ProdigyPKS62_Cover-2

รีวิวฉบับที่ 824 … ช่วงนี้โครงการใกล้แนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายกำลังขึ้นกันหลายจุดเลยนะครับ วันนี้ผมมีรีวิวโครงการ The Prodigy เพชรเกษม 62 มาให้อ่านอีกโครงการครับ ตัวโครงการอยู่เกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายมีระยะห่างจากสถานีบางแคประมาณ 350 เมตร และตลาดบางแคประมาณ 200 เมตร ตัวโครงการมีขนาดค่อนข้างใหญ่แต่ก็มี Facility มาให้ค่อนข้างเยอะและมีร้านค้าด้านล่างมาให้ เราไปดูโครงการพร้อมๆกันเลยดีกว่าครับ

Fact @ 22 March 2015

  • The Prodigy Phetkasem 62 (เดอะโพรดิจี้ เพชรเกษม 62)
  • บริษัท จี ดี ที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถ.เพชรเกษม
  • คอนโด High Rise 2 อาคาร อาคาร A 31 ชั้นและอาคาร B 33 ชั้น
  • จำนวนห้องชุด 1,273 ยูนิต และร้านค้า 5 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 6-2-16.6 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : เม.ย. ปี 2558
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ม.ค. ปี 2560
  • ที่จอดรถประมาณ 515 คันคิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน 637 คันคิดเป็น 50%
  • Studio พื้นที่ใช้สอย 23 ตร.ม.
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 33.5 ตร.ม.
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย  50.5 ตร.ม.
  • 2 Bedroom Corner พื้นที่ใช้สอย  50 ตร.ม.
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.69 ล้านบาท
  • หรือประมาณ 73,478 บาท/ตร.ม.
  • www.prodigycondo.com
  • สำนักงานขาย : 02-413-0333

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.712370, 100.426574

map The Prodigy

แผนที่จากทางโครงการจะเห็นว่าจุดเด่นอยู่ที่ใกล้ MRT ส่วนต่อขยายสีน้ำเงินสถานีบางแค

ProdigyPKS62_Map_Area

ตัวโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่เพชรเกษมเลย ซึ่งถนนเส้นนี้เป็นถนนสายหลักของคนย่านฝั่งธนและในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายต้อนรับการมาถึงรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วง หัวลำโพง – บางแค ทำเลในย่านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบซะเป็นส่วนมาก และมีอาคารพาณิชย์อยู่ตามแนวริมถนนเพชรเกษมต่อเนื่องยาวๆไปจนถึงนครปฐมนู่นเลย แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไปความเจริญมีมากขึ้นรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปก็ส่งผลกระทบให้ห้างร้านต่างๆตามตึกแถวมีปิดตัวลงไปพอสมควร

สิ่งที่เข้ามาแทนที่ก็คือการอยู่อาศัยในแนวสูงหรือคอนโดนั่นเอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีคนบอกว่าจะสร้างคอนโดฝั่งธนฯนี่จะถือว่าแปลกนะเพราะราคาที่ดินยังไม่สูงมากแถมในเมืองก็มีตัวเลือกอีกมากมาย แต่พอรถไฟฟ้ามาอะไรก็เปลี่ยนไปหลายคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้อาจจะชอบและคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของฝั่งธนฯ สาเหตุก็มีอยู่หลายอย่างครับเช่น เพราะหาของกินง่าย เพราะค่าครองชีพถูกกว่าในเมือง เพราะมีร้านอาหารเก่าแก่อร่อยๆ เพราะญาติพี่น้องอยู่แถวๆนี้กันหมด  เพราะรถไม่ติดเท่าในเมือง(แต่หลังๆเริ่มติดพอๆกันแหละ – -‘)  และอื่นๆอีกมากมาย แต่การที่มีคอนโดมาขึ้นเรื่อยๆก็พอเป็นตัวบ่งบอกได้ว่ายังมีความต้องการอยู่อาศัยในย่านนี้อยู่แต่จะมากหรือน้อยอันนี้ผมก็ตอบไม่ได้นะ

ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการจะมีตลาดบางแคซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่อยู่ในระยะเดินได้ประมาณ 200 ม. ที่เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่มีของกินให้เลือกมากมายตั้งแต่อาหารสดไปจนถึงอาหาร Street food ต่างๆ ของคาว ของหวาน ขนมปัง ผลไม้มีครบเลย ถ้าจะเดินห้างใกล้ๆจะมีให้เลือก 2 ที่คือ Seacon Square กับ The Mall บางแค

ProdigyPKS62_Map_MRT

มาดูเรื่องการเดินทางโดยไม่ใช้รถบ้างข้อดีของโครงการคืออยู่ติดถนนใหญ่ที่เดินไปสถานีรถไฟฟ้าในอนาคตได้ง่าย (ระยะห่างจากสถานีประมาณ 350 ม.) ไม่ต้องเสียค่ารถเสียเวลาเดินทางไปอีกต่อ สภาพทางเท้าที่มีให้เดินก็อยู่เกณฑ์ที่ดีแต่ต้องระวังจักรยานกับมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งบนทางเท้าหน่อย มีป้ายรถเมล์และสะพานลอยอยู่เยื้องๆหน้าโครงการไปหน่อย จะขึ้นรถไปไหนก็ง่ายหน่อย รถสาธารณะบนเส้นนี้มีให้เลือกเยอะครับทั้ง รถเมล์ สองแถว กระป๊อ(ซูบารุ) ถ้าเป็นช่วงรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายยังไม่เสร็จก็นั่งไปขึ้น BTS บางหว้าได้ รถ Taxi ก็หาเรียกได้ไม่ยาก

