รีวิวโครงการ

The Nest สุขุมวิท 71 : The Sneak EP.90

28 พฤศจิกายน 2020

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1699 …  The Nest สุขุมวิท 71 เป็นคอนโดตัวที่ 4 แล้วนะครับในแบรนด์นี้ ซึ่งผลงานตัวก่อนๆก็ค่อนข้างได้รับผลตอบรับที่ดี เพราะจะเห็นว่าทำตลาดในโซนสุขุมวิทเป็นหลักทั้ง ซอย 22, 61, เพลินจิต(ซ.นายเลิศ) และคราวนี้ก็มาที่ซอย 71 แต่จะอยู่ซอยรองอีกทีอย่าง ปรีดีพนมยงค์ 2 ครับ ซึ่งเป็นทำเลเฉพาะหน่อย ถึงไม่ได้ใกล้รถไฟฟ้ามาก แต่เอาใจคอสายสตรีทฟู๊ด ร้านอาหารในระยะเดินไม่กี่ก้าวมีเพียบ และก็ใกล้ทางด่วนฉลองรัชมาก ไปดูกัน..!

Fact @ 4 October 2018

  • The Nest Sukhumvit 71 (เดอะ เนสท์ สุขุมวิท 71)
  • บริษัท เดอะ เนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : วัฒนา
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 5 อาคาร รวมทั้งหมด 515 ยูนิต
  • อาคาร A – 102 ยูนิต / B,C,D – 105 ยูนิต / E – 98 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 50 % (รวมจอดซ้อนคัน)
  • ที่ดินประมาณ 5-0-54 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q4/2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4/2563
  • 1 Bedroom 24.69 – 33.35 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus 41.52 ตร.ม. 
  • 2 Bedrooms 44.51 – 47.22 ตร.ม. 
  • ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้นช่วงประมาณ 2.5 ล้านบาท
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตรประมาณ 92,500 – 110,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ : คลิกที่นี่ 
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • เบอร์โทรโครงการ 02-381-8910 , 02-381-8911 , 061-459-5282

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.713700, 100.598221

แผนที่จากทางโครงการครับ The Nest สุขุมวิท 71 ทำออกมาให้ดูเรียบง่ายหน่อย โดยจะเห็นว่าที่ตั้งโครงการตั้งอยู่ติดกับซอยปรีดีพนมยงค์ 2 ในย่านพระโขนง โดยในแผนที่แสดงถึงจุดต่างๆที่สำคัญมาให้ แต่เดี๋ยวไปดูละเอียดที่ผมทำข้างล่างนะครับ

#ย่านพระโขนง ถือเป็นทำเลที่อยู่ระหว่างในเมืองและนอกเมือง สภาพแวดล้อมโดยรอบมีลักษณะเป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่มีความเจริญ และ ความอุดมสมบูรณ์อยู่พอสมควร มีความหนาแน่นของประชากรสูง และเป็นทำเลที่เริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัย เนื่องมาจากราคาค่าเช่าในย่านสุขุมวิทตอนต้นและตอนกลางปรับสูงขึ้นมากในช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมา ที่อยู่อาศัยส่วนมากมีลักษณะเป็นตึกแถวและอาคารพาณิชย์ที่มีร้านค้าเป็นหน้าร้าน . ซึ่งทำที่ตั้งของโครงการจะอยู่ติดซ.ปรีดีพนมยงค์ 2 ไปทางท้ายซอยที่จะออก(เลียบทางด่วนฉลองรัช)

การเดินทางด้วยรถส่วนตัว : ถ้าเรามาจากถนนหลักด้านนอกอย่างสุขุมวิท เราจะมีตัวเลือกในการกลับเข้าบ้านมายังโครงการได้ 2 ออฟชั่นครับ

  • โดยออฟชั่นแรก(สีแดง) คือเข้าที่ซอยสุขุมวิท 71 (ปรีดีพนมยงค์) ถนนเส้นนี้เป็นถนน 4 เลน หลักๆช่วงกลางวันจะแบ่ง 3 เลนเป็นการปล่อยรถเข้าเมืองมาทางสุขุมวิท และอีก 1 เลนจะไปทางท้ายซอยที่แยกคลองตัน ซึ่งซ.ปรีดีฯ2 นั้นจะไม่สามารถเลี้ยวขวาได้นะครับ เราจะต้องเลยไปนิดหน่อยและไปเข้าซ.ปรีดีฯ4 แทน และกลับมาเข้าที่ซ.ปรีดีฯ2 ตรงกลางซอยเพื่อมายังโครงการ
  • ออฟชั่นที่สอง(สีส้ม) เราวิ่งบนเส้นสุขุมวิทจะไปทางอ่อนนุช แต่ให้เราชิดซ้ายเอาไว้ เลี้ยวซ้ายจะไปขึ้นทางด่วนฉลองรัช ซึ่งพอเราวิ่งไปที่เลนขนานนั้น ก่อนจะถึงด่านจ่ายเงิน มันจะมีทางให้เลี้ยวซ้ายออกมายังซ.ปรีดีฯ2 เพื่อมายังโครงการได้

ส่วนถ้าใครเป็นคนที่มีชีวิตการทำงานข้องเกี่ยวกับโซนเส้นอ่อนนุช หลายคนคงทราบว่าเราสามารถใช้ทางลัดเลาะพิเศษผ่านที่ดินขนาดใหญ่ T77 ของแสนสิริ (ที่มี Habito Mall อยู่) ตัดผ่านในการสัญจรได้ แต่จะมีการเก็บค่าผ่านทาง 20 บาท ซึ่งถ้าในชั่วโมงเร่งด่วน ผมว่ายอมจ่ายเพื่อซื้อเวลา คุ้มค่าแน่นอนครับ

จุดเด่นอีกอย่างของโครงการนี้คือ “ทางด่วน” โครงการนี้มีทางด่วนให้ใช้ไม่ไกลอยู่ 3 ส่วนใหญ่ๆ

  1. ทางด่วนฉลองรัช (รามอินทราอาจณรงค์) (สีส้ม) ออกจากโครงการไปแค่ 500 ม. เท่านั้น แต่จะเป็นขาออกไปยัง พัฒนาการ, พระราม 9, ลาดพร้าว
  2. ทางด่วนเฉลิมมหานคร (สีน้ำเงิน) เส้นทางไปจะต้องผ่านถนนหลายเส้นหน่อยแต่ไม่ได้ไกลมากประมาณ 2.7 กม.ครับ ซึ่งจะไปทางฝั่งเข้าเมืองยังพระราม 3, ดาวคะนอง, พระราม 4 ได้
  3. สุดท้าย ที่บริเวณต้นซอยสุขุมวิท 50 นับเป็นทั้งจุดขึ้นและจุดลงทางด่วนฉลองรัช ซึ่งถ้าใครจะใช้ทางด่วนนี้กลับบ้านก็ต้องมาลงตรงนี้แหละครับ แต่ถ้ามาออกสุขุมวิทเพื่อจะกลับโครงการตอนเย็นๆเลิกงานก็จะรถติดหน่อยนะ

#การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถ้ามองจากระยะทางเดิน 850 เมตร ผิวเผินก็ถือว่าไกลใช้ได้ครับ แต่มามองเรื่องการต่อรถอื่นๆดีกว่า เริ่มจากด้านหน้าโครงการในซอยปรีดีฯ 2 มีวินอยู่เดินนิดเดียว และก็เส้นนี้เป็นเส้นที่คนใช้สัญจรลัดเลาะเยอะ ทำให้มี Taxi วิ่งผ่านหน้าโครงการอยู่ด้วยพอสมควร รอไม่นานครับ และสุดท้ายตัวโครงการจะมีรถ Shuttle Bus รับส่งไปที่ BTS พระโขนงอยู่ด้วย(แต่ไม่ได้ระบุจำนวนคัน จำนวนรอบมาให้)

#ความอุดมสมบูรณ์ ในสมัยสัก 10 ปีก่อน พื้นที่ย่านพระโขนงหรืออ่อนนุชนี่ถือว่าอาหารการกินส่วนใหญ่ทั้งหมด เป็นตามตึกแถวที่อยู่ในซอยเป็นหลักๆ จุดของกินใหญ่ๆที่กระจุกตัวเป็นกลุ่มกันมีแค่ตลาดพระโขนง, ตลาดอ่อนนุช, BigC Extra และก็ Tesco Lotus อ่อนนุชเท่านั้น  แต่ ณ วันนี้ภาพรวมนั้นเปลี่ยนไปเยอะพอสมควรครับ ห้างใหม่ๆรวมทั้งคอมมูนิตี้มอลล์บนเส้นสุขุมวิทก็มากันเพิ่มทั้ง Sunmmer Hill, W Market, Century Movie Plaza, The Phyll เป็นต้น

ทีนี้ผมลองทำแผนที่สโคป Zoom In เข้ามาอีกหน่อย แผนที่อันนี้จะเน้นเรื่องของอาหารการกิน ความอุดมสมบูรณ์ จุดที่เป็นสิ่งสำคัญต่างๆใกล้กับโครงการเท่านั้น ทำเลของโครงการนั้นมองเผินๆอาจจะนึกว่าเป็นคอนโดที่อยู่ใกล้ทางด่วน แต่ที่ผมลงไปสัมผัสมาด้วยการเดิน นี่มันเป็นทำเลเฉพาะของสตรีทฟู๊ดชัดๆครับ ด้วยการเดินออกมาหน้าโครงการนั้นมีแหล่งของกินมหาศาลในซ.ปรีดีฯ2 และเดินเข้าซอยแสงทิพย์ข้างๆโครงการก็มีตลาดพระโขนงอยู่ หรือถ้าเราออกจากโครงการไปทางขวา ลอดใต้ทางด่วนยูเทิร์นไปเข้า T77 ก็จะมีคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่อย่าง Habito Mall

อีกอย่างบนซอยสุขุมวิท 71 (ปรีดีพนมยงค์เส้นหลักด้านหน้า) ตามสองฝั่งข้างทางตั้งแต่สุขุมวิทไปจนถึงกลางๆซอย มักจะเป็นร้านอาหารต่างๆให้เห็นพอสมควรเลยครับ เมื่อก่อนคนนี้แถวมักจะมาพึ่งพิง Max Valu Supermaket กัน แต่ล่าสุดที่ผมผ่าน เห้ย.. คุณครับ Makro สร้างเสร็จแล้วล่ะ อยู่ฝั่งตรงข้ามเลยแหะ เป็นผลดีแก่ชาวพระโขนงสุดๆ 😀

ซอยปรีดีพนมยงค์ 2 เป็นซอยเลขคู่ซอยแรกทางฝั่งขวามือของซอยสุขุมวิท 71 ซึ่งก็เริ่มมีของกินมาตั้งแต่ที่ปากซอยเลยนะครับ แต่ลักษณะส่วนใหญ่จะเป็นร้านรถเข็นที่ซื้อกลับบ้านหรือนั่งได้นิดหน่อย

โดยซอยนี้จะเริ่มมาคึกคักหนักๆช่วงกลางซอยไปจนถึงท้ายๆซอยใกล้ๆกับแปลงที่ดินโครงการ The Nest สุขุมวิท 71 เลยครับ เป็นแหล่งของกินริมข้างทางที่นอกจากรถเข็นต่างๆแล้ว ตัวตึกแถวทั้งสองฝั่งก็เป็นร้านอาหาร ร้านที่จำเป็นๆต่อการอยู่อาศัย มินิมาร์ทก็หลับตาจิ้มได้เลยเอาเจ้าไหนดี

จากปากซอยสุขุมวิท 71 เดินมาประมาณ 350 เมตร ก็ถึงแปลงที่ตั้งโครงการซึ่งเป็นแปลงมุมตรงนี้ครับ

โดยด้านข้างโครงการฝั่งนี้จะอยู่ติดกับซอยแสงทิพย์ ซอยนี้ในช่วงแรกรถยนต์ยังเข้าไปได้อยู่ แต่พอเข้าไปอีกนิดนึงรถยนต์จะวิ่งไม่ได้นะครับ เพราะด้านในจะเป็นส่วนของตลาดพระโขนง แต่ถ้าเราใช้เดินสัญจรเอา จะสามารถใช้ลัดเลาะทะลุไปออกถนนสุขุมวิทด้านนอกได้เลย

ส่วนของที่ดินโครงการจะสิ้นสุดบริเวณทางสะพานข้ามคลอง ซึ่งตรงนี้จะเป็นลำรางสาธารณะที่ไปเชื่อมกับคลองพระโขนงครับ จากมุมนี้เรามองตรงไปจะเห็นคอนโดตึกสูงเพื่อนบ้านอยู่ 2 โครงการคือ Vista Garden (ซ้ายมือ) และ The Base Park West (ขวามือ)

ผมตรงข้ามคลองมานิดนึงให้ดูครับว่าตัวถนนซอยปรีดีพนมยงค์ 2 นั้นจริงๆแล้วยังยาวต่อไปอีกทั้ง 2 ด้านซ้ายขวาเลยนะครับ ซึ่งจุดตำแหน่งตรงนี้แหละที่สำคัญถ้าเราเลี้ยวซ้ายนั้นจะสามารถไปใช้ทางด่วนฉลองรัช(รามอินทรา-อาจณรงค์)เพียง 300 เมตรเท่านั้น เพื่อขึ้นเหนือไปยังพัฒนาการ พระราม 9 และก็ประชาอุทิศ-เหม่งจ๋าย-ทาวน์อินทาวน์ โซนพวกนั้นครับ / ส่วนถ้าเลี้ยวขวาก็จะมีตัวเลือกในการใช้ทางลัดผ่านอาณารจักร T77 ของแสนสิริที่จ่าย 20 บาทค่าผ่านทาง เพื่อซื้อเวลาในชั่วโมงเร่งด่วนเพื่อไปยังซอยอ่อนนุชได้เลย

กลับมาที่แปลงที่ดินโครงการกันอีกครั้ง Sale Office Gallery ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้ว ตกแต่งด้านหน้าเป็นสวนพุ่มไม้เตี้ยสีเขียวมีความตัดกันกับผนังกระเบื้องลายหินอ่อนที่ตัวอาคารของจริงก็จะใช้แบบนี้มาตกแต่ง Facade ผิวด้านนอกของอาคารด้วยครับ

ภายใน Sale Office Gallery มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับรองรับลูกค้าหลายส่วน มีโมเดลให้ดูพร้อม VDO Presentation อยู่ใกล้กัน, การจัด Feeling ช่องแสงทำได้ดีทีเดียวนะครับ และโครงการนี้จะทำห้องตัวอย่างมา 2 ห้อง เดี๋ยวไว้ดูในพาร์ทห้องตอนท้ายนะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

เรามาดูการวางอาคารและพื้นที่รอบๆกันหน่อย ตัวโครงการจะมีทั้งหมด 5 อาคาร A-E ผมแปะตำแหน่งบอกไว้ให้แล้ว แต่ละอาคารวางไว้ชิดกับแนวรั้วกำแพงของขอบเขตที่ดิน เพื่อที่จะได้เกิดพื้นที่โล่ง Court ใจกลางกลุ่มอาคาร และทำเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลัก ส่วนที่ดินด้านล่างที่เป็นเส้นยื่นลงมานั้นเป็นส่วนของที่จอดรถกลางแจ้ง

ทางฝั่งทิศเหนือ ที่มีอาคาร A กับ E บางส่วน เป็นฝั่งถนนหน้าโครงการ ตรงข้ามฝั่งนี้ไม่มีอาคารสูงในระยะใกล้ๆนะครับมีแต่ชุมชนบ้านพักอาศัยทั่วไปเท่านั้น

ทางฝั่งทิศตะวันออก ฝั่งนี้จะติดกับลำรางสาธารณะเล็กๆ และลำรางนี้จะไปเชื่อมกับคลองพระโขนงทางทิศใต้ โครงการลงต้นไม้สีเขียวไว้ขนานกับแนวรั้วโครงการไว้ให้โดยจะมีระยะห่างจากกำแพงประมาณ 6-10 เมตร และข้ามลำรางไปเป็นที่ดินเปล่า

ทิศใต้ ด้านหลังโครงการมีส่วนนึงบริเวณอาคาร D ด้านนอกจะเป็นที่ดินเปล่ายังไม่ได้พัฒนา ส่วนตรงอาคาร C ด้านนอกจะเป็นส่วนของแคมป์คนงานก่อสร้างชั่วคราว ที่จะมาเตรียมก่อสร้างโครงการนี้นี่เอง

ทิศตะวันตก ฝั่งนี้จะเป็นด้านนอกของอาคาร B ติดกับซอยแสงทิพย์ และข้ามไปเป็นพวกตึกแถว 3 ชั้นกว่าทั้งหมดทั้งแนวครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาดพระโขนง ~ 250 เมตร (เดิน)
  • ชุมชนสตรีทฟู๊ดซอยปรีดีฯ2 ~ 100-300 เมตร (เดิน)
  • Habito Comminity Mall ~ 400 เมตร
  • W Market ~ 500 เมตร
  • Makro ~ 800 เมตร
  • Max Valu Supermarket ~ 800 เมตร
  • Summer Hill ~ 850 เมตร
  • Big C Extra อ่อนนุช ~ 900 เมตร (ผ่าน T77)
  • Century Movie Plaza ~ 1.8 กิโลเมตร
  • รพ.กล้วยน้ำไท ~ 1.8 กิโลเมตร
  • .กรุงเทพ ~ 2.1 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus ~ 3 กิโลเมตร (รวมกลับรถ)


เจาะลึกตัวโครงการ

เรามาดูภาพรวมโครงการคร่าวๆด้วยโมเดลกันก่อน The Nest สุขุมวิท 71 เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 5 อาคาร สร้างอยู่บนเนื้อที่ดิน 5 ไร่เศษ โดยจะแบ่งเป็นอาคารละประมาณเกือบๆร้อยยูนิตต่ออาคาร รวมแล้ว 515 ยูนิต แต่ละอาคารวางไว้ชิดกับแนวรั้วกำแพงของขอบเขตที่ดิน เพื่อที่จะได้เกิดพื้นที่โล่ง Court ใจกลางกลุ่มอาคาร และทำเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลัก

ตัว Facade หลักที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าออกโครงการ จะตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวทั้งแนวแบบนี้ ทำให้ Mood & Tone ส่วนอื่นๆไปทางสีสว่างด้วยเช่นกัน ส่วนของถนนด้านในโครงการส่วนแรกจะปูด้วยคอนกรีตพิมพ์ลายทั้งหมด และเจอกับส่วนของ Main Lobby ที่อาคาร A ก่อน ซึ่งเป็น Lobby หลักออกแบบพิเศษกว่าอาคารอื่นคือเป็น Double Volume กินพื้นที่สองชั้น ได้ความสูงโปร่งโอโถ่

Main Facility ของโครงการนี้ ถูกจัดตำแหน่งไว้ตรงกลางของกลุ่มอาคารอย่างที่บอก การจัดแบบนี้คือจะได้ประโยชน์ 2 ส่วน / ส่วนแรก ลูกบ้านทุกคนเวลามาใช้งานระยะทางในการเดินถือว่าพอกันทั้งหมดครับ ไม่มีใครอยู่ตึกไหนเดินไกลกว่ากัน / ส่วนที่สอง เรื่องของความเป็นส่วนตัวจากคนภายนอก ซึ่งแต่ละอาคารถือว่าเป็นกำแพงสายตาจากกลุ่มคนภายนอกโครงการไปในตัวนั่นเอง

นอกจากล็อบบี้หลักที่อาคาร A แล้ว แต่ละอาคารก็มี Lobby ของตัวเองในตัว แต่ไม่ได้ใหญ่มาก ที่ลานด้านนอกตรงกลางนอกจากเป็นสวนหย่อม พื้นที่สีเขียว มุมนั่งเล่นพักผ่อนตามจุดต่างๆแล้ว ยังมีส่วนของอาคาร ClubHouse รูปทรงตัว L โอบล้อมพื้นที่ของสระว่ายน้ำ (ขนาดประมาณ 4-6 x 26 เมตร และมีแบ่งพื้นที่สระเด็ก,กับมุมแช่น้ำ) ด้านใน ClubHouse จัดเป็นฟังก์ชันต่างๆให้ใช้งานได้หลากหลาย

จุดเด่นอีกอย่างก็คงเป็นเรื่องของการออกแบบรูปทรงตัวอาคาร ที่เราจะเห็นว่ามีการบิดส่วนของผนังให้มีองศาเอียงหน่อย ซึ่งในส่วนนี้จะอยู่ในห้องนอนทั้งหมด เพื่อได้เอฟเฟคเป็น Bay Window หรือบิดองศาในการมองวิวที่ดูโดดเด่นเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

ทางฝั่งทิศตะวันออก ฝั่งนี้จะติดกับลำรางสาธารณะเล็กๆ และลำรางนี้จะไปเชื่อมกับคลองพระโขนงทางทิศใต้ โครงการลงต้นไม้สีเขียวไว้ขนานกับแนวรั้วโครงการไว้ให้โดยจะมีระยะห่างจากกำแพงประมาณ 6-10 เมตร และข้ามลำรางไปเป็นที่ดินเปล่า / ส่วนที่ดินที่เป็นเส้นยื่นออกไปนั้นเป็นส่วนของที่จอดรถกลางแจ้ง

โครงการ The Nest สุขุมวิท 71 คอนโด Low Rise 8 ชั้น 5 อาคาร 515 ยูนิต พื้นที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ 50 % มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ 1 ไร่ ที่มีทั้ง สระว่ายน้ำ , ห้องออกกำลังกาย/ลานโยคะ , สวนหย่อมรอบโครงการ , Lounge/ห้องสมุด , พื้นที่ซักรีด และยังได้ Wi Fi ในพื้นที่ส่วนกลางอีกด้วย Mood&Tone ของอาคารจะเป็นสีขาว White Tone ดูสบายตา

ภาพจำลองบรรยากาศโครงการ Main Facility ของโครงการนี้ ถูกจัดตำแหน่งไว้ตรงกลางของกลุ่มอาคารทั้ง 5 ซึ่งลูกบ้านทุกคนเวลาเดินมาใช้งานระยะทางในการเดินถือว่าพอกันทั้งหมดครับ ไม่มีใครอยู่ตึกไหนเดินไกลกว่ากัน / และได้เรื่องของความเป็นส่วนตัวจากคนภายนอก ซึ่งแต่ละอาคารถือว่าเป็นกำแพงสายตาจากกลุ่มคนภายนอกโครงการไปในตัว

ภาพจำลองบรรยากาศโครงการบริเวณส่วนกลาง สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ (ขนาดประมาณ 4-6 x 26 เมตร และมีแบ่งพื้นที่สระเด็ก, กับมุมแช่น้ำ)

ภาพจำลองบรรยากาศโครงการ ส่วนของอาคาร ClubHouse รูปทรงตัว L โอบล้อมพื้นที่ของสระว่ายน้ำ ด้านใน ClubHouse จัดเป็นฟังก์ชันต่างๆให้ใช้งานได้หลากหลาย Fitnes, Yoga Area, Sky Social Lounge และดาดฟ้าเป็น Rooftop Garden ที่มีพื้นที่นั่ง Relax พักผ่อนได้ด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศ พื้นที่สีเขียวในโครงการนี้นับรวมกันประมาณ 1 ไร่ครับ ที่เห็นกล่องยื่นๆมาทางขวานั่นคือ Wooden Nest Lounge ที่ต่อเนื่องมาจากอาคาร ClubHouse ติดกับห้องออกกำลังกาย

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Co-Working Space ที่อยู่ชั้น 1 ในอาคาร B ครับ ในพื้นที่นี้จะมี Wifi ฟรีให้ลูกบ้านใช้งาน

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Lobby A ซึ่งถือเป็น Main Lobby จะพิเศษกว่าอาคารอื่นหน่อย คือเป็น Double Volume กินพื้นที่สองชั้น ได้ความสูงโปร่งโอโถ่ ช่องแสงส่องเข้ามาพิเศษ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Lobby A Semi Out Door

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Lobby B

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Social Lounge มีการเปิดช่องแสงทั้งสองฝั่ง และยังเป็นประตูกระจกบานเฟี้ยมซึ่งวันไหนอากาศดีๆก้เปิดให้ลม Flow เป็น Semi Outdoor ได้ครับ และผนังด้านข้างฝั่งนึงจะเป็นวิวของสระว่ายน้ำด้วย

Master Plan เริ่มจากชั้น Ground การเดินรถที่นี่จะเป็นแบบวันเวย์รอบอาคาร ไปทางซ้าย สามารถจอดรถได้ทั้งในอาคารและพื้นที่กลางแจ้ง โดยจะได้ 50%(รวมจอดซ้อนคัน) มีการลงต้นไม้ไว้ตามริมขอบรั้วกำแพงและมีสวนหย่อมกลางอาคาร รวมพื้นที่สีเขียวทั้งหมดประมาณ 1 ไร่

ที่แต่ละอาคาร A-E จะมีล็อบบี้แยกกันหมด แต่ว่าล็อบบี้อาคาร A จะเด่นกว่าใครหน่อย เพราะเป็นด่านแรกที่ใครๆจะมองเห็นก่อน เลยได้มาเป็นมาแบบ Double Volume กินพื้นที่ 2 ชั้นครับ และใต้อาคาร B จะมีส่วนกลางห้อง Co-Working Space อยู่

ส่วนกลางที่เหลือถูกใจไว้อยู่ตรงใจกลางระหว่างกลุ่มอาคารทั้ง 5 ซึ่งหลักๆก็มีสวนหย่อม พื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน อาคาร ClubHouse, ฟิตเนส, ห้อง Social Lounge, Wooden Chill Lounge และก็สระว่ายน้ำที่มีความยาว Half Olympic

ที่ชั้น 2 นับเป็นชั้นแรกที่มีห้องพักอาศัยครับ โดยที่อาคาร A จะมีบางส่วนกินพื้นที่ของล็อบบี้มาอยู่ เราจะเห็นว่าตัวโครงการเน้นน้ำหนักจำนวนของห้องสีเขียวเข้มเยอะหน่อย ซึ่งเป็นแบบ 1 Bed (ขนาด 28.71 – 30.81 ตร.ม.) แต่ว่าหลักจะเอาห้อง Type นี้หันออกด้านนอกอาคารครับ เพราะเป็นไซส์เล็กหน่อย และที่เหลือจะเอาห้องไซส์ใหญ่กว่านั้นหันเข้าด้านในอาคารเข้าหากัน ซึ่งห้องพวกนี้จะได้วิวพื้นที่ส่วนกลาง Court ตรงกลางนั้นเอง

แต่ละอาคารจะมีลิฟต์โดยสารอยู่ 2 ตัวนะครับ และก็ไม่มีลิฟตืเซอร์วิส โดยจะแบ่งช่องแสงธรรมชาติให้ส่องผ่านมายัง Corridor ได้ 3 จุดคือ หน้าโถงลิฟต์ และปลายอาคารอีกสองฝั่ง เหมือนๆกันทุกอาคาร  ส่วนที่อาคารมีระยะห่างข้างๆกันจะอยู่ราวๆ 4-6 เมตร

ชั้น 3-8 ถือเป็น Typical Floor Plan ที่มีห้องพักอาศัยเต็มจำนวนครับ โดยที่อาคาร A, B, C, D ทั้งสี่อาคารนี้จะมีจำนวน 15 Unit / Floor ครับ และสุดท้ายที่อาคาร E นั้นจะมีจำนวน 14 Unit / Floor

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby แยกแต่ละอาคาร, แต่อาคาร A เป็น Main Lobby แบบ Double Volume
  • สระว่ายน้ำยาว 25 เมตร ความกว้าง 4-6 เมตร (รวมสระเด็ก) พร้อมที่นั่งแบบ sunken ข้างๆสระ
  • ห้องออกกำลังกาย, พื้นที่โยคะ ในอาคาร ClubHouse
  • สวนหย่อมพร้อมพื้นที่นั่งเล่น ชั้น Ground ระหว่างอาคารรอบๆ ClubHouse
  • Social Lounge / Library & Co-Working Space
  • Rooftop Garden & Relaxing Area
  • พื้นที่ซักรีด
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์โดยสารอยู่ที่ประมาณ 48-53 : 1
  • ไม่มี Service Lift
  • Free Wifi ที่ Clubhouse ส่วนกลาง
  • ที่จอดรถประมาณ 50 % (แบบรวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบ Key Card / CCTV / พนักงานรักษาความปลอดภัย 24 ชม.

 


Product Walkthrough

ก่อนที่จะเข้าไปดูห้องตัวอย่างนะครับ ต้องบอกก่อนว่าโครงการนี้ขายแบบ Fully Furnished ที่มีการ Built-In เฟอร์นิเจอร์มาให้เลย และก็มีส่วนเฟอร์ฯลอยตัวด้วย อีกทั้งยังให้ชุดครัว, Hob&Hood และแอร์ 2 ตัวครับ (ถ้าเป็น 2 Bed ได้แอร์ 3 ตัว) โดยจะได้ของแบบห้องตัวอย่างเกือบหมด ยกเว้นพร็อพชิ้นเล็กชิ้นน้อยนะฮะ (หรือดูในแปลนห้องด้านล่างก็ได้ เค้าจะมีบอกว่าห้องแบบนี้ได้เฟอร์กี่ชิ้น)

ห้องตัวอย่างแรกที่โครงการทำ คือ C-1A หรือ 1 Bedroom ขนาดประมาณ 28.71 – 30.83 ตร.ม. แปลนของห้องจะดูเข้าใจง่ายมาก แยกทุกโซนเป็นสัดส่วนทั้งหมด ทั้งการทำครัวปิดทำอาหารจริงจังได้ การกั้นโซนระหว่างห้องนอนจะเป็นประตูไม้บานปิด แบ่งครึ่งนึงไปอีกฝั่ง และมีห้องน้ำในตัวของห้องนอน ซึ่งเวลาลุกมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนจะสะดวกดี แต่ถ้าแขกมาเยี่ยมเวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเดินผ่านเข้าห้องนอนก่อน ห้องนอนถือเป็นจุดเด่นของการออกแบบห้องในโครงการนี้คือให้ความสำคัญของพื้นที่ค่อนข้างมาก ตู้เสื้อผ้าจุใจ และสุดท้ายคือการบิดองศาผนังที่ทำให้ได้มุมมองของวิวเข้ากับหัวเตียงที่นอนมองวิวออกได้ด้านนอกอาคารครับ

เริ่มจากส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ของครัวก่อน พอเปิดประตู้เข้ามา เราจะเห็นว่าในโซนพื้นที่ครัว จะแบ่งลักษณะการใช้งานใช้สอยพื้นที่ทั้งสองฝั่งขนาบทางเดินตรงกลางที่มีความกว้างประมาณ 1.20 เมตร ให้กลับตัวเดินไปมาทำครัว เป็นระยะที่ค่อนข้างสะดวกอยู่

หันไปทางฝั่งขวามือกันก่อน จะเป็นโซนของ PANTRY ซึ่งโครงการทำมาให้เลย ด้านบนจะเป็นชุดตู้แขวนผนังที่แบ่งช่องการใช้งานแบบเปิดโล่งและมีหน้าบานปิด รวมถึงชุดตู้เก็บของด้านล่างเช่นกันนะ  ส่วนของท๊อปครัวตรงนี้จะใช้วัสดุเป็นหินควอทช์ สีขาว ซึ่งกันรอยขีดข่วนได้ดี ตำแหน่งของซิงค์อยู่ตรงกลางพอดี เลยมีพื้นที่เตรียมอาหาร 2 ฝั่ง / สิ่งที่ไม่ได้มาในภาพนี้คือเครื่องใช้ไฟฟ้าและก็ Backsplash กระจกชาทองกันเปื้อนด้านหลัง

หันมาดูฝั่งตรงข้ามกันบ้าง ตำแหน่งของเจ้าตู้เก็บรองเท้านั้นอยู่ติดกับประตูทางเข้าออกเลย ทำให้การใช้งานค่อนข้างสะดวกครับ ด้านบนยังเป็นตู้บิวท์อินเต็มพื้นที่เช่นกัน ตำแหน่งของตู้เย็นอยู่ตรงกลาง วางไมโครเวฟด้านล่าง สิ่งที่สะดุดตาหน่อยคือเจ้า Hob&Hood ที่โครงการมีมาให้มาอยู่ฝั่งนี้แทนแหะ ซึ่งตำแหน่งนี้จะมีข้อสังเกตหน่อยที่ว่า เวลาเราประกอบอาหารมีควันหรือน้ำกระเด็นมันดันอยู่ใกล้กับประตูกระจกและตู้เย็น อาจจะเป็นรอยเปื้อนง่าย ต้องคอยเช็ดทำความสะอาดบ่อยหน่อยนั่นเอง (แต่เจ้า Hob&Hood ได้ของดีอย่าง HAFELE นะ)

ตัวพื้นในโซนครัวที่เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ซึ่งง่ายต่อการทำความสะอาด ไม่กลัวน้ำ แต่พอจะเข้าสู่พื้นที่พักอาศัยอย่าง Living นั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นพื้นกระเบื้องไวนิลลายไม้ครับ

ด้านในจะเป็นส่วนของห้องโถงรวม ที่รรวมฟังก์ชันพื้นที่นั่งเล่นกับรับประทานอาหารเข้าด้วยกัน โดย Floor to ceiling จะอยู่ที่ 2.50 เมตร แต่ในพื้นที่ส่วนครัวดรอปลงไป 10 ซม.ครับ

ทางซ้ายมือที่ติดกับประตูกระจกกั้นโซนครัว จะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งโครงการจะให้ชุดโต๊ะเก้าอี้นี้มาเลย รวมไปถึงตำแหน่งของแอร์ในห้องนั่งเล่นก็อยู่เหนือด้านบนตรงนี้

ลักษณะการใช้งานจะหันหน้าเข้าหาผนัง จริงๆแล้วผมลองไปนั่งดูนั่งได้โอเคอยู่นะครับ แต่เจ้าเก้าอี้ในห้องตัวอย่างจะหนาๆใหญ่หน่อย ทำให้ดูเหมือนแน่นพื้นที่นิดหน่อย และเจ้าโต๊ะตัวนี้เวลาเราไม่ได้ทานข้าว ก็เหมาะจะเป็นโต๊ะนั่งทำงานไปในตัวด้วย

ถัดมาเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่น เราจะได้เจ้าเฟอร์นิเจอร์ 3 ชิ้นนี้มา โซฟา โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี ตัวโซฟาจะเป็นแบบ 2 ที่นั่งและที่ด้านข้างจะมีส่วนให้วางของ อย่างพวกมือถือเวลาชาร์จ หรือแก้วน้ำก็ได้

ระยะดูทีวีของห้องนี้จะค่อนข้างไม่มากนักโดยอยู่ที่ประมาณ 1.60 เมตร (ซึ่งอาจจะเลือกทีวีไซส์ใหญ่สุดประมาณ 40 นิ้วเท่านั้น ให้พอดีกับระยะสายตาครับ)

ชุดเฟอร์ฯฝั่งนี้ที่โครงการให้มาจะเป็นชุดตู้ด้านล่างตรงกลางชิ้นนี้ โดยด้านล่างเก็บของได้ 3 ตอน และมีหน้าบานเป็นกระจกติดขอบสแตนดเลสสวยงาม

เงยหน้าไปด้านบนเราจะเห็นส่วนที่ดรอบฝ้าเล็กน้อย เป็นการเดินงานส่วนระบบครับ และก็ไฟในห้องจะเป็นแบบ LED ทรงจตุรัส

ประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นโซนระเบียงด้านนอกที่อยู่ติดกัน ถึงแม้จะไม่ได้เรื่องของความกว้างมากนัก แต่ได้ในเรื่องของความสูงแทนครับ เรียกว่าสูงเกือบจรดฝ้าเพดานเลย ทำหน้าที่เป็นช่องแสงธรรมชาติให้ส่งผ่านมาในห้องนั่งเล่นและครัว

โดยพื้นด้านล่างจะก่อสเต็ปยกขึ้นมาเล็กน้อยกันเรื่องของฝนสาด หรือทำงานซักล้างที่ระเบียง ตัวพื้นระเบียงจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องไซส์เล็กแทน แต่พื้นที่ระเบียงด้านนอกก็ถือว่าใช้งานได้ดีระดับนึงอยู่ (ขนาดประมาณ 1 x 2.2 เมตร) โดยเราจะเห็นว่าในห้องมีการวางเครื่องซักผ้าไปแล้ว ทำให้พื้นที่ตรงนี้ทำอย่างอื่นแทนก็ได้ มีจุดปลั๊กพร้อมฝาคราอบกันน้ำมาให้ และด้านบนแขวนแอร์ 2 ตัว หันลมร้อนด้านข้างครับ

กลับเข้ามาตรงกลางห้องนั่งเล่น ห้องตัวอย่างไม่ได้ติดประตูกั้นโซนห้องนอนมาให้ แต่ของจริงจะเป็นบานไม้ กั้นเป็นสัดส่วนชัดเจน

พอเข้ามาเรามองตรงๆไปก่อน เราจะเห็นส่วนของเจ้ามุมการแต่งตัวมาก่อน โดยโครงการจะให้ชุดตู้เสื้อผ้า Built-In มาให้เลย

(สิ่งที่ไม่ได้คือ เจ้าชั้นวางของทางขวามือของตู้เสื้อผ้ามุมนี้ที่เบิ้ลความหนามาประมาณ 25 ซม. ซึ่งในส่วนนี้เราสามารถเอาไอเดียของห้องตัวอย่างมาทำตามได้นะครับ เราจะได้พื้นที่การเก็บของใช้ต่างๆเพิ่มขึ้นด้วย เป็นไอเดียที่ดีนะ)

มาดูเจ้าส่วนที่โครงการให้กันดีกว่า ทางขวามือจะเป็นตู้ Built-In แบบมีหน้าบานทึบปิดอยู่ สำหรับเก็บเสื้อผ้าทั่วไป แบ่งลิ้นชักเก็บที่ด้านล่าง และติดไฟส่องสว่างมาให้) และทางซ้ายมือจะเป็นเจ้าชั้นโครงเหล็กแบบเปิดโล่งที่เป็น 3 in 1 อย่างเก็บของบนชั้นวาง, โต๊ะเครื่องแป้ง, แขวนเสื้อผ้า ได้นะเอ้อ เจ๋งแหะ

เดินข้ามมาอีกฝั่งโซนข้างๆเตียงฝั่งขวามือ เราจะเห็นว่ามีการทำตัวโต๊ะเล็กแขวนผนังไว้ให้อีกมุมนึงตรงนี้ และด้านข้างขวามือที่เป็นส่วนของตู้เสื้อผ้า ก็เหลือที่แบ่งช่องเป็นชั้นวางของเป็นชั้นๆไป ใช้ประโยชน์จากพื้นที่เฟอร์นิเจอร์ให้คุ้มที่สุด

ตัวโครงการจะให้ชุดเตียงแบบ Queen Size มาให้เลยนะครับ (ไม่ได้ให้ฟูก) โดยจะวางไว้ทางฝั่งผนังช่องแสงตรงนี้ ทางเดินข้างๆเตียงซ้ายขวาค่อนข้างกว้างขวาง ส่วนปลายเตียงจะเหลือราวๆ 40 ซม. เดินไปมาได้อยู่ แต่ถ้าเอาทีวีแขวนผนังทางเดินก็จะแคบลงอีกหน่อยนะ

พื้นที่ด้านข้างเดียงฝั่งซ้ายมือ จะเป็นพื้นที่คางหมูหน่อย โดยส่วนแคบที่ปลายเตียงจะอยู่ประมาณ 80 ซม.(ก็กว้างแล้วนะ) และที่ส่วนปลายอยู่ที่ 1.40 เมตรครับ สามารถเอาเก้าอี้นอนเล่นมาวางไว้ เป็นมุมนั่งเอนหลังอ่านหนังสือชิลๆ เพราะอยู่ใกล้กับหน้าต่างช่องแสง

หน้าต่างช่องแสงเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าประทับใจในส่วนของนอนครับให้เพ็มพื้นที่ทั้งกว้าง x ยาว ทำให้ห้องนอนดูโปร่งโล่งสบายตามาก (ตัววัสดุกรอบเป็นอลูมิเนียมทำสีดำนะครับ)

ส่วนของห้องน้ำจะแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกชัดเจน โดยไล่การใช้งานเป็นอ่างล้างมือ, สุขภัณฑ์ตรงกลาง และซ้ายมือสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำ

ชุดเฟอร์ต่างๆให้ตามนี้เลย จะเห็นมีส่วนของพื้นที่จัดเก็บของทั้งตู้กระจก ตู้ใต้อ่าง และผนังเซาะร่อง ตัวอ่างและสุขภัณฑ์ได้เป็นของ HAFELE / ซึ่งสุขภัณฑ์ได้เป็นชิ้นค่อนข้างใหญ่โอบหลังหน่อยสำหรับคนตัวใหญ่ก็ไม่มีปัญหา

พื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียกด้วยการยกธรณีก่อนสเต็ปขึ้นมาเล็กน้อย และกั้นด้วยกระจกนิรภัย tempered glass ระยะอาบน้ำได้มาตรฐานดี ( 0.85 x 1.0 เมตร) ตัวชุดฝักบัวก็ได้ของ HAFELE เช่นกันนะ และมีที่วางของได้อีกนิดหน่อย

 


ห้องตัวอย่างอีกแบบที่โครงการทำมาให้ดูก็คือ E-1A เป็น 1 ห้องนอนเหมือนกัน ขนาด 33.13 – 33.35 ตร.ม. ซึ่งถ้าเราดูแบบผิวเผินนั้น แปลนแทบจะเหมือนแบบแรกที่พาไปดูเลยแหะ แต่พอดูดีๆคือ ห้องนี้จะมีความยาว(ลึก)กว่าอีกนิดหน่อย ทำให้ได้ส่วนครัวเพิ่มมาอีกนิดนึง รวมไปถึงพื้นที่ส่วนของห้องนอนที่ยาวเพิ่มขึ้น ทำให้ได้พื้นที่ข้างเตียงฝั่งติดกับหน้าต่างมุม Bay Window นั้นเป็นมุมนั่งเล่นแบบจริงจังส่วนที่สองในห้องได้เลย และก็ตู้เสื้อผ้าเก็บของได้เยอะขึ้นด้วยครับ

เปิดมาเป็นพื้นที่ส่วนครัวก่อน เป็นครัวปิดเช่นเดียวกัน ในห้องนี้ผมจะพูดเรื่องสเป็ควัสดุลดลงนะครับ เพราะหลักๆก็ได้ของเหมือนกัน จะได้ไม่ซ้ำเนอะ

หันไปทางฝั่งซ้ายมือจะยังคงคล้ายๆกันกับห้องแรก คือมี ตู้เก็บรองเท้า, ที่วางตู้เย็น ชุดตู้เก็บของบนล่าง และ Pantry ไซส์เล็ก

ส่วนที่แตกต่างออกไปก็คือ ตรงมุม Pantry เล็กทางขวามือเนี่ย พื้นที่ครัวได้ยืดยาวเพิ่มขึ้น และเจ้า Hob&Hood รวมถึงที่วางไมโครเวฟก็เลยย้ายไปอีกฝั่งนึงแทนแล้วครัว (มุมนี้เหมือนเป็นพื้นที่เตรียมอาหารส่วนที่สองนั่นเอง)

นี่ไงครับ ย้านมาอีกฝั่งนึงความกว้างของครัว (Pantry เพิ่มขึ้น กลายเป็น 1.85 เมตร จากห้องแรก 1.60 เมตร) เลยเอา Hob&Hood รวมถึงที่วางไมโครเวฟย้ายมาฝั่งนี้

พื้นที่ครัวยังคงเป็นครัวกั้นโซนปิดเหมือนกัน เหมาะกับทำอาหารจริงจังทานเองได้ กลิ่นไม่เข้าไปรบกวนส่วนพักอาศัย และดีที่ได้เป็นส่วนของกระจกทั้งหมด ทำให้แสงธรรมชาติส่งผ่านมายังพื้นที่ครัวได้เต็มที่

ส่วนด้านในยังเป็น Common Area ที่รวมสองฟังก์ชั่นเช่นเดิมครับ

สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเจ้าโต๊ะรับประทานอาหาร ที่ห้องแรกจะเป็นทรงผืนผ้าเวลาใช้งานนั่งหันหน้าเข้าผนัง แต่ห้องนี้จะเป็นโต๊ะทรงจตุรัสแทน แบบ 2 ที่นั่งเหมือนกัน แต่ว่าผมทดลองลงไปนั่งจริงแล้วมันติดๆครับ ผมว่าโต๊ะแบบห้องแรกใช้งานได้ง่ายและเหมาะสมกว่า

Living Area ที่ดูผิวเผินหน้าตาคล้ายกันครับ แต่มีส่วนที่แตกต่างก็คือ มีระยะดูทีวีกว้างกว่าเดิมหน่อยกลายเป็น 1.90 เมตรนั่นเอง ไซส์ของทีวีก็ขยับขึ้นไปได้หน่อยเป็น 42-45 นิ้วไม่เกินนี้ฮะ

ส่วนของระเบียงก็ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเช่นกัน รูปแบบ วัสดุ รวมถึงพื้นที่โซนระเบียงจะเหมือนกับห้องห่อนหน้าทุกประการ นอกจากตากผ้าได้พื้นที่แล้วก็สามารถทำมุมพื้นที่สีเขียวอย่างสวนกระถางได้ด้วย

เข้ามาดูในส่วนของห้องนอนกันต่อ ด้วยระยะของห้องที่ยาวขึ้นครับ สิ่งแรกที่เห็นคือเจ้าตู้เสื้อผ้า Built-In ตรงหน้าเราจะได้เพิ่มมากขึ้น เป็นแบบ 3 ตอน และก็มีช่องแบบเปิดโล่งทางส่วนขวามือสุด

ผมลองเปิดหน้าบานทั้งสามให้ดู เป็นแบบสวิงแบบนี้  มีติดไฟส่องสว่างไว้ให้ทุกช่อง การทำตู้ไปถึงฝ้าเพดานนอกจากให้พื้นที่เก็บของได้เยอะแล้วไม่ต้องกังวลเรื่องมีฝุ่นสะสมบนตู้ด้วย

ด้านล่างแบ่งฟังก์ชันการเก็บทั้งชั้นแขวนและลิ้นชักครับ และ Fitting เป็น Soft Closed ทั้งหมด

ฝั่งตรงข้ามกับชุดตู้เสื้อผ้า (บริเวณปากทางเข้าห้องน้ำ) ในห้องตัวอย่างเราจะเห็นชั้นวางของอีกหนึ่งจุด ซึ่งจุดนี้แหละที่เป็นเฟอร์ฯชิ้นที่โครงการไม่ได้ให้มา แต่ทำให้ดูเป็นไอเดียเอาครับ เผื่อว่าลูกบ้านหรือ User คนไหน ที่เก็บของเก็บผ้าไม่พอ

ในส่วนของห้องน้ำก็จะคล้ายๆกับห้องแรก แต่ทำแหน่งการใช้งานสลับกันหน่อยระหว่าง อ่างล้างมือ และ สุขภัณฑ์

แต่ในส่วนของวัสดุ อุปกณณ์ต่างๆในห้องน้ำยังคงเหมือนกัน หลักๆจะเป็นของ HAFELE และมีพื้นที่การเก็บของในห้องน้ำมาให้ระดับนึงในตัวฮะ

สิ่งที่แตกต่างจากห้องแรกนิดหน่อย คือในส่วนของ “พื้นที่อาบน้ำ” ในห้อง Type นี้จะได้เพิ่มมานิดนึง ดูจากรูปอาจจะดูไม่ออกได้ความกว้างขึ้นมาประมาณ 10 ซม.

ออกมาจากห้องน้ำกันละครับ ในส่วนเฟอร์ชิ้นโครงเหล็กที่ต่อเนื่องมาจากตู้เสื้อผ้า (ที่เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้) และก็ชั้นวางของฝั่งด้านข้างเตียงตรงนี้ก็ยังได้มาอยู่

ถึงแม้จะมีขนาดของห้องนอนใหญ่ขึ้น แต่โครงการก็ยังให้เป็นเตียง Queen Size อยู่นะครับ

โดยสิ่งที่ Add เพิ่มเข้ามาคือ เฟอร์นิเจอร์ส่วนนี้นั่นเอง ด้วยพื้นที่ส่วนของห้องนอนที่ยาวเพิ่มขึ้น ทำให้ได้พื้นที่ข้างเตียงฝั่งติดกับหน้าต่างมุม Bay Window นั้นเป็นมุมนั่งเล่นแบบจริงจังส่วนที่สองในห้องนอนได้

ซึ่งผมลองมานั่งที่โซฟาเล็กส่วนนี้ริมเตียง เอฟเฟคของแสงธรรมชาตินั้นดีมาก ช่องเปิดที่กว้างเต็มผนังทั้งหมด ซึ่งถ้าใครเลือกตำแหน่งห้องที่ได้วิวดีๆ ก็จะได้มุมมองที่ดีและประโยชน์จาก Bay Window ตรงนี้ได้สูงสุดเช่นกันด้วย

Image 1/12
_A-1A

_A-1A

ส่วนนี่เป็นแปลนห้องแบบอื่นๆในโครงการ ที่นอกเหนือจากห้องตัวอย่างครับ ใครสนใจไซส์ไหนก็ลองดูครับ แต่ทุกๆห้องจะมีส่วนที่บิดรูปเหลี่ยมอาคาร เพื่อก่อให้เกิด Bay Window ในห้องนอนอยู่เหมือนกันทุกแบบครับผม

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 4 October 2018

  • 1 Bedroom 24.69 – 33.35 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus 41.52 ตร.ม. 
  • 2 Bedrooms 44.51 – 47.22 ตร.ม. 
  • ราคาห้องเริ่มต้นประมาณ 2.5 ล้านบาท
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตรประมาณ 92,500 – 110,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished / เฟอร์นิเจอร์ Built-In และลอยตัว / แอร์ 2 ตัว
  • ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร / ส่วนครัว 2.40 เมตร
  • Kitchen & Sink + Hob & Hood
  • Shuttle Bus ไปกลับ BTS พระโขนง (ยังไม่ระบุรายละเอียดอื่นๆเพิ่ม)
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 60,000 บาท
  • ดาวน์รวมประมาณ 15%
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล ย่านพระโขนงถือเป็นทำเลที่อยู่ระหว่างในเมืองและนอกเมือง สภาพแวดล้อมโดยรอบมีลักษณะเป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่มีความเจริญ และ ความอุดมสมบูรณ์อยู่พอสมควร มีความหนาแน่นของประชากรสูง และเป็นทำเลที่เริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัย เนื่องมาจากราคาค่าเช่าในย่านสุขุมวิทตอนต้นและตอนกลางปรับสูงขึ้นมากในช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมา ที่อยู่อาศัยส่วนมากมีลักษณะเป็นตึกแถวและอาคารพาณิชย์ที่มีร้านค้าเป็นหน้าร้าน . ซึ่งทำที่ตั้งของโครงการจะอยู่ติดซ.ปรีดีพนมยงค์ 2 ไปทางท้ายซอยที่จะออก(เลียบทางด่วนฉลองรัช)

ความอุดมสมบูรณ์ รอบโครงการถือว่าเป็นทำเลเฉพาะของสตรีทฟู๊ดเลยครับ ทั้งในซ.ปรีดีฯ2 และเดินเข้าซอยแสงทิพย์ข้างๆโครงการก็มีตลาดพระโขนงอยู่ หรือถ้าเราออกจากโครงการไปทางขวา ลอดใต้ทางด่วนยูเทิร์นไปเข้า T77 ก็จะมีคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่อย่าง Habito Mall. อีกอย่างบนซอยสุขุมวิท 71 (ปรีดีพนมยงค์เส้นหลักด้านหน้า) ตามสองฝั่งข้างทางตั้งแต่สุขุมวิทไปจนถึงกลางๆซอย มักจะเป็นร้านอาหารต่างๆให้เห็นพอสมควรเลยครับ เมื่อก่อนคนนี้แถวมักจะมาพึ่งพิง Max Valu Supermaket และมี Makro มาเปิดใหม่อยู่ตรงข้ามด้วย ส่วนใครอยากได้ห้างใหม่ๆรวมทั้งคอมมูนิตี้มอลล์บนเส้นสุขุมวิทก็มากันเพิ่มทั้ง Sunmmer Hill, W Market, Century Movie Plaza, The Phyll เป็นต้น

การเดินทางด้วยรถส่วนตัว ถ้าเรามาจากถนนหลักด้านนอกอย่างสุขุมวิท เราจะมีตัวเลือกในการกลับเข้าบ้านมายังโครงการได้ 2 ออฟชั่นครับ คือเข้าที่ซอยสุขุมวิท 71 (ปรีดีพนมยงค์) และออฟชั่นที่สอง บนทางคู่ขนาดของทางด่วนแต่ยังไม่ถึงด่านจ่ายเงินก็กลับรถมาเข้าซ.ปรีดีฯ 2 ได้เลย และออฟชั่นเสริมคือการใช้ถนนลัดเลาะพิเศษผ่านที่ดินขนาดใหญ่ T77 ของแสนสิริ (ที่มี Habito Mall อยู่) ตัดผ่านในการสัญจรได้ แต่จะมีการเก็บค่าผ่านทาง 20 บาท ซึ่งถ้าในชั่วโมงเร่งด่วน ผมว่ายอมจ่ายเพื่อซื้อเวลา คุ้มค่าแน่นอนครับ / สุดท้ายคือเรื่องทางด่วนที่โครงการจะสะดวกมากๆหากใครใช้ขึ้นเหนือไปทางพัฒนาการ พระราม 9 และก็ประชาอุทิศ-เหม่งจ๋าย-ทาวน์อินทาวน์ โซนพวกนั้นครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถ้ามองจากระยะทางเดิน 850 เมตร ผิวเผินก็ถือว่าไกลใช้ได้ครับ แต่มามองเรื่องการต่อรถอื่นๆดีกว่า เริ่มจากด้านหน้าโครงการในซอยปรีดีฯ 2 มีวินอยู่เดินนิดเดียว และก็เส้นนี้เป็นเส้นที่คนใช้สัญจรลัดเลาะเยอะ ทำให้มี Taxi วิ่งผ่านหน้าโครงการอยู่ด้วยพอสมควร รอไม่นานครับ และสุดท้ายตัวโครงการจะมีรถ Shuttle Bus รับส่งไปที่ BTS พระโขนงอยู่ด้วย(แต่ไม่ได้ระบุจำนวนคัน จำนวนรอบมาให้)

การออกแบบ หน้าตาอาคารเป็นโทนสว่างสีขาวกรุตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน มีความพิเศษคือออกแบบให้ แต่ละอาคารวางไว้ชิดกับแนวรั้วกำแพงของขอบเขตที่ดิน เพื่อที่จะได้เกิดพื้นที่โล่ง Court ใจกลางกลุ่มอาคาร และทำเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลัก และมีการบิดผนังห้องให้เกิดเหลี่ยมมุมใหม่กลายเป็น BayWindow ในห้องนอนได้รับองศาของวิวที่มีอิมแพ็คมากกว่า, ส่วนรูปแบบของห้องที่นี่จัดมาได้ลงตัวทีเดียว เนื่องด้วยการที่เค้าให้เฟอร์นิเจอร์มาเบ็ดเสร็จ ทำให้มีการคิดมาให้แล้ว ไม่มีพื้นที่เสียเปล่าเท่าไร ให้ความสำคัญของพื้นที่ห้องนอนและช่องแสงในห้องนอนนี้ด้วย โดยรวมแล้วจัดฟังก์ชั่นในห้องได้ดีเลย

วัสดุ ค่อนข้างคุ้ม เพราะที่นี่ขายแบบ Fully Furnished ได้ทั้งเฟอร์ Built-In และลอยตัว ฉากกั้นห้องสูงเต็มเพดาน 2.50 เมตร หน้าต่างช่องแสงค่อนข้างใหญ่(ซึ่งในส่วนของห้องนอนได้ช่องแสงแบบเต็มผนังกว้างxยาวเลย) ได้ครัวปิดมีที่เก็บของเยอะ และ Hob&Hood ของ Hafele, ฉากกั้นอาบน้ำแอร์ 2 ตัวพื้นกระเบื้องไวนิล, แกรนิตโต้โซนครัวและห้องน้ำ โดยรวมถ้าเทียบกับราคาที่จ่ายถือว่าคุ้มค่ากับราคา

สาธารณูปโภค ให้มาเหมาะสมกับจำนวนยูนิต(515 ยูนิต นี่เทียบเท่า High Rise ได้แล้วนะครับ)  Main Facility ของโครงการนี้ ถูกจัดตำแหน่งไว้ตรงกลางของกลุ่มอาคารอย่างที่บอก ซึ่งหลักๆเด่นๆคือมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ 4-6 x 25 เมตร แยกสระเด็ก และก็มีอาคาร ClubHouse ที่อยู่ตรงกลาง ด้านในมีฟังก์ชันต่างๆหลากหลายที่อิงกับการใช้งานหลักๆยุคนี้ แต่ละอาคารมีล็อบบี้ของตัวเอง แต่ล็อบบี้อาคาร A จะเด่นสุดเพราะอยู่ด้านหน้าทางเข้า เลยได้เป็นแบบ Double Volume ครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 92,500 – 110,000 บาท/ตร.ม., 4 October 2018

  • ทำเล 7.75/10 – อยู่ในซอย(ท้ายซอย) แต่เป็นทำเลเฉพาะ ที่เด่นเรื่องสตรีทฟู๊ด ใกล้ตลาด มินิมาร์ท แหล่งของกิน
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – มีทางลัดเลาะ เข้าออกได้หลายทางเพื่อหนีรถติดได้ หรือผ่านT77 ไปอ่อนนุช, ใช้ทางด่วนขาขึ้นง่าย
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ไม่ได้อยู่ในระยะเดินไปรถไฟฟ้า, แต่มี Shuttle Bus ไป BTS, ด้านหน้าโครงการใกล้ๆมีวินและเรียก Taxi ไม่ยากนัก
  • วัสดุ 8.25/10 – ได้แบบ Fully Furnished เยอะชิ้น จัดเต็ม ช่องแสงห้องนอนใหญ่สะใจ
  • แบบ 8.25/10 – แบบอาคารมีการบิดผนังเพื่อให้เกิด Bay Window ในห้องนอน, รูปแบบห้องเน้น 1 ห้องนอน แบ่งฟังก์ชั่นครึ่งๆเข้าใจง่าย เป็นสัดส่วน ครัวปิด การใช้งานลงตัว
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – ด้วยจำนวนยูนิตกับสิ่งที่ได้มาถือว่ามาตรฐาน แต่ว่าจัดได้ค่อนข้างน่าใช้งานทีเดียว
  • UPPER CLASS
  • 7.87 / 10.00

BOTTOM LINE

The Nest สุขุมวิท 71 เหมาะสำหรับคนที่กำลังหาที่อยู่ไม่ไกลจาก Mid Sukhumvit มากนัก แต่มีงบไม่มากเลยต้องเลือกมาในซอยหน่อย แต่ทำเลนี้เป็นทำเลตำแหน่งเฉพาะที่ไม่ได้ใกล้รถไฟฟ้า(แต่ก็ไปได้ไม่ยากมีตัวเลือกเสริม) อีกทั้งเป็นแหล่งสตรีทฟู๊ดรถเข็นอาหารการกินสูงมาก ใช้เดินทางด้วยรถยนต์ก็ได้สะดวก ได้ห้องแบบยกกระเป๋าเข้าอยู่ได้ไม่ต้องเสียเวลาแต่ง มีส่วนกลางให้ใช้ในตัว มีงบประมาณระดับ 2.5 – 4.8 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 17,500 – 33,600 บาท/เดือน