รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.657 – The Base เพชรบุรี – ทองหล่อ คอนโดแต่งครบ พร้อมอยู่จาก แสนสิริ

12 ตุลาคม 2022

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1961 … The Base เพชรบุรี – ทองหล่อ จาก แสนสิริ เป็นคอนโด High Ries ที่อยู่ติดถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ใกล้ๆกับซอยทองหล่อ ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาคอนโดใหม่ในย่านนี้ คงต้องบอกว่าราคาไปไกลกันหมดแล้วครับ แต่โปรเจคนี้แสนสิริเปิดตัวมาราคาไม่ถึง 1 แสนบาท/ตร.ม. หรือเริ่มต้นเพียง 2.69 ล้านบาท จึงทำให้น่าสนใจมากทีเดียว รายละเอียดจะเป็นอย่างไร เราไปชมกันเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

Fact @ 9 October 2019

  • THE BASE Phetchaburi – Thonglor ( เดอะ เบส เพชรบุรี – ทองหล่อ )
  • บริษัท สิริ สมาร์ท ทู จำกัด
  • MAIN – UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เขตห้วยขวาง
  • ที่ดินประมาณ 2 ไร่
  • คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร 496 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 218 คัน หรือคิดเป็น 44% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • เริ่มก่อสร้าง : พ.ค. ปี 2563
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ก.ย. ปี 2565
  • 1 Bedroom ขนาด 27.25 – 29.25 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 31.75 – 40 ตร.ม.
  • 2 Bed 1 Bath ขนาด 45.75 ตร.ม.
  • 2 Bed 2 Bath ขนาด 61.25 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.69 – 6 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 98,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ในระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • Call Center : 1685

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.745139, 100.582194
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

“ถนนเพชรบุรีตัดใหม่” เป็นถนนคู่ขนานกับถนนเส้นหลักอย่าง ถนนสุขุมวิท ซึ่งมีรถไฟฟ้าสายสีเขียววิ่งผ่าน และมีความเจริญค่อนข้างมาก โดยถนนเพชรบุรีก็มีเส้นทางสามารถเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทได้หลากหลาย ทั้งซอยเอกมัย – ทองหล่อ, ซอยเพชรบุรี 38 และถนนอโศกมนตรี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นซอยที่เจริญและมีราคาที่ดินสูงทั้งสิ้น รวมถึงมีคอนโดระดับ Luxury มากมาย ที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนอง Lifestyle คนที่ต้องการใช้ชีวิตในเมือง และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอย่างแท้จริง แต่ถ้าเราลองขยับออกมาที่ถนนลูกพี่ลูกน้องอย่าง “ถนนเพชรบุรี” ก็ยังมีคอนโดที่ราคายังสามารถหยิบจับเป็นเจ้าของได้อยู่ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกในระยะเดินได้ง่าย แต่ก็สามารถเดินทางไปถึงได้ไม่ยากเลยครับ

โครงการ The Base เพชรบุรี – ทองหล่อ ตั้งอยู่ติดถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งจะอยู่เลยซอยทองหล่อมาหน่อยนึง และไม่ไกลจากทางด่วนฉลองรัชครับ อีกทั้งยังเป็นฝั่งขาเข้าเมือง ซึ่งทำให้เราสามารถไปพร้อมพงษ์ อโศก และพญาไทได้ง่าย แต่ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินจะไม่ค่อยมีมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นแนว Street food พวกร้านอาหารข้างทาง และร้านสะดวกซื้อก็มีพอสมควรนะ เพราะแถวๆนี้ก็มีอาคารสำนักงาน โรงงาน และโรงพยาบาลกรุงเทพตั้งอยู่ ซึ่งร้านค้าเหล่านี้ก็เป็นแหล่งพึ่งพิงให้กับคนที่ทำงานย่านนี้ แน่นอนว่ารวมถึงโครงการของเราก็ได้รับประโยชน์เช่นกันครับ

และเนื่องจากโครงการตั้งอยู่ติดริมถนนใหญ่ จึงทำให้สามารถเรียกรถสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ได้ง่าย ส่วนป้ายรถเมลล์ก็อาจต้องเดินต่อกันอีก 300 m. (เส้นสีแดง) แต่ถ้าเราเดินมาที่วินมอไซค์ตรงท้ายซอยทองหล่อ ระยะ 450 m. (เส้นสีเขียว) ก็จะสามารถนั่งวินมอไซค์นี้เพื่อไปขึ้น BTS ทองหล่อ ที่บริเวณปากซอยได้ครับ หรือถ้าใครที่ต้องการเดินทางด้วยเรือโดยสาร ก็จะมีท่าเรือทองหล่ออยู่ในระยะ 550 m. (เส้นสีส้ม) สามารถนั่งไปประตูน้ำ – รามคำแหง – บางกะปิ ได้เลยนะ

ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว จะมีทางด่วนฉลองรัชให้ใช้อยู่ใกล้ที่สุดครับ โดยถ้าเราต้องการลงใต้ไปทางบางนา-ดาวคะนอง ก็สามารถมาขึ้นที่ด่านพัฒนาการ 1 ได้ ในระยะ 4.5 km. ได้ครับ (ซึ่งรถอาจติดตอนไปกลับรถในระยะ 850 m. สักหน่อยนะ)

แต่ถ้าเราต้องการขึ้นทางด่วนไปพระราม 9 – ลาดพร้าว – รามอินทรา ก็สามารถมาขึ้นทางด่วนฉลองรัชที่ด่านพระราม 9 ได้ ในระยะ 4.4 km. ครับ

และสำหรับการเดินทางในวันนี้ ผมขอเริ่มจากแยกใต้ทางด่วนพัฒนาการ ซึ่งถ้าใครที่เดินทางมาด้วยทางด่วนอยู่แล้ว ก็จะต้องมาลงที่บริเวณแยกนี้เช่นกันครับ โดยจากตรงจุดนี้เราก็แค่ขับรถบนถนนเพชรบุรี ตรงมายาวๆเรื่อยๆ ผ่านแยกคลองตัน แยกเอกมัยเหนือ และเลยซอยทองหล่อมานิดหน่อย ก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งบรรยากาศการเดินทางจะเป็นอย่างไร เราไปชมกันครับ

ตอนนี้ผมอยู่บนถนนเพชรบุรีนะครับ กำลังจะผ่านใต้ทางด่วนฉลองรัชแล้ว ซึ่งก็ให้ขับตามป้ายบอกทางไปอโศก – ดินแดงได้เลยครับ

โดยถ้าใครที่ลงทางด่วนมาตรงนี้ ก็จะต้องรีบเบี่ยงขวาเพื่อมาขึ้นสะพานลอยข้ามแยกคลองตันนะครับ

แล้วเมื่อเราลงมาจากสะพานลอยแล้ว ก็จะต้องขับผ่านแยกเอกมัยเหนือ และผ่านซอยทองหล่อครับ ซึ่งก็ให้เราพยายามอยู่เลนกลางเอาไว้ก่อนนะ เพราะถ้าเราชิดซ้าย รถก็จะติดเพราะเลี้ยวเข้าซอยทองหล่อกันครับ

แต่พอเราเลยซอยทองหล่อมาหน่อยแล้ว และเห็นโรงพยาบาลกรุงเทพอยู่ทางขวามือ ก็ให้เราเตรียมชิดซ้ายได้เลยครับ

จากนั้นเราจะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือ ก็ให้เราเลี้ยวเข้าสู่โครงการได้เลยครับ

ตัว Sale Gallery จะเป็นอาคาร Clubhouse ของโครงการในอนาคตครับ โดยผนังจะเป็นกระจกที่ดู Modern และมีการตกแต่งด้วยผนังสีเหลืองที่ทำให้ดูโดดเด่น สดใส และสนุกสนานมากขึ้น

บรรยากาศภายในจะเป็นพื้นที่แบบ Double Volume และเมื่อรวมกับผนังกระจกโดยรอบ จึงทำให้โปร่งโล่งมากๆ สามารถมองเห็นต้นไม้กับสวนภายนอก และได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น โดยอนาคตพื้นที่ในนี้จะกลายเป็นร้านค้าและ Creative Co – Working Hub บนชั้น 2 ครับ

แต่ปัจจุบันที่เป็น Sale Gallery จะมีพื้นที่ให้นั่งคุยกันได้หลายจุดเลย รวมถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์กับโมเดลจะอยู่ด้านใน และห้องตัวอย่างจะมีอยู่ทั้งชั้นบนและชั้นล่างเลยครับ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบโครงการ จะมีทั้งชุมชนแนวราบ และมีอาคารสูงขึ้นบังวิวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดมากนักครับ สามารถสรุปได้ดังนี้

ทิศเหนือ : เป็นด้านหน้าโครงการ ติดกับถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ซึ่งถ้าเป็นชั้นสูงๆจะได้วิวเปิดโล่งของโรงพยาบาลกรุงเทพ และถนนฝั่งซอย RCA

ทิศใต้ : อยู่ติดกับที่ว่างและคลองแสนแสบ รวมถึงมีอาคาร J.C. TOWER สูง 20 กว่าชั้น บังวิวส่วนหนึ่งอยู่ในระยะประมาณ 60 m. ครับ

ทิศตะวันออก : ติดกับ ซอยถนนส่วนบุคคลกับที่ว่าง และมองเห็นคอนโด The Niche Pride 33 ชั้น ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 80 m. ครับ

ทิศตะวันตก : ติดกับอาคารสูง 4 ชั้น และโชว์รูม Nissan แต่ถัดไป 250 m. จะเป็นอาคาร Bangkok Tower สำนักงานสูง 20 ชั้น และได้วิวฝั่งอโศก

มีภาพวิวมุมสูงจากทางโครงการมาฝากกันด้วยครับ ประมาณชั้น 24 (ตรงกลางคือทิศเหนือนะ)

เรามาเดินดูทำเลของจริงกันสักหน่อยดีกว่าครับ เริ่มจากด้านหน้าโครงการจะติดกับถนนเพชรบุรีแบบนี้เลย ส่วนฝั่งตรงข้ามส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้นครับ

เรามาดูทางด้านขวาของโครงการกันก่อนนะ ติดกับรั้วโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น และถัดมาจะเป็นโชว์รูม Nissan และศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ครับ

เดินต่อมาอีกหน่อยจะเริ่มเห็นร้านค้าริมทาง มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และเซเว่น นั่นเป็นเพราะบริเวณนี้จะอยู่ใกล้กับ Bangkok Tower ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน และจะมีพนักงานลงมาหาของกินกันตอนช่วงพักเที่ยงแบบนี้นั่นเองครับ

แล้วถ้าเราเดินต่อมาอีกนิดนึง ก็จะเจอกับสะพานลอยที่ตั้งอยู่ด้านหน้า บมจ. สหพัฒนพิบูล งั้นเราลองขึ้นไปดูทำเลโดยรอบจากด้านบนกันสักหน่อยดีกว่าครับ

ทิศทางนี้เป็นทางที่จะมุ่งหน้าไปอโศกนะ โดยรอบส่วนใหญ่จะยังไม่ค่อยมาตึกสูงขึ้นเยอะเหมือนบริเวณแยกอโศก-เพชรบุรีมากนัก

ส่วนทางทิศนี้เป็นทางมุ่งหน้าไปพัฒนาการครับ ซึ่งก็พอจะมีอาคารสูงอย่างคอนโดหรือสำนักงานขึ้นอยู่บ้างเหมือนกันนะ โดยโครงการของเราจะตั้งอยู่ทางขวามือนั่นเอง

กลับมาที่หน้าโครงการอีกครั้ง ต่อมาเราจะไปดูทางด้านซ้ายกันบ้างครับ

โดยด้านหน้าโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น และที่ด้านข้างของอาคารนี้ก็จะเป็นถนนส่วนบุคคล ซึ่งด้านในจะมีที่ดินส่วนหนึ่งติดกับรั้วโครงการด้วยนะ

เดินถัดมาก็จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ บรรยากาศจะยังไม่ค่อยคึกคักมากนัก

แต่พอเดินมาหน่อยนึงเราก็จะเจอกับ Family Mart และ Coffee World ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าคอนโด The Niche Pride ครับ

ถัดมาจะเป็นธนาคารกสิกรนะ และเรายังมองเห็นว่ามีสะพานลอยอยู่ทางด้านหน้าอีกด้วย ซึ่งสะพานลอยนี้สามารถใช้เพื่อข้ามไปยังโรงพยาบาลกรุงเทพ และซอย RCA ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ครับ

แต่ระหว่างทางไปสะพานลอย บริเวณนี้จะค่อนข้างคึกคัก เพราะจะเริ่มมีร้านค้า ร้านขายของชำ และเซเว่นแล้วครับ

และนอกจากนี้ที่ใต้สะพานลอยก็ยังมีวินมอไซค์ให้มาใช้บริการกันได้อีกด้วย รวมถึงซอยด้านในนี้ยังมีร้านอาหารแนว Street food ให้เดินมาหาของกินกันได้ เพราะว่าตอนช่วงกลางวันผมเห็นหมอและพยาบาลข้ามสะพานลอยมาทานข้าวที่ฝั่งนี้เยอะเหมือนกันนะ

ปิดท้ายกันที่คอนโด Thru Thonglor ซึ่งด้านหน้าจะมีร้านค้าสะดวกซื้ออย่าง Max Valu และชาบูกูคอยให้บริการอยู่ด้วย สามารถมาทานอาหาร หรือซื้อของไปทำกับข้าวทานกันได้นะครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Bangkok Tower ~ 300 m.
  • อาคารอิตัลไทยทาวเวอร์ ~ 950 m.
  • Thai Summit ~ 1.9 km.
  • สิงห์ คอมเพล็กซ์ ~ 1.9 km.
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 2.5 km.
  • มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ~ 2.5 km.
  • โรงพยาบาลพระราม 9 ~ 3.1 km.
  • โรงพยาบาลสมิติเวช (สุขุมวิท) ~ 3.2 km.
  • ดิ เอ็มโพเรียม ~ 3.4 km.
  • โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร ~ 3.4 km.
  • Interchange Tower ~ 3.4 km.
  • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ~ 3.5 km.
  • Exchange Tower ~ 3.6 km.
  • Rain Hill ~ 3.6 km.
  • ดิ เอ็มควอเทียร์ ~ 3.7 km.
  • J Avenue ทองหล่อ ~ 3.8 km.
  • The Common ทองหล่อ ~ 3.9 km.
  • Bangkok Prep School ~ 4.1 km.
  • โอเชียนทาวเวอร์ ~ 4.2 km.
  • โรงพยาบาลคามิลเลียน ~ 4.4 km.
  • โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ~ 4.7 km.
  • Terminal 21 ~ 4.9 km.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ The Base เพชรบุรี – ทองหล่อ เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น จำนวน 496 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2 ไร่ และมีการออกแบบเป็นสไตล์ Modern ที่เรียบง่าย แต่แอบแฝงไว้ด้วยความ Cozy โดยการเน้นความเป็นธรรมชาติของโครงการให้ร่มรื่น มีการใช้สีพื้นของอาคารเป็นสีเทาเท่ๆ แล้วตัดด้วยกรอบอาคารสีเหลือง-ทอง ที่มาจากแนวคิด “รางวัลชีวิต” หรือบ้านหลังแรกของ First Jobber และภายในยังตกแต่งด้วยวัสดุประเภทไม้ แล้วมีการเล่นสีสันให้โดดเด่น สร้างความสนุกสนานให้ไม่น่าเบื่อในแต่ละโซน ซึ่งนอกจากนี้ยังมี Sky Facilities และ Roof Top Gardenให้ขึ้นไปใช้งานได้อีกด้วย ซึ่งถ้าใครเริ่มสนใจกันแล้ว ก็ตามผมไปชมรายละเอียดในแต่ละจุดกันเลยครับ

เริ่มกันที่ Master Plan กันก่อนนะ ทางเข้า-ออกจะมีอยู่แค่จุดเดียว แต่แบ่งเป็นทางรถยนต์กับทางคนเดินชัดเจนเพื่อความปลอดภัย ส่วนรถก็จะขับเป็น One way วนไปทางซ้าย เพื่ออ้อมไปขึ้นที่จอดรถด้านข้างอาคาร หรือจะวน Drop Off ส่งคนตรงด้านหน้าก่อนก็ได้ และนอกจากนี้ยังมีการแยกอาคาร Clubhouse ออกมาไว้ที่ด้านหน้าอีกด้วย โดยจะเป็น Shop ซึ่งคนภายนอกก็สามารถเข้ามาใช้งานได้ หรือลูกบ้านจะเดินมาจากอาคารด้านในก็สะดวก รวมถึงที่ชั้น 2 ก็จะมี Creative Co – Working Hub ที่สามารถพาคนภายนอกมานั่งทำงาน หรือประชุมกันได้แบบจริงจัง โดยจะไม่ต้องเข้าไปรบกวนพื้นที่ส่วนตัวด้านในโครงการเลยครับ

แต่ถ้าลูกบ้านคนไหนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวของตัวเอง ที่ Lobby ใต้อาคารจะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งซึ่งแบ่งเป็น Co-Living Space ให้ได้มานั่งเล่นและอ่านหนังสือกันได้ เพียงแต่จะไม่ได้มีฟังก์ชันโต๊ะนั่งทำงานจริงจังเหมือน Co-Working ด้านหน้านะครับ แต่ก็จะเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะต้องใช้ Key Card Access ทั้งก่อนเข้า Lobby และตรงโถงลิฟต์อีกรอบหนึ่งนั่นเองครับ

เรามาดูโมเดลที่ชั้นนี้เพื่อจะได้เห็นภาพกันมากขึ้นครับ เริ่มจากทางเข้าโครงการจะไม่ได้มีซุ้มประตูนะครับ แต่จะมีไม้กั้นกระดกระบบ RFID ที่สามารถเปิดแบบอัตโนมัติด้วยสัญญาณ Bluetooth จึงไม่ต้องเปิดกระจกลงมาให้แดดร้อนหรือเปียกฝน ซึ่งข้างๆอาคาร Clubhouse ก็จะมีทางเดินของคนแยกออกมาให้เดินได้ปลอดภัย โดยเค้าจะปลูกต้นไม้ประดับตลอดทาง ซึ่งนอกจากจะให้ร่มเงาแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับ ปรับอารมณ์เวลากลับมาจากด้านนอกให้สดชื่นได้อีกด้วยครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้สังเกตของสวนด้านหน้านี้คือ เค้าจะทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Outdoor ให้คนที่มาใช้งาน Clubhouse สามารถออกมานั่งเล่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศได้ ส่วนคนที่อยู่ Creative Co – Working Hub ชั้น 2 ก็ยังได้ชมวิวไปด้วย รวมถึงต้นไม้พวกนี้ยังทำหน้าที่พรางสายตา ให้กับพื้นที่ภายในโครงการได้อีกด้วยครับ

ส่วนถ้าใครที่ขับรถ จะมาส่งคนที่ Drop Off หน้า Lobby ก่อน หรือจะวนรถไปทางซ้ายเพื่อไปขึ้นชั้นจอดรถเลยก็ได้ครับ สามารถจอดได้ประมาณ 44% แบบไม่รวมซ้อนคัน มีจุดบริการ EV Charger Station สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้พร้อมด้วยนะ

นี่เป็นภาพบรรยากาศจำลองของ Lobby ด้านในอาคารครับ มีการตกแต่งแบบเรียบง่าย และใช้สีแนว Earth tone ที่เป็นวัสดุจากธรรมชาติ ทั้งหินและไม้ ทำให้รู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติมากขึ้นครับ

ส่วนภาพนี้เป็นบรรยากาศจำลองภายใน Co – Living Space ของชั้น 1 ครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชุดโซฟาให้นั่งได้สบายๆ แต่ก็มีชุดโต๊ะเก้าอี้ให้ได้เลือกใช้งานกันได้ด้วยเช่นกัน และบรรยากาศการตกแต่งก็รู้สึกถึงกลิ่นอายแบบ Cozy มากขึ้น ซึ่งจะมีการสอดแทรกสีสันสดใส ที่ดูแล้วสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อครับ

แปลนชั้น 6 เป็นชั้นที่มีทั้งห้องพักอาศัย และ Facilities รวมอยู่ในชั้นเดียวกัน แต่จะแยกส่วนออกจากกันด้วยประตูกระจก ซึ่งต้องใช้ Key Card Access เพื่อความเป็นส่วนตัว โดยห้องพักของชั้นนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลางบ่อยๆ รวมถึงยังได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor อีกด้วยครับ ส่วน Facilities ของชั้นนี้จะเป็นแนว Active Zone ประกอบด้วย Lap Pool และ Fitness ซึ่งจะมีห้องน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บริการในชั้นนี้ด้วย สามารถใช้งานได้สะดวกมากเลยทีเดียว

โดยจากโมเดลชั้น Facilities ภายนอกจะมีการปลูกต้นไม้ต้นใหญ่บริเวณสระว่ายน้ำ เพื่อให้เกิดความร่มรื่น แล้วยังได้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอีกด้วยครับ

ตั้งแต่ชั้น 7 – 35 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมดครับ แต่จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ ชั้น 7 – 12 จะมีห้องพัก 17 ห้อง/ชั้น โดยจะวางโถงลิฟต์ค่อนไปทางซ้ายของอาคาร จึงทำให้ห้องที่อยู่ทางขวาสุดอาจต้องเดินไกลสักหน่อยนะครับ ซึ่งโครงการนี้มีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 166 : 1 ถือว่าหนาแน่นอยู่เหมือนกัน แต่จะมีตำแหน่งห้องที่น่าสนใจดังนี้

  • กรอบสีส้ม : เป็นห้อง 27.25 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดเล็กสุดของโครงการ ถือว่าเป็น Rare item ที่มีเพียงชั้นละห้องเท่านั้น ทั้งโครงการจึงมีเพียง 6 ยูนิต เหมาะทั้งนักลงทุน หรือคนที่มีงบประมาณจำกัด
  • กรอบสีเขียว : เป็นห้องขนาด 40 ตารางเมตร ซึ่งได้วิวของสระว่ายน้ำเป็นแนวยาวสวยเลยครับ มีแค่ตำแหน่งชั้นละห้องเหมือนกัน ทั้งหมดมีแค่ 6 ยูนิตเท่านั้น แต่ผนังห้องก็จะอยู่ติดกับโถงลิฟต์ด้วย จึงอาจทำให้ได้ยินเสียงดังเข้ามาในห้องอยู่บ้างนะ
  • กรอบสีชมพู : เป็นห้องขนาด 45.75 ตารางเมตร ซึ่งเป็นรูปแบบ 2 Bed 1 Bath เพียง 1 ห้อง/ชั้นเท่านั้น โดยชั้นล่างๆจะได้วิวสระว่ายน้ำ ส่วนชั้นสูงๆจะได้วิวเปิดโล่งทางทิศเหนือครับ

แปลนชั้น 13 – 35 ลักษณะจะเหมือนกับแปลนเมื่อสักครู่เลยครับ เพียงแต่ห้องในกรอบสีแดงเมื่อสักครู่นี้ ที่เคยเป็นห้องเล็ก 2 ห้อง จะถูกรวมกันเป็นห้องใหญ่ห้องเดียว เป็นแบบ 2 Bed 2 Bath ขนาด 61.25 ตารางเมตร ซึ่งจะมีเพียง 1 ห้อง/ชั้น และยังทำให้มีเพื่อนบ้านในชั้นลดลงเหลือ 16 ห้องด้วยครับ

แปลนชั้น 36 เป็นอีกชั้นที่มี Facilities อยู่ร่วมกับห้องพักอาศัยครับ แต่ก็แยกโซนเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย ซึ่งชั้นนี้จะเน้นเป็นการพักผ่อนและชมวิว มีทั้ง Sky Lounge และ Sky Entertainment ให้ได้ใช้งานกัน โดยทางโครงการตั้งใจนำเสนอตำแหน่งพื้นที่ตรงส่วนนี้ เพื่อให้ Take View ฝั่ง RCA ซึ่งค่อนข้างเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่โดนบล็อควิวเลยครับ

นี่คือภาพบรรยากาศของ Sky Lounge ซึ่งโดยรอบจะเป็นผนังกระจก ทำให้สามารถ Take View ระยะไกลได้ ซึ่งเค้าได้เตรียมชุดโซฟาไว้ให้ และตรงกลางยังมีโต๊ะพูลให้ได้เล่นกันอีกด้วย

ส่วนภาพนี้เป็น Sky Entertainment Room ครับ ภายในมีจอทีวีกับโซฟาชุดใหญ่ ให้ขึ้นมานั่งเล่น ดูหนัง หรือดูซีรี่ย์กันได้นะ

แปลนชั้นดาดฟ้า ทุกคนมาสามารถขึ้นมาใช้งานชั้นนี้ได้ด้วยลิฟต์โดยสาร ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดมาเองให้เมื่อยครับ ซึ่งพื้นที่ด้านบนนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสวนให้ขึ้นมาชมวิวได้ แต่จะสามารถแบ่งฟังก์ชันที่แตกต่างกันออกเป็น 2 ฝั่ง คือ Rooftop Garden และ Hidden Backyard

จากโมเดลด้านนี้จะเป็น Rooftop Garden ที่สามารถขึ้นมานั่งเล่น ชมสวน ชมวิว หรือปิ้ง B.B.Q. ทานกันได้ครับ

ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็น Hidden Backyard  เป็น Gimmick น่ารักๆ อย่างการปลูกผักไว้ที่ด้านบนนี้ ซึ่งลูกบ้านทุกคนสามารถมาเก็บผลผลิตไปประกอบอาหารเองได้ หรือไปรับจากเจ้าหน้าที่ของโครงการ ที่เค้าจะเก็บไปวางไว้ที่เคาน์เตอร์หน้าโถงลิฟต์ก็ได้ครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น G

  • Clubhouse
  • Shop
  • Creative Co – Working Hub
  • Garden
  • EV Charger Station
  • Lobby
  • Mail Room
  • Co-Living Space

ชั้น 6

  • Swimming Pool ระยะแคบสุด 4.5 m. และกว้างสุด 7.5 m. ยาว 28 m.
  • Kids Pool ขนาด 3.3 x 3.5 m.
  • Fitness
  • ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

ชั้น 36

  • Sky Lounge
  • Sky Entertainment

ชั้น Rooftop

  • Rooftop Garden
  • Hidden Backyard

อื่นๆ

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 166 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 218 คัน หรือคิดเป็น 44% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card / ระบบ RFID
  • พนักงานรักษาความปลอดภัย 24 ชม.
  • LIV-24 (บริการดูแลความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง จาก Sansiri X PLUS Property)

แบบห้อง

มาถึงเรื่องห้องพักกันแล้วนะครับ ซึ่งโครงการก็มีแบบห้องอยู่ทั้งหมด 2 Type 4 ฟังก์ชันนะ ขายแบบ Fully Fitted โดยให้เฟอร์นิเจอร์บางส่วนคือ ชุดครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และเครื่องปรับอากาศเท่านั้นครับ แต่ถ้าใครที่สนใจแบบ Fully Furnished แบบห้องตัวอย่าง ก็สามารถซื้อ Furniture Package กับทางโครงการเพิ่มเติมได้เลย โดยแบบห้องจะประกอบด้วย

  • 1 Bedroom ขนาด 27.25 – 29.25 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 31.75 – 40 ตร.ม.
  • 2 Bed 1 Bath ขนาด 45.75 ตร.ม.
  • 2 Bed 2 Bath ขนาด 61.25 ตร.ม.

ซึ่ง Sale Gallery จะมีห้องตัวอย่างให้ดู 2 แบบคือ 1 Bedroom ขนาด 31.75 – 40 ตร.ม. และ 2 Bed 1 Bath ขนาด 45.75 ตร.ม. จะเป็นอย่างไรบ้างเราไปชมกันเลยครับ

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.75 – 40 ตร.ม. จะมีการแบ่งพื้นที่ Common area กับพื้นที่ห้องนอนออกจากกันอย่างชัดเจนด้วยผนังทึบ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก ซึ่งผมขอเริ่มจาก Common area ด้านนอกก่อนครับ โดยจะเป็นพื้นที่ยาวต่อเนื่องจากครัวเปิดหน้าห้อง ไปยังโต๊ะทานอาหาร พื้นที่นั่งเล่น และระเบียงภายนอก ทำให้ห้องได้ความโปร่งโล่ง กับมีแสงสว่างที่เพียงพอ แต่ก็สามารถกั้นครัวปิดเพื่อทำอาหารจริงจังได้ ส่วนห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน ก็จะสะดวกกับเจ้าของห้องมากๆครับ เวลาลุกเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน หรืออาบน้ำแต่งตัวนี่สบายเลย แต่ถ้าใครที่มีแขกมาหาที่บ้านแล้วต้องการเข้าห้องน้ำ ก็จะต้องผ่านห้องนอนก่อน ซึ่งอาจทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง แต่จุดที่ผมอยากให้สังเกตจริงๆของห้องนี้คือ “ห้องเก็บของ” ครับ ซึ่งปกติแล้วคอนโดขนาดพื้นที่ประมาณนี้จะไม่ค่อยได้เห็นฟังก์ชันนี้กันบ่อยๆนัก (ถ้าไม่ใช่ตัวระดับแพงๆ) แต่โครงการนี้ของแสนสิริก็ตั้งใจออกแบบมา เพื่อแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยของคนอยู่คอนโด ในเรื่องพื้นที่เก็บของหรือเก็บรองเท้าไม่พอครับ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรนั้น ตามผมไปดูกันเลยดีกว่า

ก่อนเข้าไปภายในห้องเราจะเห็น Digital Door Lock ของ Yale ที่ทางโครงการจะติดตั้งมาให้พร้อมกับประตูไม้บานทึบครับ

ส่วนภายในห้องเราจะเจอ Common area ที่ยาวต่อเนื่องไปจนถึงระเบียงภายนอก ซึ่งประตูกระจกก็ทำหน้าที่ดึงแสงธรรมชาติให้ส่องมาถึงหน้าห้องได้ ทำให้สว่างไม่อึดอัดเลยครับ บวกกับความสูงของฝ้าที่มากกว่ามาตรฐานอยู่ที่ 2.6 m. ทำให้ได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งดีเลยทีเดียว

พื้นที่ส่วนแรกจะเป็นครัวเปิดครับ แต่ก็มีระยะที่สามารถกั้นผนังทำเป็นครัวปิดได้นะ (ถ้าเป็นคนชอบทำอาหารจริงจัง) ซึ่งจะช่วยกันกลิ่นและควันจากการประกอบอาหาร รวมถึงกลิ่นอับของรองเท้า ไม่ให้เข้ามารบกวนพื้นที่ภายในห้องได้ครับ

นอกจากนี้พื้นตรงส่วนครัวยังปูเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้อีกด้วยนะ ทำให้สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ที่สำคัญคือ “ไม่กลัวน้ำ” ซึ่งมีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 1.4 x 1.9 m. ส่วนพื้นในห้องจะเป็นไม้ลามิเนตครับ

ด้านขวาของประตูจะเป็นห้องเก็บของครับ ซึ่งเค้าก็ไม่ได้ทำเป็นห้องเปล่าๆโล่งๆนะ แต่จะมีการ Built หน้าบานปิด และทำชั้นวางของภายในมาให้แบบนี้เลยครับ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 90 x 80 cm. สามารถใช้เก็บของชิ้นใหญ่ๆ พวกกระเป๋าเดินทาง อุปกรณ์ทำความสะอาด หรือเก็บรองเท้าใส่กล่อง แล้วมาเรียงเอาไว้ในนี้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นก็ได้ครับ

ส่วนพื้นที่ด้านข้างจะยังมีเหลืออยู่ สามารถทำตู้เก็บของเพิ่มเติมได้ หรือจะทำเป็นที่นั่งใส่รองเท้าแบบนี้ก็ไม่เลว จะได้ใส่รองเท้าได้สะดวกมากขึ้น

ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์ครัวครับ ซึ่งเราจะได้ครบชุดตามนี้เลยนะ ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหลายที่เราจะไม่ได้ แต่ก็ถือว่ามีพื้นที่เก็บของเพียงพอสำหรับการอยู่ 1 – 2 คน ทุกอย่างติดตั้ง soft close มาให้เพื่อกันกระแทกแล้วครับ

เครื่องครัวเป็นของ MEX ซึ่งประกอบด้วย อ่างล้างจาน 1 หลุม ขนาด 40 x 40 cm. ลึก 20 cm. และ Hob&Hood แบบ 2 หัว พัดลมต่อท่อดูดอากาศไปด้านนอก ส่วน Top ครัวจะเป็นหินแกรนิตสีดำ เป็นหินจริงซึ่งมีความสวยงาม แต่ก็จะมีรูพรุนตามธรรมชาติของมันเอง จึงต้องดูแลรักษาดีๆหน่อย ไม่งั้นจะเป็นรอยด่างได้ง่ายครับ ส่วน Backsplash ด้านหลังจะเป็นกระเบื้องลายแบบนี้เลยนะ สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายครับ

ติดกันจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งสามารถวางได้เต็มที่ 2 ที่นั่งแบบนี้ครับ

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น มีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 46 นิ้วได้ และของจริงเราจะได้เป็นห้องเปล่าๆนะครับ แต่ถ้าเราซื้อ Furniture Package ของห้องนี้เพิ่มในราคา 70,000 บาท เราจะได้ชุดเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดแบบในห้องตัวอย่างนี้ไปเลยครับ (ยกเว้นพวกชั้นวางโครงเหล็กที่เป็นส่วนตกแต่งนะ)

ซึ่งนอกจากโต๊ะทานอาหารเมื่อสักครู่แล้ว ก็จะมีโซฟา หมอนอิง 2 ใบ โต๊ะกลางตัวเล็ก และชั้นวางทีวีหน้าตาแบบนี้เลยครับที่จะอยู่ใน Furniture Package

ส่วนประตูกระจกบานเลื่อนจะเป็นกรอบอลูมิเนียม Powder coat สีดำ (สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง) และติดกระจกเขียวตัดแสง ซึ่งจะทำให้ภายในห้องได้แสงธรรมชาติที่สว่างเพียงพอ แต่ก็ไม่ร้อนจนเกินไป รวมถึงสามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้อีกด้วย มีขนาด 2.5 x 0.9 m. และมีราวกันตกสูง 1.1 m. ซึ่งผมชอบระเบียงนี้ตรงที่ เป็นส่วนยื่นออกไปจากผนังห้อง ทำให้กลายเป็นระเบียงเข้ามุมแบบนี้ครับ

ภายนอกจะมีพื้นที่ด้านข้างที่เป็นผนังทึบ เอาไว้วางเครื่องซักผ้า และแขวน Condensing Unit ด้านบนได้ครับ โดยจะเป่าลมร้อนออกไปด้านนอก ทำให้ออกมาใช้งานระเบียงได้จริง และยังทำระแนงเหล็กสูง เพื่อพรางสายตาจากภายนอกไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วย

มองย้อนกลับมาในห้อง ต่อไปเราจะเข้าไปดูห้องนอนที่อยู่ด้านซ้ายกันบ้างครับ ซึ่งกั้นด้วยผนังทึบ ได้ความเป็นส่วนตัว และของจริงก็จะมีประตูไม้บานทึบปิดเอาไว้ให้ด้วยนะ

เมื่อเข้ามาภายในห้องนอน ทางซ้ายมือจะเป็นเตียงนอนขนาด 5 ฟุตครับ ซึ่งห้องตัวอย่างจะวางชิดกับหน้าต่างเลย และมีพื้นที่ปลายเตียงเหลือ 40 cm. พอให้เดินได้เท่านั้น

ช่องหน้าต่างขนาด 1.4 x 1.5 m. ซึ่งจะมีช่องใหญ่สุดกว้าง 85 cm. และแบ่งเป็นหน้าต่างบานเปิดด้านข้างเพื่อระบายอากาศได้อีกด้วย ส่วนผนังปลายเตียงก็สามารถติดทีวีแขวนผนังแบบนี้ได้เลยครับ

ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำนะ

ซึ่งถ้าเราซื้อแบบ Furniture Package ก็จะได้ฐานเตียง 5 ฟุต และตู้ใบนี้มาด้วยครับ ภายในก็สามารถเก็บของได้เพียงพอสำหรับ 1 – 2 คน

ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่มาพร้อมกัน ติดตั้งกระจกเงา และมีเก้าอี้ให้พร้อมเลย ถือว่าครบ พร้อมเข้าอยู่เลยครับ แต่ถ้าใครอยากแต่งห้องเอง ก็สามารถดูการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ของห้องนี้เป็นตัวอย่างก็ได้นะ เพราะเค้าจัดมาค่อนข้างลงตัวหมดแล้ว

ภายในห้องน้ำก็มีขนาดใหญ่ครับ แบ่งพื้นที่ส่วนแห้งกับส่วนเปียกออกจากกันชัดเจน และเราจะได้สุขภัณฑ์ต่างๆในห้องนี้ครบเลย

เริ่มจากพื้นที่ส่วนแห้งก่อน จะมีขนาด 2.5 x 0.95 m. ประกอบด้วย อ่างล้างหน้าห้อง Cotto ขนาด 55 x 45 cm. ลึก 12 cm. ด้านบนติดกระจกเงามาให้ ซึ่งจะเป็นรูปแบบตู้ที่เปิดออกมาเพื่อเก็บของด้านในได้ โดยโครงการนี้ถือเป็นคอนโดแรกของแสนสิริ ที่ใช้เป็นตู้กระจกแบบนี้ครับ ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นโถสุขภัณฑ์ยี่ห้อเดียวกัน มาพร้อมกับสายฉีดชำระ และที่แขวนกระดาษชำระครับ

พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass มีกรอบอลูมิเนียมสีดำ และมีพื้นที่ใช้งานด้านในกว้าง 1.5 x 0.85 m. ถือว่ามีขนาดใหญ่และใช้งานสะดวกมากครับ

ด้านในติดตั้ง Hand Shower และมีก๊อกน้ำแบบก้านโยกที่ใช้งานได้สะดวก ส่วนที่แขวนด้านบนก็ยังสามารถปรับองศาที่ต้องการได้ด้วย ตรงผนังด้านซ้ายจะเจาะช่องทำเป็นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้แบบนี้พร้อมเลย และของจริงจะมี Junction box สำหรับต่อเครื่องทำน้ำอุ่นติดมาให้ด้วยนะครับ

ห้อง 2 Bed 1 Bath ขนาด 45.75 ตร.ม. เป็นห้องมุมที่มีอยู่เพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้นครับ เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย สามารถอยู่ได้ 2 – 3 คน โดยบริเวณหน้าห้องจะทำหน้าที่เป็นทั้งโถงทางเดิน และเป็นส่วนครัวไปด้วยในตัว ซึ่งเราจะได้เป็นครัวเปิดที่อยู่ติดกับระเบียงด้านข้าง ส่วนห้องนั่งเล่นก็จะอยู่ด้านซ้ายสุด ซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากประตูได้ครับ และห้องนอนจะกั้นด้วยผนังทึบแยกออกจากกัน ได้ความเป็นส่วนตัวสูง โดยห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวด้วยครับ แต่จะเป็นห้องน้ำที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง เพราะต้องแชร์กับส่วนกลางและห้องนอนเล็กด้วย ดังนั้นเวลามีแขกมาหา ก็สามารถเข้าจากด้านนอกได้เลย ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไร เราไปชมพร้อมๆกันครับ

เมื่อเข้ามาในห้องนอน สิ่งแรกที่เจอก็คือโถงทางเดินของห้อง ซึ่งจะมีประตูแจกออกไปยังห้องต่างๆ โดยของจริงแต่ละห้องนั้นก็จะเป็นประตูไม้บานทึบ ไม่ได้โปร่งโล่งแบบนี้นะครับ

หันมามองทางด้านซ้ายเราจะพบว่าเป็นพื้นที่ส่วนครัว โดยพื้นบริเวณหน้าห้องจะปูกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้เรียบร้อยแล้วครับ ทำให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งถ้าเราวัดความกว้างจากผนังถึงขอบกระเบื้อง จะมีขนาด 1.5 m. และจากเคาน์เตอร์ครัวถึงขอบกระเบื้องคือ 95 cm. ซึ่งถามว่าสามารถกั้นเป็นครัวปิดได้มั๊ย ความจริงคือได้ครับ แต่ผมไม่แนะนำนะ เพราะเราจะเหลือพื้นทางเดินจากขอบพื้นไม้ถึงผนังเหลือแค่ 45 cm. จะทำให้เดินได้ลำบากครับ

เคาน์เตอร์ครัวก็จะมีลักษณะคล้ายกับห้องก่อนหน้านี้หมดเลยครับ แต่จะมีความกว้างที่มากขึ้นมาหน่อย และมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าด้านล่างด้วย ขนาดประมาณ 55 x 65 cm. สูง 87 cm. ครับ ส่วนด้านซ้ายมือก็มีพื้นที่เหลือให้วางตู้เย็นได้ด้วยนะ

ประตูกระจกทางด้านขวาสามารถเปิดออกไประเบียงภายนอกได้ ซึ่งระเบียงของห้องนี้จะอยู่ทางด้านข้างแทน แต่ผมชอบที่เค้าใช้ประตูบานสวิงค์แบบนี้มากกว่าบานเลื่อน เพราะนี่เป็นระเบียงใช้งานที่ไม่เน้นชมวิว กรอบประตูค่อนข้างหนา มีความแข็งแรง และสามารถปิดได้สนิทอีกด้วย

พื้นที่ระเบียงภายนอกกว้าง 1.55 x 1.1 m. ซึ่งเค้าจะทำเป็นระแนงเหล็กปิดเอาไว้ทั้งหมดเลยครับ ส่วน Condensing Unit ก็จะเป่าลมออกมาด้านข้าง เวลาเปิดแอร์ก็จะมีลมร้อนออกมา ทำให้เหมาะมากที่จะใช้ตากผ้า (แห้งไวแน่นอนครับ)

กลับเข้ามาด้านใน ฝั่งตรงข้ามกับครัวจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารและห้องนั่งเล่นครับ ซึ่งของจริงเราจะได้เป็นห้องเปล่าๆนะ แต่ก็อย่างที่ผมบอกแล้วว่า ถ้าเราซื้อ Furniture Package เพิ่ม ก็จะได้ของที่เห็นในห้องตัวอย่างตามนี้ไปเลย (ยกเว้นของตกแต่ง) โดยราคา Furniture Package ของห้องนี้จะอยู่ที่ 130,000 บาทครับ

เริ่มจากพื้นที่โต๊ะทานอาหารก่อนนะ จะอยู่ติดกับช่องหน้าต่างแบบนี้เลย (ห้องตัวอย่างใช้กระจกเงาตกแต่งแทน ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ก่อสร้าง) ซึ่งถ้าทุกคนลองจินตนาการตามผมนะ ของจริงเวลามีแสงธรรมชาติส่องเข้ามา ทั้งจากหน้าต่างและจากประตูระเบียงกระจกนี้ ก็จะสว่างไปจนถึงบริเวณประตูหน้าห้องได้เลยครับ ดังนั้นใครที่คิดตอนแรกว่าหน้าห้องจะมืด ผมว่าฟังก์ชันในส่วนนี้น่าจะช่วยได้นะ

ถัดมาเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น จะอยู่ติดกับบริเวณหน้าต่าง ซึ่งได้ความสว่างของแสงธรรมชาติ รวมถึงสามารถเปิดระบายอากาศได้อีกด้วย โดยจะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.25 m. ครับ สามารถใช้ทีวี 40 – 46 นิ้วได้

กลับมาที่บริเวณหน้าห้องกันอีกครั้ง ก่อนจะเข้าไปยังห้องน้ำ ผมอยากจะพามาดูตู้เก็บรองเท้านี้สักหน่อย คือจริงๆเราจะไม่ได้ตู้ใบนี้นะครับ (เว้นแต่ว่าเราจะซื้อ Furniture Package) แต่ก็ถือเป็นตำแหน่งที่ดี และเหมาะสมกับฟังก์ชันนี้มากๆเลยครับ

เข้ามาภายในห้องน้ำก็จะมีขนาดที่ใหญ่เหมือนเดิมเลยครับ แยกฟังก์ชันกันชัดเจน และได้สุขภัณฑ์ทุกอย่างตามนี้เหมือนห้องที่แล้วเลย

โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะมีขนาด 1.35 x 1.5 m. และสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทั้งจากในห้องนอนใหญ่ และโถงทางเดินด้านนอกครับ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำด้านในก็จะมีขนาด 1 x 1 m. สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆ มี Hand Shower, เจาะผนังวางของ และมี Junction box ให้เหมือนเดิมนะ

เข้ามาดูในห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในมีขนาดพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างเยอะครับ สามารถใช้งานได้สะดวก มีช่องหน้าต่างเหมือนกับห้องอื่นๆ และติดทีวีแขวนผนังได้ด้วย

บริเวณรอบเตียง 5 ฟุต จะมีระยะเหลือด้านละประมาณ 40 cm. พอที่จะเดินผ่านได้แบบพอดีๆครับ

ส่วนบริเวณหน้าห้องน้ำ ก็สามารถทำตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มเติมได้นะ

ติดกันเป็นห้องนอนเล็กครับ โดยห้องตัวอย่างจัดออกมาเป็นห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถนั่งทำงานอ่านหนังสือก็ได้ หรือไว้รับรองแขกในบ้างครั้งก็ได้ ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ Lifestyle ของแต่ละคนเลยครับ

โดยขนาดพื้นที่ในห้องจริงๆจะกว้าง 2.95 x 2.45 m. ซึ่งก็สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้สบายๆ และใช้เป็นห้องนอนลูกในอนาคตก็ได้ครับ

ส่วนทางซ้ายมือจะมีช่องในผนังที่ยื่นออกไปยังโถงหน้าห้องในตอนแรก ซึ่งเราสามารถวางหรือ Built ตู้เสื้อผ้า/ตู้เก็บของให้เต็มผนังได้แบบนี้เลยนะ

โดยถ้าเราต้องการทำโต๊ะยาวแบบห้องตัวอย่างนี้ด้วย ก็อย่าลืมเว้นระยะสำหรับเปิด-ปิดตู้ด้วยนะครับ

ส่วนสวิตซ์และปลั๊กไฟภายในห้องจะเป็นของ Bticino สีขาว หน้าตาแบบนี้เลย

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.25 ตารางเมตร เป็นห้องที่ขนาดเล็กที่สุดของโครงการ และมีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น เหมาะกับนักลงทุนหรือคนที่มีงบประมาณจำกัด เพราะถ้าคิดเป็นเงินก้อนแล้วก็ถือว่าเป็นราคาเริ่มต้นที่ดีที่สุดของโครงการเลยทีเดียวครับ ส่วนฟังก์ชันภายในผมถือว่าดีมากเลยนะ เริ่มด้วยพื้นที่ Common area ตรงกลางห้อง เป็นการรวมกันระหว่างฟังก์ชันครัวเปิด พื้นที่นั่งเล่น และโต๊ะทานอาหารด้านหลังโซฟา ทำให้ทานอาหารไปและดูทีวีไปได้ด้วย หรือจะใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ไปในตัวก็ไม่เลว

ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อความโปร่งโล่งของพื้นที่ และช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาถึงด้านในห้องได้ ส่วนห้องน้ำผมก็มองว่าเป็นตำแหน่งที่ดีเหมือนกันนะ นอกจากประตูจะเข้าจากห้องนั่งเล่นแล้ว ยังอยู่ติดกับระเบียงด้วย ทำให้สามารถเปิดหน้าต่างระบายอากาศได้ดีเลยล่ะครับ

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.25 ตารางเมตร มีฟังก์ชันที่ต่างจากห้องอื่นๆตรงส่วนครัวครับ ซึ่งนอกจากเราจะได้เป็นครัวที่สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้แล้ว ก็ยังอยู่ติดกับระเบียงภายนอกอีกด้วย ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศได้เต็มที่ เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารจริงจังบนคอนโด อีกทั้งยังเป็นแบบห้องหน้ากว้างที่จัดฟังก์ชันได้ง่ายและลงตัวมากๆครับ

ห้อง 2 Bed 2 Bath ขนาด 61.25 ตารางเมตร เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ และมีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้คือพื้นที่ Common area ที่ใหญ่มากขึ้นตามจำนวนสมาชิกภายในห้อง ส่วนห้องนอนจะแยกออกเป็น 2 ห้อง ซึ่งมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกันเลยครับ ทีเด็ดคือห้องน้ำที่มีแยกเป็น 2 ห้อง ไม่ต้องแย่งกันใช้งาน ซึ่งห้องน้ำของห้อง Master Bedroom จะอยู่ติดกับระเบียงครับ แน่นอนว่าสามารถเปิดระบายอากาศได้ และเป็นระเบียงใช้งานไม่ใหญ่มาก สามารถขนเสื้อผ้ามาซักและตากผ้าตรงระเบียงนี้ได้เลย

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 9 October 2019

  • 1 Bedroom ขนาด 27.25 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 98,715 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bed 1 Bath ขนาด 45.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.xx ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินแกรนิตสีดำ
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
  • จอง : 1 Bedroom 10,000 บาท และ 2 Bedroom 20,000 บาท
  • ทำสัญญา : 1 Bedroom 20,000 บาท และ 2 Bedroom 40,000 บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 63 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : โครงการ The Base เพชรบุรี – ทองหล่อ ตั้งอยู่ติดถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นขาเข้าเมือง ซึ่งตรงไปยังพร้อมพงษ์ อโศก ประตูน้ำ หรือพญาไทได้ง่าย เหมาะกับคนที่ทำงานในย่านนี้ แต่ถ้าเป็นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของถนนเส้นนี้จะยังมีไม่มากครับ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสำนักงานซะมากกว่า มีโรงพยาบาลกรุงเทพและ RCA อยู่ไม่ไกล แต่ก็มีร้านอาหารแนว Street food และร้านสะดวกซื้อให้เดินไปได้อยู่บ้าง และถ้าเป็นห้างใหญ่ๆจะต้องพึ่งพิงห้างบนถนนสุขุมวิทและในซอยเอกมัย – ทองหล่อเป็นหลัก ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลนัก สามารถเดินทางไปได้สะดวกอยู่เหมือนกันครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : ถึงแม้ทางด่วนฉลองรัชจะอยู่ไม่ไกลจากโครงการ ประมาณ 4.5 km. แต่ก็จำเป็นต้องไปกลับรถมาก่อน 850 m. ซึ่งรถก็ค่อนข้างติดพอสมควรครับ จึงต้องเผื่อเวลาสักประมาณ 20 – 30 นาทีด้วยนะ แต่ถ้าเป็นขากลับนี่สบายเลยครับ ลงทางด่วนแล้วตรงมายังโครงการได้เลย หรือถ้าใครทำงานในเมืองก็สามารถขับรถตรงเข้าเมืองได้ทันที โดยโครงการนี้มีที่จอดรถ 44% ถือว่าปานกลางนะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ สามารถเรียกรถสาธารณะอย่างแท็กซี่ได้ง่าย หรือถ้าจะนั่งรถเมล์ก็มีป้ายรถเมล์อยู่ห่างไปประมาณ 300 m. ครับ รวมถึงมีสะพานลอยให้ข้ามถนนได้อีกด้วย แล้วถ้าเป็นวินมอไซค์ ก็จะมีทั้งตรงสะพานลอย และท้ายซอยทองหล่อในระยะ 450 m. ที่สามารถนั่งวินมาลงปากซอย เพื่อมาใช้รถไฟฟ้า BTS ทองหล่อได้ครับ รวมถึงมีท่าเรือทองหล่อเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการเดินทางได้ ในระยะ 550 m. อีกด้วย

วัสดุ : โครงการขายแบบ Fully Fitted คือให้เฉพาะชุดครัว Built in กับเครื่องครัวของ MEX มี Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินแกรนิตสีดำ ติด Blacksplash กระเบื้องมาให้ พื้นครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ พื้นห้องเป็นไม้ลามิเนต ประตูหน้าต่างเป็นกรอบอลูมิเนียม Powder Coat กระจกเขียวตัดแสง ราวระเบียงเหล็ก และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Cotto ติดฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้ ประตูห้องมี Digital Door Lock ของ Yale และได้เครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type และนอกจากนี้ยังมี Furniture Packageให้ซื้อเพิ่ม ซึ่งมีให้ครบแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่อีกด้วยครับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากแต่งห้องเอง หรือไม่อยากเสียเวลาตามหาเฟอร์นิเจอร์ที่ขนาดพอดีกับพื้นที่ของห้องครับ

การออกแบบโครงการ : โครงการนี้ผมชอบเรื่องความเป็นส่วนตัวนะ ถึงแม้อาคารจะสูงถึง 36 ชั้น แต่ก็มีเพื่อนบ้านแค่ 496 ยูนิต เท่านั้น อีกทั้งยังมีการแยกอาคาร Clubhouse ที่มีทั้งร้านค้า และ Co-Working Space ที่อาจมีคนภายนอกเข้ามาใช้งาน ให้แยกออกไปจากอาคารพักอาศัย แถมยังกั้นด้วยสวนที่นอกจากช่วยเรื่องบรรยากาศที่ดีแล้ว ยังช่วยพรางสายตาให้เกิดความเป็นส่วนตัวได้ รวมถึงมีการกระจาย Facilities ออกเป็นหลายๆชั้น เพื่อลดความหนาแน่นของการใช้งาน และมี Sky Facilities ให้ขึ้นไปชมวิวได้อีกด้วย

ส่วนผังอาคารที่เป็นรูปตัว L ซึ่งห้องทางทิศตะวันออกจะถูกบล็อควิวอยู่เหมือนกันครับ จริงๆแล้วถ้า Flip ด้านของอาคารตัว L มาอีกฝั่ง จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้มากขึ้น ส่วนห้องทางทิศใต้ถ้าไม่อยากโดนบล็อควิว ก็จะต้องซื้อห้องชั้น 25 ขึ้นไปนะ แต่ในผังอาคารนี้ก็มีตำแหน่งห้องที่น่าสนใจหลายจุดเหมือนกันครับ เพราะจะมีห้องที่มีแค่ชั้นละ 1 ห้องให้เลือกค่อนข้างเยอะเลย ถือเป็น Rare Item อย่างหนึ่ง ที่ถ้าใครชอบฟังก์ชันห้องนั้นจะต้องรีบจับจองกันให้ดีๆ มีอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 166 : 1 ถือว่าหนาแน่นอยู่เหมือนกันครับ

การออกแบบห้องพัก : มีห้องทั้งหมด 2 Type 4 ฟังก์ชันครับ แบ่งออกเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มี 2 ขนาด และห้อง 2 Bedrooms ซึ่งยังสามารถแบ่งออกได้เป็นแบบ 1 Bath และ 2 Bath อีกด้วย โดยรวมการออกแบบของโครงการนี้จะเน้นความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมากครับ ห้องนอนกั้นด้วยผนังทึบแยกออกไปชัดเจน แต่จะไม่มีการกั้นเป็นครัวปิด เพราะต้องการความโปร่งโล่ง ซึ่งถ้าเป็นห้อง 1 Bedroom ผมจะชอบฟังก์ชันห้องเก็บของมาก เพราะปกติเราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆนัก ใช้เก็บของก็ได้ เก็บรองเท้าก็ดี ส่วนห้อง 2 Bedrooms แบบ 1 Bath ดีตรงที่ห้องน้ำสามารถเข้าได้ 2 ฝั่ง ทำให้ห้องนอนยังใช้งานได้สะดวก และเป็นส่วนตัวอยู่ ส่วนช่องหน้าต่างข้างโต๊ะทานอาหารและประตูระเบียงด้านข้าง ก็ยังมีส่วนช่วยในการทำให้โถงหน้าห้องสว่างมากขึ้น แต่ถ้าทุกคนสังเกตเห็นเหมือนผม ส่วนตัวผมคิดว่าช่องหน้าต่างที่ได้ของโครงการนี้ค่อนข้างเล็กอยู่เหมือนกันครับ

สาธารณูปโภค : ให้มาค่อนข้างหลากหลายครับ และเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตแล้วก็ถือว่าเพียงพอเลยนะ เริ่มตั้งแต่ Clubhouse หน้าโครงการจะมีทั้งร้านค้า และ Creative Co – Working Hub รวมถึงมี EV Charger Station ให้ด้วย ส่วนในอาคารชั้น 1 จะมีทั้ง Lobby และ Co-Living Space สำหรับลูกบ้านแยกออกมาต่างหาก ชั้น 6 เป็น Swimming Pool และ Fitness ส่วนชั้น 36 จะมี Sky Lounge กับ Sky Entertainment และนอกจากนี้ยังสามารถขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าได้อีกด้วย ซึ่งจะมี Rooftop Garden และ Hidden Backyard ให้มาปลูกและเก็บผักไปประกอบอาหารกันได้ครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 100,000 บาท/ตร.ม., 9 October 2019

  • ทำเล 7.75/10 – ติดถนนเพชรบุรี แต่ยังหาของกินในระยะเดินได้ยาก อาคารถูกบังวิวอยู่บ้าง
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – อยู่ฝั่งขาเข้าเมือง ไม่ไกลจากทางด่วน ที่จอดรถปานกลาง 44%
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีให้เลือกหลากหลาย แต่อาจต้องเดิน 300 – 500 m. เพื่อไปต่อรถ
  • วัสดุ 7.75/10 – ถือว่าให้มาดี และเหมาะสมกับราคา ขายเป็น Fully Fitted แต่ถ้าซื้อ Furniture Package เพิ่มจะค่อนข้างคุ้ม
  • แบบ 8.5/10 – เป็นส่วนตัว มีฟังก์ชันห้องและตำแหน่งน่าสนใจหลายจุด
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาเพียงพอต่อจำนวนยูนิต มี Sky Facilities ให้ขึ้นไปใช้งานและชมวิวได้

  • MAIN – UPPER CLASS
  • 7.81 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ The Base เพชรบุรี – ทองหล่อ เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่สามารถเดินทางเข้าเมืองไปพร้อมพงษ์ อโศก และพญาไทได้สะดวก ชอบความเป็นส่วนตัว และมี Facilities หลากหลายน่าใช้งาน แบบห้องลงตัว มี Furniture Package ให้เลือก ไม่ต้องเสียเวลาแต่งห้องเอง มีงบประมาณ 2.69 – 6 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 19,000 – 42,000 บาท/เดือนครับ


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving