รีวิวฉบับที่ 1863 .. พระโขนงจัดเป็นทำเลที่พัฒนาขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ เพราะเป็นทำเลที่ใกล้ทั้งเอกมัย-ทองหล่อ ทะลุไปพระราม 4 หรือใช้ทางด่วนก็ง่าย วันนี้ผมมีโครงการ Vertier Sukhumvit คอนโด High Rise 31 ชั้น ห่างจาก BTS พระโขนง เพียง 30 เมตร มาแนะนำครับ ภายในโครงการเน้นความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 227 ยูนิต พร้อมพื้นที่ส่วนกลางชั้นดาดฟ้า และวัสดุภายในห้องก็ให้มาดีทีเดียว เริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท ไปดูกันเลยครับ

Fact @  14 May 2019

  • Vertier Sukhumvit (เวอร์เทียร์ สุขุมวิท)
  • บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย
  • คอนโด High Rise สูง 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 227 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 10 ยูนิต
  • ที่จอดรถแบบ Automatic Parking ประมาณ 136 คัน คิดเป็น 60%
  • ที่ดินประมาณ 1-0-30 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง Q1 / 2019
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2 / 2021
  • 1 Bedroom 28-42 ตร.ม. จำนวน 183 ยูนิต
  • 2 Bedroom 48-52 ตร.ม. จำนวน 38 ยูนิต
  • 3 Bedroom 86 ตร.ม. จำนวน 6 ยูนิต
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 195,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1298

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.715803, 100.590080
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ

ทำเลที่ตั้งของโครงการถือว่าเป็นหนึ่งในจุดเด่นหลักเลยเพราะเป็นโครงการตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทฝั่งใต้ ซึ่งอาจจะไม่ได้คึกคักเท่ากับฝั่งเหนือ แต่ก็มีข้อดีในแง่ของบริบทโดยรอบ มีความเงียบสงบและเหมาะแก่การอยู่อาศัยมากกว่า และเชื่อมต่อกับถนนพระราม 4 ได้ง่าย แต่ก็ถือว่ายังไม่ไกลทำเลสำคัญอย่าง ทองหล่อ-เอกมัย ห่างเพียงแค่ 1-2 สถานีเท่านั้น สามารถอิงความเจริญได้สะดวกอยู่ ตำแหน่งที่ตั้งเป็นพระโขนงช่วงปลาย ในช่วงบริเวณที่ถนนพระราม 4 มาบรรจบกับถนนสุขุมวิทพอดี จึงเชื่อมต่อถนนพระราม 4 ได้ง่าย มีซอยลัดเลาะทะลุให้เลือกเลี่ยงรถติดได้หลากหลาย หรือจะไปทางฝั่งบางนา-ตราดก็สะดวกเลย เรียกว่าเข้าเมืองง่ายออกเมืองสะดวกก็ว่าได้

สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือว่าง่ายและสะดวกมากๆ เพราะอยู่บนถนนสุขุมวิทฝั่งเข้าเมือง แต่ก็มีจุดกลับรถใกล้ๆหน้าโครงการ อยู่บนถนนใหญ่ทำให้เดินทางสะดวกไม่ต้องเข้าซอย แถมยังสังเกตได้ง่าย ด้านข้างมีซอยยิบย่อยให้เลือกทะลุไปพระราม 4 ได้ง่าย หรือไปทางฝั่งออกเมืองบางนา-ตราด ทะลุไปยังสนามบินสุวรรณภูมิก็ง่าย  แถมที่สำคัญเลยคือใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ทั้งจุดขึ้นและจุดลง เข้าออกสะดวกทำให้สามารถเดินทางได้หลากหลาย

จากตัวโครงการมีระยะถึงจุดขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ประมาณ 1.8 กิโลเมตร ซึ่งจะต้องกลับรถบนถนนสุขุมวิทก่อน จากนั้นตรงไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวซ้าย ตรงต่อไปอีกประมาณ 650 จะถึงด่านเก็บเงินพระโขนง

สำหรับทางลงก็ไม่ไกลนะครับ ลงจากทางด่วนมาแล้วชิดขวาวนเพื่อเข้าถนนสุขุมวิท จากนั้นตรงต่อไปเรื่อยๆ ก็จะถึงตัวโครงการเลยครับ มีระยะรวมทั้งหมดประมาณ 3.1 กิโลเมตร

ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะถือเป็นไฮไลท์อีกจุดหนึ่งของโครงการ คือมีตำแหน่งที่ตั้งติด BTS พระโขนง เพียงแค่ 30 เมตร มีจุดขึ้นลงใกล้ๆตัวโครงการเลยเดินได้สบายๆ สำหรับใครที่ใช้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นประจำก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว นอกจากนั้นการที่ตัวโครงการตั้งติดถนนใหญ่ยังทำให้สามารถเรียกใช้รถสาธารณะได้สะดวก ทั้งรถประจำทาง แท็กซี่ และพี่วินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งก็มีทั้งป้ายรถประจำทางและตำแหน่งของพี่วินอยู่ไม่ไกลตัวโครงการครับ สามารถเดินได้ทั้งหมด

ในระยะเดินก็มีของกินของใช้ให้หากันได้ไม่ยาก เพราะการมีตำแหน่งติดกับสถานีรถไฟฟ้า จะช่วยให้มีของกิน และร้านสะดวกซื้อในระยะเดิน ส่วนอื่นรอบๆ ก็มีพวกร้านกาแฟ ร้านคาเฟ่ ประปรายตามซอยต่างๆ ทางฝั่งพระโขนงจะมี Summer Hills Bangkok ห่างจากโครงการประมาณ 270 เมตร ภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ออกกำลังกาย รวมไปถึง co-working space ด้วยครับ โดยฝั่งตรงข้ามจะมี W District เป็น Creative Space สำหรับพักผ่อน มีทั้งพื้นที่นั่งชิล ร้านค้า ร้านอาหาร หรือจะมานั่งทำงาน กิจกรรมก็สามารถครับ ส่วนอีกฝั่งทางเอกมัยก็จะมี Gateway เอกมัย มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 550 เมตร ภายในมีร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกหลากหลายเช่นกัน นอกจากนั้น

ห่างออกมาหน่อย อย่างที่บอกไปว่าอยู่บนถนนสุขุมวิทฝั่งใต้ ซึ่งความคึกคักจะไม่เท่ากับฝั่งเหนือ (ทองหล่อ-เอกมัย-ปรีดี พนมยงค์) ถึงจะอยู่คนละฝั่งถนนก็จริงแต่มีระยะไม่ไกลกันเลย ยังสามารถเชื่อมต่อกันได้ง่ายอยู่นะ จะมีพวกห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหารชิคๆให้ใช้บริการ หรือถ้าขับรถออกจากหน้าโครงการตรงไปเรื่อยๆเลยก็จะเจอ The Em District  ที่ภายในประกอบไปด้วย Emporium, EmQuartier และ Emsphere ในอนาคต เหล่าห้างใหญ่ประจำพร้อมพงษ์ หรือจะออกไปทางฝั่งอ่อนนุชก็มี Big C อ่อนนุชให้ใช้บริการกันไม่ไกล

สำหรับการเดินทางไปโครงการ วันนี้ผมจะพาไปด้วยเส้นทางที่เป็นจุดเด่นของเรานะ คือจาก BTS พระโขนงนั่นเอง เป็นการเดินทางที่ง่ายและสะดวกมากครับ เพียงแค่ออกจากสถานีด้วยประตูทางออกหมายเลข 2 จากนั้นเดินตรงต่อมาเรื่อยๆอีกประมาณ 30 เมตร ก็ถึงโครงการแล้วครับ

เริ่มต้นที่ BTS สถานีพระโขนง เป็นสถานีที่อยู่ในช่วงระหว่างเข้าเมืองและออกเมือง ซึ่งไม่ได้มีคนเยอะมากนักแต่ก็มีเรื่อยๆตลอดทั้งวัน ไม่ต้องต่อคิวรอรถไฟหลายขบวน

ให้เราออกมาที่ประตูทางออกหมายเลข 2 นะครับ จะอยู่บนถนนสุขุมวิทฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมือง

ทางฝั่งนี้มีทั้งทางเดินและลิฟต์ให้ใช้บริการด้วย ในกรณีมีสัมภาระเยอะ

ทางขึ้นลงของประตูทางออกหมายเลข 2 จะเป็นแบบเดินนะ ซึ่งก็ดีตรงที่สามารถขึ้นและลงได้ในจุดเดียว ไม่ต้องเดินไกล (ถ้าเป็นบันไดเลื่อนขึ้น อาจจะต้องไปลงไกลหน่อย)

อีกฝั่งเป็นลิฟต์ให้บริการครับ

เมื่อลงมาแล้วให้เราเดินตรงต่อเลย มุ่งหน้าไปทางฝั่งเอกมัย จะเจอซอยเล็กๆ คือซอยสุขุมวิท 44/1 นั่นเอง

ซอยสุขุมวิท 44/1 เป็นซอยที่สามารถไปทะลุกับถนนพระราม 4 ได้ ในกรณีที่มาจากพระราม 4 ก็สามารถใช้ซอยนี้กลับเข้าโครงการได้ โดยที่ไม่ต้องผ่านถนนใหญ่ครับ

เดินกันต่อบนถนนสุขุมวิทฝั่งมุ่งหน้าไปทางเอกมัย จะสังเกตได้ว่าทางเท้ามีระยะค่อนข้างกว้าง มีต้นไม้ตลอดแนว ด้านข้างจะเป็นแนวตึกแถว 4 ชั้น เปิดเป็นร้านค้าและที่พักอาศัยด้านบนซะส่วนใหญ่ครับ

หลังจากเดินมาประมาณ 30 เมตร ก็จะพบสำนักงานขายโครงการ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการด้วยนั่นเอง

สำนักงานขายสไตล์โมเดิร์นดูหรูหราทีเดียว ภายในมีระดับฝ้าแบบ double volume มีการเล่นฟอร์มของผนังพร้อมจัดเฟอร์นิเจอร์ให้เข้าตามแนวโค้ง เน้นสีโทนสว่าง ไฟ และกระจกในการตกแต่ง

ตัวห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 4 ซึ่งในระยะประชิดตัวโครงการ มีแนวอาคารตึกแถวล้อมรอบ ส่วนใหญ่จะสูงที่ 3 ชั้น มีเพียงอาคารเดียวเท่านั้นสูง 6 ชั้น ตั้งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออก และไม่มีห้องที่หันไปโดนฝั่งนั้นเต็มๆนะ แค่เยื้องๆกันเล็กน้อย จึงไม่มีผลกับวิวมากนัก

มาดูพื้นที่รอบๆระยะไกลของอาคาร High Rise 31 ชั้นของเรากันบ้างครับ ชั้นด้านบนจะได้วิวค่อนข้างโล่ง ด้านหน้าโครงการจะมีแนวรถไฟฟ้าที่สูงประมาณ 5 ชั้น ส่วนแนวอาคารสูงส่วนใหญ่จะอิงถนนสุขุมวิท ทั้งทางฝั่งเอกมัย และซอยสุขุมวิท 71 ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่มีระยะห่างพอสมควร ลองมาดูแต่ละทิศกันครับ

  • ทิศเหนือ – เป็นฝั่งด้านหน้าของโครงการ มีทางเข้าออกจากถนนสุขุมวิท และแนวรถไฟฟ้า ข้ามไปฝั่งตรงข้ามก็ไม่มีอาคารสูงมาบังวิวในระยะใกล้ ทิศนี้จึงถือเป็นทิศที่มีจำนวนห้องพักอาศัยสูงเป็นอันดับที่ 2 ของทั้งโครงการ โดยจะมีห้องพักอาศัยทางด้านนี้สูงสุดที่ชั้นละ 4 ห้อง ถือว่าถ้าเลยแนวรถไฟฟ้าขึ้นมาก็เป็นวิวโล่งและน่าสนใจเหมือนกัน
  • ทิศตะวันออก – เป็นทิศที่ติดกับอาคาร The Rhythm สุขุมวิท 44 ซึ่งเป็นคอนโด 34 ชั้น ที่สร้างเสร็จมาก่อนเราหลายปีแล้ว ถือว่าเป็นฝั่งที่มีมุมมองที่โดนบล็อคมากที่สุด ดังนั้นทางโครงการจึงวางห้องพักอาศัยทางฝั่งนี้เพียง 1 ห้อง/ชั้น เท่านั้น แถมยังหันเอียงๆไปรับวิวฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยไม่โดนบล็อคตรงๆ ซึ่งก็เป็นการแก้ปัญหาที่ดีทีเดียวครับ
  • ทิศใต้ – ทิศใต้เป็นทิศที่ถือว่าโล่งทีเดียว รอบข้างมีแต่อาคารพักอาศัยสูงไม่เกิน 4 ชั้น แต่ด้วยลักษณะของพื้นที่ดินที่เป็นสามเหลี่ยม และทางทิศนี้ก็อยู่ตรงมุมแหลมของสามเหลี่ยมพอดี จึงทำให้ฝั่งนี้ไม่มีห้องพักอาศัยหันไปโดยตรงซะทีเดียว จะมีแต่เฉียงๆมาเป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศตะวันตกเฉียงใต้เท่านั้น
  • ทิศตะวันตก – เป็นทิศที่มีห้องพักอาศัยหันไปเยอะที่สุดที่ 5 ห้อง / ชั้น ซึ่งต้องบอกว่าพื้นที่รอบข้างนั้นถือว่าโล่งนะครับ มีแต่อาคารตึกแถวสูงไม่เกิน 4 ชั้น ส่วนใหญ่ห้องพักอาศัยจะหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ซะมากกว่า เป็นทิศที่รับวิวโล่ง แต่ก็เป็นทิศที่รับความร้อนสูงเช่นกัน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้อยู่ห้องในช่วงเวลากลางวันมากนัก หรือต้องหาอุปกรณ์ป้องกันความร้อนช่วยหน่อย เช่นติดผ้าม่านทึบก็ช่วยได้นะครับ

มาลองดูระยะประชิดกันบ้าง เริ่มด้วยการเดินไปทางฝั่งเอกมัยกันก่อนนะครับ รอบแนวพื้นที่จะเป็นอาคารตึกแถว 3 ชั้นทุกด้านเลย ลองเดินไปดูกันครับ

ตึกแถว 3 ชั้นฝั่งนี้จะเป็นร้านซ่อมรถ มีพี่ๆวินมอเตอร์ไซค์แวะเวียนมาเป็นประจำ แต่ไม่ได้เป็นตำแหน่งวินนะครับ

เดินเลยมาจะมีแนวร้านคาเฟ่ให้เลือกนั่ง 2-3 ร้าน ภายในมีทั้งกาแฟและอาหาร มานั่งเล่น ทานข้าวกันได้นะ

ด้านข้างมีจุดกลับรถ ซึ่งใกล้กับตัวโครงการพอสมควรเลยประมาณ 20 เมตร ถือว่าเป็นระยะที่สามารถออกจากโครงการมาแล้วชิดขวาเพื่อกลับรถได้ ไม่ใช่ระยะที่ต้องตัดหน้าแบบอันตราย แต่ก็ต้องดูรถดีๆระวังรถที่มาเร็วนิดนึงนะครับ

เดินตรงต่อไปจะมีซอยสุขุมวิท 44/2 ซึ่งเป็นซอยตัน ภายในเป็นร้านค้า สำนักงาน บ้านพักอาศัย

ตรงต่อมาก็มีแนวร้านค้า สำนักงาน ที่อยู่ตามตึกแถวพวกนี้จะสูงไม่เกิน 4 ชั้นทั้งหมดนะครับ ไม่มีผลกระทบเรื่องวิว

ตรงต่อมาจะมีซอยสุขุมวิท 44 หน้าปากซอยจะมี Hostel ที่เปิดเป็น Cafe ด้านล่าง ส่วนภายในซอยจะเป็นซอยตัน เป็นที่พักอาศัยซะส่วนใหญ่

กลับมาที่หน้าโครงการหันหน้าให้กับถนนสุขุมวิท และแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งจะมีความสูงประมาณ 5 ชั้น ส่วนฝั่งตรงข้ามมีอาคารตึกแถว 4 ชั้น เปิดเป็นร้านค้าหรือสำนักงานเช่นกัน

ลองเดินย้อนกลับไปดูทางที่เราเดินทางกันมาบ้าง ฝั่ง BTS สถานีพระโขนง

อย่างที่เห็นกันตอนเดินมาครับ ติดกับรั้วโครงการเลยคือแนวอาคารตึกแถว 3 ชั้น เปิดเป็นร้านค้าด้านล่างเช่นเคย

ตรงมาจะเจอซอยสุขุมวิท 44/1 ที่สามารถทะลุออกถนนพระราม 4 ได้

จากนั้นก็เป็นทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าที่เราพึ่งลงกันมาก่อนหน้านี้ ลองเดินเลยกันไปหน่อยนะครับ

ใต้ทางขึ้นสถานีมีป้ายรถประจำทางอยู่นะ บริเวณนี้จะมีหลังคากันแดดและฝนให้ด้วย

เดินเลยมาอีกจะมีโครงการ Rhythm สุขุมวิท 44 เป็นโครงการสร้างเสร็จมาหลายปีแล้วเหมือนกันครับ

เลยต่อมาจะมีวินมอเตอร์ไซค์และท่ารถกระป้อ ที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 46 ซอยนี้ใช้ทะลุออกถนนพระราม 4 ได้เช่นกัน

ถัดมาจะเป็น Summer Hill สถานที่รวมร้านอาหาร ร้านค้า และ Fitness 24 ชั่วโมง สำหรับจะมาหาของทานฝากท้องที่นี่ก็เหมาะที่สุดครับ ถือว่าอยู่ในระยะเดินนะครับไม่ไกล

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • BTS พระโขนง ~ 30 m.
  • Summer Hills Bangkok ~ 270 m.
  • รร.พระแม่มารีพระโขนง ~ 400 m.
  • W District ~ 500 m.
  • Gateway เอกมัย ~ 550 m.
  • รพ.สุขุมวิท ~ 600 m.
  • รพ.กล้วยน้ำไทย ~ 850 m.
  • Major เอกมัย ~ 1 km.
  • Park Lane ~ 1.2 km.
  • Big C อ่อนนุช ~ 1.9 km.
  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ~ 2.4 m.
  • Emporium ~ 2.8 km.
  • EmQuartier ~ 3.8 km.
  • Terminal 21 ~ 5.1 km.
  • สนามบินสุวรรณภูมิ ~ 24.9 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Vertier Sukhumvit เป็นอาคาร High Rise สูง 31 ชั้น ออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury เน้นการใช้วัสดุที่ดูทันสมัยและหรูหรา เช่น เหล็ก กระจก รูปแบบของ Facade ก็เล่นลวดลายที่ดูเรียบง่ายแต่ทันสมัย ข้อแตกต่างเลยของอาคารนี้คือลักษณะที่ดินที่มาเป็นรูป 3 เหลี่ยม จึงทำให้พื้นที่ภายในอาคารจะมีการจัดวาง Space ที่แตกต่าง ได้มุมมองที่ไม่เหมือนกับอาคารทั่วไป เช่นการหันหน้าแนวห้องพักอาศัยไปตามทิศที่แตกต่างจากอาคารรอบข้าง ช่วยให้ไม่โดนบล็อควิว นอกจากนั้นยังเน้นความเป็นส่วนตัวด้วยการวาง Core Lift ไว้ตรงกลาง และเป็นทางเดินรอบ ทำให้ได้ Single Loaded Corridor รั้วโครงการจะใช้เป็นรั้วทึบรอบด้าน และปลูกแนวต้นไม้สูงตามแนวรั้วด้วย เพื่อความเป็นส่วนตัว

สิ่งที่พิเศษของโครงการนี้คือจะมีการแบ่งพื้นที่รูปแบบภายในห้องที่แตกต่างกันเล็กน้อยออกเป็น 2 ส่วน คือชั้น 1-20 จะได้เป็นแบบ Standard Specification ส่วนชั้น 21-28 จะเป็น Premium Specification ซึ่งจะแตกต่างกันที่วัสดุภายในห้องเล็กน้อย เดี๋ยวผมจะไปอธิบายอย่างละเอียดในส่วนของ Product Walkthrough อีกทีนะครับ

สำหรับหน้าโครงการจะมีทางเข้าออก 1 ทาง เดินรถสวนกัน พร้อมป้ายโครงการขนาดใหญ่ ที่เป็นแนวรั้วทึบ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดีทีเดียว

ภายในเดินรถทางเดียว สำหรับ Drop Off จะวนจอดรับส่งได้ที่ด้านหน้า แต่ถ้าจะจอดรถต้องวนอ้อมหลังตัวอาคารเข้าไปจอดอีกฝั่งครับ

พื้นที่จอดรถจะเป็นระบบ Automatic Parking เกือบจะทั้งหมด 130 คัน (มีที่จอดรถ Visitor ภายนอกอีก 6 คัน) มีทางเข้าออกรถทีละคันตรงกลาง แต่ภายในจะมีลิฟต์ 2 ตัวประกบซ้ายขวา ถาดจะเลื่อนไปให้เองอัตโนมัติ เป็นระบบ Town Hall คือมีการ Decorate ตกแต่งสวยงาม ไม่ได้เป็นห้องเครื่องแบบเปลือยๆ มีทางเชื่อมต่อเข้ากับตัว Lobby ภายในได้เลย โดยจะใช้เวลารอรถอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 3 นาที

ภายในมี Lobby ตกแต่งด้วยวัสดุและไฟที่ดู Modern ซึ่งมีทั้งทางเข้าจากด้านหน้าปกติ และที่จอดรถ Automatic Parking ทางโครงการให้ชื่อว่า ENTRANCE HALL ซึ่งจะต้องผ่านพื้นที่นี้ก่อนจะเข้าไปยังส่วนอื่นๆภายในโครงการครับ

ส่วนพื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ด้านบนทั้งหมด ข้อดีคือได้รับวิวมุมสูงไปด้วยในแต่ละพื้นที่ รวมเป็นจุดเดียวทำให้เข้าถึงได้ง่าย จัดการและดูแลรักษาความปลอดภัยได้สะดวก ด้านบนนี้จะมีชั้นที่เป็น Main Facilities อยู่ที่ชั้น 29 และ 30 ส่วนชั้น 25, 27, 29 จะมีแนวต้นไม้ ที่เป็นสวนสามารถออกมาเดินเล่นรับลม และยังสร้างบรรยากาศให้กับชั้นพื้นที่ส่วนกลางด้วย

ส่วนภายในอาคารของชั้น Main Facilities จะมี สระว่ายน้ำ และฟิตเนสที่ชั้นลอย

เป็นฟิตเนสที่มีผนังเป็นกระจกทั้งหมด ทำให้สามารถรับวิวได้หลายด้าน ทั้งวิวภายนอกและวิวสระว่ายน้ำ

ออกกำลังกายรับ City View ก็เป็นบรรยากาศที่น่าสนใจเหมือนกันนะครับ

ส่วนสระว่ายน้ำของโครงการ จะมีลักษณะเป็น Semi-Outdoor โดยจะมีทั้งส่วนภายในอาคาร และภายนอกอาคาร ทำให้สามารถใช้ได้หลากหลายช่วงเวลายิ่งขึ้น จะแดดจะฝนก็ไม่ต้องกลัวครับ

สระว่ายน้ำของที่นี่จะเป็นระบบเกลือรูปทรง 4 เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 20 x 5 เมตร ลึก 1.2 เมตร ซึ่งเป็นแบบ Semi-Outdoor มีทั้งส่วนที่อยู่ใต้ชายคา และภายนอก สามารถว่ายน้ำบรรยากาศโล่ง รับ City View หรือ จะอยู่ใต้ชายคาเวลาฝนตกหรือแดดแรง ทำให้สามารถใช้ได้หลากหลายเวลามากยิ่งขึ้น

ส่วนภายนอกจะมีสวนที่ถูกจัด Landscape ไว้สวยงาม เป็นมุมต่างๆสามารถออกมาสูดอากาศได้รับวิวเมืองเช่นกัน

มาดูแปลนกันบ้างนะครับ พื้นที่ดินตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมือง มีทางเข้าออกหนึ่งทางที่ด้านหน้า การที่พื้นที่ดินขนาด 1 ไร่นิดๆ เป็น 3 เหลี่ยมทำให้ต้องวางแนวอาคารตามลักษณะที่ดิน ทำให้มีมุมมที่แตกต่างกับอาคารข้างเคียง และการจัดวางพื้นที่ภายในที่แตกต่างเช่นกัน ไปดูกันทีละส่วนนะครับ

  • การเข้าออกและการวนรถภายในโครงการ – เป็นการเข้าออกทางเดียว แยกทางเข้าและทางออกชัดเจน ด้วยระบบรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติ ระบบ keycard Access แบบ Easy Pass ภายในวนรถทางเดียวรอบตัวอาคาร ส่วน Drop Off จะอยู่ด้านหน้า สามารถรับ-ส่งแล้ววนกลับออกได้เลย ส่วนถ้าจะจอดก็ต้องวนเข้าไปอ้อมอาคาร แล้วมาเข้าที่จอดรถแบบ Automatic Parking ด้านหน้า ซึ่งจะมีทางเข้าจอด 1 ช่อง แต่ภายในมี 2 ช่อง ระบบจะเลือกสลับไปให้เอง รวมทั้งโครงการเป็นที่จอด Automatic Parking 130 คัน ที่จอด Visitor 6 คัน คิดเป็น 60% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • พื้นที่ส่วนกลาง – ภายในมีพื้นที่ Entrance Hall สำหรับรองรับการเข้าถึง เรียกง่ายๆก็ Lobby นั่นแหละครับ จะเชื่อมต่อไปยังโถงลิฟต์ ซึ่งมีลิฟต์ให้บริการ 3 ตัว เป็นลิฟต์ขนของ 1 ตัว (ฝั่งที่อยู่ตัวเดียว) แต่ปกติก็เปิดให้ใช้เป็นลิฟต์โดยสารไปด้วย มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการ 1 : 76 ยูนิต มีบันไดเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนกลางของชั้น 2
  • มุมมอง – พื้นที่รอบข้างเป็นแนวตึกแถวที่สูง 3 ชั้นเป็นส่วนใหญ่ และ 6 ชั้น ทางฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งจะไม่มีผลกับห้องพักอาศัย เพราะห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 4 และฝั่งทิศตะวันออกไม่มีห้องที่หันไปทางตึกแถว 6 ชั้น

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะยังไม่มีพื้นที่พักอาศัยนะครับ เป็นพื้นที่ส่วนกลางเล็กน้อย คือส่วนของ Atelier Lobby Lounge เป็นเหมือนพื้นที่รับรอง พักผ่อน นั่งคอย, Business Lounge พื้นที่นั่งคุย นั่งทำงาน, Library Zone ห้องสมุด นั่งอ่านหนังสือ ทั้งหมดจะอยู่ใน Area เดียวกัน แต่แบ่งโซนกันนะ นอกจากนั้นยังมีห้องน้ำให้บริการด้วย

ส่วนชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ของงานระบบและ นิติบุคคล ซึ่งการแยกออกไปที่ชั้น 3 เพื่อต้องการไม่ให้พื้นที่นิติบุคคลมารบกวนพื้นที่ของลูกบ้าน จะดูแลโดยบริษัท V Plus ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ V Property Development จะเน้นการบริการแบบโทรแจ้งติดต่อ แล้วนิติบุคคลจะไปหาถึงห้องลูกบ้านเพื่อดูแลแบบ Exclusive ครับ เนื่องจากยูนิตน้อย กรณีเช่น มีพัสดุมาจะมีใบแจ้งลูกบ้านโทรในเวลาที่สะดวกนิติฯจะนำของไปส่งที่หน้าห้องลูกบ้านครับ

ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 4 มีทั้งหมด 8 ยูนิต ต่อชั้น ถือว่าน้อยที่สุด แต่ต้องแลกมากับการเป็นชั้นที่ไม่ได้วิวสูง แต่ก็ถือว่าไม่ได้โดนบล็อคนะครับ

โถงลิฟต์และโถงทางเดิน – โถงลิฟต์ 3 ตัว จะวางอยู่กลางอาคาร ไม่มีห้องไหนชิดติดกับ Core Life แต่ข้อเสียก็คือไม่มีช่องเปิดรับแสงภายนอก ซึ่งต้องใช้แสงจากภายใน โถงทางเดินภายในทั้งหมดจะเป็นแบบ Single Corridor Loaded ได้ความเป็นส่วนตัว มีช่องแสงให้ที่มุมทางเดินแต่ละจุด แต่ก็ไม่เพียงพอกับแนวทางเดิน ต้องใช้ไฟภายในช่วยเช่นกัน ส่วนต่างๆเหล่านี้จะไปมีผลกับค่าส่วนกลางที่เราต้องจ่ายนั่นเอง

มุมมอง – โดยรอบอาคารจะเป็นอาคารตึกแถว 3 ชั้น ซึ่งถือว่าพ้นแล้วทุกฝั่ง อาคารตึกแถว 6 ชั้น ทางฝั่งทิศตะวันออกก็จะมีผลเล็กน้อยกับห้อง 33.50 ตร.ม. 1 ห้องของเรา ส่วนที่จะกระทบที่สุดจะเป็นทิศเหนือ เป็นห้องใหญ่ขนาด 85.29 ตร.ม. จำนวน 2 ยูนิต ที่หันหน้าเข้าถนนสุขุมวิท และแนวรถไฟฟ้า ความสูงของชั้นนี้จะติดแนวรถไฟฟ้า และได้รับผลกระทบเรื่องเสียงและฝุ่นที่มักจะมาพร้อมกับถนนใหญ่อยู่แล้ว แถมมีเสียงของรถไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มอีกด้วย

 

มาต่อกันที่ชั้น 7-24 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนใหญ่ของอาคารแล้วล่ะ มีทั้งหมด 10 ยูนิต / ชั้น ถือว่ามากที่สุดในโครงการ โถงลิฟต์และโถงทางเดินเป็นลักษณะเหมือนเดิมกับชั้นด้านล่าง ห้องที่เพิ่มขึ้นมาจะอยู่ทางฝั่งทิศเหนือ จากชั้น 4 เมื่อสักครู่เป็นห้องใหญ่ 2 ห้อง จะเพิ่มเป็นห้อง 51.55 ตร.ม. และ 33.71 ตร.ม. จำนวนอย่างละ 2 ห้องแทน

ขึ้นมาที่ชั้น 25 ด้านบนจะเริ่มเป็นส่วนที่มีสวนเข้ามาตั้งแต่ชั้นนี้จนถึงชั้นบนสุด มีจำนวนยูนิตต่อชั้นที่ 8 ยูนิต คือห้องทางฝั่งทิศเหนือจะกลับมาเหลือ 2 ยูนิตเช่นเดิม และมีพื้นที่สวนขึ้นมาเพิ่ม เป็นวิว และสามารถออกไปเดินเล่นได้ ส่วนอื่นๆยังเหมือนกับชั้นที่ผ่านๆมาครับ

ขั้นมาที่ชั้น 27 จะมีจำนวนยูนิตต่อชั้นเหลือ 6 ยูนิต ห้องทางฝั่งทิศเหนือจะกลายเป็นสวนทั้งหมดสามารถออกไปเดินเล่น รับวิวถนนสุขุมวิทได้ และยังเป็นทัศนียภาพที่สวยงามให้กับอาคารและชั้นพื้นที่ส่วนกลางด้วย

ชั้น 28 เป็นชั้นพิเศษสักหน่อย เพราะมีเพียง 1 ยูนิตเท่านั้น ! ใครที่อยู่ชั้นนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นชั้นส่วนตัวเลยก็ว่าได้ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่งานระบบสำหรับสระว่ายน้ำของชั้นด้านบนนั่นเอง

มาถึงชั้น 29 เป็นชั้น Main Facilities นั่นเอง จะเหลือลิฟต์โดยสารที่มาชั้นนี้เพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น ภายในชั้นนี้จะมีส่วนของสวนภายนอก ที่ทางโครงการตั้งชื่อไว้ให้ว่า Vertical Oasis Garden และสระว่ายน้ำระบบเกลือทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 20 x5 เมตร ลึก 1.2 เมตร มี Jacuzzi ในตัว หรือที่เรียกว่า Sky Aquarium Pool With Jacuzzi จุดเด่นที่ผมชอบคือมีทั้งส่วนที่อยู่ในชายคาและภายนอก ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น มีห้องน้ำในตัวด้วยนะ นอกจากนั้นยังมีบันไดขึ้นต่อไปยังชั้นด้านบนด้วย

เดินบันไดขึ้นมาจะเจอกับพื้นที่ Crystal Fitness With Private Sky View เรียกง่ายๆก็ห้องออกกำลังกายนั่นแหละ แต่จุดเด่นคือรับวิวเมือง และวิวสระว่ายน้ำ ขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานนะครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ENTRANCE HALL
  • ATELIER LOBBY LOUNGE
  • BUSINESS LOUNGE
  • INTELLIGENT AUTOMATIC PARKING
  • SKY AQUARIUM POOL ขนาด 20 x 5 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • CRYSTAL FITNESS WITH PRIVATE SKY TRACK
  • VERTICAL OASIS GARDEN
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 76 :  1
  • Service Lift 1 ตัว (ใช้ร่วมเป็นลิฟต์โดยสารด้วย)
  • ที่จอดรถประมาณ 136 คันคิดเป็น 60% ไม่รวมซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card


Product Walkthrough

ก่อนจะเข้าไปดูภายในห้องตัวอย่าง ผมขอเล่าให้ฟังก่อนเล็กน้อยว่าปัจจุบันมีการขายแบบ Fully Fitted ซึ่งจะได้พวกที่ Built-in มาให้ ส่วน Furniture ลอยตัวนั้นไม่ได้นะครับ แล้วที่สำคัญคือโครงการนี้จะมีการแบ่งประเภทห้องออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งจะมีรูปแบบห้องและขนาดเท่ากัน แต่ได้วัสดุภายในห้องที่แตกต่างกันเล็กน้อย คือ

  • Standard Specification ชั้น 1-20   จะได้ พื้น Laminate หนา 12 มม., โถสุขภัณฑ์แบบปกติ, ระบบปรับอากาศ Concealed Type เฉพาะห้องนั่งเล่น
  • Premium  Specification ชั้น 21-28 จะได้ พื้น Engineering Wood, ได้โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ, เครื่องปรับอากาศระบบ Concealed Type ทั้งห้อง

มาดูที่ห้องตัวอย่างของเรากัน วันนี้มีมาให้ชมเพียง 1 ห้องเท่านั้น ซึ่งเป็นห้องที่มีตำแหน่งอยู่ทางทิศตะวันออกหนึ่งเดียวของชั้น (มี 1 ห้อง/ชั้น) เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดห้องอยู่ที่ 33.50 ตารางเมตร พื้นที่ภายในจัดได้ลงตัวทีเดียว มีการแยกส่วนพื้นที่ให้ชัดเจน ขนาดสำหรับอยู่ 1-2 คนสบายๆ ของภายในเขาให้มาดีทีเดียว แต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่เป็นห้องที่มีตำแหน่งมุมแต่เปิดช่องเปิดเพียงฝั่งเดียว ในห้องตัวอย่างจะเป็นวัสดุแบบ Premium Specification นะครับ

แบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 5 ส่วน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ระเบียงซักล้าง ห้องน้ำ และห้องนอน เมื่อเข้ามาเลยจะมีส่วนพื้นที่ของห้องครัว พื้นจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เหมาะแก่ส่วนเข้าออกห้องและห้องครัว เพราะทำความสะอาดง่าย ครัวที่ได้จะมีลักษณะเป็นเคาน์เตอร์ตัว L ได้เป็นครัวเปิด เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ทำอาหารบ่อยมากนัก จะทำให้ห้องดูโล่ง แต่ถ้าทำอาหารเป็นประจำก็ต้องระวังเรื่องกลิ่นและควันจะไปรบกวนส่วนอื่นๆของห้องสักนิดนึง หรือจะติดตั้งฉากกั้นเองก็สามารถนะครับ ฝั่งตรงข้ามจะมีตู้รองเท้า Built-in มาให้ด้วย ภายในห้องจะเปลี่ยนพื้นเป็น Engineering Wood (ห้อง Standard Specification ชั้น 1-20 จะได้เป็นพื้น Laminate หนา 12 มม.) มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่มีข้อดีคือได้แสงธรรมชาติ เพราะเชื่อมต่อกับระเบียงซักล้าง ภายนอกระเบียงก็มีพื้นที่เก็บ Condensing Unit ให้มิดชิด ขนาดพื้นที่ออกไปยืนสูดอากาศ จิบกาแฟได้ แต่จะวางชุดโต๊ะคงไม่พอ กลับเข้ามาภายในห้อง จะมีประตูเชื่อมต่อเข้าไปยังห้องนอนและห้องน้ำ ข้อดีคือห้องนอนจะเข้าห้องน้ำได้ง่าย แต่จากห้องนั่งเล่นและห้องครัว ก็ต้องเดินผ่านห้องนอน ซึ่งถ้ามีแขกก็จะเสียความเป็นส่วนตัวในส่วนนี้ไปเล็กน้อย ห้องน้ำจะมีอ่างอาบน้ำให้ทุกรูปแบบห้องเลย ส่วนห้องนอนขนาดสำหรับวางเตียง 5 ฟุต ที่ผนังติดกระจกเข้ามุมทั้งสองฝั่ง ทำให้รับวิวได้มากกว่า 180 องศา เข้าไปดูของจริงกัน

เริ่มที่ทางเข้าจะเป็นวงกบไม้และประตูไม้มาพร้อม Digital Door Lock ติดตั้งมาให้ เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องมีระดับความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.7 เมตร ผนังและฝ้าเพดานจะได้แบบฉาบเรียบทาสีปกตินะ ไฟ Downlight ทั้งห้อง พื้นส่วนแรกจะเป็นแกรนิตโต้ ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าเหมาะกับเป็นพื้นส่วนเข้าออกและครัว เพราะทำความสะอาดง่าย ไม่เก็บเชื้อโรค ไม่บวมและทนความชื้น ทนรอยขีดข่วนกว่าลามิเนต

ด้านข้างมีช่องสำหรับทำตู้รองเท้าไว้ให้ แต่ที่จะได้จะได้เป็นหน้าบาน High Gloss ปกตินะครับ ไม่ได้หน้าตาแบบนี้ ส่วนตู้รองเท้ามีขนาดประมาณ 0.35 x 0.75 เมตร สำหรับวางของได้ด้วยด้านบน

ฝั่งตรงข้ามเป็นส่วนครัว มีเคาน์เตอร์เป็นตัว L เข้ามุม ข้อดีคือเข้ามุมห้องทำให้ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า และสะดวกเวลาประกอบอาหาร โต๊ะรับประทานอาหารนี้ไม่ได้มาด้วยนะครับ ต้องหามาวางเอง

มาดูกันที่ส่วนครัวหน้าบานต่างๆจะเป็น High Gloss ทั้งหมด เก็บของได้หลากหลาย ส่วนเครื่องครัวก็ถือว่าให้ของดีทีเดียว คือได้ชุดครัวของ Gorenje by Starck คือคอลเล็คชั่นของชุดครัวแบรนด์ดังจากประเทศสโลวีเนียที่ถูกออกแบบโดย Philippe Starck นักออกแบบชื่อดังชาวฝรั่งเศษ จะพิเศษยังไงเดี๋ยวลองเข้าไปดูทีละส่วนกันครับ

ส่วนกลางจะมี Top เป็น หินควอซสีขาว อ่างล้างจานจะเป็นของ Franke เป็นอ่างสเตนเลสหลุมเดี่ยวขนาดประมาณ 45 x 37 เซนติเมตร พร้อมพื้นที่ด้านข้าง

เตาไฟฟ้าเป็นของ Franke แบบ 2 หัว ส่วนตัว Hood ด้านบนจะเป็นของ Gorenje by Starck แบบดูดออกด้านนอก สังเกตที่ทั้งสองรูปนะครับ ตัวเครื่องดูดจะมีแนวแผ่นกระจกที่เปิดปิดได้ สามารถสั่งการทำงานจากกระจกได้เลย ตอนปิดจะวางระนาบกระจกเอียง 47 องศาจากแนวระนาบบนเคาน์เตอร์ครัว ทำให้เกิดภาพเสมือนแสดงการปรุงอาหารบนเตาไฟฟ้าที่สะท้อนขึ้นเมื่อมองจากระยะไกล

ส่วนด้านล่างเป็นบานเปิด High Gloss เช่นเดิม มาพร้อมลิ้นชัก และช่องเก็บของที่หลากหลาย มีถังขยะที่ติดกับบานเปิดมาให้ด้วย

ส่วนนี้จะได้เป็นฝ้าฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง พื้นที่ด้านหน้านี้จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.4 เมตร เพราะเป็นพื้นที่ใต้ฝ้าของเครื่องปรับอากาศระบบ Concealed Type ซึ่งมีข้อดีคืออยู่ใต้ฝ้าดูเรียบร้อยสวยงาม กระจายความเย็นได้ทั่ว และทำงานไม่มีเสียงดัง ข้อเสียคือจะดูแลรักษายากกว่าเครื่องปรับอากาศชนิดอื่นๆ ซึ่งก็มีราคาและค่าบำรุงรักษาสูงกว่าเช่นกัน

ส่วนต่อไปภายในห้องจะเปลี่ยนพื้นเป็นไม้ Engineering Wood มีคิ้วอลูมิเนียมคาดให้แบบในห้องตัวอย่างเลยครับ แต่รูปแบบการปูลายพื้นจะไม่ได้ปูเป็นฟันปลาให้แบบนี้นะ ปูตามแนวยาวครับ

ส่วนต่อไปคือห้องนั่งเล่น ซึ่งจะเป็นช่องแสงหลักของห้อง แสงจากประตูบานเลื่อนกระจกเข้ามาถึงภายในพื้นที่ครัวเลยครับ ขนาดพื้นที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก ทำให้อาจจะจัดรูปแบบโซฟาได้ไม่หลากหลาย แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อผู้อยู่อาศัย เหมาะสมกับขนาดห้องนะครับ

มีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.1 เมตร เหมาะกับทีวีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ประมาณ 46-52 นิ้ว ด้วยขนาดพื้นที่อาจจะเหมาะกับการวางโซฟาแนวยาวซะมากกว่า ทางโครงการ Built-in ชั้นวางของใต้ทีวีมาให้นะ แต่ด้วยระยะทีวีประมาณนี้ ถ้าจะต้ังโต๊ะวางของตรงกลางแนะนำให้ใช้ขนาดไม่ใหญ่มาก จะได้เดินเข้า-ออก ไประเบียงได้สะดวก

ฝั่งทีวีจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีปกตินะครับ ดูห้องตัวอย่างเป็นไอเดียในการตกแต่งได้นะ เพราะกระจกจะช่วยทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น ด้านข้างทีวีมีประตูเชื่อมต่อไปยังห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว ก่อนจะเข้าไปดูกัน เราแวะไประเบียงกันก่อนสักครู่นะ

ฝ้าเพดานส่วนนี้ของจริงจะได้เป็นฉาบเรียบทาสีนะครับ ได้ไฟ Downlight 2 ดวง

ด้านในของห้องนั่งเล่นมีช่องแสงที่ช่วยทำให้ห้องนี้สว่าง ลองแวะออกไปดูกันสักหน่อยครับ

ประตูเป็นกรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสงครับ พร้อมตัวล็อคและรางที่พื้น ยกขอบขึ้นประมาณ 10 เซนติเมตร

ด้านนอกพื้นปูด้วยกระเบื้องขนาดพื้นที่ประมาณ 1.45 x 1 เมตร มีราวกันตกเป็นกระจกนิรภัยสูงจากพื้นประมาณ 1.1 เมตร

ด้านข้างมีช่องสำหรับเก็บ Condensing Unit ขนาดประมาณ 1 x 0.85 เมตร ช่วยทำให้เป็นสัดส่วน มิดชิด เรียบร้อย

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 1 ดวง

ย้อนกลับเข้ามาดูภายในกัน เรามาเข้าไปดูภายในประตูข้างทีวีที่เป็นส่วนของห้องนอนกันเถอะ

เริ่มที่เปิดประเข้ามาจะมีพื้นที่ด้านหน้าขนาดประมาณ 1.3 เมตร จากประตูถึงตู้เสื้อผ้า (ทางโครงการ built-in ให้มาด้วย) ฝั่งซ้ายมือคือห้องน้ำ ส่วนฝั่งขวามือคือห้องนอน เราแวะเข้าไปดูห้องน้ำกันก่อนสักนิดนะครับ

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า การมีห้องน้ำอยู่ภายในห้องนอนจะดีสำหรับคนที่ชอบใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องนอน เพราะจะสะดวกในการเข้าถึงของผู้อยู่อาศัย แต่เวลามีแขกมาห้องแล้วจะใช้ห้องน้ำ จะต้องผ่านห้องนอนเข้าไปทำให้อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างนะครับ

ภายในห้องน้ำทั้งพื้นและผนังปูกระเบื้องแกรนิตโต้สีเดียวกันกับพื้นห้องครัวเลย มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.4 เมตร ภายในเรียกว่าจัดเต็มมาให้เลยทีเดียว เพราะมีขนาดที่ค่อนข้างกว้าง สุขภัณฑ์ก็เลือกใช้ชุดใหญ่มาเช่นกัน แต่ไม่มีช่องเปิดจึงเน้นการใช้พัดลมดูดอากาศช่วยระบายอากาศภายในห้องน้ำแทน

ภายในมีขนาดค่อนข้างกว้าง แยกส่วนแห้งเปียกชัดเจน แต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะ อาจจะต้องระวังน้ำกระเด็นนิดนึง โดยระยะจากหน้าประตูถึงอ่างอาบน้ำประมาณ 1.75 เมตร ใช้งานได้สะดวกสบาย

ส่วนแรกคืออ่างล้างหน้าแบบเคาน์เตอร์ด้านล่างที่มาพร้อมกระจกเงาขนาดประมาณ 1 x 0.8 มีทำองศาด้วยเล็กน้อย เพื่อให้เห็นด้านข้าง ง่ายแก่การแต่งหน้าของสาวๆ

อ่างล้างหน้าใช้เป็นอ่างเซรามิคของ Lavenz ขนาดประมาณ 0.6 x 0.45 เมตร ใช้ก็อกสเตนเลสของ Grohe

ด้านล่างมีเคาน์เตอร์เก็บของได้เล็กน้อย ยกสูงจากพื้นเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและป้องกันความชื้นจากน้ำ

ส่วนโถสุขภัณฑ์สำหรับ Premium Specification จะได้เป็นโถอัตโนมัติ Kasch Tankless ส่วน Standard Specification จะได้เป็นโถปกติ จาก Kasch เช่นกันครับ

ด้านข้างมีตัวควบคุม และที่ใส่กระดาษชำระสเตนเลสของ Victor อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

ส่วนอาบน้ำจัดอ่างอาบน้ำมาให้ ทำให้ไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำ ถ้าอาบน้ำฝักบัวก็มีโอกาสที่จะเปียกออกมายังส่วนอื่นๆนะ ต้องระวังด้วย

อ่างอาบน้ำของ Kasch เช่นกัน มีขนาดช่องทั้งหมดประมาณ 1 x 1.5 เมตร ก่อสูงจากพื้น 0.45 เมตร

ส่วนอาบน้ำมีให้เลือกอีกทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ซึ่งเป็นชุดเดียวกันของ Grohe ทั้งคู่ ด้านข้างมีช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำขนาดประมาณ 30 x 15 เซนติเมตร สูงขึ้นไปติดฝ้าเลย แยกออกเป็น 3 ช่อง เก็บของได้หลากหลายทีเดียว

ห้องน้ำเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 3 ดวง ครับ

มาที่ห้องสุดท้ายกันครับ.. ห้องนอนหนึ่งเดียวของเรานั่นเอง ซึ่งก็มีจุดที่พิเศษเหมือนกันนะ ขนาดพื้นที่ภายในห้องไม่ได้ใหญ่มากนัก เหมาะสำหรับวางเตียงขนาด 5 ฟุต อยู่ได้ 1-2 คน ภายในห้องจะให้ตู้เสื้อผ้ามาด้วย ซึ่งถ้าห้องแบบ Premium Specification จะได้ระบบปรับอากาศภายในห้องแบบ Concealed Type แต่ถ้าเป็น Standard Specification จะได้เป็น Wall Type ครับ

วางเตียง 5 ฟุตแล้วเหลือพื้นที่รอบเตียงสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆทั้งสองฝั่ง เดินเข้าออกได้รอบเตียง

ปลายเตียงติดทีวีแขวนผนังได้นะครับ ซึ่งผนังจริงจะได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีนะ

ติดทีวีแล้วก็ยังเดินได้สบายๆ มีระยะประมาณ 60 เซนติเมตร

จุดเด่นของห้องนี้คงต้องยกให้กระจกที่ติดผนังอาคาร เพราะจะได้กระจกยาวและสูงตลอดแนวเลย แบ่งออกเป็นหลายๆบาน โดยด้านข้างจะมีบาน Fixed ขนาดใหญ่ ขนาดประมาณ 2.3 x 0.9 เมตร

ส่วนข้างๆมีทั้งกระจกเข้ามุมแยกออกเป็นสองชิ้น ด้านบนขนาดประมาณ 0.6 x 1.65 เมตร ส่วนด้านล่าง 0.6 x 0.65 เมตร และบานกระทุ้งขนาดใหญ่ 1.65 x 0.75 เมตร รับลม ระบายอากาศภายในห้องได้ดีทีเดียว

ฝ้าเพดานที่จะได้จะเป็นฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวงนะครับ

ย้อนกลับไปทางฝั่งห้องน้ำอีกสักนิด ด้านข้างมีกระจกเชื่อมต่อกับ ห้องด้านนอกตรงกับห้องครัวและทางเข้าห้อง ซึ่งตรงนี้อาจจะต้องหาม่านมาติดเพื่อความเป็นส่วนตัวนะครับ ตอนไม่ใช้ก็สามารถเปิดให้แสงเข้าไปยังส่วนอื่นๆภายในห้องได้ ขนาดประมาณ 2 x 0.3 เมตร

ทางโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วย เป็นหน้าบานสไลด์ ทำให้ประหยัดพื้นที่หน้าตู้

ภายในมีชั้นวางของด้านบน ส่วนด้านล่างมีลิ้นชักสำหรับแยกเก็บของตามประเภท

หน้าบานมีตัวจับให้ด้วย เรียบร้อย ไม่ต้องกลัวเดินเกี่ยว

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight จุดนี้อีก 1 ดวง

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 14 May 2019

  • 1 Bedroom ชั้น 6 ห้อง A605 เนื้อที่ 28 ตร.ม. ราคา 5.50 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ชั้น 21 ห้อง A2101 เนื้อที่ 28 ตร.ม. ราคา 6.63 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ชั้น 9 ห้อง A904 เนื้อที่ 30 ตร.ม. ราคา 5.99 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ชั้น 21 ห้อง A2109 เนื้อที่ 30 ตร.ม. ราคา 6.49 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ชั้น 4 ห้อง A409 เนื้อที่ 33 ตร.ม. ราคา 6.05 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms ชั้น 11 ห้อง A1106 เนื้อที่ 51.55 ตร.ม. ราคา 9.9 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท๊อปหินควอซสีขาว
  • Hob & Hood / Hob ของยี่ห้อง Franke, Hood ของยี่ห้อ Gorenje by Starck
  • จอง 50,000/100,000 บาท
  • ทำสัญญา 200,000 บาท
  • ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 23 งวด
  • ค่ากองทุน 1,000 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.ม./เดือน

ลงทะเบียน คลิกที่นี่

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล : เป็นโครงการติดถนนใหญ่สุขุมวิท เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วน ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทฝั่งใต้ ซึ่งจะมีบริบทที่สงบมากกว่าเหมาะแก่การอยู่อาศัย แต่ก็ยังเป็นทำเลที่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง กรณีจะออกเมืองก็ไม่ยาก ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินใกล้โครงการมีร้านค้า ร้านอาหาร Cafe ต่างๆ ตามซอย หรือ Avenue ที่สามารถเดินได้หลายที่ทั้ง Summer Hill, Gateway เอกมัย, W District หรือจะขับรถไปฝั่งทองหล่อ พร้อมพงษ์ ก็ไม่ได้ไกลจนเกินไป นอกจากนั้นยังสามารถทะลุไปยังฝั่งพระราม 4 ได้ง่าย ใครที่ทำงานอยู่ระแวกนั้นก็ถือว่าสะดวก เพราะมีซอยลัดเลาะเยอะ หรือจะออกไปยังฝั่งบางนา – ตราด ก็ทำได้ไม่ยาก

การเดินทางโดยใช้รถ :  ตำแหน่งโครงการอยู่บนถนนสุขุมวิทใกล้ช่วงบรรจบกันกับถนนพระราม 4 ซึ่งบริเวณโครงการก็มีซอยลัดเลาะเยอะ เป็นตำแหน่งที่เข้าเมืองง่าย ออกเมืองสะดวก หน้าโครงการประมาณ 20 เมตร ก็มีจุดกลับรถไปทางฝั่งอ่อนนุชได้เลย เป็นช่วงระยะที่ปลอดภัยนะครับไม่กระชั้นจนเกินไป แถมยังมีจุดขึ้นทางด่วนในระยะที่ไม่เกิน 2 กิโลเมตรให้ใช้บริการด้วย จัดว่าสะดวกทีเดียว ภายในโครงการให้ที่จอดรถมาถึง 60% ซึ่งเป็น Automatic Parking เกือบจะทั้งหมด 130 คัน + ที่จอด visitor อีก 6 คัน ที่จอดเป็นระบบ Town Hall มีถาด 2 ฝั่ง รอรถประมาณ 3 นาที สะดวกครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โครงการติดถนนใหญ่ ทำให้เลือกใช้การเดินทางสาธารณะได้ง่าย ทั้งรถประจำทาง รถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ สามารถเรียกใช้ได้สะดวก และตำแหน่งประจำก็มีระยะไม่ไกลเลย ล้วนแต่อยู่ในระยะเดินทั้งนั้น แต่หลักๆเลยคงต้องยกให้ BTS สถานีพระโขนง ที่มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 30 เมตร ถือว่าสะดวกมากๆ และอยู่ในระยะเดินเช่นกัน

วัสดุ : โครงการขายแบบ Fully Fitted ภายในขอแยกออกเป็น 2 ส่วนนะสำหรับโครงการนี้ จะมีการแบ่งรูปแบบวัสดุภายในห้องที่แตกต่างกันเล็กน้อย 2 ส่วน คือชั้น 1-20 จะได้เป็นแบบ Standard Specification ส่วนชั้น 21-28 จะเป็น Premium Specification ซึ่งวัสดุโดยรวมอื่นๆจะเหมือนกัน ประกอบไปด้วย ส่วนครัวจะได้พื้นแกรนิตโต้ Top เคาน์เตอร์เป็นหินควอซสีขาว อ่างล้างจานและเตาไฟฟ้าจะเป็น Franke ส่วนตัวดูดควันและเตาอบจะเป็น Gorenje by Phillipp Starck ห้องนั่งเล่นได้ชั้นวางทีวี built in มาให้ ประตูระเบียงกรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสง ระเบียงได้ราวกันตกเป็นกระจก มีประตูโครงเหล็กปิดส่วนวาง Condensing Unit ให้เรียบร้อย ภายในห้องน้ำพื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ อ่างล้างหน้ามีเคาน์เตอร์ด้านล่าง พร้อมกระจกเงา ทุกห้องจะได้อ่างอาบน้ำ จาก Kasch ส่วน Hand Shower และ Rain Shower จาก Grohe ห้องนอนมีตู้เสื้อผ้ามาให้ โดยส่วนที่จะแตกต่างกันของ 2 รูปแบบคือ

  • Standard Specification ชั้น 1-20   จะได้ พื้น Laminate หนา 12 มม., โถสุขภัณฑ์แบบปกติ, ระบบปรับอากาศ Concealed Type เฉพาะห้องนั่งเล่น
  • Premium Specification ชั้น 21-28 จะได้ พื้น Engineering Wood, ได้โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ, เครื่องปรับอากาศระบบ Concealed Type ทั้งห้อง

การออกแบบ :  ขอเริ่มที่ภายนอกอาคารก่อนนะครับ ออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury เน้นความหรูหรา ดูทันสมัย มีการรวมพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดไว้ที่ด้านบน และมีสวนไล่ตั้งแต่ชั้น 25 ขึ้นไปจนชั้นบนสุด ช่วยทำให้อาคารดูเด่นขึ้นจากภายนอก และยังเป็นทัศนียภาพที่สวยงานให้กับพื้นที่ส่วนกลางชั้นบนสุดภายในโครงการอีกด้วย

ด้วยความที่พื้นที่โครงการมีขนาดไม่ใหญ่มาก และรูปทรงเป็น 3 เหลี่ยม จึงทำให้การออกแบบมีจุดหน้าสนใจหลายจุดนะครับ จำนวนพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ทำให้พื้นที่ภายในจำกัด มีจำนวนยูนิตไม่สูงนักสำหรับอาคาร High Rise 31 ชั้น ใช้การจอดรถใต้ดินทั้งหมด 6 ชั้น (ต้นทุนในการก่อสร้างสูงมาก) เพื่อเป็นการแบ่งส่วนพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่จอดรถให้ชัดเจน ได้พื้นที่พักอาศัยด้านบนมากขึ้น ตัวพื้นที่เป็นสามเหลี่ยมทำให้ตัวห้องพักหันได้มุมมองที่แตกต่าง ไม่หันไปเจอกับอาคารข้างเคียงในระยะประชิด มีการเลือกทิศในการวางห้องพักอาศัยที่เหมาะสม ผังอาคารเป็นสามเหลี่ยมจึงวาง Core Lift ไว้ตรงกลาง ทำให้เข้าถึงง่ายจากทุกส่วน และทำให้เป็น Single Corridor Loaded ทุกชั้น นอกจากนั้นการรวมพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดไว้ที่ด้านบนทำให้เข้าถึงง่าย ไม่ไปรบกวนชั้นพักอาศัย และง่ายต่อการจัดการและดูแลความปลอดภัย

การออกแบบห้องพักผมชอบที่มีการแบ่งส่วนของประเภทวัสดุที่แตกต่างกันในช่วงชั้น เป็นตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้นสำหรับการอยู่อาศัยและการซื้อเพื่อลงทุน ห้องพักอาศัยแต่ละรูปแบบทำมาดีทีเดียว พื้นที่ภายในถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วน คำนึงถึงการใช้งานจริง เช่นการจัดวางพื้นที่สำหรับตู้รองเท้า Built-in มาให้, ขนาดห้องนั่งเล่นให้พื้นที่มาค่อนพอดีกับการใช้งาน และห้องน้ำที่จัดส่วนอ่างอาบน้ำมาให้ในห้องทุกแบบ ครัวส่วนใหญ่จะเป็นครัวเปิด เหมาะกับทำอาหารเบาๆ เราอาจมากั้นพื้นที่เป็นครัวปิดภายหลังเองได้นะ แต่ครัวเปิดจะช่วยทำให้ห้องดูโล่งกว้างมากยิ่งขึ้น ส่วนห้องนอนก็จะเน้นแนวกระจกที่ริมหน้าต่าง ทั้งกระจกเข้ามุมและบานกระทุ้งบานใหญ่ ให้สามารถรับวิวได้มากกว่า 180 องศา และเปิดระบายอากาศรับลมกันได้เต็มที่

สาธารณูปโภค : การเดินรถภายในจัดว่าเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน รั้วโครงการเป็นรั้วทึบพร้อมแนวต้นไม้ เพราะเน้นความเป็นส่วนตัว ส่วนลิฟต์โดยสารก็จัดมาให้ 3 ตัว ทำให้มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการแค่ 1 : 76 ยูนิต พื้นที่ Facilities จัดมาครบตามมาตรฐาน ด้วยจำนวน 227 ยูนิต ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานเลย และยังคำนึงถึงการใช้งานจริง เช่น สระว่ายน้ำ ที่มีทั้งส่วนที่เปิดโล่ง และส่วนที่อยู่ใต้ชายคาให้สามารถใช้งานได้หลากหลายช่วงเวลามากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการรวมพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดไว้ชั้นบน นอกจากจะทำให้รับวิวมุมสูงรอบข้างได้แล้ว ยังทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ไปรบกวนส่วนพักอาศัย จัดการดูแลรักษาความปลอดภัยก็สะดวก อีกส่วนคือนิติบุคคลและงานระบบจะอยู่ที่ชั้น 3 แบ่งแยกออกไปชัดเจน ไม่รบกวนพื้นที่การใช้งานของลูกบ้าน จะเน้นการบริการแบบโทรแจ้ง จากนั้นนิติบุคคลจะไปหาถึงห้องลูกบ้านเพื่อดูแลแบบ Exclusive เนื่องจากยูนิตไม่มาก กรณีเช่น มีพัสดุจะมีใบแจ้งลูกบ้านโทรในเวลาที่สะดวกนิติบุคคลจะนำพัสดุไปส่งที่หน้าห้องลูกบ้านเลย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 195,000 บาท/ตร.ม., 14 May 2019

  • ทำเล 9.25/10 – บนถนนสุขุมวิท ใกล้ BTS พระโขนง ไปออกพระราม 4 ได้ง่าย
  • เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน ลัดเลาะสะดวก
  • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – 30 ม. จาก BTS พระโขนง ติดถนนใหญ่เรียกรถสาธารณะสะดวก
  • วัสดุ Standard Specification 7.5/10 – พื้นไม้ลามิเนต สุขภัณฑ์แบบปกติ แอร์ห้องนอนเป็น Wall Type
  • วัสดุ Premium Specification 8.25 / 10 – พื้น Engineering Wood, สุขภัณฑ์อัตโนมัติ แอร์ Concealed Type ทั้งห้อง
  • แบบ 8/10 – Single Corridor, มีห้องให้เลือกเยอะ หันแนวห้องไม่โดนบล็อควิว
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – จัดมาให้ที่ชั้นบนสุด ครบตามมาตรฐาน

  • LUXURY CLASS
  • Standard Specification 8.46/ 10.00
  • Premium Specification 8.57 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ Vertier Sukhumvit เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าบนถนนสุขุมวิท หรือจะใช้รถยนต์ส่วนตัวก็สะดวก เพราะทำเลใกล้ทางด่วน มีซอยลัดเลาะทะลุออกถนนพระราม 4 ง่าย ออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury เน้นความเป็นส่วนตัว และพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นสูง  ห้องพักอาศัยเป็นสัดส่วน มีงบประมาณ 6-10 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 42,000 – 70,000 บาท ต่อเดือน