รีวิวโครงการ

BoomTharis | คอนโดสไตล์ลอฟต์ ขนาด 450 ถึง 1,000 ตร.ม. Windshell Naradhiwas

2 มิถุนายน 2020

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 2038 …  โครงการ WINDSHELL นราธิวาส เป็นโครงการคอนโดที่ขายแบบ Bare Shell ห้องเปล่าแบบตกแต่งเองได้ตามใจชอบ ขนาดห้องเริ่มต้น 453 ตร.ม. + ลิฟต์ส่วนตัว ซึ่งถือเป็น Product ที่แตกต่างจากคอนโดทั่วๆไป เพราะมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะที่ต้องการบ้านขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ผสมกับ Privacy+Security+Facilities ของคอนโด ตัวอาคารยังมีการออกแบบโดยคำนึงถึงทิศทางลม สามารถเปิดประตูหน้าต่างบานใหญ่ 5.5 เมตรได้ทั้ง 2 ฝั่ง บวกกับดีไซน์ Loft จัดๆ ในราคาเริ่มต้น 78 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 91 ล้านบาท (Update 11/03/21) เราไปชมกันเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

7 February 2020

  • WINDSHELL Naradhiwas (วินด์เชลล์ นราธิวาส)
  • บริษัท วาย แอล พี จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนน นราธวาสราชนครินทร์ เขต ยานนาวา
  • ที่ดินประมาณ 2-0-87.4 ไร่
  • คอนโด High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร 36 ยูนิต ความสูง 160 เมตร
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 2 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 209 คัน หรือกว่า 500%(แต่ละห้องจอดได้แบบ FIX ห้องละ 3 คัน)
  • เริ่มก่อสร้าง :  2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2563 สร้างเสร็จเรียบร้อย พร้อมห้องตัวอย่าง 2 ยูนิต
  • ห้อง Duplex แบบ Bareshell (ห้องเปล่า) และมี option เป็น fitted หรือ turn-key ตามที่ลูกค้าต้องการและตามงบประมาณที่ลูกค้ากำหนด โดยทั้งหมดมีเจ้าหน้าที่ของโครงการแนะนำและทำงานร่วมกับทีมของลูกค้า)

  • Type S ขนาด 453 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 78 ล้านบาท
  • Type L ขนาด 562 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 88 ล้านบาท
  • Combine ขนาด 1,015 ตารางเมตร ราคาประมาณ 166 ล้านบาท

  • ฝ้าเพดานสูง 6.7 เมตร (แต่ละชั้นสูง 7 เมตร)
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 160,000-170,000 บาท/ตร.ม.
  • ว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : +66 92 652 5544
  • สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ

    ทำเลที่ตั้ง

    พิกัด Google Maps : 13.706100, 100.538487
    หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

    โครงการ WINDSHELL นราธิวาส  ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่นราธิวาสฯ ใกล้กับแยกที่ถนนนราธิวาสฯตัดกับถนนจันทน์ ห่างจากทางขึ้น BRT สถานีถนนจันทน์ประมาณ 100 เมตร ถือเป็นถนนนราธิวาสฯฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางถนนพระราม 3 และด้วยความที่ใกล้ถนนจันทน์และถนนนางลิ้นจี่จึงสามารถอิงความอุดมสมบูรณ์ของถนนทั้งสองเส้นนี้ได้ โดยรวมถือเป็นทำเลใจกลางเมืองที่ใกล้กับย่านสีลม สาทร ซึ่งเป็นแหล่งทำงานและแหล่งสถานศึกษาชื่อดัง ในส่วนของเส้นทางการเดินทางต่างๆ ด้วยความที่ถนนนราธิวาสฯ นับเป็นถนนสำคัญอีกเส้นหนึ่งของเหล่าคนที่ทำงานในย่านสีลม – สาทร เพราะเป็นถนนที่ตัดจากถนนพระราม 3 ผ่านถนนจันทน์ ถนนสาทร ถนนสีลม สามารถใช้เดินทางไปยังสุรวงศ์ได้เลย จึงเป็นอีกหนึ่งเส้นทางหลักที่ใช้กันทั่วไปค่ะ ส่วนถนนจันทน์นั้น เดิมทีจะเป็นถนนที่ผ่านเเหล่งชุมชนพักอาศัยดั้งเดิม ซึ่งจะผ่านถนนสาธุประดิษฐ์ ถนนเจริญราษฏร์ ถนนเจริญกรุง และใช้เดินทางไปยังถนนนางลิ้นจี่ เชื่อมต่อออกพระราม 4 เลยก็ได้ค่ะ

    ส่วนทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะเป็นทางด่วนศรีรัช ที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังพระราม 9 หรือจะเชื่อมกับทางด่วนเฉลิมมหานครไปยังบางนาได้เลย ในส่วนที่ตั้งของโครงการเราก็สามารถใช้งานทั้ง 2 ทางด่วนนี้ได้สะดวกค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะไปไหน

    มาดูในแง่อาหารการกินบ้าง บนถนนนราธิวาสฯการจะหาร้านอาหารที่สามารถฝากท้องได้นั้นอาจจะยากหน่อยแต่ด้วยความที่โครงการใกล้กับถนนจันทน์ทำให้เราสามารถอิงความอุดมสมบูรณ์ของถนนจันทน์ได้ค่ะ อย่าง 7-eleven ที่ใกล้กับโครงการที่สุดก็จะอยู่บนถนนจันทน์ (ฝั่งไปทางนางลิ้นจี่ค่ะ) และด้วยความที่ด้านหลังโครงการติดกับซอยนางลิ้นจี่ 6 หรือซอยเกงชวน จึงสามารถใช้เส้นทางลัดไปถนนนางลิ้นจี่ที่มี Market Place นางลิ้นจี่ซึ่งด้านในจะมี Tops Supermarket และร้านอาหารอีกมากมาย ความอุดมสมบูรณ์ที่ทำเลนี้สามารถพึ่งพิงได้เราขอเเบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ

    • ถนนจันทน์ – ด้วยความที่บนถนนจันทน์นั้นเดิมที่เป็นชุมชนพักอาศัยดั้งเดิม ทำให้มีตลาดเเละร้านอาหารค่อนข้างเยอะเลยค่ะ ทั้งร้านขึ้นชื่อดั้งเดิมตามตลาดเเละตึกเเถวข้างทาง สามารถไปฝากท้องได้ในราคาที่ไม่แรงด้วย และด้วยความที่บริเวณนี้เริ่มมีการพัฒนามากขึ้น ทำให้เราเห็น Supermarket อย่าง Tops มาเปิด อีกทั้งยังมี Community mall ใหม่อย่าง Vanilla moon มาเปิดบนถนนเส้นนี้ด้วยค่ะ
    • ถนนนางลิ้นจี่ – แต่ถ้ามาอีกฝั่งหนึ่งทางด้านถนนนางลิ้นจี่ เรามองว่าทางฝั่งนี้จะมีบรรยากาศที่เก๋ขึ้นมาหน่อย เพราะบริเวณถนนนางลิ้นจี่และเย็นอากาศเริ่มที่จะมีร้านอาหารเเละร้านกาแฟเก๋ๆมาเปิดกันมากยิ่งขึ้นแล้วค่ะ แต่ทว่าโซนนี้ก็ยังคงมีตลาดอยู่นะคะ บริเวณตลาดนางลิ้นจี่นั้นก็จะมีร้านอาหารหลายๆร้านเลยด้วย มีCommunity Mall บ้าง แล้วก็มี Market Place นางลิ้นจี่ ที่มี Tops Market เช่นกันค่ะ ใครสะดวกไปฝั่งไหนก็ไปได้เลย
    • ถนนพระราม 3 – ในกรณีที่ใครอยากไปห้างใหญ่ขึ้น อาจจะขับรถมาที่เซ็นทรัลพระราม 3 ก็ได้นะคะ ถือว่าเป็นการขับรถออกนอกเมือง เส้นทางการเดินทางอาจจะสะดวกกว่า และการจราจรอาจจะติดน้อยกว่าการขับเข้าไปยัง Silom Complex หรือ โรบินสันบางรักที่ต้องขับเข้าเมืองไปทางสีลมค่ะ


    จากที่ตั้งโครงการสามารถเดินทางไปใช้ทางด่วนได้ง่าย ถ้าจะใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครให้วิ่งบนถนนนราธิวาสฯไปเลี้ยวเข้าถนนรัชดาภิเษก ตรงไปหน่อยก็จะเจอทางขึ้นทางด่วนค่ะ

    ส่วนทางพิเศษศรีรัชให้เราตรงไปบนถนนนราธิวาสฯ พอเจอแยกให้เลี้ยวขวาแทน ขับเลยเซ็นทรัลพระราม3 ไปจะมีทางขึ้นทางด่วนบริเวณถนนสาธุประดิษฐ์ค่ะ

    การเดินทางที่เราจะพาไปยังโครงการวันนี้เริ่มจากทางพิเศษเฉลิมมหานคร แล้วออกทางออกที่ ทางออก 22 ถนนสาธุประดิษฐ์ (ถนนรัชดา) เพื่อลงมายังถนนรัชดาภิเษก แล้วกลับรถ จะผ่านห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่าง Central Plaza พระราม 3 แล้วให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าถนน นราธิวาสราชนครินทร์ค่ะ เมื่ออยู่บนถนน นราธิวาสราชนครินทร์แล้วจะเห็นโครงการอยู่ทางฝั่งขวามือ ให้กลับรถก็จะสามารถเข้าโครงการได้เลย ระยะทางรวมประมาณ 4 กิโลเมตร

    เส้นทางการเดินทาง

    Image 1/10
    บนทางพิเศษเฉลิมมหานครจะเจอกับป้ายบอกทางถนน สาธุประดิษฐ์ ทางออก 22 ให้เราใช้ทางออกนี้เพื่อลงไปยังถนน รัชดาภิเษก ให้เราชิดซ้ายไว้ค่ะ

    บนทางพิเศษเฉลิมมหานครจะเจอกับป้ายบอกทางถนน สาธุประดิษฐ์ ทางออก 22 ให้เราใช้ทางออกนี้เพื่อลงไปยังถนน รัชดาภิเษก ให้เราชิดซ้ายไว้ค่ะ

    สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ WINDSHELL นราธิวาส จะมี  Regal Condo คอนโดสูง 28 ชั้นอยู่ทางฝั่งทิศเหนือ แต่เนื่องจากโครงการมีการออกแบบไม่เปิดระเบียงออกทางด้านนั้นจึงไม่กระทบกับมุมมองเท่าไร และมีฝั่งตรงข้ามโครงการที่มีการก่อสร้างอาคาร อยู่ห่างจากโครงการพอสมควร ไม่ประชิดเท่าไร นอกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนแนวราบเนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนนราธิวาสฯช่วงที่เลยถนนจันทน์มาแล้ว ทำให้ความหนาแน่นในแบบที่เป็นอาคารสูงและอาคารสำนักงานเริ่มบางตาลง สรุปแต่ละฝั่งของโครงการจะติดกับสถานที่ดังนี้ค่ะ

    • ทิศเหนือ – ติดกับ Regal Condo คอนโดสูง 28
    • ทิศตะวันออก – ติดกับชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบและซอยเกงชวน
    • ทิศใต้ – ติดกับชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบ
    • ทิศตะวันตก – ติดกับถนนนราธิวาสฯ ฝั่งตรงข้ามมีการก่อสร้างอาคาร

    ทิศเหนือ  ติดกับ Regal Condo คอนโดสูง 28 และถัดไปเป็น TPI Tower

    ทิศตะวันออก ติดกับชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบและซอยเกงชวน

    ทิศใต้ ติดกับชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบ

    ทิศตะวันตก  ติดกับถนนนราธิวาสฯ ฝั่งตรงข้ามมีการก่อสร้างอาคาร

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • ระบบขนส่งสาธารณะ

    • BRT ถนนจันทน์ ~ 200 เมตร
    • BTS สุรศักดิ์ ~ 4.40 กิโลเมตร
    • BTS ช่องนนทรี ~ 4.50 กิโลเมตร

