแบบ Universal Design พร้อมสนามเด็กเล่นปูพื้นยางป้องกันการบาดเจ็บ

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 2.59 – 4 ล้านบาท, 27 November 2018

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ใกล้เลียบทางด่วน เข้า-ออกเมืองง่าย ทำเลเงียบสงบ
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – ป้อม รปภ. 24 ชม., ประตูเลื่อนระบบ RFID, CCTV 2 จุด, รั้วรอบโครงการ
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7.75/10 – หน้ากว้าง 5.5 m. จอดรถ 2 คัน ผนังห้องนอนปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้
  • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐาน เหมาะสมกับราคา เป็นบ้านเปล่า ต้องแต่งเพิ่ม
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – สวนมากกว่า 1 ไร่ แนวต้นไม้ยาวตลอดทางเข้าโครงการ สายไฟลงดินบริเวณด้านหน้า
  • สาธารณูปโภค 8/10 – จัดออกมาดีน่าใช้งาน มีครบ Fitness สระว่ายน้ำ สวนแบบ Universal Design
  • 7.61 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ Pleno รามอินทรา เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ย่านรามอินทราหรือใช้ทางด่วนเข้า-ออกเมืองบ่อยๆ เป็นทำเลที่ต้องใช้รถยนต์เป็นหลัก ส่วนกลางออกแบบน่าใช้งาน พื้นที่บ้านเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง จอดรถได้ 2 คัน ฟังก์ชันภายในสามารถปรับเปลี่ยนได้  ต้องมีงบประมาณ 2.59 – 4 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 18,000 – 28,000 บาท