สำหรับคนที่ใช้รถเส้นทางหลักต้องเป็นเพชรเกษมอยู่แล้ว แต่จะมีทางเชื่อมไปออกบรมราชชนนีและพระราม 2 ได้ มาดูเส้นที่ไปทะลุบรมราชชนนีกันก่อนถนนที่ใช้คือ พุทธมณฑลสาย 1 เส้นนี้บรรยากาศจะไม่คึกคักเท่า สาย 2 เพราะเพิ่งจะขยายถนนและยังไม่มีโครงการอยู่ริมถนนมากนัก แต่ในอนาคตน่าจะคึกคักขึ้นเรื่อยๆน่าจะมีร้านอาหารเยอะขึ้นพอสมควร เส้นนี้ยังใช้ไปทะลุออกจรัญฯ 13 ได้ด้วยนะครับ สำหรับเส้นทางที่ไปออกพระราม 2 จะเข้าถนนบางแคที่อยู่เลยตลาดบางแคไปหน่อยวิ่งไปจนสุดทาง หลายคนอาจจะรู้จักชื่อย่านนี้ว่าท่าเกษตรนะครับ แถมเส้นนี้ยังใช้ไปออกกัลปพฤกษ์ตรงไปสาทรก็ได้ ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะเป็นด่านพระราม 2

สายสีน้ำเงิน copy

ระบบรางในอนาคตอันใกล้ จะเป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง – บางแค โดยเป็นสถานีที่เปลี่ยนจากเส้นสีน้ำเงินด้วยกันเอง กับอีกสายคือสายสีเขียวใช้เข้าไปในเมืองได้ การเดินรถของสายสีน้ำเงินจะมีลักษณะเป็น 2 เส้นทางคือ

  • เริ่มที่หัวลำโพง วนขวาผ่านบางซื่อมาจบที่ท่าพระ ขากลับก็ย้อนเส้นทางเดิมจากท่าพระไปทางบางซื่อแล้วกลับไปหัวลำโพงใหม่
  • อีกเส้นคือตรงๆจากสถานีหลักสองมาหัวลำโพง ขากลับก็วิ่งตรงๆจากหัวลำโพงไปหลักสอง

โดยสถานีท่าพระก็จะเป็นสถานี Interchange กันภายในสายสีน้ำเงิน คล้ายกับสถานีสยามปัจจุบัน ในแต่ละเส้นทางที่วิ่งก็ยังตัดกับรถไฟสายสีอื่นๆเพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางได้สะดวกขึ้น (เมื่อระบบครบทุกเส้นนะ)

เส้นทางในวันนี้จะพาไปดู 2 รูปแบบนะครับ คือจาก The Mall บางแค ขับรถไปยังโครงการ และจากโครงการเดินไปยังตลาดบางแค ที่เลือกเส้นทางจาก The Mall บางแค เพราะจะได้พาไปดูแหล่งความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการและ update การก่อสร้างรถไฟฟ้าไปในตัวด้วย ส่วนต่อขยายช่วงนี้ถึงแม้จะเรียกว่า บางแค – หัวลำโพง แต่สุดสายที่ The Mall บางแค (สถานีหลักสอง)นะ

ตัวห้าง The Mall บางแคจะมีลักษณะเป็นแนวยาวๆหัวมุมถนนเพชรเกษมตัดกับวงแหวนกาญจนาภิเษก

เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษมแล้วจะเจอสถานีรถไฟฟ้าหลักสองที่เป็นสถานีปลายทาง

ผ่าน Tesco Lotus

เจอสามแยกตัดกับถนนบางแคที่ไปทะลุกัลปพฤกษ์และพระราม 2 ได้

ตัวสถานีกำลังก่อสร้างเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่เริ่มสร้างทางลงเลยนะ

ผ่าน IT Grand ที่ขายของ IT ทั้งหลาย

ข้ามคลองราชมนตรี

ลงมาจากคลองก็เจอโครงการอยู่ด้านซ้ายมือเลยครับ ทางเข้าโครงการโดยรถยนต์จะต้องขับเลยตัวอาคารด้านซ้ายมือไปหน่อยนะ เพราะทางเข้าอันแรกเป็นทางเข้าสำหรับคนเดินเท่านั้น

เส้นทางที่ 2 ผมจะเริ่มจากหน้าโครงการตรงทางออกที่เดินออกได้อย่างเดียวเอารถออกไม่ได้

พื้นที่หน้าโครงการค่อนข้างโล่งและเดินได้สบายๆเลย

หันกลับไปดูฝั่งซอย เพชรเกษม 62 จะมีสะพานลอยและป้ายรถเมล์อยู่ติดกัน

พื้นที่ตรงหัวมุมซอยไม่ได้เป็นพื้นที่ของโครงการนะครับแต่เป็นพื้นที่อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น กับบ้านพักอาศัย

กลับมาที่ทางเดินไปตลาดกันต่อ ที่เห็นทางเท้ามี 2 ส่วนเพราะด้านหลังโครงการเป็นแหล่งชุมชนที่อาศัยอยู่กันเยอะ ถนนที่ระดับต่ำกว่าเอาไว้ให้คนในชุมชนเดินทางเข้า-ออกนะ

ตัวคลองมีขนาดไม่ใหญ่นักแต่ก็ยังพอมีชาวบ้านใช้สัญจรไปมาอยู่บ้างไม่มาก มีทั้งเรือพายและเรือยนต์ซึ่งจะมีเสียงดังบ้างเวลาวิ่งผ่านถ้าอยู่ชั้น 20 ขึ้นไปเสียงน่าจะเบาลงไปพอสมควร

เดินข้ามคลองมาเจอรถสองแถวเลยถ่ายมาให้ดูเพราะเส้นนี้มีหลายวินเหลือเกินสามารถไปได้หลายที่เลย

ช่วงทางเท้าใกล้ๆถึงตลาดจะมีความกว้างที่เยอะขึ้นแต่ก็มีร้านค้ามาตั้งขายของตั้งเป็นระยะนะครับ

สะพานลอยที่ข้ามไปตลาดได้มี 2 สะพานแต่สะพานแรกที่อยู่ตรง IT GRAND จะไม่มีหลังคาแนะนำให้ไปสะพานที่สองดีกว่า

ขึ้นมาบนสะพานแล้วจะเห็นว่ารถค่อนข้างติดพอสมควร ยิ่งตอนนี้อยู่ในช่วงก่อสร้างรถไฟฟ้าทำให้พื้นที่จราจรหายไปเลนนึง ถ้าจะเดินไปสถานีจากสะพานลอยตรงนี้จะมีระยะเดินเพิ่มอีกประมาณ 150 ม. เป็น 350 ม.

มาดูฝั่งตลาดบ้าง เห็นร่มเขียวๆที่กางกันยาวตลอดแนวไหม๊ครับ โซนทั้งหมดที่เห็นนี่เป็นร้านขายของต่างๆนาๆมากมาย

พาลงมาเดินดูหน่อยว่ามีขายอะไรบ้าง

ลองเดินดูในตลาดนี่มีขายแทบจะทุกอย่างเลย ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่พอสมควรเลยครับ

ProdigyPKS62_Map_Site**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

กลับมาดูที่ดินของโครงการกันต่อ ด้านหน้าโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่มีด้านนึง(ตะวันตก)ติดกับคลองอาจจะมีเสียงเรือบ้างเพราะคลองนี้เป็นคลองที่ชาวบ้านใช้สัญจรกันแต่ก็มีทั้งเรือพายและเรือยนต์ อีกด้าน(ตะวันออก)ติดกับบ้านพักอาศัยสูง 2 -3 ชั้นและซอยเพชรเกษม 62 ส่วนด้านหลังโครงการ(ทิศเหนือ)จะเป็นแหล่งชุมชนพักอาศัย จากสภาพแวดล้อมรอบๆจะไม่มีอะไรมาบังวิวในระยะประชิดเลย ยกเว้นว่าจะมีใครซื้อที่แถวๆนั้นมาทำคอนโดนะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆโดยประมาณ เช่น

  • MRT บางแค – 350 ม.
  • ตลาดบางแค – 200 ม.
  • โลตัสบางแค – 800 ม.
  • The Mall บางแค – 1.9 กม.
  • ซีคอนสแควร์ บางแค – 800 กม.
  • โรงพบาบาล เกษมราษฎร์ – 2.9 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

พื้นที่ตัวโครงการชั้นล่างจะมีสวนขนาดไร่กว่าๆมาให้ และด้านหน้ามีร้านค้า 5 ยูนิตมีทั้งร้านใหญ่ร้านเล็ก ทางเข้าโครงการจะแบ่งออกเป็นสองจุด จุดแรกด้านซ้ายที่ตรงเข้าสู่ร้านค้าจะเป็นทางเท้าอย่างเดียว ส่วนจุดที่สองด้านขวาสำหรับรถยนต์ ตัวถนนอยู่ด้านขวาตรงเข้าไปมีจุด Drop-off อยู่ระหว่างอาคารตึก A และ B ที่จอดรถจะอยู่ที่อาคาร B ชั้น 1 – 4 และมีที่จอดกลางแจ้งบางส่วน

ProdigyPKS62_Plan_02-2

ผังชั้น 4 อาคาร A เริ่มเป็นที่พักอาศัยแล้วแต่อาคาร B ยังเป็นที่จอดรถอยู่ การใช้งานที่จอดรถลูกบ้านจากทั้ง 2 อาคารสามารถจอดแล้วเข้าอาคารของตัวเองได้เลยเพราะพื้นที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด

ProdigyPKS62_Plan_03-2

ผังชั้น 5 อาคาร B จะจอดรถไม่ได้แล้วเพราะต้องใช้พื้นที่สำหรับงานระบบส่วนกลางพวกสระว่ายน้ำต่างๆ

ProdigyPKS62_Plan_04-2

ผังชั้น 6 ชั้นนี้จะเริ่มเป็นที่พักอาศัยทั้ง 2 อาคารและมีส่วนกลางหลักอยู่ที่ชั้นนี้ สระว่ายน้ำรูปตัว L ที่มีด้านยาวสุดอยู่ที่ 29 เมตร ความกว้างสระก็เริ่มตั้งแต่ 6 – 11 เมตร ส่วน Fitness มีขนาดประมาณ 102 ตร.ม. มีห้องน้ำอยู่ด้านใน สำหรับลูกบ้านที่อยู่ชั้นนี้อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างเพราะไม่ได้มีประตูกั้นแยกทางเข้าส่วนที่พักอาศัยมาให้

ProdigyPKS62_Plan_05-3

ผังชั้น 7 – 31 จะเหมือนกันหมด เราลองมาดูตำแหน่งตัวอาคารกันดีกว่า จะเห็นเค้าวางให้อาคาร A ที่เป็นทรงตัว L อยู่เยื้องออกมาจากอาคาร B และตัวห้องของอาคาร B จะหันไปทิศตะวันออกกับตก เลยไม่มีห้องไหนที่หันหน้าปะทะกันตรงๆยกเว้นห้องเบอร์ 17 ที่อยู่หัวมุม ยูนิตพักอาศัยต่อชั้นอาคาร A อยู่ที่ 29 ยูนิต ส่วนอาคาร B อยู่ที่ 17 ยูนิต อาคาร B จะได้เปรียบเรื่องความหนาแน่นต่อชั้น แต่มีข้อเสียคือตำแหน่งลิฟท์ดันไปอยู่มุมสุดของอาคาร ห้องท้ายๆเลยมีระยะที่เดินไกลหน่อย

ProdigyPKS62_Plan_06-2

ผังชั้น 32 ชั้นนี้อาคาร A จะไม่มียูนิตพักอาศัยแล้วชั้นดาดฟ้าจะเป็นสวนเท่านั้น ส่วนอาคาร B ห้องพักจะเหลือแค่ 23 ยูนิต และมีดาดฟ้าบางส่วนกับห้อง Sky Lounge

ProdigyPKS62_Plan_07-2

ผังชั้น 33 จำนวนห้องพักยังคงเท่าเดิมแต่ไม่มีสวนมาให้แล้วเพราะห้อง Sky Lounge เป็น Double Volume

มาดูภาพจำลองของตัวตึกกันบ้าง ตัวตึกจะมาทรงเหลี่ยมแนว Modern ตามสมัยนิยมสีพื้นจะใช้เป็นสีเทาและมีตัดเส้นด้วยสีขาวเพื่อให้ตัวตึกดูไม่ทึบตันและมีมิติมากขึ้น

ภาพจำลองส่วนกลางที่เป็นร้านค้ายูนิตที่อยู่หน้าสุด 2 ห้องจะได้ร้านเป็นแบบ Double Volume เลย

ภาพบรรยากาศจำลองสวนด้านข้างอาคาร

ภาพบรรยากาศจำลองโถง Lobby

ภาพบรรยากาศจำลองสระว่ายน้ำที่ชั้น 6

ภาพบรรยากาศจำลองห้อง Sky Lounge และสวนบนชั้นดาดฟ้า

ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง Sky Lounge ที่ชั้น 32

ตอนนี้ตัวสำนักงานขายถูกสร้างขึ้นมาให้เห็นเป็นของจริงตามตำแหน่งที่เป็นร้านค้าเลยครับ ถ้าขายหมดแล้วก็จะเปลี่ยนเป็นร้านค้าต่อไป

ภายในจะมีโมเดลและด้านหลังสำนักงานขายเป็นสวนหย่อมที่จำลองบรรยากาศมาให้ดู

ตัวโมเดลจริงค่อนข้างใหญ่มากครับ สามารถมาเลือกมุมกันได้ตามอัธยาศัยเลย

มาดูโมเดลกันอีกหน่อยนะครับจะได้เห็นภาพรวมของโครงการง่ายขึ้น จากที่บอกไปว่าโครงการนี้มีทางเข้าเฉพาะคนเดินมาให้เป็นช่วงที่ติดคอสะพานข้ามคลองพอดี ทางเข้าตรงนี้จะเน้นให้บรรยากาศเป็นเหมือนร้านอาหารที่ใช้พื้นที่ได้ทั้ง Indoor-Outdoor  พื้นที่เปิดโล่งด้านข้างที่เป็นส่วนหย่อมจะเชื่อมต่อไปยังโถง Lobby ระหว่างอาคาร ช่วยให้มีการถ่ายเทของลมที่ดีขึ้น

ตรงช่องเปิดจะอยู่ตรง Drop-off พอดีเวลาฝนตกจะขึ้นรถ Taxi ก็ไม่ต้องเปียกมากนัก

อีกด้านของโถง Looby เป็นจุด Drop-off ที่ตรงมาจากปากทางเข้าโครงการ

ถ่ายระยะห่างระหว่างตึก(ประมาณ 25 ม.)มาให้ดูว่ามีบรรยากาศประมาณไหน ห้องของอาคาร B ที่หันด้านนี้จะมียูนิตปลายๆหน้าโครงการเท่านั้นที่โดน Block วิว

ด้านหลังโครงการจะมีที่จอดรถกลางแจ้งมาให้บางส่วน

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระที่ชั้น 6 ระบบเกลือรูปร่างสระเป็นตัว L ยาว 26 และ 29 เมตร กว้าง 6 – 11 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด 102 ตร.ม. ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ n/a เครื่อง
  • สวนหย่อมด้านข้างประมาณ 1-3-4 ไร่
  • สวนหย่อมที่ชั้นดาดฟ้าทั้ง 2 อาคาร พร้อม Jogging Track บนชั้น 33
  • Suana แยกชาย-หญิง
  • Sky lounge ชั้น 32
  • สนามเด็กเล่นที่สวนชั้น 1
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวที่อาคาร A และ 3 ตัวที่อาคาร B
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 255 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 237:1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 266:1
  • Service Lift 1 ตัว/อาคาร
  • ที่จอดรถประมาณ 515 คันคิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน 637 คันคิดเป็น 50%
  • ร้านค้าใต้อาคาร 5 ยูนิต
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

ตัวสำนักงานขายจะมีห้องตัวอย่างมาให้ดู 3 ห้องได้แก่ห้อง Studio ขนาด 23 ตร.ม. ห้อง 1 Bed ขนาด 29 ตร.ม. และห้อง 1 Bed Plus ขนาด 33.5 ตร.ม.

ห้องแรกที่จะพาไปดูเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. ห้องนี้จัดฟังก์ชันมาค่อนข้างลงตัวดีอยู่แล้วจะขาดก็ตรงไม่มีทางเข้าห้องน้ำจากห้องนอนและไม่มีพื้นที่พอให้วางโต๊ะทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง ส่วนที่ติดหน้าต่างได้เห็นวิวจะเป็นห้องนอนกับห้องครัว ห้องนั่งเล่นจะมีระยะดูทีวีที่กว้างหน่อยประมาณ 2.8 เมตรตัวระเบียงก็ได้มาใหญ่พอใส่ราวตากผ้าได้สบายๆ ครัวที่ได้ก็ได้เป็นครัวปิดเวลาทำอาหารก็ไม่ต้องกลิ่นรั่วออกมาตลบอบอวนติดเฟอร์นิเจอร์ที่ห้องอื่นๆ แต่โครงการไม่ได้แถมเครื่องดูดควันมาให้นะต้องติดตั้งเอง

ส่วนแรกของห้องเป็นห้องนั่งเล่นที่มีระยะดูทีวีกว้างๆสบายๆ พื้นห้องนอนกับห้องนั่งเล่นเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม.

ดวงไฟส่องสว่างห้องนี้จะได้ 3 จุดเป็นแบบดาวน์ไลท์

เฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะมีโซฟาแบบ 2 ที่นั่ง โต๊ะกลาง และโต๊ะ+เก้าอี้ 2 ตัวตามที่เห็น พวกโคมไฟ Wallpaper และ ผนังกระจกไม่มีมาให้นะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับโซนทานอาหารเหลือไม่มากพอให้วางโซฟาแบบ 3 ที่นั่งได้นะครับ เพราะถ้าวางลงไปแล้วจะใช้งานโต๊ะทานอาหารได้ลำบากแล้ว

ถ่ายให้ดูระยะห่างจากโต๊ะทานอาหารกับประตู

ช่วงหน้าห้องจะได้ชั้นวางทีวี ตู้เก็บรองเท้าและ ชั้นวางของชุดบน ส่วนแอร์ได้ขนาด 9,000 btu 2 ตัวในห้องนี้กับห้องนอนครับ ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตรตามมาตรฐาน

ชั้นวางของชุดบนจะมีทีแขวนกุญแจต่างๆมาให้ด้วยน่ารักดี จะแขวนกุญแจห้อง กุญแจรถ ก็แล้วแต่เลยครับ

ตู้เก็บรองเท้าก็มีมาให้พอประมาณตามขนาดห้องกำลังดี

ชั้นวางทีวีได้เป็น Built-in พร้อมชั้นวางของด้านบนและด้านข้าง

ช่องใส่ของมีความกว้างพอใส่ซีดีเพลงได้ประมาณ 10 แผ่น ความลึกประมาณรีโมทแอร์ที่เห็นนั่นแหละครับ

โต๊ะกลางมีให้วางของได้สองฝั่ง อ่อลืมบอกไปว่าเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดเป็นของ Modern Form นะ

ทางไปห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนเดี่ยวมาให้ น่าเสียดายถ้าได้บานเปิดแบบ 3 ตอนมาให้การเข้าออกจะทำได้สะดวกมากขึ้น

พื้นห้องครัวจะได้เป็นกระเบื้องเซรามิคช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นไม่ต้องกลัวความชื้นเท่าไหร่

การแบ่งช่องเปิดต่างๆของเคาน์เตอร์ชุดล่าง

บานเปิดนอกจากจะปาดมุมมาให้แล้วยังมีเว้นระยะไว้สำหรับให้เอามือสอดเข้ามาเปิดได้ง่ายๆด้วย

ครัวได้เป็นหินแกรนิตสีดำซึ่งถือว่าดีเพราะทำความสะอาดง่าย แต่ไม่ได้ให้ Black Splash มาด้วย แนะนำว่าติดเพิ่มไว้จะดีกว่าเวลาทำครัวจะได้เช็ดคราบต่างๆง่ายขึ้น Hob & Hood ไม่ได้ให้มานะสำหรับห้อง Type นี้

ตู้ชุดบนจะได้ช่องเก็บของพร้อมบานประตูตู้และมีช่องวางไมโครเวฟมาให้ด้วย  ควรเช็คขนาดช่องดีๆนะครับไม่อย่างนั้นซื้อมาแล้วใหญ่ไปใส่ไม่ได้จะ#ร้องไห้หนักมาก

พื้นที่ข้างๆใส่ตู้เย็นขนาด 8.4 คิวบิกฟุตและยังมีพื้นที่เหลืออีกนิดหน่อย

ประตูที่ออกไประเบียงจะเป็นแบบเดียวกัน

พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 x 1.5 ม.พอวางเครื่องซักผ้าลงไปแล้วจะเหลือที่ให้วางราวตากผ้าได้อยู่แต่คงวางใหญ่มากไม่ได้นะ

ตัวพื้นระเบียงจะลดระดับลงมาประมาณ 5 ซม.

งานระบบเครื่องซักผ้ามีมาให้พร้อม

ตัวแอร์จะแขวนแบบเป่าเข้าระเบียงถ้าอยากได้เครื่องอบผ้าในตัวก็ไม่ต้องติดแผงเปลี่ยนทิศทางลมนะครับ เวลารีบๆให้เป่าไปแป๊บเดียวแห้งเลย ฮ่าๆๆ

กลับมาดูที่ห้องนอนกันต่อ ตัวเตียงที่วางมาให้เป็นขนาด 5 ฟุต ฐานเตียงจะมีแถมมาให้แต่ตัวฟูกที่นอนต้องหามาเอง ช่องเปิดจะได้กว้างเต็มแนวระยะกำแพงด้านข้างแต่ความสูงตัวหน้าต่างยังเป็นแบบปรกติอยู่

ไฟส่องสว่างในห้องได้มา 2 จุด

ด้านหน้าห้องจะมีชั้นวางทีวีและชุดโต๊ะเครื่องแป้งมาให้ ส่วนกระจกเงาทวิภพที่วางข้างๆไม่ได้ให้มานะ ใครจะไปหาคุณหลวงนี่ต้องหามาวางเองนะครับ ว่าไปนั่น!! แหมละครบอกอายุเลย หุหุ

ตัวตู้วางทีวีมีระยะลึกประมาณ 60 ซม. ถ้าใครติดทีวีแบบแขวนผนังตรงนี้จะวางข้างของได้อีกเยอะเลย

ชุดโต๊ะเครื่องแป้งจะได้ตามนี้เลยมีกระจกทรงสูงและเก้าอี้มาให้ แต่…พื้นที่วางเครื่องสำอางคงไม่พอสำหรับสาวๆเนอะ

ช่วงหัวเตียงจะไม่มีพื้นที่เหลือเท่าไหร่เพราะทางโครงการทำตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เต็มพื้นที่ระหว่างหัวเตียงกับห้องน้ำ

หน้าตาของมือจับก็น่ารักดีแต่เวลาเปิดนี่จับให้ถูกอันนะ

การแบ่งช่องภายในตู้เสื้อผ้า ช่องซ้ายมือน่าจะเว้นช่องไว้สำหรับชุดยาวหน่อยนะ

พื้นที่ภายในห้องน้ำมีการแบ่งโซนแห้งกับเปียกไว้อย่างชัดเจนตัวฉากกั้นไม่ได้แถมมาให้ แต่ถ่ายมาให้ดูว่าถ้าจะติดก็ติดแบบที่เป็นบานเปิด 3 ตอนจะได้เข้าออกง่ายหน่อย

ไฟส่องสว่างมีมาให้ 2 จุดพร้อมเครื่องดูดอากาศ

ตัวอ่างล้างหน้าไม่ได้มีเคาน์เตอร์มาให้ แต่ยังดีที่กำแพงบริเวณอ่างล้างหน้ามี Low Wall มาให้วางของได้

อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ใช้ของ American Standard

ขนาดอ่างเทียบกับมือผมแล้วก็กลางๆนะ ไม่เล็กไม่ใหญ่

เข้ามาดูในห้องน้ำจะมีช่องเล็กที่เกิดจากระยะห่างของฉากกั้นและแนวกำแพงช่องชาร์ป

ส่วนชุดฝักบัวจะมีแค่ที่วางสบู่ด้านข้างมาให้และขนาดฝักบัวเล็กไปหน่อย

พื้นห้องน้ำส่วนแห้งจะมีธรณีกระเบื้องมาให้อยู่แล้วถ้าจะติดตั้งฉากกั้นก็วางไปบนธรณีได้เลย

สำหรับห้องแบบ 33.5 ตร.ม.เป็นห้องที่มีฟังก์ชันโต๊ะทำงานเพิ่มขึ้นและพื้นที่ส่วนต่างๆก็ใหญ่ขึ้นตามขนาดพื้นที่ โต๊ะทานอาหารสามารถใส่แบบ 4 ที่นั่งได้แต่ครัวที่ได้จะเป็นครัวเปิดเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทำอาหารหนักๆนะ ถ้าใครชอบทำจะลำบากหน่อยเพราะกลิ่นจะไปติดโซฟาและข้าวของต่างๆในห้องแน่นอน สิ่งที่เหมือนกับห้องแรกเป๊ะๆเลยคือขนาดและการจัดวางตำแหน่งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ

บรรยากาศส่วนนั่งเล่นของแบบนี้จะค่อนข้างโปร่งสบายกว่าแบบแรก เพราะตัวห้องมีขนาดใหญ่ขึ้นถึงแม้จะไม่ได้เป็นการขยายหน้ากว้างแต่เป็นแนวลึกก็ยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากขนาด 29 ตร.ม.พอสมควร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะได้กำแพงกระจกเข้ามุมมาด้วย

พื้นห้องยังคงได้พื้นลามิเนตลายเดียวกัน

ไฟส่องสว่างจะมีให้ 5 จุด ส่วนไฟฮาโลเจนปรับองศาได้เป็นของตกแต่งเพิ่มนะไม่ได้ให้มาด้วย

ส่วนครัวได้ขนาดเคาน์เตอร์ที่ใหญ่ขึ้นแต่ยังคงไม่มี Hob & Hood มาให้เช่นกัน (มีมาให้เฉพาะ 2 Bedroom) ระยะห่างระหว่างตู้เย็นกับชั้นวางทีวีจะทำเป็นตู้เก็บของเพิ่มก็ได้แต่เว้นช่องไว้วางถังขยะหน่อยก็ดีนะ

การแบ่งช่องเปิดตู้ชุดล่าง

แบบนี้ที่วางไมโครเวฟจะย้ายมาอยู่ด้านล่างแล้ว ตัวเคาน์เตอร์ออกแบบค่อนข้างดีเพราะมีช่องให้เอาเท้าสอดไปด้านใต้ได้ขณะใช้งาน

การแบ่งช่องเก็บของชุดบนจะมีเยอะขึ้นเพราะย้ายไมโครเวฟออกไปแล้ว

หันกลับมาดูฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นทีวางโต๊ะทานอาหาร แบบนี้ยังคงแถมเป็นแบบ 2 ที่นั่งเหมือนเดิม

แต่จริงๆแล้วพื้นที่ยังพอมีเหลือให้ขยับขยายได้อีกหน่อย แนะนำให้หาโต๊ะแบบปรับขยายได้มาใช้งานแทนก็ดีครับวันไหนอยากชวนเพื่อนมากินข้าวจะวางข้าวของได้เยอะขึ้น

ถ้าไม่ขยายโต๊ะทานอาหารก็เพิ่มขนาดของโซฟาได้ครับ

ระยะดูทีวีจะมีพอๆกันที่ 2.8 เมตรใส่ทีวีขนาด 55″ นิ้วได้สบายๆ

ชั้นวางทีวียังคงเป็นแบบเดิม (ผนังกระจกเงาด้านหลังไม่ได้ให้มานะครับต้องตกแต่งเพิ่มเอง)

แต่ห้องนี้จะพิเศษหน่อยตรงที่ได้พื้นที่โต๊ะทำงานเพิ่มขึ้นมาพอวาง Notebook ทำงานได้

ประตูไปส่วนระเบียงจะเป็นบานกระจกเงากรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ

พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 x 2.1 เมตรใหญ่กว่าห้อง 1 Bed นิดหน่อย

ตำแหน่งแอร์และงานระบบต่างๆยังคงเหมือนเดิม

เข้าไปดูในห้องนอนกันต่อ

ขนาดห้องนอนโดยรวมไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

ผนังกระจกด้านซ้ายมือที่เป็นกระจกถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัว หรือไม่อยากให้แขกไปใครมาก็เห็นห้องนอนของเราก็หาม่านมาติด หรือติดฟิล์มขุ่นก็ได้ครับ

พื้นที่ปลายเตียงวางตู้แล้วยังมีที่เหลือให้เดินอยู่

แต่ด้านข้างที่ชิดผนังไม่เหลือที่เดินแล้ว

ตำแหน่งโต๊ะเครื่องแป้งจะถูกย้ายไปอยู่ข้างๆตู้เสื้อผ้าหน้าห้องน้ำแทน

ภายในห้องน้ำยังคงเหมือนกันทุกประการ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

 

สำหรับแบบ 2 Bedroom ไม่ได้มีห้องตัวอย่างให้ดูแต่สามารถเข้าไปดูได้ที่ Presentation ด้านล่างเลยครับ

 

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 March 2015

  • Studio เนื้อที่ 23 ตร.ม. ราคา 1,699,000 ล้านบาท หรือประมาณ 73,900 บาท/ตร.ม.
  • Studio เนื้อที่ 23 ตร.ม. ราคา 1,840,000 ล้านบาท หรือประมาณ 80,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 BR. เนื้อที่ 29 ตร.ม. ราคา 2,146,000 ล้านบาท หรือประมาณ 74,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 BR. เนื้อที่ 29 ตร.ม. ราคา 2,407,000 ล้านบาท หรือประมาณ 83,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 BR. Plus เนื้อที่ 33.5 ตร.ม. ราคา 2,579,500 ล้านบาท หรือประมาณ 77,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 BR. Plus เนื้อที่ 33.5 ตร.ม. ราคา 2,780,500 ล้านบาท หรือประมาณ 83,000 บาท/ตร.ม.
  • 2 BR. เนื้อที่ 50 ตร.ม. ราคา 3,840,000 ล้านบาท หรือประมาณ 76,800 บาท/ตร.ม.
  • 2 BR. Plus เนื้อที่ 50.5 ตร.ม. ราคา 4,191,500 ล้านบาท หรือประมาณ 75,500 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood (เฉพาะ 2 ห้องนอนขึ้นไป)
  • จอง 10,000 บาท (Studio, 1 BR. และ 1 BR. Plus)
  • จอง 20,000 บาท (2 BR.)
  • ทำสัญญา 30,000 บาท (Studio, 1 BR. และ 1 BR. Plus)
  • ทำสัญญา 80,000 บาท (2 BR.)
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว)
  • ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของโครงการ The Prodigy เพชรเกษม 62 เป็นคอนโดตึสูงอยู่ในทำเลที่เกาะส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เรื่องความอุดมสมบูรณ์ถ้าเทียบกับโครงการรอบๆแล้วโครงการนี้จะมีจุดเด่นที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสถานี บางแค ซึ่งแน่นอนว่าอยู่ใกล้ตลาดบางแคด้วย พื้นที่ตลาดบริเวณนี้เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่ใหญ่และมีของกินให้เลือกหลากหลายมากครับ นอกจากตลาดสดแล้วยังมีร้านอาหาร ร้านขนม ผลไม้ ต่างๆ ถ้าไม่ได้เป็นคนที่ทำกับข้าวกินเองน่าจะชอบ เพราะอยู่ในระยะเดินได้สบายๆ ห้างใกล้ๆมี Seacon Square บางแค และ The Mall บางแค

การเดินทางโดยใช้รถถือว่าเดินทางได้สะดวกเพราะอยู่ติดถนนใหญ่ไม่ต้องเข้าซอยย่อย แต่ตอนนี้ปัญหาหลักๆคือมีการสร้างรถไฟฟ้าอยู่ทำให้รถค่อนข้างติดมาก ถ้าสร้างเสร็จเมื่อไหร่รถน่าจะติดน้อยลงเพราะได้ผิวการจราจรเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณรถที่วิ่งบนเส้นนี้จะมีน้อยลงรึเปล่าคงต้องรอดูตอนรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการแล้ว ถ้าคนเลี่ยงไปใช้กันเยอะรถก็ติดน้อยลงตอนนี้ที่ติดเพราะทุกคนที่ขึ้นรถไฟฟ้าต้องมาที่บางหว้ากันหมดเลย

มาดูถนนใกล้ๆโครงการกันบ้างถนนหลักต้องเป็นเส้นเพชรเกษมอยู่แล้ว ส่วนเส้นทางที่ใช้เชื่อมต่อไปเส้นอื่นๆได้จะมีเส้นพุทธมณฑลสาย 1 ที่อยู่เลยโครงการไปนิดเดียวประมาณ 190 เมตร เส้นนี้จะไปเข้าบรมราชชนนีไว้เข้าเมืองย่านดุสิต หรือบางซื่อ จตุจักรง่ายกว่าไปทางเพชรเกษม ถ้าจะเข้าเมืองไปสยามหรือให้กลับรถตรงแยก พุทธมณฑลสาย 1 นี่แหละครับแล้วเลี้ยวเข้าถนนบางแค(เลยตลาดบางแคไปนิดเดียว) แล้วเข้าเส้นกัลปพฤกษ์ตรงยาวๆไปก็สาทรแล้ว สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะเป็นด่านพระราม 2 เวลาจะไปก็วิ่งสุดถนนบางแคก็เข้าเส้นพระราม 2 แล้วครับ

เรื่องจุดกลับรถของโครงการนี้ถือว่าไม่ไกลนะครับสำหรับเวลากลับรถไปขาออก(ไปตลาดบางแค) แต่ถ้าเป็นขาเข้าจะไกลกว่านิดหน่อยแต่โดยรวมก็ถือว่ายังใกล้อยู่ ถ้าเรามาจากในเมืองมุ่งหน้าขาออกจุดกลับรถจะต้องเลยแยกไฟแดงตลาดบางแคมาแล้วผ่านสถานีดับเพลิงนิดเดียวจะมีจุดกลับรถให้ครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถต้องแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลานะครับ ช่วงเวลาแรกคือ”ก่อนรถไฟฟ้าเสร็จ” ถ้าลูกบ้านเป็นคนที่ทำงานในเมืองและจำเป็นต้องนั่งรถไฟฟ้า ต้องนั่งรถสาธารณะต่อแรกก่อน รถที่จะนั่งได้มีให้เลือกเยอะเลยมีทั้ง รถเมล์ รถสองแถว รถกระป๊อ(Subaruเล็ก) เพราะรถส่วนใหญ่วิ่งตรงไปถึงสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าอยู่แล้ว ส่วนพี่แท็กซี่ก็เรียกง่ายเพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ไม่ต้องเดินไกลหรือผ่านซอยเปลี่ยว มีป้ายรถเมล์และสะพานลอยอยู่ใกล้ๆโครงการเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง ช่วงเวลาที่สองคือ “หลังรถไฟฟ้าเสร็จ” เวลาจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจะมีระยะเดินประมาณ 350 ม.ก็เดินได้ไม่ลำบากและทางเท้าก็กว้างดี แต่ที่ต้องระวังคือรถจักรยานกับมอเตอร์ไซด์ที่ชอบมาวิ่งบนฟุตบาทครับ

วัสดุของที่นี่ให้ถือว่ามาปานกลางนะถ้าเทียบกับราคาแล้ว แต่ดีที่ได้การขายเป็นแบบ Fully Furnished คือซื้อแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วๆไปก็ลากกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย แอร์ก็แถมให้ตามขนาดห้องครับ สตูดิโอ ได้ 1 เครื่อง 1 ห้องนอน ได้ 2 เครื่อง 2 ห้องนอน ได้ 3 เครื่อง ห้องไหนเล็กก็ได้ 9,000 btu ห้องใหญ่หน่อยก็ได้ 12,000 btu พื้นได้เป็นลามิเนตหนา 8 มม. ส่วนครัวได้พื้นกระเบื้องเซรามิค Top ครัวได้หินแกรนิต และเฟอร์นิเจอร์เป็นของ Modernform ทั้งหมด

การออกแบบตัวโครงการทำมาค่อนข้างดีนะครับ ตัวตึกมีสวนด้านข้างขนาดใหญ่และร้านค้าอยู่ด้านหน้าเอาไว้รองรับการอยู่อาศัยของลูกบ้าน สำหรับร้านค้าตอนนี้ยังไม่ได้สรุปว่าจะเป็นร้านอะไรมาลงบ้าง แต่ที่แน่ๆคือกรรมสิทธิ์ในการดูแลพื้นที่ตรงนี้เป็นของนิติบุคคล ตัวตึกมีการออกแบบให้มีส่วนเชื่อมต่อกันโดยมีทั้งแบบ Outdoor-Indoor รูปร่างหน้าตาตัวตึกทำออกมาได้โอเคนะดูทันสมัยและไม่ตีบตันเกินไป ตำแหน่งตึกก็วางอยู่เยื้องๆกันทำให้ไม่บังวิวกันแบบตรงๆ แบบห้องของที่นี่จะเน้นแบบห้องเล็กเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นขนาด 29 – 33.5 ตร.ม.ยังลงตัวดีแต่ขนาด 23 ตร.ม.ที่เป็น Studio ออกจะเล็กไปหน่อยแต่ก็ได้ครัวปิดแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน

สิ่งที่น่าเป็นห่วงสุดคือสิ่งที่หนาแน่นสุดความหนาแน่นของโครงการ เพราะมีจำนวนยูนิตถึง 1,273 ยูนิตอัตราส่วนลิฟท์ปาเข้าไป 255:1 ถือว่าเกินเกณฑ์มาตรฐานไปเยอะเลย โครงการไหนที่มียูนิตเยอะๆควรจะมีการบริหารจัดการที่ดีเพราะยิ่งคนเยอะเรื่องก็ยิ่งเยอะอันนี้ถือเป็นการบ้านสำคัญของ Developer ที่ต้องจัดการให้ดี เพราะถ้าจัดการได้ดีจะช่วยเรื่องการดำเนินธุรกิจในระยะยาวได้ ยิ่งเป็น Developer หน้าใหม่ด้วยแล้วย่อมเป็นที่จับตามองของหลายๆฝ่ายอยู่แล้ว ก็ต้องรอดูกันต่อไปนะครับ

สาธารณูปโภคที่ให้มาจะมีสวนชั้น Ground รวมพื้นที่สีเขียวทั้งหมดประมาณ 1-3-4 ไร่ ส่วนสระว่ายน้ำและส่วนกลางอื่นๆจะอยู่ที่ชั้น 6 มีสระว่ายน้ำรูปตัว L ที่มีด้านยาวสุดอยู่ที่ 29 เมตร ความกว้างสระก็เริ่มตั้งแต่ 6 – 11 เมตร ห้อง Fitness จะเป็นห้องแยกต่างหากไม่ได้อยู่ใต้ตึกใดตึกหนึ่งเวลาจะใช้งานก็ต้องเดินมาตรงส่วนสระว่ายน้ำก่อน ดาดฟ้าของแต่ละตึกจะมีสวนมาให้แต่ตึก B จะมีห้อง Sky Lounge มาให้ด้วย

โครงการเพื่อนบ้านในย่านนี้มีเยอะพอสมควรเริ่มตั้งแต่ที่อยู่ในซอยบางแคจะมีของ LPN และ Sena แต่ต้องนั่งรถต่อเข้าไปหรือเดินไกลอีกหน่อย(ราคาก็ถูกลงไปอีกนิด) คอนโดติดห้างก็จะมีคู่แข่งอย่าง Parkland เพชรเกษม หรือถ้าเป็นย่าน BTS บางหว้าแถวๆนั้นก็มีให้เลือกเยอะแต่ราคาจะสูงกว่าหน่อยเพราะใกล้ BTS เดินทางเข้าเมืองสะดวกกว่า

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 74,000 – 83,000 บาท/ตร.ม., 22 April 2015

  • ทำเล 7.75/10 – อยู่ใกล้รถไฟฟ้าและตลาด แต่ติดคลองอาจมีเสียงเรือบ้างนิดหน่อย
  • เดินทางด้วยรถ 8.0/10 – ติดถนนใหญ่ ที่กลับรถอยู่ไม่ไกลทั้ง 2 ฝั่งใกล้พุทธณฑลสาย 1
  • ไม่ใช้รถ 8.0/10 – เดินทางได้ไม่ยากไม่ไกลจากรถไฟฟ้า มีป้ายรถเมล์และสะพานลอยเยื้องๆหน้าโครงการ
  • วัสดุ 7.5/10 – ให้มาครบและคุณภาพวัสดุกลางๆมีดีมีด้อยปนๆกัน
  • แบบ 7.5/10 – ตัวตึกและพื้นที่ส่วนกลางออกแบบมาดีมีส่วน Indoor-Outdoor แบบห้องลงตัวแต่มีมุมจัดเฟอร์นิเจอร์ยากบางมุม
  • สาธารณูปโภค 7.0/10 –  มีมาให้ครบแต่ แต่ขอหักคะแนนเรื่องความหนาแน่นที่ค่อนข้างสูง

  • MAIN CLASS
  • 7.71 / 10.00

BOTTOM LINE

 โครงการ The Prodigy เพชรเกษม 62 เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำเลฝั่งธน อาจทำงานในเมืองเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก และไม่รีบเข้าอยู่รอรถไฟฟ้าสร้างเสร็จได้ ไม่ทำกับข้าวกินเองเน้นซื้อกินจากนอกบ้านชอบอาหารแนว Street Foodใช้ส่วนกลางบ้างแต่ไม่บ่อย รับได้กับความหนาแน่น มีงบประมาณประมาณ 1.7 – 4.2 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,000 – 34,000 บาท/เดือน

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )