รีวิวฉบับที่ 1828 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ The 8 Collection คอนโด Low Rise จาก Richy Place 2002 ที่มีทำเลตั้งอยู่บนถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ เขตพระนคร ซึ่งเราไม่ค่อยจะเห็นคอนโดเกินขึ้นเเถวนี้ซักเท่าไหร่นัก โครงการมีการออกแบบด้วย Modern European Style จัดสระว่ายน้ำไว้ในร่ม ขายแบบ Fully Furnished ในราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.29 ล้านบาท เราไปดูรายละเอียดโครงการกันเลย

Fact @ 4 March 2019

  • The 8 Collection ( ดิ เอท คอลเลคชั่น )
  • บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน)
  • HIGH  CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : เขตพระนคร
  • คอนโด Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร 77 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 14 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ n/a คัน คิดเป็น 40% (ระบบ Hydraulic)
  • ที่ดินประมาณ 0-2-52 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มีนาคม 2562
  • 1 Bedroom 32-43 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 41-45 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1 Bedroom 4.29 ล้านบาท , 2 Bedroom 5.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 140,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 094-432-2626
  • Call Center : 02-886-1817

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.761900, 100.505465

แผนที่จากทางโครงการ The 8 Collection ตั้งอยู่บนถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ ระหว่างแยกวิสุทธิ์กษัตริย์ และ แยกจปร. สามารถเดินทางไปยังสะพานพระราม 8 ถนนราชดำเนิน และ สนามหลวงได้ง่าย

ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ The 8 Collection จะตั้งอยู่บนถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ ทำเลตรงนี้ถือว่าเป็นทำเลโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ที่ถือว่าเป็นย่านเมืองเก่าที่ประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญหลายๆแห่งของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งพื้นที่ที่อยู่รอบนอกเกาะรัตนโกสินทร์ออกมาก็จะพ้นกฏหมายควบคุมการก่อสร้างหรือการดัดแปลงอาคารแล้ว ดังนั้นจึงสามารถที่จะสร้างอาคารใหม่ๆเช่นตึกสูงได้ แต่เนื่องจากพื้นที่ฝั่งพระนคร มักจะเป็นสถานที่ราชการเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็จะเจอกับกฏหมายควบคุมข้ออื่นๆอีก ดังนั้นโครงการประเภทคอนโดมิเนียมหรือที่พักอาศัยใหม่ๆที่เกิดขึ้นจึงมักจะไปเลือกที่ตั้งอยู่ที่อีกฝั่งข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาออกไปนั่นเองค่ะ แต่สำหรับโครงการ The 8 Collection นี้เลยถือว่าเป็นโครงการที่เรียกได้ว่าทำเลค่อนข้างแปลกเลยทีเดียว เพราะมาตั้งอยู่ในฝั่งพระนคร ติดกับสะพานพระราม 8 เลย แถมยังใกล้กับถนนราชดำเนินนอกอีกด้วย ซึ่งในแง่ของการเดินทางแล้ว ถนนหนทางเเถวนี้มักจะมีการตัดกันเป็นโครงข่าย ที่สามารถเชื่อมต่อไปมาถึงกันได้ ดังนั้นจึงสามารถเลือกเดินทางได้สะดวกเลยค่ะ ตัวอย่างเช่น จากหน้าโครงการ ไปยังถนนราชดำเนินนอก สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนพิษณุโลก(วิ่งเข้าถนนเพชรบุรี) ถนนศรีอยุธยา (วิ่งไปยังถนนพญาไทหรือวิ่งขึ้นทางยกระดับราชปรารภไปยังพระราม 9 ได้) หรือเราจะวิ่งเข้ามายังถนนราชดำเนินกลาง ไปสนามหลวง เลาะไปเยาวราช หัวลำโพงก็ได้อีกเช่นกันค่ะ คือจะเรียกว่าจากเกาะรัตนโกสินทร์วิ่งไปเหนือ – ใต้ – ออก – ตก ของกรุงเทพได้เลย

ในส่วนการเดินทางด้วยรถสาธาณะนั้น หน้าโครงการจะมีป้ายรถเมล์ตั้งอยู่เลย และสามารถเรียกรถสาธารณะได้ค่อนข้างง่าย มีรถแท็กซี่ ขับผ่านทางด้านหน้าโครงการตลอดเวลา รวมไปถึงรถตุ๊กๆด้วย ส่วนการเดินทางอื่นๆเช่นรถไฟฟ้านั้น ยังไม่มีสถานีที่ใกล้ รวมไปถึงการเดินทางโดยทางน้ำนั้น เราอาจจะต้องขึ้นรถเมล์ รถเเท๊กซี่ หรือเรียนวินมอเตอร์ไซค์เพื่อไปขึ้นอีกต่อนึงถือว่ายังไม่สะดวกเท่าไหร่นัก จึงเหมาะกันคนที่ไม่เน้นการเดินทางโดยรถไฟฟ้าที่อยากได้ที่อยู่อาศัยในย่านเมืองเก่า ใกล้เกาะรัตนโกสินทร์นี้จริงๆค่ะ

ในแง่ความอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ในระยะเดินสบายยังถือว่าไม่ค่อยมีนะคะ เราอาจจะต้องเดินไปยังแยกวิสุทธิ์กษัตริย์เพื่อหาของกินแทน บริเวณถนนเส้นนั้นจะเริ่มมีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อค่อนข้างมากหรืออาจจะเป็นถนนสามเสนเลยที่มีตลาดอยู่เยอะเลย ส่วนความอุดมสมบูรณ์อื่นๆต้องขอบอกก่อนว่า เนื่องจากย่านนี้ถือว่าเป็นย่านเมืองเก่า ถูกควบคุมด้วยกฏหมายอยู่หลายๆข้อ ดังนั้นพวกห้างสรรพสินค้า หรือ Hyper market ต่างๆนั้นไม่มี ถ้าต้องการจะไปหาซื้อของอาจจะต้องขับรถออกไปเล็กน้อย ที่สะดวกก็เช่นขับข้ามสะพานพระราม 8 ไปยังโซนปิ่นเกล้า บริเวณนั้นก็จะมีห้างอย่างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า โลตัส คอมมูนิตี้มอลล์รวมไปถึงโรงหนังอยู่เยอะ ถึงแม้ย่านนี้จะไม่มีห้างร้าน เเต่ทำเลนี้ก็จะมีสเน่ห์แบบกรุงเก่าอยู่ค่ะ ยิ่งบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ด้วยแล้วถือว่าเป็นย่านที่มีร้านอาหารดั้งเดิมขึ้นชื่ออยู่เป็นจำนวนมาก ไล่ตั้งแต่ท่าพระอาทิตย์ ท่าพระจันทร์ ท่ามหาราช ท่าเตียน ไปเลย ร้านอาหารเยอะมาก เดินชมวัด เดินชิมอาหารได้เพลินๆไม่เบื่อเลยค่ะ หรือถ้าใครชอบไลฟ์สไตล์แบบ Night Life ก็เชิญไปเดินเล่นที่ถนนข้าวสารได้เลย หรือจะหาร้านนั่งชิลล์ๆริมแม่น้ำเจ้าพระยาริมถนนพระอาทิตย์ก็แนะนำนะคะ

เส้นทางการเดินทาง

เส้นทางการเดินทางที่เราจะพาไปชมกันวันนี้เราจะเริ่มจากทางลงทางด่วนยมราชนะคะ วิ่งผ่านแยกยมราชเข้าสู่ถนนพิษณุโลก ผ่านแยกนางเลิ้ง ตรงอย่างเดียวเลยค่ะไปยังแยกวังแดงแล้วเลี้ยวซ้าย ตรงต่อมาจะเจอกับแยกวิสุทธิ์กษัตริย์ที่มีสะพานพระราม 8 ตั้งอยู่ ให้เราเลี้ยวซ้ายอีกที โครงการจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ เราไปชมสภาพการเดินทางจริงกันดีกว่านะคะ

วันนี้เรามาจากทางด่วนศรีรัชนะคะ เลือกลงตรงทางด่วนยมราช จากตรงนี้ทางที่สะดวกสุดก็จะเป็นทางที่วิ่งไปยังถนนพิษณุโลกค่ะ

ลงจากทางด่วนมา ถนนบริเวณนี้จะมีหลายเลนหน่อยให้เราขับตรงไปเลยค่ะ ถ้าเราเลี้ยวซ้ายจากตรงนี้จะเป็นถนนหลานหลวง ซึ่งสามารถใช้เดินทางไปยังผ่านฟ้าหรือไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยได้ค่ะ

เลยแยกมาเราจะเจอกับโรงพยาบาลมิชชั่นตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ถนนพิษณุโลกช่วงนี้จะเป็นถนนฝั่งละ 3-4 เลน แยกฝั่งขาเข้าขาออกชัดเจน ขับค่อนข้างง่ายค่ะ

ขับตรงมาจะเจอกับแยกนางเลิ้ง ให้เรายังคงตรงไปต่อนะคะ

ตรงมาเรื่อยๆยาวไปเลยค่ะ จะผ่านสะพานชมัยมรุเชฐ

เรายังคงขับตรงไปนะคะ พื้นที่บริเวณนี้จะเป็นสถานที่ราชการเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจะไม่ค่อยมีอาคารสูงหรือที่พักอาศัยให้เห็นมากนักค่ะ

ตรงมาจะเจอกับแยกสวนมิสกวัน ซึ่งจะตัดกับถนนราชดำเนินนอก ตรงนี้ถ้าเราเลี้ยวขวาจะเป็นพระบรมรูปทรงม้าและพระที่นั่งอนันตสมาคม ส่วนถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะไปยังถนนราชดำเนินกลางค่ะ ช่วงที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองต่างๆ บนถนนเส้นนี้มักจะประดับประดาไปด้วยไฟสวยงามน่ามาเดินชมมากค่ะ

เรายังคงขับตรงต่อไปบนถนนพิษณุโลกนะคะ

เราจะมาเลี้ยวซ้ายตรงแยกวังแดงที่ตัดกับถนนนครราชสีมาค่ะ

พอเลี้ยวมาเราจะเจอกับสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาทางซ้าย

ตรงต่อมาเรื่อยๆข้ามคลองและแยกประชาเกษมไป

เลยแยกประชาเกษมมาถนนเส้นนี้จะชื่อว่าถนนประชาธิปไตยค่ะ บริเวณนี้สองข้างทางจะเริ่มเป็นชุมชนมากขึ้น มีร้านอาหารค่อนข้างมาก มีรถสาธารณะวิ่งผ่าน

ตรงมาเราจะเจอกับสะพานพระราม 8 นะคะให้เราเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังถนนวิสุทธิ์กษัตริย์เลยค่ะ

พอเลี้ยวซ้ายมาเราจะมาอยู่ที่ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์เเล้ว ขวามือที่เราเห็นถนนยกระดับตรงนี้จะเป็นทางขึ้นของสะพานพระราม 8 ส่วนทางลงมายังฝั่งพระนครนี้จะลงมาก่อนแยกวิสุทธิ์กษัตริย์ที่เราเพิ่งเลี้ยวผ่านมา ดังนั้นสำหรับใครที่เดินทางมาจากสะพานพระราม 8 รับรองว่าไม่เลยโครงการไปอย่างแน่นอนค่ะ

ตัวโครงการจะตั้งอยู่ทางซ้าย ใกล้ๆทางขึ้นสะพานพระราม 8 ค่ะ

สำหรับใครที่จะต้องเดินทางโดยใช้สะพานพระราม 8 นะคะ จุดกลับรถอันที่จริงก็อยู่ไม่ไกลจากโครงการเลย คือถนนจะบังคับให้เราเลี้ยวซ้ายเพื่อออกจากโครงการอยู่แล้ว ทีนี้พอเราขับไปถึงถนนราชดำเนินนอกก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปถนนราชดำเนินนอกเลย จุดกลับรถจะอยู่ไม่ไกลค่ะ สามารถกลับรถแล้วรอไฟแดงเลี้ยวขวาเพื่อกลับมายังถนนวิสุทธิ์กษัตริย์เพื่อขึ้นสะพานพระราม 8 ได้เลย

ส่วนขาลงจากสะพานพระราม 8 อันนี้ง่ายกว่าเดิมอีก เพราะถึงแม้ว่าทางขึ้นจะอยู่หน้าโครงการเรา แต่ว่าขาลงนี่จะอยู่ก่อนถึงเเยกวิสุทธิ์กษัตริย์ค่ะ ดังนั้น ถ้าเรามาจากสะพานพระราม 8 เราก็ลงสะพาน ผ่านแยกวิสุทธิ์กษัตริย์ เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการได้ทันที ถือว่าสะดวกอยู่นะคะ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ 

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์นับเป็นทำเลหนึ่งในเขตพระนครที่ไม่ค่อยจะมีโครงการพักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นซักเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นทำเลที่ใกล้เขตพระราชฐาน ทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีข้อจำกัดทางด้านกฎหมายค่อนข้างมาก ดังนั้นสภาพเเวดล้อมรอบๆโครงการในปัจจุบันจึงเป็นอาคารเก่าเป็นส่วนใหญ่ และมักจะเป็นตึกเเถวเก่า หรือตึกแถวที่ถูกดัดแปลงเป็นอาคารพาณิชย์เช่นธนาคาร ศูนย์ซ่อมรถยนต์ เป็นต้น และด้วยความที่ถนนหน้าโครงการเป็นถนนใหญ่ด้วย ความอุดมสมบูรณ์ต่างๆจึงอาจจะต้องอิงไปที่แยกวิสุทธิ์กษัตริย์มากกว่าค่ะ

  • ทิศเหนือ – ติดกับที่พักอาศัยสูงไม่เกิน 2 ชั้น และโรงเรียนนายร้อย จปร.
  • ทิศใต้ – ติดกับถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ซึ่งเป็นถนนทางเข้าหลักของโครงการ เเละติดกับสะพานพระราม 8 (ขาขึ้น) ฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นอาคารตึกแถว สูงไม่เกิน 4 ชั้น
  • ทิศตะวันออก – ติดกับธนาคารไทยพาณิชย์ สูงประมาณตึก 4 ชั้น
  • ทิศตะวันตก – ติดกับที่ดินเปล่าและตึกแถวสูงประมาณ 3 ชั้น

ทิศใต้ ติดกับถนนวิสุทธิ์กษัตริย์และทางขึ้นสะพานพระราม 8

ทิศใต้ หน้าโครงการมีทางเข้าให้เดินได้สบาย และมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการเลยค่ะ นั่งไปตัดกับถนนราชดำเนินนอกและถนนหลานหลวงได้

ทิศตะวันตก ติดกับโครงการ(ตัวโครงการคือทางขวาของภาพ) จะเป็นที่ดินเปล่า ถัดออกมาจะมีอาคารตึกแถวสูง 3 ชั้น

ทิศตะวันตก มองจากโครงการออกไปยังที่ดินเปล่าข้างๆโครงการค่ะ

ทิศตะวันออก ติดกับธนาคารไทยพาณิชย์สูงประมาณตึก 4 ชั้น

ทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามกับถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ จะเป็นศูนย์ Toyota ค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • UN หรือ United Nations ~ 650 m.
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ~ 450 m.
  • แบงค์ชาติ ~ 1 km.
  • ป้อมพระสุเมรุ ~ 2.6 km.
  • เยาวราช ~ 3.7 km.
  • โรงเรียนสตรีวิทยา ~ 1.4 km.
  • โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ~ 3.1 km.
  • โรงเรียนจิตรลดา ~ 2.9 km.
  • โรงพยาบาลศิริราช ~ 5.2 km.
  • มหาลัยธรรมศาตร์ ท่าพระจันทร์ ~ 2.4 km.
  • สนามหลวง ~ 2.1 km.
  • เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ~ 5.3 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

The 8 Collection เป็นคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 0-2-52 ไร่ ประกอบไปด้วยที่พักอาศัยจำนวน 77 ยูนิต เป็นห้องแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom โครงการออกแบบด้วยสไตล์แบบ Modern European เป็นการนำเอาองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมแบบยุโรปมาลดทอนรายละเอียดลง เน้นโทนสีขาวเเละเทาเป็นหลัก ตัวอาคารเป็นอาคารเดียวที่สร้างค่อนข้างเต็มพื้นที่ ดังนั้นจึงจะไม่มีพื้นที่สวนให้มากนัก

การจัดวางพื้นที่ใช้สอยต่างๆจะแบ่งออกเป็นชั้น 1 จะเป็นพื้นที่จอดรถ เป็นระบบแบบ Hydraulic ซึ่งจะเป็นการยกรถจอดซ้อนคันในแนวตั้งซึ่งตรงนี้ก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียนะคะ  เพราะในแง่การใช้งานจริงอาจจะต้องมีการฝากกุญแจไว้ เผื่อกรณีที่รถที่จอดซ้อนด้านบนเราอยู่ต้องการจะออก บางคนอาจจะไม่สะดวกใจในการฝากกุญแจไว้ แต่ระบบนี้ก็จะเป็นตัวเลือกที่ทำให้โครงการนี้สามารถจอดรถได้มากขึ้น จำนวนที่จอดรถของโครงการนี้จะอยู่ที่ประมาณ 40% ค่ะ นอกจากพื้นที่จอดรถแล้ว ที่ชั้นนี้จะมี Lobby ที่เข้าไปยัง ลิฟต์ได้โดยตรง โดยพื้นที่ส่วนกลางหลักๆจะถูกวางไว้ที่ชั้น 2 ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ พื้นที่ส่วนกลางก็จะประกอบไปด้วย ฟิตเนส และสระว่ายน้ำที่อยู่ในร่ม สามารถมาใช้งานได้ตลอดเวลา ส่วนที่เป็นห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 7 ค่ะ

ทางเข้า-ออกของ The 8 Collection จะมีอยู่ทางเดียวคือหน้าอาคารซึ่งหันไปทางทิศใต้หรือถนนวิสุทธิ์กษัตริย์นั่นเองค่ะ

ห้องที่อยู่ทางฝั่งทิศตะวันตก ตอนนี้ที่ดินฝั่งนี้ข้างๆยังเป็นที่ดินเปล่าอยู่ และเป็นอาคารประเภทตึกแถวสูง 3-4 ชั้น ดังนั้นห้องที่อยู่บนๆ ตำแหน่งเหนือสระว่ายน้ำนั่นเเหละค่ะ จะเป็นห้องที่สามารถมองไปเห็นวิวสะพานพระราม 8 ได้ด้วย

มาเริ่มที่ชั้น 1 กันก่อนเลยค่ะ ทางเข้า-ออกของอาคารนั้นจะมีอยู่ทางเดียวติดกับถนนวิสุทธิ์กษัตริย์นะคะ เมื่อเข้ามาที่ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่จอดรถแทบทั้งชั้นเลยค่ะ วนรอบๆส่วนลิฟท์ของโครงการ โดยที่จอดรถนับช่องจอดเเล้วจะได้อยู่ที่ 29 คัน แต่ว่าโครงการนี้จะติดตั้งระบบ Hydraulic ไว้ให้เพื่อที่จะได้ที่จอดรถเพิ่มขึ้นอีกในแนวตั้ง ซึ่งทางโครงการบอกมาว่าสามารถจอดรถได้ประมาณ 40 % นะคะ และเนื่องจากโครงการสร้างค่อนข้างเต็มพื้นที่เลย ดังนั้นในส่วนที่เป็นพื้นที่สีเขียวจึงมีไม่มาก จะอยู่ที่บริเวณทางเข้าโครงการและมุมอาคารด้านในเล็กน้อย ตรงกลางของอาคารเป็นถูกจัดเป็นห้องทำงานนิติบุคคล ก็จะสะดวกสำหรับคนที่มาติดต่อ หรือมาส่งพัสดุต่างๆด้วย นอกจากนี้ก็จะมีที่นั่งพักผ่อนบริเวณ Lobby ที่อยู่หน้าลิฟต์ค่ะ

มาต่อกันที่ชั้น 2 การที่จะสามารถขึ้นมาที่ชั้นนี้ได้นั้น จะต้องขึ้นมาทางลิฟต์โดยสารของอาคารเท่านั้น ซึ่งจะมีอยู่ 2 ตัว เป็นลิฟต์ล็อคชั้น ขึ้นได้เฉพาะชั้น 2 ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางและชั้นห้องพักอาศัยของตัวเองเท่านั้น พอขึ้นมายังชั้น 2 พื้นที่ส่วนกลางจะประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำที่อยู่ในร่ม ฟิตเนส และห้องน้ำค่ะ ส่วนห้องพักอาศัยก็จะเริ่มตั้งแต่ชั้นนี้เลย โดยทางเดินส่วนที่เป็นห้องพักอาศัยจะมีประตูกั้นอีกที สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่อยู่ชั้นนี้ ทำให้คนอื่นไม่สามารถเดินผ่านหน้าห้องเราได้ ไม่วุ่นวายค่ะ ในส่วนการวางห้องพักของโครงการนี้ มีสิ่งที่เราชอบอยู่คือ ถึงแม้ตัวอาคารจะสร้างเต็มพื้นที่ และมีห้องพักที่มองออกไปแทบทุกทิศ แต่การนำลิฟต์ไว้ตรงกลาง และมีทางเดินแยกออกไปสองฝั่งทำให้ห้องพักเกือบทุกห้องจะได้ทางเดินหน้าห้องแบบ Single Corridor ทั้งหมดเลย ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นอีก และที่ปลายสุดของทางเดินทางด้านหน้าและด้านหลังอาคาร มีหน้าต่างที่ช่วยให้ทางเดินไม่มืดเกินไป และยังช่วยระบายอากาศบริเวณโถงทางเดินได้อีกด้วยค่ะ ในส่วนของรูปแบบห้องพักจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ทั้งหมดเลย จะมีห้อง 2 Bedroom อยู่ที่มุมของอาคารเดินเข้าไปลึกสุด แต่ก็จะเป็นห้องที่ใหญ่สุดค่ะ

พอขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเหมือนกับชั้น 2 เกือบทั้งหมดเลย แต่จะมีพื้นที่ตำแหน่งบนฟิตเนส ที่จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom Type ที่ใหญ่ที่สุดของโครงการแทน ซึ่งห้องนี้จะมีข้อดีที่มีหน้าต่างด้านข้างสามารถมองลงไปเห็นสระว่ายน้ำได้ด้วยค่ะ และทางเดินจากลิฟต์ที่เดินไปยังห้องพักทางทิศเหนือ ก็จะมีหน้าต่างบริเวณทางเดินที่มองลงไปยังสระว่ายน้ำได้เช่นกัน คนที่อยู่ชั้นนี้ก็สามารถมองส่องก่อนได้ ว่ามีคนใช้งานสระเยอะไหม ถ้าไม่มีค่อยลงไปใช้งานก็จะได้ความสะดวกอะไรแบบนี้อยู่เหมือนกัน

ที่ชั้น 4-7 จะเป็นชั้นมาตรฐานค่ะ คือห้องพักทั้ง 4 ชั้นนี้จะเหมือนกันเลย แต่จะมีจำนวนห้องมากขึ้นเป็น 14 ยูนิตต่อชั้น แต่ก็จะไม่รู้สึกว่าเยอะขนาดนั้นนะคะ เพราะเมื่อเดินออกมาจากลิฟต์จะถูกแบ่งออกเป็นห้องที่อยู่ทางทิศเหนือและห้องที่อยู่ทางทิศใต้อีก ทำให้จำนวนคนที่ใช้งานไม่เยอะขนาดนั้น โดยห้องที่อยู่ทางหน้าอาคารที่อยู่ชั้นสูงๆและห้องที่อยู่ทิศเหนือ พอจะได้วิวสะพานพระราม 8 อยู่นะคะ ถือเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลย ที่เป็น Low Rise แต่ได้วิวสะพานพระราม 8 ด้วย แต่สำหรับห้องที่อยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้านข้างโครงการตอนนี้ยังเป็นที่ดินเปล่าอยู่ แต่ในอนาคตอาจจะมีอาคารสร้างขึ้นมาได้ เพราะมีการล้อมรั้วและแปลงที่ดินก็สามารถขึ้นเป็นอาคารได้  ซึ่งถ้าความสูงพอๆกันก็อาจจะบังวิวนี้ได้เช่นกันค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศการตกแต่ง Lobby และโถงลิฟต์ที่ชั้น 1 ลิฟต์ของอาคารนี้จะมีทั้งหมด 2 ตัว อัตราส่วนความหนาแน่นการใช้งานจะอยู่ที่ 1:38.5 ถือว่าน้อยมากเลยนะคะ การตกแต่งก็จะเน้นวัสดุลายหินอ่อน มีการตกแต่งด้วยการเน้นเส้นสายทั้งพื้นเเละผนังค่ะ

ขึ้นมาชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการ จะมีสระว่ายน้ำ และ ฟิตเนส ซึ่งโครงการนี้จะให้มาเป็นสระว่ายน้ำในร่ม กว้าง 5.80 ม. ยาว 12.00 ม. ลึก 0.95 ม.(รวมสระเด็ก)สระเด็ก ลึก 0.55 ม. พื้นที่ตรงนี้จะกินพื้นที่ไปทั้งหมด 2 ชั้นทำให้มีความสูงเป็นแบบ Double Volume ดูไม่อึดอัดแม้จะอยู่ในร่มค่ะ

ด้วยความที่สระว่ายน้ำเป็นสระในร่มเลย ทำให้การมาใช้งานเราสามารถมาใช้งานได้ทั้งวันเลย ไม่ร้อนค่ะ ถือว่าเป็นข้อดีเหมือนกัน

ข้างๆกันจะเป็นห้องฟิตเนส จากภาพจำลองบรรยากาศภายในฟิตเนสเราจะเห็นว่าฟิตเนสจะเป็นห้องที่มีกระจก 3 ด้านเลย คือด้านนึงจะมองเข้ามายังส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำได้ ส่วนที่เป็นด้านกว้างจะมองออกไปหน้าอาคารซึ่งเป็นถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ ส่วนทิศตะวันออกจะเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ค่ะ ไม่ใช่วิวเหมือนตึกสูงแบบนี้นะคะ

ด้วยการออกแบบผังของโครงการที่มีทางเดินหน้าห้องพักเเยกออกไป ทำให้ทางเดินเกือบทั้งหมดจะได้เป็นแบบ Single Corridor คือจะไม่มีห้องพักตรงข้ามกับห้องเราค่ะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเราได้ด้วย ตัวพื้นก็จะปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนที่ลวดลายต่อเนื่องมาจากบริเวณหน้าโถงลิฟต์เลย

นอกจากนี้ที่ปลายสุดทางเดินทิศเหนือกับใต้จะมีหน้าต่างซึ่งสามารถช่วยระบายอากาศและความชื้นบริเวณทางเดิน และยังช่วยให้เเสงสว่างส่องเข้ามาบริเวณทางเดินได้ด้วยค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ กว้าง 5.80 ม. ยาว 12.00 ม. ลึก 0.95 ม.(รวมสระเด็ก) สระเด็ก ลึก 0.55 ม.
  • ห้องออกกำลังกาย
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 38.5:  1
  • ที่จอดรถประมาณ n/a คันคิดเป็น 40%
  • Access Card
  • ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.
  • Digital Door Lock


Product Walkthrough

ห้องพักอาศัยของโครงการ The 8 Collection จะมีทั้งหมด 77 ยูนิต แบ่งเป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 32-43 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom ขนาด 41-45 ตร.ม. มีแบบให้เลือกอยู่หลาย Type ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของห้องพักค่ะ โครงการนี้จะขายเป็นแบบ Fully Furnished ค่ะ เฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะมีคร่าวๆตามนี้นะคะ จำนวนหรือรูปแบบขึ้นอยู่กับ Type ห้องอีกที ซึ่งอาจจะต้องถามทาง Sale office โดยตรงอีกครั้งนะคะ

  1. เตียงนอน
  2. โต๊ะทำงานกึ่งโต๊ะเครื่องแป้ง
  3. เก้าอี้โต๊ะทำงาน
  4. ตู้เสื้อผ้า
  5. ผ้าม่าน
  6. ชั้นวาง Tv
  7. โซฟา
  8. โต๊ะกลางหน้าโซฟา
  9. โต๊ะทานข้าว
  10. เก้าอี้ทานข้าว X 2

โดยรีวิวนี้เราจะมีห้องตัวอย่างมาให้ดู 1 ห้อง เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Type B ขนาด 36.5 ตร.ม. ตรงนี้ต้องขอบอกก่อนว่าเฟอร์นิเจอร์จริงที่ได้จะไม่เหมือนในห้อง รายละเอียดอาจจะต้องไปเช็คที่ทาง Sale office ของโครงการอีกที ทั้งเรื่องดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์และจำนวนเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ซึ่งอาจจะเเตกต่างกันไปในแต่ละห้องอีกเช่นกันค่ะ

มาดูที่ผังห้องกันก่อนนะคะ ห้องนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom Type B ขนาด 36.5 ตร.ม. หันหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่ะ ห้องนี้จะแบ่งพื้นที่ค่อนข้างเป็นสัดส่วน มาฟังก์ชันให้มาครบ มีห้องน้ำที่สามารถเข้าได้ 2 ทางด้วย ทำให้ได้ข้อดีที่ห้องนอนก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ โดยเมื่อเข้ามาในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัวก่อนทางขวามือ เป็นเคาน์เตอร์ที่ให้ Hob&Hood และอ่างล้างจานมาให้ครบ ต่อเนื่องไปกับพื้นที่วางตู้เย็น ครัวที่ได้นี้จะเป็นครัวเปิดซึ่งเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ถัดเข้าไป ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นประตูห้องน้ำที่เข้าได้จากพื้นที่ส่วนกลางของห้อง ทำให้แขกไปใครมาที่มาเยือนห้องเราแล้วอยากใช้ห้องน้ำ ก็ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนเราเพื่อเข้าไปใช้ ระหว่างประตูเข้าห้องน้ำกับห้องครัวจะมีพื้นที่ที่สามารถจัดวางโต๊ะทานข้าวขนาด 2 ที่นั่งได้ ถัดจากพื้นที่ตรงนี้เข้าไปจะเป็นห้อง Multi-purpose room โดยจะมีกระจกใสบานเลื่อนกั้นเเบ่งพื้นที่ออกจากกัน ในขณะเดียวกันก็ยังได้แสงสว่างจากภายนอกอาคารเข้ามายังด้านในห้องได้ด้วย ห้อง Multi-purpose หรือห้องอเนกประสงค์นี้เราสามารถจัดวางเป็นห้องทำงานได้ หรือจะนำเตียง 3 ฟุตมาวางเพื่อเป็นห้องนอนสำหรับอีกคนก็ได้เหมือนกันค่ะ มาดูที่ห้องนอนกันบ้าง ส่วนของพื้นที่พักผ่อนที่เป็นห้องนอนนี้จะถูกกั้นด้วยประตูบานทึบ ทำให้การใช้งานสามารถแยกออกจากกันได้ชัดเจน เช่นอยู่กัน 2 คน คนนึงอยากดูหนัง คนนึงอยากนอนพักผ่อน แสงและเสียงก็จะไม่รบกวนกันด้วย ภายในห้องนอนก็จะมีพื้นที่สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้เลย มีระเบียงที่สามารถออกไปใช้งานได้ และมีพื้นที่ก่อนเข้าไปยังห้องน้ำที่สามารถจัดเป็น Walk-in Closet ได้ ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องน้ำที่จัดฟังก์ชันเเยกส่วนเปียกและส่วนแห้งออกมาทำให้สามารถใช้งานได้สะดวก โดยรวมถือว่าห้องนี้เป็นห้องที่ขนาดกำลังพอดี สามารถจัดฟังก์ชันได้ครบเเละใช้พื้นที่ได้ค่อนข้างคุ้มค่าเลยค่ะ เราลองไปดูห้องตัวอย่างจริงกันเลยดีกว่า

โครงการนี้จะให้ Digital Door Lock ของ HAFELE มาด้วยนะคะ แต่เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการติดตั้ง เราจึงยังไม่มีภาพจริงมาให้ดู เมื่อเข้ามาภายในห้องความสูงของห้องนี้จะอยู่ที่ 2.4 เมตร พื้นภายในห้องจะได้เป็นพื้นลามิเนต ผนังและฝ้าเพดานจะได้เป็นฉาบเรียบทาสีขาว มีไฟดาวน์ไลท์ฝังฝ้ามาให้ ในส่วนของพื้นที่ใช้สอย เราจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวทางขวามือ มีโต๊ะทานอาหารทางซ้ายมือ ตรงเข้าไปจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นค่ะ

ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวบริเวณหน้าประตูห้องน้ำจะมีพื้นที่เหลือสามารถทำ Built-in เป็นชั้นเก็บของ หรือชั้นวางรองเท้าก็ได้ เราจะได้มีพื้นที่เก็บดูเรียบร้อยมากขึ้นไม่รกแล้วยังช่วยไม่ให้ฝุ่นจากรองเท้าปลิวไหลไปทั่วห้องทำให้ห้องสกปรกอีกด้วย ระยะทางเดินจะอยู่ที่ประมาณ 1.35 เมตร ถือว่ากว้างเลยค่ะเดินสวนกัน 2 คนสะดวกเลย

มาดูที่ครัวกันก่อน เคาน์เตอร์ครัวจะได้ทั้งตู้บนและตูล่างหน้าตาแบบนี้ค่ะ การออกแบบจะมีการเดินงานระบบปลั๊กไฟไว้ให้เอาไว้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นตู้เย็น ไม่โครเวฟ เครื่องปั่นต่างๆ ตำแหน่งเหมาะสมกับการใช้งานค่ะ

เคาน์เตอร์ชิ้นล่างจะมีช่องสำหรับวางไมโคเวฟ และเป็นตู้บานเปิดสามารถวางถังขยะ หรือเก็บอุปกรณ์ครัวต่างๆได้

ส่วนชั้นบนก็จะเป็นบานเปิดสวิงเช่นกัน มีช่องต่างๆดังนี้ค่ะ (ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้เปิดตู้ซ้ายมือให้ดู พอดีผู้เขียนตัวเล็กไปหน่อยเปิดไม่ถึงค่ะ อ้างอิงได้ว่าสำหรับคนที่ความสูงประมาณ เมตรครึ่งนั้นการเปิดก็อาจจะลำบากนิดนึงนะคะ)

พื้นที่เคาน์เตอร์มีขนาดกว้าง 1.4 เมตร มีเตาไฟฟ้าเเละเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนให้มาพร้อมกับอ่างล้างจาน ด้านหลังมีติดตั้ง Back splash มาให้เป็นกระจก ช่วยให้การทำความสะอาดคราบและเขม่าควันจากการทำอาหารได้ง่ายขึ้น พื้นที่บนเคาน์เตอร์พอมีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารอยู่บ้าง แต่ถ้าให้สะดวกเราอาจจะเลือกซื้อกระดานที่สามารถวางครอบอ่างล้างจานได้ เอามาวางเพื่อเพิ่มพื้นที่เตรียมอาหารก็ได้ค่ะ

ส่วนอ่างล้างจานจะเป็นสแตนเลสให้มา 1 หลุม

ส่วนเตาไฟฟ้าจะให้มา 2 หัว ทั้งเตาเเละเครื่องดูดควันจะได้เป็นของยี่ห้อ TEKA ทั้งคู่เลยค่ะ เป็นระบบหมุนเวียนในเครื่องนะคะ ไม่ได้เป่าออกนอกห้อง

ถัดจากครัวมาเรามาดูพื้นที่ส่วนต่อไปกันเลยนะคะซึ่งก็คือพื้นที่รับประทานอาหารนั่นเอง ตำแหน่งจะอยู่ตรงข้ามกับตู้เย็นพอดี มีระยะทางเดินประมาณ 80 ซม. ยังถือว่าเป็นระยะที่เดินสะดวกเลย ไม่ต้องเอี้ยวตัวหลบอะไรทั้งสิ้น

พื้นที่ตรงนี้สามารถวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งได้ ซึ่งถ้าเราไม่ใช้งานก็จะสามารถเลื่อนเก็บได้ก็จะทำให้การใช้งานอื่นๆเช่นเดินเข้าไปยังห้องน้ำ หรือเดินเข้าไปยังห้องนอนสามารถทำได้สะดวก แต่ถ้าเราใช้งานอยู่ระยะการเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งอาจจะขวางทางเดินหน้าประตูเล็กน้อยนะคะ ผนังทึบระหว่างประตูนี้จะมีขนาดกว้างประมาณ 1.25 เมตร

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ส่วนนั่งเล่นค่ะ ตำแหน่งตรงนี้จะค่อนข้างดีเลย เพราะว่าเป็นตำแหน่งที่คนสามารถเดินเข้าออกห้องนอนได้โดยไม่ผ่านหน้าคนที่กำลังดูทีวีอยู่ ความกว้างของห้องนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.35 เมตร เมื่อเราจัดวาโซฟาและชั้นวางทีวีแล้วก็ยังเหลือทางเดินอยู่ประมาณ 1.1 เมตร ถึงว่ากว้างเดินไปยังห้องอเนกประสงค์ด้านในได้สบายเลย เราอาจจะหาโต๊ะหน้าโซฟามาวางเพิ่มก็ได้ค่ะ

ตำแหน่งนี้อาจจะเลือกโซฟาแบบ 3 ที่นั่งมาวางก็ได้นะคะ เผื่อใครชอบนอนดูทีวีก็จะได้เหยียดยืดได้เต็มที่เลย ขี้เกียจเดินเข้าห้องนอนก็หลับตรงนี้ไปเลยก็ได้ค่ะ

ส่วนตำแหน่งตรงข้ามกับโซฟาจะสามารถทำเป็นชั้นวางทีวีหรือ Built-in เต็มเป็นชั้นวางหนังสือด้วยก็ได้ ผนังตรงนี้จะกว้างประมาณ 1.3 เมตรนะคะ

ถัดเข้ามาจะเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ พื้นที่ส่วนนี้จะถูกแยกออกจากส่วนห้องนั่งเล่นโดยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ที่กว้างเต็มหน้ากว้างของห้องและสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดานเลย ทำให้แสงสว่างจากภายนอกยังสามารถเข้ามายังพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่นได้

ตัวรางจะมีทั้งบนและรางล่าง ตรงนี้ดีที่เวลาเราเลื่อนปิดเปิดจะเลื่อนได้ง่ายขึ้น ไม่ตกราง ด้วยค่ะ

พื้นที่ภายในห้องอเนกประสงค์จะมีขนาดประมาณ 2.35×1.7 เมตร ด้านในจะติดกับหน้าต่างบานกระทุ้งที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ด้วย

การใช้งานภายในห้องนี้ในห้องตัวอย่างจะทำมาเป็นไอเดียห้องทำงานให้ดู ซึ่งเราสามารถปรับเลือกให้เฟอร์นิเจอร์อื่นๆได้ตามความชอบเลยนะคะ อาจจะเป็นโต๊ะวางชิดผนังแทนก็ได้ หรือถ้าใครอยากปรับเป็นห้องนอนก็สามารถเอาเตียง 3 ฟุตมาวางก็กลายเป็นห้องนอนเสริมได้เช่นกันค่ะ

ออกจากห้องอเนกประสงค์มา เดี๋ยวเราจะพาไปดูที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ตำแหน่งอยู่ทางขวามือค่ะ

ประตูทางเข้าจะเป็นประตูบานทึบ มาพร้อมกับมือจับแบบก้านโยก ช่วยทำให้ห้องนอนเป็นพื้นที่ส่วนตัวสามารถพักผ่อนได้เต็มที่ค่ะ

เข้ามาเราจะเจอกับตำแหน่งเตียงทางขวามือ ส่วนซ้ายมือจะเป็น Walk-in closet และห้องน้ำ

พื้นที่บริเวณนี้จะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 3.2×2.5 เมตร ผนังด้านนอกอาคารจะเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอนเปิดออกไปยังระเบียงได้ มีผนังทึบบางส่วนที่เอาไว้บัง CDU ที่อยู่ด้านนอกไม่ให้เมื่อมองออกไปจะไม่รกตา (แต่ด้วยความที่ระเบียงแคบ ไม่สามารถวาง CDU หันเข้าด้านข้างได้ ทำให้จากภายในห้องนอนเราก็ยังจะเห็น CDU ที่แขวนอยู่ที่ระเบียงอยู่นะคะ)

เราสามารถเลือกเตียงขนาด 5-6 ฟุตมาวางได้สบาย ขึ้นอยู่กับว่าใครชอบให้มีทางเดินกว้างๆหรือชอบที่จะให้เตียงใหญ่ๆแทนนะคะ

อย่างในห้องตัวอย่างพื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับตู้เสื้อผ้าจะมีระยะเหลือประมาณ 85 ซม. เราสามารถหาโต๊ะเครื่องแป้งมาวางได้ตรงนี้ได้ หรือจะปรับเป็นมุมโต๊ะทำงานส่วนตัวภายในห้องก็ได้ค่ะ

ส่วนปลายเตียงก็จะเล็กหน่อยจะเหลือทางเดินไว้ประมาณ 40-45 ซม. ทำให้เราไม่สามารถทำ Built-in ผนังตรงนี้เพิ่มได้แล้วนะคะ เดี๋ยวจะเดินไม่ได้เอา แต่ถ้าใครอยากจะดูทีวีในห้องนอน อาจจะต้องเลือกหาทีวีแบบแขวนผนังมาติดตั้งแทนค่ะ

ส่วนฝั่งที่ติดกับระเบียงจะเหลือทางเดินอยู่ประมาณ 80 ซม. ระยะทั้ง 2 ฝั่งอาจจะขยับเพิ่มเติมเองได้นะคะ เเล้วแต่ความต้องการการใช้งานของแต่ละคนเลย

ต่อไปเราไปดูพื้นที่ระเบียงกันบ้าง สำหรับห้องนอนนี้ระเบียงจะอยู่ภายในห้องนอนค่ะ สามารถเข้า-ออกได้ผ่านประตูบานเลื่อนกระจก

พื้นด้านนอกจะลดระดับลงจากด้านในเล็กน้อย ป้องกันไม่ให้ลมพัดเอาฝุ่นผงจากระเบียงเข้ามาภายในห้องเราได้ ส่วนระเบียงจะมีขนาดประมาณ 0.80×2.4 เมตรค่ะ

ราวกันตกจะทำมาจากเหล็ก มีการออกแบบให้มีลวดลายโค้งล้อไปกับหน้าตาของอาคารที่เป็น Modern European style

สามารถติดตั้งเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้ มีระบบน้ำเเละไฟเดินให้พร้อม ส่วนตำแหน่งการวาง CDU ก็สามารถวางไว้บนเครื่องซักผ้าได้เลยค่ะ ตัว CDU จะเป่าลมร้อนออกไปทางนอกอาคารพอดี ทำให้เมื่อเราใช้งานระเบียงก็จะไม่ร้อนด้วย แต่ว่าจากภายในห้องนอนเราก็จะมองเห็นเครื่อง CDU อยู่นะคะ อย่างที่บอกไป

เราไปดูพื้นที่ส่วน Walk-in Closet กันต่อเลย

ห้องนี้สามารถจัดตู้เสื้อผ้าได้ทั้ง 2 ฝั่งทางเดินก่อนเข้าไปยังห้องน้ำ ขนาดตู้ที่เป็นไอเดียจากห้องตัวอย่างก็จะกว้างฝั่งละ 1 เมตร ถ้าตู้ลึกประมาณ 65 ซม. ก็จะเหลือทางเดินหน้าห้องน้ำอยู่ประมาณ 1.2 เมตรเลยค่ะ นอกจากจะเป็นระยะที่เดินเข้า-ออกห้องน้ำได้สะดวกเเล้วยังสามารถยืนส่องกระจกได้เต็มๆตัวเลย ถ้าเรามีหน้าบานเปิดตู้เป็นกระจกนะคะ

เรามาดูพื้นที่ส่วนสุดท้ายของห้องกันค่ะ นั่นก็คือห้องน้ำนั่นเอง

จากห้องนอนถ้าจะเข้าไปยังห้องน้ำจะเข้า-ออกผ่านประตูบานเลื่อนทึบนะคะ เลื่อนไปฝากไว้ข้างๆกับกำแพง

เข้ามาเราจะเจอกับโถสุขภัณฑ์ก่อน ทางขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำส่วนทางซ้ายจะเป็นอ่างล้างมือเเละประตูที่เปิดออกไปยังครัวบริเวณทางเข้าห้อง

ภายในห้องน้ำจะมีการลดระดับลงไปจากภายในห้องนอนทำให้น้ำไม่ไหลย้อนออกนอกห้องและยังช่วยให้สามารถทำความสะอาดห้องน้ำได้ง่ายด้วย ภายในห้องน้ำ พื้นและผนังจะกรุด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้

เรามาดูที่พื้นที่ส่วนแห้งกันก่อน ตรงนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 1.63×1.35 เมตร

ตัวอ่างล้างหน้าจะเข้ามุมผนังพอดีเป็นชิ้นวางบนเคาน์เตอร์แบบนี้ ให้มาพร้อมกับกระจกเงา และ Built-inใต้เคาน์เตอร์

อ่างจะเป็นของ CHARMER วัสดุเป็นอะคริลิค มีพื้นที่ขอบๆอ่างสามารถวางของใช้เช่นอุปกรณ์แปรงฟันได้บ้าง

ด้านล่างมีช่องเก็บของได้เพิ่มเติมอีกหลายช่องเลยค่ะ วัสดุเป็นไม้กันน้ำ

โถสุขภัณฑ์จะได้มาเป็นของ American Standard ติดตั้งมาพร้อมกับสายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษชำระค่ะ

สายฉีดชำระก็ได้ของ American Standard เช่นกัน จับถนัดมือค่ะ

ต่อมาเป็นพื้นที่ส่วนเปียกหรือห้องอาบน้ำค่ะ ส่วนนี้จะมีฉากกั้นกระจกติดตั้งมาให้ด้วย

ภายในมีขนาด 0.75×0.93 เมตร ตรงฉากกั้นจะเป็นบานเปิดสวิงเข้านะคะ ซึ่งก็จะได้ข้อดีตรงที่น้ำที่เกาะกระจกอยู่จะไม่เปียกออกมาด้านนอกให้พื้นที่ห้องน้ำในส่วนอื่นๆเปียกและลื่น แต่เวลาเราจะเปิดออกอาจจะลำบากสำหรับคนตัวใหญ่หน่อย เพราะต้องไปยืนหลบตรงมุมก่อนจะเปิดประตูค่ะ

บริเวณผนังจะมีช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำให้ ซึ่งถ้าใครอยากได้พื้นที่วางเพิ่มก็อาจจะติดตั้งชั้นเพิ่มภายในช่องก็ได้นะคะ และมีการเดินระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้ด้วยค่ะ

ฝักบัวสายอ่อนของ American Standard จับถนัดมือ แถมใหญ่ดีนะคะ

นอกจากห้องตัวอย่างที่พาไปชมแล้ว เราลองมาดูผังอื่นๆที่น่าสนใจของโครงการนี้กันต่อเลยค่ะ ห้องต่อมาคือห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการนี้เป็นห้อง 1 Bedroom Type A ขนาด 32 ตร.ม. ห้องนี้จะค่อนข้างคล้ายกับห้องตัวอย่างก่อนหน้า แต่ว่าความลึกของห้องจะเล็กลง ทำให้พื้นที่ของห้องอเนกประสงค์และพื้นที่ส่วน Walk-in Closet หายไป และห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำที่มีประตูเข้าได้ทางเดียวจากในห้องนอน จึงจะเหมาะกับคนที่อยากได้ห้องสำหรับพักอาศัยจริงๆ ไม่ต้องการพื้นที่ทำงานขนาดใหญ่ อาจจะอยู่อาศัยกัน 1-2 คนมากกว่า ไม่ค่อยมีเพื่อนมาเยี่ยมซักเท่าไหร่ ข้อดีของห้องนี้คือ ทั้งส่วนพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนจะเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับผนังรอบนอกอาคารด้วย ทำให้แสงสว่างส่องเข้ามายังพื้นที่ส่วนนี้ได้ดี ระบายอากาศได้ดีเช่นกันค่ะ

ลองมาดูห้อง 1 Bedroom กันอีกซักแบบ เป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดภายในโครงการ 43 ตร.ม. เนื่องด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ทำให้สามารถเเบ่งพื้นที่ใช้สอยต่างๆภายในห้องได้ค่อนข้างดีเลย คือเข้ามาเราจะเจอกับครัวก่อนเลย ส่วนนี้จะได้เป็นครัวเปิด เเต่ถ้าดูจากขนาดพื้นที่เเล้ว เราสามารถติดตั้งประตูบานเลื่อนเพิ่มขึ้นได้ สำหรับใครที่อยากได้ครัวปิดเพื่อความสะดวกในการทำอาหาร กลิ่นควันจากการทำอาหารจะได้ไม่ไหลเข้าไปยังส่วนอื่นๆของตัวบ้านด้วย (แต่อาจจะต้องวางตู้เย็นไว้นอกห้องครัวเเทนนะคะ) ส่วนพื้นที่ทานอาหารและพื้นที่ห้องนั่งเล่นจะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกันเป็น open plan ต่อเนื่อง ตัวโต๊ะทานอาหารสามารถจัดวางได้กลางห้องสำหรับนั่งทานได้ถึง 4 คนเลย และพื้นที่ส่วนนั่งเล่นจะอยู่ตรงกลางเลย ถือว่าเป็น Common Space ที่คนที่อยู่อาศัยในห้องนี้สามารถมาใช้งานได้สะดวก ส่วนห้องอเนกประสงค์ที่ได้ก็จะมีขนาดที่ใหญ่หน่อย สามารถปรับเป็นห้องนอนก็ได้ ถ้าวางเตียง 3.5 ฟุตเข้าไปก็น่าจะอยู่สบายๆ ในส่วนของห้องนอนก็จะได้ห้องนอนตอนลึกเลย สามารถจัดเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ที่อยู่หน้าห้องน้ำได้ ส่วนห้องน้ำก็จะเปิดประตูเข้าไปได้ทั้งจากในห้องนอนและ Common area ของห้อง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวในห้องนอนค่ะ โดยรวมเเล้วห้องนี้เหมาะสำหรับผู้พักอาศัย 2-3 คน ที่อยากได้ที่อยู่ที่ถาวรหน่อย อยู่อาศัยสบาย ฟังก์ชันของพื้นที่ใช้งานต่างๆได้ครบ

เราลองมาดูห้องแบบ 2 Bedroom กันบ้างค่ะ ห้องแบบ 2 Bedroom Type E จะมีขนาดอยู่ที่ 41 ตร.ม. ห้องนี้เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนเลย ซึ่งตำแหน่งเนี่ยจะอยู่ตรงกับประตูแต่ก็มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก เป็นครัวเปิด ตำแหน่งตู้เย็นต้องไปวางหน้าห้องน้ำที่มีอยู่ห้องเดียว ทำให้การใช้งานอาจจะไม่สะดวกซักเท่าไหร่นักสำหรับคนที่ทำอาหาร แต่จะสะดวกสำหรับคนที่ชอบเปิดตู้เย็นหยิบของกินจุบจิบระหว่างดูทีวีมาก ส่วนพื้นที่นั่งพักผ่อนและส่วนรับประทานอาหารจะเป็นผังที่เชื่อมต่อกัน ขนาดกะทัดรัด ข้อดีของห้องแบบนี้คือห้องนอนทั้ง 2 ห้องสามารถจัดวางเตียงแบบ Queen size ได้สบายทั้ง 2 ห้อง แต่ห้องนอนใหญ่จะได้ระเบียงและพื้นที่ทางเดินข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนห้องนอนเล็กจะต้องวางเตียงชิดหน้าต่างแทน

มาดูผังแบบสุดท้ายที่จะพาไปดูกันเป็นห้อง 2 Bedroom Type H ห้องขนาดใหญ่สุดของโครงการนี้ มีขนาด 45 ตร.ม. 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ตัวห้องน้ำจะอยู่ค่อนข้างไกลจากห้องนอนหน่อย คืออยู่ตรงกับทางเข้าไปเลย ส่วนพื้นที่ส่วน Common Area ที่ประกอบไปด้วยครัว พื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นนั้นจะอยู่ตรงกลางด้านในของห้อง ไม่มีพื้นที่ส่วนที่ติดกับหน้าต่างทำให้ภายในห้องนอนใหญ่จะต้องติดประตูบานเลื่อนกระจกและดันเอาพื้นที่ส่วนแต่งตัวและพื้นที่นั่งทำงานอยู่ใกล้กับประตูแทน เพื่อนให้ด้านในของห้องนั้น แสงสว่างจากภายนอกยังคงส่องถึงส่วนนั่งเล่น ภายในห้องนอนใหญ่จะได้ระเบียงด้วย ส่วนห้องนอนเล็กสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้ แต่ภายในห้องจะได้หน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน อาจจะไม่ได้สว่างมากหรือสามารถชมวิวได้ เหมาะสำหรับการพักผ่อนจริงๆค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 4 March 2019

  • 1 Bedroom Type A ห้อง 0602 วิวทิศตะวันออกเฉียงใต้ ขนาด 32.38 ตร.ม. ราคา 4.29 ล้านบาท หรือ 132,489 บาทต่อตร.ม.
  • 1 Bedroom Type B ห้อง 0212 วิวทิศเหนือ ขนาด 33.49 ตร.ม. ราคา 4.87 ล้านบาท หรือ 145,446 บาทต่อตร.ม.
  • 1 Bedroom Type B ห้อง 0509 วิวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ขนาด 33.44 ตร.ม. ราคา 4.87 ล้านบาท หรือ 147,967 บาทต่อตร.ม.
  • 1 Bedroom Type C ห้อง 0414 วิวทิศตะวันออก ขนาด 37.52 ตร.ม. ราคา 5.1 ล้านบาท หรือ 135,874 บาทต่อตร.ม.

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 40,000 บาท
  • ดาวน์ 5%
  • ค่ากองทุน 700 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – ถือว่าเป็นทำเลที่มีความเฉพาะตัวสูงมาก ทั้งเป็นย่านเมืองเก่าที่ไม่มีโครงการพักอาศัยใหม่ๆเกิดขึ้นมานานแล้ว ที่ดินถูกจำกัดด้วยข้อกฎหมายหลายข้อ เนื่องมาจากอยู่ใกล้เกาะรัตนโกสินทร์และสถานที่ราชการหลายแห่ง แต่ก็ถือว่าเป็นโครงการที่อยู่ติดกับถนนใหญ่อย่างถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ ซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะรัตนโกสินทร์ที่มีเสน่ห์แบบย่านกรุงเก่า มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อระดับโลก วัดวาสวยงาม รวมไปถึงย่านอาหารการกินเลื่องชื่อหลากหลายร้าน บรรยากาศทั้งกลางวันและกลางคืนแตกต่างกัน ถือเป็นย่าน all day all night อีกย่านเลยค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ – ถือว่าค่อนข้างสะดวกเลยค่ะ เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ด้วย และถนนย่านนี้เป็นถนนที่ตัดกันเป็นโครงข่ายที่ทำให้เราสามารถเดินทางเชื่อมต่อได้หลากหลายทางทั้งเข้าเมืองหรือออกเมืองไปยังโซนต่างๆโดยรอบได้โดยตรง และในกรณีที่ต้องการข้ามไปยังฝั่งธนฯ ก็สามารถใช้สะพานพระราม 8 ที่อยู่หน้าโครงการได้ง่าย ขาข้ามมาจากฝั่งธนฯทางลงก็ลงก่อนถึงโครงการ ส่วนถ้าจะข้ามไปจุกกลับรถก็จะอยู่ที่ถนนราชดำเนินนอกซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปด้วยค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – จากหน้าโครงการระบบขนส่งสาธารณะที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็นป้ายรถเมล์ที่อยู่หน้าโครงการเลย ส่วนการเรียกรถเเท็กซี่หรือรถสามล้อก็สามารถเรียกได้ง่ายและมีผ่านหน้าโครงการตลอดเวลาค่ะ แต่สำหรับตัวเลือกการเดินทางอื่นๆ เช่นรถไฟฟ้า เรือ ก็อาจจะต้องนั่งรถต่อออกไปเพื่อใช้งานนะคะ

วัสดุ – ภายในห้องขายเป็นแบบ fully furnished ตัวเฟอร์นิเจอร์ต่างๆยังไม่มีข้อมูลเรื่องดีไซน์และวัสดุ แต่คาดว่าให้ชิ้นหลักๆมาครบ ส่วนวัสดุอื่นๆภายในห้องก็ถือว่ากลางๆ ได้พื้นลามิเนต ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว ความสูงอยู่ที่ 2.4 เมตร ภายในห้องกรุพื้นและผนังด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ สุขภัณฑ์จะเป็นของ American Standard ยกเว้นอ่างล้างหน้าที่เป็นของ Charmer ค่ะ

การออกแบบ – โครงการสร้างเต็มพื้นที่ดิน มีการจัดวางห้องพักค่อนข้างเต็มพื้นที่ แต่มีการออกแบบที่สามารถทำให้ทางเดินหน้าห้องเป็น Single corridor ได้ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว เข้ากันกับโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่มาก 77 ยูนิต การจัดผังห้องพักได้ค่อนข้างเป็นสัดส่วน ขนาดอยู่สบาย และมีห้องอเนกประสงค์ให้มาในหลายๆ type ตัวโครงการออกแบบมาด้วยรูปแบบ modern European style ได้บรรยากาศ classic เหมาะกับคนที่ชอบสไตล์แบบนี้

สาธารณูปโภค – ถือว่าให้มาไม่มาก มี Lobby ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ที่ชั้น 1 นอกจากนั้น พื้นที่ส่วนกลางอื่นๆจะอยู่ที่ชั้น 2 ประกอบด้วย ฟิตเนสกับสระว่ายน้ำที่จัดไว้ในร่ม สามารถใช้งานได้สะดวกในเวลากลางวัน (ไม่ต้องรอช่วงแดดร่มลมตกค่ะ)

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคา 132,000 – 150,000 บาท/ตร.ม., 4 March 2019

  • ทำเล  7.5/10 – โครงการอยู่ในย่านพระนคร ไม่มีโครงการที่พักอาศัยขึ้นบริเวณนี้มานานแล้ว แต่ด้วยความที่ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินสบายเช่น ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อยังไม่ใกล้นัก จึงต้องขอลดคะแนนส่วนนี้นะคะ
  • เดินทางด้วยรถ 8 /10 – โครงการติดถนนใหญ่ ถนนบริเวณนี้เป็น Grid สามารถเชื่อมต่อถึงกันง่าย ถ้ามาจากสะพานพระราม 8 ทางลงสะพานจะอยู่ก่อนถึงแยกวิสุทธิ์กษัตริย์ ทำให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าโครงการได้เลย และในกรณีที่ต้องข้ามสะพานพระราม 8 ไปยังอีกฝั่ง จุดกลับรถไม่ไกลมาก
  • ไม่ใช้รถ  7/10 – มีป้ายรถเมล์ตั้งอยู่หน้าโครงการ ถือว่าเป็นจุดที่เรียกรถแท็กซี่ได้ง่าย รวมไปถึงรถสามล้อด้วย แต่ก็จะไกลจากระบบขนส่งอย่างเช่นรถไฟฟ้า (ซึ่งถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จอาจจะปรับคะแนนส่วนนี้ขึ้นเองได้เลยค่ะ)
  • วัสดุ  6.75/10 – เมื่อเทียบกับราคาต่อตารางเมตรแล้วถือว่าได้ยังไม่ดีเท่าที่ควร (ยังไม่เห็นหน้าตาและวัสดุของชุดเฟอร์นิเจอร์ด้วย ในกรณีที่เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ดี สามารถปรับคะแนนขึ้นได้ค่ะ)
  • แบบ  7.5/10 – ถึงแม้จะสร้างอาคารเต็มพื้นที่ แต่การวางผังให้เกิด Single corridor จัดว่าได้ความเป็นส่วนตัวดี ฟังก์ชันการใช้งานในห้องก็จัดออกมาค่อนข้างลงตัว
  • สาธารณูปโภค  6.75/10 – มี Lobby ขนาดไม่ใหญ่ ฟิตเนสและสระว่ายน้ำให้มา ถือว่าไม่มากกับโครงการราคาระดับนี้ค่ะ

  • HIGH CLASS
  •  7.31/ 10.00

BOTTOM LINE

The 8 Collection  เหมาะกับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานหรือที่เรียนในเขตพระนคร ชอบความเป็นส่วนตัวและการออกแบบสไตล์ Classic อยากได้ห้องเหมาะสำหรับอาศัย 1-2 คน ภายในห้องมีพื้นที่สามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงานได้เป็นสัดส่วน   มีงบประมาณ 4.2-6 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 30,000-42,000 บาทต่อเดือน