รีวิวฉบับที่ 1676 … The Prop Condominium คอนโด Low Rise ตึกคู่ในซอยแจ้งวัฒนะ 12 จาก Rising Group ซึ่งเป็นกลุ่ม Developer ที่เข้ามาพัฒนาที่พักอาศัยในในรูปแบบคอนโดย่านแจ้งวัฒนะตอนต้น ที่ใกล้กับโซนศูนย์ราชการ บิ๊กซี โลตัส ดิอเวนิว และเป็นคอนโดราคาล้านต้นๆ ซึ่งทางผู้พัฒนาโครงการอย่าง Rising Group มีผลงานก่อนหน้านี้มาแล้วใกล้ๆกันอีก 2 แห่งอย่าง Resta Pano กับ Resta Resort ในซอยแจ้งวัฒนะ 12 และปิดการขายตัวเก่าไปแล้วทั้งคู่ และมาพัฒนาต่อเป็นคอนโด The Prop Condominium โปรเจคล่าสุดนี้ครับ

Fact @ 4 September 2018

  • The Prop Condominium (เดอะ พรอพ คอนโดมิเนียม)
  • ผู้ประกอบการ : เดอะไรซ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยแจ้งวัฒนะ 12 แยก 4-5  เขตหลักสี่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร รวมทั้งหมด 315 ยูนิต
  • อาคาร A 133 ยูนิต และ อาคาร B 182 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 26 ยูนิตที่อาคาร Winter
  • ที่จอดรถประมาณ 102 คันคิดเป็น 32% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ที่ดินประมาณ 2-1-39 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : กรกฎาคม 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ตุลาคม 2561
  • Studio ขนาด 22.50 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 26.50 – 33.50 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท
  • ช่วงราคาทั้งหมดประมาณ 1.2 – 1.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 56,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-575-1648  และ 083-584-6868

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด :  13.896124, 100.565756

แผนที่จากทางโครงการครับ ตัวโครงการตั้งอยู่ซอยแจ้งวัฒนะ 12 แยก 4-5 เขตหลักสี่ ซึ่งยังอยู่ในพื้นที่ของกรุงเทพ การเข้าออกสามารถใช้ทางซอยแจ้งวัฒนะ 14 ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ทั้งตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร เข้าบิ๊กซี อเวนิว เทสโก้โลตัสทางด้านหลังเส้นนี้ได้ด้วย หรือถ้าต้องการความไม่พลุกพล่านในการเข้าออกก็ไปใช้ซอยแจ้งวัฒนะ 12 ครับ / อนาคตบนเส้นแจ้งวัฒนะด้านหน้าเป็นส่วนนึงของแผนรถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งตัวสถายังไม่แน่ชัดมากนัก แต่ว่าตัวโครงการออกมาถนนใหญ่ประมาณ 750 เมตร

ตัวโครงการนั้นอยู่ในซอยย่อยของแจ้งวัฒนะ 12 นะครับ ซึ่งก็ห่างจากถนนหลักอย่างแจ้งวัฒนะเพียงประมาณ 740 เมตรเท่านั้น ด้วยความที่ว่าเป็นคอนโดที่อยู่ในซอย ทางผู้พัฒนาเลยต้องการให้มีราคาที่หยิบจับต้องง่ายกว่าโครงการ High Rise ที่อยู่ติดกับถนนแจ้งวัฒนะที่ราคาสูงกว่าเท่าตัว อีกทั้งพื้นที่ตรงนี้อยู่ในเขตที่ได้ทะเบียนบ้านเป็นจังหวัดกรุงเทพด้วย เพราะถ้าเลยข้ามคลองประปาหรือถนนประชาชื่นไปทางซ้ายอีกนิดเดียวจะถูกเปลี่ยนเป็นจังหวัดนนทบุรีนะครับ

โดยภาพรวมความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้เริ่มจากใกล้ๆโครงการก่อน คงหนีไม่พ้นซอยที่เรียกว่าเป็นหัวใจหลักอย่าง แจ้งวัฒนะ 14 ครับ เพราะเป็นซอยที่มีความสมบูรณ์สูงมากในเรื่องของอาหารการกิน ตั้งแต่ปากซอยยันไปจนถึงหน้าโครงการหมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ ร้านอาหารเหล่านี้เปิดตั้งแต่เช้าจนถึงดึกๆเลยหลายร้าน อีกทั้งเราจะเห็นว่าที่ริมถนนใหญ่จะมี Supermarket & Community Mall ถึง 3 แห่งอย่าง Big C, Lotus, The Avenue แต่ว่าถ้าไกลออกไปหน่อยก็จะมี Makro และห้างใหญ่อย่างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะอยู่บนเส้นนี้ด้วย

และประเด็นที่สำคัญอีกอย่างที่คงไม่พูดถึงไม่ได้ หรือกลุ่ม User หลักในย่านนี้คือ พื้นที่ใกล้ๆโครงการนี้นั้นมีสถานที่ราชการ แหล่งงานที่สำคัญขนาดใหญ่อย่าง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ข้างๆก็มีกรมกงสุล, ศาลปกครอง, ไปรษณีย์ใหญ่หลักสี่, CAT, TOT, Software Park, อาคาร CP All และสุดท้ายก็คือ เมืองทองธานี – ศูนย์แสดงสินค้าและสถานที่จัดคอนเสิร์ตที่มีการจัดงานอยู่ตลอดปี เรียกได้ว่าแถวนี้เป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ที่รองรับปริมาณมนุษย์เงินเดือนได้มหาศาลทีเดียวนะครับ

การเดินทางด้วยรถส่วนตัว โครงการตั้งอยู่ในซอยชื่อเต็มว่า แจ้งวัฒนะ 12 แยก 4-5  ซึ่งซอยมีเป็นโครงการโยงใยที่เชื่อมกันระหว่างซอย 14, 12, 10 และไปเชื่อมจนออกถนนกำแพงเพชร 6 ได้ด้วย (เอาไว้หนีรถติดบนเส้นแจ้งวัฒนะด้านหน้าตอนเวลาราชการเลิกหรือเข้างานได้)

ซึ่งการจะเข้าออกไปถนนใหญ่ผมคิดว่าถ้าการจะทำเวลาให้รวดเร็วควรใช้ผ่านซอยแจ้งวัฒนะ 12 เป็นหลัก เพราะจะสงบมากกว่า รถสัญจรไม่มาก แต่ว่าถ้าจะแวะซื้อของกินก่อนเข้าออกจากบ้านก็คงเป็นซอยแจ้งวัฒนะ 14 นี่แหละ โดยทั้งคู่จะมีระยะทางออกจากโครงการไปถนนใหญ่ประมาณ 7-800 เมตรเท่านั้น

อีกประเด็นที่สำคัญของหนีไม่พ้นเรื่องของ “ทางด่วน” โดยถ้ามองจากในแผนที่ทำผมทำ จะเห็นว่าตัวตำแหน่งที่ตั้งโครงการอยู่กึ่งกลางระหว่างทางด่วน 2 ฝั่งเลยซึ่งก็ใช้งานได้ในระยะไม่ไกลทั้งคู่เลย ได้แก่ (ฝั่งซ้าย)ทางด่วนศรีรัชซึ่งใช้ออกเมืองไปทางปทุมธานีหรือเข้าไปเมืองทางดินแดง-สีลม-ดาวคะนอง / ฝั่งขวามือเป็นส่วนของทางด่วนโทลเวย์ ที่ใช้ออกเมืองไปทางรังสิต หรือเข้าเมืองไปทางดินแดง-พระราม 9-สุขุมวิทก็ได้

การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ถ้านับจากแถวด้านหน้ารอบๆโครงการ เนื่องจากเป็นซอยแยกย่อยทำให้การเรียกใช้ค่อนข้างยากสักหน่อย อย่างพี่วิน Taxi ก็มักจะผ่านที่ซอยหลักอย่างแจ้งวัฒนะ 14 เป็นส่วนใหญ่นะ การจะเดินออกมาถนนใหญ่จากแจ้งวัฒนะก็มีระยะปาไปประมาณ 7-800 เมตรแล้ว ซึ่งที่ด้านหน้าถนนแจ้งวัฒนะ พึ่งเริ่มดำเนินการกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ใกล้ที่สุดคงจะเป็นสถานีแจ้งวัฒนะ 14 ซึ่งตอนนี้ตำแหน่งสถานีและบันไดทางขึ้นลงแบบเป๊ะๆยังไม่ออกนะครับ โดยการคาดการระยะโดยประมาณอยู่ที่ 900 เมตร บวกลบนิดหน่อยนะฮะ

ขอบคุณภาพประกอบจากเพจ Render Thailand

ขอเสริมนิดนึงในเรื่องของรถไฟฟ้าในอนาคตนะ รถไฟฟ้าสายสีชมพูนั้นเป็นระบบขนส่งแบบโมโนเรียล (แบบรางเดี่ยว)เส้นทางเริ่มจาก ศูนย์ราชการนนฯ  วิ่งไปเลี้ยวเข้าถนนแจ้งวัฒนะ ผ่านถนนรามอินทรา ไปสิ้นสุดที่ มีนบุรี โดยมีระยะทางรวม 36 กิโลเมตร มีทั้งหมด 30 สถานี โดยคาดว่าน่าจะเสร็จประมาณปี 2563-64 แต่หน้าที่ความสำคัญหลักของสายสีชมพูอาจจะไม่ได้โดดเด่นมากๆนักเพราะว่าเราจะเห็นว่าตัวทางเดินรถจะวางตำแหน่งหน้าที่หลักๆของมันเป็นการพาดผ่านเพื่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆมากกว่า อย่างสีม่วง แดง เขียวเหนือและส้ม

อีกทั้งตำแหน่งที่ไม่ไกลจากโครงการก็คือ รถไฟฟ้าสายสีแดง “บางซื่อ-รังสิต” ที่หน้าห้างไอทีสแควร์นั้นมีตำแหน่งของสถานี “หลักสี่” ตั้งอยู่ ซึ่งหน้าที่ของสายสีแดงตัวนี้จะโดดเด่นกว่าตรงนำโดยสารเข้าออกเมือง ถ้าเราจะเดินทางเข้าเมืองก็สามารถมาใช้สถานีนี้เพื่อต่อไปยังสถานีกลางบางซื่อในอนาคตได้

ทีนี้ผมลองทำแผนที่ซูมตั้งแต่ปากซอยแจ้งวัฒนะ 14 นะครับ โดยในแผนที่จะบอกถึงประเด็นหลัก 2 ส่วนได้แก่

  1. เรื่องของถนนผมมีการแยกสีเอาไว้ให้ดูว่าจริงๆแล้ว ซอยแจ้งวัฒนะ 14 แต่เก่าโดยเดิมนั้นเป็นถนนส่วนบุคคลทางเข้าของหมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์นะครับ แต่ว่าเค้าก็ไม่ได้มีการปิดกั้นให้คนนอกสัญจรไม่ได้แต่อย่างใด (เลยเข้าไปในตัวหมู่บ้านไม่ได้นะฮะ) ซึ่งถ้าเราจะเอาเข้าออกไปโครงการแบบหลักๆจริงๆแล้วเราใช้ซอยแจ้งวัฒนะ 12 ถือว่าใกล้ถนนหลักและไม่พลุกพล่านด้วย
  2. ความพิเศษอีกอย่างของซอยแจ้งวัฒนะ 14 นั้นมีทางลัดเลาะพิเศษ ไปยังพื้นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่าง BigC และ The Avenue (ที่มีโรงหนังเมเจอร์ด้านใน) และอีกซอยนึงก็สามารถไปเข้าด้านหลังของ Tesco Lotus ด้านหลังได้ด้วย

การเดินทางในวันนี้ผมมาจากทางห้าแยกลาดพร้าว วิ่งบนนถนนเส้นหลักอย่างวิภาวดีรังสิตมุ่งหน้าออกเมือง โดยผมจะเลี้ยวซ้ายเข้าที่แยกหลักสี่ (เลยรพ.จุฬาภรณ์มานิดนิดชิดซ้ายเลย) หลักจากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนแจ้งวัฒนะ ผ่านศูนย์ราชการ หลังจากนั้นให้ตรงไปอีกไม่ไกล ให้กลับรถที่ใต้สะพานข้ามแยก (ยังไม่เลยคลองประปานะ)

ช่วงที่กลับรถมาแล้วจะเห็น Tesco Lotus, Avenue, Big C หลังจากนั้นชิดซ้ายเลี้ยวเข้าซอยแจ้งวัฒนะ 14 ตรงไปนิดหน่อยเจอตลาดนัดเมืองทอง 1 ให้เลี้ยวขวา ตรงไปทางทางและเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแจ้งวัฒนะ 12 แยก 4-5 ก็ถึงที่ตั้งโครงการ

ตำแหน่งที่ตั้งของ Sale Office Gallery โครงการ The Prop จะไม่ได้อยู่ที่ตั้งโครงการนะครับ แต่จะมาอยู่ที่ซอยแจ้งวัฒนะ 14 บริเวณปากซอยเข้ามาประมาณ 50 เมตรทางฝั่งขวา ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ห้องติดกันตรงนี้ ป้ายก็เห็นเด่นมาแต่ไกล

โดยด้านในตงแต่งเป็นพื้นที่รองรับแขกได้ดูอบอุ่นหน่อย คล้ายๆมินิคาเฟ่ ก็จะมี Sale โครงการคอยให้ข้อมูล รวมถึงมีโมเดลโครงการตั้งอยู่ที่นี่

ออกมาที่ด้านนอก บริเวณต้นซอยของแจ้งวัฒนะ 14 เป็นช่วงที่มีความพลุกพล่านสูงระดับนึงเลย เพราะเป็นจุดที่มีความอุดมสมบูรณ์ของ 2 ฝั่งข้างทาง มีธนาคาร ร้านอาหาร ร้านต่างๆที่จำเป็นในการใช้ชีวิต เพราะด้านในเป็นหมู่บ้านเก่าขนาดใหญ่ที่มาบุกเบิกพื้นที่ย่านนี้อย่างเมืองทองนิเวศน์ 1 ครับ

ซึ่งทางซ้ายมือนี้จะเป็นแหล่งที่ตั้งของซุ้มพี่วินมอเตอร์ไซค์ (เราจะเห็นว่าถ้าใครใช้เดินเอา ตรงนี้เดินผ่านไปบิ๊กซีที่อยู่ด้านหลังพี่วินได้เลย)

อัตราค่าโดยสารของพี่วินซุ้มนี้ โดยถ้าจะเดินทางไป The Prop Condo อยู่ที่ 10 บาทเท่านั้น

นี่ครับทางซ้ายมือที่เราเห็นเป็นทางเข้าออกของรถ เป็นทางเข้าออกเสริมในการเข้าไปในห้างซูเปอร์อย่างบิ๊กซีแจ้งวัฒนะที่ติดถนนด้านหน้า อีกทั้งทางเข้าออกนี้ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง The Avenue กับโรงหนังเมเจอร์ฯได้อีกด้วยนะ

คือตั้งแต่เดินเข้ามาจากปากซอยมาประมาณ 200 เมตรเท่านั้น ผมจะเห็นรวงร้านต่างๆที่เน้นเรื่องของอาหารการกินเยอะมากๆนะ อีกทั้งยังไม่รถแบบรถเข็นแผงลอยที่ซื้อกลับบ้านได้ด้วย

หลักจากนั้นเราก็จะเห็นสามแยกตรงนี้ครับ เป็นซอยแจ้งวัฒนะ 12 แยก 4 ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างตลาดเมืองทอง 1 กับ เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ที่ชื่อว่า Corner Living ซึ่งถ้าตรงต่อไปก็จะเป็นหมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์นั่นเอง (มีทางลัดไปเข้าด้านหลังเทสโก้โลตัสได้ด้วย) และระหว่างนั้นสองฝั่งข้างทางก็ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารเช่นกัน

ที่นี้ผมลองมายืนบริเวณสามแยกที่เราจะเลี้ยวเข้าซอยตรงนี้นะครับ ให้เห็นกว้างๆ ตรงนี้มีพี่วินย่อยอยู่ปากซอยอีกจุดด้วยนะ ทางขวามือเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ที่ชื่อว่า Corner Living นี่มีติดป้ายโชว์ขนาดใหญ่ให้เห็นค่าเช่ารายวันของที่นี่ด้วยนะครับ (รายเดือนๆละ 6,000 บาท, ส่วนรายวันๆละ 890 บาท เรทราคาไม่ธรรมดาเลยแหะ) และก็มี 7-Eleven อยู่ด้านล่างด้วย

ตลาดเมืองทอง 1 ซึ่งมีการปรับปรุงรีโนเวทกันยกใหญ่ทั้งโครงสร้าง การแบ่งพื้นที่ การจัดสรรล็อค พื้นที่จอดรถ ซึ่งตอนนี้ก็เรียกว่าใกล้จะเสร็จ 100% แล้วนะครับ อีกไม่นานก็กลับมาเปิดใหม่ละ

เรามาเดินทางกันต่อที่ซอยแจ้งวัฒนะ 12 แยก 4 ตรงนี้มุ่งหน้าตรงไป

ซึ่งด้านข้างของพื้นที่อพาร์ทเมนท์ตรงนี้ ก็ถูกปล่อยเช่าเป็นพื้นที่ Shop และก็มีรวงร้านต่างๆที่น่าสนใจไม่น้อยมาเปิดอย่าง Cafe Amazon, ร้านอาหารตามสั่ง ร้านตัดผม ฯลฯ แบบนี้ก็ดีต่อคนแถวนี้นะฮะ

พอพ้นอพาร์ทเมนท์มาก็จะเจอกับร้านอาหารให้พึ่งพิงอีกนิดอย่างร้านส้มตำ 20 (ทางซ้ายมือ) และร้าน CHAENG14 (ทางขวามือ)

บรรยากาศภายในร้านส้มตำ 20 ก็ดูมานั่งรับประทานดีนะครับ ใกล้จากตัวโครงการเพียง 450 เมตร

ตรงหน้าร้านส้มตำ 20 นี้เราจะเจอกับสามแยก ที่มาจากซอยแจ้งวัฒนะ 12 นะครับ อย่างที่บอกไปตอนแรก ว่าถ้าใครที่ขับรถ และจะใช้การออกไปถนนใหญ่อย่างแจ้งวัฒนะ มาใช้ที่ซอยนี้เป็นหลักนะครับ เพราะว่าความหนาแน่นของจราจรน้อยกว่าซอย 14 ที่เข้ามาอย่างเห็นได้ชัด สามารถทำเวลาได้ดีกว่ามาก

พอเลยสามแยกมาจะเริ่มเห็นป้ายไวนิลบอกทางแล้ว ว่าไปอีกแค่ 400 เมตรก็ถึงโครงการ

ซึ่งสภาพแวดล้อมในซอยนี้ปัจจุบันทั้งสภาพทางก็ค่อนข้างดูดี อีกทั้งประกอบกับรอบๆนี้มีบ้านพักอาศัยที่เป็นบ้านเดี่ยวเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีสีเขียวของร่มไม้ข้างทางแบบนี้ให้เห็น

ทางขวามือที่เราเห็นจะเป็นคอนโดที่สร้างเสร็จไปแล้วอย่าง Resta Resort ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการตัวก่อนหน้าของ Developer ของ The Prop Condominium ที่ผมกำลังจะพาไปดูนั่นเอง โครงการนี้ปิดการขายไปตั้งแต่ปี 2556-2557 แล้วนะครับ เมื่อก่อนเค้าทำห้องประมาณไซส์ 30 ตร.ม. โดยราคาสมัยก่อนขายกันอยู่ประมาณ 1.2-1.9 ล้าน (แล้วแต่ขนาดห้อง)

ตรงมาอีกนิดหน่อยเราจะเจอกับสามแยก ซึ่งตรงนี้ให้เราเลี้ยวซ้ายครับ

ซึ่งพอเลี้ยวมาแล้วก็จะเห็นตัวโครงการอยู่ที่สุดสามแยกด้านหน้า ตรงไปอีกนิดนึง

สามแยกตรงนี้ก็เห็นส่วนที่ดินโครงการแล้วนะครับ โดยทางซ้ายมือจะเป็นซอยศรีอุดม ซึ่งสามารถไปโผล่ซอยแจ้งวัฒนะ 14 ได้ (แต่ว่าสภาพทางจะยังไม่ถูกปรับปรุงให้ใหม่เหมือนกับซอยที่ผมพามานะ) ตรงนี้ให้เราเลี้ยวขวา

ด้านหน้าโครงการชื่อซอยจะเปลี่ยนไปเป็นซอยแจ้งวัฒนะ 12 แยก 4-5 ครับ ซึ่งทางเข้าออกโครงการก็อยู่ตรงนี้แหละ และซอยนี้ถ้าตรงต่อไป ก็สามารถเป็นซอยลัดเลาะไปเชื่อมกับซอยแจ้งวัฒนะ 10, หรือโผล่ถนนกำแพงเพชร 6 ได้ด้วยนะ แต่ต้องอาศัยจำทางซิกแซกหน่อย

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

สภาพแวดล้อมโดยรอบของโครงการ เนื่องจากพื้นที่โครงการอยู่ในซอยย่อยที่ห่างออกจากถนนหลักมาหน่อย ทำให้รอบๆนั้นส่วนใหญ่จะยังเป็นที่ดินเปล่า ที่ยังไม่ได้พัฒนาเป็นโครงการอะไร แต่ถ้าสังเกตจากแมพเดิมรอบๆที่เหลือจะเป็นลักษณะที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นส่วนใหญ่ครับ และก็ไม่ได้มีพวกอาคารสูงเกิน 3 ชั้นเลยด้วย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาดเมืองทอง 1
  • โรงพยาบาล มงกุฎวัฒนะ
  • Big C แจ้งวัฒนะ
  • The Avenue + Major Cineplex
  • Tesco Lotus
  • เมืองทองธานี
  • Health Land
  • เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ
  • Makro
  • IT Square
  • ทางด่วนพิเศษศรีรัช
  • ทางด่วนพิเศษโทลเวย์
  • ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
  • สำนักงานใหญ่ บริษัท TOT
  • ไปรษณีย์ใหญ่หลักสี่
  • รถไฟฟ้าสายสีชมพู อนาคต (พึ่งเริ่มก่อสร้าง)
  • รถไฟฟ้าสายสีแดง อนาคต (กำลังก่อสร้างประมาณครึ่งนึง)


เจาะลึกตัวโครงการ

ก่อนจะเข้าไปดูของจริงในโครงการ มาดูผังอาคารและชั้น 1 คร่าวๆกันสักหน่อย การวางผังอาคาร ซึ่งทำเป็นรูปทรงตัว L มี 2 อาคาร แต่ก็ไม่วางตัวตึกให้เข้าล็อคกันจนเกินไป ไม่งั้นจะบังวิวด้านในกันเองครับ จะมีโดนบ้างแต่ก็นิดหน่อยประมาณ 1 ห้องเท่านั้น

ตัวอาคารทางซ้ายมีชื่อว่า Spring(มี 133 ยูนิต) และอาคารขวาชื่อ Winter(มี 182 ยูนิต) รวมทั้งหมด 315 ยูนิต ที่ชั้น 1 เนี่ยจะเป็นส่วนของพื้นที่จอดรถเป็นหลักส่วนใหญ่ทั้งกลางแจ้งและใต้อาคารโดยจะจอดรถได้ประมาณ 102 คันคิดเป็น 32% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) เดินรถในโครงการเป็นแบบทูเวย์ และตรงกลางระหว่างอาคารทั้งสองจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักอย่างสระว่ายน้ำและสวนหย่อม โดยมีการกั้นพื้นที่ด้วยสายตาให้มีความ Private เอาไว้เวลามาใช้งาน

ด้านหน้าโครงการมีการปลูกพุ่มไม้ขนาดเตี้ยและกลางขนานกับแนวรั้วโปร่งของโครงการ โดยมี Signage ชื่อโครงการอยู่บ้านเลขที่ของโครงการจะขึ้นด้วย 9 นั่นเอง

ถนนทางเข้าออกด้านหน้าโครงการจะปูด้วยพื้นคอนกรีตสแตมป์ทั้งหมด ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเก็บงานเก็บสี ที่จะเปิดตัวตึกเสร็จเต็มๆในเดือนตุลาคมให้โอนได้ ก็จะเห็นกำลังเก็บงานอยู่ในภาพบ้างนิดหน่อยนะครับ ระบบรักษาความปลอดภัยตรงนี้เป็นรั้วไม้กั้นกระดกที่ต้องใช้ Keycard Access ในการผ่านเข้าออก และทางขวามือจะมีป้อมรปภ.สแกนอีกจุดนึง

การเดินรถภายในโครงการนี้จะเป็นแบบ ทูเวย์ (เดินรถสวนทางกันได้ทุกส่วนนะครับ) แต่ทางซ้ายมือจะเป็นการไปสู่อาคารที่ชื่อว่า Spring และทางขวามือที่เห็นคืออาคาร Winter

เราเลี้ยวซ้ายม่ก่อนจะเจอกับพื้นถนนในโครงการที่เถเป็นคอนกรีตทั้งหมด ส่วนแรกจะเป็นพื้นที่จอดรถกลางแจ้งบริเวณนี้นะครับ โดยโครงการก็ตีเส้นจอดเอาไว้ให้เป็นระเบียบ โครงการนี้สามารถจอดรถได้ 102 คันคิดเป็น 32% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) สำหรับผมนะถ้าอนาคตพื้นที่จอดรถไม่พอ แต่ว่าโครงการทำถนนภายในกว้างแบบนี้ ถ้านิติและลูกบ้านมีการรวมตัวกันปรับระบบทางเดินรถใหม่เป็นวันเวย์ทางเดียว สามารถจะจอดซ้อนคันเพิ่มขึ้นได้อีกเพียบเลยล่ะครับ อันนี้ก็ต้องอยู่ที่การประชุมร่วมลูกบ้านนะฮะ

จากมุมนี้หันไปทางขวาเริ่มจากพื้นที่สีเขียวที่เห็นกันก่อน จะเป็นแนวพุ่มไม้ และต้นไม้ ที่ถูกเอามาวางเรียงตัวกัน นอกจากให้สีเขียวแก่สายตาแก่ลูกบ้านแล้ว ยังเป็นตัวกั้นพื้นที่ความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำและสวนหย่อม ที่อยู่ด้านหลังแนวพุ่มไม้ตรงนี้อีกด้วย

ส่วนของอาคารโครงการนี้จะเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร อาคารซ้ายชื่อ Spring(มี 133 ยูนิต) และอาคารขวาชื่อ Winter(มี 182 ยูนิต) รวมทั้งหมด 315 ยูนิต โดยดีไซน์หน้าตาของอาคารจะเป็น Modern Contemporary ร่วมสมัยที่ใช้ทูโทนของสีน้ำเงินและเทาตัดกัน

เรามาดูที่ด้านล่างของอาคาร Spring ทางซ้ายมือกันก่อน ซึ่งก็จะมีทั้งพื้นที่จอดรถใต้อาคารแบบ Semi Outdoor และมีบางส่วนเป็นห้องปิดสัดส่วนอย่างโถงลิฟต์, ห้องอ่านหนังสือ และห้องนิติบุคคล ซึ่งโครงการนี้ออกแบบตัวลิฟต์ไม่ได้ล็อคชั้นนะครับ เนื่องจากเจ้าของโครงการไม่ได้เน้นที่ล็อบบี้ด้านล่าง เวลามีพื่อนหรือญาติครอบครัวของลูกบ้านมาหา จะได้ขึ้นไปได้เลย ไม่ต้องมายืนรอบริเวณที่จอดรถ ก็ต้องแลกกับ Privacy สักนิดนึง แต่ว่าประตูทางเข้าหลักแรกก็สแกนคนเข้ามาส่วนนึงแล้วล่ะ

ด้านหลังของพื้นที่จอดรถ ตรงนี้เราจะเห็นส่วนของรั้วกำแพงโครงการที่ทำเป็นคอนกรีตทึบสูง 2 เมตร แต่ว่ามีการใช้พุ่มไม้ ต้นไม้ ปลูกไล่ระดับขนาดนกับรั้วกำแพงโครงการ เพื่อใช้สีเขียวนี่แหละช่วยให้ดูไม่ทึบอึดอัดนั่นเอง

อ้อมมาด้านในระหว่างอาคารอีกด้านนึงแล้ว จากมุมนี้เราจะเห็นว่า โครงการวางตัวอาคารซึ่งทำเป็นรูปทรงตัว L มี 2 อาคาร แต่ก็ไม่วางตัวตึกให้เข้าล็อคกันจนเกินไป ไม่งั้นจะบังวิวด้านในกันเองครับ จะมีโดนบ้างแต่ก็นิดหน่อยประมาณ 1 ห้องเท่านั้นที่เหลือบกันนิดหน่อย จากมุมนี้เราจะเห็นส่วนของบันไดหนีไฟส่วนนึงที่โครงการนี้จะจัดเอาไว้ให้มาชิดกับด้านนอกอาคารฝั่งนึงให้เป็นแบบกึ่งทึบกึ่งโปร่งด้วยนะครับ

ฝั่งทิศเหนือด้านหลังโครงการก็มีลงต้นไม้อยู่บ้างแต่จะไม่แน่นเท่าฝั่งด้านหน้า แต่จะมีการติดไฟส่องสว่างเอาไว้ให้ขนานกับแนวกำแพงรั้ว (ฝั่งนี้ด้านนอกจะเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยทั่วไปทั้งบ้านเดี่ยว 1-2 ชั้น)

ที่ด้านใต้อาคาร Winter ซึ่งมีจำนวนยูนิตเยอะกว่าหน่อย ก็เป็นส่วนของพื้นที่จอดรถทั้งหมดแบบในร่ม การเก็บงานความสะอาดทำได้ดูดีนะฮะ

ตรงนี้เห็นมีทางเดินไปได้ซึ่งตัวพื้นทางเดินจะเปลี่ยนเป็นคอนกรีตพิมพ์ลาย

ส่วนของโถงลิฟต์อาคาร Winter ก็จะเหมือนกับอาคาร Spring นั่นแหละครับ อ้อ.. ลืมบอกไปที่นี่เค้าใช้ลิฟต์ของยี่ห้อ schindler นะ

ด้านข้างติดกับห้องโถงลิฟต์ จะมีส่วนของห้อง Library ที่มานั่งอ่านหนังสือ นั่งทำงานได้ อีกทั้งมี FreeWifi ที่ตรงนี้ห้ใช้ด้วย

ตรงข้ามกับห้อง Library จะมีการยกสเต็ปทางเดินขึ้นไปเล็กน้อย เพื่อเข้าไปสู่ส่วนของส่วนกลางหลักอย่างสระว่ายน้ำ

ด้านข้างทางซ้ายมือตรงนี้จะเป็นส่วนเก้าอี้นั่งพักนั่งรอ ซึ่งโครงการแจ้งมาว่าอาจจะเปลี่ยนเป็น Pool Bed เอาไว้สำหรับมานอนเล่นอาบแดดแทน ใคร Walk in เข้าไปก็สอบถามกันอัพเดทอีกทีนะ

สระว่ายน้ำโครงการนี้ถือว่าขนาดไม่ได้ใหญ่มาก เพราะไปเทียบแล้วอัตราส่วนยูนิตรวมก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ก็พอมาว่ายออกกำลังกายได้อยู่ และที่สำคัญคือเจ้าต้นไม้พื้นที่สีเขียวที่โครงการตั้งใจจะล้อมรอบพื้นที่ตรงนี้จากจุดที่จอดรถ เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัวเวลามาใช้งาน

ตัวสระจะเป็นระบบเกลือ ซึ่งมาขนาดประมาณ 3.20 x 15 เมตร ส่วนของสระผู้ใหญ่จะลึก 1.20 เมตรครับ

โดยที่ปลายสระฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของแยกพื้นที่สระเด็กเอาไว้ให้ด้วยอยู่ติดกัน ถ้าใครมีลูกเล่นตรงนี้แหละ ลึกประมาณ 60 ซม.

ด้วยการวางสระที่อยู่กึ่งกล่างระหว่าง 2 อาคารแบบนี้ เพื่อจะได้มีห้องพักอาศัยที่อยู่ฝั่งด้านในจะได้เป็นวิวสระว่ายน้ำจากในห้อง และเห็นสวนหย่อมข้างๆด้วยนั่นเอง

และติดกับสระเด็กข้างๆ จะเป็นส่วนของพื้นที่ล้างตัว ที่มี Shower มาให้ 1 จุด และด้านหลังจะเป็นส่วนของห้องน้ำแยกชายหญิง

ที่ด้านหลังของสระ จะมีทางเดินต่อเนื่องมาได้ เป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกจุดอย่าง สวนหย่อม

กลับหลังมาดูอีกมุมนึง ภายในสวนหย่อมนี้ก็มีการทำเป็นเก้าอี้คอนกรีตก่อสีดำมาตัดกับสีเขียวดู Contrast ดีนะฮะ ใช้เป็นที่นั่งเล่น หรือจุดนัดพบระหว่างเพื่อนบ้านมาคุยเล่นกันได้

มาดูแปลนในส่วนของชั้น 2-8 ด้านในของแต่ละอาคารกันบ้าง ซึ่งแปลนห้องพักของที่นี่จะมีทั้งหมดหลักๆ 9 แบบนะครับ แต่ว่าจะเป็นแบบ 1 Bedroom เกือบทั้งหมด(มี Studio หลุดมาแบบนึงครับ) เพราะว่าต้องการให้ห้องเป็นสัดส่วน อีกทั้งห้องจะไม่ใหญ่จนเกินไปทำให้มีราคารวมหยิบจับได้ไม่ยาก โดยเราจะเห็นว่าโครงการจะว่า Core Lift ไว้ที่มุมกลางอาคารทั้งคู่เลย เพื่อให้ลูกบ้านจะได้ไม่ต้องมีฝั่งไหนเดินไปห้องพักไกลเกินไป และจัดช่องแสงส่องมาตามโถงทางเดินตรงหน้าโถงลิฟต์และปลายอาคารฝั่งนึง

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ตอนนี้ผมอยู่ในอาคาร Spring ซึ่งจริงๆแล้ววัสดุการตกแต่งของทั้งสองอาคารก็จะเหมือนๆกันแหละครับ

โดยหน้าโถงลิฟต์ พอเราออกมาจะเห็นส่วนของพื้นที่ตู้จดหมาย ที่ทำให้แยกในแต่ละชั้นใครชั้นมันแบบนี้ โครงการนี้ไม่ได้ทำรูปแบบห้อง Mail Room ที่อยู่ด้วยกันด้านล่าง แบบนี้ก็ดีเดินมาเอาจดหมายง่ายๆและนิติฯมาหยอดให้ถึงชั้นเราเลย และข้างๆติดกันก็มีหน้าต่างช่องแสงบานกระทุ้งด้วย

ส่วนของ Corridor โถงทางเดินที่นี่ตัวพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาว ความกว้างประมาณ 1.80 เมตร มีโคมไฟดาวน์ไลท์ส่องสว่างตลอดทางเดิน อีกทั้งมีการติดส่วนของกล้อง CCTV เพื่อเสริมในเรื่องความปลอดภัยมาให้ทุกชั้น / อีกสิ่งนึงที่ผมเห็นและทำออกมาดูดีคือบริเวณฝ้าเพดานมีการทำส่วนเล่นระดับด้านข้างทั้งสองฝั่งนะครับ โดยถ้าเพ่งไปจริงๆแล้ว เราจะมองเห็นส่วนของงานท่อระบบหน่อย แต่โครงการก็มีการเก็บงานโดยทาสีดำไว้ และพอมองด้วยสายตาไกลๆมันเป็นทูโทนขาวดำที่ออกมาดูสวยใช้ได้เลย

เนื่องจากวันที่ผมเข้าไปทำรีวิว ยังมีพื้นที่ส่วนกลางส่วนสุดท้ายที่ยังตกแต่งไม่เสร็จ ก็คือ Rooftop Garden หรือ สวนหย่อมดาดฟ้า นั่นเองครับ ซึ่งโครงการกำลังเร่งทำอยู่ใก้เสร็จก่อนที่เตรียมจะส่งมอบห้องเดือนตุลาคมนี้ ตำแหน่งของสวนนี้จะมีอยู่ที่ทั้งดาดฟ้าของแต่ละอาคารกันเลย ซึ่งสวนของอาคาร Winter จะใหญ่กว่านิดหน่อยเพราะมียูนิตที่เยอะกว่า ผมเอาภาพจากตัวโมเดลที่สนง.ขายมาให้ดูประกอบให้เห็นภาพง่ายๆนะ

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 3.5 x 15 เมตร ลึก 1.20 เมตร และแบ่งสระเด็กลึก 60 ซม.
  • สวนหย่อมที่ชั้น 1 (ติดกับสระว่ายน้ำ
  •  Rooftop Garden สวนหย่อมดาดฟ้าของแต่ละอาคาร
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร (ไม่ล็อคชั้น)
  • Library ที่ชั้น 1 Freewifi
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก Spring 66 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก Winter 91 : 1
  • Service Lift (ไม่มี)
  • ที่จอดรถประมาณ 102 คันคิดเป็น 32% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบ CCTV / Access Card / รปภ.24 ชม.


Product Walkthrough

รูปแบบการขายของโครงการนี้ โดยแบบ Original โครงการจะขายเป็นแบบ Fully Fitted หรือแบบห้องเปล่าๆนะครับ โดยไม่มีเฟอร์นิเจอร์มาให้ แต่ว่าโครงการก็จะมี Option เสริมสำหรับคนที่ขี้เกียจต้องไปหาซื้อเฟอร์เข้าบ้านเอง (ซึ่งก็ไปดูในราคาละเอียดชุดเฟอร์รวมต่างๆ ของห้องแต่ละ Type และเป็นของ SB Furniture ด้วยนะ) โดยราคาที่โครงการคิดเพิ่มมาประมาณ 100,000 แสน (ซึ่งถ้าไปซื้อที่ SB เองจะได้ราคาที่แพงกว่า)

เริ่มจากห้องตัวอย่างแรกที่พาไปดูคือ 1 Bedroom type B ขนาด 26.50 ตร.ม. โดยรูปทรง Layout ห้องเป็นทรงจตุรัส โดยฟังก์ชันทุกโซนค่อนข้างแบบพื้นที่เป็นสัดส่วนนะ โดยส่วนที่กั้นห้องนอนจะได้เป็นประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งจะได้ให้แสงแดดธรรมชาติพอส่องผ่านมาที่โซนนั่งเล่นได้ / พื้นที่ทางโซนครัว โครงการไม่ได้กั้นเป็นครัวปิดมาให้ แต่ดู Space ทางเดิน ถ้าใครคิดจะทำอาหารจริงจังกินเองบ่อยๆ ก็สามารถกั้นโซนเป็นครัวปิดได้ไม่ยากเลย และด้านนอกติดกับโซนครัว ก็เป็นส่วนของระเบียงด้วย จะได้ช่วยระบายอากาศคอมโบกับส่วนครัวด้วยนะ

ตัวประตูห้องพักอาศัยจะเป็นบานไม้ HDF สีขาวรวมไปถึงกรอบบานรอบๆด้วย มีเล่นลายลูกฟักทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนของลูกบิดเป็นแบบทรงกลมมือหมุนธรรมดามาตรฐานทั่วไป และมีติดตัวตาแมวเอาไว้ให้แล้ว

ด้านในส่วนแรกจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นรับแขกก่อนเลย โดยฟังก์ชันต่างๆในห้องนี้จะแยกกันค่อนข้างเป็นสัดส่วน ถึงแม้ Living Area จะอยู่โซนด้านในชิดกับประตู แต่ว่าก็ยังมีส่วนของประตูกระจกที่กั้นห้องนอนกับส่วนครัวเล็กน้อยที่ยังมีส่วนของแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านเข้ามาได้ ตัวพื้นที่นี่จะให้เป็นพื้นลามิเนต 8mm. และความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.40 เมตร แบบห้องตัวอย่าง รวมไปถึงให้ครัวด้วยครับ แต่ถ้าใครอยากแต่งห้องเองก็เลือก Option มาตรฐานเอา

มองย้อนกลับไปทางประตูทางเข้า มีการติดตั้งตัวสต็อปเปอร์กันกระแทกที่พื้นมาด้วย ตรงพื้นที่นั่งเล่นโซฟาจะมีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตรนิดๆครับ เลือกใช้ทีวีประมาณ 40 นิ้วกำลังดี

มุมฝั่งขวามือเป็นโซนชั้นวางทีวี โดยด้านล่างสุดก็คงหนีไม่พ้นเก็บรองเท้าใส่กล่องเอาไว้ข้างล่างที่พื้น ส่วนที่เหลือก็เก็บของใช้ของโชว์ ซึ่งใช้พื้นที่ใช้สอยแนวตั้งให้เป็นประโยชน์

ถ้าใครเลือกชุดเฟอร์ก็จะได้เจ้าสามชิ้นนี้ ซึ่งอย่างโต๊ะกลางก็จะมีลูกเล่นยกตัวขึ้นสูงได้ เก็บของด้านใต้ได้ รวมไปถึงโซฟาแบบ 2 ที่นั่ง ก็จะมีพื้นที่เก็บของด้านล่างด่วนเช่นกัน (ได้ที่เก็บรองเท้าเพิ่มล่ะ)

ต่อมาในส่วนของประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน (ตัวบานกระจกเป็นสีเขียว) วงกบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่กั้นโซนห้องนอนให้เป็นสัดส่วน

ตัวล็อกมือจับแบบเซาะร่อง และมีซีลสักหลาดเก็บเสียงและฝุ่นได้

ตัวฐานเตียงถูกวางกลางห้อง ทำให้มีพื้นที่ทางเดินรอบเตียงได้สามฝั่งรอบด้าน ในห้องตัวอย่างเลือกเป็นวางเตียง Queen Size มาให้ดู ถ้าเราจะขยายเป็น King Size ก็ได้นะครับ แต่อาจจะต้องเอาเตียงไปชิดฝั่งขวาที่ใกล้กับหน้าต่างแทน และจะได้วางโต๊ะข้างหัวเตียงได้ฝั่งซ้ายฝั่งเดียว ส่วนของหน้าต่างในห้องนอน ช่วงตอนล่างจะเป็นแบบฟิคถ้าจะเปิดก็เป็นบานเลื่อนด้านบน

ที่ปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลือสำหรับติดตั้งเฟอร์นิเจอร์อย่างมุมโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าแบบนี้

ระยะทางเดินปลายเตียงหลังจากติดตั้งเฟอร์ไปแล้ว ก็จะเหลือให้เดินได้ประมาณ 60 ซม.ก็โอเคอยู่ครับ

ชุดตู้เสื้อผ้าแบบแพ็คเกจก็จะเป็นแบบหน้าบานลายไม้ เป็นแบบเลื่อน ด้านในก็เก็บเสื้อผ้า 1 คนพอไหว มีแบ่งช่องลิ้นชักและชั้นวางมาให้แล้ว

ออกมาจากห้องนอนทางซ้ายมือจะเป็นส่วนทางเดินขข้ามไปยังโซนครัวครับ ซึ่งตรงนี้อย่างที่อธิบายไปในแปลนตอนต้นว่า ถ้าใครคิดจะทำอาหารทานเองบ่อยๆและจริงจัง ก็ไปติดตั้งประตูกระจกเพื่อกั้นโซนได้เป็นครัวปิดไปเลยครับ แสงธรรมชาติลอดผ่านได้ อีกทั้งกลิ่นจะไม่มารบกวนส่วนของห้องโถงนั่งเล่นด้วย

ซึ่งก่อนจะดูครัว ทางขวามือติดกันกับครัวจะเป็นฟังก์ชันห้องน้ำ โดยมีการยกสเต็ปธรณีก่อที่สูงขึ้นมาพอสมควรเลย(รวมไปถึงพื้นนที่อาบน้ำด้วยเช่นกัน) เพื่อแยกส่วนแห้งและส่วนเปียกง่ายต่อการทำความสะอาด ตัวอุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำส่วนใหญ่จะได้เป็นของ Mogen และตามในรูปเลยครับ

พื้นที่อาบน้ำที่แยกโซนส่วนเปียกด้วยการยกธรณีขึ้นมา แต่โครงการไม่ได้ให้ส่วนฉากกั้นมานะครับ ใครมีงบน้อยก็ใช้เป็นพลาสติกม่าน หรือถ้าใครมีงบเยอะก็ไปเลือกอะคริลิคหรือกระจกนิรภัยมาทำเป็นฉากกั้นเอาครับ พื้นที่อาบน้ำมาตรฐานสำหรับยืนอาบคนเดียว

ออกมาจากห้องน้ำจะเป็นส่วนของพื้นครัวและรับประทานอาหาร ซึ่งมีข้อสังเกตว่าโครงการไม่ได้เปลี่ยนวัสดุปูพื้นนะครับ ยังเป็นพื้นลามิเนตต่อเนื่องมาจากห้องโถงหลักมาถึงตรงนี้เลย ซึ่งหลายๆคนคงรู้อยู่แล้วว่าลามิเนตมันคือไม้ครับ จะไม่ค่อยถูกกับน้ำสักเท่าไร เพราะยังไงถ้าทำครัวก็ต้องมีน้ำกระเด็นมาเลอะบ้างหรือจะต้องทำความสะอาดพื้นบ่อยกว่า

ชุดครัวก็เป็นส่วนนึงในชุดเฟอร์นิเจอร์แพคเกจนะครับ ทางฝั่งขวามือจะเป็นพื้นที่ Pantry หน้าตาเช่นนี้ถือว่าดูดีระดับนึงเลย โดยมีหน้าบานลายไม้ แบ่งช่องการเก็บของเป็นสัดส่วนทั้งหน้าบานเปิดและปิด Hob&Hood ของ MEX (เป็นแบบระบบดูดควันหมุนเวียน) ด้านล่างมีแบ่งช่องสำหรับวางไมโครเวฟเอาไว้ และทางซ้ายมือสุดเป็นพื้นที่วางตู้เย็นนั่นเอง

ในส่วนของฝั่งตรงขจ้าม จะเป็นชุดโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งโต๊ะในห้องตัวอย่างเรียกว่าหามาได้เข้ากับพื้นที่ทีเดียว อีกทั้งยังมีที่เก็บของด้านล่างอีกด้วยแหะ

ไอเดียการใช้พื้นที่ใช้สอยแนวตั้งโดยการทำชั้นลอยแขวนผนัง ขอเสริมอีกนิดเราสามารถสร้างบรรยากาศโต๊ะทานอาหารโดยหาโคมไฟเก๋ๆมาติดที่เหนือโต๊ะ เพื่อสร้างบรรยากาศให้มุมทานข้าวเราดูดีน่าใช้เพิ่มมากขึ้นได้

ติดกับครัวด้านนอกเป็นส่วนของระเบียงครับ แสงธรรมชาตินั้นช่วยส่องผ่านมายังครัว อีกทั้งเวลาเราทำอาหารเสร็จก็สามารถเปิดช่วยระบายอากาศได้ ตัวพื้นระเบียงมีการลดระดับลงถึง 10 ซม. เพื่อช่วยกันในเรื่องฝนสาดและยังสามารถทำงานซักล้างได้ด้วย ตัวระเบียงจะมีเหล็กโปร่งเป็นตัวกันตกอยู่ และพื้นที่ระเบียงจะเป็นพื้นที่จตุรัส ขนาดกว้าง 1.50 x 1.50 เมตร มีการติดตั้งก๊อกน้ำ ปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบพร้อมเดินท่อน้ำทิ้งเผื่อใครจะมาวางเครื่องซักผ้าบริเวณนี้

ส่วนข้างคอมเพรสเซอร์แอร์ก็จะแขวนผนังเอาไว้แบบนี้ โดยหันลมร้อนหันข้างในพื้นที่ระเบียง ถ้าใครจะไปหาซื้อกริลล์บังคับทิศทางเพิ่มเอาก็ได้นะ พันกว่าบาท และจะได้โคมไฟทรงกระบอกติดส่องสว่างที่ระเบียงมาให้

ห้องตัวอย่างอีกห้องที่จะพาไปเป็น 1 Bedroom Type D ขนาด 27.50 ตร.ม. ซึ่งถ้านับฟังก์ชันต่างๆจะเหมือนกับห้องแรก แต่ Layout ตำแหน่งอะไรต่างๆจะเปลี่ยนไปพอสมควร โดยในห้องนี้จะเพิ่มพื้นที่ในส่วนของ Living Area กว้างกว่าห้องแรก อีกทั้งพื้นที่ครัวก็กั้นเป็นโซนครัวปิดมาให้เลยด้วย แต่ก็ยังอยู่ติดกับระเบียงเช่นเดียวกัน / ส่วนของห้องนอนค่อนข้างลงตัวเลยทั้งขนาด ทางเดิน ตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ แต่การใช้ห้องน้ำต้องออกไปใช้ด้านนอก แต่ว่าประตูก็อยู่ติดกันนะครับ

ในส่วนของห้องนี้ผมจะพยายามไม่เล่าในเรื่องส่วนของ “วัสดุ” แล้วนะครับ เพราะหลักๆจะเหมือนกับห้องแรกที่พาไปดู แต่จะเน้นเล่าพวกฟังก์ชัน ระยะต่างๆว่าโอเคไหมเป็นหลัก จะได้ไม่บรรยายซ้ำไปมาละกันเนอะ

โดยเข้ามาในห้องจะเป็นส่วน Living Area ก่อน โดยจะมี Space พื้นที่ค่อนข้างกว่าห้องแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่ช่องแสงหลักๆนั้นจะลอดผ่านมาจากทางพื้นที่ครัวนะครับ (เพราะห้องนอนจริงๆแล้วจะปิดประตูไว้นะเผื่อกรณีอยู่กันสองคนแยกพื้นที่กัน)

หันไปมองทางขวาจะเป็นส่วนของพื้นที่วางโซฟาครับ ซึ่งด้วยระยะห่างกับโซนชั้นวางทีวีแล้ว จริงๆเราสามารถเปลี่ยนโซฟาให้เป็นรูปทรงตัว L ก็ได้จะได้นั่งได้เพิ่มมากขึ้น หรือนั่งนอนเหยียดขาได้นั่นเอง มันมีระยะให้ปรับเปลี่ยนได้ครับ

กลับมามองทางฝั่งที่เราเข้ามาตอนแรก(ซ้ายมือเป็นประตูทางเข้าห้องนะ) โดยผนังฝั่งนี้จะเป็นมุมชั้นวางทีวี และติดกันห้องตัวอย่างชั้นเป็นชั้นวางของเสริมต่อเนื่องกันไป แต่เราอาจจะทำเป็นมุมโต๊ะทำงานก็ได้นะ เพราะติดกันมีกระจกที่แสงธรรมชาติส่งผ่านมาได้

ติดกันจะเป็นส่วนของโซนทางเข้าพื้นที่ครัว โดยห้อง Type นี้ จะให้เป็นครัวปิดมาเลยครับ เอาใจสำหรับคนชอบทำอาหารทานเองในบ้าน และที่สำคัญตัวพื้นนั้นถูกเปลี่ยนมาเป็นแบบกระเบื้องที่ไม่กลัวเรื่องน้ำ แถมทำความสะอาดง่ายด้วย

เข้ามาด้านในพื้นที่นี้นอกจากจะเป็นโซนครัวแล้ว ยังมีพื้นที่ฝั่งขวาเหลือสำหรับทำเป็นมุมโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งด้วย

ให้ดูระยะของโต๊ะทานอาหาร เราสามารถดึงเก้าอี้ถอยสุดและนั่งใช้งานจริงได้นะ โดยระยะก็จะพอดีกับพื้นที่หน่อย แต่ไม่ได้ติดขัดอะไร การใช้โคมไฟมาตกแต่งมุมทานข้าวจะช่วยให้น่านั่งขึ้น 😀

ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทานอาหารก็จะเป็นส่วนของ Pantry ครัวที่เป็นชุดเหมือนกับห้องที่แล้วครับ แต่ที่ถูกลดลงก็จะเป็นพื้นที่วางตู้เย็นจะเหลือเพียงแค่ 70 ซม.เท่านั้นก็อาจจะวางตู้เย็นที่เป็นแบบทรงสูง Slim หน่อย (ห้องที่แล้วกว้าง 1 เมตร)

ติดกันในส่วนของครัวก็จะได้เป็นประตูกระจกบานเลื่อน ด้านนอกเป็นพื้นที่ระเบียง โดยฟังก์ชั่น อุปกรณ์ การใช้งานต่างๆก็จะเหมือนกันครับ

กลับออกมาที่ห้องโถงด้านในอีกครั้ง เราจะเห็นส่วนของบานประตู 2 บาน ข้างๆกับโซฟา โดยประตูแรก(ขวา)ที่ติดกับโซฟานั้นเป็นทางเข้าห้องน้ำ และ(ซ้าย)เป็นส่วนทางเข้าห้องนอน ทุกฟังก์ชันแยกเป็นสัดส่วนจริงๆ

ในส่วนของห้องน้ำ การจัดวางการใช้งานจะเรียงตัวแบบนี้โดยไล่จากอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำ

โดยบริเวณพื้นที่อาบน้ำก็ยังคงยกธรณีแยกพื้นที่ส่วนเปียกเอาไว้เหมือนกันนะครับ แต่รูปทรงเหลี่ยมของพื้นที่จะเป็นตัว L แหะ ซึ่งตรงยืนอาบก็เป็นตรงที่จตุรัสแหละครับ แต่อีกส่วนที่เหลือผมแนะนำครับ สามารถทำเป็นมุมแบ่งชั้นวางของใช้ในห้องน้ำเป็นชั้นๆได้ครับ แล้วแต่เราจะทำเลย 3-5 ชั้นก็ได้ตามความชอบกับประมาณของใช้

ออกมาด้านนอกเราไปดูส่วนห้องสุดท้ายกัน ก็คือห้องนอนนั่นเอง

ซึ่งห้องนอนนั้นเรียกว่าจัดมุมเฟอร์ต่างๆ ถ้าเอาแบบห้องตัวอย่างผมว่าลงตัวที่สุดแล้วครับ คือเดินไปรอบเตียงได้ทุกฝั่ง (ประมาณ 45-60 ซม.) ก็เป็นระยะที่โอเคนะ ข้างเตียงฝั่งซ้ายวางโต๊ะหัวเตียงได้ ฝั่งขวาเดินไปใช้งานตู้เสื้อผ้าได้

ฝั่งขวามือ ฝั่งเดียวกับประตูเป็นมุมสำหรับทำตู้เสื้อผ้าแนะนำว่าทำให้สูงชนฝ้าเพดานไปเลยครับ จะได้ไม่เก็บฝุ่นที่หลังตู้

ระยะทางเดินที่ปลายเตียงครับ โดยถ้าใครเป็นคนชอบนอนดูทีวี ก็สามารถเอาทีวีมาแขวนผนังได้นะ

และที่สุดปลายทางเดินจะเป็นมุมของโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งก็จะเว้าเข้าไป ทำให้ได้มุมโต๊ะเครื่องแป้งที่เข้ากับพื้นที่พอดี (ด้านบนเป็นตำแหน่งวางแอร์ในห้องนอน)

หน้าต่างของห้องนอนก็จะเหมือนกัน เป็นบานฟิคด้านล่างและบานเลื่อนด้านบน วงกบอลูมิเนียมธรรมชาติ ขนาดจะไม่ได้ใหญ่มาก เป็นไซส์กลางๆพอมาตรฐานครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

Image 1/9
TYPE-AA 22.50 ตร.ม.

TYPE-AA 22.50 ตร.ม.

แปลนห้องพักใน Layout แบบอื่นๆในโครงการนี้ครับ อย่างที่บอกว่าเป็น 1 Bed เกือบทั้งหมด 8 แบบ และมี Studio เพียงแบบเดียวครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @4 September 2018

  • Studio ขนาด 22.50 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 26.50 – 33.50 ตร.ม.
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท
  • ช่วงราคาทั้งหมดประมาณ 1.2 – 1.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 56,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Fitted (ห้องเปล่า) / มี Option ซื้อชุดเฟอร์ SB Furniture เพิ่ม 100,000 บาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 45,000 บาท
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน (จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี)

Promotion (เฉพาะเดือนกันยายน 2561)

  • Smart TV 32 นิ้ว
  • ตู้เย็น 2 ประตู 8.2 คิว
  • เครื่องซักผ้าฝนหน้า 8 Kg.
  • เครื่องทำน้ำอุ่น
  • ไมโครเวฟ
  • (ทั้งหมดเป็นของยี่ห้อ Panasonic)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล : ตัวโครงการนั้นอยู่ในซอยย่อยของแจ้งวัฒนะ 12 นะครับ ซึ่งก็ห่างจากถนนหลักอย่างแจ้งวัฒนะเพียงประมาณ 740 เมตรเท่านั้น ด้วยความที่ว่าเป็นคอนโดที่อยู่ในซอย ทางผู้พัฒนาเลยต้องการให้มีราคาที่หยิบจับต้องง่ายกว่าโครงการ High Rise ที่อยู่ติดกับถนนแจ้งวัฒนะที่ราคาสูงกว่าเท่าตัว อีกทั้งพื้นที่ตรงนี้อยู่ในเขตที่ได้ทะเบียนบ้านเป็นจังหวัดกรุงเทพด้วย เพราะถ้าเลยข้ามคลองประปาหรือถนนประชาชื่นไปทางซ้ายอีกนิดเดียวจะถูกเปลี่ยนเป็นจังหวัดนนทบุรีนะครับ

โดยภาพรวมความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้เริ่มจากใกล้ๆโครงการก่อน คงหนีไม่พ้นซอยที่เรียกว่าเป็นหัวใจหลักอย่าง แจ้งวัฒนะ 14 ครับ เพราะเป็นซอยที่มีความสมบูรณ์สูงมากในเรื่องของอาหารการกิน ตั้งแต่ปากซอยยันไปจนถึงหน้าโครงการหมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ ร้านอาหารเหล่านี้เปิดตั้งแต่เช้าจนถึงดึกๆเลยหลายร้าน อีกทั้งเราจะเห็นว่าที่ริมถนนใหญ่จะมี Supermarket & Community Mall ถึง 3 แห่งอย่าง Big C, Lotus, The Avenue แต่ว่าถ้าไกลออกไปหน่อยก็จะมี Makro และห้างใหญ่อย่างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะอยู่บนเส้นนี้ด้วย

และประเด็นที่สำคัญอีกอย่างที่คงไม่พูดถึงไม่ได้ หรือกลุ่ม User หลักในย่านนี้คือ พื้นที่ใกล้ๆโครงการนี้นั้นมีสถานที่ราชการ แหล่งงานที่สำคัญขนาดใหญ่อย่าง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ข้างๆก็มีกรมกงสุล, ศาลปกครอง, ไปรษณีย์ใหญ่หลักสี่, CAT, TOT, Software Park, อาคาร CP All และสุดท้ายก็คือ เมืองทองธานี – ศูนย์แสดงสินค้าและสถานที่จัดคอนเสิร์ตที่มีการจัดงานอยู่ตลอดปี เรียกได้ว่าแถวนี้เป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ที่รองรับปริมาณมนุษย์เงินเดือนได้มหาศาลทีเดียวนะครับ

การเดินทางโดยใช้รถส่วนตัว : โครงการตั้งอยู่ในซอยชื่อเต็มว่า แจ้งวัฒนะ 12 แยก 4-5  ซึ่งซอยมีเป็นโครงการโยงใยที่เชื่อมกันระหว่างซอย 14, 12, 10 และไปเชื่อมจนออกถนนกำแพงเพชร 6 ได้ด้วย (เอาไว้หนีรถติดบนเส้นแจ้งวัฒนะด้านหน้าตอนเวลาราชการเลิกหรือเข้างานได้) ซึ่งการจะเข้าออกไปถนนใหญ่ผมคิดว่าถ้าการจะทำเวลาให้รวดเร็วควรใช้ผ่านซอยแจ้งวัฒนะ 12 เป็นหลัก เพราะจะสงบมากกว่า รถสัญจรไม่มาก

อีกประเด็นที่สำคัญของหนีไม่พ้นเรื่องของ “ทางด่วน” โดยถ้ามองจากในแผนที่ทำผมทำ จะเห็นว่าตัวตำแหน่งที่ตั้งโครงการอยู่กึ่งกลางระหว่างทางด่วน 2 ฝั่งเลยซึ่งก็ใช้งานได้ในระยะไม่ไกลทั้งคู่เลย ได้แก่ (ฝั่งซ้าย)ทางด่วนศรีรัชซึ่งใช้ออกเมืองไปทางปทุมธานีหรือเข้าไปเมืองทางดินแดง-สีลม-ดาวคะนอง / ฝั่งขวามือเป็นส่วนของทางด่วนโทลเวย์ ที่ใช้ออกเมืองไปทางรังสิต หรือเข้าเมืองไปทางดินแดง-พระราม 9-สุขุมวิทก็ได้

การเดินทางโดยรถสาธารณะ : ถ้านับจากแถวด้านหน้ารอบๆโครงการ เนื่องจากเป็นซอยแยกย่อยทำให้การเรียกใช้ค่อนข้างยากสักหน่อย อย่างพี่วิน Taxi ก็มักจะผ่านที่ซอยหลักอย่างแจ้งวัฒนะ 14 เป็นส่วนใหญ่นะ การจะเดินออกมาถนนใหญ่จากแจ้งวัฒนะก็มีระยะปาไปประมาณ 7-800 เมตรแล้ว ซึ่งที่ด้านหน้าถนนแจ้งวัฒนะ พึ่งเริ่มดำเนินการกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ใกล้ที่สุดคงจะเป็นสถานีแจ้งวัฒนะ 14 ซึ่งตอนนี้ตำแหน่งสถานีและบันไดทางขึ้นลงแบบเป๊ะๆยังไม่ออกนะครับ โดยการคาดการระยะโดยประมาณอยู่ที่ 900 เมตร บวกลบนิดหน่อยนะฮะ แต่หน้าที่ความสำคัญหลักของสายสีชมพูอาจจะไม่ได้โดดเด่นมากๆนักเพราะว่าเราจะเห็นว่าตัวทางเดินรถจะวางตำแหน่งหน้าที่หลักๆของมันเป็นการพาดผ่านเพื่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆมากกว่า อย่างสีม่วง แดง เขียวเหนือและส้ม โดยถ้าจะเข้าเมืองพระเอกหลักคงจะเป็น รถไฟฟ้าสายสีแดง “บางซื่อ-รังสิต” ที่หน้าห้างไอทีสแควร์มากกว่า ตรงนั้นมีตำแหน่งของสถานี “หลักสี่” ตั้งอยู่ ซึ่งหน้าที่ของสายสีแดงตัวนี้จะโดดเด่นกว่าตรงนำโดยสารเข้าออกเมืองไปยังสถานีกลางบางซื่อในอนาคตได้

วัสดุ : คือโครงการนี้เค้ามี Option เดิมมาตรฐานมาเป็นห้องเปล่านะครับ ซึ่งลองมาหารราคาต่อตร.ม.เล่นๆคือ 53,xxx บาท หรือราคาเฉลี่ยทั้งโครงการคือ 56,xxx บาท/ตร.ม.ครับ เรียกว่าของในห้องถือเป็นมาตรฐานกลางๆละกันครับ แต่ถ้าคนไหนที่ขี้เกียจแต่งแล้วเลือกเอาชุดเฟอร์ 1 แสนของ SB ให้เหมือนกับห้องตัวอย่างที่ผมพาไปดู ขอบอกเลยว่าซื้อชุดนี้คุ้มค่านะครับ เพียงแต่เราจะไม่ได้โทนสี หน้าตาเฟอร์แบบความชอบส่วนตัวเฉพาะบุคคลเท่านั้นเอง

การออกแบบ : หน้าตาอาคารเป็นแบบ Modern Contemporary ร่วมสมัยนะครับ ผมชอบตรงเค้าวางอาคารตัว L ไม่ให้มันเข้าล็อคกันเดินไป เพราะไม่งั้นฝั่งด้านในจะบังวิวกันเอง กลายเป็นตอนนี้ฝั่งด้านในนอกจากจะไม่บังวิวกันเองแล้วยังได้เป็นวิวสวนและวิวสระที่ชั้น 1 ด้านล้างด้วย, ส่วนผังชั้นก็เอาลิฟต์ไว้ตรงกลางจะได้ไม่มีห้องไหนเดินไกลไป, แบบห้องพักอาศัยที่นี่เน้นไปที่ 1 ห้องนอนเป็นหลัก เพราะจะเป็นขนาดที่อยู่ได้ดีหน่อยมีถึง 9 Layout ที่มีความต่างในการใช้ต่างกันอยู่ อย่างห้องแรกที่ผมพาไปดูอาจจะไม่ได้เน้นทำอาหารกินเองมากนัก แต่ห้องหลังที่ได้เป็นครัวปิดมาเลย โดยแปลนทั้ง 9 แบบ มีแบบเดียวที่ผมติดใจนิดๆตรง Type C แบบเดียวเท่านั้นที่ Living ไม่ได้แสงธรรมชาติเลยและเดินไปห้องน้ำไกลถ้ามาจากห้องนอน แต่อีก 8 แบบที่เหลือผมว่าลงตัวเป็นสัดส่วน เข้าล็อคกับเฟอร์นิเจอร์ดีทุกแบบเลย

สาธารณูปโภค : ส่วนกลางหลักๆจะไปอยู่ที่ชั้น 1 นะครับ อย่างส่วนหย่อมและสระว่ายน้ำ ถึงแม้จะขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่มีการปลูกต้นไม้แยกโซนการใช้งานที่ได้เป็น Private ทำให้ดูน่าใช้ ส่วนในอาคารติดกับโถงลิฟต์จะมีห้องอ่านหนังสือให้ทั้งคู่ และสุดท้ายที่ชั้นดาดฟ้าของแต่ละอาคารจะมี Rooftop Garden หรือสวนดาดฟ้ามาให้ด้วย ก็เรียกว่าให้มามาตรฐานสำหรับคอนโด Low Riseในยุคนี้ครับ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVG 56,000 บาท/ตร.ม., 4 September 2018

  • ทำเล 7.5/10 – อยู่ในซอยประมาณ 7-800 เมตร แต่ใกล้ๆเป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์สูงในซอย 14 มีบิ๊กซี,อเวนิว,โลตัส ด้านนอกริมถนนเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่มหาศาลทั้งศูนย์ราชการ, รัฐวิสาหกิจ, เมืองทองธานี
  • เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – เดินทางสะดวก ออกได้หลายเส้นทาง ใกล้ทางด่วนทั้งสองฝั่งเลย
  • ไม่ใช้รถ (กรณียังไม่มีรถไฟฟ้า) 6.25/10 – ค่อนข้างจะลำบาก เพราะรอบๆเป็นชุมชนอยู่อาศัยค่อนข้างสงบ
  • ไม่ใช้รถ (กรณีรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ) 7.25/10 – ระยะห่างไปรถไฟฟ้าประมาณ 900 เมตร ยังไม่ใช่ระยะเดิน แต่มีแล้วก็น่าจะดีขึ้นแน่นอน
  • วัสดุ 7.5/10 – ให้มามาตรฐานกับราคาที่จ่าย แต่ถ้าซื้อชุดเฟอร์ SB ค่อนข้างจะคุ้มค่ามากขึ้น
  • แบบ 8.25/10 – ออกแบบได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะการวางผังและการจัดพื้นใช้สอยในห้องพัก
  • สาธารณูปโภค  8/10 – ตามมาตรฐานทั่วไปถือว่าให้มาครบ แต่ขนาดอาจจะเล็กไปหน่อย

  • ECONOMY CLASS
  • 7.55 / 10.00 (กรณียังไม่มีรถไฟฟ้า)
  • 7.7 / 10.00 (กรณีรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ)

BOTTOM LINE

The Prop Condominium เหมาะสำหรับคนที่ทำงานอยู่ในย่านแจ้งวัฒนะโซนศูนย์ราชการ เมืองทองธานี ซึ่งเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ และอยากจะหาที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานแต่ราคาหยิบจับต้องง่าย ใกล้ๆเป็นแหล่งอาหารการกินอุดมสมบูรณ์สูง เป็นห้องอยู่ 1 คนกำลังดี มีส่วนกลางให้ใช้ และใช้รถส่วนตัวเดินทางเป็นหลัก มีงบประมาณ 1.2 – 1.9 ล้านบาท หรือกำลังผ่อนชำระ 8,400 – 13,300 บาท/เดือน