  • สถานศึกษา
    • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ~ 2.0 กิโลเมตร
    • King’s College International School Bangkok ~ 2.7 กิโลเมตร
    • St. Joseph Covent ~ 3.4 กิโลเมตร
    • St. Andrews International School Sathorn ~ 3.5 กิโลเมตร
    • โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ~ 4.40 กิโลเมตร
    • โรงเรียนนานาชาติ Shrewsbury ~ 4.90 กิโลเมตร
    • โรงเรียนอัสสัมชัน บางรัก ~ 5.70 กิโลเมตร

  • สถานพยาบาล
    • โรงพยาบาล บี เอ็น เอช ~ 3.3  กิโลเมตร
    • โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ~ 4.0  กิโลเมตร
    • โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ~ 4.9  กิโลเมตร

  • ห้างสรรพสินค้า
    • The up พระราม 3 ~ 1.10 กิโลเมตร
    • The Market Place นางลิ้นจี่ ~ 1.20 กิโลเมตร
    • Central Plaza พระราม 3 ~ 2.40 กิโลเมตร
    • โฮมโปร พระราม 3 ~ 4.10 กิโลเมตร
    • โรบินสัน บางรัก ~ 5.30 กิโลเมตร
    • เอเชียทีค ~ 6.50  กิโลเมตร

    รายละเอียดโครงการ

    โครงการ WINDSHELL นราธิวาส เกิดขึ้นจากการที่ผู้พัฒนาโครงการต้องการที่จะทำ “บ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง” แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าในปัจจุบันเราจะหาที่ดินมาพัฒนาโครงการในลักษณะนี้ได้ยาก ซึ่งบนทำเลพระราม3 – นราธิวาสเอง โครงการบ้านพื้นที่ใช้สอยประมาณ 600 ตร.ม.อัพที่ราคาพอๆกันก็ทำออกมาได้เพียงไม่กี่ยูนิต และจากการที่ทาง Developer ศึกษาความต้องการของลูกค้าระดับ Luxury พบว่า มีคนบางกลุ่มที่ต้องการ บ้านที่ตนเองสามารถปรับเปลี่ยนได้ในแบบที่ตัวเองชื่นชอบ จึงเกิดไอเดียในการทำโครงการนี้ขึ้นในรูปแบบ “Tropical Stacking Home”  หรือ บ้านที่ผสมกับคอนโด โดยห้องทั้งหมดทำออกมาเป็น Duplex ขนาดใหญ่ฝ้าเพดานสูง 7 เมตร ขายแบบ Bare Shell หรือ ห้องเปล่า ทำให้แต่ละยูนิตมีความยืดหยุ่นในการกั้นและตกแต่งพื้นที่ตามความชื่นชอบลูกบ้านสามารถดีไซน์เองได้ทั้งหมด โดยในแต่ละชั้นจะมีแค่ 2 ยูนิต (สามารถ Combine กันได้) ทั้งโครงการจะมีเพียง 36 ยูนิตเท่านั้น บวกกับลูกบ้านจะได้ Facilities ความเป็นส่วนตัว และระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆของคอนโดเพิ่มเข้ามาอีกด้วย  จึงทำให้โครงการนี้มีความแตกต่างจากคอนโดมิเนียมทั่วๆไป สำหรับสไตล์การตกแต่งจะมาในรูปแบบของ Loft โชว์เนื้อแท้ของวัสดุและงานระบบจริงๆ จึงจะเหมาะกับคนที่ชอบสไตล์แบบนี้ด้วยนะคะ โครงการนี้มีความน่าสนใจอยู่หลายจุด เราจะขอสรุปให้ฟังเป็นข้อๆค่ะ

    • ออกแบบโดยใช้การระบายอากาศด้วยวิธีธรรมชาติ (Natural Cross Ventilation)  ทุกยูนิตของโครงการถูกออกแบบให้หันหน้าเพื่อเปิดรับลมธรรมชาติได้ตลอดทั้งปี และมีช่องหน้าต่างให้อากาศไหลเวียนได้ ทำให้อยู่อาศัยได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา
    • โครงสร้างเป็นแบบ Shear Wall คือโครงสร้างที่ใช้กำแพงในแต่ละชั้นช่วยรับแรงที่เกิดจากแนวดิ่งและแนวราบ จึงทำให้ไม่มีเสาหรือคานในห้อง เราสามารถกั้นปรับฟังก์ชันได้ตามต้องการโดยไม่มีอะไรมาขวางค่ะ
    • มีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับปลูกต้นไม้ใหญ่หรือสระว่ายน้ำส่วนตัว  แต่ละยูนิตประกอบด้วยระเบียงขนาดใหญ่ตั้งแต่ 30 – 50 ตารางเมตร และมีความลึกต่ำกว่าระดับพื้นห้องถึง 1.15 เมตร อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้เจ้าของห้องสามารถเลือกออกแบบมุมพักผ่อนบริเวณระเบียงเป็นสวนหย่อม ด้วยการปลูกต้นไม้ใหญ่ที่มีความสูงได้ถึง 5 เมตร หรือทำเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวได้ตามความต้องการ
    • มีพื้นที่ Service หลังบ้าน เป็นส่วนติดตั้งงานระบบต่างๆ และเป็นส่วนของครัวไทย สามารถติดตั้งแก๊สเพื่อทำอาหารได้ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้จะมีช่องระบายอากาศเชื่อมต่อกับภายนอกและสามารถรับลมหมุนเวียนได้ตลอด จึงระบายควันจากการทำอาหารได้ และสามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับซักล้าง ตากผ้าและสำหรับเก็บของทุกอย่างที่เจ้าของบ้านไม่ต้องการโชว์ให้แขกเห็นในบ้านได้อีกด้วย
    • บานประตูและหน้าต่างความสูงถึง 5 เมตร บานประตูและหน้าต่างขนาดใหญ่ทั้งสองฝั่งของบ้านนี้ ยังได้รับการออกแบบเป็นกระจกบานเลื่อนที่มีฟังก์ชันแบบบานเฟี้ยม โดยสามารถเปิดรับลมได้ทั้งบานหรือเฉพาะจุด และกระจกเป็นแบบนิรภัยป้องกันรังสียูวีได้ด้วยค่ะ
    • Private Lift และโถงลิฟต์ส่วนตัว ในแต่ละชั้นจะมีเพียง 2 ยูนิตจึงมีความเป็นส่วนตัวโดยจะมีลิฟต์ 2 ตัว สำหรับให้บริการลูกบ้านแยกฝั่งกันอย่างชัดเจน พร้อมโถงลิฟต์ส่วนตัวทุกห้อง
    • ที่จอดรถมากกว่า 209 คัน โดยแต่ละยูนิตสามารถจอดรถได้ 3 คัน แบบ FIX พร้อมพื้นที่จอดรถช่องกว้างพิเศษสำหรับ Super Car และตู้เก็บสัมภาระส่วนตัวในช่องจอดรถ และ จุดบริการสำหรับชาร์จไฟแบบ Plug-in Hybrid และยังมีที่จอดรถส่วนกลางอีกมากกว่า 100 คัน พร้อมสำหรับกรณีที่ลูกบ้านอยากจะจัดสังสรรค์หรือการประชุม
    • พื้นที่สีเขียวทั้งระเบียงของทุกห้องและสวนหย่อมในโครงการ  ทางโครงการได้รักษาต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิมตั้งแต่ก่อนพัฒนาโครงการ และได้มีการปลูกเพิ่มอีกมากกว่า 100 ต้น
    • พื้นที่ส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้า โครงการจัด Facilities หลักเอาไว้ที่ชั้นดาดฟ้า เป็นส่วนตัวเวลาขึ้นมาใช้งาน ซึ่งเราจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาและบางกระเจ้าด้วย
    • สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ เนื่องจาก Concept ของโครงการเปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่ง จึงเปิดโอกาสให้เจ้าของบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ แต่ต้องเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่รบกวนทำความรำคาญใจให้กับเจ้าของบ้านท่านอื่นๆนะ

    จากแนวคิดในการออกแบบทั้งหมดทำให้ชื่อโครงการ WINDSHELL = Wind มาจากคำว่าลมซึ่งโครงการนี้มีการออกแบบโดยคำนึงถึงทิศทางลม และ shell ก็มาจาก Bare shell นั่นเองค่ะ

    โครงการนี้เป็นคอนโด High Rise สูง 28 ชั้น ขายห้องใหญ่แบบ Duplex ในแต่ละชั้นมี 2 ยูนิตเท่านั้นจึงทำให้มีห้องพักอาศัยทั้งหมดเพียง 36 ยูนิต การออกแบบ Exterior ของอาคารจะเน้นการใช้เนื้อแท้ของวัสดุ โชว์โครงสร้างที่เป็น Shear Wall หรือใช้ผนังรับน้ำหนัก ซึ่งมีความคงทนในระยะยาว ถ้าเป็นโครงการทั่วไปที่มีการฉาบ ทาสี เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้เกิดการลอก หรือแตกร้าวได้ค่ะ

    ก่อนเข้าไปชมด้านในโครงการมาดู Master Plan กันสักนิดนะคะ ทางเข้าออกของโครงการจะอยู่ติดกับถนนใหญ่นราธิวาสฯ ซึ่งพอเข้ามาจะมีรปภ.คอยดูแลความปลอดภัยให้ บริเวณพื้นที่ของโครงการจะมีทางออกไปสู่ซอยนางลิ้นจี่ 6 หรือซอยเกงชวน ซึ่งสามารถใช้ลัดไปถนนนางลิ้นจี่ที่มี Market Place นางลิ้นจี่ซึ่งด้านในจะมี Tops Supermarket และร้านอาหารมากมาย กลับมาที่โครงการถ้าจะจอดรถจะมีที่จอดรถสำหรับจอดชั่วคราวหรือเอาไว้เผื่อผู้มาติดต่อที่บริเวณหน้าโครงการ ส่วนลูกบ้านจะต้องเอารถไปจอดด้านในอาคารในชั้น 2-9 ซึ่งจะจอดได้ 209 คัน ทางเข้า Lobby จะอยู่ด้านหน้าอาคาร พอเข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งพักคอยที่เชื่อมต่อกับสวนหย่อมขนาดใหญ่ สามารถเปิดประตูรับลมได้ และมีห้องสมุดให้อ่านหนังสืออยู่ในบริเวณเดียวกัน ห้องจดหมายและโถงลิฟต์อยู่ด้านหลัง บริเวณนี้ต้องใช้คีย์การ์ดในการเข้าถึงแล้ว ซึ่งลิฟต์จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง และมี Service Lift มาให้อีก 1 ตัวค่ะ

    จากหน้าโครงการเข้ามาเราจะเจอกับป้อมรปภ. ซึ่งถ้าใครไม่ใช่ลูกบ้านจะต้องแลกบัตรบริเวณนี้ ส่วนทางฝั่งซ้ายเป็นที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ ตัวป้อมรปภ.เค้าดีไซน์เอาก้อนอิฐมาวางเรียงต่อกัน ดูเท่ห์และเข้ากับ Concept ของโครงการดีค่ะ

    ถัดเข้ามาจะเจอกับทางที่มีรั้วกั้นเอาไว้อยู่ (ในอนาคตจะมีการกั้นประตู) ตรงนี้คือทางออกไปที่ซอยนางลิ้นจี่ 6 หรือซอยเกงชวน ซอยนี้เป็นซอยที่มีต้นไม้เยอะมากๆ บรรยากาศร่มรื่น ทางโครงการเล่าให้เราฟังว่าซอยนี้ถือเป็นอีกแรงบันดาลใจในการพัฒนาโครงการให้มี Concept ใกล้ชิดกับธรรมชาติเลยค่ะ

    เลี้ยวมาทางขวาจะเจอกับทางเข้าไปยังที่จอดรถในอาคารและที่จอดรถผู้มาติดต่อบริเวณหน้าโครงการ

    ถ้าเราจะเอารถไปจอดในอาคารจะต้องเลี้ยว วิ่งด้านข้างอาคารไปแบบนี้ก็จะเจอกับทางเข้าที่จอดรถค่ะ

    บริเวณด้านหน้าทางเข้าที่จอดรถก็ตกแต่งด้วยอิฐบล็อกอีกเช่นกัน ซึ่งเป็นการดีไซน์เชื่อมต่อกันทั้งอาคาร และด้วยความที่อิฐบล็อกที่เลือกใช้เป็นแบบที่มีช่องลมตรงกลางจึงทำให้ลมสามารถพัดผ่านเข้ามาได้ เดี๋ยวเราจะเจอ Space ที่เป็นพวกห้องโถงซึ่งวัสดุประเภทนี้ทำให้ลมพัดผ่านได้ดี ไม่มีมุมที่อับเลยค่ะ

    ก่อนเข้าที่จอดรถจะมีรั้วกั้นไม้กระดก ที่ลูกบ้านจะผ่านเข้าไปได้ด้วย Access Control ระยะไกล

    ลูกบ้านสามารถจอดด้านในอาคารในชั้น 2-9 ซึ่งจะจอดได้ 209 คัน ถือว่าเยอะกว่าจำนวนยูนิตของโครงการมากทีเดียว สามารถจอดแบบ FIX ได้ห้องละ 3 คัน โดยส่วนที่เกินมานั้นลูกบ้านสามารถสำรองเอาไว้กรณีที่ลูกบ้านอยากจะจัดสังสรรค์หรือการประชุมได้ พร้อมมีที่จอดรถ Super Car ตู้เก็บสัมภาระส่วนตัวในช่องจอดรถ และ จุดบริการสำหรับชาร์จไฟแบบ Plug-in Hybrid

    ในที่จอดรถจะมีโถงลิฟต์ซึ่งสามารถเชื่อมต่อเข้าไปภายในตัวอาคารได้ สังเกตว่างานระบบต่างๆของโครงการนี้ถือว่าเก็บงานได้เรียบร้อยทีเดียว

    อย่างที่บอกไปค่ะ ว่าการใช้อิฐบล็อกแบบที่มีช่องลมทำให้ Space พวกห้องโถงต่างๆ มีลมพัดผ่านเข้ามาได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นพื้นที่ปิดเวลาเข้าไปยืนอยู่จริงๆจะไม่รู้สึกอึดอัดและช่วยให้มีแสงสว่างส่องเข้ามาได้ด้วยค่ะ

    พอได้แสงสว่างจากช่องของอิฐบล็อกทำให้โถงลิฟต์ไม่มืดมากนัก กลางวันไม่ต้องเปิดไฟก็เอาอยู่ มุมนี้ผนังตกแต่งแบบ Loft โชว์วัสดุเท่ห์ดีค่ะ

    เรากลับมาที่บริเวณด้านหน้าอาคารเพื่อเดินไปที่ทางเข้า Lobby ทางฝั่งขวาจะเป็นที่จอดรถชั่วคราวหรือสำหรับผู้มาติดต่อ ซึ่งจอดได้หลายคันพอสมควร

    ทางเข้า Lobby มีพื้นที่สำหรับให้รถวนมารับ-ส่ง (Drop off) เดี๋ยวเราเข้าไปดูภายในอาคารกันค่ะ

    บริเวณหน้า Lobby ดีไซน์มาให้เป็นเสมือนชานบ้านที่เราสามารถออกมานั่งเล่นพักผ่อนได้ เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้จะมีความอบอุ่นคล้ายๆบ้านของเรา วัสดุเป็นไม้ตัดกับผ้าบุสีอ่อน บริเวณนี้จะเชื่อมต่อกับสวนขนาดใหญ่ด้านข้างโครงการด้วย

    ดีไซน์อันนี้เราชอบค่ะ ถ้าลองสังเกตดูบริเวณประตูเกือบทั้งหมดในโครงการจะมีบานเกล็ดที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ ทำให้ถึงแม้ว่าเราจะปิดประตูอยู่ก็ตามแต่ก็สามารถเปิดช่องนี้ให้อากาศระบาย และดีเทลอีกจุดหนึ่งคือบริเวณพื้นด้านล่างประตูจะมีรางระบายน้ำอยู่โดยรอบ ซึ่งสามารถช่วยระบายน้ำตอนฝนตกหรือทำความสะอาดได้อีกแรงค่ะ

    มองขึ้นไปด้านบนจะเห็น Facade (การตกแต่งภายนอกอาคาร) ที่ใช้อิฐบล็อก และมีการเปิดช่องโล่งให้ลมพัดผ่านได้ทั้งอาคาร

    บริเวณชานนั่งพักผ่อนที่เราพาไปชมมาเมื่อสักครู่จะเชื่อมต่อกับสวนด้านข้างอาคารแบบนี้ ทางโครงการให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวโดยจะมีการเก็บต้นไม้เดิมไว้และปลูกเพิ่มเติมอีก บริเวณนี้เราสามารถออกมาจัดปาร์ตี้ นั่งเล่นพักผ่อน หรือพาน้องหมา น้องแมวมาเดินเล่นได้ เพราะโครงการนี้สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ด้วยค่ะ

    เข้ามาในอาคารจะเจอกับ Lobby และ Library ที่ตกแต่งในสไตล์ Loft โชว์เนื้อแท้วัสดุและงานระบบ พื้นเป็นหินขัด Terrazzo และเส้นทองเหลือง ใครที่ชอบสไตล์นี้เห็นแล้วต้องชอบแน่ๆค่ะ

    มุมนี้จะเป็นห้องสมุด ให้เราลงมานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือได้ พวกของตกแต่งส่วนใหญ่อย่าง รูปปั้น แจกัน พรม ทางโครงการเลือกมาเป็นของ Antique เพื่อให้บรรยากาศเหมือนกับการอยู่อาศัยในบ้านมากที่สุด

    ส่วนฝั่งที่อยู่ใกล้กับสวนจะจัดเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน โซฟาตัวใหญ่ๆ นิ่มๆ ตัดกับเฟอร์นิเจอร์อื่นที่เป็นไม้ มีพัดลมเพดาน ดูอบอุ่นดีค่ะ ประตูด้านหลังสามารถเปิดออกไปยังสวนได้นะคะ และอย่างที่บอกว่ามีบานเกล็ดระบายอากาศด้านล่างด้วย

    อีกฝั่งจะเป็นทางไปห้องน้ำและทางฝั่งขวาคือทางไปโถงลิฟต์ สังเกตว่าในหลายๆจุดจะมีการใช้พรมสไตล์ European ที่สั่งทำพิเศษและมีการจัด Lighting โดยใช้สี Warm เพื่อให้บรรยากาศดูอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน

    ชั้นล่างจะมีห้องน้ำแยกชายหญิงให้ใช้อย่างละห้อง บรรยากาศประมาณนี้

    ด้านในสุดจะเป็นห้องจดหมายและโถงลิฟต์ซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ เราต้องใช้คีย์การ์ดจึงผ่านเข้าไปได้

    ห้องจดหมายกั้นเป็นห้องมาให้เป็นสัดส่วน ซึ่งตู้จดหมายมีจำนวนไม่เยอะเพราะที่นี่มีห้อง 36 ยูนิตเท่านั้น

    ทางเข้าไปโถงลิฟต์กั้นด้วยประตูบานเลื่อนโครงเหล็กสีดำ พอทาบคีย์การ์ดก็จะเปิดให้แบบนี้

    โถงลิฟต์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง มีลิฟต์โดยสารอยู่ทั้งหมด 2 ตัวสำหรับห้องที่อยู่ทั้ง 2 ปีก ใครอยู่ฝั่งไหนก็ขึ้นตัวนั้นค่ะ

    การตกแต่งบริเวณหน้าลิฟต์จะมีการเอาตู้และโคมไฟมาวาง เพื่อทำให้บรรยากาศคล้ายๆการอยู่บ้าน

    สำหรับชั้นพักอาศัยหรือ Typical Floor Plan จะวางผังเหมือนๆกันทุกชั้น โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ห้อง มีความเป็นส่วนตัวสูง ทางฝั่งขวาเป็นห้อง Type S ขนาด 453 ตารางเมตร ส่วนทางฝั่งซ้ายเป็นห้อง Type L ขนาด 562 ตารางเมตร โดยทั้ง 2 ห้องนี้สามารถซื้อแบบ Combine กันได้ โดยจะมีการเปิดช่องตรงที่เราวงสีแดงๆเอาไว้ให้ในแปลนเพื่อเชื่อมทั้ง 2 ยูนิตถึงกัน แต่ละห้องจะมีลิฟต์ส่วนตัว ขึ้นมาจะเจอกับโถงลิฟต์ก่อนเข้ามายังห้องพักอาศัย และแต่ละห้องจะมีระเบียงขนาดใหญ่ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน มีส่วน Service หลังบ้าน กรณีแม่บ้านมาทำงานก็ให้เข้ามาทาง Service Lift และบริเวณหลังบ้านได้เลย โดยไม่ต้องผ่านในห้องเรา

    โครงการนี้มีการออกแบบโดยใช้หลัก Natural Cross Ventilation ออกแบบให้ห้องหันหน้าเพื่อเปิดรับลมธรรมชาติได้ตลอดทั้งปี สามารถเปิดประตูและหน้าต่างได้ทั้ง 2 ฝั่งเพื่อรับลม ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา และทำให้มีแสงสว่างส่องเข้ามาในห้องอย่างพอเพียงช่วยให้ไม่เปลืองไฟอีกด้วย

    Facilities หลักอีกจุดหนึ่งถูกจัดให้อยู่บนชั้นดาดฟ้า ซึ่งจะประกอบด้วยสวนหย่อม ห้อง Communal Kitchen หรือ Co-Kitchen ให้เราใช้ทำอาหารหรือจัดปาร์ตี้ได้ สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายก็จะมีห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำยาว 23 เมตร ที่แบ่งออกเป็นสระผู้ใหญ่และสระเด็ก ซึ่งสระว่ายน้ำของที่นี่ออกแบบมาเป็น Infinity edge pool และสามารถเห็นวิวบางกระเจ้าได้อีกด้วย อีกห้องคือ Multi-Purpose Room ที่ใช้ทำอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นจัดเลี้ยง หรือใช้ออกกำลังกายเป็นห้องคลาส ห้องโยคะ และยังมีห้องน้ำแยกชายหญิง+ห้องอบไอน้ำมาให้ ถือว่าให้มาเยอะพอสมควรเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตค่ะ

    โครงการที่ยก Facilities มาอยู่ชั้นบนข้อดีข้อแรกคือได้ความเป็นส่วนตัว ไม่รบกวนชั้นพักอาศัยอื่นๆ ข้อดีที่สองคือเราจะได้วิวซึ่งเป็นจุดแข็งของคอนโด High Rise เลยค่ะ

    จากภาพมุมสูงของอาคารจะเห็นว่า Facilities อยู่บนชั้นดาดฟ้าและสามารถเห็นวิวเมืองได้รอบทิศทาง

    พอขึ้นมาที่ชั้น 28 ซึ่งเป็นชั้น Facilities ก็จะเจอกับโถงลิฟต์แบบนี้ก่อนจะแยกไปยังส่วนต่างๆ อย่างสุดทางเดินจะเป็นห้อง Multi-Purpose Room

    ห้อง Multi-Purpose Room จะเป็นห้องที่เห็นวิวทั้ง 2 ฝั่ง โดยตอนนี้ทางโครงการจัดเป็นห้องออกกำลังกาย

    ทางโครงการมีอุปกรณ์วางให้ครบครัน เราสามารถเล่นโยคะ Step Aerobic หรือ Function Training หรือเดี๋ยวนี้ก็นิยมจ้างเทรนเนอร์ขึ้นมาเทรนให้ที่คอนโด โดยไม่ต้องไปฟิตเนสข้างนอกค่ะ

    ออกจากห้องนี้มาก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ ซึ่งชั้นนี้ก็มีการใช้อิฐบล็อกตกแต่งนะ

    ตรงกลางเป็นสวนที่เปิดช่องให้ต้นไม้งอกไปที่ด้านบน พื้นที่บริเวณนี้จะล้อมรอบด้วยส่วนกลางอื่นๆค่ะ

    ห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์ต่างๆมาให้ครบทั้งคาร์ดิโอและเวท ผนังทั้ง 2 ฝั่งเป็นหน้าต่างเปิดระบายอากาศได้  ทำให้บรรยากาศภายในโปร่ง โล่ง

    สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือยาว 23 เมตรเป็นแบบ  Infinity edge pool ไม่มีขอบ ดังนั้นผืนน้ำจะเชื่อมต่อกับวิวเลยค่ะ

    นอกจากนั้นสระว่ายน้ำจะเชื่อมต่อกับห้องฟิตเนส คนที่อยู่ในห้องฟิตเนสก็จะเห็นวิวสระและวิวเมืองด้วย

    ส่วนสระเด็กจะอยู่ถัดเข้ามาด้านใน รอบๆมีม้านั่งสำหรับให้คุณพ่อคุณแม่มาดูแลตอนลูกๆเล่นน้ำ ด้านหลังจะเป็นห้อง Communal Kitchen และ สวนหย่อม

    Communal Kitchen จัดครัวมาให้แบบชุดใหญ่ ทำอาหารได้จริงจัง มีโต๊ะที่รองรับคนได้ประมาณ 6-8 ที่นั่ง

    ชั้นนี้ก็มีสวนหย่อมมาให้ด้วย สามารถขึ้นมานั่งชมวิวเมืองมุมสูงได้

    ถ้าออกกำลังกายเสร็จอยากจะอาบน้ำชั้นนี้ก็มีห้องน้ำแยกชายหญิงมาให้

    ภายในห้องน้ำจะมีครบทั้งอ่างล้างหน้า ตู้ล็อคเกอร์ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ

    โดยพื้นที่อาบน้ำจะเชื่อมต่อกับห้องอบไอน้ำ (Steam)

    และจะมีห้องอาบน้ำที่กั้นประตูปิดเป็นส่วนตัวมาให้อีก 1 ห้อง ซึ่งภายในห้องจะมีพื้นที่เปิดเชื่อมกับภายนอกค่ะ

    ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดต้องมาดูวิวกันหน่อยเริ่มจาก ทิศเหนือ เป็นวิวที่มุ่งหน้าทางฝั่งพระราม4 มองออกไปจะเห็นถนนนราธิวาสฯ และ อาคาร TPI Tower รวมถึงข้างๆกำลังมีการก่อสร้างโครงการ Regal Condo สูง 28 ชั้นอยู่ด้วย

    ทิศตะวันออก เป็นวิวชุมชนถนนนางลิ้นจี่ ซึ่งเราจะเห็นโค้งแม่น้ำ บางกระเจ้าด้วย

    ทิศใต้ วิวทางฝั่งถนนรัชดาภิเษก และ ถนนพระราม3 มองออกไปเห็นกลุ่มอาคารของ  Chatrium Residence Sathon Bangkok อยู่ทางฝั่งซ้าย

    ทิศตะวันตก  เป็นชุมชนแนวราบฝั่งถนนจันทน์ค่ะ มุมนี้ก็เห็นแม่น้ำเจ้าพระยานิดๆนะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • ชั้น 1

    • Drop off with guess parking
    • Lobby
    • Library
    • Garden

  • ชั้น 2-9
    • Conventional Parking

  • ชั้น 10-27
    • ห้องพักอาศัยจำนวน 36 ยูนิต

  • ชั้น 28
    • สระว่ายน้ำระบบ เกลือยาว 23 เมตร โดยมีแยกสระเด็กและสระผู้ใหญ่
    • ห้อง Steam
    • Communal Kitchen
    • Multi-Purpose Room
    • Fitness
    • Garden

  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 18 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 209 คัน (แต่ละห้องจอดได้แบบ FIX ห้องละ 3 คัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card
  • แบบห้อง

    ห้องพักอาศัยในโครงการ WINDSHELL นราธิวาส เป็นห้อง Duplex ทั้งหมด มีให้เลือก 2 แบบ โดยทั้ง 2 แบบนี้สามารถ Combine กันกลายเป็นห้องขนาดใหญ่ได้ สรุปแบบห้องได้ดังนี้ค่ะ

    • Type S ขนาด 453 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 78 ล้านบาท
    • Type L ขนาด 562 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 88 ล้านบาท
    • Combine ขนาด 1,015 ตารางเมตร ราคา n/a บาท

    โครงการนี้มีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆตรงที่มีรูปแบบการขายแบบ Bare Shell หรือให้แต่ห้องเปล่าไม่ได้ให้วัสดุปิดผิวใดๆเลย เพื่อให้เจ้าของห้องสามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยและสไตล์การตกแต่งของตัวเองได้ ซึ่งของที่ทางโครงการให้ติดมากับห้องคือชุดประตูหน้าต่างสูง 5.5 เมตรที่มีความแข็งแรงรองรับแรงลมตามแนวคิด Natural Cross Ventilation ได้ รวมถึงในห้องจะมีบันไดมาให้ด้วยค่ะ ส่วนใครที่ชอบสไตล์การตกแต่งของห้องตัวอย่าง สามารถติดต่อกับทางฝ่ายขายได้ โดยจะมี Option ที่ขายแบบ Fully Fitted ซึ่งเราจะต้องจ่ายเงินเพิ่มจากห้องมาตรฐานแบบ Bare Shell อีกประมาณ 30 ล้านบาทค่ะ**

    วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องและดูบรรยากาศห้องมาตรฐานที่ได้กันด้วย แต่ละห้องจะมีไอเดียการตกแต่งและมี Space แบบไหนไปชมกันเลยค่ะ

    ห้องแรกเป็นห้อง Type S ขนาด 453 ตารางเมตร อยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอาคาร มองเห็นวิวเมืองฝั่งถนนนางลิ้นจี่ และวิวเมือง ฝั่งถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งจะเน้นวิวทั้ง 2 ฝั่งนี้เป็นหลักค่ะ

    เนื่องจากโครงการนี้ขายแบบ Bare Shell อย่างที่บอกไปดังนั้นห้องตัวอย่างจะเป็นการตกแต่งเพื่อเป็นไอเดียในการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้าน ดังนั้นก่อนเข้าไปชมห้องเราจะขออธิบายแนวคิดในการออกแบบจากสถาปนิกสักนิดนะคะ ห้องนี้ออกแบบโดย บริษัท สถาปนิก สเปซไทม์ โดยผุ้ออกแบบมองว่ายูนิตนี้เป็นของครอบครัวที่มีพ่อแม่วัย 40 กลางๆและมีลูก 2 คน อายุ 4-12 ปี ชอบบ้านที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ชอบความสว่าง ทำให้ออกแบบพื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นโถงกว้าง มีบันไดขนานกับกำแพงคอนกรีต ใช้พื้นที่ชั้น 1 เป็นห้องของครอบครัวและกั้นด้วยประตูกระจกเพื่อทำให้รู้สึกเชื่อมต่อถึงกัน และมีการเลือกใช้วัสดุให้เข้ากับตัวอาคารภายนอก เช่น พื้นหินปูนที่มีสีและผิวสัมผัสใกล้เคียงกับซีเมนต์ ผนังซีเมนต์สำเร็จรูป , ไม้สักธรรมชาติสำหรับปูพื้น เป็นต้น

    การออกแบบพื้นที่ใช้สอย

    การจัดวางฟังก์ชันของห้องตัวอย่างยูนิตเล็ก เมื่อออกมาจากลิฟต์โดยสารแล้วจะเจอกับพื้นที่โถงลิฟต์ส่วนตัว ด้านหน้ามีชั้นเก็บรองเท้าและของต่างๆสำหรับหยิบใช้งานก่อนออกจากบ้าน เดินมาอีกหน่อยจะเจอกับ Balcony ด้านหน้าบ้านมีต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่ม  เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับโถง Common Area กว้าง เชื่อมถึงกันตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังบ้าน เข้ามาแล้วจะเจอกับพื้นที่รับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับครัวตะวันตก และครัวไทยไปจนถึงลาน Service ด้านหลังบ้าน พื้นที่ Service ทำเป็นพื้นที่เก็บของ, ตากผ้า, งานระบบ และห้องแม่บ้านค่ะ

    ถัดจากพื้นที่รับประทานอาหารแล้วจะเป็นพื้นที่พักผ่อนทั้งหมด โดยจะแบ่งเป็นพื้นที่รับแขก ด้วยชุดโซฟาใหญ่ที่ตั้งอยู่ในโถงสูง Double Floor เชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงซึ่งทำเป็นบ่อบัวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ส่วนห้องที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นจะอยู่ด้านล่างของชั้น Duplex มีการกั้นด้วยประตูกระจก เชื่อมต่อกับด้านนอกแต่ก็ยังได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ โดยแบ่งเป็นห้องนั่งเล่นและห้องทำงาน มีห้องน้ำในตัวทั้ง 2 ห้องเลย

    ส่วนห้องนอนจะถูกจัดขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 2 ทั้งหมด แบ่งเป็น 3 ห้องนอน มีห้องน้ำในตัว และห้อง Master Bedroom มีพื้นที่ Walk-in Closet แยกเป็นสัดส่วน สามารถทำระเบียงส่วนตัวยื่นออกมาด้านหลังบริเวณ Service ได้

    และเนื่องจากยูนิตมาตรฐานที่ทางโครงการขายทุกๆห้องจะได้เป็นห้อง Duplex แบบ Bare Shell โดยยูนิตเล็กจะมีขนาดอยู่ที่ 453 ตารางเมตร เหมาะกับคนที่อยู่ 3 – 5 คน สามารถจัดพื้นที่การใช้งาน ให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของสมาชิกภายในบ้านได้เอง โดยเราได้ยกตัวอย่างการจัดโซนมาให้ดู 3 แบบเป็นไอเดียกันค่ะ

    แบบที่ 1 เหมาะกับคนที่อยู่เป็นครอบครัว ชอบความเป็นส่วนตัว รักสันโดษ ต้องการพื้นที่สำหรับอยู่ร่วมกันในครอบครัว แยกห้องนอนเป็นสัดส่วน โดยจะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนตามลำดับความเป็นส่วนตัวค่ะ

    เมื่อเข้าห้องมาแล้วจะเจอกับส่วนโถงต้อนรับระเบียงด้านหน้าอาจจะจัดเป็นพื้นที่รับแขกชมสวนเล็กๆสำหรับนัดคุยกับแขกที่ไม่ได้สนิทมากนัก เข้ามาภายในบ้านจะเจอกับพื้นที่รับประทานอาหาร เชื่อมต่อกับครัว สามารถจัดเป็นพื้นที่รับของแขกอย่างเวลาญาติๆมาบ้านก็ให้นั่งบริเวณพื้นที่รับประทานอาหารได้เลย เข้ามาอีกหน่อยจะเป็นพื้นที่รับแขกโซนสีส้ม สำหรับนั่งเล่นกันในครอบครัวหรือเวลาเพื่อนๆมาหา เชื่อมต่อออกไปยังระเบียงด้านหลังบ้าน

    สำหรับพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อยก็จะจัดไว้ชั้นล่างอย่าง Private Living Room และห้องทำงาน นั่งทำงานเงียบๆเป็นมุมสงบส่วนตัวก็ได้ค่ะ ส่วนห้องนอนจะแยกขึ้นไปไว้ที่ชั้น 2 ทั้งหมด สามารถออกแบบและเดินงานระบบให้มีห้องน้ำในตัวทุกห้องได้ ใครชอบพื้นที่ระเบียงจะทำระเบียงส่วนตัวออกมาจากห้องนอนก็ทำได้เช่นกันค่ะ

    แบบที่ 2 เหมาะกับคนที่ชอบความสนุกสนาน จัดปาร์ตี้บ่อยๆ ชอบการทำอาหารรับประทานร่วมกันในครอบครัว ฯลฯ โดยจะแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 2 ส่วนคือชั้นล่าง สำหรับทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน และชั้นบนเป็นพื้นที่ส่วนตัว

    เมื่อเข้าห้องมาแล้วเจอกับ Common Area เลย อาจจะแบ่งการใช้งานเป็นพื้นที่รับแขก เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น มีโต๊ะพูลไว้กลางบ้าน (หรือแกรนด์เปียโน, ของสะสม ฯลฯ) ก็แล้วแต่ความชอบของเจ้าของเลยค่ะ มีห้อง Private Living Room แยกออกมาเล็กน้อยสำหรับดูหนังร่วมกันในครอบครัว หรือจะเป็นห้องสัตว์เลี้ยงก็ได้นะ และถัดมาด้านในสุดเป็นพื้นที่ครัวเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารและ Balcony ขนาดใหญ่ด้านหลังบ้าน จะจัดเป็นสระว่ายน้ำสำหรับ Pool Party ขนาดย่อมๆก็ได้เช่นกันค่ะ ส่วนพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัว ต้องการความสงบอย่างห้องทำงานหรือห้องนอน ก็จะยกไปไว้ที่ชั้น 2 เลย

    แบบที่ 3 เหมาะสำหรับคนที่มีผู้สูงอายุอยู่ในครอบครัว หรือมีแขกมาค้างที่บ้านบ่อยๆ โดยจะจัดให้มีห้องนอนอยู่ที่ชั้นล่างเพื่อความสะดวกของผู้สูงอายุ ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดค่ะ 

    โดยที่เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับพื้นที่รับประทานอาหารและครัวก่อน เข้ามาอีกจึงเป็นพื้นที่ส่วนพักผ่อน สามารถจัดพื้นที่ชั้นล่างให้เป็นห้องนอนได้ 2 ห้องสำหรับผู้สูงอายุหรือคนที่มีแขกมานอนค้างที่บ้านบ่อยๆค่ะ สำหรับการติดตั้งลิฟต์เพิ่มเติมภายในห้องเองจะมีข้อจำกัดทางโครงสร้าง ทำให้ติดตั้งไม่ได้ (สามารถยื่นแบบสอบถามกับทางโครงการได้ค่ะ) การที่มีห้องนอนอยู่ชั้นล่างเลยจึงจะเหมาะกว่าค่ะ ส่วน Common Area (สีส้ม) ก็จะมีพื้นที่รับประทานอาหารเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น และระเบียงทำให้ห้องดูกว้าง แม้จะมีห้องนอนอยู่ด้านล่างค่ะ

    ส่วนชั้น 2 เป็นพื้นที่สำหรับทำงานอดิเรก, ห้องดูภาพยนต์, ห้องเล่นเกม (เป็นห้องอเนกประสงค์) และยังมีพื้นที่สำหรับห้องนอนได้อีกประมาณ 2 ห้องค่ะ

    เรามาดูห้องตัวอย่างกัน เมื่อออกจากลิฟต์มาแล้วจะเจอกับโถงทางเข้าห้องส่วนตัว บริเวณนี้จะมีผนังกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นวิวเมืองฝั่งถนนจันทน์เก่า และวิวสวนบริเวณระเบียงของเราเองค่ะ บริเวณพื้นจะมีการลดระดับมาให้เล็กน้อยใครชอบพื้นหิน, พื้นไม้ หรืออื่นๆ ก็สามารถตกแต่งได้ตามใจเลยค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นทางเข้าห้องพักอาศัยของเรา ซึ่งใครอยากติดตั้งประตูก็สามารถออกแบบได้เองเลย ส่วนห้องทางขวามือ (ประตูสีดำ) จะเป็นพื้นที่ Service ด้านในมีลิฟต์ Service และบันไดหนีไฟอยู่ค่ะ

    เดินเข้ามาแล้วจะเจอกับพื้นที่ด้านหน้าซึ่งสามารถทำเป็นพื้นที่เก็บรองเท้า ชั้นวางของต่างให้หยิบใช้งานก่อนออกจากบ้านได้สะดวก แบบห้องตัวอย่างที่วางชั้นรองเท้าไว้ทางด้านขวามือก็ได้นะ

    ถัดมาจะเป็นพื้นที่ Balcony ด้านหน้าบ้านมีพื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตรเลยค่ะ บริเวณนี้ทางโครงการทำเป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ลงดิน ลึก 1.20 เมตรไว้ให้ ทำให้สามารถปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่สูง 3 เมตรขึ้นไปได้เลย หรือใครอยากทำเป็นบ่อน้ำต้อนรับด้านหน้าบ้าน โครงสร้างก็สามารถรองรับได้เช่นกันค่ะ

    ประตูทางเข้าด้านหน้าบ้านเป็นบานเปิด กรอบบานอลูมิเนียมสีดำแข็งแรงทีเดียวค่ะ เพราะจะต้องรองรับแรงลมในชั้นสูงๆได้ ซึ่งถ้าเปิดประตูทั้ง 2 ฝั่งพร้อมกันก็จะทำให้ลมเข้าไปภายในบ้านค่อนข้างแรงเลย

    เนื่องจากโครงการนี้ออกแบบโดยเน้นการถ่ายเทของลม ทำให้ทุกๆรายละเอียดอย่างบานประตูที่โครงการให้มาก็จะสามารถเปิดช่องระบายอากาศเพื่อให้มีลมไหลผ่านได้ค่ะ

    เข้ามาภายในแล้ว ในห้องตัวอย่างออกแบบเป็นพื้นที่ Common Area มีพื้นที่รับประทานอาหารเชื่อมต่อไปกับพื้นที่รับแขกและพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่บริเวณนี้มีขนาดประมาณ 14.00 x 7.00 เมตร สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหาร 8-10 ที่นั่ง และชุดโซฟารับแขกใหญ่ๆ ได้แบบสบายๆ

    การที่ทางโครงการขายเป็นแบบ Bare shell มีข้อดีคือสามารถตกแต่งห้องได้ตามสไตล์และรสนิยมของตัวเอง โดยไม่ถูกจำกัดกับวัสดุที่ได้มาแล้ว และไม่ต้องเสียเวลามารื้อแบบเดิมเพื่อสร้างใหม่ค่ะ แต่ก็ทำให้ต้องเผื่องบประมาณในการตกแต่งเป็นเงินก้อนเพิ่มด้วย สำหรับลูกค้าที่ซื้อโครงการนี้จึงจะต้องเป็นคนที่มีงบประมาณอยู่ในระดับ 100 ล้านอยู่แล้วค่ะ

    เราลองมาดูพื้นที่ส่วนครัวที่เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารกัน ตรงนี้เราสามารถกั้นห้องเพื่อให้เป็นพื้นที่ครัวฝรั่งสำหรับเตรียมอาหารเบาๆ แล้วกั้นด้วยประตูเป็นครัวไทยด้านนอกได้

    ห้องตัวอย่างกั้นโซนครัวไทยมาไว้ด้านหลังสามารถเปิดประตูและระบายอากาศออกไปยังส่วนหลังบ้านได้ค่ะ

    พื้นที่ด้านหลังบ้านของโครงการนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนกับบ้านแนวราบที่มีลานซักล้างด้านหลังค่ะ เราสามารถ Built-in ต่อเติมเพิ่มได้ สามารถระบายอากาศได้ดี เหมาะกับเป็นพื้นที่ซักล้าง ตากผ้า หรือเก็บของได้

    พื้นที่ด้านหลังบ้านทางโครงการจะเดินงานระบบไว้ให้ ซึ่งสามารถต่อเพิ่มได้ตามพื้นที่การใช้งานที่เราจัดเองได้เลย ใครชอบพื้นที่สีเขียวบริเวณด้านหลังบ้านจะปลูกหญ้า หรือทำสวนไม้กระถางเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับบ้านได้

    งานระบบภายในห้องจริงที่ทางโครงการเดินไว้ให้เรียบร้อย มีทั้งท่อน้ำ, ไฟฟ้า ระบบดับเพลิงและต่อระบบเครื่องปรับอากาศได้ โดยทางโครงการแนะนำว่าระบบ VRV (ระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ ที่ Condensing 1 ตัว สามารถต่อกับหัวจ่ายลมได้หลายจุด) จะเหมาะสมที่สุดค่ะ หรือใครจะติดแบบ Split Type ก็ได้แต่ก็จะมี Condensing Units อยู่ที่ด้านหลังบ้านเยอะทีเดียวค่ะ

    ข้อดีของการเดินงานระบบลอยแบบในโครงการนี้คือเวลาซ่อมแซม ช่างสามารถเข้ามาที่ด้านหลังบ้านแล้วทำการซ่อมได้เลยโดยไม่ต้องรื้อฝ้าเพดาน รื้อผนังให้เกิดความยุ่งยาก

    ที่ด้านหลังห้องตัวอย่างจะมีห้องสำหรับแม่บ้านด้วย ช่วยแยกพื้นที่ทางเดินของแม่บ้านกับเจ้าของห้องได้อย่างชัดเจน โดยแม่บ้านก็จะเข้าออกทางด้านหลังไปเชื่อมต่อกับพื้นที่ Service ลงลิฟต์และบันไดหนีไฟได้โดยไม่ต้องเข้าไปภายในห้องเลย

    ภายในห้องแม่บ้านก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถอยู่ได้สบายๆมากกว่า 1 คนและมีพื้นที่สำหรับทำห้องน้ำในตัว พื้นที่ตรงนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของเจ้าของบ้านเลยค่ะ เพราะโครงการขายแบบ Bare Shell นั่นเอง

    ห้องน้ำของแม่บ้านสามารถทำให้อยู่ด้านในห้องได้เลย เพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวและมองไม่เห็นจากภายนอก

    กลับมาดูพื้นที่ด้านในกันต่อค่ะ นอกจากประตูทางเข้าที่เป็นบานเปิดขนาดใหญ่หลายๆบานแล้วทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (หรือ ฝั่งหน้าบ้าน) ก็จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ด้านบนติดตั้งมาให้ทำให้ห้องดูโปร่ง รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ และมองเห็นวิวได้กว้างค่ะ

    ถัดจากครัวและพื้นที่รับประทานอาหารมาแล้ว จะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบายๆ

    ภายในห้องตัวอย่างได้ออกแบบให้เป็นพื้นที่รับแขกในส่วน Common Area ส่วนห้องด้านหลังจะกั้นแบ่งเป็น 2 ส่วน คือห้องทำงานและห้องนั่งเล่นส่วนตัว มีห้องน้ำอยู่ตรงกลางค่ะ

    ห้องตัวอย่างที่กั้นแบ่งพื้นที่มาให้ดูจะสามารถกั้นเป็นห้องใหญ่ๆได้ถึง 2 ห้องเลย

    ห้องแรกเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น ใครจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องดูหนัง ห้องลูกน้อย หรือสำหรับสัตว์เลี้ยงที่นี่ก็สามารถทำได้ค่ะ

    ด้านหลังของห้องนั่งเล่นจะเป็นพื้นที่หลังบ้านที่เราสามารถทำเป็นที่เก็บของได้ โดยจะไม่ต้องไปกินพื้นที่เก็บด้านในนั่นเองค่ะ

    ห้องน้ำชั้นล่างของห้องตัวอย่างทำเป็น Powder Room  เราสามารถเลือกตำแหน่งห้องน้ำเองได้เช่นกันค่ะ

    ถัดมาเป็นห้องที่อยู่ริมสุด ในความจริงแล้วเราจะกั้นประตูปิด หรือไม่กั้นทำเป็นพื้นที่เล่นเกมส่วนตัว หรือจะวางโต๊ะพูล, โต๊ะปิงปอง ไปจนถึงแกรนด์เปียโนก็สามารถจัดพื้นที่ได้ตามความเหมาะสมเลย

    ในห้องตัวอย่างทำเป็นห้องสำหรับงานอดิเรก ใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวเวลาทำงานก็แยกตัวออกมาจากห้องนั่งเล่นมานั่งในห้องนี้ได้ค่ะ

    พื้นที่ห้องจริงที่ได้พื้นที่ประมาณ 6.00 x 10.00 เมตร  บริเวณนี้ห้องตัวอย่างกั้นให้ดูเป็นห้องนั่งเล่น, ห้องทำงาน และห้องน้ำเหมือนที่กล่าวมาข้างต้นค่ะ พื้นบางส่วนในห้องมาตรฐานที่ได้จะลดระดับมาให้เล็กน้อยเผื่อใครทำเป็นห้องน้ำ แต่ความจริงแล้วไม่ได้จำกัดนะคะ จะทำห้องน้ำไว้มุมๆห้องก็ได้

    ด้านหลังบ้านที่เป็นพื้นที่ Service จะเป็นพื้นที่ Semi Outdoor สามารถระบายอากาศได้ตลอดทั้งวัน

    ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้สามารถออกไปยัง Balcony ด้านหลังบ้านได้ โดยจะได้ประตูเป็นบานเลื่อนฝั่งละ 2 ตอน มีความสูงถึง 5.50 เมตร เปิดรับลมได้เยอะ มองเห็นวิวกว้าง และมีแสงเข้ามาได้ทั่วทั้งห้องเลยค่ะ

    ด้านข้างประตูจะมีช่องระบายอากาศเพิ่มมาให้ด้วย สำหรับตอนที่ปิดประตูอยู่ก็ยังให้ลมสามารถไหลผ่านได้

    บานประตูที่ได้ขนาดใหญ่มากๆเลยค่ะ อย่างที่กล่าวไปว่ามีความแข็งแรง สามารถทนแรงลมบนอาคารสูงได้ดี

    Balcony ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ มองเห็นวิวฝั่งถนนนางลิ้นจี่ ไม่มีอาคารสูงอยู่ในระยะประชิดทำให้เห็นวิวสวย และเป็นส่วนตัวทีเดียวค่ะ

    พื้นที่ของ Balcony ด้านหลังบ้านมีขนาดประมาณ 7.00 x 3.90 เมตร กว้างมากทีเดียว บริเวณนี้ทางโครงการจะลงดินสำหรับปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ให้เหมือนที่เห็นในห้องมาตรฐาน (ภาพล่าง) เลยค่ะ นอกจากนั้นยังสามารถทำสระว่ายน้ำส่วนตัว โครงสร้างก็สามารถรับน้ำหนักได้เช่นกัน

    ในเรื่องของงานระบบก็สามารถเดินออกมายังพื้นที่ตรงนี้ได้ค่ะ

    กลับเข้ามาดูภายในบ้านกันบ้าง ห้องมาตรฐานจะได้เป็นแบบ Bare Shell แล้วจะมีการติดตั้งบันไดขึ้นชั้น 2 เพิ่มเติมมาให้ แต่อาจจะมีแบบแตกต่างจากห้องตัวอย่างนะคะ

    ภายในห้องตัวอย่างออกแบบให้บันไดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ทำให้ห้องมีพื้นที่กว้าง นอกจากนั้นยังสามารถติดงานศิลปะ ตกแต่งบริเวณทางขึ้นบันไดได้อีกด้วย

    การต่อเติมบันได หรือส่วนอื่นๆเพิ่มเติมจะต้องแจ้งแบบให้กับทางโครงการดูด้วยนะคะ เนื่องจากอาจจะมีข้อจำกัดทางโครงสร้างบางอย่างที่น้ำหนักมากเกินไป หรือติดตั้งไม่ได้อยู่ด้วย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยค่ะ

    บรรยากาศภายในห้องเมื่อมองลงมาจากชั้นบน

    พื้นที่ชั้นลอยมีขนาดประมาณ 18.00 x 6.00 เมตร ซึ่งสามารถกั้นเป็นห้องนอนได้ 3 ห้องสบายๆ ซึ่งจะมีขนาดห้องประมาณไหนเราไปชมกันค่ะ

    ห้องแรกเป็นห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ วางเตียง 6 ฟุตและมีพื้นที่ด้านข้างเป็นโซนนั่งเล่นพักผ่อนได้

    ด้านหลังของชั้นลอยก็สามารถทำเป็นระเบียงส่วนตัวยื่นออกมาได้นะคะ อย่างในห้อง Master Bedroom นี้ก็ออกมากินชมชมวิว อ่านหนังสือด้านนอกได้ (แต่ถ้าเป็นช่วงนี้มีฝุ่นเยอะก็ไม่แนะนำนะคะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพ ;D)

    เชื่อมต่อกับห้องนอนเป็นพื้นที่ walk-in Closet สามารถจัดเป็นตัว U หรือตัว L มี Island ตรงกลางได้เต็มที่

    ในห้องตัวอย่างทำเป็นพื้นที่ Walk-in Closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำใช้งานได้สะดวก

    ห้องน้ำก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่ออกแบบให้มีอ่างอาบน้ำตรงกลางได้เลย (โครงสร้างรองรับอ่างอาบน้ำหนักๆได้นะคะ) และยังมีพื้นที่เปิดระบายอากาศไปยังด้านหลังบ้านได้

    ห้องน้ำในห้อง Master Bedroom ทำเป็นอ่าง His & Her ได้สบายๆ

    ใครอยากกั้นห้องอาบน้ำและโถสุขภัณฑ์แยกส่วนกันให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน ก็มีพื้นที่เพียงพอค่ะ

    ห้องนอนถัดมาเป็นห้องนอนที่ 2 ซึ่งก็มีพื้นที่ขนาดใหญ่ วางเตียง 6 ฟุตได้สบาย สามารถทำเป็นพื้นที่ห้องนอนและ Walk-in Closet แยกเป็นสัดส่วนได้เลย

    ในห้องตัวอย่างทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น เชื่อมต่อกับด้านนอกด้วยประตูกระจก ใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวจะกั้นผนังทึบก็ทำได้ค่ะ

    ด้านหน้าห้องน้ำของห้องนอนที่ 2 เป็นมุมแขวนผ้า เก็บของเล็กๆน้อยๆ ซึ่งสามารถออกแบบเองได้

    บรรยากาศภายในห้องน้ำ ที่ไม่สามารถหาได้ในคอนโดทั่วไปก็คือ ช่องเปิดระบายอากาศภายในห้องน้ำค่ะ แต่ถ้าเป็นโครงการนี้เราจะสามารถวางตำแหน่งห้องน้ำเองได้ และมีพื้นที่ด้านหลังบ้านสำหรับระบายอากาศ

    ห้องนอนที่ 3 ภายในห้องตัวอย่างทำเป็นห้องนอนเด็ก มีพื้นที่สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆค่ะ แล้วยังเหลือพื้นที่ด้านหน้าห้องทำเป็นมุมโต๊ะเขียนหนังสือได้สบายๆ

    ถ้าบ้านไหนมีเด็กหลายคนก็สามารถจัดพื้นที่เตียงนอนแบบ 2 ชั้นเหมือนในห้องตัวอย่างได้นะคะ มีหน้าผาจำลองได้เด็กๆปีนเล่นด้วย

    ส่วนห้องน้ำเราจะออกแบบให้อยู่ในทุกๆห้องนอนเพื่อความเป็นส่วนตัวก็ได้ค่ะ ซึ่งจากที่ดูกันไปแล้วพอจะมีไอเดียแต่งบ้านแบบไหนกันบ้างไหมคะ แนะนำกันมาที่ใต้บทความนี้ได้เลยนะ

    บรรยากาศภายในห้องเมื่อมองจากโถงทางเดินหน้าห้องนอน จะเห็นพื้นที่บริเวณ Common Area เกือบทั้งหมดเลย

    บรรยากาศเมื่อมองจากโถงทางเดินหน้าห้องนอนค่ะ ซึ่งเราจะเห็นวิวแบบนี้ได้เฉพาะห้องที่เป็น Duplex ขนาดใหญ่เท่านั้นนะ

     

    ห้องที่ 2 เป็นห้อง Type L ขนาด 562 ตารางเมตร อยู่ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มองเห็นวิวเมืองฝั่งถนนนางลิ้นจี่ และวิวเมือง ฝั่งถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งจะเน้นวิวทั้ง 2 ฝั่งนี้เป็นหลัก

    การออกแบบตกแต่งภายในของห้องนี้ทำขึ้นโดย Pernille Lind Studio ออกแบบให้กับครอบครัวคนไทยที่มีความรู้และชอบเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก เน้นการออกแบบที่พักอาศัยสำหรับครอบครัวโดยการผสมผสานจุดเด่นของการออกแบบสถาปัตย์ที่แข็งแกร่งเยือกเย็นกับความอบอุ่นและสะดวกสบายของชิ้นงานตกแต่งต่างๆ จะออกแบบโดยการแบ่งโซนสำหรับทำกิจกรรมในครอบครัว และกิจกรรมสังสรรค์เมื่อมีแขกมาหา แล้วตกแต่งด้วยของตกแต่งสไตล์ไทยที่หาจากตลาดขายของโบราณในกรุงเทพฯ นอกจากนั้นยังมีวัสดุและของตกแต่งโบราณจากสแกนดิเนเวีย และยุโรป มีเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่สั่งผลิตเฉพาะ

    โดยวัสดุที่ใช้ภายในห้องจะเน้นความอบุอ่นและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ มีการตกแต่งส่วนใหญ่ที่ใช้วัสดุไม้, มีม่านมู่ลี่จากไม้ไผ่ และใช้ต้นไม้ในร่มเพื่อปลูกภายในห้อง พร้อมกับการใช้ผ้าและวัสดุตกแต่งในโทนสีอ่อนอบอุ่น เช่น คาราเมล สีทราย สีน้ำเงิน และสีทอง

    การออกแบบพื้นที่ใช้สอย 

    การจัดวางฟังก์ชันของยูนิตใหญ่จะมีความคล้ายคลึงกับยูนิตเล็กค่ะ โดยเมื่อออกมาจากโถงลิฟต์ส่วนตัวแล้ว จะเจอกับพื้นที่ Balcony ขนาดใหญ่ด้านหน้าบ้าน เน้นพื้นที่ชานสำหรับนั่งทำกิจกรรมภายในครอบครัวจึงมีต้นไม้ใหญ่บางจุด ไม่เน้นการทำสวนพื้นที่สีเขียวมากนัก เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับโถง Common Area กว้าง เชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่รับประทานอาหาร ไปยังพื้นที่รับแขก และพื้นที่พักผ่อนส่วนตัว ตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังบ้าน ที่มีระเบียงชมวิว ทำให้ส่วน Common Area ดูกว้างมากขึ้น
    ส่วนพื้นที่ด้านใต้ชั้น 2 จะเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ด้านหน้าจะเป็นห้องครัวที่เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหาร สามารถออกไปยังครัวไทยและลาน Service ด้านหลังบ้านได้ ถัดจากครัวก็จะเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนอเนกประสงค์ แบ่งเป็นห้องนั่งเล่นและห้องทำงานส่วนตัว ส่วนห้องนอนจะถูกจัดขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 2 ทั้งหมด แบ่งเป็น 3 ห้องนอน มีห้องน้ำในตัว ห้อง Master Bedroom ได้ห้องนอนใหญ่พร้อม Walk-in Closet เป็นสัดส่วน นอกจากนั้นยังมีห้องสปา สำหรับจ้างมาทำสปาให้ที่บ้านของตัวเองได้เลย บรรยากาศจะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ

    ยูนิตมาตรฐานที่ทางโครงการขายทุกๆห้องจะได้เป็นห้อง Duplex แบบ Bare Shell มีขนาด 562 ตารางเมตร เหมาะกับคนที่อยู่ 4 – 6 คน สามารถจัดพื้นที่การใช้งานได้ตามความชอบของเจ้าของบ้านและมีพื้นที่ Service ด้านหลังแยกมามาให้เหมือนกับด้านหลังบ้านแนวราบ เพื่อให้ง่ายต่อการซ่อมแซม และเป็นพื้นที่ตากผ้า, ซักล้าง ฯลฯ ได้โดยไม่รบกวนด้านในห้อง ภายในสามารถจัดโซนได้เองเหมือนกับยูนิตเล็กเลยค่ะ

    เมื่อออกมาจากลิฟต์แล้วจะเจอกับโถงลิฟต์ส่วนตัวก่อนค่ะ บริเวณนี้สามารถตกแต่ง หรือ Built-in เป็นชั้นเก็บรองเท้าได้ ประตูทางเข้าห้องพักอาศัยจะอยู่ทางขวามือ ส่วนทางซ้ายมือเป็นประตูไปยังส่วน Service ค่ะ

    ประตูทางเข้าหลักของห้องนี้จะอยู่ทางขวามือ มองออกไปเห็นพื้นที่บริเวณสวนหน้าบ้านของเรานั่นเอง

    เมื่อออกมาจากโถงลิฟต์จะเจอกับ Balcony เป็นเหมือนสวนหน้าบ้านก่อนค่ะ พื้นที่ตรงนี้มีขนาดค่อนข้างกว้างเลย สามารถทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น , Party Zone หรือสระว่ายน้ำส่วนตัวก็ได้ค่ะ นอกจากนั้นยังสามารถปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ได้ ซึ่งทางโครงการได้ลงดินลึก 1.20 เมตรมาให้แล้วตามห้องมาตรฐาน (ภาพล่าง)

    ภายในห้องตัวอย่างได้ทำเป็นพื้นที่ชานบ้านมีต้นไม้ใหญ่สูง 3-5 เมตร ปลูกให้ความร่มรื่น บริเวณนี้ยังหันไปทางทิศตะวันออก มองเห็นวิวฝั่งถนนนางลิ้นจี่

    ห้องตัวอย่างอยู่ที่ชั้น 11 นะคะ มองเห็นวิวทางทิศตะวันออกเป็นวิวเมือง ชุมชนพักอาศัยค่อนข้างร่มรื่นส่วนใหญ่มีแต่บ้านหลังใหญ่ๆทั้งนั้นเลยค่ะ

    มองกลับมาที่ห้องพักอาศัยกันบ้าง ห้องนี้ก็จะได้ประตูหน้าต่างมาเหมือนกับห้องเล็กนะคะ เป็นประตูบานเปิดกรอบบานอลูมิเนียมสีดำ สามารถเปิดช่องระบายอากาศด้านล่างได้

    เข้ามาภายในห้องแล้วจะเจอกับส่วน Common Area กว้างมีพื้นที่ประมาณ 18.00 x 7.00 เมตร โดยห้องตัวอย่างจะจัดพื้นที่คล้ายกับห้องที่แล้วเลยค่ะ เริ่มจากส่วนรับประทานอาหาร และครัว เชื่อมต่อกับพื้นที่รับแขกและห้องนั่งเล่น

    นำภาพห้องมาตรฐานที่ได้ (Bare Shell) มาให้ดูกันค่ะ ทางโครงการจะติดตั้งประตูและหน้าต่างไว้ให้ทั้งหมด ส่วนพื้นที่ด้านในเราสามารถออกแบบและเลือกวัสดุปิดผิวเองได้ทั้งหมดเลย

    พื้นที่ส่วนนั่งเล่นกว้าง สามารถวางชุดโซฟารับแขกขนาดใหญ่ 5-10 ที่นั่งได้

    ถัดมาจะเป็นพื้นที่พักผ่อน ริมระเบียงมองออกไปเห็นวิวด้านนอกฝั่งทิศตะวันออกตกเฉียงใต้ หรือฝั่งถนน นราธิวาสราชนครินทร์ได้ค่ะ

    ประตูฝั่งนี้ก็จะเหมือนกับในห้องที่แล้วเลยค่ะ ได้เป็นประตูบานสูง 5.50 เมตร บานเลื่อนฝั่งละ 2 ตอนกรอบบานอลูมิเนียมขนาดใหญ่มีความแข็งแรง สามารถเปิดช่องระบายอากาศทางด้านข้างได้

    Balcony ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ มีขนาดประมาณ 7.00 x 4.90 เมตร สามารถทำสระว่ายน้ำ, บ่อบัว หรือปลูกหญ้าทำสวน และปลูกต้นไม้ใหญ่เพิ่มความร่มรื่นได้สบายๆเลย

    Balcony ฝั่งนี้มองเห็นวิวถนน นราธิวาสราชนครินทร์ที่มีการปรับทัศนียภาพให้สวยงามมีต้นไม้อยู่ตลอด 2 ฝั่งของทางระบายน้ำ ห้องตัวอย่างอยู่ที่ชั้น 11 ก็เห็นวิวเมืองค่อนข้างกว้างแล้วค่ะ

    มาดูพื้นที่ด้านใต้ชั้น 2 กันบ้าง ภายในห้องตัวอย่างจะจัดเป็นฟังก์ชัน 3 ส่วนใหญ่ๆคล้ายกับห้องที่ผ่านมาคือ พื้นที่ครัวอยู่ด้านซ้ายสุด และมีพื้นที่พักผ่อนตรงกลางเชื่อมต่อกับห้องรับแขกกลางบ้าน และห้องทำงานส่วนตัวฝั่งขวาสุดค่ะ

    ห้องครัวสามารถจัดได้พื้นที่ค่อนข้างเยอะ มีเคาน์เตอร์ 2 ฝั่งและวาง Island ตรงกลางได้

    ด้านหลังเป็นพื้นที่ Service เหมือนกับลานซักล้างด้านหลังบ้าน ซึ่งพื้นที่ห้องตัวอย่างห้องนี้มีการใช้งานเป็น Sale Office ใช้งานให้ดูจริงๆเลยค่ะ

    ส่วนหลังบ้านเป็นพื้นที่รวบรวมงานระบบทั้งหมด เวลาช่างมาซ่อมแซมก็สามารถเข้าจากด้านหลังได้เลย รวมถึงเวลาที่มีปัญหาอะไร ช่างสามารถซ่อมได้โดยไม่ต้องเปิดฝ้าเพดานหรือทุบผนังค่ะ

    ถัดมาจะเป็นพื้นที่ห้องทั้ง 2 ฝั่ง สามารถทำห้องน้ำเป็นห้อง Powder Room ตรงกลางได้

    พื้นที่ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่บริเวณนี้สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องเลี้ยงสัตว์, ห้องออกกำลังกาย, ห้องสปาส่วนตัว ฯลฯ ได้ตามความชอบของเจ้าของได้เลย

    ห้องริมสุดในห้องตัวอย่างตกแต่งเป็นห้องทำงาน ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นห้องนอนของผู้สูงอายุแบบมีห้องน้ำในตัวได้ โดยไม่ต้องขึ้นบันไดไปด้านบน และยังสามารถออกไปใช้พื้นที่ระเบียงด้านหลังบ้านรับลมแบบเป็นส่วนตัวได้อีกด้วยค่ะ

    บันไดทางขึ้นชั้น 2 ของห้องใหญ่จะอยู่ติดกับทางเดินเลยค่ะ ทำให้พื้นที่ Common Area ได้ฝ้าเพดานสูงโปร่งตลอดทั้งแนว

    ขึ้นมาพื้นที่ด้านบนสามารถแบ่งเป็นห้องนอนได้ 4 ห้องสบายๆ

    มาดูห้อง Master Bedroom กันก่อนค่ะ ภายในห้องนี้สามารถวางเตียง 6 ฟุต และมีพื้นที่ด้านข้างค่อนข้างเยอะเลย

    ด้านหลังของห้องนอนก็สามารถทำระเบียงส่วนตัวยื่นออกมาได้เช่นกัน

    ถ้าห้องนอนห้องอื่นๆทำระเบียงออกมาเหมือนกันก็จะสามารถมองเห็นกันได้เหมือนในห้องตัวอย่างค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามกับระเบียงเหลือพื้นที่ภายในห้องทำเป็นมุมนั่งเล่น หรือมุมสำหรับของสะสมก็เก๋ดีเหมือนกันค่ะ

    เชื่อมต่อกับห้องนอนมาเป็นส่วน Walk-in Closet แยกเป็นสัดส่วน สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นตัว U ได้เลย

    พื้นที่ Walk-in Closet ยังเชื่อมต่อกับห้องน้ำ ซึ่งเราสามารถดีไซน์เองได้ ใครที่ชอบอ่างอาบน้ำอยู่ตรงกลางห้องก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ

    ห้องนอนที่ 2 ตกแต่งเป็นห้องนอนเด็กแต่ก็ยังวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ มีพื้นที่นั่งเล่น ทำโต๊ะเขียนหนังสือ, โต๊ะเครื่องแป้ง และ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้

    ห้องน้ำสามารถจัดวางให้อยู่ด้านหลังเพื่อให้ง่ายต่อการเดินงานระบบ และระบายอากาศได้ดีค่ะ แต่ถ้าใครชอบห้องนอนที่มีระเบียงมากกว่าก็เปลี่ยนห้องน้ำมาไว้ขนานกับห้องนอนได้นะ

    ห้องนอนที่ 3 แบ่งได้ขนาดพอๆกับห้องนอนที่ 2 เลยค่ะ สามารถวางเตียงใหญ่ๆได้สบายและมีห้องน้ำอยู่ด้านหลัง ในบ้านที่มีจำนวนสมาชิกไม่เยอะสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นห้องเล่นเกม , ห้องออกกำลังกายได้นะคะ

    ห้องสุดท้ายห้องตัวอย่างทำเป็นห้องสปาส่วนตัว มีห้องน้ำในตัวใครที่มีสมาชิกภายในบ้านเยอะก็สามารถจัดเป็นห้องนอน หรือเป็นห้องไว้รับรองแขกเวลามีเพื่อนมาพักก็ได้ค่ะ

    ห้องน้ำติดกับด้านนอกสามารถระบายอากาศได้เช่นกันค่ะ

    บรรยากาศเมื่อมองจากโถงทางเดินหน้าห้องนอนค่ะ มองลงไปเห็นพื้นที่ Common Area ด้านล่างได้

    ห้อง Combine ขนาด 1,015 ตารางเมตร

    ห้อง Combine เป็นห้องที่เชื่อมต่อกันระหว่างห้องเล็กและห้องใหญ่ภายในชั้นเดียวกันค่ะ ทำให้มีพื้นที่ถึง 1,015 ตารางเมตรเลย เหมาะสำหรับคนที่อยู่กันหลายครอบครัว โดยห้องมาตรฐาน Combine ที่เราพามาดูวันนี้คืออยู่ที่ชั้น 10 ซึ่งเป็นชั้นบนของลานจอดรถพอดี จะมีความแตกต่างจากห้องอื่นอย่างไรเราไปชมกันค่ะ

    ภายในห้องจะมีช่องทางเชื่อมต่อกับห้องอีกฝั่งหนึ่ง สามารถกั้นห้องเป็นทางเดินเชื่อมกันเหมือนบ้านหลังใหญ่ได้เลย

    โดยทางเชื่อมของห้องะอยู่ติดกับส่วน Service ด้านหลังบ้านค่ะ 

    บรรยากาศภายในห้องมาตรฐานประเภท Combine

    บรรยากาศภายในห้องมาตรฐานประเภท Combine

    ช่องแสงของห้องก็จะได้เหมือนกับห้องมาตรฐานทั่วไป มีประตูสูง 5.50 เมตรทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้เช่นกันค่ะ

    แต่ที่แตกต่างจากห้องอื่นๆตรงที่ห้องชั้น 10 จะได้พื้นที่สวนกว้างสามารถเชื่อมต่อระเบียงกันได้ทั้ง 2 ห้อง ใครอยากทำเป็นสระว่ายน้ำ, บ่อบัว, ปลูกผักออร์แกนิค ก็ทำได้หมดทุกอย่างเลย ;D

    ด้านข้างของอาคารยังสามารถเดินเชื่อมกันได้ด้วยค่ะ

    **พื้นที่ใช้สอยในแต่ละชั้นอาจจะมีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย สนใจชั้นไหนให้สอบถามกับทางโครงการได้เลยนะคะ

    ราคา

    7 February 2020

    • Type S ขนาด 453 ตารางเมตร ราคา 78 ล้านบาท หรือประมาณตารางเมตรละ 172,185 บาท
    • Type L ขนาด 562 ตารางเมตร ราคา 88 ล้านบาท หรือประมาณตารางเมตรละ 156,583 บาท

    • รูปแบบการขาย Bare Shell และมี option เป็น Fitted หรือ Turn-key ตามที่ลูกค้าต้องการและตามงบประมาณที่ลูกค้ากำหนด โดยทั้งหมดมีเจ้าหน้าที่ของโครงการแนะนำและทำงานร่วมกับทีมของลูกค้าได้
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 6.70 เมตร (แต่ละชั้น 7 เมตร)
    • จอง 500,000 บาท
    • ทำสัญญา 30% บาท (หลังวันจอง 15 วัน)
    • โอน 70 %
    • ค่ากองทุน 1,000 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 100 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ขอเกริ่นก่อนว่าโครงการ Windshell นราธิวาส เป็นโครงการที่ทำออกมาเพื่อคนที่ต้องการบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง ที่อยากจะออกแบบ จัดพื้นที่ใช้สอยและตกแต่งภายในบ้านเอง และอยากได้ Facilities ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเหมือนคอนโด ดังนั้น Product ที่ออกมาจึงมีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนกับคอนโดทั่วๆไป เช่นการขายแบบ Bare Shell การออกแบบโดยคำนึงถึงแดดลม (Natural Cross Ventilation) มีสวนให้ปลูกต้นไม้ได้และสามารถเลี้ยงสัตว์ได้เหมือนบ้านเป็นต้น ซึ่งโครงการบ้านทำเลนี้ในราคาเท่าๆกันจะมีตัวเลือกอยู่เพียงไม่กี่หลัง และถ้าหาซื้อที่ดินมาสร้างเอง ราคาจะสูงมากๆไปเลย หรือไม่ก็จะไปอยู่ในทำเลที่ถัดออกไปอย่างพระราม3 แทน โครงการนี้จึงมีลักษณะผสมกับระหว่างความอยู่สบายของบ้านและความสะดวกของคอนโดค่ะ

    ทำเล :

    สำหรับทำเลโครงการ Windshell นราธิวาส ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมืองใกล้ย่านสีลม สาทร ซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้น ทำให้การหาซื้อของกินของใช้ในย่านนี้ก็ทำได้สะดวกไม่แพ้ทำเลอื่นๆ มีห้างสรรพสินค้าชื่อดัง อย่าง Central Plaza พระราม 3, Tops Supermarket และมี Community Mall อย่าง Vanilla moon, The Market Place อยู่ไม่ไกล โดยจะแบ่งความอุดมสมบูรณ์ไปอยู่ที่ 3 ถนนเส้นหลักคือ ถนนจันทน์, ถนนนางลิ้นจี่ และถนนพระราม 3 นั่นเองค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถ :

    การเดินทางโดยใช้รถถือว่าทำได้สะดวกเนื่องจากโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ และถือว่าอยู่ในเมือง มีทางเข้า-ออกติดกับถนน นราธิวาสราชนครินทร์ ฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปถนนพระราม 3 ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นหลักที่เดินทางไปยังถนนสีลมและสาทรได้ง่าย หรือใครที่ทำงานย่านพระราม 4 ก็ใช้ถนนเย็นอากาศไปออกถนนพระราม 4 ได้เลย อีกทั้งยังไม่ไกลจากทางด่วนเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัชในระยะทางไม่เกิน 3 กิโลเมตร

    คนที่อยู่โครงการนี้คงจะเน้นการใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักกันอยู่แล้ว นอกจากเรื่องเส้นทางยังต้องคำนึงถึงพื้นที่จอดรถ ซึ่งก็มีมาให้จอดได้เต็มที่กับที่จอดรถชั้น 2-9 จำนวน 209 คัน คิดเป็น % กว่า 500% ซึ่งทางโครงการมีที่จอดรถมาให้ยูนิตละ 3 คัน (Fixed) และเหลืออีก 108 คันสำหรับมีแขกมาพบค่ะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

    เนื่องจากทำเลและระดับของโครงการเน้นไปที่การใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก แต่ก็มีตัวเลือกเผื่อสำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ สำหรับคนที่มาพบ หรือมาทำงาน(แม่บ้าน) ให้เลือกใช้ โดยโครงการอยู่ห่างจาก BRT สถานีถนนจันทน์ ประมาณ 100 เมตร สามารถเดินได้สบายๆ นอกจากนั้นยังสามารถเรียกรถ Taxi, Bike ผ่าน Application ได้สะดวกเนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ส่วนใครที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า ก็สามารถใช้ BTS สุรศักดิ์ หรือ BTS ช่องนนทรี แล้วต่อ Taxi ก็ได้เช่นกัน

    วัสดุ :

    โครงการมีรูปแบบการขายแบบ Bare Shell ไม่ได้มีวัสดุปิดผิวมาให้ เพราะทำออกมาให้คนที่อยากตกแต่งห้องเอง แต่จะมีประตู หน้าต่างหลักของห้องมาให้  มีจุดเด่นคือได้ประตูบานสูง 5.50 เมตร ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในห้องได้เยอะ และเห็นวิวได้กว้าง มีความแข็งแรง ทนแรงลมในชั้นสูงๆได้ดี มีบานเกล็ดด้านล่างให้ระบายอากาศ  และมีบันไดขึ้นชั้น 2 มาให้ด้วย พร้อมกับมีงานระบบต่างๆเดินมาให้ครบค่ะ

    การออกแบบ :

    การออกแบบสถาปัตยกรรมของอาคารจะมีการเน้นเรื่องการระบายอากาศด้วยวิธีธรรมชาติ  (Natural Cross Ventilation) คือการเปิดรับลมในทิศทางที่ลมเข้าอย่างทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีสไตล์การตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางเป็นสไตล์ Loft โชว์พื้นผิวของวัสดุจริงๆ ดังนั้นโครงการนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบสไตล์นี้ด้วยนะคะ อย่างภายนอกของอาคารทั้งหมดจะเป็นพื้นผิวผนังโครงสร้างคอนกรีต ทำให้ไม่เกิดรอยแตกร้าว ถ้าเป็นโครงการทั่วไปที่มีการฉาบ ทาสี เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้เกิดการลอก หรือแตกร้าวได้ โครงการนี้ออกแบบในรูปแบบ “Tropical Stacking Home” นำเอาข้อดีของบ้าน อย่างการที่ได้พื้นที่สีเขียวส่วนตัว ทำสวนได้ มีพื้นที่เยอะ มีพื้นที่ Service มาผสมผสานกับข้อดีของคอนโดมิเนียม อย่างเช่นการรักษาความปลอดภัย ได้วิวสวย มี Facility ให้ใด้ใช้งาน ฯลฯ มารวมเข้าไว้ด้วยกัน ออกแบบเป็นห้อง Duplex ขนาดใหญ่ฝ้าเพดานสูง 6.70 เมตร (Floor to Floor 7.00 เมตร) ในรูปแบบ Bare Shell สามารถดีไซน์การใช้งานและสไตล์การตกแต่งเองได้ทั้งหมด ข้อดีอีกจุดหนึ่งอยู่ที่โครงสร้างเป็น Shear Wall หรือผนังรับน้ำหนัก ทำให้ภายในห้องพักอาศัยไม่มีเสา ได้พื้นที่เปิดโล่งเต็มที่ นอกจากนั้นภายในโครงการยังได้ความเป็นส่วนตัวจากลูกบ้านเพียง 36 ยูนิต และมีลิฟต์โดยสารส่วนตัว โดยรวมแล้วเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ที่กำลังมองหาบ้านที่ได้ข้อดีของคอนโดเข้ามารวมด้วย 

    สาธารณูปโภค :

    สาธารณูปโภคภายในโครงการมีอยู่ 2 ส่วนด้วยกันคือที่ชั้น 1 มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เหมือนสนามหญ้าภายในบ้าน มีชานสำหรับนั่งพักผ่อนเป็นพื้นที่ Semi Outdoor ภายใน Lobby มีชุดโซฟารับแขก และของตกแต่ง Antique ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกลับมาบ้านของญาติผู้ใหญ่ แต่ก็ยังมีความแข็งแรงจากพื้นผนังปูนเปลือย ด้านใน Lobby จะมีมุมอ่านหนังสือเป็นส่วนของ Library ค่ะ ส่วนลิฟต์โดยสารจะมีมาให้ 2 ตัวแยกโซนระหว่างยูนิตเล็ก 1 ตัวและยูนิตใหญ่อีก 1 ตัว เป็นลิฟต์ส่วนตัวอัตราส่วนเพียง 18 : 1 ถือว่าน้อยมากๆ และมีลิฟต์ Service ให้ตรงกลาง

    ส่วน Facility จะอยู่ชั้นบนสุด คือชั้น 28 แม้ตัวเลขชั้นจะไม่เยอะแต่จากความสูงของแต่ละชั้นอยู่ที่ 7 เมตร ทำให้ตัวอาคารมีความสูงรวมประมาณ 160 เมตร มองเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดเจน ชั้นบนจะมีพื้นที่สวน, สระว่ายน้ำแยกสระเด็กและสระผู้ใหญ่, Communal Kitchen, Multi-Purpose Room, Fitness และห้อง Steam แยกชาย-หญิง โดยรวมเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะค่ะ

    Judgement

    เนื่องจากโครงการนี้มีการออกแบบเพื่อลูกค้าระดับ Luxury ที่มองหาบ้านขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ผสมกับความสะดวกสบายของคอนโดมิเนียม ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะคะ เพราะมีตัวเปรียบเทียบน้อย เป็นสินค้าประเภท Unique  และเราก็เชื่อว่าลูกค้าที่พร้อมจะซื้อคอนโดระดับนี้ ไม่ตัดสินง่ายๆด้วยคะแนนแน่นอนค่ะ

    BOTTOM LINE

    Windshell นราธิวาส เหมาะกับครอบครัว 3-6 คน ที่มองหาคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่สวนส่วนตัว ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้าน แต่เป็นบ้านที่อยู่ในทำเลเมือง ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี และต้องการออกแบบบ้านของตัวเองตามความชอบโดยไม่ถูกจำกัดด้วยวัสดุ ชอบโครงการที่มีพื้นที่สีเขียว มี Facility ให้ใช้ และเน้นความเป็นส่วนตัวสูง การเดินทางใช้รถยนต์เป็นหลัก เป็นกลุ่มลูกค้า Luxury ที่ไม่มีเงื่อนไขทางด้านการเงิน มีงบประมาณเริ่มต้นอยู่ที่ 80-100 ล้านบาท


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving