รีวิวโครงการ

The Sneak EP.55 – The Line พหลฯ – ประดิพัทธ์

14 ธันวาคม 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1204 … สวัสดีค่ะ วันนี้ขอพาไปชม The Line ตัวใหม่ที่พึ่งเปิดขายกันไปไม่นาน จากแสนสิริที่ร่วมมือกับบีทีเอสกรุ๊ป กับโครงการ The Line พหลฯ – ประดิพัทธ์ คอนโด High Rise สูง 46 ชั้น บนถนนประดิพัทธ์ มาพร้อมแนวความคิด Positivity is Everything ตอบโจทย์ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ ทั้ง Facilities แบบจัดเต็ม และอิงแนวรถไฟฟ้าสถานีสะพานควาย 550 ม. จะเป็นอย่างไรเราไปชมโครงการพร้อมๆ กันเลยค่ะ 

 

Fact @ 27 October 2016

  • The Line Phahon – Pradipat (เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์)
  • บจ.บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง ทเวลฟ์
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : พญาไท
  • คอนโด High Rise 46 ชั้น 1 อาคาร คลับเฮ้าส์ สูง 2 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องพักอาศัย 981 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 29 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 50% รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 5 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : มกราคม 2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มกราคม 2563
  • 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 26.25 – 28.50 ตร.ม.
  • 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 30.50 – 40.75 ตร.ม.
  • 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 51.50 – 51.75 ตร.ม.
  • 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 54 – 67 ตร.ม.
  • 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 79 – 111.50 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.55 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 155,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS สะพานควาย ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ BTS สะพานควาย
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1685

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.790398, 100.545904

โดยทาง Think Of Living ได้ไปเดินเก็บข้อมูลทำเลกันไปก่อนหน้าแล้วนะคะ สำหรับใครที่ต้องการอ่านทำเลเพิ่มเติม (คลิกที่นี่)

ที่ตั้งโครงการ The Line พหลฯ – ประดิพัทธ์ ตั้งอยู่บนถนนประดิพัทธ์ฝั่งวิ่งเข้าถนนพหลโยธิน ระหว่างซอยประดิพัทธ์ 19 และ 21 ห่างจากแยกสะพานควายไปประมาณ 170 ม. และห่างจาก BTS สะพานควาย 550 ม. สภาพแวดล้อมโดยรอบในย่านนี้เป็นบรรยากาศทำเลค้าขายดั้งเดิมมีคนอยู่เยอะเต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์ติดถนน และจะมีซอยย่อยมากมายกระจายอยู่ เต็มไปด้วยบ้านพัก อพาร์ทเมนท์ โรงแรม และคอนโดมิเนียม เป็นชุมชุนพักอาศัยเก่าแก่ที่ค่อนข้างจะหนาแน่นอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ในย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมาก เนื่องจากมีคนอยู่เยอะ จึงจะเห็นร้านค้า ร้านอาหาร และมินิมาร์ท กระจายอยู่แทบจะทุกปากซอยเลยค่ะ

หลังจากอ่านทำเลกันมาแล้ว ในรีวิวฉบับนี้จะขอข้ามไม่เขียนซ้ำนะคะ ผู้อ่านจะได้ไม่เบื่อกันไปก่อน เดี๋ยวเรามาดูวิวโครงการกันก่อนเลยนะคะ เริ่มจากทิศเหนือกันเลย

ทิศเหนือนี้เป็นทิศที่เปิดโล่งมากๆ หันหน้าไปทางสวนจตุจักร โดยภาพนี้จะอยู่ที่ความสูง 85 ม. ก็ราวๆ ชั้นที่ 30 บวกลบชั้นได้อีกนิดหน่อยก็จะได้วิวนี้เลยค่ะ

เพิ่มความสูงชั้นขึ้นมาอีกที่ความสูง 146 ม. จะสามารถมองเห็นสวนจตุจักรไกลๆ แบบนี้เลยค่ะ สำหรับวิวแบบนี้จะอยู่ที่ความสูงชั้นประมาณชั้นที่ 40 ขึ้นไปนะคะ

ในทิศตะวันออกเป็นทิศที่หันหน้าไปทางถนนพหลโยธินเลยไปทางแถบสุทธิสารเลยไปถึงวิภาวดีรังสิตค่ะ

สำหรับฝั่งนี้ก็จะเห็นตึกสูงเยอะหน่อยนะคะ เป็นอารมณ์ City View มากกว่าทิศเหนือหน่อย แต่ก็ได้วิวมุมกว้างเช่นกันนะคะ เพราะไม่มีตึกสูงมาบังในระยะประชิด

ขยับสูงขึ้นไปที่ 146 ม. เช่นเดิมวิวจะเลยข้ามตึกสูงบนถนนพหลโยธินไปเกือบหมดเลย มองได้ไกลเลยไปถึงเส้นขอบฟ้าเลยค่ะ

มาทางทิศใต้กันบ้างนะคะ ทางทิศนี้จะหันหน้าไปทางถนนประดิพัทธ์เลยไปแถบอารีย์

ในความสูงประมาณ 85 ม. นี้โดยรวมได้วิวที่เปิดโล่งเพราะแถบกลางๆ ซอยส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นอาคารแนวราบ หรือเป็นอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้นกันอยู่ และสำหรับวิวนี้จะเห็นตึกสูงเด่นๆ เลยคือโครงการบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง Rhythm พหล-อารีย์ ที่มีความสูง 53 ชั้น

ยกชั้นขึ้นมาสูงอีกหน่อยวิวก็จะเปิดโล่งมากขึ้นไปอีก

และทิศสุดท้ายคือทิศตะวันตก สำหรับทิศนี้จะหันหน้าไปทางถนนพระราม 6

บรรยากาศของวิวในทิศนี้จะเห็นบรรยากาศบนถนนประดิพัทธ์เป็นส่วนใหญ่และเลยออกไปไกลๆ ถึงบริเวณถนนพระราม 6 เลย วิวนี้ส่วนใหญ่จะเห็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถว และโครงการแนวราบมากหน่อย จะมีโดดๆ ออกมาให้เห็นชัดๆ คือโครงการคอนโดมิเนียมในซอยเดียวกันอย่าง LPN พหล-สะพานความที่มีความสูง 29 ชั้น

ขึ้นมาสูงที่ความสูง 146 ม. วิวที่เห็นก็จะเปิดโล่งมากๆ มองได้ไกลถึงขอบฟ้าสุดสายตาเลยค่ะ เป็นอย่างไรบ้างคะกับวิวของโครงการนี้ ชอบวิวด้านไหนกันบ้าง? จริงๆ โดยรวมแล้วก็เลือกได้ทุกทิศนะคะ เพราะก็ไม่มีทิศไหนที่โดนบล็อกวิวในระยะประชิดเลย ยกเว้นทางทิศใต้ที่จะเห็น Rhythm ชัดหน่อย

**ใครสนใจสามารถเข้าไปลองเล่นดูวิว 360 องศา ความสูง 4 ระดับ ได้ที่ Offcial Website โครงการ “คลิกที่นี่”

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • บิ๊กซี สะพานควาย   ~400 เมตร
  • โรงพยาบาลเปาโลเมมโมเรียล ~500 เมตร
  • ตลาดนัดสวนจตุจักร  ~1.4 กม.
  • La Villa อารีย์  ~1.6 กม.
  • โรงพยาบาลวิชัยยุทธ  ~2.2 กม.
  • โรงพยาบาลพญาไท 2  ~2.6 กม.
  • อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  ~3.3 กม.
  • ยูเนี่ยนมอลล์  ~3.6 กม.
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว  ~4.1 กม.
  • เมเจอร์ รัชโยธิน  ~5.1 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Line พหลฯ – ประดิพัทธ์ คอนโด High Rise สูง 46 ชั้น พร้อม Club House 2 ชั้น บนเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 5 ไร่ ด้วยจำนวนยูนิตทั้งหมด 982 ยูนิต (คิดเป็นห้องพักอาศัย 981 ยูนิต และ 1 ร้านค้า) การออกแบบของโครงการออกมาในสไตล์ Modern Luxury เน้นโทนสีขาวสะอาดเป็นโทนที่เด่นสะดุดตาและมีเอกลักษณ์แตกต่างจากซีรีย์ The Line ที่เคยคุ้นตา ซึ่งออกแบบมาภายใต้แนวคิด Positivity is Everything , Location is Everything

a1-down1

แนวความคิดของโครการ : เพิ่มความสะดวกสบายทุกการเดินทาง เลือกเดินทางได้หลากหลาย เดิน 550 ม. ถึงรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควาย และไม่ไกลจาก MRT จตุจักร รวมทั้งยังอยู่ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน เพิ่มทางเลือกให้ทุกไลฟ์สไตล์ เติมเต็มทุกความสุขในย่านที่มีครบ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารสูตรดั้งเดิมที่อยู่คู่ทำเลมาอย่างยาวนาน, Street Food และสถานที่แฮงค์เอาท์หลายแนว พร้อมด้วยคอมมูนิตี้มอลล์, ร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าที่พร้อมให้คุณใช้ชีวิตได้ตามไลฟ์สไตล์ ในแบบที่ชอบ”

จากแนวความคิดของโครงการและรูปที่สื่อถึงนั้นจะเห็นว่า แสนสิริค่อนข้างเน้นไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของคน ซึ่งจะเห็นว่าโครงการนี้ค่อนข้างตอบโจทย์คนยุคใหม่ ตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน ที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นชีวิตทำงานไปจนถึงครอบครัวขยายขนาดเล็กๆ พ่อแม่ลูก ที่เน้นการเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า มี Facilities ครบครัน และอยู่ในแหล่งความอุดมสมบูรณ์สูง

เดี๋ยวเราจะขอเริ่มต้นจาก Model เพื่ออธิบายภาพรวมโครงการกันก่อนนะคะ แล้วค่อยเจาะ Detail แต่ละจุด และสุดท้ายจะพาไปดูส่วน Club House และ Secret Garden ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรนะคะ สำหรับโครงการนี้ตั้งอยู่บนที่ดินทั้งหมดประมาณ 5 ไร่ แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือส่วนพักอาศัยเป็นอาคารสูง 46 ชั้น และ Club House สูง 2 ชั้น สำหรับ Facilities นอกจาก Club House แล้วยังมีอยู่ในส่วนพักอาศัยด้วยนะคะ ไล่ตั้งแต่ชั้น 9 จะเป็นชั้น Facilities หลักของโครงการ ขึ้นมาที่ชั้น 35 มีส่วน Kid’s Yard หรือสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง และชั้นบนสุดคือชั้น 46 จะมี Sky Lounge ให้ได้นั่งเล่นพร้อมชมวิวมุมสูง

รูปที่แล้วอาจจะเห็น Sky Lounge ไม่ถนัดนัก เพราะห้องนี้จะอยู่ด้านหลังหรือทิศตะวันตกของโครงการนะคะ

จากทางเข้า-ออกโครงการ ถนนจะผ่ากลางระหว่างส่วน Club House + Secrect Garden และอาคารพักอาศัยชัดเจน ตรงเข้ามาในโครงการเล็กน้อยทางซ้ายมือจะเป็นจุด Drop-Off เพื่อเข้าไปยัง Lobby โครงการนะคะ จากนั้นขับรถตรงไปเพื่อขึ้นอาคารจอดรถหรืออ้อมอาคารไปทางซ้ายก็มีที่จอดรถกลางแจ้งรองรับอยู่ค่ะ

ส่วนชั้น 9 บริเวณ Facilities นั้นประกอบไปด้วยสระซึ่งแบ่งเป็น 3 สระ คือ Swimming Pool, Leisure Pool, Kid’s Pool และภายในอาคารก็จะมีทั้งห้อง Fitness, Multi-Area, และห้องน้ำแยกหญิง-ชาย ห้องซาวน่าพร้อม Stream ในตัวค่ะ

ขึ้นมาส่วนชั้นพักอาศัยกันต่อ บริเวณด้านข้างอาคารก็ทำเป็น Pocket Garden ปลูกต้นไม้ให้ ซึ่งก็สามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ระดับนึง อย่างน้อยห้องที่อยู่ใกล้ๆ เวลานั่งชมวิวก็ยังมีพื้นที่สีเขียวให้ได้พักสายตาหรือรู้สึกผ่อนคลายได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ความสวยงามของ Pocket Garden นั้นก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและแสงแดดที่เพียงพอด้วยนะคะ

เดี๋ยวเรามาดูส่วน Club House ของโครงการกันต่อเลยนะคะ โดยปัจจุบันส่วน Club House นี้ได้ทำเป็นส่วน Sales Office และห้องตัวอย่าง ซึ่งเราจะพาไปดูภาพรวมๆ ประกอบกับภาพ Perspective และแปลนไปพร้อมๆ กันนะคะ เริ่มจากบริเวณด้านหน้าของ Club House นี้จะตกแต่งเป็นรูปทรงเรียบง่ายแต่เน้นไปที่ Facade สีทองแดงที่มีลูกเล่นของการฉลุจากที่เห็นนะคะ ซึ่งก็ดูสวยงามดีนะคะ แต่นอกเหนือจากความสวยงามแล้วก็คือตัว Facade นี้ก็สามารถช่วยบังสายตาจากภายนอกได้ดี แต่ก็ยังได้รับแสงธรรมชาติจากรอยฉลุของ Facade อยู่ด้วย

ซูม Master Plan มาเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางกันก่อนนะคะ โดยส่วนนี้จะประกอบไปด้วย Club House และ Secret Garden ภายในส่วน Club House ชั้นล่างนี้จะมีร้านค้า 1 ยูนิต อยู่บริเวณด้านหน้าติดถนนประดิพัทธ์ ซึ่งเฉพาะส่วนร้านค้านี้ทางแสนสิริจะเป็นผู้ดูแลในระยะแรกก่อน ถัดมาก็จะเป็นส่วนห้องน้ำ และด้านข้างมีห้อง BBQ Area เชื่อมกับส่วน Terrace ซึ่งลูกบ้านสามารถมาปาร์ตี้ปิ้งย่าง ชมวิวสวนแบบนี้ได้เลย แต่อาจจะต้องมีการจองไว้ก่อนล่วงหน้านะคะ

มาดูที่ภาพจาก Perspective กันหน่อยจะมองเห็นภาพง่ายมากขึ้นนะคะ จากรูปด้านนี้ของ Club House นั้นมองมาจากฝั่งคอนโด โดยด้านขวานั้นจะเป็นถนนประดิพัทธ์ค่ะ สำหรับชั้น 1 อย่างที่อธิบายไปก่อนหน้าแล้วว่าจะมีส่วนร้านค้า 1 ยูนิต และส่วน BBQ Area+Terrace นะคะ ในส่วนของชั้น 2 นั้นจะเป็นพื้นที่ Private ขึ้นมานิดนึง คือจัดให้เป็นพื้นที่ Co-Working Space และ Theater ส่วนชั้นดาดฟ้านั้นมีพื้นที่สวนหย่อมให้ได้เดินเล่นพักผ่อนกันด้วยค่ะ เดี๋ยวเราลองไปดู Perspective ในแต่ละส่วนพร้อมพาไปชมบริเวณส่วน Club House กันต่อเลยค่ะ

ภาพทัศนียภาพจำลองส่วน Secret Garden ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากสวน New York

ทัศนียภาพจำลองบรรยากาศจากส่วน Terrace ที่มีชุดโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งเล่นชมวิวสวนและน้ำตก

มาดูหน้าตาสวนของจริงกันบ้าง ซึ่งจัดมาให้ดูสวยงามและร่มรื่นดีทีเดียวค่ะ ซึ่งสวนนี้พึ่งจะเสร็จให้ชมไปหมาดๆ เลย ใครแวะไปดูโครงการอย่าลืมไปดูมุมสวนนี้ด้วยนะคะ

ตลอดทางเดินของสวนก็จะมีที่นั่งไว้ให้

ส่วนพวกชุดโซฟาใหญ่ๆ เลยจะมีอยู่ 2 จุดค่ะ ตอนไปถ่ายนี่โซฟาอีกชุดกำลังแกะพลาสติกกันอยู่เลยทีเดียว เลยเก็บภาพโซฟามาให้ดูชุดเดียวก่อนนะ จริงๆ ก็หน้าตาเหมือนกันเลยค่ะ

และที่เป็น Hilight ของสวนนี้เลยก็คือจุดนี้ค่ะ ที่ทำเป็นน้ำตกแบบเล่นระดับ ใครมาโครงการอย่าลืมมาลองนั่งเล่นชมสวนและฟังเสียงน้ำตกกันด้วยนะ

ถัดจาก Secret Garden จะเป็นทางเข้าส่วน Club House แล้วค่ะ โดยทางโครงการได้ทำทางเชื่อมเอาไว้ด้านข้างแล้วเรียบร้อย และมีประตูบานหมุนกั้นระหว่าง Club House และสวนเรียบร้อยเผื่อวันไหนต้องการจะปิดสวนเพื่อปรับปรุง หรือกั้นพื้นที่ให้มีความ Private

จากสวนทางซ้ายนี้เราจะไปดูส่วนร้านค้ากันต่อนะคะ

โดยปัจจุบันร้านค้านั้นทำเป็นพื้นที่ Sales Office อยู่ โดยในอนาคตทางแสนสิริจะเป็นผู้หาร้านค้ามาลงและดูแลเองค่ะ

ออกมาจากส่วน Sales Office แล้วอีกด้านจะมีลิฟต์และบันไดวนขึ้นไปชั้น 2 ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง และส่วน BBQ Area + Terrace

ปัจจุบันห้อง BBQ Area + Terrace นี้ทำเป็นห้อง Staff ชั่วคราว ดังนั้นเลยเอาภาพบรรยากาศจำลองมาให้ดูกันก่อนนะคะ ภายในห้องวาง Island ยาวไว้ให้เป็นโต๊ะสำหรับเตรียมอาหาร และด้านหลังมี Hob & Hood รวมทั้งเตาอบต่างๆ เตรียมไว้ให้ด้วย

เข้ามาดูห้องน้ำกันต่อนะคะ ในส่วนของห้องน้ำแยกชาย-หญิง ในชั้นล่างไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก อย่างที่ถ่ายมาให้ดูก็จะเป็นภายในห้องน้ำหญิง มีห้องน้ำทั้งหมด 2 ห้อง และอ่างล้างมือ 2 ที่

ขึ้นมาชั้น 2 มีส่วน Co-Working Space ขนาดพอสมควรสามารถรองรับจำนวนที่นั่งได้ประมาณ 30 – 40 คน ส่วนอีกฝั่งเป็นห้อง Theater ค่ะ โดยลูกบ้านที่จะเข้ามาใช้งานก็จะต้องจองไว้ก่อนล่วงหน้านะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ได้ทั้งลิฟต์และบันไดวนเลย ด้านขวาเป็นส่วน Theater ซึ่งปัจจุบันทำเป็นห้องตัวอย่าง

ตรงกลางเป็นทางเชื่อมขนาดใหญ่ มีที่นั่งไว้ให้ 3 ตัวด้านข้างทางเดิน

ส่วนอีกด้านเป็นห้อง Co-Working Space ทั้งหมดค่ะ แต่ปัจจุบันพื้นที่นี้ก็ใช้เป็นห้องตัวอย่างกันไปก่อนค่ะ

ถ้าอย่างงั้นเราก็มาดู Perspective กันก่อนนะคะ บรรยากาศภายใน Co-Working Space ให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยการตกแต่งโดยใช้ไม้และโทนสีไม้เป็นหลัก มีจุดเด่นที่ Green Chanderia ขนาดใหญ่ตรงกลางเลย

ภายในวางชุดโซฟาและโต๊ะเก้าอี้ไว้หลายชุดเพื่อรองรับลูกบ้านให้เพียงพอระดับนึง

ภายในมีแบ่งโซนเล็กๆ กั้นด้วยประตูบานหมุนกระจก ภายในโซนนี้วางแต่ชุดโซฟายาวเลย เผื่อใครอยากนอนเล่นอ่านหนังสือชิวๆ หรือมานั่งเล่น คุยงานกันก็ได้ค่ะ

และชั้นดาดฟ้านั้นทำเป็น Roof Garden คือจัดเป็นสวนหย่อม พื้นที่นั่งเล่นและทางเดิน ให้ได้เดินเล่นกันชิวๆ ค่ะ ^^

มาดูที่ Master Plan กันต่อนะคะ แล้วเราจะไล่ขึ้นไปทีละชั้นกันนะคะ เริ่มจากทางเข้า-ออกโครงการมีเพียงจุดเดียวคือหน้าถนนประดิพัทธ์เลย ตรงเข้ามาเล็กน้อยเลี้ยวซ้ายเป็นส่วน Drop-Off เพื่อเข้าสู่ Lobby นะคะ ส่วนการเดินรถจะวนรอบโครงการได้และที่จอดรถในชั้นนี้มีทั้งหมด 2 จุดคือส่วนด้านหลังโครงการและด้านข้างที่เป็นพื้นที่จอดรถแบบ Outdoor สำหรับที่จอดรถของโครงการคิดเป็น 49% รวมจอดซ้อนคันนะคะ ถือว่าให้มาระดับนึงไม่มากนัก พอหักลบกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกได้อยู่ เข้ามาภายในอาคารแบ่งเป็น 3 ส่วนชัดเจนคือส่วน Lobby ด้านหน้าที่เชื่อมกับโถงลิฟต์, Back Of House ด้านข้างมีพื้นที่ Loading ของได้ และส่วนที่จอดรถด้านหลังโครงการค่ะ

ภายใน Lobby ดูโอ่โถงมากๆ ด้วยฝ้าเพดานที่สูงแบบ Triple Volume และได้กระจกแบบ Ceiling Height การตกแต่งภายในเน้นเรียบง่ายและหรูหรา ด้วย Material ไม้และการเล่นลวดลายสีทอง

ส่วนห้องพักจะเริ่มต้นที่ชั้น 6 นะคะ โดยมีจำนวนห้องพักในชั้นนี้ทั้งหมด 11 ยูนิต และอีกฝั่งเป็นส่วนที่จอดรถ ใครเลือกชั้นนี้อาจจะเสียเปรียบเรื่องวิวไปบ้างแต่ก็แลกกับมีความหนาแน่นของชั้นน้อยหน่อยและขับรถขึ้นมาจอดที่ชั้นนี้ก็เข้าส่วนโถงทางเดินได้เลย

ส่วนชั้น 7-8 จะขอข้ามนะคะ เพราะมีหน้าตาและการจัดวางแปลนคล้ายกับชั้น 6 เลย เราจะพาขึ้นมาที่ชั้น 9 กันเลย ชั้นนี้จะเป็นชั้นพักอาศัยและ Facilities หลักบนอาคารของโครงการค่ะ เดี๋ยวจะขอพูดถึงส่วนห้องพักอาศัยในชั้นนี้ก่อนพูดเรื่อง Facilities ต่อนะคะ สำหรับส่วนพักอาศัยนี้แบ่งเป็น 2 ฝั่ง โดยกั้นด้วย Double Access ชัดเจน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านมากขึ้น รวมทั้งลูกบ้านในชั้นอื่นๆ ที่จะมาใช้ Facilities ในชั้นนี้ก็ถูกแยกทางเข้าส่วน Facilities ไว้เรียบร้อย ดังนั้นใครที่ชอบใช้ Facilities ต้องการความสะดวกในการใช้งานก็สามารถเลือกชั้นนี้ได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องความวุ่นวายหรือไม่เป็นส่วนตัว

ในส่วน Facilities ชั้นนี้จะประกอบไปด้วย

  • Swimming Pool ยาว 30 ม. ระบบเกลือ
  • Leisure Pool
  • Kid’s Pool
  • Fitness
  • Multi-Area
  • ห้องน้ำพร้อมซาวน่า + Steam แยกชาย-หญิง

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำยาว 30 ม. ใช้ออกกำลังกายได้สบายๆ ด้านข้างวาง Day Bed ให้สำหรับนอนเล่นมีปลูกต้นไม้เป็นร่มเงาให้ด้วย เผื่อสาวๆ กลัวผิวดำกัน หรือใครจะมาว่ายน้ำและนอนเล่นมีต้นไม้บังแสงให้ก็ไม่แยงตาดีค่ะ

 

ในชั้น 10 – ชั้น 34 จะเป็นชั้นพักอาศัยเต็ม Floor แล้วนะคะ ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีการจัดวางแปลนประมาณนี้แต่อาจจะมีส่วน Exterior ด้านนอกที่แตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อยค่ะ สำหรับชั้น Typical Floor Plan นี้จะมียูนิตทั้งหมด 29 ยูนิต ลักษณะการวางอาคารจะเป็นแนวยาวและโอบล้อมส่วนสระว่ายน้ำไว้ ในส่วนของตำแหน่งลิฟต์โดยสารนั้นอยู่ค่อนไปทางซ้ายเล็กน้อยก็ทำให้ห้องฝั่งขวามีระยะเดินไกลหน่อย เมื่อเทียบกับห้องฝั่งซ้ายนะคะ ในส่วนของอัตราส่วนลิฟต์นั้นจะอยู่ที่ 163.5 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นสูงเหมือนกันนะ

สำหรับบางชั้นจะมี Pocket Garden ติดกับส่วนลิฟต์ Service ทำเป็นพื้นที่ Green Area เล็กๆ ไว้ปลูกไม้ยืนต้น ซึ่งเราก็ได้เห็นจากใน Model กันไปก่อนหน้านี้แล้วนะคะ ส่วนการดูแลรักษาต้นไม้ก็ไม่อยากเพราะมีพื้นที่เชื่อมเข้ากับโถงทางเดินเลย แม่บ้านจะไปรดน้ำต้นไม้หรือตัดแต่งกิ่งก็ง่ายค่ะ

และใครที่มองหาห้องใหญ่สุดของโครงการ อย่างห้อง 3 Bedroom 111.5 ตร.ม. นั้นจะไม่ได้อยู่ในชั้นบนสุดนะคะ แต่มีกลับมีให้เลือกอยู่หลายชั้นนะคะตั้งแต่ Level ล่างๆไปจนถึง Level สูงเลย แต่ตำแหน่งห้องก็จะอยู่ในทิศใต้หันไปทางย่านสะพานควาย ใครซื้อในชั้นล่างๆ หน่อยก็จะได้วิวสระว่ายน้ำไปด้วย

ชั้น 35 จำนวนยูนิตจะน้อยลงไปอยู่ที่ 14 ยูนิตนะคะ และชั้นนี้ก็มี Kid’s Yard เพิ่มมาด้วย เดี๋ยวเราไปดู Perspective ส่วน Kid’s Yard กัน

Kid’s Yard เป็นสนามกลางแจ้งพร้อมทั้งสามารถชมวิวมุมสูงได้ด้วย โดยสนามเด็กเล่นนี้ดีไซน์มาโดยเฉพาะให้เด็กๆ ได้สัมผัสกับบรรยากาศภายนอก โดยมีเครื่องเล่นทั้งเนินดินไว้ปีนป่ายได้ และเครื่องเล่นต่างๆ อีกหลายตัวด้วยกัน ส่วนพื้นสนามนั้นปูเป็นพื้นยางไว้ให้กันกระแทกและสามารถลดการบาดเจ็บได้ด้วย เมื่อดูจาก Perspective แล้วเห็นว่าให้พื้นที่มาใหญ่อยู่เหมือนกันนะ พอสำหรับให้เด็กๆ วิ่งเล่นได้พอสมควร การมีสนามเด็กเล่นขนาดพอประมาณไว้ให้วิ่งเล่นได้จริงบนคอนโดตึกสูงแบบนี้ก็ไม่ค่อยจะเห็นมากนักนะคะ ก็ถือว่าโครงการนี้ยังเก็บรายละเอียด Lifestyle ของเด็กๆ ที่ต้องการพื้นที่ไว้วิ่งเล่นได้ดี ตอบโจทย์ทั้งเด็กและผู้ปกครองด้วย

ชั้น 36 – 44 จำนวนยูนิตก็จะน้อยลงนะคะ เพราะตัดแปลนฝั่งซ้ายออกไปแล้ว จำนวนห้องต่อชั้นก็จะอยู่ที่ 20 ยูนิต

ชั้น 45 เน้นขายห้องขนาดใหญ่ 2 Bedroom และ 3 Bedroom

ส่วนชั้น 46 ก็เน้นขายห้องใหญ่เช่นกันค่ะ แต่ตัดห้องมุมห้องนึงออกไปทำเป็น Sky Lounge แทน

สำหรับ Sky Lounge นี้จะอยู่บนชั้นสูงสุดของโครงการ สามารถเปิดรับวิวเมืองในมุมกว้างได้ด้วยกระจกแบบ Ceiling Height สูง 5.6 ม. และการตกแต่งด้านข้างที่กรุด้วยหินอ่อนสลับกับกระจก โดยใช้แนวความคิดที่ว่าเวลาแสงด้านนอกสะท้อนกับกระจกด้านข้างแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกเสมือนว่าพื้นที่นี้ลอยอยู่บนฟ้าได้ ซึ่งถ้าได้กระจกแบบ Frameless เหมือนในภาพจำลองนะจะดีมาก เพราะจะได้บรรยากาศเหมือนในภาพเลยจริงๆ ส่วนภายใน Sky Lounge นี้วางชุดโซฟาและที่นั่งมาให้ประมาณ 4-5 ชุด (จากในทัศนียภาพ) เพื่อรองรับลูกบ้านในทุกๆ ชั้นมาสัมผัสวิวมุมสูงกันได้ค่ะ

 

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • พื้นที่โถงต้อนรับ
  • สวนส่วนกลาง พร้อมพื้นที่สันทนาการกลางแจ้ง และคลับเฮ้าส์
  • สระว่ายน้ำพร้อมจากุซซี่และสระเด็ก
  • ห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์
  • ห้องสมุด
  • ห้องซักผ้า
  • สนามเด็กเล่น ชั้น 35
  • ห้องพักผ่อนเอนกประสงค์ ชั้น 46
  • อินเตอร์เน็ตไร้สายสำหรับโถงต้อนรับ, ส่วนสันทนาการ และคลับเฮ้าส์
  • จุดบริการชาร์ตแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
  • ลิฟท์โดยสาร 6 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 163.5 : 1
  • ลิฟต์ Service 1 ตัว
  • ที่จอดรถ 42% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 49%
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

โครงการ The Line พหลฯ – ประดิพัทธ์ มีรูปแบบการขายคือ Fully Furnished ได้ครบ พร้อมแพ็กกระเป๋าเข้าอยู่เลยค่ะ เป็น The Line ตัวเดียวที่ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบทั้งหมดแบบนี้เลย ขอเกริ่นก่อนว่าเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ของซีรีย์ The Line รุ่นใหม่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวค่ะ จะเห็นว่ามีการทำเฟอร์นิเจอร์แบบ Multi-Function เพื่อสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุดในพื้นที่ห้องที่จำกัดได้ดี สำหรับห้องตัวอย่างนี้จะโชว์เฟอร์นิเจอร์ Built-in มาให้นะคะ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวนั้นมีเป็นรูปมาให้เป็นรูปที่ถ่ายจากกระดาษมาให้ดูกันก่อนค่ะ ส่วนใครที่อาจจะไม่ชอบเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวของโครงการจะไม่เอาก็ได้นะคะ ก็รับส่วนลดไป 1 Bedroom 90,000 บาท, 2 Bedroom 120,000 บาท และ 3 Bedroom 200,000 บาท ค่ะ

ตัวโครงการทำห้องออกมาทั้งหมด 39 Type ตั้งแต่ 1 Bedroom ขนาด 26.25 ตร.ม. – 3 Bedroom 111.50 ตร.ม. ทำให้มีตัวเลือกในการเลือกซื้อค่อนข้างเยอะ ตอบโจทย์คนที่ต้องการอยู่โครงการนี้ในหลายๆ ประเภท ทั้งคนที่ทำงานในละแวกนี้อยู่คนเดียว อยู่กันเป็นคู่ ไปจนครอบครัวขยายพ่อแม่ลูก

  • 1 Bedroom ขนาด 26.25 – 40.75 ตร.ม.
  • 2 Bedroom ขนาด 51.50 – 67 ตร.ม.
  • 3 Bedroom ขนาด 79 – 111.50 ตร.ม.

ห้องแรกที่จะพาไปดูกันคือห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.25 ตร.ม. ค่ะ เป็นขนาดห้องเล็กที่สุดของโครงการ เหมาะกับอยู่ 1-2 คน ถึงแม้จะเป็นห้องขนาดเล็กแต่ภายในจัดฟังก์ชันออกมาได้ครบครันและเป็นสัดส่วนดีค่ะ เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วนครัวและพื้นที่รับประทานอาหารที่เชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่นเลยไปจนถึงระเบียงด้านนอกซึ่งทำให้บริเวณส่วนนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งเพราะได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาเต็มที่ ครัวนี้เป็นครัวเปิดนะคะ ดังนั้นก็จะเหมาะกับคนที่ไม่เน้นทำอาหารมากนัก มักจะกินนอกบ้านอยู่บ่อยๆ หรือซื้อมาอุ่นกินที่บ้าน ลึกเข้ามาส่วนพื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกะทัดรัด สามารถวางชุดโซฟาแบบ 2 ที่นั่งได้ ส่วนระเบียงเป็นระเบียงยาวมีพื้นที่พอสมควรให้นั่งเล่นนอกระเบียง หรือจะซักล้าง ตากเสื้อต่างๆ ก็สะดวก เพราะส่วน CDU แอร์ซ่อนไว้ข้างบนฝ้าเพดานเรียบร้อยไม่เกะกะค่ะ

ภายในห้องนอนนั้นได้กระจกบานใหญ่สูงถึงฝ้าทำให้ห้องนอนดูโปร่งโล่ง และภายในห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พอดีๆ ค่ะ ห้องน้ำนี้จะต้องเข้าจากทางห้องนอนเพียงทางเดียวนะคะ ซึ่งจะสะดวกเวลาใช้งานในชีวิตประจำวัน คือตื่นนอน ลุกไปอาบน้ำ แต่งตัวและออกไปส่วนพื้นที่ครัวกินข้าว ประมาณนี้ แต่ในทางกลับกันถ้าเป็นคนที่ชอบพาเพื่อนฝูงมาปาร์ตี้ที่ห้องบ่อยๆ ก็ดูจะไม่เป็นส่วนตัวมากนักถ้าเวลาเพื่อนจะเข้าห้องน้ำก็ต้องผ่านห้องนอนเข้าไปก่อน

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวของ 1 Bedroom ที่ได้นะคะ มีดังนี้

  • เตียง 5 ฟุตพร้อมโต๊ะข้างเตียง 1 ตัว
  • เก้าอี้สตูลบริเวณพื้นที่รับประทานอาหาร 2 ตัว
  • ชั้นวางทีวีพร้อมชั้นลอย โต๊ะกลางแบบยกท็อปขึ้นมาได้เป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้ หรือจะใช้เป็นโต๊ะกินข้าวก็ได้นะ
  • โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง

เริ่มจากหน้าทางเข้าห้องกันเลยค่ะ สำหรับประตูหน้าห้องนี้เป็นประตูปิดผิวด้วยลามิเนต มีความสูง 2.4 ม. ด้วยความสูงมากกว่าประตูปกติทั่วไปทำให้รู้สึกถึงความมีระดับมากขึ้นอยู่เหมือนกันนะคะ

ได้ Digital Door Lock จาก Yale สามารถเปิดได้ทั้งหมด 4 วิธี คือ 1. ไขกุญแจปกติ 2. ใช้คีย์การ์ดสแกน 3. ใส่รหัส และ 4. เปิดประตูผ่าน Bluetooth ของมือถือค่ะ ซึ่งก็มีตัวเลือกค่อนข้างมากทีเดียว เผื่อใครชอบลืมของหรือทำของหายก็พอจะเลือกตัวเลือกอื่นๆ ให้เข้าห้องได้

พื้นห้องจะถูกยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยจากพื้นโถงทางเดินนะคะ จบขอบด้วยท็อปหินเทียม ซึ่งทำออกมาได้สวยดูเนี้ยบและเรียบร้อย ในเรื่องของการใช้งานก็คงทนกว่าเมื่อเทียบกับกระเบื้อง ส่วนพื้นภายในห้องเป็นกระเบื้องสีครีมนาโน

เข้ามาภายในห้องจะเป็นส่วนครัวก่อนเชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่นด้านใน ซึ่งสุดทางจะเป็นประตูบานเลื่อนกระจกทำให้แสงสว่างเข้ามาในห้องได้ดี ห้องดูโปร่งโล่งขึ้น

จากรูปเมื่อกี้จะเห็นครัวไม่ค่อยชัดนะคะ เราเลยถ่ายย้อนกลับมาให้ดูกันหน่อย สำหรับส่วนครัวนั้นได้เป็นครัวเปิดค่ะ เหมาะกับทำอาหารเบาๆ หรืออุ่นกับข้าวเสียมากกว่านะคะ ส่วนความกว้างบริเวณทางเดินนี้มีความกว้างประมาณ 1.2 ม. ถือเป็นระยะที่เดินได้และจะทำกับอาหารเล็กๆ น้อยๆ ได้สะดวกอยู่ค่ะ ส่วน Pantry ครัวนี้จะได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยเหมือนในห้องตัวอย่างนี่แหละค่ะ ถือเป็นมาตรฐานสำหรับทุกห้อง ซึ่งจะได้สเป็คเหมือนกันแต่ขนาด Pantry จะเปลี่ยนตามขนาดห้องนะคะ เดี๋ยวเราไปเจาะลึก Detail เฟอร์นิเจอร์กันต่อเลย

มาดูฝั่งซ้ายกันก่อน Pantry ที่ได้จะครบทั้งหมด รวมตู้ลอยด้วยนะคะ

สำหรับตู้ลอยนั้นหน้าบานเป็นกระจกซาตินสีแชมเปญ ซึ่งมีคุณสมบัติของกระจกซาตินนี้คือเวลาจับ เปิด – ปิด ใช้งานตู้มันจะไม่เป็นรอยนิ้วมือเหมือนกระจกปกติทั่วไป ซึ่งก็ง่ายต่อการทำความสะอาดดี หรือเรียกง่ายๆ คือ ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ ฮาา มองด้านในตู้ก็ซอยจำนวนชั้นมาเยอะเหมือนกันนะคะ เหมาะกับใครที่ชอบตุนอาหารเอาไว้ ทั้งมาม่า อาหารกระป๋องหรือพวกขวดชากาแฟ แยกเป็นส่วนๆ ได้ง่าย ส่วนบานเปิดทั้งหมดได้เป็น Soft Close ทั้งหมดเลยค่ะ

ที่พิเศษของตู้ลอยชั้นบนคือตรงนี้เลย ที่แขวนกระดาษทิชชู่ขนาดใหญ่ เป็นทิชชู่ที่ใช้ซับน้ำมันหรือเช็ดทำความสะอาดต่างๆ ในส่วนครัว นอกจากมีที่แขวนแล้วก็เจาะเป็นช่องแบบนี้ให้ด้วย เพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้นไม่ต้องเปิด-ปิดตู้

กระจกด้านหลังเป็นกระจกทนความชื้นสีดำซึ่งจะได้ตามมาตรฐานเลยค่ะ ข้อดีของกระจกทนความชื้นนี้คือนอกจากจะทำความสะอาดง่ายแล้วยังดูแลรักษาได้ง่ายด้วย

นอกจากนี้ก็ติดตั้งราวแขวนและชั้นวางแก้วมาให้ด้วยนะ ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมาก ทำให้สามารถเก็บของหรืออุปกรณ์ครัวเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ ตรงนี้ได้เลยและหยิบจับได้ง่ายด้วย

มาดูที่ Pantry กันต่อ สำหรับท็อปของ Pantry เป็น Porcelain Slab ทั้งผืนค่ะ จุดเด่นของกระเบื้องพอสเลนนี้คือเรื่องของความพรุนที่ต่ำ มีความคงทนสูง ไม่เป็นคราบและเป็นรอยง่ายเมื่อเทียบกับท็อปหินแกรนิต

Sink ฝังเคาน์เตอร์หลุมเดี่ยว จาก MEX

อีกฝั่งได้เตาเซรามิก 2 หัว พร้อม Hood แบบ Exhaust หรือแบบดูดออกด้านนอก

ด้านล่างของอ่างล้างจานก็ทำเป็นลิ้นชักเก็บของให้ 2 ชั้นให้ด้วย ถือว่าดีมากสามารถใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยเห็นบานเปิดหรือลิ้นชักอยู่ด้านล่างของการทำอ่างล้านจานฝั่งเคาน์เตอร์แบบนี้เท่าไหร่ 

ตรงกลางของ Pantry ทำเป็นบานเปิดคู่แบบนี้สำหรับวางเครื่องซักผ้าค่ะ สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ประมาณ 8 กิโลกรัม การซ่อนเครื่องซักผ้าไว้ตรงนี้ข้อดีก็คือพื้นที่ส่วนระเบียงใช้งานได้เต็มที่ไม่มีเครื่องซักผ้ามาเกะกะ แต่ข้อจำกัดของการวางเครื่องใต้ Pantry แบบนี้ก็คือต้องเลือกซื้อเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าเท่านั้นไม่สามารถใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาบนได้เท่านั้นเอง

ส่วนบานเปิดด้านบนติดแผ่นเหล็กยื่นแบบนี้ให้จับได้ถนัดมือ

ถัดมาคือด้านล่างฝั่งเตาเซรามิก ด้านบนเป็นลิ้นชักเก็บช้อนส้อมต่างๆ ตรงกลางเป็นที่วางไมโครเวฟค่ะ ตำแหน่งไมโครเวฟด้านล่างดูจะใช้งานถนัดน้อยกว่าตำแหน่งไมโครเวฟด้านบนนะคะ ส่วนล่างสุดเป็นชั้นเก็บจานค่ะ เห็นที่เป็นแท่งไม้นั้นไหม เดี๋ยวไปดู Detail ในรูปถัดไปกัน

แท่งไม้ที่เห็นนี้คือตัวกันจานเลื่อนไปมาในลิ้นชักค่ะ ซึ่งจานแต่ละใบนี้ก็มีขนาดไม่เหมือนกัน เขาจึงออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ โดนการหมุนเข้าออกเหมือนไขควงประมาณนั้น และในลิ้นชักนี้ก็ทำรูไว้ให้หลายจุดสำหรับปรับเปลี่ยนได้ตามขนาดของจานเลยค่ะ ถือเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่สื่อถึงความใส่ใจดีนะคะ

อีกฝั่งนึงก็ทำเป็น Pantry เช่นกันค่ะ รวมทั้งได้ตู้ลอยด้านบนด้วยนะ สำหรับ Pantry ฝั่งนี้สเป็คจะเหมือนกันเลยกับอีกฝั่งค่ะ แต่ฟังก์ชันการใช้งานต่างกันนะ เดี๋ยวไปดูกันที่ละจุด

เริ่มจากด้านข้างกันก่อนติดกับประตูทางเข้าห้องนี่แหละ เป็นที่ว่างสำหรับวางตู้เย็นขนาดประมาณ 10 คิวบิกฟุต

ตู้ลอยวางของข้างบนได้ขนาดใหญ่ built-in ไปสุดฝ้าเพดาน เก็บของได้พอสมควรเลยค่ะ

ตรงผนังของฝังนี้ออกมามาได้น่าสนใจดีค่ะ คือด้านใน built-in เป็นช่องเก็บของเล็กๆ วางเป็นพวกซอสหรือเครื่องปรุงต่างๆ ได้ และมีหน้าบานโต๊ะยกเปิด-ปิดแบบนี้ ซึ่งเวลาจะนั่งกินข้าวก็ยกบานโต๊ะลง

รับน้ำหนักด้วยโช้คแบบนี้ ทำให้เวลายกบานโต๊ะสะดวกไม่หนักมาก

พอเอาลงมาลักษณะของ Pantry ก็จะกลายเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร คล้ายๆ แบบ Counter Bar ซึ่งความสูงมันจะสูงกว่าโต๊ะกินข้าวทั่วไปนะคะ ซึ่งตัวโครงการก็จะให้เก้าอี้สตูลมาให้ด้วย 2 ตัว ขนาดก็จะพอดีกับความสูงของเคาน์เตอร์เลยค่ะ

เคาน์เตอร์นี้ท็อปจะเป็น Porcelain Slab เช่นเดียวกับ Pantry อีกฝั่ง

ด้านล่างออกแบบมาได้ดีมาก ไม่ใช่แค่บานเปิดปกติทั่วไป แต่มีการทำเป็นที่แขวนอุปกรณ์ต่างๆ ด้านข้าง ตรงกลางเป็นที่เก็บของปกติ ส่วนอีกฝั่งทำเป็นชั้นวางรองเท้าโดยเปิดบานเปิดจากด้านข้างเคาน์เตอร์เอาไม่ใช่บานเปิดด้านหน้า

ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นนะคะ จบขอบเรียบร้อยส่วนพื้นที่นั่งเล่นจะปูด้วยพื้นลามิเนตลายไม้

ขนาดพื้นที่นั่งเล่นนี้มีระยะทีวีประมาณ 2 ม. สามารถวางทีวีขนาดประมาณ 32″-40″ ได้ ประตูบานเลื่อนเป็นประตู 3 ตอนแบบที่เห็นข้อดีคือเปิดได้กว้างมากกว่า 2 ตอน ส่วนประตูบานนี้จะไม่ได้สูงเท่าประตูทางเข้านะคะ เพราะติดด้านบนที่ซ่อนที่แขวน CDU แอร์ไว้ด้านนอก

ชุดโซฟาจะได้แบบมาตรฐานเฟอร์นิเจอร์ของโครงการ จะไม่ได้หน้าตาแบบนี้นะคะ

ส่วนบริเวณที่วางทีวีก็เช่นกัน คือได้ตามมาตรฐานเฟอร์นิเจอร์ของโครงการ และจะได้ชั้นลอยด้านบนด้วย

ถัดมาเป็นระเบียงขนาดประมาณ 2.3 x 1 ม. การออกแบบของระเบียงนี้คือต้องการให้สามารถใช้พื้นที่สำหรับนั่งเล่น หรือวางงานอดิเรกต่างๆ อย่างปลูก Cactus ได้ด้วย เพราะได้วางเครื่องซักผ้าและ CDU แอร์เก็บไว้เรียบร้อย ส่วนราวระเบียงเป็นกระจกลามิเนต กรุขอบด้วยสแตนเลสมีราวจับสแตนเลสแยกออกมากันตก

ด้านบนซ่อน CDU แอร์ไว้และทำตะแกรงปิดฝ้าแบบนี้จะซ่อมบำรุงรักษาก็ง่ายค่ะ

มาที่ห้องนอนกันต่อ

พื้นห้องนอนเป็นลามิเนตลายต่อเนื่องกันกับพื้นที่นั่งเล่นเลย

ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พอดีๆ ขนาดห้องไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ดูไม่คับแคบเพราะได้กระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานทำให้ดูโปร่งโล่ง

กระจกจะยาวอย่างที่เห็นเลย และมีหน้าต่างกระทุ้งให้บานนึงด้านข้าง

อีกฝั่งเป็นตู้เสื้อผ้าและทางเข้าห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้านี้จะเป็นตู้ Built-in สูงถึงฝ้า ซึ่งจะได้ตามห้องตัวอย่างเลย

บานเปิดพอเปิดมาแล้วจะปิดทางเดินประมาณนี้เลย เดินออกไม่สะดวกนัก

พอเปิดตู้มาส่วนล่างก็จะมีทั้งที่แขวนเสื้อผ้า ลิ้นชักเก็บชุดชั้นในหรือเครื่องแต่งตัวเล็กๆ น้อยๆ ด้านบนสุดเป็นช่องว่างสำหรับใส่กระเป๋าเดินทางได้ด้วย ด้านข้างของตู้ที่เห็นเป็นแสงสว่างออกมาแบบนี้จะเป็นไฟที่เปิดอัตโนมัติเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าเลยค่ะ โดยหลอดไฟจะให้เป็นหลอด LED

ด้านข้างตู้เสื้อผ้ามีช่องเปิดสำหรับเก็บเครื่องประดับของสาวๆ ได้ และด้านล่างก็มีความกว้างเล็กน้อยให้วางครีม หรือน้ำหอม ส่วนตรงบานเปิดด้านในเป็นกระจกเงาเต็มบานเลยค่ะ คิดว่า Detail แบบนี้ต้องถูกใจสาวๆ มากแน่ๆ

เข้ามาส่วนห้องน้ำนั้น พื้นห้องจะลดระดับลงไปเล็กน้อย พื้นด้านในปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 60 x 60 ซม.

ภายในแยกเป็นส่วนเปียกและแห้งชัดเจนเรียบร้อย เดี๋ยวเราค่อยๆ อธิบายไปทีละจุดนะคะ Detail เฟอร์นิเจอร์เขามีให้พูดเยอะเหมือนกัน

เริ่มจากส่วนตู้กระจกกันก่อนนะ

กระจกเงานี้ด้านในก็มีชั้นวางของเล็กๆ ด้วยนะ ไว้เก็บเครื่องโกนหนวดหรือพวกครีมต่างๆ และยังมีกระจกด้านในอีกด้วย

ด้านล่างเป็นหลอดไฟข้างใน และมีชั้นวางเล็กๆ ตรงนี้ด้วย เหมือนทุก Detail ของเฟอร์นิเจอร์สามารถใช้งานได้หมด

ท็อปอ่างล้างมือเป็น Porcelain Slab เหมือนท็อป Pantry นั่นแหละค่ะและฝังด้วนอ่างของ Cotto ด้านล่าง Built-in ที่เก็บของให้เล็กน้อย

ด้านข้างของอ่างนั้นมีช่องเล็กๆ เว้นเอาไว้ สำหรับวางของอย่างพวกมือถือไรงี้ เผื่อใครชอบเข้าห้องน้ำนานๆ เพลินๆ ก็หยิบมือถือมาเล่นและวางของตรงนี้ได้ แต่ความกว้างตรงนี้ยังไม่พอสำหรับวางหนังสือการ์ตูนหรือนิตยสารนะ

ส่วนโถสุขภัณฑ์ก็จาก Cotto เช่นกัน มีระยะความกว้างระหว่างโถประมาณ 1 ม. ถือว่ากว้าง นั่งได้สบายดีค่ะ

ด้านข้างโถสุขภัณฑ์ก็มีช่องสำหรับวางของกว้างขึ้นมาจากช่องตรงอ่างล้างมือ ซึ่งใครจะวางหนังสือหรือเครื่องหอมตรงนี้ก็ได้เลยค่ะ ถ้าอยากให้พื้นที่นี่วางของได้มากขึ้นก็สามารถซื้อชั้นมาวางตรงช่องนี้เพิ่มได้นะ

ฉากกั้นกระจกที่ได้เป็นกระจก Tempered แบบนี้เลย ส่วนผนังของบริเวณพื้นที่อาบน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายไม้ค่ะ

มือจับเป็นสแตนเลสแบบนี้ค่ะ ด้านนอกนั้นจะวางผ้าขนหนูก็ได้นะ ส่วน Door Stopper จะง่ายๆ คือทำมือจับยื่นออกมาเล็กน้อยและติดยางไปเลยตรงมือจับ

บานเปิดจะเปิดเข้าแบบนี้ พื้นที่อาบน้ำนั้นกั้นด้วยธรณีสูงขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนออก ส่วนขนาดของพื้นที่อาบน้ำประมาณ 1 x 0.8 ม.

ฝักบัวนั้นจะได้ทั้งฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower โดยทางโครงการจะเตรียมท่อต่างๆ ไว้ให้สำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนอีกทีค่ะ

หัวฝักบัวสายอ่อนใหญ่ดีค่ะ และมือจับก็จับได้ถนัดดีด้วย

สายของฝักบัวเรียบๆ แบบนี้เลย ทำความสะอาดง่าย

Rain Shower หัวใหญ่ดีค่ะ

 

ห้องถัดไปที่จะพาไปดูคือห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 51.50 ตร.ม. เหมาะกับครอบครัวที่กำลังจะมีลูก หรืออยู่กัน 2 คนแต่อยากได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่ม สำหรับห้องนี้ดีไซน์ออกมาเป็นห้องหน้ากว้าง และแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนกลางซึ่งมีพื้นที่รับประทานอาหาร พื้นที่นั่งเล่น และอีก 2 ฝั่งแยกเป็นห้องนอนเล็ก และห้องนอนใหญ่ ด้วยห้องหน้ากว้างนี้ก็ทำให้ห้องนอนทั้ง 2 ห้องและส่วนนั่งเล่นได้รับแสงธรรมชาติเข้าได้ดี ดูโปร่งโล่ง สำหรับห้องนี้จะได้ครัวปิดเหมาะกับการทำอาหารมากขึ้น มีระเบียงแยกเป็นระเบียงซักล้างเลยติดกับครัว ทำให้ระเบียงตรงพื้นที่นั่งเล่นนั้นสามารถใช้นั่งเล่นชมวิวได้จริงไม่ต้องแชร์ฟังก์ชันอื่นร่วมกันบนพื้นที่เดียวกัน ส่วนห้องน้ำของ Type นี้มีเพียงห้องเดียว ซึ่งทางโครงการก็ออกแบบมาให้เข้า-ออกได้ 2 ทางคือจากพื้นที่รับประทานอาหารและจากในห้องนอนใหญ่ เพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกและแก้ปัญหาความไม่เป็นส่วนตัวหากต้องเข้าห้องน้ำผ่านห้องนอน

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ “ลอยตัว” ของห้องตัวอย่างนี้จะไม่ได้ให้มาในห้องมาตรฐานเหมือนเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in นะคะ ซึ่งหน้าตาของเฟอร์นั้นจะเป็นสเป็คเดียวกันกับห้องแรกเลย แต่ก็จะได้โต๊ะรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นมาจากห้องแรกค่ะ

เข้ามาภายในห้องเจอส่วนพื้นที่รับประทานอาหารก่อนซึ่งเชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่นด้านใน สำหรับห้องนี้จะดูโปร่งกว่าห้องแรกในระยะความกว้างที่กว้างกว่าหน่อยและได้กระจก Ceiling Height สูงจากพื้นถึงฝ้าเลย ทำให้แสงเข้ามาได้ดีกว่า 

หันกลับมาส่วนหน้าห้องกันนะคะ ติดกับประตูทางด้านขวาจะมีเคาน์เตอร์วางของให้มาด้วย เดี๋ยวเราไปดูกันหน่อย

เคาน์เตอร์นี้จะได้มาพร้อมกับห้องมาตรฐานเลยค่ะ แต่หน้าบานนี้จะปิดผิวด้วยลามิเนตสีเฉดเดียวกับบานเปิดของ Pantry ครัวนะคะ ที่เห็นเป็นเคาน์เตอร์สีขาวแบบนี้เป็นแค่ตกแต่งให้เข้ากีบตีมห้องเท่านั้นค่ะ สำหรับเคาน์เตอร์นี้ออกมาเป็นกึ่งๆ โต๊ะเครื่องแป้งแต่งตัวเร็วๆ เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากห้อง ด้านบนเป็นช่องเก็บเครื่องประดับต่างๆ เปิด-ปิดด้วยกระจกสีชาด้านบน ส่วนด้านล่างมีลิ้นชักเก็บของ 2 อัน และชั้นวางรองเท้าเล็กๆ ใส่ได้ประมาณ 3-4 คู่ อีกด้านเป็นเก้าอี้สตูลเล็ก สำหรับนั่งใส่รองเท้าได้ค่ะ

ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารนั้นสามารถวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งได้ แต่ก็กินพื้นที่ด้านข้างพอสมควรนะ เวลาเดินก็ติดกับเก้าอี้หน่อยนะคะ ซึ่งหน้าตาของเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะเป็นโต๊ะยาวและมีเก้าอี้ 4 ตัว ซึ่งไม่ใช่แบบโต๊ะกลมเหมือนห้องตัวอย่างก็พอมีทางเดินเพิ่มมากขึ้นค่ะ

ส่วนพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่เชื่อมกับพื้นที่รับประทานอาหารนั้นมีขนาดประมาณ 2.6 x 2.6 ม. ส่วนระยะทีวีประมาณ 2.3 ม. เหมาะกับการวางทีวีขนาดประมาณ 40″-42″

ได้ชุดโซฟาขนาดเท่ากับห้องแรกเลยค่ะ แต่ก็จะมีพื้นที่เหลือด้านข้างมากขึ้นมาหน่อย ส่วนโต๊ะกลางก็ได้เหมือนเดิมเลยค่ะ

สำหรับระเบียงนี้ขนาดประมาณ 1.7 x 0.8 ม. ซึ่งเป็นระเบียงที่สามารถใช้งานได้จริง จะนั่งชมวิวหรือจะจัดสวนเล็กๆ ก็ได้ เพราะจะมีอีกระเบียงตรงส่วนครัวที่ทำเป็นระเบียงซักล้างโดยเฉพาะแล้ว

ส่วนที่เก็บ CDU แอร์จะเปลี่ยนมาเป็นด้านข้างแทน ไม่ได้ซ่อนไว้ใต้ฝ้าเพดานเหมือนห้องแรก ซึ่งก็จะกินพื้นที่ระเบียงไปแทนที่จะได้กว้างกว่านี้หน่อย แต่ก็แลกมากับการที่ได้กระจกสูงจากพื้นถึงฝ้านะคะ

มาดูทางฝั่งซ้ายของห้องกันบ้างมองจากทางเข้าห้องไปยังพื้นที่นั่งเล่นนะคะ จากด้านซ้ายของโต๊ะรับประทานอาหาร เป็นส่วนครัวปิด กั้นด้วยประตูบานเลื่อนเปิดคู่ ทำให้ได้พื้นที่เปิดกว้างเดินได้สะดวกค่ะ

พื้นครัวเปลี่ยนเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิก ความกว้างของทางเดินนี้อยู่ประมาณ 90 ซม. เดินได้สะดวก

Pantry จะได้ทั้ง 2 ฝั่ง สเป็คของวัสดุเหมือนกับห้องแรกเลยค่ะ ส่วนการออกแบบ Detail ต่างๆ ก็จะคล้ายคลึงกันมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อยตามขนาดของห้อง และฟังก์ชันการใช้งาน

สุดทางเป็นระเบียงซักล้างขนาดประมาณ 2.5 x 0.6 ม. ใช้สำหรับซักล้างได้และตากเสื้อผ้า ส่วนเครื่องซักผ้านั้นจะวางไว้ใต้ Pantry ไว้เรียบร้อย

สำหรับห้องนี้ในส่วนของระเบียงซักล้างจะได้ Facade เป็นระแนงอลูมิเนียมแบบนี้ค่ะ ช่วงพรางสายตาจากภายนอกได้พอสมควร เป็นอีกหนึ่ง Detail ที่คิดมาให้สามารถใช้งานเพื่อตอบโจทย์เรื่องของความเป็นส่วนตัวได้ดีนะคะ

แผง Facade นี้จะมีทั้งหมด 2 บาน ซึ่งสามารถเลื่อนได้ทั้ง 2 บานเลยค่ะ โดยเดินรางเลื่อนให้ทั้งบนและล่าง โดยรวมแล้วแผงก็ไม่หนักมากเลื่อนได้ง่ายและก็แข็งแรงพอสมควรค่ะ

ถัดจากครัวมาในฝั่งเดียวกันก็จะเป็นห้องนอนเล็กค่ะ

ห้องนอนเล็กนี้สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต หรือ Single Bed ได้พอดีๆ

มีพื้นที่เล็กๆ ริมหน้าต่างไว้สำหรับวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้ด้วยค่ะ สำหรับห้องนี้จะเป็นห้องมุมนะคะ ดังนั้นก็จะได้กระจกบานสูงทั้ง 2 ฝั่งก็ช่วยให้ห้องดูโล่งขึ้นมาได้

อีกฝั่งเป็นตู้เสื้อผ้าสเป็คเดียวกับห้องแรกเลยค่ะ

มาทางฝั่งขวาของห้องกันบ้างค่ะ ด้านขวาเป็นห้องน้ำ และด้านซ้ายเป็นทางเข้าของห้องนอนใหญ่ค่ะ

เริ่มจากห้องน้ำกันก่อน สำหรับห้องน้ำนี้สามารถเข้าออกได้ทั้ง 2 ทางคือส่วนพื้นที่รับประทานอาหาร และห้องนอนใหญ่ค่ะ ซึ่งก็ถือว่าดีนะคะ เพราะก็ตอบโจทย์เรื่องการใช้งาน ทั้งเรื่องความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกเข้ามาก็ไม่ต้องเข้าจากห้องนอน ส่วนทางเข้าห้องน้ำจากห้องนอนเลยก็สะดวกในการใช้งานปกติ

ภายในห้องน้ำแบ่งส่วนเปียกและแห้งเรียบร้อยเช่นเดิม สเป็คของสุขภัณฑ์ก็เหมือนกับห้องแรกเลยค่ะ แต่ได้ขนาดพื้นที่ห้องน้ำใหญ่ขึ้นมาทำให้ใช้งานได้สบายๆ ทั้งส่วนบริเวณโถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ

พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยกระจกเช่นเดิม รวมทั้งฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower ก็เหมือนเดิมเช่นกัน

มีพื้นที่อาบน้ำประมาณ 0.8 x 1.2 ม. ก็ยังถือเป็นขนาดกะทัดรัดนะคะ แต่ก็ใช้งานได้ดีค่ะ

มาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้างนะคะ

เข้ามาจะเป็นส่วน Walk-in Closet ขนาดกะทัดรัดแบบนี้ก่อน ก็ถือว่าให้มาเป็นสัดส่วนดีเลยค่ะ สาวๆ แบบเราคงชอบ

ตู้เสื้อผ้าก็ยังเป็นสเป็คเดิมนะคะ จะไม่อธิบายไรมากละ

ส่วนอีกด้านเป็นโต๊ะเครื่องสำอางค์พร้อมบานกระจกใหญ่ ซึ่งสามารถเปิดส่วนบานเปิดกระจกออกมาได้ และมีชั้นให้เก็บครีม หรือพวกเครื่องสำอางค์ได้พอสมควรเลยค่ะ ส่วนโต๊ะเครื่องสำอางค์นี้มีลิ้นชักให้อีกอันไว้วางของ วางเครื่องประดับได้

มาที่บริเวณเตียงนอนกันบ้างนะคะ ขนาดพื้นที่ส่วนนี้จะไม่ได้ใหญ่มากนัก วางเตียง 5 ฟุตได้พอดีๆ เลย แต่ก็ดูไม่ได้แคบมากตรงที่มีกระจกบานใหญ่ช่วยให้บริเวณนี้ดูโปร่งโล่งมากขึ้น

มีพื้นที่ทางเดินให้เดินได้อยู่ค่ะ มีความกว้างประมาณ 50-60 ซม.

อีกด้านกว้างประมาณ 55 ซม.

ฝั่งด้านหลังของตู้เสื้อผ้านี้ที่ติดเป็นกระจกเงาให้ แท้จริงแล้วจะไม่ได้ติดให้แบบนี้นะคะ เป็นหลังตู้ปกติเลย แต่มีบานเปิดด้านข้างนี้แหละที่ได้เหมือนห้องตัวอย่างค่ะ ด้านในทำเป้นชั้นวางของเล็กๆ จะวางกระเป๋าอย่างในห้องตัวอย่างก็ได้นะ คิดว่าสาวๆ คงได้ใช้กันแน่ๆ

และห้องสุดท้ายคือห้องขนาด 1 Bedroom 33.50 ตร.ม. เป็นไซส์ห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการนะคะ  เป็นไซส์ที่ขยับจากห้อง 1 Bedroom 26.50 ตร.ม. ขึ้นมาหน่อย สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่มากขึ้น เพื่อจะได้ส่วนครัวเป็นครัวปิด สามารถเข้าห้องน้ำได้จากครัวและห้องนอน รวมทั้งส่วนห้องนอนนี้ได้ขนาดใหญ่มากขึ้นมาหน่อยจากห้องแรก เพื่อทำพื้นที่ Walk-in Closet ขนาดกะทัดรัดเพิ่มขึ้นมาได้ และมีมุมบริเวณหน้าต่างสำหรับเป็นพื้นที่รับประทานอาหารหรือมุมทำงานก็ได้ค่ะ

เข้ามาภายในห้อง บริเวณทางเข้าจะแคบหน่อยไม่ได้เปิดโล่งเหมือน 2 ห้องแรก เพราะส่วนด้านนี้เราเข้ามาก็จะเป็นครัวเลย

หันย้อนกลับมาทางประตูทางเข้าห้องนะคะ บริเวณนี้มีความกว้างทางเดินประมาณ 1 ม. ก็ถือว่าเป็นระยะเหมาะสำหรับเดินได้ง่ายและใช้งานส่วน Pantry สะดวกอยู่

ด้านข้างประตูทำเป็นตู้ Built-in เล็กๆ เดี๋ยวเราไปดู Detail กัน

ด้านบนเป็นตู้บานเปิดเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ด้านบนได้

ช่องตรงกลางทำเป็นที่วางของได้ ท็อปก็จะเป็น Porcelain Slab เหมือนเคยค่ะ สำหรับช่องนี้มีก็สะดวกดีนะ เวลาเข้าห้องมาแล้วมีของพะรุงพะรังก็มาวางจุดนี้ได้ก่อนเลย หรือจะวางพวกกระเป๋าตังหรือกุญแจรถตรงนี้เลย เวลาจะออกจากห้องก็หยิบจากตรงนี้จะได้ไม่ลืมเพราะก็เห็นง่ายอยู่ค่ะ ด้านในมีช่องเก็บของเล็กๆ น้อยๆ อีก และสามารถบังสายตาได้จากบานไม้ด้านใน เวลาจะเปิดก็แค่ยกขึ้นไปแบบในภาพเลยง่ายๆ มีโช้ครับน้ำหนักบานอยู่ด้านข้าง

ส่วนข้างล่างนั้นเป็นที่วางเครื่องซักผ้าขนาดก็ 8 กิโลกรัมเหมือนห้องแรกเลยค่ะ

อีกด้านมีตู้ Built-in เล็กๆ ติดกับ Pantry ครัว ตู้นี้ด้านบนทำเป็นช่องแขวนของและเก็บของเล็กๆ ได้ อย่างในห้องตัวอย่างโครงการทำจัดมาให้ดูเป็นที่แขวนร่มสามารถเลื่อนออกมาได้ก็สะดวกดีนะคะและจัดเก็บง่ายดีด้วย

ส่วนด้านล่างเป็นชั้นวางรองเท้าเล็กๆ จุได้ตั้งแต่ 3-6 คู่

Pantry ห้องนี้จะได้ขนาดเล็กกว่าห้องแรกมาหน่อยนะคะ ส่วนสเป็คก็เหมือนเดิมเลยค่ะ

สำหรับประตูกั้นระหว่างครัวและห้องนั่งเล่น ได้เป็นประตูกระจก 3 ตอน เวลาเปิดก็กว้างดีค่ะ เดินเข้า-ออกสะดวก บานประตูก็ทำดีนะคะ มีน้ำหนักและ Fitting แข็งแรงพอสมควรเลย

เปิดออกมาได้กว้างประมาณนี้ สำหรับรางด้านล่างก็จะเสมอพื้นทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ เดินแล้วไม่สะดุด

ภายในพื้นที่นั่งเล่นมีระยะทีวีประมาณ 2.2 ม. สามารถวางทีวีขนาด 32″-42″ นิ้วได้ สุดทางเป็นพื้นที่เล็กๆ จะวางโต๊ะรับประทานอาหารหรือจะทำเป็นมุมทำงานเล็กๆ ก็ได้ค่ะ ส่วนหน้าต่างของห้องนี้ก็ได้ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเช่นกันค่ะ

ชุดโซฟาก็น่าตาเหมือนเฟอร์นิเจอร์มาตรฐานของห้องแรกเลย ซึ่งพอมาวางห้องนี้ก็จะพอมีพื้นที่เหลือบ้างเล็กน้อยค่ะ ส่วนโต๊ะกลางนี้ก็ได้เหมือนห้องแรกเช่นเดียวกัน แต่พอวางและก็ค่อนข้างเต็มพื้นที่เหมือนกันนะ มีระยะเดินไม่มากนัก

ชั้นวางทีวีและตู้ลอยได้ตามเฟอร์นิเจอร์มาตรฐานของห้องแรกเลยค่ะ

มาที่ห้องนอนกันบ้างนะคะ มุมพื้นที่เตียงนอนนี้ก็ไม่ได้ขนาดใหญ่มากนักเช่นเคย อาศัยได้แสงธรรมชาติด้านนอกเพราะได้กระจกเต็มผนังที่ช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งดี สำหรับพื้นที่บริเวณเตียงนอนนี้สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พอดีเป๊ะเลยค่ะ

จะพอมีพื้นที่ทางเดินได้ง่ายอยู่บ้าง

บานเลื่อนออกไปยังระเบียงของห้อง Type นี้ได้เป็น 3 ตอนเช่นเดียวกัน

ขนาดระเบียงกะทัดรัด ซึ่งก็ต้องแบ่งเป็นพื้นที่ซักล้างด้วยนะคะ

สำหรับ Facade ที่ช่วงบังสายตาจากภายนอกนั้นของห้อง 1 Bedroom Type นี้ก็มีให้แต่มีให้เฉพาะทิศตะวันออกนะ ที่ติดกับโครงการอื่นและดูไม่เป็นส่วนตัวมากนัก

ส่วนที่เก็บ CDU แอร์ก็อยู่ด้านข้างเช่นเดียวกับห้องนอนแบบ 2 Bedroom

อีกด้านเป็นส่วน Walk-in Closet

ซึ่งจะได้ชั้นวางของริมซ้ายสุดและถัดไปเป็นตู้เสื้อผ้าค่ะขนาดและสเป็คเหมือนห้องนอน 2 เลย

รวมทั้งพื้นที่โต๊ะเครื่องสำอางค์และกระจกเงาติดผนังก็เป็นสเป็คนี้เช่นเดียวกับห้องแบบ 2 Bedroom

หันมาอีกด้านของตู้เสื้อผ้านั้นเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ โดยสำหรับห้องน้ำของห้อง Type นี้สามารถเปิดได้จากครัวและห้องนอนเช่นกันค่ะ

สเป็คสุขภัณฑ์เหมือนเดิมแต่ก็มีขนาดกว้างจากห้องแรกอยู่หน่อย เวลานั่งทำธุระหนัก – เบาก็นั่งได้สบายๆ ค่ะ

พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยกระจกบานเปิดเช่นเคย รวมทั้งฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower ด้วยค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 27 October 2016

  • 1 Bedroom ชั้น 7 เนื้อที่ 33.75 ตร.ม. ราคา 4.605 ล้านบาท หรือประมาณ 136,457 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 14 เนื้อที่ 33.50 ตร.ม. ราคา 5.338 ล้านบาท หรือประมาณ 159,368 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 36 เนื้อที่ 33.50 ตร.ม. ราคา 5.754 ล้านบาท หรือประมาณ 171,768 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 30,000 – 100,00 บาท
  • ทำสัญญา 50,000 – 150,000 บาท
  • ดาวน์ 12% ผ่อนดาวน์ 34 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 52 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

The Line พหลฯ – ประดิพัทธ์ เป็นคอนโด High Rise ตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ The Line ที่มาเปิดทำเลบนย่านสะพานควาย บนถนนประดิพัทธ์ นับว่าเป็นทำเลที่จะรวมที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นโครงการได้ยากและน้อยไปทุกทีนะคะ เพราะเป็นย่านชุมชนเก่าดั้งเดิมมานานและส่วนใหญ่จะเป็นแปลงเล็กๆหลายแปลง การจะซื้อที่รวมเป็นแปลงใหญ่ก็ทำได้ยาก และด้วยทำเลที่ดั้งเดิมนี้ก็ทำให้ทำเลโครงการนี้มีจุดเด่นๆ เลยคือเรื่องของความอุดมสมบูรณ์สูงหาของกินง่าย ส่วนตำแหน่งโครงการนี้ก็ยังคงอิงตามแนวรถไฟฟ้าเช่นเดิม ตามคอนเซ็ปของแบรนด์ที่ได้ร่วมกับทางบีทีเอสนะคะ ขอใช้คำว่าอิงนะคะ เพราะอยู่ห่างจากสถานีสะพานควายไปประมาณ 550 ม. ไม่ได้อยู่ใกล้ซะทีเดียวถ้าเทียบกับโครงการในละแวกใกล้เคียง แต่ก็ไม่ถึงกับเดินยากค่ะ ด้วยเป็นทำเลที่ค่อนข้างคึกคักมีของกินเกือบตลอดทางและมีฟุตบาทเดินได้ง่าย ทำให้การเดินในระยะ 550 ม. ไม่ได้อยู่ในระยะที่เดินลำบาก

มองเข้ามาที่ตัวโครงการเองนั้นถือว่าให้ Facilities มาเยอะ และทำออกมาได้สวย น่าใช้งาน ซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นของโครงการ ที่ตอบโจทย์คนที่มองหาคอนโดในย่านนี้และต้องการ Facilities ที่หลากหลาย รวมไปถึงรูปแบบการขายแบบ Fully Furnished และเน้นให้เฟอร์นิเจอร์คุณภาพดีรวมทั้งมีการออกแบบมาเป็นแบบ Multi-Function เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดในพื้นที่ที่จำกัด โดยเปิดราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรมาที่ 155,000 บาท ซึ่งอยู่ในเรทราคาเดียวกันมาชนกับคอนโดใกล้รถไฟฟ้าบนถนนพหลโยธินเลยทีเดียว

การเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกนะคะ เพราะเป็นถือเป็นถนนสายย่อยที่เชื่อมกับถนนหลักเส้นใหญ่ต่างๆ มาเริ่มจากในส่วนของถนนสุทธิสารวินิจฉัย นั้นสามารถทะลุออกถนนวิภาวดีรังสิตและถนนรัชดาภิเษกได้ ถนนเส้นนี้เป็นถนน 3 เลน ที่การจราจรจะคับคั่งเป็นช่วงๆ มีการเปลี่ยนเลนให้วิ่งสวนกัน ไป 2 กลับ 1 ในช่วงเวลาเช้าเย็นที่ต่างกัน อย่างถ้าเป็นช่วงเช้าถึงกลางวัน เขาอยากจะระบายรถจากพหลโยธินไปออกวิภาวดี ก็จะไปวิภาวดีได้สองเลน ไปพหลโยธินได้เลนเดียว (ต้องศึกษาเวลาวันเวย์ด้วยนะคะ) / สามารถข้ามไปฝั่งธนฯ โดยวิ่งเข้าถนนประดิพัทธ์ วิ่งตัดเข้าถนนสามเสน แล้วข้ามสะพานซังฮี้ / ส่วนถนนพหลโยธินลงทางทิศใต้ สามารถตรงไปอนุสาวรีย์ชัย หรือถ้าขึ้นไปทางเหนือนิดเดียวก็จะผ่านสวนจตุจักรและห้าแยกลาดพร้าวซึ่งเป็น Hub แยกใหญ่ได้เช่นกัน หรือถ้าต้องการใช้ทางด่วนก็ง่ายโดยวิ่งออกไปทางฝั่งถนนพระราม 6 แล้วเลี้ยวซ้ายไปนิดเดียวก็มีจุดขึ้นลงทางด่วนให้ใช้แล้ว แต่สำหรับใครที่เน้นเดินทางด้วยรถยนต์เป็นประจำคงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่จอดรถ ซึ่งโครงการนี้มีให้ 49%  รวมจอดซ้อนคัน ก็จัดว่าน้อยไปสำหรับคอนโดในระดับนี้ แต่ด้วยระยะที่พอเดินไปรถไฟฟ้าได้ไม่ยากอาจช่วยลดปริมาณรถยนต์ในโครงการได้บ้าง

ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 46 ชั้น จำนวน 981 ยูนิต และ Club House 2 ชั้น บนเนื้อที่รวมประมาณ 5 ไร่ โดยแบ่งเป็นเนื้อที่ส่วนพื้นที่ส่วนกลางไปประมาณไร่เศษ เพื่อทำเป็นส่วน Club House และพื้นที่สีเขียว ส่วนการออกแบบห้องนั้นทำออกมาหลาย Type หลายขนาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบ ทั้งที่อยู่อาศัยคนเดียว อยู่กันเป็นคู่ รวมทั้งครอบครัวขยายพ่อแม่ลูกอีกด้วย ภายในห้องจัดวางฟังก์ชันออกมาได้ลงตัวถึงแม้มีพื้นที่ที่จำกัด ซึ่งต้องบอกว่าเฟอร์นิเจอร์มีส่วนช่วยให้ห้องพักนั้นมีฟังก์ชันการใช้งานได้ครบถ้วนนะคะ อย่างห้องเล็กสุด 1 Bedroom 26.5 ตร.ม. จะไม่มีโต๊ะรับประทานอาหารเลยถ้าไม่มีบานโต๊ะที่เลื่อนขึ้น-ลงได้ เป็นต้น

เรื่องของวัสดุที่ได้ให้มาในเกรดดีนะคะ มาแลกกับทำเลที่ห่างรถไฟฟ้าออกมาหน่อย โดยรูปแบบการขายจะแบบ Fully Furnished ด้วย เริ่มจากฝ้าสูง 2.7 ม. พื้นกระเบื้องแยกส่วนครัว ระเบียง และห้องน้ำ ส่วนห้องนอนและพื้นที่นั่งเล่นเป็นลามิเนต เฟอร์นิเจอร์ Built-in แบบ Multi-Function สุขภัณฑ์จาก Cotto ทั้งหมด พร้อมกับ Digital Door Lock จาก Yale

Facilities ถือว่าเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจของโครงการเพราะให้มาหลายจุดและหลายประเภทไว้ใช้งาน ทั้งส่วน Club House ที่ภายในประกอบไปด้วย (Co-Working Space, Theater, BBQ Area+Terrace และร้านค้า 1 ยูนิต แต่ร้านค้าทางแสนสิริจัดการดูแลเอง) Secret Garden, สระว่ายน้ำ (Lap Pool ยาว 30 ม., Leisure Pool, Kid’s Pool) Fitness, Multi-Area, Sauna, Kid’s Yard และ Sky Lounge ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตห้องพักอาศัย 981 ยูนิต ก็ถือว่าให้มาระดับนึงเพราะด้วยจำนวนยูนิตเยอะก็ย่อมต้องทำ Facilities ได้มาก ซึ่งก็ถือว่าน่าจะเพียงพอกับการใช้งานค่ะ ส่วนเรื่องความสวยงามในส่วน Facilities นั้นก็แล้วแต่มุมมองส่วนบุคคลนะ แต่จากหลายๆ โครงการที่ผ่านมาของพี่แสนก็มักจะใส่ใจรายละเอียดส่วนกลางเป็นปกติอยู่แล้วทำให้หน้าตาภาพรวมออกมาดูดีเสมอๆ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 155,000 บาท/ตร.ม., 27 October 2016

  • ทำเล 7.5/10 – อุดมสมบูรณ์สูง คึกคัก ติดถนนประดิพัทธ์
  • เดินทางด้วยรถ 7.25/10 – มีตัวเลือกเส้นทางหลากหลาย แต่ที่จอดรถน้อยไปหน่อยสำหรับโครงการ Segment นี้
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – อิงสถานีสะพานควาย 550 ม. เดินได้ง่าย
  • วัสดุ 8/10 – Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์แบบ Multi-Function
  • แบบ 7.5/10 – ลงตัว ฟังก์ชันครบ ได้เฟอร์นิเจอร์มาตอบโจทย์พื้นที่ที่จำกัดได้หลายจุด
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ครบ สวย น่าใช้งาน

  • HIGH CLASS
  • 7.63 / 10.00

BOTTOM LINE

The Line พหลฯ – ประดิพัทธ์ เหมาะกับคนที่มองหาที่อยู่อาศัยย่านสะพานควาย – ประดิพัทธ์ ชอบทำเลมีความอุดสมบูรณ์สูง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า หรือขับรถก็ได้ มองหาตึกสูง Facilities เยอะ ขายแบบ Fully Furnished ไม่ต้องตบแต่งเยอะ มีงบประมาณตั้งแต่ 3.55 – 20 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 25,000 – 160,000 บาท

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้เราหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )